...บทนำ...
กริ๊งๆๆ~~
"สวัสดีค่าาร้านเบเกอร์รี่ยินดีต้อนรับค่ะ"
เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น บ่งบอกว่ามีคนเปิดประตูเข้ามาเยือน หญิงสาวตัวเล็กผอมบางแต่งชุดยูนิฟอร์มพนักงานของร้านหันไปที่ต้นทางพร้อมกับกล่าวทักทายต้อนรับลูกค้าอย่างสุภาพ ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสิน้ำตาล สไตล์ยุโรป มีโต๊ะเก้าอี้เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ด้านในสุดเป็นตู้โชว์ขนมปังแบบต่างหลาหลากหลายรสชาติ ด้านข้างเป็นเคาว์เตอร์คิดเงินที่ทันสมัย
หญิงวัยกลางคนเดินตรงเข้ามาที่ตู้กระจกที่มีขนมปังเรียงรายหลายหน้า หลายรสชาติอย่างตั้งใจ พร้อมกับชี้นิ้วเรียวยาวไปที่ขนมปังครัวซองสอดไส้ครีมหน้าตาน่ารับประทานพร้อมเอ่ยกับพนักงาน
"เอาครัวซองสองก้อนและมาการองหนึ่งชุดจ้ะ"
เธอเอ่ยกับพนักงานด้วยน้ำเสียงนุ่มพร้อมกับควักกระเป๋าเงินออกมาจ่ายให้กับพนักงานด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม
หญิงสาวร่างบางที่สวมชุดพนักงานของร้านรับเงินจากลูกค้ามาพร้อมกับยื่นถุงขนมปังให้อย่างถ่อมตัว เธอยิ้มให้กับลูกค้าอย่างน่ารัก พร้อมกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ เมื่อหญิงวัยกลางคนเดินลับออกไปจากร้าน เธอจึงจัดการเก็บของต่างๆในร้าน ปัดกวาด ทำความสะอาดเตรียมตัวกลับบ้าน
"ริน...วันนี้แกกลับบ้านเองนะวันนี้ฉันมีนัดกับพี่วินน่ะ เธอเดินกลับบ้านคนเดียวได้นะ"
เสียงแหลมตะโกนออกมาจากข้างในครัวหลังร้าน ทำให้หญิงสาวเจ้าของชื่อที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กถูโต๊ะนั้นหันมามองต้นเสียง
รินรดา. ทำหน้ามุ่ยพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงงอลนิดๆ
"อีกแล้วหรอ...ยัยลิลลี่ทุกวันนี้แกเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแล้วใช่มั้ยเนี่ย"
"แหม~~ก็พี่เค้าชวนฉันไปดินเนอร์ที่ร้านสุดหรอด้วยล่ะ และจะพาไปงานเทศกาลด้วย ฉันก็อยากมีโมเม้นต์หวานๆกับเค้าบ้าง"
ลลิตา พูดพร้อมกับทำหน้าเคลิ้มเมื่อนึกถึงสถานที่ที่เธอจะไปเดทกับแฟนหนุ่มสองต่อสองในค่ำคืนนี้
รินรดามองใบหน้าขาวใส่ของเพื่อนที่กำลังทำท่าทางเคลิ้มอยู่ด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับเอ่ยขึ้น
"จ้าๆแม่สาวน้อยผู้มีความรัก ขอให้เที่ยวให้สนุกน้า~~"
เธอเอ่ยล้อๆพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา กับท่าทางของเพื่อนรัก
"แกก็กลับบ้านดีๆนะ ไว้วันหลังเราไปกินไอศกรีมกัน"
"ฉันจะรอนะยัยเพื่อนบ้า"
