จังหวัด อยุธยา เวลา 18:00 นาฬิกา
ชุดของกัน
ร่างเล็กในชุดรำรองดูสบายๆได้เดินเข้ามาภายในบ้านหลังใหญ่ของเพื่อนสนิดอย่างวารุณวัน หรือ คณาคินทร์ มือเรียวพนมมือไหว้ หญิงชราตรงหน้าด้วยความนอบน้อม คุณหญิงเเขไขท่านเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของคณาคินทร์ เเละเป็นย่าของเพื่อนสนิดด้วย
" ผมไหว้ครับหม่อมย่า "
" อื่มๆ ไหว้พระไหว้เจ้าเถอาะนะ นี้มาไกลเชียวเป็นไงมาไงล่ะ "
หญิงชราพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆพร้อมกับท่าทีที่ดูสบายๆ " พอดี ผมจะมาขอเช่าเรือนเล็กอยู่ครับหม่อมย่า ไม่ทราบว่าจะได้ไหมครับ " ชายหนุ่มเปิดประเด็นในทันที อีกฝ่ายยกยิ้มก่อนจะพยักหน้าปรกๆ
" ได้สิ จะอยู่ฟรีๆก็ได้เพื่อนเจ้าคินทร์มันหนิ "
" ไม่เอาหรอกครับคุณหญิงย่า ผมขอเช่าดีกว่าเกรงใจด้วย "
" อื่ม ถ้าเธอสะดวกเเบบนั้นก็ตามใจเถอาะ ว่าเเต่จะพักเรือนหลังไหนหล่ะจะได้ให้ตาคินทร์พาไป "
" อื่ม..ขามาผมเห็นเรือนหลังนึงสวยมากๆรู้สึกถูกชะตา จะขอพักที่เรือนหลังเล็กข้างเรือนใหญ่ได้ไหมครับ "
สิ้นคำนั้นหญิงชราดูจะตื่นตระหนกเบาๆหากเเต่เก็บสีหน้าไว้ มือเหี่ยวย้นยื่นกุนเเจให้กับเขาพร้อมกับเอ่ยเตือนไว้ " อย่าเข้าไปที่เรือนใหญ่ล่ะ "
...****************...
ณ.เรือนเล็ก
บานประตูหนาถูกเปิดออก พร้อมกับไฟที่ติดไปทั่วบ้าน เพราะคณาคินทร์ได้เปิดสวิทไฟ " ตุ๊บ ฟรึบ " กระเป๋าเป้ใบใหญ่ถูกทิ้งลงข้างโซฟาห้องนั้งเล่น กรภัทรทิ้งตัวลงนอนที่โซฟานุ่มด้วยความเหนื่อยหนายในชีวิต เเขนข้างขวายกขึ้นเกยหน้าผาก
" มึงเป็นบ้าไรวะ อยู่ๆก็ติดต่อมาเเล้วก็บอกว่าจะขอเช่าบ้าน " คณาคินทร์ เอ่ยพูดขึ้นมาด้วยความสนสัยถึงการมาปรากฏตัวของเพื่อนสมัยเรียน อยู่ๆมันก็ทักเขามาบอกจะขอเช่าบ้าน
" กูทะเรอาะกับม๊ามาว่ะ ท่านจะให้กูรับช่วงต่อบริษัทเเต่กูไม่พร้อม กูอยากเป็นนักเขียนไม่ใช่นักธุรกิจเเบบที่ท่านต้องการ "
" มึงก็เลยหนีมาเนี้ยนะ?! มึงก็รู้ว่าท่านต้องตามหามึงจนเจอ ยังไงมึงก็ต้องรับช่วงต่อมันไม่มีทางเลยเว้ย ที่มึงจะรอดจากท่านอะ "
" เเต่กูรู้สึกนะเว้ย ว่าถ้ากูหนีมาที่นี้จะมีบางอย่างปกป้องกูได้อะอย่างน้อยๆก็มีมึง "
" อะไรทำให้มึงคิดงั้น?! "เสียงเข้มเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ หัวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเป็นปม " ไม่รู้ดิ เเต่ความรู้สึกกูมันบอกเเบบนั้นคือกูไม่ได้คิดไปเองนะ ในทุกๆครั้งที่กูเครียดหรือเจอเรื่องอะ กูมักฝันถึงใครบางคนที่ไม่รู้จัก "
