NovelToon NovelToon

ลำธาราหวนคืนเจ้า

1 ห้วงฝันยามค่ำคืน

ท่ามกลางคลื่นทะเลที่โหมกระหน่ำ เสียงหวีดร้องของผู้คนยังคงชัดเจน นัยน์ตาคู่สวยเหม่อมองมหาสมุทรที่กำลังพิโรธด้วยความเฉยชา ในตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้น

เขาไม่อยากทนทรมานอีกแล้ว พอเสียทีกับโลกใบนี้ พอเสียทีกับสงครามและความเจ็บปวด

มือคู่สวยค่อย ๆ ปลดอาภรณ์ชั้นนอกออก เผยให้เห็นร่างกายผอมบาง ผิวพรรณเปล่งปลั่งท่ามกลางแสงจันทร์ เจ้าของร่างนั้นค่อย ๆ ร่ายเวทย์ออกมาอย่างใจเย็น ไอสีขาวลอยออกมาจากกายเล็ก มันกระจายตัวออกเป็นวงกว้างรอบตัวอย่างรวดเร็ว แล้วสลายไป

 “ท่านโคลด์... ท่านพ่อ ท่านพี่ ตัวข้าขอทูลลา” เขายิ้มทั้งน้ำตา “หน้าที่ของข้า ข้าก็ทำไปหมดแล้ว หวังว่าพวกท่านจะให้อภัยกับสิ่งที่ข้าทำ”

ผู้พูดโค้งลงต่ำ พร้อมกับเรียวขาสวยที่ก้าวถอยหลัง 

เขาเงยหน้ามองบ้านเมืองที่ลุกไปด้วยเตโชสงครามครั้งสุดท้ายก่อนจะตัดสินใจ ทิ้งตัวลงไปในห้วงน้ำที่พิโรธ

เปลือกตาบางปิดลง พร้อมร่างกายที่ตกสู่มหาสมุทรช้า ๆ ความทรงจำที่ทั้งสุขและทุกข์ตลอดชีวิตโผล่เข้ามาในหัว

“ท่านโคลด์ ปากเล็กพึมพำ ข้ารักท่านนะ...”

 ซู้ม..

ราวกับหมื่นเข็มทิ่มแทง ซัมเมอร์เจ็บไปทั่วทั้งกาย สองมือเริ่มปัดป่ายไปทั่ว สองตาเบิกโพลงตกใจสุดขีด แต่แปลกนัก แม้เขาจะตะเกียกตะกายเพียงใดก็ไม่สามารถลอยขึ้นไปได้ หนำซ้ำยังดำดิ่งมากกว่าเดิมอีก! 

ซัมเมอร์ดำดิ่งลงไปเรื่อย ๆ พร้อมกับอากาศที่ใกล้หมด ในขณะที่สติจวนเจียนจะขาดผึงนั้นเอง เขาก็เห็น เขาเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ร่างกายกำยำว่ายเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว เส้นผมสีน้ำเงินทอประกายใต้ผิวน้ำ ฝ่ามือที่อบอุ่นประคองหลังและใต้เข่าของเขาอย่างเบามือ 

อบอุ่นเหลือเกิน.. ซัมเมอร์คิด ก่อนที่จะหมดสติไป

“ซัมเมอร์! ซัมเมอร์”

“อือ...” เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นข้างหู “อะ..ไร” ซัมเมอร์ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ยกมือขึ้นกันแสงที่ส่องตามสัญชาตญาณ นอกเหนือจากแสงอาทิตย์ยามสายแล้ว เขาก็พบว่ามีผู้คนรายล้อมเต็มไปหมด

ชนินทร์ มาแชล..อาจารย์ ทุกคน

“นายเป็นไงบ้าง! พวกเราเป็นห่วงแทบแย่” มาแชลเอ่ยถามเขาด้วยความตระหนก 

เขาโบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นอะไร ซัมเมอร์มองพวกเขาทีละคน คิดแล้วเชียว..สิ่งที่ช่วยเขาไว้ ไม่ใช่คนจริงด้วย

เมื่อรู้เช่นนี้ เขาก็บังเกิดความกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ชนินทร์มองหน้าเขาเงียบ ๆ พร้อมเอามือมาทาบหน้าผาก “ตัวนายเย็นมาก ไปพักเถอะ”

แน่นอนว่าซัมเมอร์ก็ไม่ขัด ปล่อยให้เพื่อนทั้งสองพยุงไปที่รถตู้

“เกิดไรขึ้นกับฉัน” เขาถามอย่างอดไม่อยู่

มาแชลถอนหายใจ “นี่ก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน นายคิดอะไรอยู่นะซัมเมอร์”  

ชนินทร์เป็นฝ่ายเริ่มอธิบาย “เมื่อคืนตอนงานเลี้ยงฉลองปิดโปรเจกต์ นายลุกหายไปเข้าห้องน้ำนานมาก อาจารย์เริ่มเป็นห่วงเลยให้พวกเราไปตาม..”

