NovelToon NovelToon

รักครั้งนี้ข้าขอมีเพียงเจ้า

การพลัดพลาก(1)

"ท่านพี่!!"

ฮูหยินที่กำลังจะคลอดเด็กทารกออกมา แต่ระหว่างนั้น มันก็ไม่ได้ราบลื่น เพราะครอบครัวโดนพลักไสไล่ส่ง ออกจากเมืองเพราะชาวบ้านคิดว่า เป็นตัวนำอันตรายมาสู่บ้านเมืองเลยทำให้รังเกียจ

"ท่านพี่...ข้าจะไม่ไหวแล้วนะ!!"

"อดทนหน่อยนะฮูหยินกำลังจะถึงแล้ว"

ฮูหยินร้องคร่ำครวญมาตลอดทาง เพราะเด็กทารกที่กำลังจะได้ออกมาลืมตาดูโลก

"ฮูหยินถึงแล้ว!!"

"ข้าไม่ไหวแล้วท่านพี่!"

ฮูหยินเริ่มไม่ไหวกับการเจ็บปวด มาตลอดเส้นทางอันยาวนาน ในที่สุดก็มาถึงอีกหนึ่งหมู่บ้าน

"หลีกทางให้ข้าหน่อย!!"

ชาวบ้านต่างพากันมุงดู จนทำให้การพาฮูหยินไปหาหมอทำคลอดนั้นลำบาก จนมีหญิงผู้หนึ่งช่วย

"มา...ข้าจะพาท่านไปเอง"

"ขอบคุณท่านมาก"

"ท่านพี่...ข้าจะไม่ไหวแล้ว!"

"รีบไปกันเถอะ"

ฮูหยิน อาการเริ่มแย่ขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากทารกนั้นเริ่มจะคลอดออกมาแล้ว

"ท่านซางหลิน!"

"ท่านซางหลิน!!"

"เอะอะอะไรของเจ้าลู่เว่ย!"

"ช่วยฮูหยินของข้าที"

หมอทำคลอดประจำหมู่บ้าน ได้เห็นอาการของฮูหยินไม่สู้ดีนัก เลยรีบพาเข้าไปทำคลอดในห้องอย่างเร็ว

"เข้ามาเร็วๆ!"

"ลู่เว่ยเตรียมของช่วยข้าหน่อย!"

"อย่าชักช้านัก!!"

หมอทำคลอดประจำหมู่บ้าน ได้เห็นอย่างนั้นจึงคิดว่ามันไม่ดีแล้วเพราะว่า...ฮูหยินนั้นอาการเริ่มไม่ไหวลงทุกที

"ท่านออกไปอยู่ข้างนอกรอ"

"ข้าจะทำคลอดให้ภรรยาของท่าน!"

หมอทำคลอดประจำหมู่บ้านรีบเร่ง กลัวว่าเด็กและผู้เป็นมารดาสิ้นลมหายใจ

เวลาได้ผ่านไปสองชั่วยาม หมอทำคลอดประจำหมู่บ้าน ได้ออกมาพร้อมเด็กทารกที่ร้องไห้ไม่หยุด

"ลูกเมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง"

"ปลอดภัยดี...ทั้งเด็กและผู้เป็นแม่"

ฝ่ายสามีได้ยินอย่างนั้นก็โล่งใจ เพราะตลอดเวลาสองชั่วยามนั้น กังวลอย่างรุนแรง กลัวลูกกับฮูหยินเป็นอะไรไป

"ข้าขอบใจเจ้ามากนะ"

"ไม่เป็นอะไรหรอก"

"ว่าแต่ท่านมาแต่ที่ใด เยี่ยงใดหน้าจึงไม่คุ้น"

ลู่เว่ยได้สงสัยเพราะนางไม่เคยเห็นชายผู้นี้ในหมู่บ้านนี้เลย

"เอ่อ...ข้า"

"ข้ามาจากอีหมู่บ้านหนึ่ง"

"ที่หมู่บ้านเจ้า ไม่มีหมอคลอดประจำหมู่บ้านรึ"

