'จบแล้วหรอ'
เสียงสบถในใจของหญิงสาวดังขึ้น เมื่อทันทีที่ดวงตาของเธอเบิกขึ้นสัมผัสบรรยากาศภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอนนุ่มอย่างช้าๆเพื่อไม่ให้ คนข้างๆรู้สึกตัว เธอก้าวเท้าเดินเข้าห้องน้ำอย่างระมัดระวัง และเมื่อประตูถูกปิดเข้าหากัน ร่างอรชรก็ได้ทิ้งตัวลงนั่งบนชักโครกด้วยอาการมึนจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่เพิ่งจะสร่าง
ยูรินั่งก้มหน้าอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆเงยขึ้นมองตนเองในกระจก ทั้งเนื้อตัวของเธอเต็มไปด้วยร่องรอยจากอารมณ์เสน่หาในชั่วข้ามคืนซึ่งทำเอาร่างกายหญิงสาวปวดร้าวและอ่อนเพลีย จนแทบจะลุกออกจากห้องน้ำไม่ไหว ยูริจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี แม้เธอจะอยู่ในอาการมึนเมาจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในตอนนั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเธอยังคงมีสติพอที่จะจดจำทุกอย่างได้ เพียงแต่ว่าในตอนนี้เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว และเธอก็ไม่ต้องการที่พูดถึงเหตุการณ์นั้นอีก สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือการจากไปอย่างเงียบๆ ระหว่างเธอกับชายปริศนาคนนั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และ มันก็คงจะเป็นเช่นนั้นต่อไปตามที่เธอคาดหวัง
*****
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จสรรพ คียูริก็ได้โผล่ออกมาจากห้องน้ำเป็นครั้งแรก และพบว่าอีกร่างบนเตียง ได้ตื่นขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เรากลับก่อนนะ"
เธอกล่าวเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินหยิบกระเป๋าของตนเองที่ตกอยู่บนพื้นและออกจากห้องไปในทันที โดยปราศจากคำสนทนาโต้ตอบใดๆจากอีกฝ่าย
คียูริเดินออกมายืนรอรถอยู่หน้าโรมแรมใหญ่เพียงลำพัง ขณะเดียวกันสายตาก็ได้มองไปยังหน้าปัดนาฬิกาบนข้อมือ สลับกับมองท้องถนนที่ไร้วี่แววของรถสันจรผ่านแม้ว่าเธอนั้นจะออกมายืนรอเป็นเวลานานแล้ว แต่ก็ยังไม่พบแท็กซี่คันไหนที่พอจะผ่านมาทางที่เธอยืนอยู่ หญิงสาวถอนหายใจทอดยาวด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับเข้าไปยังข้างในโรงแรมอีกครั้ง
"เธอ...รีบไหมอะ"ยูริกล่าวขึ้นเสียงเรียบเป็นการเปิดบทสนทนาแรกระหว่างเธอและเขา ซึ่งในตอนนี้ชายหนุ่มก็ดูจะจัดการตัวเองจนเสร็จสิ้นแล้ว
"ว่าจะให้ไปส่ง...เราหาแท็กซี่กลับไม่ได้"
"ได้...เธอไปรอเราที่รถ เดี๋ยวเราตามไป" เขาหันมาตอบกลับเธอก่อนจะยื่นกุญแจให้ ขณะเดียวกันสาวเจ้าก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์สองเครื่องที่วางอยู่บนโต๊ะซึ่งอีกเครื่องมีสภาพที่แตกจนไม่สามารถใช้งานได้ เห็นอย่างนี้เธอก็เดาได้ไม่ยากว่าต้นเหตุมันมาจากตัเธอ เธอเดินชนเขายังไม่พอ ยังพยายามฉุดดึงตัวเขาเอาไว้อีก แต่ดูๆ แล้วเขาเองก็จะไม่ค่อยอะไรกับมันนักแทบไม่พูดถึงด้วยซ้ำ
"รถเธอคันไหนหรอ?"ยูริเอ่ยถามด้วยความสงสัย แม้ว่าเธอจะพอจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในระหว่างที่อยู่บนเตียงกับเขาได้ แต่ความทรงจำในส่วนก่อนหน้าที่เขาพาเธอมาที่นี่กลับเลือนลางจน เธอภาพนึกไม่ออก
"เฟอร์รารี่ จอดอยู่ชั้นใต้ดินของโรมแรม"
"โอเค" เธอตอบเพียงสั้นๆก่อนจะเดินนำเขาออกไป
*****
"แล้วจะให้ไปส่งที่ไหน" ฟินหันมาถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆหลังจากที่เห็นว่าเธอเงียบไปตั้งแต่ที่รถเคลื่อนตัวออกจากที่จอดของโรงแรม
"ส่งเราหน้าโรงเรียนไมอามี่ สคอร์ส เดี๋ยวเราเดินต่อไปเอง ที่พักเราอยู่แถวนั้น...จริงสิ!เราถามหน่อย เมื่อคืนเธอเจอเราที่ไหน"
ดวงตาสีนิลเหลือบมองพร้อมฉายแววความประหลาดใจเล็กน้อยกับคำถามของหญิงสาว เธอไม่ได้มีท่าทีที่ดูจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย กลับกันเธอกลับดูนิ่งเอามากๆราวกับทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเธอกำหนดไว้ตั้งแต่แรก แต่เธอกลับตั้งคำถามที่ชวนให้สงสัยแก่เขา
"จำอะไรไม่ได้เลยหรอ"
"จำได้แค่ลางๆ" เหตุที่ถามเขาไปเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพียงแต่เธอแค่อยากมั่นใจอะไรบางอย่างที่เธอกำลังสงสัยอยู่ภายในใจ
"หน้าทางเข้างาน"
"ตอนนั้นมีใครตามเรามาไหม?"ยูริเริ่มยิงคำถามอีกครั้ง เธอมองเขาด้วยแววตาคาดคั้นในคำตอบแม้ว่าลึกๆในใจเธอจะพอเดามันออกอยู่แล้ว หากแต่ว่าในตอนนั้นเธอเองไม่ได้อยู่ในสภาพที่มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ พอจะมั่นใจอะไรได้
"เราแค่อยากมั่นใจในอะไรบางอย่าง" เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไป ยูริจึงกล่าวในเชิงอธิบายกับสิ่งที่กำลังคาดคั้นสงสัย เธอดูจะคาดหวังในคำตอบของเขาเอามากๆเพราะเขาเป็นคนเดียวที่อยู่กับเธอในตอนที่สติของเธอเริ่มเลือนลางและก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่กับเธอมาตลอดทั้งคืน
"งั้นเราถามเธอกลับหน่อย...รู้จักกับพวกชาร์ลหรอ?" ฟินยังคงแปลกใจกับอะไรหลายๆอย่างที่เกี่ยวกับตัวเธอ นับตั้งแต่แรกพบจนถึงตอนนี้
"เราเป็นเพื่อนเชอร์ริน เมื่อคืนเป็นปาร์ตี้วันเกิดเชอร์ พวกเขาก็มาด้วย เพื่อนเธอหรอ?"เธอเลิ่กคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัยในตัวของชายหนุ่มที่ดูจะนิ่งเงียบราวกับไม่ต้องการที่จะพูดอะไรต่อจากนี้แล้ว
"แค่รู้จัก"
"มีคนตามเรามาจริงๆใช่ป่ะ"
"ใช่" ตอบสั้นๆ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายหยุดตั้งคำถาม เธอไม่ได้อยากจะคาดคั้นอะไรเขา ยังไงซะเธอกับเขาก็ไม่รู้จักกัน และมันจะเป็นอย่างนั้นต่อไปหลังจากที่เธอก้าวเดินลงจากรถเขาไป
"ขอบคุณนะ ที่พาเราออกมาจากที่นั่น"
น้ำเสียงนิ่งๆกับรอยยิ้มจางๆ สร้างความมึนงงให้ฝ่ายที่ได้ยินไม่น้อย ฟินหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่ได้ช่วยเธอเสียหน่อย กลับกัน เขากลับทำสิ่งนั้นกับเธอเสียด้วยซ้ำ
"รู้ใช่ไหมว่าเราไม่ได้ช่วยเธอ" เขาพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันกลับไปมองเส้นทางข้างหน้าอย่างรู้คำตอบที่จะได้ยินจากเธออยู่แล้ว
"รู้...และก็รู้ด้วยว่าต่อจากนั้นเกิดอะไรขึ้น" ยิ่งได้ยินเช่นนี้เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจใหญ่
"แล้วทำไมถึงบอกว่าขอบคุณ?"