“จริง ๆ คนที่ห่วงกว่าใครก็เขานั่นแหละ” มาแชลยิ้มกริ่ม

“แต่ฉันหานายเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนฝนเริ่มตั้งเค้าเข้ามา ตอนนั้นลมพัดแรงมาก อาจารย์เลยให้พวกเรารีบเข้าไปในบ้าน แต่ตอนนั้นก็มีคนเห็นนาย ซัมเมอร์เขาเห็นนายกำลังเดินไปที่ริมหน้าผา”

ทั้งสามหันไปมองหน้าผาอย่างพร้อมเพรียง

“แต่นั่นมันเขตหวงห้าม” ร่างเล็กตกใจ “ฉันจะเข้าไปได้ไง?”

ชนินทร์ได้เพียงส่ายหน้า “พวกเราเรียกนายเท่าไรก็ไม่หัน แล้วตอนนั้นเองก็มีสายฟ้าฟาดลงมากลางทะล พวกเราตกใจมากรีบหาที่หลบกันใหญ่ ในขณะที่นายเดินเข้าใกล้เรื่อย ๆ แล้วนายก็กระโดดลงไปเอง ต่อหน้าพวกเราทุกคนตรงนั้น แล้วจังหวะที่นายตกลงไปสายฟ้าสายที่สองก็ฟาดลงมาอีก แต่แปลกที่หลังจากนั้นพายุก็สงบลง เหมือนไม่เคยมีมาก่อน พวกเราเลยรีบออกตามหานายกันทั้งคืน”

มาแชลลูบแขนตน “ขนลุกไม่หาย พวกเรานึกว่านายไม่อยู่แล้วซะอีก หาทั้งคืนก็หาไม่เจอ จนมาเจอนอนอยู่ริมหมู่บ้านนั่นแหละ”

ผู้ฟังนิ่งอึ้ง “มีพายุด้วยหรอ?” เขาถามออกไป

“ตอนที่ฉันอยู่ในน้ำจำได้ว่าน้ำใสมากเลยนะ”

มาแชล “ฉันว่านายสติไม่ค่อยครบรึเปล่า”

“คงงั้นมั้ง” เขายักไหล่ ไม่ติดใจอะไรนัก ตอนนี้พักได้พักเถอะ 

“งั้นพวกเราไปขนของก่อน อยู่นิ่ง ๆ ห้ามไปซนที่ไหนละกัน” ชนินทร์ปรามเสียงดุ

“อืม ๆ ไม่ซนหรอก”

หลังจากที่เด็กทั้งคณะกลับไปถึงมหาลัย อาจารย์ก็ได้เรียกพวกเขาสามคนรวมทั้งเพื่อนที่เห็นเขาเดินไปที่หน้าผามาสอบถาม แต่ก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่นัก เพราะตัวซัมเมอร์เองก็จำอะไรไม่ได้เช่นกัน 

“เฮ้อ เอาเถอะ งั้นพวกคุณก็กลับไปพักกันก่อน เรื่องนี้ค่อยหาสาเหตุทีหลัง”

“ครับอาจารย์”

ตอนที่พวกเขาเดินกลับหอก็มีมือคู่หนึ่งมาฉุดข้อมือซัมเมอร์ไว้

“นายเอง”

คนตรงหน้ามองเขานิ่ง สายตาที่แสนเย็นชาคู่นั้นทำให้นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

“ไปคุยกันหน่อยได้มั้ย”

ซัมเมอร์คิดอยู่สักพัก แต่ก็พยักหน้าตกลง

ชายคนนั้นฉุดเขาไปที่สวนด้านหลังของหอ

“นายมีอะไรรึเปล่า..” หลังเงียบอยู่นานซัมเมอร์ก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้น

อีกฝ่ายมองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากพูด 

“ตอนตกน้ำ นายเห็นอะไรที่แปลกไปบ้างมั้ย?”

“ของแปลกที่ว่าหมายถึงอะไรล่ะ” ซัมเมอร์เลือกที่จะไม่ตอบ แต่ถามกลับแทน

“อย่างเช่น คน เงือก อะไรแบบนี้น่ะ” เขาหันไปมองซัมเมอร์ “คือฉันก็ไม่ได้จะอะไรหรอก! แต่ว่าที่นั่นมีตำนานเกี่ยวกับภูติพรายอยู่”

“ผีหรอ”

“ไม่ใช่ ๆ เผ่าภูติต่างหาก” 

“ที่หูยาว ๆ อ่ะนะ ถ้าเป็นภูติฉันไม่แน่ใจหรอกแต่ถ้าเป็นคนอ่ะก็เห็นอยู่” 

“บอกลักษณะให้ฉันฟังได้มั้ย”

ซัมเมอร์พยักหน้าหงึกหงัก “เป็นผู้ชายตัวใหญ่ ๆ ผมยาวสีน้ำเงิน”

“ใส่เครื่องประดับมั้ย?”

