NovelToon NovelToon

เหนือครุฑ

บทนำ เหนือครุฑ

อันนาคแลครุฑเป็นอริคู่แค้นกันเนิ่นนานแล้ว ด้วยฝ่ายครุฑนั้นมีฤทธามากกว่า มักฉวยโอกาสจับ นาคกินเป็นอาหารยามบินผ่านแม่น้ำหรือมหาสมุทร สีทันดรอันเป็นที่อยู่อาศัยของนาคาแลนาคี

มหาเดชานาคราช ราชาแห่งนาคทั้งปวง ผู้ซึ่ง ปกครองดินแดนแห่งบาดาลกลัดกลุ้มพระทัยนัก ทนเห็นมิได้ที่บุตรหลานตลอดจนบริวารตนเองต้อง ตกเป็นอาหารของเหล่าจอมปักษาผู้มากฤทธิ์ แม้จะ ยอมเสี่ยงอันตรายส่งพระโอรสองค์โตไปเจรจาด้วย อย่างไรก็ไร้ผล พญาครุฑผู้อยู่เหนือฟากฟ้าแดน สวรรค์ตอกกลับด้วยความโอหังถือดี ว่านาคนั้นเป็น เกียรติแล้วที่ได้ใช้ชีพหล่อเลี้ยงชีวิตครุฑให้ยืนยาว

จวบจนกระทั่งโลกาถึงกาลวิบัติ ฟ้าดินวิปโยค เมฆดำครึ้มปกคลุม แสงอสนีฟาดกระหน่ำ อัน เปลือกฟ้ากว้างใหญ่นั้นถล่มลงมาบดขยี้ดินแดน มนุษย์ เหล่าสัตว์แลมนุษย์ตกใจนัก ร่ำร้องขอทวย เทพให้ช่วยเหลือ หากฟ้าถล่มลงมา จักมิมีสิ่งมีชีวิต ใดรอดได้แต่แม้ตนเดียว

บัดนั้นเอง องค์อิศวรมหาเทพแห่งไกรลาส บรรพตปรากฏกาย ผิวขาวมิต่างจากแสงตะวันบน ท้องนภา นุ่งห่มกายดั่งฤๅษี สวมสร้อยอันทำมาจาก หัวกะโหลก งูเห่าเลื้อยพันคอประหนึ่งเครื่อง ประดับเกล็ดมันวาว

มหาเทพชูตรีศูลขึ้นฟ้า เท้าเปล่ากระทืบธรณี ฟ้าร้องคำรามครืนครัน แผ่นดินสั่นสะเทือนปริร้าว ด้วยฤทธิ์เดชานุภาพแห่งองค์พระผู้ทำลายล้าง ฟ้า ดินจึงแยกกลับเป็นเหมือนเดิม

แสงสว่างส่องหล้า ปฐพีกลับคืนสู่ปกติ ผู้คน ต่างโห่ร้องเอริกเกริก ยินดีที่โลกพ้นจากมหา โลกาวินาศ

ทว่าการแยกฟ้าดินต้องใช้ฤทธิ์มาก ระหว่าง เหาะกลับเขาไกรลาสผ่านป่าหิมพานต์ กลับ เหน็ดเหนื่อยจนสิ้นแรง จำต้องเหาะลงไปพักพื้น เรียกอิทธิฤทธิ์กลับเป็นเหมือนเก่า

องค์อิศวรปักตรีศูลลงดินประทับลงพื้นหมาย พักผ่อน ทว่าพลันมีนาคเกล็ดสีฟ้างดงามยิ่งกว่า ผิวน้ำมหาสมุทรเลื้อยมาหา วางลำตัวให้องค์อิศวร ประทับลงที่หลังมัน

นาคผู้นั้นขดตัวรอบกายมหาเทพ แยกเศียรทั้ง ห้ากางคุ้มศีรษะเพื่อบังแดดฝน องค์อิศวรหลับตา บำเพ็ญเรียกอิทธิฤทธิ์คืน

ผ่านพ้นวันคืนไปนับร้อยปี นาคเกล็ดงามผู้นั้น มิหวั่นเกรงร้อนหนาว ยังคงใช้กายบังลมฝนแลหิมะ เพื่อปกป้องพระผู้เป็นเจ้าด้วยความมุ่งมั่น จวบจน กระทั่งข่าวนี้ได้ยินไปถึงบรรดาวงศ์นาค พญาเดชา

นาคราชจึงพาบริวารตลอดจนบุตรหลานนับร้อยมา เฝ้าอารักขา รายล้อมพระอิศวรไว้

เมื่ออิทธิฤทธิ์กลับคืนดั่งเดิม องค์อิศวรเปิด เนตรลุกขึ้นจับตรีศูล กล่าวกับนาคผู้ถวายรับใช้

“เจ้าช่วยข้าบังแดดฝนถึงหนึ่งร้อยปี ข้าขอบใจ นัก"

นาคผู้นั้นคลายตัวกลายร่างครึ่งท่อนบนเป็น นาคาหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง ผมดำขลับปกหน้าผาก ตาคม จมูกตั้งตรงดั่งบรรพต ประนมมือด้วยความ นอบน้อม

“เป็นเกียรติของข้าที่ได้รับใช้พระผู้เป็นเจ้า”

“เจ้าชื่อกระไร? "

“ข้าชื่อสมุทรธร (ผู้ดำรงไว้ซึ่งมหาสมุทร) โอรส องค์โตแห่งพญาเดชานาคราชผู้ครองเมืองบาดาล”

“เจ้าลำบากช่วยดูแลข้า ความลำบากนั้นย่อมไม่ สูญเปล่า ขอมา เจ้าอยากได้พรใด”