" ทำบุญมะ?! " เสียงเข้มเอ่ยพูดขึ้นมาลอยๆ ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นมา " กูไม่ตลกไอ้สัส " เสียงนุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง " กูพูดจริงๆ ฝันเเบบนี้ทีไรกูเห็นมีเเต่เจ้ากรรมนายเวรทุกทีอ่ะ "
" มึงครับ มันก็เป็นเเค่ฝันมั้ย?!/เเต่มึงก็เชื่อ?! ไม่งั้นจะมาที่นี้เพื่อไร " คำๆนี้เล่นเอากรภัทร เถียงไม่ออกได้เเต่ปัดๆไปเพราะลึกๆภายในใจ เขาก็ไม่อยากเชื่อเรื่องพวกนี้ มันคงเป็นเเค่ฝันเเหลาะ
" ชั่งเเม่งเหอาะ เอาเป็นว่ากูหนีม๊ามาละกัน ท่านคงตามหาไม่เจอไปสักพักใหญ่อะ เลยมาขอเช่าที่นี้อยู่เเป๊ปนึง "
" เออๆ/ เออมีเรื่องสงสัย ทำไมหม่อมย่าไม่ให้ไปยุ่งกับเรือนใหญ่วะ ท่านไม่เปิดให้ใครเช่าหรอ?! "
" มึงจะถามถึงเรือนนั้นทำไมวะนั้น " ร่างสูงเดินมานั้งลงที่โซฟาอีกฟากหนึ่งสีหน้านั้นดูอึดอัคใจที่จะพูด " เรือนนั้นมันทำไมวะ " คณาคินทร์ถอนหายใจเบาๆก่อนจะเริ่มพูดถึงเรือนหลังนั้นคร้าวๆให้ฟัง
" เรือนใหญ่หลังนั้นเป็นสิ่งที่ นายหลวง ร.5 ท่านประทานให้สร้างขึ้นก่อนจะปูมบำเหน็ดรางวัลให้ปู่ทวด เห็นว่าท่านส่งไม้ถวายสร้างตำหนักริมน้ำในพระราชวังจึงได้รางวัลนี้มา เเต่ปู่ทวดท่านเสียไปหลายร้อยปีเเล้วเหลือก็เเต่เรือนหลังนี้ล่ะ "
" เเล้วยังไงต่อวะ ท่านรักเรือนหลังนั้นมากจนคุณหญิงย่าไม่ขายหรือให้ใครเช่าใช่มะ "
" ตรงกันข้ามเลย คุณหญิงย่าท่านเคยสั่งให้คนมาทำการรื้อถอนเรือนหลังนั้นเเล้ว เเต่มันก็จบไม่สวย ทุกครั้งที่จะรื้อถอนมันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา "
" ยังไงวะ "
" มึงอย่ารู้เลย เอาเป็นว่ามึงก็อย่าไปยุ่งกับเรือนหลังนั้นเเล้วกัน ใช่ว่าหม่อมย่าท่านหวงเเต่เขาไม่อยากให้มึงเป็นอันตรายจบนะรีบไปนอนพักเถอาะ มึงเดินทางมาเหนื่อยๆ "
สิ้นคำนั้น คณาคินทร์ก็ลุกเดินอกจากบ้านไปทิ้งปริศนาไว้ให้คนที่มาอยู่ไหม่อย่างกรภัทรได้เก็บไปคิดให้ปวดหัวเล่นๆ
เวลา 23:00 น. ฟิ้ว!! สายลมเย็นได้พัดไอเย็นเข้ากระทบใบหน้านวลของคนที่หลับสนิด มือหนาวางลงบนกลุ่มผมนุ่มก่อนจะลากลงมาที่กรอบหน้า " อื่อ~ " เสียงครางอื้ออึง ครางรับกับสัมผัสนั้นด้วยความรำคาน ร่างเล็กผลิกตัวนอนตะเเคง
" หลับเเล้วหรือพ่อพิมพ์ขวัญ "
เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ มือหนายังคงลูบใบหน้านวลด้วยความอ่อนโยน สายตาคู่คมจ้องมองคนหลับใหลด้วยรอยยิ้มที่เปื่อมสุข หากเเต่เเววตากลับเเสนเศร้า
