หลังเลนส์ ยืนตักข้าวต้มใส่ถ้วยให้ตัวเองและผู้เป็นพ่อที่ตอนนี้ถือกระเป๋ากล้องเดินลงมาจากชั้นบน พ่อของเขาเป็นช่างภาพอิสระแต่ฝีมือการถ่ายภาพถือว่าเป็นมือทองคนหนึ่ง หลังเลนส์อยู่กับพ่อสองคน หนุ่มโสดแมนๆ และด้วยความเป็นคนรักอิสระนี่แหละทำให้แม่ของหลังเลนส์ขอแยกทางกับพ่อ และไปมีครอบครัวใหม่ หลังเลนส์มีพี่น้องต่างพ่อชื่อเมาส์ ซึ่งทั้งสองก็รักกันดีไม่ได้มีความขัดแย้งอะไร
" พ่อวันนี้เลนส์มีซ้อมบาสคงกลับดึกนะครับ ไม่ต้องรอล่ะ หิวก็กินข้าวเลยนะ"
" เออดีเว้ย มีลูกอย่างกับมีพ่อเลย นี่ไม่รู้ว่าทุกวันนี้ใครเป็นพ่อเป็นลูกแล้วไหมล่ะ"
เสียงพ่อผมที่กำลังตัดพอก่อนจะค่อยๆวางกล้องเครื่องมือหากินลงและเดินมายังโต๊ะอาหาร
" โธ่ พ่อก็ มาทานข้าวดีกว่าครับ"
หลังเลนส์วางผ้ากันเปื้อนลงข้างๆ
" เออสองสามวันเดี๋ยวพ่อจะต้องไปถ่ายงานที่ต่างประเทศนะ เราไปอยู่บ้านแม่ไหม"
" ไม่เป็นไรครับ เลนส์อยู่ได้"
" จริงนะ"
" แหม เลนส์ลูกใคร เลนส์ลูกพ่อไม่ใช่หรอ แค่นี้สบายมาก"
หลังเลนส์ยืดอกขึ้น
" ให้มันได้อย่างนี้สิ ยังไงก็ให้บุ๊กมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะ"
ไม่แปลกอะไรที่จะเอ่ยออกมาเพราะ
บุ๊คเข้านอกออกในบ้านนี้เสมอ หลังเลนส์พยักหน้ารับทราบ
" เลนส์ไปเรียนแล้วนะฮะ สวัสดีฮะ ฝากล้างจานด้วยนะฮะ"
หลังเลนส์ยกมือไหว้พ่อก่อนจะวิ่งออกมาหน้าบ้านเพื่อขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียน
" ครับผม คุณลูก"
สองมือกำลังเก็บถ้วยชามบนโต๊ะเพื่อนำไปล้าง แม้ปากจะบ่นแต่ใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มของผู้เป็นพ่อ แบบนี้เขาทั้งสองก็มีความสุขได้
เมื่อมาถึงหน้าโรงเรียน ไม่ทันจะเข้าประตูเขาก็ต้องหันมามองรถคันหรูมาเทียบจอดที่หน้าโรงเรียน หลังเลนส์หยุดก่อนจะยกมือสวัสดีคนในรถและส่งยิ้มให้กับคนที่กำลังเดินลงมา
" สวัสดีฮะแม่"
" ทำไมไม่รอแม่กับน้องที่หน้าปากซอยล่ะลูก"
" โธ่ แค่นี้เองฮะเลนส์โตแล้วนะ แค่นี้สบายมาก"
" ครับพ่อหนุ่มใหญ่ น้องด้วยนะลูก แม่ไปแล้ว"
หลังเลนส์ยกมือไหว้แม่ก่อนจะพาน้องชายเดินเข้าโรงเรียนไป
หลังเลนส์เรียนอยู่มัธยมหก ส่วนเมาส์เรียนอยู่มัธยมสี่ อย่างที่บอกว่าทั้งสองรักกันดีไม่มีความเกลียดชังกันเลยสักนิด แถมเมาส์ยังงั้นถือเอาหลังเลนส์เป็นไอดอลของเขาด้วย
" เมาส์ ตอนเย็นมาดูพี่ซ้อมบาสปะ"
" แน่นอนฮะ เอาไว้เจอกันครับ พี่หลังเลนส์"
" เออๆ ตั้งใจเรียนล่ะ"
พร้อมขยี้ผมนิ่มของเมาส์ไปมาอย่างเอ็นดู ก่อนจะล้วงมือถือกระเป๋าขึ้นมาดู เพราะมันสั่นตั้งแต่เขาโหนรถเมล์แล้ว
" ไอเชี่ยบุ๊ค มีใครตายหรือไงมึงถึงได้โทรมาซะขนาดนี้"
หลังเลนส์อ้าปากอุทานออกมาด้วยคำหยาบ ก็ไปสายที่โทรมาอย่างบุ๊กไม่เกินสิบมิสคอลได้ หลังเลนส์กระชับกระเป๋าก่อนจะรีบวิ่งขึ้นตึกไป
" แฮ่กๆ ๆ ไอ้เชี้ยบุ๊ค "
หลังเลนส์วิ่งออกมาด้วยเสียงหอบ เพราะเขาต้องวิ่งมาจากหน้าโรงเรียนเพื่อมาหากลุ่มเพื่อนที่นั่งประจำอยู่
" ไอ้หลังเลนส์ วิ่งออกกำลังกายแต่เช้าเลยนะมึง เหงื่อโชกเชียว"
เสียงกบเพื่อนในกลุ่มถาม ก็สภาพตอนนี้คือเหงื่อชุ่มไปหมดยืนก้มหน้าหอขอย่างไม่เป็นท่า
บุ๊คที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาลอกการบ้านอยู่ เมื่อได้ยินเสียงของหลังเลนส์ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองและยิ้ม ส่วนหลังเลนส์ที่รู้สึกเหนื่อยมากๆ ที่เขาวิ่งไม่ใช่ว่าโง่ที่จะวิ่งทำไมหรอกนะ แต่ที่วิ่งมาก็เพราะสายเรียกเข้าที่มันที่หยิบของบุ๊คต่างหาก เขากลัวว่าบุ๊คเป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่เมื่อมาถึงก็เห็นว่าบุ๊คไม่ได้เป็นอะไรแถมยังคงยิ้มร่าอยู่ยิ่งโมโห รีบโยนกระเป๋ามาที่บุ๊คทันที
ปึก!