ทั้งสองคนหัวเราะลั่น สองมือก็จัดของไปพราง ด้วยความที่ทั้งสองคนบ้านใกล้กันและรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก ทำให้ทั้งสองนั้นสนิทกันมาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็พร้อมจะช่วยเหลือทุกอย่างจึงทำให้ทั้งสองนั้นไม่ค่อยมีปากเสียงกัน รินรดารักและไว้ใจเพื่อนสนิทของเธอมาก ถึงแม้ว่าเธอจะมีแฟนแล้วแต่ลลิตาก็ไม่คิดจะทิ้งหรือห่างจากยัยเพื่อนสาวตัวเล็กคนนี้ได้เลย ซ้ำยังตัวติดกันตลอด
หลังจากเก็บร้านเสร็จ รินรดาล็อกกุญแจประตูร้านพร้อมกับเดินกลับบ้าน ไม่ลืมที่จะโบกมือลาเพื่อนสาว แล้วเดินแยกมาที่ฟุตบาทที่สองข้าวทางนั้นมีต้นแปะก๊วยใบสิแดงส้มต้นสูงลิ่วปลูกเรียงรายยาวลับตา รินรดาเดินชมด้วยความผ่อนคลายเธอมักเดินกลับบ้านทางนี้ทุกครั้งเพราะทำให้รู้สึกร่มรื่น และผ่อนคลาย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางอ้อมกลับบ้านก็ตาม
รินรดาเดินชมต้นไม้ข้างทางอย่างเพลิดเพิลนโดยที่ไม่รู้สึกตัวว่ามีเงาของใครบางคนกำลังเดินตามเธอโดยไร้เสียงฝีเท้า.
...บทที่ 1 ...
...มนุษย์...
รถสปอร์ทสุดหรูสีดำสนิท ขับมาจอดที่หน้าบันไดคฤหาสน์อันโอ่อ่าด้วยความเร็วแล้วแม่นยำประตูรถถูกเปิดออกมาด้วยมือเรียวสวยชายร่างสูงก้าวออกมาจากรถยืนอย่างเต็มตัวด้วยความสูงที่เกิน180เซนติเมตร เสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายเสื้อข้างเดียวกระดุมถูกปลดออกสามเม็ดบนเผยให้เห็นแผงอกที่ล่ำสันและขาวของเจ้าตัว บ่งบอกว่าเค้าเป็นคนที่ใส่ใจในสุขภาพมากคนหนึ่ง ใบหน้าคมคายจมูกโด่งรับกับริมฝีปากสวมแว่นกันแดดสีดำสนิททำให้ดูน่าหลงไหลยิ่งขึ้น ท้าวยาวก้าวขึ้นบันไดเข้าไปในตัวคฤหาสน์ภายในตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปผสมกับย้อนยุคอย่างลงตัวชวนให้นึกถึงปราสาทในเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น
"นายท่านครับวันนี้จะรับอะไรเป็นอาหารว่างดี"
พ่อบ้านวัยกลางคนตัวสูงโปร่งสวมชุดพ่อครัวเดินตรงมาหาชายหนุ่มโค้งตัวอย่างถ่อมตัวใบหน้าขาวซีดยิ้มเบาๆให้กับชายหนุ่ม
"ไม่ล่ะฉันยังไม่หิว"
"ฉันจะขึ้นไปทำงานที่ค้างไว้ห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเด็ดขาด"
ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบแล้วเดินขึ้นบันไดหรูไปชั้นสอง พ่อบ้านโค้งแล้วตอบรับอย่างสุภาพพร้อมกับหันไปสั่งลูกน้องอีกทีแล้วเดินเข้าครัวไป
มือเรียวบิดลูกบิดเปิดประตูเข้ามาในห้องขนาดใหญ่มีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ด้านข้างเป็นชั้นหนังสือเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เขาเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้เอนตัวพิงพนักแล้วถอดแว่นกันแดดวางไว้บนโต๊ะเผยให้เห็นใบหน้าที่ขาวซีดอย่างชัดเจนตัดกับนัยตาสีแดงเข้มราวกับอัญมณีที่ตีราคาไม่ได้ เขาหลับตาลงอย่าช้าๆ ถอนหายใจยาว นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