"ถ้าเราบอกว่า เราโดนวางยาเธอจะเชื่อไหม"
สิ่งที่เขาแปลกใจที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอโดนวางยาในงานปาร์ตี้ เขารู้ดีว่ามันต้องมีสิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของงานปาร์ตี้สังสรรค์สำหรับคนพวกนั้น หากแต่ว่าสิ่งที่เขาให้ความสนใจอยู่ในตอนนี้ก็คงจะเป็นท่าทีที่ดูไม่ได้ตื่นตูมอะไรของเธอ ผิดแปลกไปจากเหยื่อทุกรายที่ถูกชาร์ลวางยาอย่างไม่เต็มใจ และแน่นอนว่าเธอเองก็เป็นเช่นนั้นถึงได้วิ่งหนีออกมาอย่างนั้น เขามั่นใจได้เลยว่าตอนนี้ชาร์ลคงจะอกแตกไม่มากก็น้อยที่เหยื่อหลุดมือไปต่อหน้าต่อตา
"ท่าทางร้อนรนขนาดนั้น คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้"
"เธอรู้จักคนพวกนั้น เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องรู้ว่าเพราะอะไรเราถึงขอบคุณที่เป็นเธอ" ใบหน้าสวยนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับกลายเป็นสิ่งดึงดูดให้ชายหนุ่มละความสนใจจากเส้นทางข้างหน้ามองมาที่เธอได้
"เพราะถ้าเป็นพวกนั้น มันคงแย่ไปกว่านี้" แววตาของเขาเฉยชาและเย็นเยือกไม่ต่างอะไรกับเธอ แต่มันกลับทำให้เธอรู้ว่าเขานั้นเข้าใจทุกอย่างมาตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ไม่มีความตกใจอะไรนักกลับกันแววตาสีครามคู่นั้นได้ซุกซ่อนความเจ้าเล่ห์เอาไว้เพราะงั้นเธอคงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ ก็รู้ๆกันอยู่แค่กลุ่มๆนี้เท่านั้น
"เรื่องที่เกิดขึ้น ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันนะ" เธอกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เมื่อทันทีที่รถสปอร์ตหรูจอดสนิทหน้าโรงเรียนไมอาร์มี่ มือเรียวคว้าเปิดประตูลงจากรถไปอย่างไม่อะไรมาก ขณะที่ยังคงมีสายตาของชายหนุ่มทอดมองตามแผ่นหลังบางที่เดินห่างออกไปจากตัวรถจนสุดขอบเขตสายตา
'อย่างนี้ค่อยน่าสนุกขึ้นมาหน่อย' ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา สิ่งๆนั้นมันช่างท้าทายและตื่นเต้นสำหรับเขาเสียเหลือเกิน ยิ่งเป็นเรื่องของเพื่อนสนิทอย่างชาร์ลแล้ว เขารู้ลึกถึงสันดานชอบเอาชนะได้เป็นอย่างดี 'แค่คิดก็สนุกแล้ว'
******
"ยูริ!" เสียงเรียกของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมๆกับ คิยูริ ที่หยุดยืนนิ่งหันไปมอง ผู้เป็นเจ้าของเสียงซึ่งก็คือเจ้าของหอพักแห่งนี้ หลังจากที่ยูริก้าวเท้าเข้ามาถึงร็อบบี้ไม่กี่ก้าว เธอก็ต้องมึนงงกับป้าเจ้าของหอที่เดินตรงเข้ามาหาเธอ
"ตอนหนูไม่อยู่มีสสยโทรเข้ามาโทรศัพท์ของหอพัก บอกว่าอยากคุยกับหนูน่ะ" ยูริขมวดคิ้วอย่างสงสัย
"ใครหรอคะ?"
