ดึกคืนหนึ่ง ณ บริเวณชายป่าพรุอันแสนห่างไกลในดินแดนหวนหลิง\(พวกเจ้าต้องการอะไร?\)ดรุณีน้อยนางหนึ่งล้มกองอยู่บนพื้น. นางมีใบหน้าที่งดงามหมดจดและรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม. ดวงตาหวานซึ้งราวตาของเนื้อทรายจับจ้องไปยังกลุ่มชายร่างใหญ่ที่กำลังย่างสามขุมเข้ามาใกล้ คนเหล่านั้นย่างเท้าก้าวเข้ามาหานางทีละก้าวทีละก้าวอย่างช้าๆ. แววตากักขฬะของพวกมันทั้งข่มขู่และคุกคามดูน่าหวาดหวั่น. ทว่า...ในดวงตาของสตรีผู้งดงามนั้นกลับปราศจากความหวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง นางมองเหล่าผู้คุกคามด้วยสายตาเย็นชา\(ฮ่าฮ่า ฉินอวี้โม่เหตุใดเจ้าจึงไม่หนีไปให้ไกลกว่านี้เล่า !\) หนึ่งในกลุ่มผู้คุกคามเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาเป็นชายร่างใหญ่โตที่มีรอยแผลเป็นเด่นชัดบนใบหน้าและดูคล้ายว่าจะเป็นผู้นำของคนกลุ่มนี้\(เหอะ เลิกพูดจาเหลวไหล พวกเจ้าต้องการอะไร? ใครเป็นคนส่งพวกเจ้ามา?\)\(ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คิดเลยว่าคุณหนูสี่ของตระกูลฉินจะงดงามเลอโฉม น่ากินไปทั้งตัวขนาดนี้ ผู้ว่าจ้างสั่งให้ฆ่าเจ้าทิ้งทันที แต่ตอนนี้พวกเราเปลี่ยนใจแล้ว!\) ชายผู้มีแผลเป็นบนใบหน้ากล่าว เท้าทั้งสองยังคงก้าวเข้าไปหาฉินอวี้โม่ ขณะเดียวกันมันก็ใช้สายตาโสมมโลมเลียไปทั่วทั้งใบหน้าและเรือนร่างอันงดงามของหญิงสาว ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะชั่วช้าออกมาดันลั่น“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าตัดสินใจแล้ว ข่มขืนก่อน แล้วค่อยฆ่าทีหลัง\(ทันทีที่สิ้นเสียงพูด ชายหน้าบากก็ตั้งท่ากระโจนเข้าหาฉินอวี้โม่ทันที
หัวหน้า พวกข้าเองก็หิวเหมือนกัน! ไหนๆ นางก็จะตายแล้วให้พวกข้าได้ลิ้มรสร่างงามๆ ของนางด้วยคนเถอะนะ จะได้ไม่เสียของ ฮ่าฮ่าฮ่า) ชายอีกคนในกลุ่มส่งเสียงหัวเราะอย่างชั่วร้าย(พวกเจ้ากล้าเหรอ?!) ฉินอวี้โม่เปล่งเสียงตวาดดังลั่น นางขบฟันสีเงินแน่นพร้อมกับกล่าววาจาด้วยความเคียดแค้นชิงชัง (ฝันไปเถอะ สตรีอย่างข้ายอมตายดีกว่ายอมให้คนเลวอย่างพวกเจ้าหยามเกียรติ!)ฉินอวี้โม่เค้นเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา นางยันกายลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าใส่ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ(หึ เจ้าคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกงั้นรึ?!) ชายหน้าบากยิ้มเย้ย เขาเข้าถึงตัวนางแล้วจึงสามารถดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมแขนได้อย่างง่ายดาย เขาพยายามจับตัวนางอย่างเบามือที่สุดเพื่อไม่ให้ผิวขาวนวลช้ำก่อนจะได้ลิ้มรส