"ดูท่าทางจะเหนื่อยน่าดูเลยนะเจ้าคริสต์"
คริสต์ลืมตาหันไปมองชายร่างสูงที่ยืนพิงหน้าต่างบานใหญ่สายตามองมาที่เค้านิ่งเรียบ
"ไม่เท่าไรหรอกท่านพี่แดเนียล"
เขาเอ่ยแล้วนอนพิงเก้าอี้ต่อ เดเนียลหัวเราะเบาๆแล้วเดินมานั่งที่โซฟาหรูกลางห้อง มองดูน้องชายที่ท่าทางดูเหมือนมีเรื่องให้ต้องเหนื่อยอยู่
"กลับไปพักที่ฝั่งนั้นบ้างก็ได้นะท่านแม่บ่นคิดถึงอยู่ ท่านพ่อก็อนุยาทแล้ว"
"ข้าไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น งานฝั่งนี้ยุ่งจะตายท่านพี่ก็รู้ ไม่รู้ว่าข้าไปทำผิดอะไรนักหนาท่านพ่อถึงให้ข้ามาทำงานฝั่งนี้อยู่คนเดียว"
คริสต์เอ่ยตัดพ้อทั้งที่ยังหลับตาอยู่กับผู้เป็นพี่ชายที่นั่งมองน้องเค้าด้วยความเอ็นดู ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ร้อยปีน้องชายของเค้าก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิด ยังคงขยันทำงานที่ได้รับมอบหมายแม้ว่าจะหนักหนาแค่ไหนก็ตาม คริสต์เป็นคนรอบคอบไม่เหมือนกับเค้าที่ชอบทำอะไรผลีผลามโดยไม่คิดก่อน
ครอบครังของเขาเป็นตระกูลแวมไพร์ชั้นสูงอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งพ่อของเขาตอนยังหนุ่มๆได้ลองเข้ามาทำธุรกิจแบบไม่จริงจังนักที่โลกมนุษย์แต่สถานการณ์กลับพลิกผันจนทำให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรืองมากถึงขั้นเป็นมหาเศรษฐีเบอร์ต้นๆของโลก จะทิ้งมันไปก็กะไรอยู่อยู่ส่งลูกๆของเขามาแทนจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคริสต์ลูกชายคนรองที่ฉลาดและหัวไวที่สุดในบรรดาพี่น้อง คริสต์จึงจำต้องมารับช่วงต่อจากพ่อของเขาโดยเลี่ยงไม่ได้
"ก็ทำไงได้แกน่ะฉลาดกว่าใครเพื่อนเองก็โดนท่านพ่อจับมาทำงานงกๆแบบนี้แหละ อีกอย่างงานฝั่งนี้ต้องใช้สมองเยอะด้วยท่านพ่อไม่ไว้ใจใครนอกจากแกหรอกแกน่ะเหมาะที่สุดแล้ว"
"เฮ้อ...."
คริสต์ถอนหายใจยาว แดเนียลหัวเราะเบาๆกับท่าทีเหนื่อยหน่ายของน้องชาย
"ถ้าแกไม่อยากเหงาก็ลองหาเมียสักคนดูสิ"
"ข้าไม่มีเวลาขนาดนั้นหรอกท่านพี่"
"ก่อนที่จะมาหาแกเจ้าคาลิคฝากข้อความมาให้แกด้วย"
"คำทำนายอะไรอีกล่ะ"
"บอกว่าแกจะมีเมียเร็วๆนี้ฮ่าๆๆๆ"
เดเนียลหัวเราะแล้วหายตัวไป...คริสต์ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับกำลังจะพ่นคนด่าใส่พี่ชายแต่เจ้าตัวกลับชิ่งหนีไปเสียก่อน เขาได้แต่พูดตามหลังอย่างไม่สบอารมณ์
"ไร้สาระ!"