“ขอองค์มหาเทพประทานพร ให้ข้าได้มีลูกกับ ผู้ใดก็ได้มิว่าจักเป็นบุรุษหรือสตรีหรือมิว่ากับเผ่า ใด"

พรนี้ประหลาดนัก สร้างความตกตะลึงแก่ เหล่านาค แม้แต่พญานาคราชผู้เป็นพระบิดายังตก พระทัย ไฉนพระโอรสถึงได้ขอพรอันหาแก่นสาร มิได้

ทว่าองค์อิศวรพยักหน้าโดยมิลังเล “จงเป็นไป ดั่งนั้น”

มหาเทพยกมือซ้ายขึ้น แสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ อาบไล้ตัวนาคหนุ่ม สมุทรธรก้มน้อมกราบ เมื่อ หมดธุระแล้ว องค์อิศวรเจ้าลอยตนขึ้นสู่ฟากฟ้า เสด็จกลับเขาไกรลาสอันเป็นที่ทรงประทับ

พญาเดชานาคราชเลื้อยลำตัวทองมหึมาเข้าหา ตรัสถามเสียงร้อนพระทัย

“ลูกพ่อ เจ้ามีโอกาสดีงามมากที่สุดเท่าที่เหล่า นาคเคยมี เหตุใดขอพรดั่งนี้เล่า? "

น้องชายผู้หนึ่งของสมุทรธรก็สงสัย

“นั่นสิพี่สมุทรธร เหตุใดไม่ขอให้ตนเองเป็น อมตะหรือขอให้ตนมีฤทธิ์เดชมากกว่าเหล่าครุฑา จักได้มิต้องเกรงพวกมันข่มเหงอีก”

นาคาหนุ่มมิได้ตอบ กลับเลื้อยลงสู่แม่น้ำกลับ ไปยังเมืองบาดาล การที่พระโอรสองค์โตแห่ง พญานาคขอพรเช่นนี้ สร้างความผิดหวังแก่นาคทั้ง

---- จบบทนำ ----

บทที่ 1 เจ้าชายครุฑ

มหานทีสีทันดร แท้ที่จริงคือมหาสมุทรอัน กว้างใหญ่ มิเพียงเป็นที่อาศัยของหมู่นาค ยังเป็นที่ อาศัยของเหล่ามัจฉาแลสัตว์น้ำทรงฤทธิ์มากมาย ลึกเข้าไปในใจกลางมหาสมุทรเป็นที่ตั้งวังบาลดาล ของมหาเดชานาคราช ราชาแห่งนาคทั้งปวง

แม้ปกติเหล่าครุฑาจะออกล่านาคในแม่น้ำแล มหาสมุทร แต่ก็มิกล้าจะเยื้องย่างถึงเขตแดนวัง บาดาลทั้งที่มีฝูงนาคชุกชุมมากที่สุด เนื่องจากหวั่น เกรงว่าหมู่นาคจะรวมตัวกันตอบโต้

ทว่ายังมีจอมปักษาผู้ถือดีในอิทธิฤทธิ์ตน ออก ล่าเหยื่อถึงกลางมหาสมุทรลึกเพื่อประกาศศักดา แห่งเจ้าเวหา จอมปักษาผู้นี้เป็นครุฑหนุ่มหน้าตา อ่อนเยาว์ คิ้วเรียวคมดั่งปลายลูกศร นัยน์ตาแดง เพลิงเจิดจ้า จมูกโด่งตรงสอดรับใบหน้า กาย ประดับด้วยสร้อยสังวาลย์_[1]_ทองอันเรืองรอง

กลางสร้อยติดทับทิมแดงเม็ดงาม

ครุฑหนุ่มผู้นี้เป็นพระโอรสองค์โตแห่งท้าวทศ เวหนมหาราช_[2]_ราชาแห่งพญาครุฑซึ่งสถิตบน วิมานแดนสวรรค์ เขาเป็นเจ้าชายซึ่งมีพละกำลังแล ฤทธิ์เดชมาก สายตาคมกริบมองเห็นได้ไกลนับสิบ โยชน์_[3]_มองทะลุถึงพื้นน้ำใต้มหาสมุทรอันลึกสุด จะหยั่งถึง เพียงกระพือปีกคราหนึ่ง สามารถสร้าง พายุล้มกองเรือรบของมนุษย์ได้กอง

โอรสแห่งองค์พญาครุฑสยายปีกยักษ์แดงสด ราวกับโลหิต สะบัดปึกเต็มแรงสร้างกระแสลม ท้อง ทะเลถึงกับปั่นป่วนแทบแยกออกจากกัน ก่อเกิด คลื่นน้ำม้วนวนตีกันอยู่ใต้น้ำ เหล่านาคซึ่งกำลังออก ล่ามัจฉาต่างรับรู้ถึงเภทภัย

“พวกครุฑ ระวัง!”

ฝูงนาคนับสิบแตกฮือ ต่างส่งเสียงก้องร่ำร้อง เตือนภัยแก่พวกพ้อง โอรสแห่งพญาปักษากวาดตา เลือกเหยื่อจากเหนือมหาสมุทร แลเห็นฝูงนาคแตก ตื่นก็หัวร่อ

“เพียงแค่สะบัดปีก ยังกลัวข้าถึงเพียงนี้เชียว หรือ"

ทว่าในฝูงนาคทั้งหมด มีนาคเกล็ดฟ้าเงางาม แทบกลืนไปกับท้องทะเล หากมิใช่เทวปักษ์มีดวงตา วิเศษยิ่งกว่าผู้ใดคงยากจะจำแนกเห็น

นาคเกล็ดฟ้าว่ายน้ำอย่างเชื่องช้าในดงปะการัง หลากสียังมิรับรู้ถึงภยันตราย เทวปักษ์แค่นยิ้มเห็น ว่านาคตนนี้คงชะตาขาดเสียแล้ว

ตูม!