----- แคว๊ก! ——เสียงฉีกขาดดังขึ้น ชายผู้มีแผลเป็นบนหน้าฉีกทึ้งอาภรณ์ของฉินอวี้โม่แล้วเหวี่ยงร่างบางจนล้มลงกับพื้นอีกครั้ง ก่อนจะกดร่างนั้นให้นอนราบทว่าในขณะที่กำลังจะลงมือขั้นต่อไป ชายหน้าบากก็สังเกตเห็นว่าคุณหนูแห่งตระกูลฉินหยุดนิ่งไปแล้ว ดวงตาของนางปิดสนิท ใบหน้างามเขียวคล้ำและซีดเผือด ร่างบางแน่นิ่งไม่ไหวติง(บัดซบ! โชคร้ายเป็นบ้า ยังไม่ทันได้เริ่มก็ดันตายไปซะแล้ว!) ชายหน้าบากหัวหน้ากลุ่มที่กำลังขึ้นคร่อมร่างของหญิงสาวบ่นอย่างไม่สบอารมณ์(หัวหน้า ข้าว่าตัดหัวผู้หญิงคนนี้แล้วรีบกลับไปรายงานผู้ว่าจ้างกันดีกว่า)ชายหน้าบากพยักหน้าก่อนจะดึงกระบี่ยาวออกมาและฟันลงไปที่ร่างสตรีบนพื้น เขาหมายตาจะฟันลำคอระหงให้ขาดในดาบเดียว
—— เคร้ง —— ดาบฟันถูกหินบนพื้นเสียงดังทันใดนั้นเอง ร่างที่แน่นิ่งของฉินอวี้โม่จู่ ๆ ก็ม้วนตัวออกไปด้านข้างและหลบกระบี่ของชายผู้มีรอยบากบนใบหน้าได้อย่างหวุดหวิด ในเวลาเดียวกันนางก็กระโดดลุกกลับขึ้นมาแล้วจ้องมองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นยะเยือกดุจน้ำแข็ง ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยรังสีแห่งการสังหารที่เปี่ยมล้น(ศพนี่มัน! ….) รอยยิ้มของเหล่าชายโฉดทั้งหลายชะงักค้างไปในทันที พวกเขาสะดุ้งเฮือก ดวงตาเบิกค้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างของสตรีที่กลายเป็นศพไปแล้วกระโจนขึ้นจากพื้น(หุบปาก!) ฉินอวี้โม่เริ่มเคลื่อนไหว นางตวาดลั่นแล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
(คนที่ส่งพวกเจ้ามาก็คือฉินฉืออวี้สินะ?!)(โอ้ ฉลาดไม่เบาเลยนี่) ชายหน้าแผลเป็นยิ้ม
เย้ย ก่อนจะกล่าวต่อ (ถึงเจ้าจะเดาถูกก็ไร้ประโยชน์ อย่างไรเสียวันนี้เจ้าก็ต้องตาย!)(กรี๊ดดดดด!) เป็นตอนนี้เองที่ฉินอวี้โม่มองเห็นว่าเสื้อผ้าของตนถูกฉีกจนขาดวิ่น นางกล่าวอย่างเดือดดาล (พวกเจ้ากล้าฉีกเสื้อผ้าของข้า!)(แล้วอย่างไร?)(ตายซะเถอะ!)รึทันทีที่ขยับตัว ร่างบอบบางแบบอิสตรีของฉินอวี้โม่ก็ไปปรากฏอยู่ตรงหน้าชายหน้าบากราวกับภูตผี หญิงสาวชิงกระบี่จากมือของอีกฝ่ายในชั่วพริบตาก่อนจะแทงทะลุอกคนผู้นั้นน่าขำยิ่งนัก นางเป็นถึงมือสังหารระดับพระกาฬในชาติก่อนที่เชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้แบบโบราณและศิลปะการต่อสู้ร่วมสมัย แม้ว่าร่างกายนี้จะอ่อนแอไปบ้าง แต่ถ้าแค่จะจัดการกับคนโง่พวกนี้เท่านี้ก็ถือว่าเกิน
พอ .ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เพียงช่วงเวลาที่มนุษย์ใช้กะพริบตาหนึ่งครั้งกระบี่ที่เคยอยู่ในมือก็เปลี่ยนเป็นเสียบคาอยู่ที่อก ภาพสุดท้ายที่ชายหน้าบากมองเห็นก็คือด้ามกระบี่ของตัวเองกับสตรีที่เขาต้องสังหาร! และในเสี้ยวลมหายใจถัดมาเขาก็สิ้นลมลาโลกนี้ไปโดยสมบูรณ์ฉินอวี้โม่ดึงกระบี่ออกมาจากอกชายหน้าบากโลหิตสด ๆ สาดกระจายออกมาและย้อมทาไปทั่วทั้งตัวฉินอวี้โม่ สีแดงฉานและกลิ่นคาวเลือดทำให้นางดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง!เหล่าชายคนอื่นๆ ในกลุ่มนักฆ่าได้แต่ยืนนิ่งตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น(ข้าให้พวกเจ้าเลือกว่าจะฆ่าตัวตายลบล้างความผิด หรือจะให้ข้าลงมือ!?)วาจาแสนเย็นเฉียบและดังก้องของฉินอวี้โม่ปลุกให้กลุ่มชายโฉดชั่วผู้รับจ้างฆ่าสาวงามได้สติขึ้นมา