"ป้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เหมือนว่าจะเป็นเสียงผู้หญิงนะ"
คำตอบมึนๆของคนมากอายุทำเอาสาวเจ้าถึงกับเบิกตากว้าง รีบวิ่งไปยังโทรศัพท์ของหอพัก กดโทรศัพท์ไปยังสายล่าสุดที่โทรเข้ามา ทว่าปลายสายกลับไม่มีการตอบรับใดๆ ถึงกระนั้นคิยูริ ก็ไม่ได้ล้มเลิกความพยายามไปง่ายๆ เธอกดโทรวนอยู่แย่างนั้นหลายๆทีจนใจที่สุดก็ไอ้รับการตอบรับจากปลายสาย
"แม่! แม่เป็นยังไงบ้างคะ?ทำไมถึงขาดการติดต่อไปตั้งสามเดือนเลย" ไม่ปล่อยให้คนจากปลายสายได้พูดอะไร ยูริก็รีบยิงคำถามที่ปรนความเป็นห่วงเต็มไปหมดให้แก่คนที่ขึ้นชื่อว่าแม่
(ฉันไม่เป็นไร...ฉันก็แค่โทรมาบอกแกว่าต่อไปนี้ได้คงไม่ได้ส่งเงินมาให้แกแล้วนะ...แล้วแกก็ไม่ต้องกลับมาด้วยอยู่ที่นั่นไปเลย)
"ทำไมคะ? ทำไมหนูถึงกลับไปไม่ได้" ยูริเอ่ยเสียงสั่นๆด้วยความๆม่เข้าใจเหตุใดคนเป็นแม่ถึงได้ ปล่อยเธอทิ้งกลางทางเช่นนี้
(ถึงกลับมาฉันก็คงไม่มีที่อยู่ให้แก ลำพังแค่ตัวฉันคนเดียวยังหาที่ซุกหัวนอนยากแล้ว)
"เกิดอะไรขึ้น"
(ก็อีพวหตำรวจน่ะสิจู่ๆนึกบ้าอะไรขึ้นมาไม่รู้ เช้ามาตรวจค้นในร้าน จับพวกเด็กๆในร้านไปหมดเลยนังคนไหนที่หนีทัน มันก็รอดตัยไป)
(ฉันก็เพิ่งประกันตัวเองออกมาได้เนี่ย ร้านอะไรที่ฉันสร้างมากับมือถูกยึดไปหมดเลย)
ผู้เป็นแม่กล่าวในเชิงตัดพ้อ ปัญหาที่ประสบอยู่ในตอนนี้เธอก็ยังคิดไม่ตกว่าจะเอายังไงต่อดี
"ปกติแล้วเรื่องนี้ แค่สั่งปิดร้านไม่ใช่หรอคะทำไมถึงฑดนยึดไปเลย"
(ก็ไอพวกแขกตัวดีน่ะสิ แม่งแอบเอายามาซุกไว้ในร้าน พอตำรวจไปค้นเจอก็ต้องยึดไปทั้งหมดเป็นของกลาง)
"แม่โอเคไหม...มีที่อยู่รึยัง มาอยู่กับหนูที่นี่ได้นะ" ฟังจากน้ำเสียงของแม่ ยูริรู้ดรว่าในตอนนี้คนเป็นแม่นั้นเครียดมากแค่ไหน อย่างน้อยๆเธอก็อยากจะช่วยอะไรแม่ได้บ้าง
(แกไม่ต้องห่วงฉันหรอก...แกอยู่ให้ได้ก็พอ แล้วไม่ต้องติดต่อกลับมาเดี๋ยวมีโอกาสฉันจะติดต่อกลับไปเอง)
เพียงแค่นั้นปลายสายก็ถูกตัดไปด้วยความรู้สึกที่ยังค้างคาของคนเป็นลูก หยาดน้ำตาใสๆไหลเอ่อลงบนใบหน้าสวยเมื่อรับรู้ถึงเรื่องวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นกับแม่ ถึงแม้ที่ผ่านมาเธอจะทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่าสักวันก็ต้องมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เพราะสิ่งที่แม่ของเธอทำมันคือความผิดมหันต์ แต่พอเอาเข้าจริง คิยูริกลับไม่สามารถที่จะรับมันไหวได้สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือผู้เป็นแม่จะอยู่ยังไง
ตี๊ด!ตี๊ด!
มือเรียวยกปาดน้ำตาบนใบหน้าออก ตอนนี้ไม่ใช่เเวลาที่เธอจะต้องมายืนร้องไห้ เพราะหน้าที่ของเธอในแต่ละวันมันได้เริ่มขึ้นแล้ว เสียงนาฬิกาที่ตั้งเอาไว้เพื่อเตือนความจำ กลายเป็นสิ่งตอกย้ำให้เธอรีบจัดการเดี๋ยวนี้
ขาเรียวเล็กก้าววิ่งออกไปจากหอพักโดยที่ยังสะพายกระเป๋าอยู่ไม่วาง เหตุที่เธอต้องรีบขนาดนี้ก็เพราะจะต้องไปให้ทันร้านขนมที่ในช่วงเช้าๆจะมีซีสเค้กซูเฟล ซึ่งมันหมดไวเอามากๆ และเจ้าซีสเค้กยังเป็นสิ่งเดียวที่เชอร์ลิลเพื่อนของเธอชื่นชอบ
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของไรท์นะคะ ไม่เคยเขียนแบบนี้มาก่อน เคยแต่แบบแชท แหะๆ
ฝากติดตามกดไลน์คอมเมนท์ให้ด้วยนะคะ(._.)
กริ๊งงง!
เสียงออดที่ดังขึ้น บ่งบอกให้รู้ว่าได้เวลาของการเข้าเรียนในคาบแรก เหล่านักเรียนต่างพากันรีบเร่งเพื่อให้ทันต่อการเข้าเรียน ภาพอันชุลมุนนับเป็นเรื่องปกติของสถานศึกษาแห่งนี้ คิยูริ เธอเพิ่งจะมาถึงพร้อมๆกับหนังสือรายงานมากมายหอบมาจนเต็มอ้อมแขนอย่างทุลักทุเลจนถูกชนเข้าโดยผู้คนที่กำลังรีบ จนตัวของเธอล้มลงไปพร้อมๆหนังสือในอ้อมแขนกระจัดกระจายลงบนพื้น ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ไม่ได้มีใครจะให้ความสนใจกับเธอ ทุกคนต่างเดินผ่านไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยูริถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มลงไปเก็บหนังสือที่ตกหล่นอยู่บนพื้นเธอเข้าใจดีกับเหตุการณ์ทั้งหมดเธอชินกับมันไปแล้วทุกคนต่างมีหน้าที่ของตัวเอง เธอเองก็เช่นกัน
"เป็นอะไรมากไหม" ระหว่างที่ยูริกำลังง่วนอยู่กับการเก็บหนังสือ ก็ได้มีมือของใครอีกคนยื่นเข้ามาหาเธอ ดวงตาสีครามเหลือบมองเจ้าของน้ำเสียงอันคุ้นเคยก็พบว่าเป็นเชอร์ลิลที่กำลังส่งยิ้มบางๆให้กับเธอในเชิงบอกให้จับมือลุกขึ้น
"ไม่...เราไม่เป็นไร" น้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าของเพื่อนสนิทสองคน ทั้งเชอร์ลิลและลิต้าช่วยกันเก็บหนังสือเข้ากระเป๋าและส่งมันคืนให้กับยูริ
"หรอ..งั้นก็เข้าไปข้างในเถอะ" เป็นลิต้าที่กล่าวขึ้นก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านใน
"มาสิยูริ..." เชอร์ลิลหันมาย้ำเสียงหนักก่อนจะก้าวตามลิต้าไปติดๆ
****
"อันนี้ของเชอร์...ส่วนอันนี้ของลิต้า"
หลังจากก้าวเข้ามานั่งในห้องเรียน ยูริก็รีบหยิบของที่เธอไปต่อคิวซื้อมาตั้งแต่ตีห้าวางลงบนโต๊ะและยื่นให้กับเพื่อนทั้งสองด้วยความเร่งรีบ ทว่าสายตานิ่งๆที่มองมายังตัวของเธอกลับเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้ว่าเพื่อนอย่างเชอร์ลิลและลิต้ากำลังคิดอะไรอยู่ สิ่งนี้ทำเอายูริรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อยกับท่าทีที่ดูมีอะไรในใจของคนทั้งสอง ยิ่งเชอร์ลิลเหลือบมองซีสเค้กบนโต๊ะที่เธอยื่นให้และใช้มือขยับมันออกห่างจากตัวก่อนเงยหน้าขึ้นมาจ้องเธอ
"เมื่อคืนวันเกิดเชอร์...ยูริหายไปไหนมาหรอ?"