เขาลังเลว่าจะตอบรึไม่ส่วนลู่เว่ยก็ถามด้วยความสงสัย

"ข้ามิอาจเล่าให้ท่านฟังได้"

"งั้นหรอ"

"ว่าแต่ท่านแซ่อะไร"

"ข้าแซ่ว่า ลู่เว่ย"

"ท่านละ"

"ข้าฉิงเว่ฉาง"

ทั้งสองได้ทำความรู้จักกันพอประมาณ เนื่องจากว่า ฉิงเว่ฉางยังได้ห่วงภรรยาของเขา ที่ยังไม่ฟื้น

"นางฟื้นแล้ว"

หมอประจำหมู่บ้านได้เรียกบอก อิงเว่ฉางได้ยินอย่างนั้นก็ทำให้ฉิงเว่ฉางเลิกคิดกกังวล

"ฮูหยิน...เป็นอย่างไรบ้าง"

"ข้ามิเป็นอะไรแล้ว"

ฮูหยินได้ตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเพื่อไม่ให้สามีคิดมากเกินไป และคลายความกังวลไดด้วย

"ข้าขอดูลูกหน่อยได้มั้ย"

"ได้สิ..ได้ๆ"

ฮูหยินได้เห็นหน้าลูกที่ร้องไห้เบาลง น้ำตาของฮูหยิน ก็เริ่มไหลออกมา เพราะความดีใจที่ลูกไม่เป็นอะไร

"ลูกแม่"

ฮูหยินพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่ร้องไห้แล้วดูหน้าลูก

"แม่ดีใจนัก...ที่เจ้าไม่เป็นอะไร"

"ท่านพี่...ว่าแต่ลูกของเราเพศอะไรรึ"

"เพศชาย"

ฮูหยินได้ยินที่สามีพูดออก มายิ่งทำให้ฮูหยินนั้นดีใจมากกว่าเดิม เพราะนางอยากได้ลูกชาย

"เจ้าได้ชื่อรึยัง"

ฉิงเว่ฉางได้ถามด้วยความดีใจ และมีความสุขมากๆในชีวิต

"แม่จะให้ชื่อเจ้าว่าเว่ยยู้ซาง"

ทั้งสองสามีภรรยาดีใจและมีความสุขในเวลานั้นจนลืมคิดว่าจะมีเงินเลี้ยงรึเปล่า ไม่ได้คิดถึงสิ่งนี้เลยด้วยซ้ำ

ตกดึกในคืนนั้น ลู่เว่ยได้ให้ที่พัก ชั่วคราวพอที่จะอยู่ได้ เพราะหาได้แค่นั้น

"งั้น...พวกท่านนอนที่นี่ก่อนแล้วกันนะ"

"ข้าก็หาให้พวกท่านได้แค่นี้"

ลู่เว่ยกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และเดินจากไปยังไม่ได้ให้ทั้งสองได้ขอบคุณ

"ข้าขอบคุณท่านมากเลยนะ!!"

ฉิงเว่ฉางได้ตะโกนบอก และก้มหัวลงขอบคุณ

"ลูกหลับแล้วรึฮูหยิน"

"หลับแล้วละ"

ทั้งสองได้มองลูกด้วยความมีความสุขจนฮูหยินได้พูดสิ่งๆหนึ่งขึ้นมา

"ท่านพี่..."

"ฮูหยินมีอะไรรึ"

สามีของเขาถามด้วยความสงสัยโดยไม่ได้คิดอะไรเพราะเป็นช่วงที่มีความสุข

"เงินแม้แต่สลึงเดียวยังไม่มี...เราจะทำยังไงดี"

ฉิงเว่ฉางได้ชะงัดสิ่งที่ฮูหยินพูด และเริ่มทำสีหน้าเศร้า

"ท่านอย่าเงียบสิ...ท่านพี่"

ฮูหยินทำหน้าเศร้าใจและเริ่มกำลังจะเป็นทุกข์

"ฮูหยินเจ้าอย่าว่าข้าพูดแบบนี้เลยนะ"