เขาน่ะเหรอจะมีเมียในเร็วๆนี้เวลาจะนอนยังแทบไม่มี อีกอย่างเขาไม่สนใจผู้หญิงฝั่งนี้แม้แต่นิดเดียว! อย่างมากก็แค่คู่นอน และ"อาหาร"เท่านั้นในความคิดของเขาตอนนี้ คริสต์ส่ายหัวไปมาไล่ความคิดแล้วเปิดเอกสารไล่อ่านบทความข้างใน จนสะดุดกับเอกสารแผ่นหนึ่งที่มีประวัติของลูกหนี้ในคาสิโนของเขา เป็นประวัติของผู้หญิงผมยาว นัยตาสดใสคนหนึ่ง ข้างล่างระบุข้อความไว้ว่าติดหนี้คาสิโนที่คริสต์เป็นคนดูแลอยู่เกือบห้าล้านบาท!
"แอล..เข้ามาหาฉันหน่อย"
สิ้นเสียงของคริสต์ก็มีชายใส่สูทสีดำสนิทตัวสูงปรากฎตัวต่อหน้าของเขาทันที
"ครับท่าน."
"ผู้หญิงคนนี้ใคร?"
เขายื่นเอกสารให้กับแอลผู้เป็นมือขวาดู
"เธอชื่อรินรดา เรียนมหาวิทยาลัยเอ ทำงานพาทไทม์ที่ร้านเบเกอร์รี่ พ่อของเธอติดหนี้คาสิโนของเราอยู่แล้วเจ้าตัวก็โอนหนี้ให้กับลูกสาวชดใช้แทนครับ"
"แล้วเค้าไปไหน"
"หายตัวไปครับคาดว่าหนีออกนอกประเทศไปแล้ว"
คริสต์ยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยขึ้น
"ไปตามทวงหนี้เธอซะถ้าไม่ได้ยึดที่ดินและบ้านมา ถ้าไม่ยอมก็ลากตัวมาซะ"
"ครับท่าน"
สิ้นเสียงบอดี้การ์ดก็หายตัวไปทำตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมาย คริสต์มองที่เอกสารประวัติของเธอคนนั้นอีกครั้งแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น...
...บทที่2...
...หนี้ที่เธอไม่ได้ก่อ...
รินรดารู้สึกเหมือนมีคนกำลังตามเธอมาจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะได้ถึงบ้านไวๆ แต่บุคคลปริศนาก็เร่งฝีเท้าตามเธออย่างไม่ห่าง เธอจึงวิ่งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ฟ้ากำลังจะมืดลง อีกไม่กี่เมตรก็ถึงบ้านของเธอแล้ว เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านล็อกประตูอย่างไว ทำให้คนที่กำลังสะกดรอยตามเธอนั้นต้องอยู่แค่หน้าประตูรั้วบ้านเธอ แล้วถอยห่างออกไป
“เฮ้อ....” เธอหายใจยาว หอบหายใจรัวด้วยความเหนื่อยเพราะรีบวิ่งหนีจากคนที่สะกดรอยตามเธออยู่เมื่อครู่
หลังจากที่เห็นเธอวิ่งเข้าตัวบ้านไปจึงพูดขึ้น
“บ้าเอ๊ย!”
บุคคลปริศนาที่สะกดรอยตามเธอสบทออกมาอย่างหัวเสีย แล้วเดินข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วเดินลับไป
หลังจากที่รินรดาล็อกประตูแน่นก็แล้วเดินมาที่ครัว เปิดตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่ม แต่กลับพบกับความว่างเปล่า เธอถอนหายใจอีกครั้ง แล้วเดินไปเปิดน้ำก๊อกกิน
love……..
เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น เธอจึงกดรับสาย
“ฮัลโหลค่ะ”
“คุณรินรดาใช่ไหมครับ พ่อของคุณติดหนี้เราสองแสนห้าหมื่นบาทเขาอยากให้คุณเป็นคุณจ่ายหนี้นี้”
“อะไรนะคะ!แล้วพ่อฉันไปติดหนี้ตอนไหน “
“เมื่อไม่นานมานี้ ถ้าไม่จ่ายเราจะยึดของมีค่าของคุณให้หมด เราให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ ถ้าหามาจ่ายไม่ได้ก็เตรียมตัวได้เลย..”