คำถามของผู้เป็นเพื่อนทำเอายูริหน้าเจื่อน ถึงแม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าจะต้องเจอกับอะไร แต่พอเอาเข้าจริงเชอร์ลิลกับนิ่งมากกว่าที่เธอคิดซึ่งมันทำให้เธอร้อนรนไม่ต่างกับถูกไฟเผาอยู่ในอก
"คือว่า...แม่เรามาหาที่หอพักน่ะ เราเลยต้องรีบกลับก่อน" น้ำเสียงแผ่วเบาปะปนไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นเป็นสิ่งที่ดูได้ไม่ยากว่าเธอกำลังโกหกเพื่อเอาตัวรอดจากคนตรงหน้า
"หรอ?...มันคงสำคัญกับยูริมากสินะ" คำถามปนเชือดนิ่มๆ ทำเอาฝ่ายที่ได้ยินถึงกับยืนเก็งตัวสั่นไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"เชอร์..เราขอโทษ เราขอโทษจริงๆ"ยูริกล่าวอย่างสั่นเครือ ความรู้สึกกระอักกระอ่วนราวกับมีอะไรคับแน่นอยู่ในอกจนพูดไม่ออก ยิ่งเห็นท่าทีนิ่งๆแต่แฝงไปด้วยแววอะไรบางอย่างที่เธอเคยเห็นและหวั่นเกรงมันมาตลอด
"หืม...ขอโทษหรอ?..ลิต้าเธอว่าไง ควรให้อภัยไหม" ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะหันมองผู้เป็นเพื่อนที่อยู่ข้างๆ ลิต้าส่ายหน้าขณะที่ยังคงจ้องมองท่าทีเก็งๆของคนผิดสาวเจ้าก็ระบายยิ้มออกมาก่อนเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายต่างจากยูริที่ร้อนรุ่มไม่ต่างอะไรกับถูกไฟสุมเมื่อเห็นว่าเพื่อนทั้งสองมีความเห็นเดียวกัน
"เราเคยพูดกันแล้วไม่ใช่หรอ...ว่าไม่มีอะไร หรือว่าใครจะสำคัญเท่าเราสามคนได้..แต่ยูริทำแบบนี้ มันไม่น่ารักเลยนะ"ขณะที่กำลังนั่งเท้าคางจ้องมองยูริอยู่ไม่ห่างน้ำเสียงของเชอร์ลิลนั้นนุ่มและอ่อนหวานขึ้นทุกที ทว่ามันกลับเปรียบเสมือนใบมีดที่ทิ่มแทงทะลุเข้ามาในจิตใจของยูริ เธอนั้นหวาดกลัวต่อท่าทีเจ้าเล่ห์นี้เป็นอันมาก
"เชอร์..ยกโทษให้เราเถอะนะ เชอร์อยากให้เราทำอะไรเชอร์บอกมาเลย" ยูริรู้ดีว่าในตอนนี้เชอร์ลิลกับลิต้ามองเธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่สามารถหาข้อแก้ตัวไหนๆได้ นอกจากก้มหัวขอร้องให้เชอร์ลิลนั้นยกโทษให้
"ยูริก็รู้ สิ่งที่เชอร์อยากให้ยูริทำมันจบตั้งแต่ที่ยูริหายไปจากงานแล้วล่ะ" ยิ่งได้ยินอย่างนี้ยูริก็ยิ่งหมดทางออกขาของเธออ่อนจนแทบจะยืนไม่ไหว เธอรู้ว่าชีวิตต่อจากนี้มันจะดำเนินไปด้วยความยากลำบากมากกว่าเดิมเป็นไหนๆเท่า หากเธอไม่ทำอะไรสักอย่างเธอก็จะต้องพบเจอแต่เรื่องที่โหดร้ายมากขึ้นในชีวิต ในตอนนี้ทางออกของเธอมีแค่ทางเดียวคือการขอร้องเชอร์ลิลให้ยกโทษให้ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปมากกว่านี้
"พอจะมีอะไรให้เราทำไถ่โทษได้ไหม" คำพูดของเธอเป็นสิ่งที่ดูจะเห็นแก่ตัวเอามากๆสิ่งนี้เธอรู้ดีเพราะมันอาดจะไปทำร้ายชีวิตของใครบางคนได้ ทว่าในตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกใดๆอีกแล้วเธอต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดเสียก่อนทุกอย่างจะจบ
"เห้อ..ไม่มีหรอกนะ ก็ไอ้สิ่งที่ต้องการจากตัวเธอมันหายไปแล้วนี่" ลิต้ากล่าวแทรกขึ้นขณะที่กำลังเอนกายพิงเก้ากี้อย่างเบื่อหน่าย
ยูริสลดลง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นสองมือเย็นเฉียบ ไม่คิดว่าชีวิตของเธอจะมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ไม่รู้จะทำยังไง จะเดินต่อไปก็ไม่ไหวจะถอยก็ไม่ทันแล้วทุกๆอย่างมันบีบรัดเธอไปเสียหมด หรือเธอต้องยอมนอนกับชาร์ล เธอถึงจะไม่ต้องมาหนักใจอย่างนี้ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนมันก็ไม่ต่างอะไรกับการข้าตัวตายอยู่ดี
"นั่น!"