“ใส่เครื่องหัวสีเงินยาวลงมา แล้วก็สร้อยคอมั้งถ้าจำไม่ผิด”

คู่สนทนายิ้มบาง เขามองซัมเมอร์ตาไม่กะพริบ

“...”

“ในที่สุดก็เจอเสียทีนะ”

“ห้ะ?”

“ท่านผู้นั้นตามหานายมานานมากแล้วซัมเมอร์ ”

“...”

ซัมเมอร์เดินกลับห้องด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนัก 

“ใครกันนะ ท่านผู้นั้น” เขานึกอย่างไรก็นึกไม่ออกเสียที จนกระทั่งผล็อยหลับไป

ในห้วงฝันของเขาปรากฏเป็นทิวทัศน์ทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา สายลมเย็นพัดผ่านเป็นระยะ พร้อมกลีบดอกไม้ที่ปลิวมาตามลม เสียงหัวเราะของเด็กน้อยดังขึ้นด้านหลัง เมื่อหันไปก็พบเด็กสี่คนกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนาน เสื้อผ้าของเด็กกลุ่มนั้นเรียกได้ว่าวิจิตรงดงาม แม้จะเป็นเสื้อผ้าของเด็กชายก็ยังหรูหรามาก ๆ เครื่องประดับทั้งทองและอัญมณีทอประกายท่ามกลางแสงอาทิตย์ หากอิงจากการแต่งกายพวกเขาคงจะเป็นราชวงศ์ในยุคกลาง

เด็ก ๆ พากันวิ่งไปนั่งพักอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ซัมเมอร์เห็นสาวใช้เอาอาหารไปให้เด็ก ๆ ทีละคน เด็กผมน้ำเงินในชุดที่หรูหราที่สุดได้รับอาหารก่อน ต่อจากนั้นคือเด็กสาวใบหน้าพริ้มเพรา และเด็กอีกสองคนตามลำดับ 

ซัมเมอร์เดินเข้าไปใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เมื่อจะแตะตัวเด็กน้อย ภาพเหล่านั้นกลับหายไป ถูกแทนที่ด้วยเตโชสงคราม เสียงหวีดร้องดังระงมจนเขาต้องยกมือปิดหู ภาพของศพที่เรียงรายและความเสียหายทำเอาน้ำตาไหลออกมา ทหารที่รบจนตัวตาย พ่อประคองลูกที่หมดลมหายใจ คนชราและเด็กที่ถูกจับไปเป็นเชลย สตรีทั้งหลายที่ถูกจับไปเป็นนางบำเรอ ความเจ็บปวดไม่มีที่สิ้นสุด ความสูญเสียที่ไม่อาจห้าม ในที่สุดความสิ้นหวังของชาวเมืองแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธแค้น 

โกรธศัตรู โกรธทหาร แค้นกษัตริย์ 

ซัมเมอร์มองดูภาพเหล่านั้นพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก สองขาก้าวไม่ออก ในเวลานั้นเองทหารนายหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเขา พร้อมเงื้อดาบฟันลงมาอย่างรวดเร็ว

“ช่วยด้วย”

เฮือก!!

เด็กหนุ่มสะดุ้งตื่นพร้อมเหงื่อและน้ำตา เขาหอบหายใจพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดกลัว

ฝันหรอกหรอ..

เขาขดตัวกอดเข่าท่ามกลางความมืด ภาพฝันเหล่านั้นยังไม่จางไป หนำซ้ำยังชัดขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ภายในหัว

2 สองภูติพลัดหลง แสงตะวันถูกลักซ่อน

เช้าวันรุ่งขึ้นซัมเมอร์ก็ตัดสินใจเล่าความฝันให้เพื่อนทั้งสองได้ฟัง

“บางทีนายอาจจะเหนื่อยจนเก็บไปฝัน” นั่นคือข้อสันนิษฐานของชนินทร์ ซึ่งมาแชลก็พยักหน้าหงึกหงัก

“บางทีนายอาจจะระลึกชาติได้” มาแชลเอ่ยติดตลก “ฉันอ่านนิยายแนวนี้มาเยอะ”

“เพราะเป็นนิยายน่ะสิมาแชล” ชนินทร์กลอกตาใส่เขา

“บางทีฉันคงเหนื่อยจริง ๆ ” เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเบา

ครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดซัมเมอร์ก็ตัดสินใจใช้เวลาหลังเลิกคลาสไปกับการตามหาเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง แต่ด้วยความที่เขาเป็นพวกอินโทรเวิร์ต ไม่เข้าสังคม ไปไหนมาไหนคนเดียว การตามหาเขาจึงเป็นเรื่องยาก 

แต่ว่านะความพยายามก็ไม่เคยทรยศใคร อย่างน้อยก็เขาคนนึงล่ะ เพราะในที่สุดซัมเมอร์ตามหาเพื่อนคนนั้นเจอเสียที

“อยู่นี่เอง!” เขาเอ่ยทัก แน่นอนว่าอีกฝ่ายหันมามอง แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับ

“เมื่อวานเรายังคุยกันไม่จบ” ซัมเมอร์นั่งลงข้างเขา “นายชอบมานั่งที่นี่หรอ?”