" ฉันรอคอยพ่อนานเหลือเกินรอจนดวงวิณญานเเทบเเตกดับพ่อก็มิหวนคืนมา เเต่พอมาวันนี้พ่อกลับมาหาฉันเเล้ว ต่อจากนี้เราคงได้อยู่ด้วยกันเเล้วหนา "
สิ้นคำนั้นร่างหนาก็ค่อยๆจางหายไปพร้อมกับหยดน้ำตาหยดน้อยที่รินใหลตกกระทบกับใบหน้าของคนที่หลับสนิด อึก! เฮือก! ร่างเล็กสดุ้งตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจตื่น สายตาคู่เรียวมองไปรอบๆห้องด้วยนัยตาที่วูบไหว ชึบ มือเรียวจับไปที่เเก้มนวลเมื่อรู้สึกถึงมวลน้ำหนึ่งหยดที่ใหลรินลากยาวลงมา
" น้ำ? มาจากไหน?! "
ฟิ้ว~! สายลมอ่อนพัดเข้ามาภายในห้องจนผ่าม่านกระเพื่อม ร่างเล็กได้ลุกขึ้นมาจากเตียงก่อนจะตรงไปที่ระเบียงห้อง " ลืมปิดประตูหรอวะ " เสียงนุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยความมึนงงเขาจำได้ว่าก่อนนอนได้ปิดประตูระเบียงไว้สนิดเเล้ว เเต่นี้มัน..เปิดออกได้อย่างไร
" เรือนใหญ่.. "
สายตาคู่เรียวจ้องมองไปที่เรือนหลังใหญ่ทรงยุโรปด้วยดวงใจที่สั่นไหว มันดึงดูดสายตาเขาจนมิอาจละสายตาไปได้เลยถึงจะดูโบราณเเต่มันก็งดงาม พาให้เขานึกถึงเรื่องที่หม่อมเเขไข คิดจะทุบเรือนหลังนั้นทิ้ง
เเค่คิดหัวใจก็พรันเจ็บปวดเขาไม่อยากให้หม่อมเเขไขทุบมันทิ้งเลย ไม่รู้ทำไมเเต่เขาก็อดที่จะเสียดายมันไม่ได้ถ้าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะขอซื้อต่อเรือนหลังนั้นจากหม่อมเเขไข เเต่ชั่งน่าเสียดายที่เขาไม่มีเงินพอจะซื้อมัน
...****************...
เช้าวันต่อมา ณ , เรือนเล็ก
ป๊อก, ป๊อก!! เสียงเคาะประตูดังขึ้นมา กรภัทรได้เดินมาเปิดประตูก่อนจะพบกับเพื่อนสมัยเรียนอย่าง คณาคินทร์ " มีไรวะมาเเต่เช้า " เสียงนุ่มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย สายขนาดนี้เเล้วเพื่อนเขามันยังไม่ไปทำงานอีกหรือ..
" หม่อมย่าให้มาตามไปดูสวนขวัญที่ท้ายวัง / วังไหนวะกูเห็นเเต่เรือนใหญ่นะ "
" ก็นั้นเเหลาะ จะไปไม่ไป "
เสียงเข้มเริ่มพูดขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด เขาขี้เกียจมายืนเสวนากับคนตรงหน้าเเล้วจะรีบกลับบ้านไปพักด้วย " เออๆ ว่าเเต่หม่อมย่าท่านเรียกให้กูไปดูจริงๆหรอวะ "
" เออก็ใช่อะดินี้ก็จ้างคุณหน่องมาดูวังให้อีก พอดีรูปคุณทวดมันเก่าเเล้วท่านจะจ้างให้คุณหน่องมาวาดไหม่ "
" ก็เลยเอากูไปดูด้วยเลย?! "
" เออ รีบล็อคบ้านละตามมาเลย เสร็จเเล้วจะได้ไปร่วมโต๊ะกับหม่อมย่า "
...****************...