ฉิงเว่ฉางได่คิดอยุ่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสิใจพูดออกมา ถึงสิ่งที่เขาคิดจะไม่ค่อยมีพ่อคนไหนพูด

"ข้าว่า...เราเอาไปไว้ใต้ต้นไม้ ก่อนเข้าอีกหมู่บ้านหนึ่งดีมั้ย เผื่อมีคนมาพบเข้า เขาก็อาจจะเก็บไปเลี้ยง"

ฮูหยินชะงักกับคำพูดผู้เป็นสามี อยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยปากพูด

"นี่ท่านบ้าไปแล้วรึไง!"

"นี่ลูกทั้งคนนะ!"

"ก็ใช่อยู่หรอกนะ...แต่ในเมื่องเงินแม้แต่สลึงเดียวก็ยังไม่มี เจ้าจะหาอะไรมาเลี้ยงเล่า นมในอกเจ้ายังไงซักวันก็ต้องหมดไปอยู่ดี"

ฮูหยินเริ่มร่ำไห้กับคำที่ผู้เป็นสามีพูดออกมา

"ข้าก็ไม่อยากจะคิดแบบนี้หรอกนะฮูหยิน"

"แต่มันมีทางเลือกซะที่ไหน ถึงเจ้าเอาลูกไปด้วย ยังไงก็เหมือนเอาไปตายด้วย แค่เราสองคนยังจะไม่รอดแล้ว"

ฮูหยินได้คิดถึงสิ่งที่ผู้เป็นสามีพูดและลองใคร่คิดอยู่ซักครู

"พรุ่งนี้เราจะเดินทางกัน"

ฮูหยินได้ตัดสินใจจะเดินทางออกจาหมู่บ้านนี้ โดยไม่ห่วงร่างกายของตัวเองเลยซักนิด

เช้าวันต่อมาฮูหยินได้เริ่มการเดินทางแต่ก็ไม่ลืบุญคุณที่ทั้งสองช่วยไว้ในครานั้น

"พวกข้าขอบคุณพวกเจ้ามานะ ถ้าไม่ได้พวกท่านพวกข้าก็สิ้นหวัง"

"ไม่เป็นไรหรอก ข้านะช่วยคนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว"

ทั้งสองฝ่ายได้ทำการล่ำลาเรียบร้อยแล้ว นั้นจึงเริ่มเดินทางออกจากหมุ่บ้าน แห่งนี้โดยไม่หันหลังกลับมอง คนที่ยืนส่งอยู่ข้างหลัง

การพลัดพลาก(2)

ทั้งสองสามีภรรยา และลูกของพวกเขาได้เดินออกมาจากหมู่บ้าน จนพ้นแล้วนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทั้งสองสามีภรรยาได้เดินตามทางไปเรื่อยๆ จนไปเจอต้นไม้ต้นหนึ่ง สูง ใหญ่มีร่มให้นั่งพักผ่อน ก่อนที่ผู้เป็นภรรยา จะอุ้มลูกน้อยมาไว้ข้างหน้า

"หิวนมแล้วรึยัง"

เด็กน้อยนั้น ไม่ร้องไห้เลยแม้แต่เเอะเดียว

"ข้าว่ายังหรอกนะ ดูสิไม่ร้องซักเเอะเลย"

"ข้าก็ว่างั้นเหมือนกัน"

ทั้งสองได้คุยกันเสร็จ ก็เริ่มจะไปหากิ่งไม้ใบหญ้ามาก่อไฟทำอาหาร เพราะตั้งแต่ออกมาจากหมู่บ้านนั้น ก็ไม่ได้กินอะไรเลย

"ข้าทำเสร็จแล้วท่านพี่"

"ทำเสร็จแล้วหรอ"

ทั้งสองได้นั่งกินข้าวจนอิ่ม และพักนิดหน่อย จนผู้เป็นสามีได้เอ่ยปากพูดในสิ่งที่ผู้เป็นภรรยาลืมไปแล้ว

"ฮูหยิน..เรื่องลูกละ"

ฮูหยินที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ชะงักและเเล้วเวลามีความสุข ก็กลายเป็นความทุขเข้ามาครอบงำ

"ท่านพี่...ข้าไม่อยากทิ้งลูกเลย"

"แล้วเจ้าจะทำยังไง...ขืนเจ้าเอาไปด้วยยังไงก็เป็นภาระเอาซ่ะเปล่าๆ น่า"

"นี่ท่านพูดคำได้ออกมาได้ยังไง!"