เสียงของเชอร์ลิลทำให้ยูริหลุดออกจากภวังค์ความคิดไปเสียดื้อๆ เธอหันมองไปตามสายตาของเชอร์ลิลที่กำลังจ้องมองหญิงสาวที่ไม่คุ้นหน้า
"อะไรหรอ"
"สิ่งที่เชอร์ต้องการยังไงล่ะ...คิดว่ายูริทำให้เชอร์ได้ไหม" เชอร์ลิลตาโตเมื่อพูดถึงหญิงสาว เธอคือนักเรียนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาในชั้นเรียนนี้ ความจริงโรงเรียนแห่งนี้แตกต่างจากโรงเรียนทั่วไปตรงที่ระดับชั้นของนักเรียนจะไม่ได้มีเกณฑ์อายุเป็นตัวตัดสิน แต่จะแบ่งตามระดับความรู้และประสบการณ์ในการเรียนโดยจะเลือกจากการสอบและเก็บคะแนนดสริมจากกิจกรรมต่างๆเป็นหลัก เพราะฉะนั้นการที่อยู่ชั้นเรียนเดียวกันอายุอาดต่างกันมากๆก็มี ซึ่งเธอคนนี้ดูจะยังเด็กมากกว่าพวกเธออยู่ไม่น้อย
"เชอร์คือว่า.." เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูจะยังเด็กยูริจึงมีอาการเก้อๆกังๆและลำบากใจเอามากๆ
"ถ้ายูริทำให้ไม่ได้ ก็ไม่เป็นไรนะ เชอร์ไม่ได้บังคับยูริหรอก...ออกจะใจดีซะด้วยซ้ำ" น้ำเสียงของเชอร์ลิลเข้มขึ้นพร้อมกับสายตานิ่งๆ ยูริสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจชัดเจนบ่งบอกให้รู้ว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้และนี่ก็อาดจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ถึงแม้จะลำบากใจมากเพียงใดแต่โอกาสครั้งสุดท้ายก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ยูริได้แต่เงียบไปสักพักพลันหลับตาสูตรหายใจเข้าเพื่อรวบรวมสติ
"ได้...เดี๋ยวเราทำให้" ความกระอักกระอ่วนในน้ำเสียงของคนที่ไม่เต็มใจ ทำให้เชอร์ลิลเผยยิ้มกับคำตอบอันน่าพึงพอใจนี้เธอไม่สนว่าใครจะคิดยังไง แต่การที่ยูริทำให้เธอพลาดนั้นเป็นสิ่งที่เชอร์ลิลหัวเสียอยู่ไม่น้อยคงไม่มีอะไรมาทดแทนได้นอกจากเด็กใหม่คนนี้
"งั้นก็จัดการตอนนี้เลยสิ...ยูริก็รู้ดชอร์เกลียดการรอคอย"
คิยูริมองไปยังเด็กใหม่ที่กำลังยืนยิ้มพูดคุยหัวเราะกับนักเรียนคนอื่นๆในห้อง ระหว่างขาสองข้างค่อยๆก้าวอย่างเชื่องช้า เธอมีความคิดถกเถียงอยู่ในหัวไม่หยุด สิ่งนี้มันได้สร้างความลังเลใจให้กับสาวเจ้าเป็นอันมาก กว่าผลจะสรุปออกมาเธอก็เผลอจ้องหน้าเด็กใหม่จนถูกสังเกตเห็นเข้าอย่างจัง
"เธอ..มีอะไรรึป่าว เห็นจ้องเราซะนานเลย" ไม่รอช้าหญิงสาวเดินตรงเข้ามาหายูริที่ยืนนิ่งด้วยอาการตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
"ไม่มีอะไรหรอก เห็นว่าเธอเข้ามาใหม่ก็เลยอยากชวนมาร่วมกลุ่มด้วย" เป็นเชอร์ลิลที่พูดขึ้นก่อนจะลุกจากเก้าอี้เดินตรงเข้ามาหาคนทั้งสอง
"แต่ยูริขี้อายไปหน่อยน่ะ เลยไม่กล้าเข้าไปชวน" เชอร์ลิลกล่าวด้วยยิ้มบางๆขณะเหลือบมองยูริ
"ไม่เห็นมีอะไรต้องอายเลย เราเองเป็นเด็กใหม่ก็ยังไม่ค่อยรู้จักคนเยอะเท่าไหร่"
"ถ้างั้น...สนใจมาร่วมกลุ่มกับพวกเราไหมล่ะ"เชอร์ลิลรีบกล่าวชวน
"ได้สิ...ถ้าพวกเธอไม่รังเกียจนะ"สาวเจ้าเผยยิ้มเล็กๆเมื่อถูกชักชวน หลังจากที่ย้ายมาวันแรกเธอเองก็ไม่ค่อยมีเพื่อนอะไรนักเป็นการดีเสียด้วยซ้ำที่มีคนเข้ามาชวนอย่างนี้
"รังเกียจอะไรกันล่ะ..พวกเราสามคนน่ะอยู่กันแบบครอบครัว ถ้ามีสมาชิกเข้ามาเพิ่มอีกคนยิ่งดีเข้าไปใหญ่"เชอร์ลิลกล่าวทิ้งท้ายก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกฝ่ายมานั่งคุยกัน
"ขอบคุณนะ...พวกเธอใจดีจัง" บอลนิเบลกล่าวขอบคุณเพื่อนทั้งสามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ท่าทีตื่นเต้นดีใจนั้น นับเป็นสิ่งที่ทำให้ยูริคิดหนักและลำบากใจมากกว่าเดิมเป็นไหนๆ
*****
17:21
"ยูริ!"
เสียงเรียกจากน้ำเสียงหวานๆของคนที่กำลังวิ่งเตร่เข้ามาทำเอาสาวเจ้าถึงกับหยุดสงักไป ยูริหันมองผู้เป็นเจ้าของเสียงก็พบกับบอลนิเบลที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าจากอาการเหนื่อยเพราะวิ่งตามเธอแต่ก็ไม่วายที่จะส่งยิ้มมาให้
"ยูริยังไม่กลับอีกหรอ เห็นว่าเชอร์ลิลกับลิต้ากลับไปแล้วนี่...แล้วนั่นในมือคืออะไรหรอ"บอลนิเบลเอียงคอมองอย่างสงสัย
"รายงานของเชอร์ลิลกับลิต้าน่ะ..เราต้องเอาไปส่งให้อาจารย์"
"ใช่อันที่ยูริ นั่งทำทั้งวันป่ะ"
ยูริเงียบไป
"เอ๊ะ!ถ้านี่คือของเชอร์ลิลกับลิต้า ทำไมเขาไม่ทำเองล่ะ ทำไมให้ยูริทำให้คนเดียวหมดเลย" สายตาของบอลนิเบลมองยูริอย่างจับผิดและคาดคั้นในคำตอบ
"เรื่องแค่นี้เอง อะไรทำแทนได้ก็ทำ เราไม่ติดอะไรหรอก"
"งั้นหรอ?...พวกเธอสามคนดูจะรักกันดีจังเลยนะ"
คำพูดปนแซวของบอลนิเบลทำเอายูรินิ่งเงียบไป
"มา เดี๋ยวเราไปเป็นเพื่อน" บอลนิเบลคว้าแขนข้างหนึ่งของยูริเอาไว้
"ไม่เป็นไร เธอกลับเถอะ"
"จะกลับได้ยังไงกันล่ะ คนขับรถเรายังไม่มาเลย" บอลนิเบลกล่าวด้วยน้ำเสียงงอนๆเล็กน้อย แต่ก็ยังคงยืนยันในคำเดิม เธออยากจะเดินไปเป็นเพื่อนยูริ
"ให้เราไปเป็นเพื่อนเถอะนะ มาเดี๋ยวเราช่วยถือ" ว่าจบบอลนิเบล ก็แย่งเอารายงานในมือของยูริไปถือ
"ไม่ ไม่เป็นไร!" ยูริรีบปฏิเสธด้วยความตกใจ