" โอ๊ะ ไอ้ห่าโยนมาได้เจ็บนะมึง"
เอ่ยขึ้นเขาพาตัวเองหลบกระเป๋าของหลังเลนส์ ก่อนจะขยับที่ให้กับหลังเลนส์มานั่งข้างๆ
" จะตายไหม ถ้ายังไม่ตายก็อย่าบ่น"
" เมนส์ไม่มาหรอมึง หงุดหงิดง่ายจัง"
ศีลเพื่อนในกลุ่มเอ่ยหยอกขึ้นมา หลังเลนส์หันมองหน้าก่อนจะใช้ปากกาปลาใส่ศีล
" ไอ้ปากหมา "
หลังเลนส์เอยก่อนจะหันไปยังบุ๊คและเอ่ยขึ้น
" ไอ้บุ๊ค รอนนี่มึงโทรหากูทำพระแสงด้ามหกอะไรตั้ง สามสิบวะ กูก็คิดว่ามีเรื่องอะไร"
" มึงก็เลยรีบวิ่งมาเพราะห่วงมัน ว่างั้น "
กบเอยขึ้นแทรก แต่ก็ถูกหลังเลนส์มองแรงใส่อีกครั้งพร้อมชี้หน้าแบบคาดโทษ
บุ๊คไม่พูดอะไรมากเขากำลังหยิบแซนวิชจากกระเป๋าและแกะห่อพร้อมยื่นให้กับหลังเลนส์ ทำเอาคนที่บอกว่าเหนื่อยแล้วหงุดหงิดหน้าร้อนขึ้นมาทันที
" อ่ะนี่ แม่กูทำมาให้มึงแดกด้วย และที่โทรหาก็ไม่ได้อะไรเห็นมึงมาช้าไง วันนี้เรามีรายงานหน้าห้องไม่ใช่หรือไง"
" ไอ้บุ๊คเรื่องของพวกกูล่ะ ไม่มีหรอ"
กบเอยถามขึ้นบ้าง เพราะนั่งกันตั้งหลายคนแต่บุ๊คส่งแซนวิชให้หลังเลนส์คนเดียว
" เป็นบัดดี้กูดิ เดี๋ยวกูเอามาให้แดก"
บุ๊คเอ่ยขึ้นเชิงประชด ก่อนจะหันไปทางหลังเลนส์ที่กำลังกินแซนด์วิชอยู่ ริมฝีปากนุ่มนิ่มกำลังงับเข้ากับแซนวิชแสนนุ่ม ลิ้นเล็กละเอียดเลียมายองเนสที่เลอะอยู่ทำเอาบุ๊ครีบหล่นสายตาที่มองทันทีก่อนจะเอ่ยขึ้น
" ทำไมมาสายวะ"
" ก็วันนี้กูสายเพราะรายงานว่ะ เวลาทำงานคู่ทีไรมึงคิดที่จะไปอยู่กับไอ้กบหรือศีลบ้างไหม อะไรๆ ๆ ก็คู่กูตลอดอ่ะ "
" อ้าว มึงกับกูเรามันบัดดี้กันป่าววะ ไม่มีใครเข้าใจกูมากกว่ามึง และไม่มีใครรู้ใจมึงมากกว่าแล้วนะเว้ย"
" พอ ๆ ๆ อย่าพูดมากและอย่ามาทำเป็นประจบ มึงรีบเอาไปอ่านและเตรียมรายงานหน้าชั้นด้วย"
หลังเลนส์เอ่ย ความจริงแล้วบุ๊คมีพรสวรรค์และความจำที่ดีมาก ซึ่งหลังเลนส์มักจะบอกว่า ไอบุ๊ก ไอ้ลูกเทพเจ้าส่งมาเกิด ไอ้คนที่มีพรสวรรค์อันชั่วร้าย ไม่อ่านหนังสือก็สอบได้ที่ 1 ไม่ทำรายงานเพียงแต่ฟังคำอธิบายก็สามารถรายงานหน้าฉันได้ คือบุ๊กเป็นคนความจำดีนั่นเอง ต่างกับหลังเลนส์ที่อ่านเข้าไปเถอะก็มักจะไม่เข้าใจก่อนอันดับแรกและต้องคอยอธิบายอยู่เรื่อยๆ ถึงจะทำได้
" บอกแม่ด้วยนะแซนวิชอร่อยมากๆ"
หลังเลนส์เอ่ยบอกทั้งที่มีแซนวิชอยู่เต็มปาก โดยไม่รู้ว่าตัวเองกินเลอะขนาดไหน
" มึงนี่นะ..."
บุ๊กไม่เอ่ยเปล่าเขาเอื้อมมือพร้อมใช้นิ้วโป้งเช็ดไปยังมุมปากของหลังเลนส์ที่มีคราบมายองเนสอยู่
อึก!
" ไอ้สัตว์ แดกอย่างกับเด็กเลอะชิบ สกปรกที่สุด"
บุ๊กเอ่ยขึ้นอีกครั้งหัวใจที่เต้นแรงพอๆ กับหลังเลนส์ที่เต้นแรงไม่แพ้กัน
หลังเลนส์นิ่งไปพักไม่ต่างกับบุ๊กที่มือยังคงคานิ้วอยู่ที่มุมปากต่างก็นิ่งไปด้วย ทำเอากบและศีลที่ส่งยิ้มเหมือนรู้กันว่าเพื่อนทั้งสองต้องมีซัมติงกันแน่ๆ
" อะ....แฮ่มมม พวกกูจำเป็นอยู่ไหมวะ"
กบกะแอ้มเรียกสติหลังเลนส์ที่ได้สติก็รีบปัดมือบุ๊กออกทันทีพร้อมโวยวายแก้เขิน
ปึก!