ฮูหยินได้ตบหน้าผู้เป็นสามีด้วยความเสียใจและสิ่งที่สามีพูดออกมา

"นี่ลูกทั้งคนนะคะ!"

"แล้วเจ้ามีปัญญาเลี้ยงรึไง แค่ตัวเจ้ายังไม่รอด!"

"แต่นี้ก็ลูกนะท่านพี่!"

ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นาน จนฮูหยินเองก็สิหวังไปตามกัน ส่วนสามีก็เอาแต่พูดในคำเดิมๆ เพื่อให้ฮูหยินตัดใจ แล้วทิ้งเด็กไว้ตรงต้นไม้ต้นใหญ่นี้เสียะ

"ข้าทำไม่ได้หรอกนะ!"

"ถ้าเจ้าไม่ทำ เงินแม้แต่สลึงเดียวตัวเจ้าเองก็ไม่มี ข้าก็ไม่มียัง ไงน้ำนมของเจ้า ยังไงเซียะก็ต้องหมดไปในซักวัน ข้ากับเจ้าก็เอาชีวิตแทบจะไม่รอดอยู่แล้ว"

ฮูหยินได้คิดและร่ำไห้ไปตามๆ กัน เพราะทั้งสองก็ยังเอาชีวิตตัวเองยังจะไม่รอดอยู่แล้วนางเลยต้องจำใจ ทิ้งลูกไว้ที่ต้นไม้แห่งนี้ แล้วทำใจเดินหน้าต่อไป โดนที่ไม่เหลียวแล แล้วคิดว่าซักวันจะได้เจอลูกอีกครั้งถ้าไม่สิ้นลมหายใจไปเสียก่อน

"เจ้าอย่าเสียใจไปเลยนะ"

"ข้า..."

ฮูหยินหลังจากที่ได้ทิ้งลูกไว้ที่ต้นไม้แล้วนั้นสีหน้าก็ยิ่งเศร้าหมองและร่ำไห้ตลอดทาง

"ข้าก็ไม่ได้อยากจะให้เจ้าทำแบบนี้ แต่เงินแม้แต่สลึงเดียวยังไม่มีเราก็ยังไม่มี เราก็ยังลำบาก ถ้าเจ้าเอาลูกมาด้วย มันก็เท่ากับตายทั้งเป็น ตัดใจซ่ะเถอะนะฮูหยิน"

"ข้าจะทำใจยังไง ข้าจะตัดใจยังไง ตัวข้าก็เจอหน้าลูกแค่วันเดียว"

"เดินทางต่อเถอะ"

ทั้งสองเดินทางต่อไป จนไปถึงหมู่บ้านหนึ่งซึ่งไม่มีผู้คนมาอาศัยเลย หญ้ารกทึบพอที้งสองสามีภรรยาได้เดินเข้าไปอีกก็ได้เจอโลกศพเป็นจำนวนมากที่กองอยู่

"ท่านพี่...นะ..นี่"

"โลงศพทั้งนั้เลย!"