นึ่งในพวกเขาตะโกน (...สตรีผู้นี้ฆ่าหัวหน้าตาย ทุกคนล้างแค้นให้หัวหน้า!)ทว่าในทันทีที่กล่าวจบ ชายผู้นั้นก็พบว่าบนหน้าอกของตนมีรูปรากฏขึ้น ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจแน่นิ่งไปอีกคนฉินอวี้โม่ไม่หยุดเพียงแค่นั้น นางไล่แทงคนที่เหลือทีละคน ทีละคน ตัดสินโทษความตายให้คนพวกนี้ราวกับทูตจากแดนนรกแต่ช่างน่าประหลาดนัก เพราะทุกคนที่ล้มแน่นิ่งไปต่างก็ตายตาไม่หลับ พวกเขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย เห็นกันอยู่อย่างแน่ชัดว่าฉินอวี้โม่เป็นเพียงสตรีไร้ค่าที่ไม่สามารถฝึกพลังมายาได้ แต่แล้วเหตุใดพวกเขาที่อยู่ขอบเขตจิตมายาถึงไม่แม้แต่จะหลบหลีกหรือต้านทานนางได้หลังการสังหารหมู่จบลง ฉินอวี้โม่ก็โยนกระบี่ชุ่มเลือดในมือทิ้งไป นางยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเดินไปคุ้ยศพบนพื้นและขโมยแหวนจากนิ้วพวกเขา!
—— ถูกต้องแล้วล่ะ ฉินอวี้โม่คนนี้ไม่ใช่ฉินอวี้โม่คนเดิมอีกแล้ว ——นาง….ไม่สิ...เธอคือฉินอวี้โม่ผู้มาจากศตวรรษที่ 21 และเป็นมือสังหารระดับพระกาฬแห่งยุคเมื่อครู่นี้เธอโชคร้ายต้องจบชีวิตลงเพราะกับดักแสนชั่วช้าของคนกลุ่มหนึ่ง ในเวลานั้นเอง จู่ๆ วิญญาณที่หลุดลอยออกจากร่างของเธอก็ได้เข้ามาสิงสถิตในร่างของหญิงสาวผู้นี้...คุณหนูสี่ตระกูลฉินแห่งดินแดนหวนหลิง ผู้ที่เพิ่งกัดลิ้นตัวเองจนสิ้นใจตายฉินอวี้โม่มีรูปโฉมที่งดงามและสถานะสูงส่ง อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ภายนอกไม่สามารถใช้ในการฝึกวิชาได้ ทำให้ฉินอวี้โม่กลายเป็นสตรีไร้ค่าในสายตาผู้คน โดยเฉพาะในเมืองที่เน้นวิชาการต่อสู้อย่างเมืองหลิงซีแห่งนี้ภายในดินแดนที่ให้ความเคารพนับถือแต่ผู้ที่แข็งแกร่งนั้น การไร้ซึ่งพลังการในการต่อสู้จะนำพาแต่ความดูถูกเหยียดหยามมาให้
และเนื่องจากมีรูปโฉมงดงามกว่าผู้ใดทำให้บ่อยครั้งที่ฉินอวี้โม่ถูกสตรีคนอื่นอิจฉาริษยา และก็มีบ้างที่คนเหล่านั้นแอบลอบกลั่นแกล้งรังแกนางในบางครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้ถึงกับมีคนต้องการสังหารนางอย่างไรก็ตาม เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าจะไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเวลานี้ มุมปากของฉินอวี้โม่เหยียดขึ้น รอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏบนใบหน้านวล ดวงตาคู่งามเปี่ยมไปด้วยความแน่วแน่และมั่นใจ!สาวงามหันมองไปยังมุมมืดมุมหนึ่งของป่าที่อยู่ทางทิศอาคเนย์ [ตะวันออกเฉียงใต้] นางเผยรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นครั้งหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเมืองหลิงซีอย่างช้าๆ !(ช่างเป็นหญิงที่น่าสนใจยิ่งนัก! ดูเหมือนนางจะเห็นพวกเราด้วย!)ชายสองคนกำลังยืนซุ่มอยู่ในมุมมืดของป่า หนึ่งในนั้นคือบุรุษหนุ่มรูปงามท่าทางสุภาพสูงส่ง ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายแต่กลับมีเสน่า