" ไอ้บ้า ถ้าจะหนาขนาดนี้คราวหน้าไม่ต้องมาเช็ดให้กูนะไอ้เพื่อนเวร"
ส่วนบุ๊คทำหน้าเซ็งเพราะอยู่ๆ ก็โดนด่าทั้งๆ ที่ช่วยเช็ดให้แท้ๆ
" เอ้า...กูผิดอีก ไอ้นี่ทำบุญบูชาโทษ"
บุ๊กเอ่ยด้วยสีหน้าเซ็งๆ
ระหว่างนั้นกบจึงตัดความรำคาญกับบรรยากาศสีชมพูนั้นโดยการเอ่ยชวนเพื่อนๆ ไปส่องสาวหลังเลิกเรียน
" พวกมึงเย็นนี้ไปดูสาวที่สยามไหมวะ ไปไหมไอ้หลังเลนส์"
กบเอยพร้อมรอคำตอบจากเพื่อนๆ
" ไอ้หลังเลนส์มันต้องไปซ้อมบาสมันคงไปไม่ได้หรอก และอีกอย่างถ้าไอ้หลังเลนส์ไม่ไปกูก็ไม่ไป โอเคนะ"
บุ๊คเอ่ยขึ้นพร้อมกอดคอหลังเลนส์ดึงเข้าหาตัวเอง
ก็ไม่แปลกไหม ใครๆ ก็ต่างว่าทั้งสองเป็นผัวเมียกันก็ทุกการกระทำที่บุ๊กมันส่อไปทางนั้น
" ครับคุณบุ๊ก เมียอยู่ไหนผัวอยู่นั้นว่างั้น"
กบเอ่ยแซวพร้อมยกยิ้มอย่างมีความยับจนหลังเลนส์นึกเขินจึงจับปากกาปาใส่หน้ากบอย่างจัง
ปึก!
" โอ้ย! ไอ้หลังเลนส์ มันเจ็บนะมึง"
กบเอ่ยพร้อมใช้มือลูบแขนตัวเองไปมาเพราะปากกาที่หลังเลนส์ขว้างมากระแทกอย่างจัง
" ไอ้สัตว์ กูต่างหากที่เป็นผัว ไอ้เชี่ยบุ๊กเป็นเมีย ให้โอกาสพูดใหม่อีกครั้ง"
หลังเลนส์เอ่ยติดตลก ก่อนทุกคนจะพากันหัวเราะ แต่ในการหัวเราะอย่างสนุกสนานนั้นอาจไม่มีใครสังเกตว่าบุ๊คมองความสดใสของหลังเลนส์อยู่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ช่วงเย็นหลังเลนส์ต้องรีบมาที่สนามเพื่อนเตรียมตัวซ้อมบาส หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หลังเลนส์ก็ลงสนามซ้อมเพื่อวอร์มร่างกาย ก่อนจะลงซ้อมตามปกติ
" พัก 20 นาที เดี่ยวมาลงตำแหน่งกันดูนะ"
โค้ชเอ่ยบอกนักกีฬาทุกคนพักเบรก หลังเลนส์หยิบนํ้าแล้วรีบเดินมายังทางบุ๊กและเมาส์ที่มักมาดูหลังเลนส์ซ้อมเป็นประจำ
" เมาส์ถ้าแม่มารับก็รีบมารับกลับเลยนะ ฝากบอกแม่ด้วย วันเสาร์จะไปค้างด้วย"
หลังเลนส์เอ่ยขึ้นทันที เมื่อเดินมาหยุดที่หน้าน้องชาย พร้อมยกนํ้าขึ้นมาดื่ม ซึ่งหลังเลนส์เป็นคนที่รูปร่างโปร่งและผิวขาว เมื่อโดนแสงไฟกระทบพร้อมเหงื่อที่ชุ่มฉํ่าวาว ทำให้ยิ่งหน้ามองมาก
" ฮะ "
ใบหน้าน่ารักของน้องชายทำให้หลังเลนส์ยิ่งเอ็นดูและรักน้องชายต่างพ่อคนนี้มากขึ้น
" อย่ายิ้มน่ารักแบบนี้ รู้ไหมว่าพี่ชายคนนี้หวงมาก"
หลังเลนส์ใช้มือขยี้ไปที่กลุ่มผมผมนิ่มของน้องชายตัวเองเบาๆ พร้อมเอ่ยแซวน้องชาย
" งุ้ย พี่หลังเลนส์อะ ผมเมาส์เสียทรงหมด "
เม้าส์จับมือพี่ชายออกแม้จะบ่นพี่ชายแต่ก็ยกยิ้มตาแทบปิด หลังเลนส์หันมามองบุ๊คที่ตอนนี้นั่งมองพี่น้องเล่นกันด้วยรอยยิ้ม
" ไอ้บุ๊ค วันนี้ท่ากูจะซ้อมดึก ถ้ามึงมีธุระมึงกลับก่อนได้เลยนะ"
หลังเลนส์เอ่ยถามพร้อมสั่งลงข้างๆ บุ๊ค
" กูไม่มีธุระที่ไหนหรอก กูรอมึงนี่ละ แล้วคืนนี้กูไปนอนด้วยนะ"
" อะไรนะ...! "
" คืนนี้กูไปนอนด้วยไง จะหูตึงอะไรตอนนี้เนี้ย "
บุ๊คเอ่ยบ่นแต่ยังไม่ทันจะคุยกันต่อเสียงโค้ชเอ่ยเรียกซ้อมต่อ
" เออ เออ..."