ฮูหยินได้ทำหน้าตาตกใจที่ไม่เคยเห็นหมู่บ้านไหนมีโลงศพตั้งวางเยอะมากมายขนาดนี้ทั้งโลงอันเล็กโลกใหญ่

"ข้าว่าหมู่บ้านนี้น่าจะร้างได้ยังไม่นาน ดูไม้ของโลงสิยังไม่ผุพังเลยซักนิด"

ฉิงเว่ฉางได้ดูไม้ของโลงศพที่ที่กองกันเป็นจำนวนมาก และแล้วก็มีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจะในบ้านหลังหนึ่ง ดูแล้วอายุน่าจะ80กว่าได้ แต่แปลกนักอายุจะ90แล้วแต่ยังแข็งแรงเหมือนคนยังหนุ่มๆ

"พวกเจัาเป็นใคร!!"

"พวกเจ้ามาที่นี่ทำไม"

ชายชราเอ่ยปากถามน้ำเสียงไม่เป็นมิตร

"ข้ากับภรรยาแค่เดินทางผ่านเข้ามา"

ชายชราได้มองดูทั้งสองเหมือนกำลังจะคิดอะไรบางอย่างไปด้วย

"ท่านผู้เฒ่า...ข้าขอถามอะไรท่านได้หรือไม่"

ชายชราได้หันไปมองผู้เป็นสามีของจิ้งฉาน

"เข้ามาข้างในก่อน เจ้าค่อยถามข้า"

"ข้างนอกมันไม่ปลอดภัย"

สองสามีภรรยางงในสิ่งที่ผู้เฒ่าคนนี้ได้พูด

"เจ้าจะยืนตรงนั้นนานมั้ย"

ทั้งสองได้เดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับชายชรา

"ไหน..ถามมา"

ชายชราขึ้นประเด็นก่อนที่ฉิงเว่ฉางจะเอ่ยปากถาม

"ข้าขอถามท่านผู้เฒ่าหน่อย ทำไมหมู่บ้านนี้จึงมีแต่โลงศพละ"

ด้วยความสงสัยความอยากรู้ของฉิงเว่ฉางจึงปริปากถามชายชราไป

"เมื่อ2ปีที่แล้ว มีโจรมาบุกปล้นสิ่งของในหมู่บ้านจนหมดและทำการฆ่า ชาวบ้านบางส่วนที่หนีทันข้าก็ไม่รู้ว่าจะรอดรึเปล่า ส่วนพวกที่หนีไม่รอดก็โดนฆ่าทั้งหมด เลยทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ เป็นหมุ่บ้านไม่มีผู้มาอาศัย เลยทำให้รกร้างมา"

"ข้าขอถามท่านอีกหนึ่งอย่าง...แล้วท่านรอดได้ยังไงในเมื่อ2ปีที่แล้วโจรมาบุกปล้นของในหมู่บ้านและชาวบ้านโดนฆ่า"

"เมื่อ2ปีที่แล้วในวันเดียวกัน ช่วงเช้าข้าจะนำสิ่งของบางส่วนเอาไปขายในอีกหมู่บ้านหนึ่ง พอข้ากลับมา ก็โดนโจรปล้นหมู่บ้านไปหมดทุกหลัง แต่ละคนตายกันเป็นกองน้ำเลือดนองเต็มพื้น"

ชายชราเล่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านให้ฉิงเว่ฉางและจิ้งฉางฟังจนหมด อยู่ๆ ชายชราผู้นี้ก็เดินออกมาข้างนอก ก่อนที่จะบอกให้ทั้ง2ระวังตัว

"พวกมันเดินทางมา..พวกเจ้าสองคนรีบไปหาที่ซ่อนซ่ะ"

"ทะ...ทำไมละ"

"ข้าบอกให้ไป หรือพวกเจ้าอยากจะตายแล้วอยู่ในโลงศพนี่ละ!!"

ฮูหยินจิ้งฉางได้ยินอย่างนั้นก็แทบจะพูดอะไรไม่ออก

"ไปเถอะฮูหยิน"

"ละ..ละ..แล้วท่านผู้เฒ่าละ"

จิ้งฉางได้เป็ยห่วงผู้เฒ่าที่อยู่ข้างนอกคนเดียวกลัวว่าจะเป็นอันตราย

"ข้าไม่เป็นอะไรหรอก..พวกเจ้าไปหาที่หลบซ่อนซ่ะ!"