"แค่นี้เอง...ยูริจะหวงอะไรนักหนา ให้เราช่วยเถอะนะ" บอลนิเบลยกรายงานในมือขึ้น ไม่ให้ยูริเอาคืนไปได้ เมื่อยูริพยายามจะแย่งกลับคืนมา สาวเจ้าก็เดินถอยออกห่างจนไปชนเข้ากับใครอีกคนที่กำลังเดินมาจนอีกฝ่ายล้มลงไป
"เห้ย!เธอ เป็นอะไรรึป่าว เราขอโทษนะเราไม่ทันเห็น" บอลนิเบลรีบเข้าไปพยุงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น
"ไม่เป็นไร"หญิงสาวลุกขึ้นมาโดยมีบอลนิเบลช่วยพยุง เธอยังไม่ได้พูดอะไร ทันทีที่สายตาเหลือบเห็นยูริที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอก็มีสีหน้าซีดเผือดด้วยอาการตกใจ รีบสลัดมือออกจากบอลนิเบลและวิ่งหนีไป
"ทำไมรีบขนาดนั้นกันนะ?" บอลนิเบลบ่นอุบอย่างไม่เข้าใจเหตุใดหญิงสาวถึงมีท่าทีที่ดูตกใจและหวาดกลัวราวกับเห็นผีเช่นนี้
"เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม"
"คนเมื่อกี้...ยูริรู้จักไหม" เมื่อความสงสัยแว็บเข้ามาในหัวเธอก็อดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามแก่บุคคลที่สาวเจ้าแสดงอาการออกมาชัดเจนว่ากลัวแค่ไหน
"ไม่"
"ทำไมเค้าถึงดูกลัวๆตอนเห็นยูริล่ะ"
"เราก็ไม่รู้..."ยูริส่ายหน้าขณะที่ยื่นมือหยิบบทรายงานจากบอลนิเบล
"เธอกลับไปเถอะนะบอลนิเบล...เราทำเองได้"
กล่าวจบยูริก็ทำท่าจะเดินจากไปทว่ามันกลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกน้อยใจขึ้นมากับท่าทีที่ดูเย็นชาของเธอ
"ยูริไม่ชอบเราหรอ" คำถามชวนงงทำเอายูริหยุดสงักไป
"เราขอโทษนะ..ถ้าทำอะไรให้ยูริไม่ชอบ เราก็แค่อยากสนิทกับยูริให้มากกว่านี้ เพราะเห็นยูริเงียบๆไม่ค่อยพูดอะไรเหมือนสองคนนั้นเลย"
ยูริถอนหายใจทอดยาว ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้สาวเจ้าตั้งคำถามแบบนี้ หรือเป็นเพราะตัวของเธอเองที่ทำตัวตามปกติจนมันทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไป
"ทำไมถึงคิดอย่างนั้น...ทำไมถึงคิดว่าเราไม่ชอบเธอ" ยูริหันกลับมาตั้งคำถาม เธอเลิ่กคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย มองเห็นสีหน้าไม่สบายใจของอีกฝ่ายยูริก็เข้าใจได้ในทันที เป็นเพราะตัวของเธอเอง ที่ทำให้บอลนิเบลเข้าใจอย่างนี้
"ก็..."
"เราไม่ได้ไม่ชอบเธอ...เราแค่เป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ขอโทษนะถ้าทำให้เธอคิดอย่างนั้น"
*****
นางเอกของเราค่อนข้างเป็นคนนิ่งๆเงียบๆไม่ค่อยพูด แอบชาเย็นนิดหน่อยค่ะ...ยังไงก็ฝากติดตาม กดlikeแล้วก็คอมเมนท์เพื่อเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ._.
Part Ekenerdie finnic
แสงสลัวตกกระทบลงบนทางเดินที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา บนพื้นเซรามิกสะท้อนเงาของชายร่างสูงในทุกย่างก้าวที่เขาเดินผ่าน ความเงียบงันปกคลุมไปทั่วทั้งชั้นซึ่งเป็นสิ่งที่สวนทางกับบรรยากาศด้านล่างของบาร์สุดหรูแห่งนี้อย่างสิ้นเชิง ชั้นที่7นี้เต็มไปด้วยห้องวีไอพี แน่นอนว่าจุดหมายปลายทางของชายหนุ่มคือห้องที่อยู่ตรงกลางชั้น เขาเปิดประตูเข้าไปในห้องท่ามกลางสายตาของกลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งดื่ม ฟินไม่พูดอะไร เขาทิ้งตัวนั่ง เอนหลังพิงโซฟาขณะที่มือข้างหนึ่งก็ยังคงกดโทรศัพท์อยู่ไม่วาง
“ได้ข่าวว่าคลิปหลุด…ถ่ายเองหรือว่าโดนแอบถ่ายล่ะ”
คำทักทายแรกของชาร์ล ทำเอาคนในห้องสงัก สายตาครมจ้องมองคนที่เพิ่งมาถึงอย่างจับผิด ทว่าอีกฝ่ายก็ดูจะไม่ได้อะไรกับคำพูดของเขามากเนื่องด้วยบรรยากาศรอบๆ ไม่ได้มีแค่พวกเขาอยู่แต่ยังมีสาวๆ ที่ถูกเรียกให้มารินเหล้าให้ หนึ่งในนั้นผลิตัวออกจากเขาและเดินเข้าไปเกาะแกะผู้ที่มาใหม่อย่างรู้งาน มือเรียลยกถือขวดไวน์รินลงบนแก้วให้กับชายหนุ่มพลันส่งสายตาหว่านล้อม
"มีตานิ..."
"ทำไมถึงไม่มีสมอง..แยกไม่ออกว่าอันไหนแอบถ่ายอันไหนถ่ายเอง" ฟินกล่าวขณะเปรยตามองผู้เป็นเพื่อนที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักนับตั้งแต่ที่เขาเดินเข้ามาในห้องคำพูดถากถางของชาร์ลก็สาดมาใส่เขาไม่หยุด
"เอ้า!ก็เผื่อว่าตั้งกล้องถ่ายเอง"
"แบบนั้น..มีแต่มึงไม่ใช่หรอที่ชอบทำ" เขารับแก้วจากมือหญิงสาวมาก่อนยกดื่มโดยไม่ได้ใส่ใจกับคนที่กำลังจ้องเขม็งเขาอยู่ไม่วาง
"คนเรามันก็ต้องมีงานอดิเรกที่ตัวเองชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรอ"
"แต่บางครั้งมันก็หัวเสียที่มีใครบางคนเข้ามาเสือก...จนมันพัง"ชาร์ลขบกรามแน่นหลังสิ้นสุดถ้อยคำอันขุ่นเคืองระหว่างเขากับฟินไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกันมาก่อนแต่การที่เพื่อนรักทำสิ่งที่ไม่คาดคิดในปาร์ตี้เมื่อคืนนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับการล้ำเส้นเขา ยิ่งเห็นท่าทีนิ่งเฉยของฟินมันก็ยิ่งทำเอาเลือดข้างในของเขามันเดือดพล่านขึ้นมาเป็นไหนๆ แม้จะมีสาวๆ รายล้อมคอยเอาอกเอาใจ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเรื่องที่เกิดขึ้นได้