เสียงจอมปักษาบินลงกระแทกผิวน้ำ ร่างพุ่ง ดุจลูกศรออกจากคันเข้าหานาคตนนั้น ขาซึ่งเป็น เหมือนมนุษย์กลายเป็นกรงเล็บแหลมดุจดังพญา อินทรี ตะปบลงที่หลังนาคจนมันร้องก้อง

ครุฑหนุ่มเคลื่อนกายเร็วนัก สะบัดปีกตีน้ำเหิน สู่ท้องนภา นาคเกล็ดฟ้าดิ้นกายร้องขอ

“จอมครุฑ ไว้ชีวิตข้าด้วย จอมครุฑ”

ครุฑหนุ่มเผยรอยยิ้มอันถือดี “จงโทษในชะตา ตนเองซึ่งเกิดเป็นเพียงนาคเพื่อเป็นอาหารให้แก่ ชาวครุฑ”

“จอมครุฑ ขอเพียงท่านไว้ชีวิตข้า หากท่าน ต้องการสิ่งใด ข้าจักหามาโดยมิให้ขาดตกแม้สักสิ่ง เดียว”

“ข้าเป็นถึงโอรสองค์โตแห่งท้าวทศเวหน มหาราช ปรารถนาสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้น ต้องลำบาก นาคชั้นต่ำอย่างเจ้าด้วยหรือ? "

นาคตนนี้ทราบว่าชะตาตนคงอยู่มิไกลจาก เงื้อมมือพญามัจจุราช พยายามสะบัดตัวดิ้น ทว่า เล็บเท้าแหลมคมของครุฑเจาะเกี่ยวที่หลังแน่น ยิ่ง ดิ้นยิ่งมีแต่ความทรมาน

“ละเว้นข้า โอรสแห่งพญาปักษา ข้าจะยอมทำ ตามประสงค์แห่งท่านทุกอย่าง”

“ประสงค์ของข้ามีเพียงสิ่งเดียว คือต้องการ กินมันเหลวในท้องเจ้า”

ดวงตาจอมครุฑมองไกลผ่านผืนน้ำมหาสมุทร มุ่งตรงไปยังเกาะแห่งหนึ่งซึ่งอยู่มิไกล ซึ่งที่นั่นเอง จะเป็นที่ที่นาคตนนี้ต้องดับสิ้น

สีหน้านาคสลดแลน่าเวทนา ร่างสั่นเทิ้มเต็มไป ด้วยความหวาดกลัว เอ่ยปากอ้อนวอนเป็นครั้ง สุดท้าย

“หากท่านจะไม่ละเว้นชีวิตข้าแล้ว อย่างน้อย ก่อนตายขอให้ฟังคำสั่งเสียของข้าหน่อยเถิด ถือว่า เป็นการสร้างกุศล”

เจ้าชายแห่งครุฑรู้สึกรำคาญนัก แต่ยังพอมีจิต เมตตาอยู่ จึงก้มหน้ามองนาคตนนั้น

“จะสั่งเสียอันใดก็ว่ามา”

ริมฝีปากนาคสั่นระริก พยายามชูคอขึ้นหมาย กล่าววาจา แต่ด้วยความหวาดกลัวจึงยากเค้นเสียง ออกจากคอ จอมปักษาเร่งรัด

“ใกล้จะถึงเกาะแล้ว รีบบอกมา หากข้าเปลี่ยน ใจก็ถือว่าช่วยมิได้”

ทว่าสีหน้านาคซึ่งหวาดกลัวแปรเปลี่ยนเป็น เหี้ยมเกรียม อ้าปากพ่นน้ำใสซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นฉุน ครุฑหนุ่มทราบทันทีว่ามันคือน้ำพิษ

แต่ด้วยดวงตาอันวิเศษ มองเห็นได้แจ่มชัดกว่า สัตว์อื่น ครุฑหนุ่มเบี่ยงคอหลบน้ำพิษอย่างง่ายดาย กระชากเสียง

“ลูกไม้ตื้นเขินแค่นี้ อย่าริอ่านใช้กับข้า!”

ด้วยเพลิงแห่งโทสะ กรงเล็บเจ้าชายครุฑเพิ่ม กำลังหมายเจาะกระดูกสันหลังนาคให้ทะลุ ทว่าเขา ประมาทเกินไป มิคาดว่านาคตนนี้กลับแยกเศียรได้ ถึงห้าเศียร สองเศียรกัดที่ขา อีกสองเศียรพ่นน้ำ พิษใส่ดวงตาด้วยความไวดุจแสงอสนี

ครุฑหนุ่มคำรามด้วยความเจ็บปวด ยกสองมือ กุมดวงตาอันแสบร้อน นาคเกล็ดฟ้าใช้ปากอัน แหลมคมกัดที่ลำตัว ดึงร่างครุฑหนุ่มซึ่งต้องพิษร่วง ลงสู่มหาสมุทร

เมื่ออยู่ใต้บาดาลอันเป็นถิ่นของเหล่านาค พละ กำลังของนาคตนนี้ย่อมมากขึ้น ใช้ลำตัวยาวม้วนพัน ตัวครุฑราวกับโซ่เหล็กพันธนาการอย่างแน่นหนา แค่นเสียงอันดุดัน

“อย่าได้โอหังเกินไป เทวปักษ์” (ผู้อยู่ข้าง เทวดา)