หลังเลนส์เอ่ยแค่นี้พร้อมกับโยนขวดนํ้าให้บุ๊คก่อนจะวิ่งลงสนามไป บุ๊คมองตามหลังโปร่งนั้นด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่จะรู้สึกอะไรนะ รู้สึกมากๆ เสียด้วยแม้แต่คำว่าเพื่อนมันคํ้าคออยู่
หัวกลมเล็ก กลุ่มผมนิ่มตอนนี้มันค่อยๆ ไหลมาซบที่ไหล่ของบุ๊คด้วยความเพลียหลังจากซ้อมบาส มาเจอแอร์เย็นๆ ในรถแท็กซี่ทำให้หลังเลนส์เผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
บุ๊คเห็นว่าหลังเลนส์หลับจึงขยับตัวเองเพื่อให้หัวของหลังเลนส์พิงได้สบายขึ้น พร้อมประคองหัวนั้นไม่ให้กระแทกกับเบาะเวลารถขยับ หลายครั้งที่บุ๊ค กดจมูกเข้าที่กลุ่มผมนิ่มของหลังเลนส์ดูคนที่หลับอยู่ไม่รู้ตัว เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรสักนิดกับกลิ่นเหงื่อ เขากลับรู้สึกดีด้วยซ้ำไป
" ไอ่หลังเลนส์ ตื่นได้แล้วมึง ถึงบ้านแล้ว"
บุ๊คยกไหล่ตัวเองเพื่อให้คนที่นอนพิงอยู่รู้สึกตัว จนหลังเลนส์สะดุ้งตื่น
" อื้อๆ "
เสียงงัวเงียที่ตื่นขึ้นมามองว่าถึงบ้านแล้ว หลังเลนส์เปิดประตูลงจากรถแท็กซี่ก็จะหันไปบอกบุ๊ค
" มึงจ่ายไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปเอาเงินในบ้าน"
เสียงเอ่ยยังคงงัวเงียของหลังเลนส์ที่เดินไปเปิดประตูบ้าน
" ปิดไฟเงียบเลย พ่อไม่อยู่หรอวะ"
บุ๊คเอยเมื่อเข้ามาในบ้านเห็นว่าบ้านเงียบๆ และไฟก็ปิดสนิท
" คงขึ้นข้างบนแล้วอ่ะ ว่าแต่หิวไหมวะ"
หลังเลนส์เอ่ยถามกับเพราะทั้งคู่ยังไม่ได้ทานอะไรหลังจากซ้อมเสร็จ
" นิดหน่อย แต่มึงไม่ต้องทำอะไรหรอกเดี๋ยวกูต้มมาม่าก็ได้"
บุ๊คเอยทันทีเมื่อเห็นว่าหลังเลนส์ต้องทำอะไรให้กินแน่นอน
หลังเลนส์อยู่กับพ่อเพียง 2 คน เรื่องเข้าครัวเป็นเรื่องปกติของหลังเลนส์ ถ้าพ่อไม่อยู่เขาก็ทำกินเองสบาย
" กูบอกให้มึงแวะกินอะไรก่อนไหม มึงก็ไม่ยอมแวะ"
หลังเลนส์เอ่ยบ่น เพราะเขาบอกบุ๊คตอนก่อนขึ้นรถแล้วว่าให้แวะหาอะไรกินก่อนเข้าบ้านไหม แต่บุ๊คบอกไม่ดีกว่าอยากกลับไวๆ
" ก็กูเห็นมึงเหนื่อยนี่หว่า ก็อยากให้กลับไวๆ"
บุ๊คเอ่ยทันควัน จนคนฟังนิ่ง หลังเลนส์เม้มปากเล็กน้อยก่อนจะคิดว่าบางครั้งบุ๊คก็ห่วงเขามากเกินซะจนรู้สึกแปลกๆน่ะ
" ไม่ต้องมาห่วงกูเลย ห่วงตัวเองเหอะ เดี๋ยวกูดูข้าวแป๊บถ้าเหลือจะทำข้าวผัดให้กิน"
หลังเลนส์เอ่ยเพื่อปัดความคิดตัวเองก่อนจะเดินเข้าครัว
" ไม่ต้องหรอกมึง กูแค่มาม่าก็เอาอยู่แล้ว"
บุ๊คเดินตามหลังมาอย่างรวดเร็ว จนหลังเลนส์ที่กำลังจะหันกลับไปด่าก็ต้องปะทะหน้าอย่างจังกับบุ๊คซึ่งมันชนกันพอดี พอเหมาะและพอควร
กึก!
อึก!
บุ๊คและหลังเลนส์ต่างยืนนิ่งต่อหน้ากันและกัน เสียงเงียบที่ปกคลุมตอนนี้ปล่อยให้เสียงลมหายใจเป็นตัวเอก และเสียงหัวใจกำลังเป็นตัวรองได้ส่งเสียงออกมาเบาๆ หลังเลนส์ส่ายสายตาไปมาอย่างรู้สึกเขิน บุ๊คเพลงก็ต้องไปยังดวงตาของหลังเลนส์ด้วยเช่นกัน และบุ๊คก็ถูกสมองสั่งให้เดินเข้าหาหลังเลนส์จนแผ่นหลังแนบเข้ากับตู้เย็น ทำให้หลังเลนส์รู้สึกตัว
" เออ ไอ้เชี่ยหลีกดิ กูจะเอาหมูในตู้มาทำข้าวผัดให้"
หลังเลนส์เอ่ยอย่างเขินๆ ก่อนจะพลักบุ๊คออกแล้วหันไปเปิดตู้เย็นเพื่อหยิบของ แก้มสองแก้มมันร้อนไปหมด ใจก็สั่นระรัวอย่างกับกลองซะแล้วสิ
บุ๊คเองที่เขินไม่แพ้กันก็รีบเอ่ยถามหลังเลนส์ไปเช่นกัน
" แล้วมึงมีอะไรให้กูช่วยไหม"
เขาเอ่ยก่อนจะโน้มตัวมองของในตู้เย็นโดยมีหลังเลนส์ที่นั่งอยู่ก่อนกำลังหยิบของมือพัลวันไปหมด ตายแล้วสิ หลังเลนส์กำลังใจเต้นแรงเพราะเพื่อนที่สนิทมากๆ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กคิดได้แบบนั้น เขาจึงรีบเอาของมาวางที่โต๊ะทันที
" งั้น มึงหั่นผักไปเดี๋ยวกูไปเตรียมข้าวก่อน"
หลังเลนส์รีบเดินไปที่หม้อข้าวเพื่อจัดเตรียมมาทำข้าวผัด วันนี้ใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิด ไม่รู้ว่าบุ๊คเป็นอะไรทำไมวันนี้ทำหัวใจเขาเต้นแรงตลอด
ส่วนบุ๊คที่ยังคงหั่นผักไป สายตาก็มองไปยังหลังเลนส์ เขาหยกยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรเลยที่เขาทำให้เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เขาตั้งใจไม่แวะทานข้าว ตั้งใจปล่อยให้หลังเลนส์หลับสนิท ตั้งใจเดินมาประชิดตัวและตั้งใจอยากจะให้หลังเลนส์เป็นคนทำอาหารให้ทาน
" อ่า...ลงมือเลยนะ"
เสียงบุ๊คเอย เมื่อข้าวผัดแสนหอมยั่วยวนมาวางตรงหน้า หลังเลนส์พยักหน้าเป็นเชิงให้ทานได้ เข้าทั้งสองจึงจัดการกับข้าวผัดตรงหน้าจนเกลี้ยง
" ไอ้เชี่ยบุ๊ค ไหนบอกว่าหิวนิดหน่อย ที่มึงแดกเข้าไปสองจานน่ะเขาไม่ได้เรียกนิดหน่อยป่ะ"
หลังเลนส์ประชดคนตรงหน้าที่หยกยิ้มอ่อนๆ ออกมา หลังจากทานอาหาร เก็บกวาดล้างจานเรียบร้อยก็พากันขึ้นห้องบุ๊คมานอนที่บ้านหลังเลนส์อยู่บ่อยๆ มีบ้างที่หลังเลนส์ก็ไปค้างที่บ้านบุ๊คเพราะความสนิทของทั้งคู่นั่นเอง
ปึก!