สิ้นเสียงปลายสายก็กดตัดทันที รินรดาอึ้งไปซักพักโดยที่ไม่สนใจว่าคู่สนทนาวางสายไปนานแล้ว เธอยืนอึ้งอยู่สักพัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เธอสะดุ้งตกใจแล้วกดรับสายอีกครั้ง
“ฮะ..ฮัลโหล”
“สวัสดีคุณเพทาย เมื่อไรคคุณจะจ่ายหนี้เรานี่ก็สามเดือนแล้วนะ”
เธอก็ต้องอึ้งอีกครั้ง รีบวางสายทันที นี่พ่อของเธอไปติดหนี้อะไรตั้งมากมายถึงได้มีคนโทรตามทวงหนี้เธอตั้งมากมายขนาดนี้ เธอจึงรีบกดโทรหาพ่อของเธอทันทีแต่ทว่าพ่อของเธอนั้นได้ปิดเครื่องหนีไปเสียแล้ว
“พ่อไปอยู่ไหนเนี่ย..”
ตลอดทั้งคืนก็มีสายโทรเข้าเบอร์ของเธอไม่ขาดสายจนเธอต้องปิดเครื่องไป รินรดากุมขมับคิดอะไรไม่ออกที่ผ่านมาพ่อของเธอนั้นเป็นคนไม่ทำการทำงานหมกมุ่นแต่กับการพนัน แต่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าพ่อจะติดหนี้เยอะขนาดนี้แล้วก็หลายเจ้าด้วย แล้วยังหายตัวไปอีก
1 อาทิตย์ต่อมา...
รินรดานั่งกอดเข่าอยู่หน้าทีวีอย่างคิดไม่ตกตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ออกไปทำงานเลยเพราะมีชายร่างใหญ่น่าสงสัยสองคนเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านเธอตลอด บางวันมีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน และเมื่อไม่มีคนมาเปิดประตูก็พยายามจะพังประตูหน้าบ้านเข้ามาให้ได้ บางวันก็ปีนรั้วเข้ามาเคาะประตูเสียงดังเป็นอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้เธอจิตตก กลัว และเครียดไปพร้อมๆ กัน เธอปิดมือถือและเครื่องมือสื่อสารต่างๆ เพราะว่าเจ้าหนี้ของพ่อเธอนั้นโทรหาเธอไม่ขาดสาย เธอไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้แต่นั่งกอดเข่าอยู่อย่างนั้น
เวลาผ่านเลยไปจนฟ้ามืดรินรดาคอยเปิดม่านดูเป็นระยะๆที่หน้าบ้านว่ายังมีชายแปลกหน้ายังเดินป้วนเปี้ยนหน้าบ้านเธอหรือไม่ เมื่อไม่เห็นใครเธอถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยๆ
“นี่ฉันจะต้องหลบๆ ซ่อนๆ ในบ้านอีกนานเท่าไรเนี่ย” เธอตัดพ้อกับตัวเองนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ ป่านนี้พ่อไปอยู่ที่ไหนกันแน่ทำไมทิ้งให้เธอต้องรับมือกับอะไรก็ไม่รู้ เธอเหนื่อยเหลือเกิน ที่ผ่านมาเธอก็ทำงานหนักเพื่อส่งตัวเองเรียนและเลี้ยงพ่อที่เอาแต่เล่นการพนัน แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ไปเรียนและทำงานพาทไทม์เลยเพราะว่าต้องหลบซ่อนตัวจากเจ้าหนี้ของพ่อ รินรดาสะบัดความคิดออกจากหัวและเดินขึ้นห้องไป..
แกร็กๆๆๆ ....