พระโอรสแห่งองค์ครุฑามหาราชตื่นตระหนก นัก มิคาดอีกฝ่ายจะรู้จักนามตน หลับตาซึ่งปวด แสบปวดร้อนร้องถามอย่างเจ็บปวด

“เจ้าเป็นใคร รู้จักชื่อข้าได้ยังไง”

เศียรทั้งห้าของนาครายล้อมศีรษะครุฑ กล่าว กระซิบข้างหูโดยพร้อมเพรียง

“จำข้ามิได้รึ ร้อยกว่าปีก่อน พระบิดาเคยส่งข้า ไปยังวิมานแดนครุฑ เราเคยได้พบกันครั้งหนึ่ง”

เทวปักษ์ครุ่นคิด เนิ่นนานมาแล้วมหาเดชา นาคราชส่งพระโอรสองค์โตแลบริวารมาขอเจรจา สงบศึก แต่พระบิดาตนปฏิเสธกลางท้องพระโรง พร้อมหัวเราะเยาะใส่ บอกว่านาคมีวาสนาแล้วที่ได้ เป็นอาหารของชาวครุฑ

แต่ตอนนั้นพระโอรสแห่งราชานาคไปเยือนแด นครุฑาด้วยร่างมนุษย์ เทวปักษ์จึงมิระแคะระคาย ว่านาคที่ตนกำลังจับกินนั้นเป็นนาคเชื้อพระวงศ์

“เจ้า...เจ้า...สมุทรธร” เทวปักษ์ร้อง

“ถูกต้อง”

ดวงตาเทวปักษ์แสบร้อนราวกับตกอยู่ในนรก โลกันตร์ ปากยังคงร่ำร้อง

“เจ้าแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ข้าจับตัวแลหา โอกาสลอบทำร้าย ช่างขี้ขลาดนัก เหตุใดไม่สู้กับข้า ตรงๆ ให้สมกับเป็นเจ้าชายแห่งนาคเล่า”

เศียรนาคทั้งห้าแค่นหัวร่อ “เจ้าถือดีว่ามีฤทธิ์ มาก แต่ข้าก็มีอุบายไม่น้อยไปกว่ากัน ความทะนง ตนทำให้เจ้าโง่เขลามิต่างจากมัจฉาตัวน้อย"

เศียรทั้งห้าค่อยๆ ม้วนพันกันกลายร่างเป็น ครึ่งตัวคนซึ่งเปลือยเปล่า หน้าอกแลแขนเต็มไป ด้วยกล้ามเนื้อล่ำสัน ผมดำดกปกหน้าผากพลิ้วไป ตามกระแสน้ำ คิ้วคมเข้ม จมูกโด่งราวสันเขา หล่อ เหลาแต่ก็แลดูลึกซึ้งต่างจากเทวปักษ์ผู้หยิ่งทะนง

“เสียดายที่ตาเจ้าใกล้บอดจึงมิได้เห็นหน้าข้า”

นาคาหนุ่มกระซิบข้างหู ยื่นมือเชยคางจอม ครุฑผู้โอหัง ทอดมองหน้าอันหล่อเหลายิ่งกว่าบุรุษ ใดในหล้า โน้มหน้าเข้าจุมพิตปากคราหนึ่ง

เทวปักษ์ตื่นตระหนกนัก แม้จะมองไม่เห็น ใบหน้าอีกฝ่าย แต่ก็มิคาดว่าบุรุษด้วยกันจะมาจูบ กันเสียอย่างนี้

“เจ้า เจ้าทำอุบาทว์อันใด!”

“ข้าช่วยชีวิตเจ้าหรอก"

เทวปักษ์รู้สึกว่าในปากมีของแข็งเม็ดเล็กๆ สมุทรธรกล่าว

“กลืนเข้าไป หากมิอยากจมน้ำตาย โอสถ เหงือกมัจฉาจะช่วยให้เจ้าหายใจใต้น้ำได้”

พระโอรสแห่งองค์พญาครุฑมิทราบว่าอีกฝ่าย ช่วยเหลือตนเพราะเหตุใด แม้มั่นใจว่าต้องมีอุบาย แน่ แต่จำต้องฝืนอัปยศเพื่อต่อชีวิต กลืนโอสถทิพย์ แห่งวังบาดาลลงท้อง

รู้สึกปอดโล่งจมูกสามารถหายใจได้สะดวก ความอึดอัดใต้น้ำมลายสิ้น สมุทรธรยื่นฝ่ามือลูบไล้ หน้าอันหล่อเหลาของอีกฝ่าย สายตาลึกซึ้งมิทราบ ซ่อนอุบายใด

เทวปักษ์พยายามดิ้นในวงรัดนาค ทว่าปีกแล แขนถูกรัดแน่นจนมิอาจขยับ ความสามารถถูก นาคาหนุ่มสะกดสิ้น แทบมิต่างจากทารกแรกเกิด

พยายามเบือนหน้าหลบหลีกมืออันชั่วร้ายของ นาคาหนุ่ม ทว่านิ้วอีกฝ่ายไล้ลงจนถึงคอ สัมผัสผิว อันละเอียดเนียน

“เจ้า...เจ้า...”