" ไปอาบน้ำดึกแล้ว กูง่วงชิบ"
หลังเลนส์เอ่ยพร้อมโยนผ้าขนหนูให้บุ๊คที่นั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียงระหว่างที่เขารอหลังเลนส์อาบน้ำ
บุ๊ครับผ้าขนหนูก่อนจะวางมือถือไว้ที่หัวเตียงและเดินไปยังห้องน้ำแต่ก็ไม่ลืมจะหันมาบอกหลังเลนส์ด้วยความเป็นห่วง
" ง่วงก็นอนไปเลยนะ ไม่ต้องรอ ท่าทางมึงเหนื่อยมาก"
เอ่ยจบก็เดินเข้าห้องน้ำไปด้วยรอยยิ้มที่ดูมีความสุข
" ใครเขาจะรอมึงกันล่ะ"
หลังเลนส์เอ่ยพร้อมทำหน้าเบ้ใส่คนในห้องน้ำก่อนจะคว้ามือถือขึ้นมาเล่นบ้าง แต่ก็ได้ยินเสียงข้อความจากมือถือของบุ๊ค ข้อความเข้าดังถี่ขึ้นจนหลังเลนส์รำคาญจึงคว้ามือถือขึ้นมาเพื่อจะปิดเสียง แต่เขาก็อดที่จะมองข้อความนั้นไม่ได้จริงๆ
พิ้งค์ : บุ๊คพรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ เจอกันที่สยามนะคะ
หลังเลนส์ไล่สายตาอ่านข้อความนั้น เขารู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าแม่งความรู้สึกแปลกๆ นี่คืออะไร เขาสะบัดหัวเบาๆ ก่อนจะปิดเสียงและวางมือถือลงไว้ที่เดิม
บุ๊คเป็นคนที่ใช้เวลาอาบน้ำนานพอสมควร เขาเดินออกมาจากห้องน้ำก็พบว่าหลังเลนส์หลับไปแล้ว กางเกงขาสั้นที่ใส่นอนกับเสื้อยืดทำไมเขามองว่ามันเซ็กซี่มากเมื่ออยู่บนตัวของหลังเลนส์ เขาตากผ้าขนหนูเรียบร้อยก็เดินเข้ามาที่เตียง นั่งลงข้างๆ คนที่นอนอยู่ ตอนนี้คงฝันหวานเพราะดูหลับสบายเหลือเกิน
" เวลามึงหลับอ่ะ กูโคตรชอบเลย เพราะมันเป็นเวลาเดียวที่ทำให้กูได้แสดงความรักกับมึงแบบไม่ใช่เพื่อน"
บุ๊คเอ่ยเสร็จก็ก้มลงจูบที่หน้าผากของหลังเลนส์เบาๆ พร้อมเอ่ยขึ้น
" ฝันดีนะครับ ที่รักของกู"
บุ๊คเอ่ยก่อนจะเดินไปยังฝั่งตัวเองปิดไฟเพื่อเข้านอน
หลังเลนส์คือคนที่เวลาหลับแล้วจะหลับลึก แถมเป็นคนที่นอนดิ้นมาก เขาดินผิดตัวไปมาโดยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังสมกอดบุ๊คอยู่
" อื้อ"
บุ๊คสะดุ้งตื่นเพราะแขนและขาของหลังเลนกำลังผ้าเข้ามากอดเขาจนรู้สึกอึดอัด
" กูจะไม่ยอมให้มึงไปนอนกับใครแน่นอน"
บุ๊คเอ่ยขึ้นก่อนจับแขนและขาของหลังเลนส์ออกจากตัวและดึงตัวของหลังเลนส์เข้ามาสวมกอดไว้
" ไม่มีวันจริงๆ มึงได้นอนแค่กับกูเท่านั้น"
บุ๊คเอ๋ยพร้อมกดจมูกเข้าที่กลุ่มผมของหลังเลนส์และหลับตาลงด้วยรอยยิ้ม
รุ่งเช้าของวันเสาร์ หลังเลนส์ปรือตาขึ้นพร้อมกระพริบตาเพื่อปรับให้รับกับแสงด้านนอก ผสมผสานกับความงัวเงีย เขายันตัวเองลุกขึ้นและมองไปยังคนที่นอนข้างๆ ที่นอนหลับพริ้มอยู่
" ไอ้บุ๊ค ตื่นได้แล้ว เช้าแล้วมึง"
หลังเลนหันไปปลุกบุ๊คที่นอนอยู่แต่บุ๊คก็ทำมากสุดก็แค่พลิกตัวจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งเท่านั้น
" อื้อออ นอนอีกนิดดิวะ กูยังง่วงอยู่เลย"
บุ๊คเอยเสียงงัวเงียพร้อมดึงผ้าห่มไปคลุมโปงไว้อย่างขี้เซา ที่จริงมันก็น่ารักนะสำหรับหลังเลนส์
" เออๆ นอนไปเดี๋ยวกูลงไปดูพ่อก่อน ว่าตื่นหรือยัง"
หลังเลนส์เอ่ยเขาลุกไปล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยก็เดินลงไปดูพ่อและเตรียมอาหารเช้าให้อย่างที่ทำเป็นประจำ
" พ่อ พ่อ พ่อครับ "
เมื่อลงมาเขาก็ตะโกนเรียกพ่อ แต่ตะโกนอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ เขาจึงเดินไปที่ครัวเพราะคิดว่าพ่ออาจจะอยู่บนห้อง แต่เขาก็มาเจอโน๊ตเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร พร้อมซองสีขาวที่บรรจุเงินอยู่จำนวนหนึ่ง