เสียงสะเดาะกุญแจประตูดังเป็นระยะ และเปิดเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ชายชุดดำจำนวนมากวิ่งพรวดเข้ามาในห้องโถง สำรวจห้องทุกห้องอย่างละเอียด ชายคนหนึ่งที่มีท่าทางเหมือนเป็นหัวหน้าได้ชี้นิ้วให้ลูกน้องขึ้นไปดูชั้นบนของบ้านส่วนหนึ่ง ชายชุดดำสนิทสามคนหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งที่เปิดไฟอยู่พร้อมกับส่งซิกให้ที่เหลือเตรียมพร้อม ในมือถือปืนจ่อที่หน้าประตู เมื่อเขาส่งสัญญาณทุกคนก็เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว หันไปมองประตูห้องน้ำที่มีเสียงฮำเพลงเบาๆ ชายในกลุ่มคนหนึ่งได้ถืบประตูเข้าไปแล้วหันกระบอกปืนไปที่ต้นเสียง
“กรี๊ด.....” รินรดาร้องกรี๊ดด้วยความตกใจที่จู่ๆ ก็มีชายใส่สูทสีดำสามคนพรวดเข้ามาจ่อปืนมายังเธอที่กำลังอาบน้ำอยู่
“จับตัวไป...” สิ้นเสียงก็เข้ามาล็อกตัวเธอไว้ทั้งที่เธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น
“ช่วยด้วย ๆ กรี๊ด” รินรดาดิ้นไปมาสุดแรงแต่ก็สู้แรงของชายร่างสูงไม่ได้ มันจับตัวเธอมาที่เตียงแล้วมัดเธอเอาไว้
“ใส่เสื้อผ้าซะแล้วมากับเรา” หนึ่งในชายที่จับตัวเธอนั้นโยนเสื้อผ้ามาให้เธอ
“ปล่อยฉันนะพวกแกไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะบ้านเมืองมีกฎหมายนะ”
รินรดาดิ้นจนสุดแรง และกรี๊ดร้องให้คนช่วยแต่ก็ไม่ได้ผล เธอถูกพวกมันใช้ผ้าปิดปากไว้ เธอไม่รู้จะทำอย่างไร น้ำตาก็ไหลออกมา สะอื้นไห้ด้วยความกลัว คืนนี้เธอคงไม่รอดแน่ๆ แรงเธอแค่นี้จะไปสู้อะไรได้กับผู้ชายตั้งสามคนแถมยังมีปืนอีกด้วย
“ถ้ามากับเราดีๆ โดยที่ไม่ขัดขืนเราจะไม่ทำอะไร” ชายในกลุ่มเอ่ยขึ้น โยนเสื้อผ้าให้เธอสวมใส่ และลากเธอลงไปข้างล่าง มีชายใส่สูทรสีดำเหมือนกันหลายคนกำลังลื้อค้นบ้านของเธอเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่
“มีแค่คนเดียวครับ”
“เอาตัวไป”
สิ้นเสียงรินรดาถูกชายล่างสูงอุ้มพาดบ่าออกๆ ไปข้างนอก เธอขัดขืนสุดกำลัง น้ำตาไหลไม่หยุด สะอื้นไห้แต่เขาก็ไม่สงสารเธอแม้แต่นิดเดียว เขาเปิดประตูรถยนต์แล้วโยนเธอเข้าไปข้างในด้วยแรงเหวี่ยงของเขานั้นทำให้หัวของรินรดาโขกเข้ากับประตูรถอีกฝั่งเลือดไหลออกมาเป็นทาง แต่เขาไม่สนใจ รินรดาไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ร้องไห้ รถสีดำเคลื่อนตัวออกไปจากหน้าบ้านของเธอด้วยความรวดเร็ว
รินรดารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรถจอดสนิท เธอมองไปรอบๆ ในสถานที่ที่ชายใส่สูทพาเธอมา พบว่าเป็นคอนโดหรูหราสูงลิ่วและหนึ่งในคนที่ไปบุกบ้านเธอก็เปิดประตูรถมาอุ้มเธอแล้วเดินไปที่ประตูทันที