“อือ สงบดี แต่ตอนนี้คงไม่ละ” ว่าจบก็เตรียมจะลุกหนี

“เดี๋ยวสิ!  นายไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นจนกว่าจะตอบคำถามฉัน”

อีกฝ่ายปรายตามองเขา ยอมนั่งลงแต่โดยดี “มีอะไร”

ซัมเมอร์เล่าความฝันเมื่อคืนให้เขาฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งสองก็เงียบไป

“บางทีนายก็ควรปล่อยมันไปตามโชคชะตา”

“หมายความว่าไง?” เด็กหนุ่มหันมามองเขาด้วยความงงงวย 

“ตามนั้นแหละ นายอยากให้ฉันตอบอะไรนายอีกมั้ย? ถ้าไม่ฉันจะไปนอนละ”

“โอเค ฉันจะถามแค่สามคำถาม ไม่นานหรอก”

“...?”

“งั้นเริ่มคำถามแรก นายชื่ออะไร?”

“มิเกล” 

“นายรู้จักฉันหรอ?”

“ยิ่งกว่ารู้จักอีก”

“แล้วท่านผู้นั้นที่นายพูด หมายถึงใคร?”

คราวนี้มิเกลไม่ได้ตอบเร็วเหมือนทุกครั้ง เขาคิดอยู่สักพักราวกับตกอยู่ในภวังค์

“ซัมเมอร์..ฉันไม่ใช่คนที่ควรบอกนายหรอก”

“...”

เขามองมาที่เจ้าของชื่อช้า ๆ รอยยิ้มและนัยน์ตาสีน้ำตาลสว่างดูอ่อนโยนยิ่งนัก

“บางที ท่านควรลองกลับไปทวนดูนะขอรับ” 

ชั่วครู่นั้น ซัมเมอร์รู้สึกราวกับเห็นภาพซ้อนของใครอีกคนทับกับมิเกล

ชายหนุ่มรูปงามสวมแว่นตาเเละเครื่องประดับยศ ผมยาวสลวยถูกรวบหลวม ๆ ไปข้างหลัง เจ้าของใบหน้าผ่องใสที่แสนอ่อนโยนส่งมอบยิ้มละไมมาให้เขา

“...”

ซัมเมอร์รั้งอยู่ในสวนต่ออีกหน่อย เขามองธารน้ำที่ไหลผ่านด้วยความสับสน ภาพซ้อนในหัวยังไม่จางไป เด็กหนุ่มทนไม่ไหวจึงหยิบดินสอและสมุดออกมาสเก็ตภาพ เมื่อวาดเสร็จความสงสัยก็ยิ่งมากล้น เพราะแม้จะเป็นเพียงภาพเลือนลางในหัว แต่เขากลับวาดรายละเอียดได้เยอะกว่าที่เห็น ราวกับว่าได้พบเห็นทุกวันจนขึ้นใจอย่างไรอย่างนั้น ซัมเมอร์ยังคงจ้องภาพนั้นโดยไม่ละสายตาไปไหนอยู่ครู่ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรจึงนอนแผ่ลงไปบนผืนหญ้า สายลมยามเย็นของฤดูใบไม้ผลิพัดแผ่วเบา ราวกับต้องการจะหยอกล้อกับเขา เสียงของธารน้ำทำให้จิตใจสงบลงได้มาก ซัมเมอร์หลับตาลง ปล่อยใจไปตามกระแสธารอย่างใจเย็น ไม่นานเด็กหนุ่มก็ผล็อยหลับไป

“ทูนหัว”

เสียงเรียกของชายหนุ่มที่แสนคุ้นหูปลุกให้เขาตื่นขึ้น ซัมเมอร์หันรีหันขวางด้วยความตกใจ 

“ทูนหัวของข้า” เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขามั่นใจว่าตนไม่ได้หูเพี้ยนไปเป็นแน่ 

“ใครน่ะ!?”

“ซัมเมอร์ กลับมาหาข้า กลับมาปกครองบ้านเมืองของเรา” เสียงเดิมดังขึ้นเป็นครั้งที่สามเขามั่นใจแล้วว่าเสียงนี้มาจากไหน 

ธารน้ำ

ซัมเมอร์เริ่มหวาดกลัว สองมือยันขึ้นได้ก็เตรียมวิ่ง ทว่าสองขากลับไม่ให้ความร่วมมือ ในเวลานี้เองเสียงเรียกชื่อของเขาก็ดังก้องภายในหัว เสียงของคนนับร้อยเรียกชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด จากร้อยกลายเป็นพัน เสียงดังเซ็งแซ่จนซัมเมอร์ทนไม่ไหวยกมือปิดหูโดยพลัน

“ไม่!!” เขาตะโกนออกมาสุดเสียง “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น!!”