//" พ่อไปแคนาดาอาทิตย์นึง เงินไม่พอไปขอแม่นะ อิอิ"//
หลังเลนส์ยกยิ้มกว่า ก่อนจะหลุดขำออกมาเบาๆ เพราะนี่คือพ่อที่เขารักมากที่สุด พ่อที่เลี้ยงเขามาอย่างเพื่อนคนนึง
" เพราะพ่อเป็นแบบนี้ไงล่ะ หลังเลนส์ถึงรักพ่อที่สุดครับ อาทิตย์นึง 20,000 บาทไม่พอก็บ้าแล้วคร้าบบ"
หลังเลนส์ยกซองเงินเปิดดูแล้วพบว่ามีจำนวนเงินมากโข เขาเอ่ยเสร็จก็เดินไปที่ครัวเพื่อทำอาหารเช้าสำหรับตัวเองและเพื่อนที่ไร้บ้านอย่างบุ๊ค
ระหว่างที่หลังเลนส์ทำอาหารอยู่ บุ๊คก็เดินลงมาหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อย ก็ตื่นมาไม่เจอหลังเลนส์เขาก็รีบตาสว่างทันที
" มึงตื่นแล้วไม่ปลุกกูวะ"
บุ๊คเอ่ยเป็นเชิงตำหนิหลังเลนส์ที่ปล่อยให้เขานอนอยู่โดยไม่มีหลังเลนกอด
" อย่ามาว่ากู นี่ปากกูจะฉีกถึงหูแล้ว กูปลุกมึงหลายรอบแล้วมึงเสือกไม่ตื่นเอง"
หลังเลนส์หันมาแว๊ดใส่บ้าง ก็เขาปลุกแล้วจริงๆ แต่บุ๊คไม่อยากจะตื่นเองนี่
บุ๊คเดินมาที่ครัวพร้อมชะโงกหน้ามองว่าหลังเลนส์ทำอะไรทานเช้านี้ แต่เพราะใบหน้าที่ใกล้ซอกคอของหลังเลนส์เกินไป ทำให้ใบหน้าหลังเลนส์ร้อนวูบวาบไปหมดพอๆ กับข้าวต้มบนเตาตอนนี้
" อะ...ไอ้บุ๊ค ถอยดิกูจะเอาข้าวต้มไปวางที่โต๊ะ"
หลังเลนส์เอ่ย บุ๊คก็หลีกทางให้แต่โดยดี แต่ก็เดินตามไปที่โต๊ะอาหารแบบประชิดตัวเหลือเกิน
หลังเลนส์วางหม้อข้าวต้มเขาหันไปหามุกเพื่อที่จะบอกให้เอาถ้วยตามมา แต่บุ๊คที่เดินเข้ามาประชิดตัวก่อนและกำลังใช้สองแขนคล่อมตัวหลังเลนส์ไว้
" อือออ ไอ้บุ๊คมึงจะทำอะไรวะ"
หลังเลนส์เอ่ยพร้อมเบี่ยงหน้าหนีก็ไม่รู้ว่าบุ๊คทำไมต้องทำท่าทางโน้นหน้าลงมาด้วยสินะ
" ไอ้บุ๊ค มึงใกล้เกินไปแล้วนะ"
หลังเลนส์เอ่ยอีกครั้งเมื่อเห็นว่าบุ๊คยังคงน้อมตัวลงมาเรื่อยๆ ด้วยสายตาที่ฉ่ำวาว
" ก็กำลังจะดูปากมึงไง บอกว่าจะฉีกถึงหู มันฉีกจริงหรือเปล่านะ ไหนๆ กูดูดิ"
บุ๊คโน้มหน้าลงมองไปยังหูและปากของหลังเลนส์ เขาแค่อยากแกล้งหลังเลนส์เท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าไอ้ที่เบี่ยงซ้าย เบียงขวาอยู่นั่นปายจมูกก็เฉียดเข้าไปที่แก้มของหลังเลนส์เต็มๆ ทำเอาทั้งสองคนหยุดนิ่งและสายตาสองคู่ต่างมอกันไปมาอย่างตกใจ ไม่ใช่ครั้งแรกของบุ๊คที่หอมแก้มหลังเลนส์ ทุกครั้งที่เขาหอมแก้มคือหลังเลนส์ไม่รู้สึกตัวก็เท่านั้น
ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจมันระรัวไปหมด สองมือของหลังเลนส์ที่จับขอบโต๊ะไว้แน่นมันกำลังชุ่มเหงื่อทั้งๆ ที่ตอนนี้เพิ่งจะเช้าเอง
" อะ...ไอ้บุ๊ค ไอ้เวรแกล้งกูตลอดเลยนะมึง"
หลังเลนส์ที่ได้สติก่อนก็รีบพลักบุ๊คออกทันทีบุ๊คมองตามหลังพร้อมยิ้มมุมปากเมื่อเห็นหลังเลนเดินบ่นมุกงีบหน้าแดงเข้าห้องครัวไป
" รู้ว่ากูแกล้ง ทำไมมึงต้องหน้าแดงด้วยวะ"
บุ๊คเอ๋ยก่อนจะนั่งลงรอให้หลังเลนส์ตักข้าวต้มให้
" ใครหน้าแดง กูเนี่ยนะ กูร้อนข้าวต้มต่างหากล่ะ พูดมากจริง รีบๆ กินไป"
หลังเลนส์เอ่ยทั้งที่ใจดีรู้ว่าตัวเองคิดอะไรกำลังรู้สึกแบบไหน
แต่บุ๊คคือเพื่อนสนิท
ระหว่างที่บุ๊คยืนล้างจานอยู่นั้น หลังเลนส์ที่นั่งมองอยู่ลังเลว่าจะถามเรื่องที่บุ๊คจะออกไปดูหนังกับพิงค์แฟนสาวกี่โมง
" มึงจะไปกี่โมง"
อยู่ๆ เขาก็ตัดสินใจถาม หมูที่ล้างจานอยู่ก็เอ่ยขึ้นถามกลับ
" ไปไหน" แต่ก็คงยืนล้างจานอยู่
" อ้าว ก็มึงนัดผู้หญิงไปดูหนังไม่ใช่หรือไง"
หลังเลนส์เงยหน้าจากหน้าจอมือถือมองบุ๊คที่เช็ดไม้เช็ดมืออยู่
" มึงรู้ได้ไงว่ากูนัดพิ้งค์ดูหนัง"