“อยู่นิ่งเสีย หากมิอยากตาบอดตลอดชีวิต”

ลำตัวยาวขยับเคลื่อน นาคาหนุ่มเคลื่อนตัว เข้าหา แนบริมฝีปากสีไปตามแก้มขาว ลากผ่าน จมูกโด่ง จรดผ่านปาก กัดลงที่คอพ่นน้ำพิษเข้าไป

พิษแห่งนาคช่างรุนแรง ครุฑาร้อนวูบราวกับ อยู่ในเตาเผา เรี่ยวแรงปลาสนาการสิ้น คิดจะแปลง ร่างเป็นปักษาเต็มตัวเพื่อจิกอีกฝ่ายก็ทำมิได้

ลำตัวนาคคลายลงเล็กน้อย เทวปักษ์ถามเสียง สั่น

“เจ้า...เจ้าจะทำสิ่งใดแน่?”

“พวกเจ้าดูถูกพวกข้ามานานว่าเป็นแค่หนอน ชั้นต่ำ ข้าจะดูสิว่าหากจอมครุฑผู้โอหังมีลูกกับข้าจะ เป็นอย่างไร?"

“เหลวไหล ข้าเป็นบุรุษจะมีลูกกับเจ้าได้ยังไง”

“ข้าได้รับพรจากองค์อิศวรมหาเทพ ว่าจะมีลูก กับผู้ใดก็ได้ตามแต่ปรารถนา มิแบ่งแยกว่าเป็นบุรุษ หรือสตรี เจ้ามิเคยได้ยินหรือ?"

เทวปักษ์เคยได้ยินความข้อนี้มาบ้าง จำได้ว่าใน หมู่เหล่าครุฑายังหัวร่อในพรอันโง่เขลาของสมุทรธร ไหนเลยจะคาดสมุทรธรจะใช้พรนี้กับตน ซึ่งน่ากลัว ยิ่งกว่าคำสาปร้ายจากอเวจี

ร่างของจอมปักษาถูกรัดเหลือเพียงแค่แขนแล ปีก ท่อนล่างถูกปลดปล่อยแล้ว สมุทรธรเลื่อนมือ ลงต่ำ กระชากเข็มขัดทองหัวครุฑหลุดสิ้น ดึงโจง กระเบนแดงสดลงจากขา มองดูกายอันเปลือยเปล่า แสนงดงาม

---จบตอน---

บทที่ 2 ร่วมรัก (NC นาค-ครุฑ)

เมื่อมองกายอันเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยกล้าม เนื้อของจอมปักษาผู้โอหัง ความกำหนัดภายในร่าง สมุทรธรกำเริบขึ้น แววตาขมุกขมัวเต็มไปด้วย ตัณหา โน้มหน้าไปจุมพิตแก้มขาวใส

“เจ้า...เจ้ามันวิปริตนัก” ครุฑหนุ่มหลับตาร่ำ ร้อง พิษที่แผดเผาตายังแสบอยู่

“หากมิใช่เป็นเจ้า เทวปักษ์ ข้าคงมิกระทำเยี่ยง นี้”

ลิ้นลากเลียวนทั่วแก้ม ริมฝีปากจรดลงที่ปาก นุ่ม ดูดเม้มเพียงแผ่วเบา

เทวปักษ์แทบจะอาเจียน ทว่ากายกลับอ่อน แรงจนมิอาจต่อต้านขัดขืน พิษของนาคาหนุ่มแผ่ ซ่านไปทั่วร่าง สะกดพละกำลังในร่างกายเขา

ลิ้นสมุทรธรลากลงผ่านคอไปยังช่วงหน้าอก กวาดเลียยอดแดงสดอันน่าลิ้มชิม เพียงแค่เลีย ปลายส่วนยอด มิได้ใช้ปากครอบลงไป

เพียงเท่านี้ก็สร้างความเสียวกระสันแก่ครุฑา นัก ยอดแดงถึงกับแข็งชันรับปลายลิ้น เทวปักษ์ ร้อง

“ปล่อย...พอ!”

ลิ้นลากจากอีกยอดไปยังอีกยอด ลิ้นชิมกลิ่น อายอันเข้มข้นของจอมปักษา เห็นแผ่นหลังเทว ปักษ์พยายามบิดเร่ากับหางเขา สมุทรธรยิ้มกริ่ม ด้วยความพึงใจ

สมุทรธรเคลื่อนกายลงไปยังช่วงหว่างขา มอง ดูส่วนลับซึ่งยังคงนอนนิ่ง รอบส่วนลับมีขนขึ้นดก เต็ม ทว่าเขากลับมิได้สนใจมากนัก สองมือจับขา ครุฑยกขึ้น ศีรษะแทรกเข้าไปในจุดเร้นลับ กดหน้า ลงที่หน้าถ้ำยื่นลิ้นตวัดเลีย

“เจ้า...เสียสติรี!”

ดวงตาครุฑหนุ่มเบิกกว้างร้องเสียงตื่น ลิ้น โอรสแห่งราชาพญานาคแทรกเข้าโพรงใน ตวัดเลีย อย่างชำนาญ

นาคเป็นสัตว์ประเภทเดียวกับอสรพิษ หากแต่ สูงส่งกว่า เรื่องการใช้ลิ้นอย่างช้ำชองเป็นดั่งสิ่งที่ ธรรมชาติมอบให้แต่กำเนิด ลิ้นของสมุทรธรช่าง ร้ายกาจนัก ทั้งตวัดแลเลียวน ช่องภายในของเทว ปักษ์มิเคยถูกสิ่งแปลกปลอมแทรกเข้ามา ถึงกับ บีบรัดต่อต้านเป็นการใหญ่

ทว่าลิ้นของสมุทรธรยังคงลากวน โพรงลับ เสียวซ่านจนเกร็งเป็นระยะ เทวปักษ์หน้าแดงฉาน ยิ่งกว่าปีกตน บิดเอวดิ้นรนขัดขืนแต่มิสำเร็จ

ปราศจากเรี่ยวแรงเพราะพิษร้ายก็มากพอแล้ว นี่ยังต้องถูกเผ่าศัตรูคู่อาฆาตล่วงเกินถึงด้านหลัง เทวปักษ์ลอบสาบาน หากหลุดไปได้จะต้องสังหาร สมุทรธรผู้นี้กับมือ

ได้แต่บิดเอวหลีกหนีลิ้นร้ายของจอมนาคา ทว่าลิ้นของสมุทรธรคล้ายยาวขึ้นลงลึกไปถึงจุด กระตุ้น ปลายลิ้นกดลงทำเอาร่างครุฑากระตุกสั่น ไหว

“ไม่...พอ...”