หลังสิ้นคำตอบของเขา เสียงของคนนับพันก็หายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงที่เศร้าใจของใครสักคน

“ข้าอยากพบเจ้าอีกครั้ง”

“ได้ครับ” ซัมเมอร์ที่สติเริ่มหายตกใจกับคำพูดของตัวเองเป็นอย่างมาก

“มาหาข้าสิที่รัก”

“ท่านโคลด์..” เด็กหนุ่มสติเหือดแห้งไม่เหลือหลังจากได้ยินประโยคนั้น เขาเดินตามกลิ่นบุปผาไป จนกระทั่งพบกับประตูบานหนึ่ง 

ซัมเมอร์เดินเข้าไปใกล้อย่างไม่เกรงกลัว จี้อัญมณีบนลำคอพลันเปล่งประกายเรืองรองรับกับประตู สร้อยสีเงินปลดตนเองออกจากเด็กหนุ่ม ก่อนจะแตกออกเป็นเศษเล็กเศษน้อยเต็มอากาศ เศษเหล่านั้นลอยเข้าไปหาประตูอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงเสี้ยววิก็หลอมรวมกลายเป็นประตูวิเศษบานหนึ่ง 

“มาสิซัมเมอร์” เสียงเชื้อเชิญดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับร่างเลือนลางแสนกำยำของชายผู้หนึ่ง เมื่อมองจากสีผมซัมเมอร์ก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นคนเดียวกับที่ช่วยตนไว้ แต่พอคิดได้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่คน ขนก็พลันลุกชัน สติเริ่มกลับคืน  แต่ก็เป็นอย่างเดิมที่ว่าแม้ใจนึกอยากจะหนีแต่สองขากลับไม่ให้ความร่วมมือ ซ้ำยังก้าวไปหาประตูบานนั้นด้วยสติที่ไม่ครบถ้วนนัก

จนกระทั่งได้ก้าวผ่านประตูไป

ร่างกายที่ตึงวูบไปชั่วขณะทำให้สติของเขากลับคืนมาอย่างครบถ้วน ซัมเมอร์มองสำรวจรอบด้านอย่างรวดเร็ว เสียงหัวเราะและเสียงเพลงเเสนครื้นเครงดังขึ้นด้านหน้า เมื่อจะเดินไปซัมเมอร์ก็รู้สึกว่าร่างกายของตนหนักอึ้ง มองลงไปก็พบว่าหาใช่ร่างกายเขาที่หนัก แต่เป็นเสื้อผ้าที่เปียกชื้นบนตัวเขาต่างหาก เด็กหนุ่มรีบเปิดดูสมุดสเก็ตภาพในกระเป๋าหนังทันที

“ยังไม่เปียก ขอบคุณสวรรค์” ซัมเมอร์คลี่ยิ้มด้วยความดีใจ  รีบออกจากน้ำโดยพลัน เขาเดินไปตามทางที่อัดแน่นไปด้วยหิน เสียงร้องเพลงที่ดังขึ้นทุกก้าวจนทำให้เด็กหนุ่มไม่รับรู้เลยว่ามีใครกำลังสนทนากันอยู่ไม่ไกล

“องค์ชายกลับมาแล้ว องค์ชายกลับมาแล้ว! รีบไปทูลท่านโคลดด์เร็วเข้า”

“เจ้าก็ไปสิ ข้าขอตามดูเขาอีกสักพัก” ภูติน้อยโบกมือไล่คู่สนทนาอย่างไม่ใส่ใจนัก ด้วยกำลังมองตามซัมเมอร์ตาไม่กะพริบ

“ซินเธียร์” ภูติตนนั้นเข้ามาโอบเอวเขา พร้อมแสร้งทำเป็นเศร้า “ใจคอเจ้าจะให้ข้ากลับวังคนเดียวหรือ”

“ปล่อยข้านะไซรัส หากมีคนเห็นเข้าจะทำอย่างไร” ผู้ถูกกอดเอ่ยเสียงดุ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้

“เราตัวเท่าฝ่ามือผู้ใดจักเห็นกัน ต่อให้เห็นแล้วอย่างไร?” ภูติหนุ่มเบะปาก “เจ้าอายที่ดูใจกับข้ารึ”

ซินเธียร์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันหน้าเข้าหาคนรักในทันที ฝ่ามือขาวทาบลงบนผิวแก้มสีน้ำผึ้ง “เปล่าเลย ข้าแค่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมนัก เราต่างก็เป็นองครักษ์ส่วนพระองค์ทั้งคู่ มันดูไม่งาม”

ไซรัสที่เหมือนจะเข้าใจก็ปล่อยกอดแต่โดยดี “งั้นเราไปดูองค์ชายว่าท่านแคล้วคลาดปลอดภัยก่อนค่อยกลับไปรายงานแล้วกัน”

ซินเธียร์คลี่ยิ้ม “อื้อ!” เขาหันกลับมาทางซัมเมอร์อีกครั้ง กลับพบแต่ความว่างเปล่า ซัมเมอร์หายไปแล้วหรือนี่