"หึ...หรอ แย่จังนะคงจะหัวเสียน่าดู" ฟินสบถอย่างหน้าตาเฉย เขายังนึกสนุกอยู่ไม่หายยิ่งเห็นท่าทีที่ดูจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่ของเพื่อนมันก็เป็นอะไรที่ทำให้เขารู้สึกขบขันเสียไม่มี นี่น่ะหรือชาร์ล ไอ้คนที่อยู่เหนือผู้คนระดับล่างไม่ว่าอยากจะทำอะไรใครก็ย่อมได้ด้วยเงินและอำนาจทางสังคม สิ่งเหล่านี้คงจะมีแต่ชาร์ลที่คิดไปเองคนเดียว 'น่าสมเพชซะจริงๆ' เขาเหยียดยิ้มหยัน
"หัวเสียน่ะไม่เท่าไหร่หรอก..แต่มันแค้นใจมากกว่าที่คนๆ นั้นดันเป็นเพื่อนของกูเอง!" ชาร์ลเสียงเข้มขึ้น ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเริ่มคลุมอารมณ์ไม่อยู่ จากความขุ่นเคืองที่มีอยู่ในตอนแรกมันยิ่งเพิ่มทวีขึ้นกับท่าทีเฉยชาของฟิน เขาไม่พูดอะไรกระดกแก้วไวน์ในมือเข้าปาก ปล่อยให้อีกฝ่ายเดือดดานจ้องเขม็งเขาอยู่อย่างนั้น
"ใครกันที่ทำให้ไอ้ชาร์ลหัวเสียได้ขนาดนี้" เป็นโนอาห์ที่เอ่ยขึ้นพร้อมเปลี่ยนจากไวน์มาเป็นเบียร์ ไหนๆ บรรยากาศชิวๆ ในตอนแรกมันก็หายไปแล้ว ถึงเขาจะไม่เคยเห็นทั้งสองคนเป็นอย่างนี้มาก่อนก็ตาม แต่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อันที่จริงที่นี่มันก็เงียบเกินจนน่าเบื่อ พอมีอะไรมาให้ดูมันก็สนุกขึ้นมาเหมือนกัน
"ก็มันไง! ไอ้สัสเอ้ยยังจะมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก"ตามที่คาด ชาร์ลไม่สามารถเก็บอารามณ์ขุ่นเคืองได้อยู่หลังถูกโนอาห์ตั้งคำถามที่เสมือนเป็นการสุมไฟเสียมากกว่า ชาร์ลลุกขึ้นซี้หน้าคนเป็นเพื่อนในทันที ทว่าแม้ชาร์ลจะเดือดจนนั่งไม่ติดฟินก็ยังคงความสงบนิ่งดังเดิมจนแทบไม่แน่ใจแล้วว่าเขาไม่อยากกล่าวถึงหรือแค่รำคาญกันแน่ แก้วไวน์ในมือถูกวางลงบนโต๊ะดวงตาครมจ้องไปยังคนขาดสติฟินกระตุกยิ้มหยันอย่างนึกสมเพช
"กูหรอ?"แม้จะรู้สาเหตุที่ชาร์ลเดือดได้ขนาดนี้มันก็มาจากตน แต่ฟินก็เลือกที่จะถามคำถามกวนๆ กับสีหน้าที่ไม่สะท้านใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าชาร์ลจะบ้าดีเด่ได้ขนาดไหน
"เออ!ทำเชี่ยไรของมึง ก็รู้อยู่ว่ากูจะเอาคนนั้น"
ชาร์ลในตอนนี้อารมณ์เสียเป็นอันมาก สาเหตุก็มาจากเรื่องผู้หญิงที่ผู้เป็นเพื่อนหอบขึ้นรถไปเมื่อคืนนี้ เขาเล็งเธอไว้ตั้งแต่แรกทุกอย่างกำลังลาบลื่นแต่ใครจะคิดว่า คนที่ไม่เคยยุ่งหรือนึกสนใจเรื่องของเขาอย่างฟินจะกล้าก้าวข้ามเส้นที่ขีดเอาไว้เป็นเหมือนข้อตกลงระหว่างเพื่อนได้
"ที่แท้ก็หัวเสียเรื่องนี้เองสินะ...กูก็นึกว่าเรื่องอะไร"
"พวกมึงแม่งปัญญาอ่อนกว่าที่กูคิดตั้งเยอะเลยว่ะ"คาร์ลอสที่นั่งเงียบฟังทั้งคู่ทะเลาะกันอยู่นานสบถขึ้น เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนของเขาทั้งสองจะทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่องขนาดนี้ แล้วที่น่าแปลกใจคือการที่ชาร์ลเดือดกับเรื่องผู้หญิงทั้งที่ผ่านมาเขาแทบจะเป็นคนคลุมเกมทั้งหมดและฟินก็ไม่เคยที่จะสนใจเรื่องที่ชาร์ลทำหรือไม่เขาก็ไม่สนใจอะไรใครเลยด้วยซ้ำ
"ชาร์ลยังเด็กน่ะ...พอโดนเพื่อนแย่งของเล่นหน่อย ก็ถึงกับตีพงตีพายกลับไปเป็นเด็กห้าขวบอีกครั้ง"คำพูดติดตลกของฟินทำคนในห้องหลุดหัวเราะเสียงดังกับการโวยวายไร้สาระของชาร์ล สิ่งนี้ยิ่งทำให้ชาร์ลเดือดจนแทบอยากเข้าไปต่อยคนปากดีอย่างฟินให้สมกับที่ทำเขาขายหน้า
"ไอ้พวกเชี่ยนี่หุบปาก!"ชาร์ลตะเบ็งเสียงก่นด่าผู้คนในห้อง จนทุกอย่างหยุดสงัดทันควัน ก่อนหันกลับมาจ้องฟินที่ในตอนนี้วางมือสองข้างบนพยักพิงโซฟาด้วยท่าทีสบายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาบนใบหล่อเหลา
"แค้นกูขนาดนั้นเซียวหรอ..กะอีแค่พาเธอไปจากไอ้บ้ากราม"
"ถุย!สาบานเถอะว่าแค่พาเธอไป!" เขายังจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ดียิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาอุตส่าห์จัดการทุกอย่างให้ลงล็อคหมดคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องวิ่งหนีซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้กับผู้หญิงคนที่ผ่านๆ มาชาร์ลจึงไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่นักแต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือการที่เพื่อนอย่างฟินโผล่มาในตอนที่เขากำลังจะทำสำเร็จแถมยังพาเธอขึ้นรถไป แค่นี้ก็คงเดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เพราะฟินก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไหร่นักหรอก
"ใจเย็นๆ หน่าพวกมึง...ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว ต้องทะเลาะกันเลยหรอวะ"
"เธอมีอะไรหน้าสนใจงั้นหรอ..หรือว่าเธอเด็ด" โนอาห์เลิ่กคิ้วขึ้นสูงอย่างสงสัย
"ถามมันสิ!...กูก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรถึงได้ล้ำเส้นกู" ทุกสายตาต่างหันไปจับจ้องฟินในเชิงคาดคั้น
"ก็งั้นๆ"
"ใช่ไงไอ้สัส เธอไม่ใช่สเปคมึงเลยสักนิด แต่มึงก็ยังเอาของกู!"