คำร้องขอมิสำเร็จ ลิ้นตวัดเลียจุดอ่อนไหว อย่างเร่งร้อน ความเสียวแผ่ซ่านจนปลายเท้าครุฑ หนุ่มถึงกับเหยียดเกร็ง

เล่นลิ้นเลียวนจนฉ่ำชุ่ม สมุทรธรเห็นว่าเพียง พอแล้ว รั้งร่างกลับมาเผชิญหน้ากับเทวปักษ์ ใช้ลำ ตัวยาวรัดเทวปักษ์แน่นยิ่งขึ้น ส่งปลายหางสอดลึก เข้าระหว่างขา

ช่องลับถูกแหวกกว้าง เกล็ดนาคครูดเนื้ออ่อน จนแสบผิว เทวปักษ์เจ็บปวดร่ำร้อง หางนาคาหนุ่ม แทรกลึกแลขยับเข้าออก แม้จะบีบโพรงเนื้อรัดแน่น ก็มิอาจต้านทานการลุกล้ำ

ทันใดนั้น เทวปักษ์รับรู้ถึงความผิดปกติ หางนาคคล้ายมีของแข็งงอกออกมาเสียดสีช่องลับ เขาอย่างรุนแรง แม้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่ ก็ให้ความรู้สึกแปลกพิกล

เห็นใบหน้าสมุทรธรเคลิบเคลิ้ม ลมหายใจ ระบายอย่างเร่งร้อน หางนาคขยับเร็วรี่ ของแข็ง ภายในหางเสียดสีเร็วตาม

“ของข้าเป็นอย่างไร เทวปักษ์”

เจ้าปักษาทราบว่าสมุทรธรกำลังใช้ลึงค์กระทำ ชำเราตน แม้มิอาจมองเห็นภายใน แต่สัมผัสได้ว่า ลึงค์ของนาคตนนี้ใหญ่แลแข็งยิ่งกว่าหิน

หากมิใช่ถูกพิษแพร่ใส่ดวงตา เทวปักษ์อยาก ลืมตามองความชั่วร้ายกับสิ่งที่สมุทรธรกระทำกับ เขาเสียเหลือเกิน อยากจะจดจำใบหน้าของคนที่ย่ำยี เขาถึงเพียงนี้ให้ถึงแก่นกระดูก

“สะ....สมุทรธร...ข้าม่าเจ้าแน่”

เทวปักษ์กัดฟันด้วยความแค้น ขณะที่สมุทร ธรโน้มหน้าไปจุมพิตแก้มขาวแลกระซิบข้างหู

“เจ้าทำไม่ลงหรอก"

ลึงค์ซึ่งกำลังเสพสุขสร้างความเสียวซ่านแก สมุทรธรนัก ภายในของเทวปักษ์ช่างแน่นแลอุ่นเสีย เหลือเกิน ความใคร่กระตุ้นนาคาหนุ่มมิอาจรั้งสติ ไหว ปลดปล่อยความกำหนัดอย่างเต็มที่

ทันใด ศีรษะนาคาหนุ่มพลันงอกออกมาถึงห้า เศียร สี่เศียรแนบติดสามารถมองได้ทั้งสี่ทิศแปด ทาง ส่วนเศียรที่ห้างอกอยู่เหนือเศียรทั้งสี่ ลักษณะ คล้ายกับเศียรของท้าวพรหมมหาเทพ พระบิดรผู้ สร้างสรรพชีวิตทั้งปวง

หางเร่งเร็วดั่งพายุโหม กระชั้นช่องเนื้ออย่าง เต็มที่ ครุฑหนุ่มรับทราบถึงความผิดปกติอันใหญ่ หลวง รู้สึกถึงจำนวนของแข็งในร่างซึ่งเพิ่มมากขึ้น ถึงกับร้องเสียงตื่น

“นี่เจ้า!”

“ถูกต้อง ชอบหรือไม่?” สมุทรธรยิ้มเหี้ยม

เทวปักษ์ทราบว่าสมุทรธรมีเศียรถึงห้าเศียร ย่อมเป็นไปได้ว่าจะมีลึงค์ถึงห้าแท่ง!