ภูติทั้งสองมองหน้ากันตาปริบ ๆ จากนั้นก็รีบพุ่งตัวไปตามทางทันที เมื่อพ้นทางหินก็พบกับขบวนแห่แสนยิ่งใหญ่บนท้องถนน เหล่าลูกไฟผัดเปลี่ยนสีหยอกล้อกันอยู่เหนือธารน้ำเล็ก ๆ เสียงดนตรีอึกทึกครึ้กโครมเป็นอย่างมาก เหล่าภูติและเหล่าพรายที่เฉลิมฉลองกันไปตามทางทำให้พวกเขาคลาดกับองค์ชายอย่างไร้ร่องรอย ทั้งสองรีบบินขึ้นไปเหนือฝูงชน หลังเขม้นมองสักพักก็พบกับเรือนผมสีส้มสะดุดตา พวกเขารีบบินตรงไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเหล่าชาวเมืองที่แห่กันมาอย่างมืดฟ้ามัวดินก็ทำให้เกิดปัญหาอยู่ไม่ใช่น้อย ในขณะที่เขากำลังจะถึงตัวอยู่แล้ว เจ้าของเรือนผมสีส้มนั้นก็ถูกฉุดตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“เขาหายไปไหนแล้ว!” ซินเธียร์มองหาด้วยความร้อนใจ

ไซรัสโอบเอวคนรักอย่างแนบเนียน “เขาคงไปได้ไม่ไกล ซินเธียร์ เราควรจะกลับไปแจ้งท่านโคลด์ก่อน ใกล้จะถึงเวลาแล้วด้วย”

3 พบพานท่านกลางกระแสธาร

ทางฝั่งของซัมเมอร์เองก็กำลังขัดขืนชายที่ฉุดตนอย่างสุดความสามารถ

“ปล่อยนะเว้ย คุณเป็นอะไรของคุณ ปล่อย!!” ซัมเมอร์ตวาดพร้อมสะบัดข้อมืออย่างแรง

ชายตรงหน้าหันมาหาเขาช้า ๆ พร้อมกับแสยะยิ้ม

โกสต์ปะครับเนี่ย? 

ซัมเมอร์ขนลุกเกรียว สองขาก้าวถอยหลังไปโดยอัตโนมัติ ส่วนชายคนนั้นเมื่อพบว่าซัมเมอร์กลัวก็ยิ่งฉีกยิ้มกว้างเข้าไปใหญ่ เดินเข้าหาเขาช้า ๆ  ตัวเด็กหนุ่มเองที่เริ่มวิตกก็ควานหาคัตเตอร์ในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

แกร้ก

“อย่าเข้ามานะ! ไม่งั้นแทงจริงด้วย” ซัมเมอร์ชูคัตเตอร์ขึ้นมา พร้อมสองขาที่หยุดนิ่ง

ชายคนนั้นเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเขาจริง ๆ เสียงหัวเราะแสนโรคจิตดังไปทั่วบริเวณ ซัมเมอร์ยิ่งวิตกเข้าไปใหญ่ สองขาก้าวถอยหลังจนแทบจะพันกัน 

“ถอยออกไป!!!” เขาตวาดอีกครั้ง ชูมีดคัตเตอร์สูงขึ้นอีก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะกลัวแต่ก็จะไม่หนีเด็ดขาด

เสียงหัวเราะที่แสนโรคจิตดังขึ้นเรื่อย ๆ เรื่อย ๆ พร้อมกับชายคนนั้นเดินมาใกล้เขา

มือหนาพุ่งเข้ามาหาลำคอขาวอย่างรวดเร็ว

ฉึบ..

เมื่อหยดเลือดกระเซ็นมาเปื้อนมือ เขาถึงได้รู้ตัวว่าได้ทำอะไรลงไป ซัมเมอร์มองชายแปลกหน้าที่ล้มลงกุมพวงแก้ม เจ้าของร่างอวบมองมาที่เขาอย่างโกรธแค้น ตามซอกนิ้วมีเลือดไหลออกมาเต็มไปหมด ซัมเมอร์หวาดผวาพุ่งตัวหนีอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งไปถึงใจกลางป่า 

เบื้องหน้าของเด็กหนุ่มมีไอน้ำลอยละล่องเต็มไปหมด เมื่อรวมเข้ากับไม้นานาพรรณก็ทำให้ที่แห่งนี้ดูราวกับภาพฝันอย่างไรอย่างนั้น 

เขาหลงลืมความหวาดกลัวไปชั่วขณะ ความอบอุ่นของไปน้ำทำให้รู้สึกราวกับว่ามีคนกอดปลอบ

ซัมเมอร์เดินฝ่าไอน้ำไปเมื่อพบกับธารน้ำใสก็ตกตะลึงในความงาม เขารีบก้าวเข้าไปล้างเลือดอย่างรวดเร็ว พอล้างเสร็จเดิมทีก็จะรีบออกไปทว่าร่างกายกลับทำสิ่งตรงกันข้าม เขาถอดรองเท้าและกระเป๋าวางเอาไว้ที่โขดหิน ก่อนจะค่อย ๆ เดินลงไปในลำธาร