ทั้งสองได้ทำตามที่ชายชรา บอกและเริ่มวิ่งไปหาที่หลบซ่อนให้มันพ้นจากสายตาของพวกโจร

ถูกพบเจอ

หลังจากสองสามีภรรยาได้ไปหาที่หลบซ่อน ก็ได้เผลอหลับจนเวลาผ่านมาเป็นยามเช้า แสงแดดส่องอ่อนๆ ส่อง

"เช้าแล้วรึ"

ผู้เป็นสามีได้ตื่นขึ้นและมองดูรอบๆ ว่าปลอดภัยแลัวจึงได้ปลุกผู้เป็นภรรยาที่ยังหลับอยู่

"ฮูหยิน ตื่นได้แล้ว เช้าแล้ว"

ฮูหยินที่โดนปลุกก็ได้ตื่นขึ้นและได้ถามกับผู้เป็นสามีว่า

"ท่านผู้เฒ่าละท่านพี่"

จิ้งฉางถามด้วยความเป็นห่วงชายชรากลัวว่าจะเป็นอะไรไป

"ข้าเองก็ยังไม่รู้"

"ข้าว่าออกไปหาดีกว่ามั้ยท่านพี่"

ด้วยความเป็นห่วงจึงได้ออกจากที่ซ่อนตัวจากพวกโจรเมื่อคืน

"ท่านผู้เฒ่า!"

"ท่านผู้เฒ่า ท่านอยู่ที่ไหน!"

ทั้งสองได้เรียกหาชายชรานั้นอยู่นานจนชายชราได้ปรากฎตัวขึ้น

"พวกเจ้าจะเรียกอะไรกันนักหนา"

ทั้งสองสามีภรรยาได้วิ่งไปหาด้วยความเป็นห่วง

"ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นอย่างไรบ้าง!"

สองสามีภรรยาได้ปริปากถามพร้อมกันด้วยความเป็นห่วงชายชรา

"ข้าไม่เป็นอะไรหรอก"

ชายชราได้ตอบอย่างหน้าตายิ้มแย้ม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สองมามีภรรยาได้ยินอย่างนั้น ก็โล่งใจ

"ว่าแต่พวกเจ้ากินอะไรกันรึยัง"

ชายชราถามตามมารยาท

"ยังเลย"

ฉิงเว่ฉางได้ตอบชายชรานั้นไป

"มาๆ เข้ามาข้างใน ข้าจะทำให้กิน"

"ไม่เป็นหรอกท่านผู้เฒ่า"

ฮูหยินได้ปฏิเสธด้วยความเกรงใจ

"เอาเถอะน่า ข้าจะทำให้กิน เจ้าไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก"

ชายชราได้พูดออกมาอย่างหน้าตายิ้มแย้ม

"งั้น...ข้าขอรบกวนท่านแล้ว"

"ไม่เป็นไร"

ทางฝั่งของเด็กทารกน้อย ที่หลับไหลโดยที่ไม่รู้ว่า บิดดาและมารดา ได้ทิ้งเขาไว้ที่ต้นไม้ใหญ่ ขณะนั้นเองก็ได้มีชายวัย50ปี ได้มาพบเข้า

"เฮ้! นะ...นี่มันเด็กทารกนิ!"

ชายวัยกลางคนตกใจที่เจอเด็กทารกถูกทิ้งไว้ข้างต้นไม้ใหญ่ชายมัยกวลางคนเลยยกเด็กขึ้นมาดู

"เห้อ..เจ้าเนี่ยคงถูกทิ้งสินะ"

เด็กน้อยที่พึ่งตื่นจากการหลับได้เห็นหน้าชายวัยกลางคน อยู่ๆ ก็ยิ้มแทนที่จะร้องไห้ด้วยซ้ำไป

"หึ๊...ยิ้มอะไรของเจ้า"

ด้วยความเอ็ดดูชายวัยกลางคนจึงรับเด็กคนนี้ไปเลี้ยงเพราะเขาเองก็ไม่ได้มีลูกหรือหลาน