งเปี่ยมล้นส่วนชายอีกผู้หนึ่งสวมชุดสีดำทั้งตัว เขาดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ดวงตาของเขาให้ความรู้สึกเหน็บหนาวอย่างไร้ที่สิ้นสุด(ไปกันเถอะ อย่าไปมองนาง!)(โม่ฉือ หญิงสาวผู้นั้นทำได้อย่างไรกัน ข้าไม่รู้สึกถึงพลังมายาใด ๆ จากร่างของนางเลย) ชายหนุ่มท่าทางสุภาพสูงส่งเอ่ยถามด้วยความฉงนเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าไม่มีร่องรอยของพลังมายาใดๆ ปรากฏออกมาจากกายของสตรีผู้นั้นเลย แต่ทว่าเหตุใดฉินอวี้โม่ถึงมีทักษะการสังหารที่ว่องไวเฉียบคมมากถึงเพียงนั้นบุรุษที่ดูเย็นชาไม่กล่าวตอบ ร่างของเขาหายไปจากจุดนั้นในพริบตา(เฮ้ โม่ฉือรอข้าด้วย! ข้าว่าครั้งนี้พวกเราควรไปที่เมืองหลิงซีและหาโอกาสชวนหญิงสาวคนนั้นมาเป็น
สหายให้ได้นะ)ชายหนุ่มท่าทางสุภาพหายวับไปจากจุดนั้นตามเพื่อนของเขาไปเช่นกันหลังการจากไปของชายลึกลับทั้งสองไม่นาน ร่างอันงดงามของฉินอวี้โม่ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาจากจุดจุดหนึ่งที่ไม่ไกลนักหากเป็นเรื่องของการอำพรางกายและซ่อนลมหายใจ ถ้าฉินอวี้โม่บอกว่าเธอเป็นที่สองแล้วก็จะไม่มีผู้ใดกล้าอวดอ้างว่าตนเป็นที่หนึ่งได้อย่างแน่นอนชายหนุ่มสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในระหว่างที่เธอกำลังจัดการสุนัขฝูงนั้น อย่างดุเดือด ซึ่งก็แน่นอนว่าการปรากฏตัวของพวกเขาไม่รอดพ้นสายตาของมือสังหารอย่างเธอ เพียงแต่เธอเห็นว่าพวกเขาดูไม่ใช่คนเลวร้าย และความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ยากจะวัดได้ ฉะนั้นเธอจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านและสังเกตการณ์เงียบๆ เท่านั้นฉินอวี้โม่มองไปยังจุดที่บุรุษลึกลับหายตัวไปพร้อมกับยิ้มเยือกเย็น ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลิงชี
บ้านตระกูลฉิน, เมืองหลิงซี“ฉืออวี้ เหตุใดอวี้โม่ไม่กลับมาพร้อมเจ้า?”สตรีวัยกลางคนท่าทางอ่อนแอยืนอยู่ในลานกว้างของบ้านตระกูลฉินอันมั่งคั่ง สายตาของนางจ้องมองไปยังหญิงสาวที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า——ฉินฉืออวี้ บุตรสาวอีกคนของสามีนางหรือกล่าวง่ายๆ คือลูกเลี้ยงของนางเอง! แววแห่งความกังวลปรากฏชัดในดวงตางดงามทั้งสองบ่ายวันนี้ นางเห็นอย่างชัดเจนว่าฉินอวี้โม่บุตรสาวออกจากบ้านไปพร้อมกับฉินฉืออวี้ แต่เหตุใดลูกเลี้ยงของนางถึงได้กลับมาเอาป่านนี้และยังไร้วี่แววของฉินอวี้โม่อีกด้วย“ฮูหยินใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก น้องอวี้โม่งดงามถึงเพียงนั้น ไม่ว่านางจะไปที่ใดผู้คนย่อมรู้เห็น!”น้ำเสียงของฉินฉืออวี้ที่ใช้กับสตรีผู้มีศักดิ์สูงกว่าไม่มีความเคารพอยู่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแฝงด้วยร่องรอยแห่งความดูถูกเหยียดหยามฉินอวี้โม่คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเกิดมาอาภัพไม่ต่างจากสตรีพิการ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ดีว่านางเกิดมาโดยไร้พลังอำนาจจึงไร้หนทางแห่งการฝึกฝน ทว่าสวรรค์มิไร้ใจยังบันดาลรูปโฉมอันงดงามให้เป็นการทดแทนและความงามที่เป็นเลิศของนางก็ทำให้หญิงสาวทั่วเมืองรู้สึกอิจฉาริษยา