“นายท่านครับ..ผมพามาแล้วครับ” สิ้นเสียง ประตูบานใหญ่ก็เปิดออก จึงเดินเข้าไปพร้อมกับแบกตัวเธอเช้าไปด้วยทำให้เธอยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะข้างในนั้นมีชายร่างสูงใส่สูทแบบเดียวกันกับคนที่ไปจับตัวเธอจำนวนมาก เธอดิ้นไปมาอีกครั้งทำให้เขาต้องยอมปล่อยตัวของเธอลง รินรดาพยายามวิ่งไปที่ประตูแต่ก็มีชายร่างสูงสองคนขวางหน้าประตูไว้แล้วมีคนหนึ่งลากตัวเธอไปนั่งที่โซฟาซึ่งมีชายใส่เสื้อเชิ้ตสีดำใบหน้าหล่อเหลาขาวซีดนัยตาสีแดงราวกับอัญมณีจ้องมองมาที่เธอว่างเปล่านั่งมองเธออยู่ที่โต๊ะทำงาน เธอจ้องเขาไม่วางตา
“สายตาเอาเรื่องนี่สาวน้อย”
“จับฉันมาทำไม”
“เธอไม่รู้เหรอว่าพ่อของเธอขายเธอให้ฉันเพื่อใช้หนี้พนัน”
เธอสับสนกับคำพูดของเขา ขายอะไรกันเธอไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำจริงอยู่ที่ว่าพ่อของเธอติดการพนันมากแต่ไม่คิดว่าจะถึงกับขายลูกตัวเองหรอก
“ฉันไม่ใช่สิ่งของนะ อย่ามาโกหกเลย” เธอยังไม่เชื่อในคำพูดของเขา คริสต์หัวเราะเบาๆ แล้วยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้เธอดู รินรดาคว้ากระดาษแผ่นนั้นมาดูโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเชือกที่มัดมือนั้นได้หลุดออกตั้งแต่ตอนไหน เธอไล่อ่านตัวหนังสืออย่างรีบร้อน ในเอกสารนั้นระบุชัดเจนว่าพ่อของเธอนั้นได้เซ็นชื่อลงไปอย่างชัดเจน น้ำตาที่กลั้นไว้ได้ไหลออกมามากมาย พ่อที่เธอรักและเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ทำไมถึงทำกับเธอแบบนี้
“ฉันจะไม่ทำอะไรเธอหรอกนะ แต่จะให้เธอทำงานให้ฉันจนกว่าหนี้จะหมด”
คริสต์กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ
“คุณจะให้ฉันทำอะไร” เธอปาดน้ำตาแล้วมองเขา
“ก่อนอื่นเธอก็ต้องเป็นอาหารให้กับลูกน้องของฉันในคืนนี้”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย รินรดาเบิกตากว้างกับคำพูดของเขา นี่เธอจะต้องมาเป็นผู้หญิงขัดดอกจริงๆ เหรอเนี่ย เธอเคยอ่านแต่ในนิยายเท่านั้นไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับเธอจริง เธอมองไปรอบๆ ห้องที่มีชายร่างสูงนัยน์ตาสีแดงเข้มเหมือนกับเขานั้นยืนจ้องมองเธอเป็นตาเดียว
“ไม่นะ....ปล่อยฉันไปเถอะขอร้องล่ะ” เธอยกมือไหว้เขาด้วยความหวาดกลัว ทุกคนในห้องนี้เป็นตัวอะไรกันแน่ ราวกับเธอหลงเข้ามาในดงของสัตว์ป่าอย่างไรอย่างนั้น
คริสต์ไม่สนใจ เขาก้มลงทำงานต่อ ลูกน้องของเขาเดินเข้ามาล้อมรอบตัวเธอเป็นวงกลม รินรดากลัวจนไม่รู้จะทำอย่างไรคืนนี้เธอต้องกลายเป็นศพแน่ๆ
“กรี๊ด......”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!