"ของมึงหรอ? กล้าพูดจัง เธอจะไปเป็นของมึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ในเมื่อเธอเพิ่งจะนอนครางอยู่บนเตียงกูอยู่เลย" การที่ชาร์ลกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอคือของเขา เป็นอะไรที่ฟินรู้สึกขบขันเสียจริง แค่หมายตาเธอไว้ก็คิดรวมไปเองแล้วว่าเป็นของตัวเอง ช่างหน้าไม่อาย ฟินซักเริ่มสงสัยแล้วสิว่าที่ผ่านมาบอกว่าได้คนนั้นคนนี้เป็นเรื่องจริงหรือวอแวไปเองกันแน่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เธออยู่กับเขามาทั้งคืนซ้ำยังเล่นบทเพลงสวาทมาหลายท่วงท่า เขายังไม่เห็นพูดสักคำว่าเธอคือของเขา
"ไอ้เชี่ย!แล้วบอกไม่ได้ทำอะไร พวกมึงสองตัวนี่เหี้ยสมเป็นเพื่อนกูจริงๆ" คาร์ลอสส่ายหน้ายกยิ้มอย่างขนขัน กับเรื่องไร้สาระตรงหน้ายิ่งในตอนนี้คนที่ดูจะเป็นตัวตลกในวงเหล้ากลายเป็นคนหยิ่งผยองอย่างชาร์ลแล้ว เขาก็ยิ่งชอบใจนัก
"แค่หน้าก็บอกยี่ห้อความเลวแล้วเอาอะไรมาดีก่อน" โนอาห์พูดเสริมก่อนจะหัวเราะในลำคอ ทว่าคนที่ดูจะไม่ตลกด้วยที่สุดในตอนนี้ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชาร์ล หลังจากได้รู้ว่าเพื่อนนั้นทำอะไรกับผู้หญิงที่เขาเล็งไว้ ก็ยิ่งเจ็บใจนัก
"เชี่ยฟิน...ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อน กูคงต่อยมึงไปแล้ว" ชาร์ลกัดฟันพูดอย่างสุดขีด เขาขบกรามแน่นมือสองข้างบีบเข้าหากันด้วยความโกรธ
"กูเคยบอกมึงหรอ ว่าสเปคกูเป็นยังไง?"
"บางทีกูอาดจะชอบเนี้ยบๆ แบบนั้นก็ได้" เขาเหยียดยิ้มหยันพลันสบสายตาโกรธเคืองตรงหน้าอย่างชอบใจ
"ตอแหลไอ้สัส มึงควงแต่ละคนเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้...แต่ที่มึงทำคือมึงตั้งใจหักหน้ากู"
"หักหน้ายังไง? กูก็แค่ช่วยเธอจากไอ้สารเลวอย่างมึง" เขาเกลียดนักคนที่ทำมาเป็นรู้ดีเรื่องของเขาอย่างชาร์ล ที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยคิดจะยุ่งหรือสนใจอะไร แม้จะรู้ว่าชาร์ลทำเรื่องเลวทรามแค่ไหน หลายครั้งต่อหลายครั้งที่เขาบังเอิญอยู่ในเหตุการณ์บ้าๆ พวกนี้ สิ่งที่เขาทำมาตลอดคือการปล่อยผ่านและไม่สนใจต่อให้ผู้หญิงพวกนั้นจะก้มกราบขอร้องให้เขาช่วย แต่เขาก็เลือกที่จะเดินหนีทุกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องของเขา ระหว่างเขากับชาร์ลแม้จะเป็นเพื่อนกันแต่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีถึงขีดแบ่งเส้นที่ไม่ควรลุกล้ำเข้ามาหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก้าวข้ามมันแล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำรายเส้นขีดแบ่งนั้นและแน่นอนว่าครั้งนี้เขาเป็นคนเริ่มมันเอง ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขานึกสนุกขึ้นมา หรืออาดเป็นเพราะผู้หญิงตรงหน้าดูน่าสนใจ แต่นั่นก็คงไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะทำให้คนอย่างเขาล้ำเส้นเพื่อนอย่างชาร์ลได้ เหตุผลเดียวก็คือ'แค่อยากสนุก'เท่านั้น การที่ได้เห็นท่าทีโมโหสุดขีดของชาร์ลในตอนนี้มันก็ยิ่งทำให้เขาสนุก นึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมื่อคืนเสียดื้อๆ
ในตอนนั้นเป็นเวลากว่าสี่ทุ่ม เขาเพิ่งจะมาถึงแน่นอนว่าเขามาสายจากเวลาที่นัดไปมาก เนื่องด้วยเพิ่งสะสางความบาดหมางกับอริที่ปล่อยคลิปหลุดของเขาเสร็จ และทันทีที่มาถึงหน้างานเขาก็ยืนคุยโทรศัพท์อยู่สักพักก่อนจะมีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาชนเขาด้วยท่าทีแตกตื่น จนตัวของเธอล้มลงไปพร้อมกับโทรศัพท์ของเขาที่ตกแตกบนพื้น เธอมีอาการลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกต
"เป็นอะไรรึป่าว" เขากำลังจะยื่นมือไปช่วยดึงตัวเธอขึ้น ทว่าหญิงสาวกลับดึงแขนของเขาไว้
"ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย..ฉันไม่ไหวแล้ว!" น้ำเสียงสั่นเครือของเธอทำเอาเขาหยุดสงัก เพียงชั่วพริบตามือไม้ของเธอก็เปลี่ยนมาลูบไล้ท่อนแขนเล็กๆ ของตัวเอง ไล่เรียงขึ้นมาตามลำตัวและหน้าอกจนสายเดี่ยวหลุดจากบ่า
ฟินมองดูการกระทำของหญิงสาวตรงหน้าด้วยสงสัยในอาการ ทว่าความสงสัยมันก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นใครอีกคนที่กำลังวิ่งตามมาและเมื่อผู้ชายคนนั้นเห็นเขา ก็หยุดยืนนิ่งไป ราวกับคำตอบทุกอย่างถูกเฉลยฟินเข้าใจได้ในทันทีถึงสาเหตุของท่าทีร้อนรนที่หญิงสาวเป็นอยู่ เพราะคนที่วิ่งตามมานั้นก็คือชาร์ลเพื่อนของเขาเองการที่เธอเป็นอย่างนี้ก็คงจะโดนมอมมาเป็นแน่
ชาร์ลขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นเขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักที่เธอเลือกจะวิ่งหนีออกมาทั้งที่ก็รู้ว่าไม่มีทางหนีพ้นได้แถมยังมาล้มอยู่ต่อหน้าเพื่อนของเขาอีก แต่ก็ช่างเถอะ ถึงอย่างไรเธอก็หนีเขาไม่รอดอยู่ดี ยังไงเขาก็จะจัดการเธอให้ได้ในคืนนี้ นึกได้อย่างนั้นชาร์ลก็ทำท่าจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
ฟินเหลือบมองเธอที่กำลังรนรานและเริ่มจะขาดสติ เขาก็นึกสนุกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยออกมาบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนที่ผู้เป็นเพื่อนอย่างชาร์ลจะได้ก้าวเข้ามา เขาก็ทำการอุ้มร่างเล็กขึ้นและพาเธอขึ้นรถขับออกไป สิ่งนี้เองทำเอาชาร์ลเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ ภาพที่ชาร์ลกำลังยืนอึ้งและหัวเสียนั้นยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเขาไม่หาย คิดขึ้นมาทีไรก็ยิ่งชอบใจนัก
**********
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!