อุ่นดีจัง 

ยังไม่ทันจะได้นั่งซัมเมอร์ก็รู้สึกว่าเอวตนตึงวูบ และในจังหวะต่อมาก็พบว่าตนถูกฉุดเข้าไปในอ้อมกอดแข็งแรงของใครสักคนเสียแล้ว 

อ้อมกอดนี้อ่อนโยนและอบอุ่นเป็นยิ่งนัก ทำเอาเขาลืมความผวาเมื่อครู่เลยทีเดียว 

“ซัมเมอร์.. ใช่หรือไม่”

เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นเหนือหัว เรียกให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมอง และทันทีที่ดวงตาประสานเข้ากับนัยน์ตาสีไพลินความทรงจำเมื่อคืนวานก็ย้อนเข้ามาในหัว

ท่ามกลางมหาสมุทรที่หนาวเย็น ในช่วงเวลาที่ราวกับมีเข็มนับพันทิ่มแทงร่างกาย ก็มีชายคนหนึ่งว่ายเข้ามาหาเขา เครื่องประดับบนกายขาวขับเส้นผมสีน้ำเงินให้ดูโดดเด่น ริมฝีปากหยักอมชมพูคลี่ยิ้มเบาบาง ในขณะที่ดวงตามุ่งมั่นเข้ามาใกล้เขา ดวงตาของพวกเราสบประสานกัน อ้อมแขนแข็งแรงเข้ามาโอบกอดตัวเขาไว้ จากนั้นภาพทั้งหมดก็ดับไป

นอกจากความรู้สึกอบอุ่นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย..

เจ้าของเสียงยังคงจ้องมองเขาไม่วางตา ซัมเมอร์เองก็มองเขาด้วยความสงสัยเช่นกัน เขาขยับตัวออกห่างเล็กน้อย ทว่าเพียงอีกฝ่ายกระชับวงแขนเขาก็กลับมาแนบชิดกันอีกครั้ง

“คุณ..” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้ง ว่ากันตามจริง การกระทำแบบนี้ถือเป็นการลวนลามอย่างหนึ่ง สำหรับคนแปลกหน้าอย่างพวกเขา ทว่าซัมเมอร์ก็พูดท้วงอะไรไม่ออกเลยเมื่อมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น

ราวกับอ่านใจได้ เสียงหัวเราะที่แสนเอ็นดูดังขึ้นข้างหู พร้อมกับแขนที่คลายกอด ร่างสูงตรงหน้ายังคงมองเขาไม่วางตาในขณะที่เอื้อมไปแตะกลุ่มผมอย่างเบามือ

“ผมเจ้าเปียกหมดแล้ว”

เขากล่าวพร้อมกลับรวบผมให้อย่างอ่อนโยน ซัมเมอร์ยืนนิ่งราวกับตกอยู่ในภวังค์ หมู่ดาวที่พร่าวพราวอยู่บนฟ้ายังทอประกายไม่เท่าดวงตาคู่สีไพลินคู่นี้ ซัมเมอร์ไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลยไม่ว่าจะเป็นใบหน้าได้รูป สันกรามคมชัด จมูกโด่ง ปากกระจับ ผิวขาวกระจ่าง เส้นผมสีน้ำเงินทอประกายขับกับเครื่องประดับสีเงิน ไหนจะท่าทางที่แสนอ่อนโยนนั่น เขาไม่เคยใจเต้นขนาดนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตอนเด็กที่แอบรักสาวน้อยคนหนึ่งเท่านั้น

ใจเต้นแรงจังวะซัมเมอร์ หยุดความคิดมึงเลยนะ!!

เมื่อซัมเมอร์สะบัดหัวเล็กน้อยไล่ความคิดที่ฟุ้งซ่านต่าง ๆ ออกไป  ก็ได้ยินเสียงกรุ้งกริ้งใสกังวานดังขึ้น มือขาวยกขึ้นจับผมของตนตามสัญชาติญาณ นอกจากจะพบว่าผมของตนยาวมากแล้วก็พบว่าบนกลุ่มผมของเขามีเครื่องประดับห้อยยาวประบ่าอยู่ เส้นผมถูกรวบขึ้นอย่างเรียบร้อยแล้ว และเสียงกรุ้งกริ้งที่ดังขึ้นก็มาจากเครื่องประดับนี้นี่เอง 

ซัมเมอร์แปลกใจ เงยหน้าขึ้นโดยพลัน

“คุณเอาอะไร.. ”

หายไปแล้ว

จริงเสียด้วย เบื้องหน้าของเขามีเพียงไอน้ำที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เท่านั้น หาได้มีใครอีกคนไม่ เด็กหนุ่มมองไปรอบด้าน แต่นอกจากเสียงของเครื่องประดับที่กระทบกันอยู่ข้างหูก็ไม่ได้ยินอะไรอีก 