ราวกับมีสรรพชีวิตมากมายผุดอยู่ในร่าง ครูด ช่องเนื้ออ่อนโดยมิให้พักหายใจ ลึงค์ทั้งห้าใหญ่ยาว เป็นลำโต แท่งแดงสดดั่งสีโลหิต ช่วงหัวตูมเหมือน ดอกบัว ปลายหัวหลั่งน้ำใสช่วยคลายความฝืด ยาม

เสียดสีจึงมิเจ็บเท่าก่อนหน้า

โอรสแห่งท้าวพญาครุฑบิดกายทรมาน มิ อยากร่ำร้องให้เป็นที่อับอายเสียหน้าอีกต่อไป จำ ต้องกัดฟันทนต่อความเจ็บปวดนั้น ขณะที่นาคา หนุ่มโน้มหน้าลงไปยังแผ่นอกเขา กัดลงที่ปลายยอด แดง

ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วอก โดยเฉพาะช่วง ยอดซึ่งถูกฟันบดขยี้ หน้าอกครุฑหนุ่มกระเพื่อมขึ้น ลง

“เป็นอย่างไรบ้าง เทวปักษ์”

อีกสี่เศียรกล่าวด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ ขณะที่มือ นาคาหนุ่มเคลื่อนไปบีบหน้าอกอีกข้าง กระทำ ราวกับว่าครุฑาตนนี้เป็นเมียรักในห้องหอ อยาก ชมเชยร่างกายก็ทำเสียจนพอใจ

ลึงค์ทั้งห้ากระแทกอย่างเร่งร้อน แม้จะสร้าง ความเจ็บแต่ก็เพิ่มความเสียวซ่าน ภายในเทวปักษ์ เริ่มคุ้นชินกายนาคา ถึงกับบีบรัดเป็นจังหวะโดยมิ รู้ตัว

“ข้านึกแล้วเจ้าต้องชอบ” สมุทรธรเอ่ย

“ไม่...ข้า..."

แลครุฑหนุ่มรู้สึกว่าข้างในนั้นกำลังค่อยๆ คล้อยตามการร่วมรักของโอรสแห่งจอมนาค แท่ง เดือยทั้งห้ากำลังสร้างความสุขสมแก่ร่างกายเขา ทั้ง ที่จิตใจมิยินยอม

“เจ้า...โอย...”

แม้จะมิอยากร้องให้ผู้อื่นได้ยิน แต่ลึงค์ทั้งห้า สร้างความเจ็บปวดแลกระตุ้นราคะ ส่วนหัวของลึงค์ กำลังครูดช่องลับเขาอย่างหนักหน่วง บีบเทวปักษ์ ให้คลายขากว้างเพื่อให้หางสอดเข้าออกได้สะดวก อันเป็นการคลายความเจ็บแน่นไปในตัว

สีหน้าทั้งห้าของสมุทรธรแลดูเสียวกระสัน ราคะงอบงำจิตเสียสิ้น คำรามเสียงทุ้มต่ำราวกับ อสนีบาต เร่งหางด้วยความรุนแรง

ทั้งที่อยู่ใต้บาดาล ทว่าภายในเทวปักษ์กลับ ร้อนยิ่งกว่าเพลิงแผดเผา ถูกลึงค์กระแทกช่องเนื้อ ถี่กระนั้น เพลิงแห่งราคะครอบงำทั่วกาย

ม่านน้ำตามิอาจลดความร้อนของพิษที่แปด เปื้อนดวงตา แลรู้สึกเจ็บใจตนเอง ที่ร่างกายกลับ สุขสมไปกับรสรักที่อีกฝ่ายมอบให้ สองขาสั่นระริก จุดลับสีแดงถูกกระทำจนบวมพอง

นาคาหนุ่มเสียวซ่านถึงขีดสุด เร่งอาวุธทั้งห้า บดเบียดครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายร่างกระตุกหลาย คราหลั่งน้ำขาวเหนียวออกมา

“อ่า!”

น้ำเสียงคำรามแลสุขสม ทว่ากลับทำให้เทว ปักษ์อับอายจนน้ำตารินไหล แต่น้ำตานั้นกลืนไปกับ น้ำในมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว แม้แต่สมุทรธรก็ยังมิ ทันเห็น

หางคลายจากช่องลับ เปลี่ยนเป็นม้วนรัดร่าง เทวปักษ์ทั้งตัว ส่งขึ้นมาในอ้อมแขน สมุทรธโน้ม หน้าจุมพิตหน้าผากอีกฝ่าย

“เจ้ายอดเยี่ยมนัก”

โอรสแห่งพญานาคราชตวัดลิ้นใส่ดวงตาซึ่ง ต้องพิษของเทวปักษ์ เพียงชั่วลมหายใจ ดวงตาของ จอมปักษามิรู้สึกแสบร้อนอีกแล้ว ทว่ายังเย็นลง เรื่อยๆ

“รออีกเล็กน้อย เจ้าก็จะใช้ตาได้เหมือนเดิม”

“จะปล่อยข้าได้หรือยัง?" เทวปักษ์คำราม

“เจ้าเป็นเมียข้าแล้ว จะปล่อยได้อย่างไร"

“เจ้า!”

นาคาหนุ่มตวัดปลายหาง ร่างพุ่งปราดแหวก ว่ายไปเบื้องหน้า มุ่งสู่ห้วงลึกแห่งมหาสมุทร อันเป็น ที่ตั้งของวังบาลของราชานาคราช

วังวาสุกรีมณีรัตนะ มิใช่วังอย่างเดียวกับราชา ของเหล่ามนุษย์แลเทพสวรรค์ หากแต่ตัววังเป็น ภูเขาหินสูง แกะสลักพญานาคยักษ์ม้วนพันภูเขาหิน ไว้ มีแก้วผลึกครอบไว้อีกชั้นหนึ่ง ตัวแก้วเปล่งแสง สีฟ้าอร่ามตาราวกับมณีเม็ดงาม

รอบวังรายล้อมด้วยทหารนับพัน ต่างเป็นนาค ซึ่งอยู่ในร่างมนุษย์ทั้งสิ้น เหล่านาคเปลือยกายท่อน บนอันกำยำ มือถือหอก สายตาสอดส่องคอยระ แวดระวังศัตรู

แลเห็นพระโอรสองค์โตแห่งองค์นาคราชอุ้ม ร่างครุฑาหนุ่มผู้หนึ่งเสด็จมาถึง ต่างตื่นตระหนก หันไปมองหน้ากัน แต่จำต้องคุกเข่าลงถวายพระพร