ณ. เรือนใหญ่ { สวนขวัญ }
ทั้งสองได้เดินเข้ามาภายในสวนท้ายวัง กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้นานาชนิดส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนไปทั่วจนคนตัวเล็กต้องหยุดสูดดม " หื้ม~ หอมจังกลิ่นอะไรเนี้ย?! " เสียงนุ้มเอ่ยขึ้นมาลอยๆ เเต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบเพื่อนสนิดอย่างคณาคินทร์อีกเเล้ว ซ้ำร้ายเขายังมาหยุดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ตำหนักสีขาวติดเเม่น้ำชั่งเเปลกตาดีเเท้ ตอนขามาเขาจำได้ว่าไม่มีมันอยู่นี้
ดอกไม้ชนิดหนึ่งได้ล่องลอยผ่านตามกระเเสลม มันผ่านร่างเล็กไปตกที่ตำหนักริมน้ำเบื้องหน้าของเขา สายตาคู่เรียวรีนพรันไปสบกับชายผู้หนึ่งที่นั้งรอยมาลัยกรองดอกไม้
เขาผู้นั้นได้ละสายตาจากพวงมาลัยในมือ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาช้าๆดวงตาคู่คมนัยตาสีนิลจ้อมมองมาที่เขาด้วยความอ่อนโยน ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มให้เขาเบาๆ ใบหน้าหล่อคมคายนั้นทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
" หลงทางมารึพ่อ "
" คับ?!.. "
เสียงนุ้มเอ่ยขานรับเขาไปด้วยความงุนงง ใบหน้าคมนั้นเพียงมองเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะตบลงที่นั้งข้างตนเอง " มานั้งพักตรงนี้ก่อนสิ " สิ้นคำเชื่อเชินนั้น ร่างเล็กก็เดินเข้าไปในตำหนักริมน้ำ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั้งข้างๆชายปริศนาผู้นั้น ระยะห่างที่มีเพียงพานกั้นขวางมิอาจทำให้เขาละความสนใจมันไปได้เลย
" คุณคือคนที่จะมาวาดภาพให้คุณทวดหรอครับ ทำไมเเต่งตัวโบราณจัง " เสียงนุ้มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยพรันสายตานั้นก็จ้องมองไปที่เครื่องเเต่งกายของชายตรงหน้า เขานุ่งหมชุดสีขาวเเขนทรงกระบอก โจงกระเบนสีน้ำเงินดูเเล้วเหมือนข้าราชการสมัยก่อนหรือท่านขุนมูลนายก็มิปาน
" ฉันไม่ใช่คนที่จักมาวาดภาพดอก พ่อคงจำผิดคนเเล้ว "
" อื่ม..น่าจะผิดคนมั้งครับ เเล้วคุณมาทำอะไรที่นี้ "
เสียงนุ่มเอ่ยถามเขาไป อีกฝ่ายหยิบดอกเเก้วขึ้นมาร้อยต่อ ริมฝีปากหนาสีชาดยังคงตอบคำถามเขา " ฉันอยู่ที่นี้ เเล้วจักให้ฉันมาทำอันใดในเมื่อที่นี้คือเรือนของฉัน " น้ำเสียงนุ่มเอ่ยตอบกลับไปด้วยทาทีที่เรียบเฉย หากเเต่อีกคนขมวดคิ้วมุ่น