บุ๊ควางผ้าเช็ดมือตรงหน้าก่อนจะนั่งลง จ้องไปยังใบหน้าหลังเลนส์ที่กำลังหลบสายตาเขาอยู่ตอนนี้
" เมื่อคืนกูเห็นพิงค์ส่งข้อความมา"
หลังเลนส์เอ่ยขึ้นเมื่อโดนจ้องจากบุ๊คอยู่นาน
" มึงอ่านข้อความกู"
บุ๊คเอ่ยขึ้นโดยทำหน้านิ่งๆ เขารู้สึกดีใจที่หลังเลนส์อ่านข้อความนั้น แอบเสียใจที่หลังเรียนไม่ได้มีท่าทีอะไรมากกว่า ถามว่าไปกี่โมง
" เออดิ กูอ่าน ก็มึงกับกูไม่มีอะไรที่เป็นความลับต่อกันไม่ใช่หรอวะ"
หลังเลนส์รีบทำหน้าไม่พอใจทันที ก็เขาสองคนไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้วนี่บุ๊คแอบยกยิ้มกับท่าทีที่หลังเลนส์หรือเผลอหลุดออกมาจึงเอ่ยขึ้นถาม
" มึงอ่านแล้วมึงรู้สึกยังไง"
บุ๊คเอ่ยถามพร้อมยกยิ้ม มองไปยังคนข้างหน้สอย่างลุ้นๆ ว่าจะเอ่ยคำตอบแบบไหน
" รู้สึกเหรอ รู้สึกอะไร?"
หลังเลนส์เอ่ยย้อนถามกลับ
" ก็รู้สึกไง" บุ๊คเน้นเสียง
" แบบในใจรู้สึกอะ คือโกรธหรือโมโหที่แฟนคุยกับสาวคนอื่นอะไรแบบนี้อะ
บุ๊คขยายความและเอ่ยย้ำถาม หนังเลนส์เองไม่กล้าจะพูดออกไปว่า ที่จริงเขาไม่พอใจที่ปุ๊บจะออกไปดูหนังกับแฟน แต่คำว่าเพื่อนสนิทมันทำให้พูดไม่ได้จริงๆ จึงเอ่ยออกไปส่งๆ
" เชี่ย แล้วมึงจะให้กูรู้สึกยังไงวะ มึงไม่ใช่แฟนกูนี่ที่จะต้องรู้สึกอะไรอ่ะ"
คำพูดของหลังเลนส์ทำเอาบุ๊คถอนหายใจออกมาอย่างหมดแรง
" เออ จริงว่ะ งั้นเดี๋ยวกูกินเสร็จกูขออาบน้ำหน่อยนะ จะได้รีบออกไป"
บุ๊คเอ่ยแกมประชด ก็จะทำให้อย่างไรได้ละ เห็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนี่
ไอ้หลังเลนส์มึงมันบื้อ มึงมันควาย มึงมันซื่อบื้อ บุ๊คคิดในใจก่อนจะเดินไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำแต่งตัว
" อยากไปมากล่ะสิท่า"
หลังเลนส์เอ่ยพร้อมอยู่ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะเดินตามขึ้นไป
บุ๊คที่เดินออกจากห้องน้ำก็เห็นว่าหลังเลนส์กำลังแต่งตัวอยู่เหมือนกัน
" กูไปอาบน้ำห้องพ่อมา เห็นมึงอาบอยู่"
" แล้วมึงจะไปไหนอ่ะ"
บุ๊คเอ่ย เพราะการแต่งตัวของหลังเลนส์เหมือนคนจะออกไปข้างนอก
" เดี๋ยวออกไปพร้อมกันก็ได้ กูนัดน้องเมาส์ไว้จะไปซื้อของขวัญวันเกิดให้แม่อ่ะ"
หลังเลนส์เอ่ยบอก บุ๊คทำหน้าไม่พอใจที่เขาไม่รู้ว่าหลังเลนส์นัดน้องชายเพื่อจะไปดูของขวัญให้แม่
" อ้าว ทำไมมึงไม่เห็นบอกกูเลยวะ ว่าจะไปซื้อของขวัญให้แม่มึงอ่ะ"
หลังเลนส์ทำหน้าเลิ่กลั่กไปไม่เป็น ก็เขาคิดอะไรไม่ออกนี่นา อีกอย่างทุกครั้งไปไหนมาไหนเขาเองก็จะบอกบุ๊คเสมอ
" คะ...คือ เมื่อกี้เมาส์เพิ่งไลน์มาบอก กูก็เลยไม่ได้บอกมึง"
บุ๊คมองหน้าหลังเลนส์นิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ
ทั้งสองพากันมาที่สยามช่วงเที่ยง เขามานั่งที่ร้านนมประจำที่เคยมา เพื่อนรอน้องเมาส์ น้องชายของเราเรียนที่บอกว่านัดกันไว้
" น้องเมาส์มาถึงยังวะ"
บุ๊คเอ่ยถาม ถ้าสิ่งที่เขาคิดไว้ไม่ผิด เขาคงมีคำตอบกับตัวเองไว้แล้ว
" ทำไมเหรอ มึงรอเป็นเพื่อนกูไม่ได้หรือไง"
หลังเลนส์หันมาทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะเเว๊ดใส่บุ๊คเหมือนคนหงุดหงิด
" ได้น่ะมันได้ คือกูแค่ถามปะวะ แล้วมึงจะหงุดหงิดใส่กูทำไม" บุ๊คเอ่ยขึ้น
" ไม่ได้หงุดหงิด แต่ถ้ามึงรีบ มึงไปก่อนก็ได้ กูลืมไปว่ามึงนัดพิงค์ไว้"
หลังเลนส์เอ่ยขึ้นแม้จะบอกจากใจจริงแต่น้ำเสียงก็แฝงด้วยความน้อยใจ
บุ๊คที่เห็นว่าเพื่อแปลกจึงสวมกอดที่คอก่อนจะเอ่ยขึ้นตามอย่างข้องใจกับท่าทางนี้ หรือจะเป็นอย่างที่เขาคิด
หมับ !