ซัมเมอร์หาได้รั้งอยู่นานเช่นกัน เมื่อแช่น้ำจนพอใจหายเหนื่อยล้าก็เร่งเดินเท้าออกไปทันที เด็กหนุ่มเดินสำรวจทางไปเรื่อย ๆ อย่างไม่อนาธรร้อนใจ ดวงตาของเขาเป็นประกายสุกใสท่ามกลางหมู่ดาราหยอกล้อกับประกายจากปีกผีเสื้อที่แสนระยิบระยับ เสียงร้องรำยังคงแว่วให้ได้ยินอยู่ไม่ขาดสาย ผ่อนคลายเป็นยิ่งนัก

เขาเดินตามทางที่อัดแน่นไปด้วยหินจนพบเข้ากับกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครคนหนึ่งจะเดินออกมา ซัมเมอร์ตกใจรีบเข้าไปหลบหลังต้นไม้ทันที 

แอ๊ด..

“ใครมาน่ะ” เสียงที่ไม่เบาไม่ดังมากนักแว่วมาให้ได้ยิน ฟังจากเสียงทำให้ซัมเมอร์พอจะเดาได้ว่าเป็นชายวัยกลางคนไม่ก็วัยชราผู้หนึ่ง 

“หลังต้นไม้น่ะ ข้าถาม” เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงใบไม้แห้งดังสวบสาบ

“ข้าถามทำไมไม่ตอบ?”

เฮือก..

เด็กหนุ่มหันขวับไปหาต้นเสียง พร้อมด้วยรอยยิ้มที่แสนแปลก

“แหะ ๆ คือผม.. ผม” 

ผมอะไรดีฟะ คิดไม่ออก!!

ซัมเมอร์ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น พลางคิดหาคำตอบที่ดูจะปลอดภัยใส่ตัว จะบอกว่าเดินหลงมาก็ไม่ได้ เพราะนี่มันป่าลึกมาก ๆ แต่เขาโดนฉุดมาจริง ๆ นะ! หรือจะบอกว่าจะมาขอความช่วยเหลือดี แต่ไตร่ตรองแล้วก็พบว่า บอกไปแบบนั้นมีพิรุธกว่าเดิมอีก ดีไม่ดีเรื่องอาจสาวถึงผู้ชายคนนั้นที่เขาพึ่งไปกรีดหน้ามา ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงเขาได้ตายแน่

ระหว่างที่คิดหาวิธีอยู่นั้นซัมเมอร์ก็เห็นว่าชายชรารับจดหมายบางอย่างมาอ่าน

ชายชรายิ้มกว้าง กล่าวเชิญชวนซัมเมอร์อย่างเป็นมิตร

“เอ้า ๆ เข้ามาก่อนแล้วกัน มีคนฝากฝังเจ้าไว้กับข้าแล้วล่ะ”

“ค..ครับ?” เด็กหนุ่มชะงักไป นี่มคนแปลก ๆ นะ เขาคิด

“เอาหน่า ข้าไม่หาเรื่องถูกฟันคอให้ตนเองหรอก ที่บอกมีคนฝากก็คือมีคนฝากจริง ๆ ” ชายคนนั้นอธิบาย

ซัมเมอร์อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่สักพักแต่ก็ยอมเดินเข้าไปในกระท่อมพร้อมชายชราแต่โดยดี ก็นะเขาไม่มีที่ไป แถมไม่คุ้นทาง คุ้นถิ่น แทนที่จะเดินเร่ร่อนไปทั่วไม่สู้หาที่ซุกหัวนอนดีกว่า

“ระหว่างนี้เจ้าก็อยู่ที่นี่ไปก่อนแล้วกัน เขาบอกว่าจะฝากเจ้าไปสักพัก” ชายชราชูจดหมายขึ้นเป็นเชิงบอกใบ้ เขาบอกให้เด็กหนุ่มทำความคุ้นชินกับบ้านหลังนี้พร้อมขอเวลาไปจัดเตรียมห้องให้

“ที่นี่สวยดีแฮะ” นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสะท้อนภาพมุมนั่งเล่นภายในห้อง เทียนถูกจุดขึ้นส่องสว่างขับเน้นกันและกัน เสริมให้กระท่อมหลังนี้ดูอบอุ่นยิ่งขึ้น ซัมเมอร์มองสำรวจด้วยความสนใจ จนกระทั่งไปสะดุดตาอยุ่กับเสือโคร่งตัวหนึ่ง เจ้าเสือน้อยมุดตัวอยู่ใต้ผ้าหนา ภายในรังของมันมีถาดอาหารวางไว้พร้อมด้วยอาหารที่พร่องไปกว่าครึ่ง ดูท่าคุณตาคงจะเลี้ยงไว้

เด็กหนุ่มยกมือขึ้นแตะผมตัวเองอีกครั้งอย่างใจลอย จนกระทั่งไปแตะถูกเครื่องประดับเย็นเฉียบอันนั้น ใจก็พลันเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!