" ไม่จริงน่า เจ้าของเรือนนี้ตายไปนานเเล้วคุณเป็นใครกันเเน่ "
" ฉันจำเป็นต้องตอบคำถามพ่อด้วยรึ หากพ่อใคร่รู้นักก็จงไปถามเอากับเเม่ดวงเเขเถิด "
เสียงนุ้มทุ้มเอ่ยตอบกลับมาเเบบนี้ทำเอาเขาตาโตเข้าไปใหญ่ " คุณรู้จักหม่อมย่าด้วยหรอครับ! ละ.เเล้วคุณชื่ออะไรล่ะ "
" ไอ้ กัน!! " ฟรึบ! เสี้ยวหน้าหวานหันตามเสียงเรียกก่อนจะโบกมือให้เพื่อนสนิดนอกตำหนักคณาคินทร์ที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาหา " ดะ.เดี่ยวผมต้องไปเเล้วนะครับ อ้าว!..หะ.หายไปไหนอ่ะ?! " เสียงนุ้มเอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อชายปริศนาหายตัวไปเหมือนกับว่าที่ตรงนี้ไม่เคยมีใครอยู่มาก่อน
" ไอ้เชี้ยกันกูหามึงตั้งนาน มึงมาอยู่ที่นี้ได้ไงเนี้ย!! " เสี้ยงเข้มเอ่ยขึ้นมาในขณะที่เขาได้ปีนข้ามรั้วหินมาได้สำเร็จ " หายไปไหนอะ?! " ใบหน้าสวยนั้นมองหาอะไรบางอย่างจนคนที่เข้ามาถึงกับต้องขมวดคิ้ว
" หาอะไรของมึง "
" ก็พี่ผู้ชายที่นั้งอยู่ตรงนี้ไง หายไปไหนอ่ะ?! / พี่ผู้ชายไหน ไอ้สัสกัน!ที่นี้ไม่มีใครอยู่มานานเเล้ว มึงหาใคร?! " มือหนาคว้าไหร่เล็กของเพื่อนสนิดจนอีกฝ่ายหันมาหาเขา นัยตาคู่เรียวสั่นระริกไปด้วยความสงสัยปนกับความหวาดกลัว
" พี่ผู้ชายตรงนี้อ่า เมื่อกี้เขายังนั้งคุยกับกูอยู่เลย "
" มึง ที่นี้ตำหนักริมน้ำในเรือนใหญ่ทางเข้ามีทางเดียว ต้องออกมาจากเรือนใหญ่เท่านั้นเเต่มันล็อคอยู่ใครจะเข้ามาในนี้ได้ "
" เเต่กูเห็นจริงๆนะ พี่ผู้ชายใส่ชุดสีขาวเเขนกระบอกโจงกระเบนน้ำเงินเขานั้งร้อยมาลัยตรงนี้อะ กูเห็นจริงๆ "
คนตัวเล็กอธิบายลักษณะชายที่พบเห็นให้เพื่อนสนิดฟัง อีกฝ่ายดูจะตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อยเเต่ก็ไม่พูดไรออกมานอกจาก " ออกไปจากที่นี้กัน ที่นี้ไม่มีใครคนนั้นที่มึงตามหาหรอกไปได้เเล้ว "
" เเต่.. " ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อเขาก็ถูกเพื่อนสนิดลากออกไปจากตำหนัก คนาคินทร์ได้พาเขาปีนรั้วหินออกไปในทันที เสี้ยวหน้าเรียวหันมามองตำหนักริมน้ำเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเเววตาที่สงสัย ชายคนนั้นเป็นใครกันเเน่
...****************...