สมุทรธรมิสนใจทหารหาญ ว่ายน้ำไปที่ประตู วังอันเป็นปากถ้ำซึ่งถูกร่ายมนตร์มิให้น้ำทะลักเข้า มา เมื่อจากพ้นประตูแล้วก็มิใช่เขตแดนของน้ำอีก สมทรธรกลายร่างเป็นมนษย์เต็มตัวเดินเข้าถ้ำอันซับซ้อน มิต่างจากเส้นทางเขาวงกตแต่อย่างใด

ภายในถ้ำเปล่งแสงสีฟ้าสว่างโรจน์ ชอนไชเข้า ตาเทวปักษ์ซึ่งมองเห็นแล้ว หินย้อยนับพันหมื่นงอก งดงาม ตามกำแพงถ้ำยังสลักลวดลายโบราณอัน วิจิตร

ตัวถ้ำแบ่งห้องหับเป็นหลายสิบห้อง ทั้งห้องที่ ประทับขององค์ราชาแลพระมเหสี รวมทั้งห้องพระ โอรส พระธิดา ห้องพระเวท ห้องอาวุธ ยังมีห้อง โถงกว้างซึ่งใช้เป็นท้องพระโรงรวมประชุม

เทวปักษ์เห็นว่าวังนาคนั้นแตกต่างกับวังครุฑ อย่างใหญ่หลวง อันวังครุฑนั้นเต็มไปด้วยปราสาท ทองอันโอ่อ่า สิ่งปลูกสร้างตระการตา แต่วังนาค กลับตั้งอยู่ในถ้ำใช้ธรรมชาติขับเน้นความงาม

ตุบ!

ร่างเทวปักษ์ถูกโยนลงเตียงอย่างไม่ไยดี เขา ร้องถามสิ่งที่อยากรู้

“เจ้า...เจ้าจับข้ามาทำไม?”

“คำถามอันเขลานี้มิสมกับผู้ที่อวดอ้างตนว่า เป็นจอมปักษา เจ้าเป็นเมียข้า หากมิอยู่กับข้าจะอยู่ กับผู้ใดได้เล่า”

“หากพระบิดาข้ารู้ จะยกทัพวิหคนับหมื่นแสน มาทวงข้าแน่ ถึงวันนั้น วังนาคของเจ้าต้องถูก บดขยี้พินาศสิ้น”

“แล้วท้าวทศเวหนจะรู้ได้อย่างไร? ต่อให้ท้าว ทศเวลาหนกระจายกำลังครุฑาค้นหาทั่วแผ่นฟ้า ย่อมไม่มีใครคิดถึงว่าเจ้าจะอยู่ใต้สุดแห่งแดน บาดาล"

“ด้วยสายตาของพระบิดาข้า สามารถมองเห็น ได้ไกลนับร้อยโยชน์ มองทะลุถึงเบื้องล่างแห่งผืน พิภพ เจ้าซ่อนข้าได้ไม่นานหรอก”

“ก็ลองดู”

เทวปักษ์พยายามประคองตนนั่ง ทว่ากายยัง ถูกพิษมิหายเป็นปกติ สมุทรนั่งลงที่ด้านข้าง มือ โอบไหล่ช่วยประครองอีกแรง

“อย่าได้แตะตัวข้า” เทวปักษ์สะบัดไหล่

“เมื่อครู่ข้ายังแตะเจ้ามากกว่านี้อีก”

จอมครุฑพิโรธร่างสั่นระริก มองสมุทรธรด้วย สายตาเดือดดาลนัก หากสมุทรธรลงมือสังหาร เขา ยังมิอาฆาตเท่ากับสิ่งที่สมุทรธรกระทำกับเขาเมื่อ ครู่เลย

“เจ้าจับข้ามาโดยมิสังหารย่อมต้องมีเหตุผลแน่ คิดจะใช้ข้าแลกเปลี่ยนสิ่งใดกับพระบิดา? สัญญา สงบศึกของครุฑนาคหรือ?”

“หึ”

สมุทรธรเพียงแค่นเสียง สายจับจ้องใบหน้า ของจอมปักษาที่ยังเดือดดาล เทวปักษ์มิอาจทนได้

“ตอบมาสิ เจ้าต้องการสิ่งใด"

“ข้าบอกไปแล้ว ข้าต้องการมีลูกกับเจ้า”

“เจ้าจะมีลูกกับข้าไปทำไม?”

“นาคกับครุฑเป็นศัตรูกันมาเนิ่นนานแล้ว ข้า เพียงแค่อยากเห็นว่าหากนาคกับครุฑซึ่งเป็นอริกัน เมื่อได้มีลูกร่วมกันจะเป็นอย่างไร?”

“เจ้า!”

เทวปักษ์ร้อง คำตอบนี้ช่างไร้เหตุผลนัก ถึงกับ กำหมัดต่อยใส่ ทว่านาคาหนุ่มเบี่ยงกายหลบอย่าง ง่ายดาย

“สมแล้วที่เป็นจอมครุฑผู้โอหัง แม้โดนพิษข้า ยังมิสิ้นฤทธิ์ร้าย”

ขณะที่สมุทรธรจะกล่าวต่อ พลันได้ยินเสียง เรียกจากหน้าประตู

“พระโอรสสมุทรธร ฝ่าบาทเรียกเข้าเฝ้าโดย ด่วน"

สมุทรธรทราบว่าพระบิดาตนทราบเรื่องแล้ว จึงลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าเฝ้าต่อไป

---จบตอน---

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!