" มึงเป็นอะไร วันนี้ดูหงุดหงิดชิบหายเลย"
หลังเลนส์หันมองบุ๊คที่ใบหน้าอันหล่อๆนั้นกำลังจ้องมองมายังตัวเอง ก่อนจะจับมือบุ๊คออกจากคอแหละเอ่ยขึ้น
" ปล่อยกู เดี๋ยวแฟนมึงมาเห็นจะเข้าใจผิด"
น้ำเสียงเอ่ยยังไม่ชอบใจและเหมือนจะงอนของหลังเลนส์ บุ๊คยกยิ้มมุมปากอย่างรู้ความจริง จึงจับหลังเลนส์เข้าหาตัวเองและเอ่ยขึ้น
" กูไม่ไปจนกว่าน้องเม้าส์จะมา"
บุ๊คเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง และก็จะสังเกตหลังเลนส์ได้ว่ากำลังหลบสายตาเขา
" เอ่อ..."
น้ำเสียงและท่าทางของหลังเลนส์ที่อ้ำอึ้ง ยิ่งทวีความชัดเจนออกมา
" โอเค...หลังเลนส์ครับ ที่จริงแล้วมึงไม่ได้นัดกับน้องเม้าส์ใช่ไหม"
บุ๊คเอ่ย พร้อมจับไหล่สองข้างของหลังเลนส์ไว้ สายตาก็จับจองไปที่ใบหน้าของคนที่พยายามหลบสายตา
" เอ่อ คือ..."
ยังไม่ทันที่มันจะเอ่ยขึ้นเสียงมือถือของบุ๊คก็ดังขึ้น และปลายสายก็คือพิงค์นั่นเอง หนังเลนส์รีบจ้องไปยังมือถือก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใคร
" ครับพิงค์"
เพียงแค่ประโยคแรก หลังเลนส์ก็เบือนใบหน้าหันไปทางอื่น บุ๊คจึงล็อคคอไว้แน่น
(บุ๊คอยู่ไหนแล้วคะ พิงค์มาถึงที่เดิมของเราแล้วนะ)
" พิงค์รอแป๊บนะ บุ๊คกำลังจะไป"
บุ๊คเอ่ยเสร็จก็วางสายทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อ อันที่จริงพิงค์ก็ไม่ใช่แฟนเขาด้วยแค่คนที่คุยด้วยก็เท่านั้น หัวใจของเขามันให้เพื่อนสนิทที่ได้ชื่อว่าเป็นบัดดี้กันจนหมดแล้ว
" มึงอยากให้กูไปกับพิงค์ไหม"
บุ๊คเอ่ยถามด้วยความอยากแกล้งหลังเลนส์ ชอบนักที่ดูอีกคนหงุดหงิดเพราะตัวเขา
" เอ้า! ไอ้นี่มันถามกูทำไม มึงอยากไปอยู่แล้วไม่ใช่หรือไงจะมาถามกูทำซากอะไรวะ"
หลังเลนส์เอ่ยขึ้นอย่างอึกอัก ก่อนที่จะหลบสายตาและหน้าที่บึ้งงอ
" กูถามมึงอยู่ ไม่ใช่ให้มึงมาย้อนถามกูไอ้เวร กูจะถามมึงอีกครั้งว่า มึงอยากให้กูไปไหม"
บุ๊คเอ่ยถามย้ำอีกครั้งก่อนจะออกที่เอวหลังเลนส์และดึงเข้ามาหาตัว ตอนนี้คนที่ร้านเริ่มมีคนมองเราสองคนแล้วและก็เริ่มมีคนยกมือถือขึ้นมาถ่าย จนหลังเลนส์เอ่ยขึ้นอย่างตัดบทเพราะถ้าตอบแล้วบุ๊คคงปล่อย
" อยากได้คำตอบมากใช่ป่ะ ถ้ากูบอกว่ามึงจะไปไหนก็ไป ก็พิงค์แฟนมึงนี่"
น้ำเสียงแกนประชดขอหลังเลนส์ทำให้บุ๊คยกยิ้มออกมาและโน้มตัวเข้าหาอีกครั้ง แต่หลังเลนส์มองไม่เห็นรอยยิ้มนั้น
" กูก็จะไปถ้ามึงอยากให้กูไป "
หลังเลนส์ค่อยๆ หุบยิ้ม เพราะบุ๊คทำท่าจะเดินออกไปจึงรีบเอ่ยขึ้น
" มึงจะซีเรียสไปป่ะวะ ไอ้บุ๊ค มึงเป็นอะไรของมึง" หลังเลนส์ถามกลับบ้าง
" เปล่า ถ้ามึงอยากให้กูไปกูก็จะไป แล้วมึงล่ะจะไปไหนต่อหรือจะกลับบ้าน"
บุ๊คเอ่ยถามขึ้น เพราะยังไงก็รู้ว่าเรื่องนัดกับน้องเมาส์คือเรื่องหลอก
" เอ่อ เดี๋ยวกูแวะดูของแป๊บกลับแล้วล่ะ มึงตามสบายเลยนะ"
หลังเลนส์เอ่ย บุ๊คพยักหน้าก่อนจะสะพายกระเป๋าและเดินออกไปโดยไม่หันมองหลังเลนส์ที่นั่งมองแผ่นหลังนั้น
บางครั้งบุ๊คคิดว่า เขากลับหลังเลนส์เหมาะที่สุดคือเป็นเพื่อนสนิทและบัดดี้กัน มากกว่าจะเป็นคนรักกันก็ได้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!