ณ . คฤหาสน์
ทั้งสองได้มาร่วมโต๊ะทานข้าวกับหม่อมเเขไข เมื่อทานเสร็จคนรับใช้ก็พากันเก็บอาหารไปจนหมด มือเรียวเหี่ยวย้นได้หยิบผ้าขึ้นเช็ดที่มุมปาก
" หม่อมย่าครับ / หื้ม " เสียงสั่นๆขานรับเบาๆ สายตาคู่เรียวจ้องมองไปที่หนุ่มน้อยพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น " ผมขอถามไรหน่อยได้ไหมครับหม่อมย่า " สิ้นคำนั้น มือหนาของเพื่อนสนิดวางลงที่มือเรียว กรภัทรหันหน้ามามองที่เขา คณาคินทร์ส่ายหน้าส่งซิคไม่ยอมให้ถาม
" อะไรล่ะลูกถามมาสิ เจ้าคินทร์อย่าห้ามเพื่อน "เสียงนุ้มเริ่มดุใส่หลานชาย กรภันทร์หันมาหาเธอก่อนจะพูดต่อ
" คือผมบังเอินไปพบกับใครคนนึงที่เรือนใหญ่มาครับ ตัวสูงๆผิวขาวใส่ชุดสีขาวเเขนกระบอก นุ่งโจงกระเบนสีน้ำเงินผมถามว่าเขาเป็นใครก็ไม่ยอมบอก เขาบอกว่าถ้าผมอยากรู้ให้มาถามหม่อมย่า "
สิ้นคำพูดนั้นหญิงชราตรงหน้าดูอึดอะที่จะตอบเขา " เขาเป็นใครหรอครับ/ใครสั่งให้ไปที่เรือนใหญ่ " เสี่ยงนุ้มติดสั่นเริ่มดุขึ้นมา ดวงตาคู่เรียวมองมาที่หนุ่มทั้งสองด้วยเเววตาดุจนทั้งคู่ต้องก้มหน้างุด " ผมพาไอ้กันไปเองครับหม่อมย่า "
" ฉันให้เธอพาคุณหน่องไปดูรูปวาดเก่าที่เรือนใหญ่ไม่ได้ให้เธอพาเพื่อนไปเสี่ยงที่นั้น เธอกล้ามากนะที่ขัดคำสั่งของฉัน ชายคินทร์ "
" ผมกราบขอโทษจริงๆครับหม่อมย่า ผมกลัวผีคุณทวดเลยพาไอ้กันไปเป็นเพื่อน ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดคำสั่งๆจริงๆนะครับ " คณาคินทร์ก้มหน้าหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เหงือหลายเม็ดผุดขึ้นที่ใบหน้าคม
" อะ.อะไรคือผีคุณทวดหรอครับ.. " เสียงนุ้มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยสุรเสียงที่เบา หญิงชราถอนหายใจเบาๆก่อนจะเอ่ยพูดกับเพื่อนหลานชายด้วยความใจเย็น
" เห้อ ที่นั้นคือที่ต้องห้ามหลังจากที่คุณทวดภานิลเสีย ไม่มีใครที่เข้าไปอยู่ที่นั้นได้สักคนเเม้เเต่คนในตระกูลของเรา ใครที่คิดเข้าไปก็เจอดีกับทุกคนจนตายก็มี "
" ทำไมล่ะครับ?! "
" ก็เพราะท่านหวงเเหนที่นั้นยังไงล่ะ ท่านสร้างที่นั้นไว้ให้เป็นเรือนหอท่านกับคนรัก เเต่ทุกๆอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ท่านหญิงอรดีเเม่ของท่านชายได้ขัดขวางรัก เรือนหลังนั้นจึงเป็นเหมือนตำนานโศกนาฏกรรมรักเเทนที่จะเป็นเรือนหอ "
" ทำไมล่ะครับ คนรักท่านมียศถาบรรณดาศักติที่ไม่เหมาะสมหรอ ถึงรักกันไม่ได้ " เสียงนุ้มเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ หัวใจของกรภันทรบีบรัดเบาๆเมื่อได้ยินเรื่องราวเเสนเศร้าของท่านชายภานิล
" ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอกนะกัน ที่รักกันไม่ได้ไม่ใช่เรื่องถานะเเต่เป็นเพราะรักต้องห้ามยังไงล่ะ..คนที่ท่านชายรักเป็นชายไม่ใช่หญิง ในสมัยนั้นไม่มีใครยอมรับได้นั้นจึงเป็นเหมือนเรื่องต้องห้าม "
" เอาเป็นว่าเธอรู้เเค่นั้นเถิดเเล้วอย่าไปยุ่งย่ามกับเรือนใหญ่นั้นอีกก็พอ ส่วนเรื่องชายคนนั้นฉันตอบเธอไม่ได้หรอก "
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!