"มา..ข้าจะเอาเจ้าไปเลี้ยงแล้วกัน ถือว่านี่คือบุญเจ้าที่ยังมาเจอข้า ข้าก็ไม่ได้มีลูกหลานที่ไหน"

เด็กน้อยมองไม่ละสายตาและยิ้มให้เขาตลอด จู่ๆ เด็กน้อยก็้ริ่มร้องไห้ขึ้นมา เพราะอาการหิวนม

"อะ...อะ..อ้าว"

ชายวัยกลางคนที่คิดว่าเด็กคนนี้น่าจะไม่ร้องไห้แต่กลับร้องไห้ออกมา

"ฮึก! แงง! ฮืออ"

"คงจะหิวสินะ ม่ะไปบ้านข้าดีกว่านะ"

เด็กน้อยร้องไห้จนมาถึงบ้านของชายวัยกลางคน

"รอข้าแปปนึงน้า ข้าไปต้มน้ำก่อน"

ด้วยความที่ชายวัยกลางคนไม่มีนมจึดได้ต้มข้าวจนเนื้อข้าวละเอียดเป็นโจ๊ก

"เสร็จแล้ว มะข้าจะป้อนเจ้า"

ชายวัยกลางคนได้ป้อนข้าวจนเด็กน้อยอิ่ม และแล้วเวลาก็ผ่านไป6ปีเด็กน้อยเริ่มเติบโตทำให้ชายวัยกลางคนมีความสุขมีเสียงหัวเราะ

"นี่ๆ ท่านตา ท่านมาดูนี่สิ"

"ดูอะไรรึ"

"นี่ไงขอรับ"

"เจ้าเอามาแต่ไหนหึ๊ เว่ยซิ่น"

ชายวัยกลางคน ได้ตั้งชื่อของเด็กน้อยนั้นว่าเว่ยซิ่น เพราะเขากับรูปลักษณ์ และหน้าตาความอ่อนโยน แต่ตลอดที่ผ่านมาเว่ยซิ่นโดนเพื่อนๆ รังเกลียดรังแกสาระพัดเลยทำให้เว่ยซิ่นไม่กล้าออกจากบ้าน

"ข้าเห็นมันในสวน ข้าเลยเก็บมา"

เว่ยซิ่นได้เก็บสุนัขตัวนึงมาซึ่งมันบาดเจ็บเลยได้เอ่ยปากขอให้ช่วยสุนัขตัวนั้น

"ท่านตา ท่านตาช่วยรักษามันหน่อยได้มั้ยขอรับ"

"ได้สิ ดูแล้วน่าจะไม่เป็นอะไรมาก"

ตลอดที่ผ่านมาเว่ยซิ่นก็ไม่ได้มีเพื่อนจึงได้สุนัขมาเป็นเพื่อนคลายเหงา แต่เขาไม่รู้ว่าสุนัขตัวนั้นสามารถเป็นมนุษย์ได้ ทั้งสองได้เล่นกันอย่างสนุกจนถึงเวลาค่ำ

"เว่ยซิ่นเอ้ย"

ชายวัยกลางคนกลับกลายมาเป็นท่านตาได้เรียกเว่ยซิ่นมาอาบน้ำกินข้าว

"ขอรับ!"

เว่ยซิ่นได้ตะโกนตอบกลับ

"กลับมาอาบน้ำกินข้าวได้แล้ว!"

"ขอรับ!"

เว่ยซิ่นได้วิ่งกลับมายังบ้านและรีบไปอาบน้ำเพือจะมากินข้าวเว่ยซิ่นเป็นเด็กที่ใช้ง่ายเรียกง่ายมีความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่และมีจิตใจดีชอบช่วยเหลือ

"มาแล้วขอรับ"

"มาๆ กินข้าวๆ"

ทั้งสองได้นั่งกินข้าวกันอย่างมีความสุขส่วนสุนัขของเขาก็ได้แบ่งไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ใช่อาหารเหลือจากพวกเขา

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!