ในหลายปีที่ผ่านมาฉินฉืออวี้มักจะนำรูปลักษณ์ของตัวเองไปเปรียบเทียบกับฉินอวี้โม่อยู่เสมอ ทำให้นางเกลียดชังน้องสาวต่างมารดาอย่างมากฉินฉืออวี้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่นับว่าสูงส่งกว่าคนทั่วไปมาก ทว่ารูปโฉมของนางกลับไม่งดงามนัก ในขณะที่ฉินอวี้โม่รูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติดแต่กลับไร้พรสวรรค์โดยสิ้นเชิง ทั้งคู่ถือเป็นพี่น้องที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วเนื่องจากฉินฉืออวี้เป็นอัจฉริยะแห่งเมืองหลิงซี พลังยุทธ์ของนางเหนือชั้นจนเป็นที่ยกย่องเลื่องลือ ไฉน“ฮูหยินใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก น้องอวี้โม่งดงามถึงเพียงนั้น ไม่ว่านางจะไปที่ใดผู้คนย่อมรู้เห็น!”น้ำเสียงของฉินฉืออวี้ที่ใช้กับสตรีผู้มีศักดิ์สูงกว่าไม่มีความเคารพอยู่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแฝงด้วยร่องรอยแห่งความดูถูกเหยียดหยามฉินอวี้โม่คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเกิดมาอาภัพไม่ต่างจากสตรีพิการ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ดีว่านางเกิดมาโดยไร้พลังอำนาจจึงไร้หนทางแห่งการฝึกฝน ทว่าสวรรค์มิไร้ใจยังบันดาลรูปโฉมอันงดงามให้เป็นการทดแทนและความงามที่เป็นเลิศของนางก็ทำให้หญิงสาวทั่วเมืองรู้สึกอิจฉาริษยา ในหลายปีที่ผ่านมาฉินฉืออวี้มักจะนำรูปลักษณ์ของตัวเองไปเปรียบเทียบกับฉินอวี้โม่อยู่เสมอ ทำให้นางเกลียดชังน้องสาวต่างมารดาอย่างมากฉินฉืออวี้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่นับว่าสูงส่งกว่าคนทั่วไปมาก ทว่ารูปโฉมของนางกลับไม่งดงามนัก ในขณะที่ฉินอวี้โม่รูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติดแต่กลับไร้พรสวรรค์โดยสิ้นเชิง ทั้งคู่ถือเป็นพี่น้องที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วเนื่องจากฉินฉืออวี้เป็นอัจฉริยะแห่งเมืองหลิงซี พลังยุทธ์ของนางเหนือชั้นจนเป็นที่ยกย่องเลื่องลือ ไฉน“ฮูหยินใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก น้องอวี้โม่งดงามถึงเพียงนั้น ไม่ว่านางจะไปที่ใดผู้คนย่อมรู้เห็น!”น้ำเสียงของฉินฉืออวี้ที่ใช้กับสตรีผู้มีศักดิ์สูงกว่าไม่มีความเคารพอยู่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแฝงด้วยร่องรอยแห่งความดูถูกเหยียดหยามฉินอวี้โม่คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเกิดมาอาภัพไม่ต่างจากสตรีพิการ ไม่ว่าผู้ใดต่างก็รู้ดีว่านางเกิดมาโดยไร้พลังอำนาจจึงไร้หนทางแห่งการฝึกฝน ทว่าสวรรค์มิไร้ใจยังบันดาลรูปโฉมอันงดงามให้เป็นการทดแทนและความงามที่เป็นเลิศของนางก็ทำให้หญิงสาวทั่วเมืองรู้สึกอิจฉาริษยา ในหลายปีที่ผ่านมาฉินฉืออวี้มักจะนำรูปลักษณ์ของตัวเองไปเปรียบเทียบกับฉินอวี้โม่อยู่เสมอ ทำให้นางเกลียดชังน้องสาวต่างมารดาอย่างมากฉินฉืออวี้เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ที่นับว่าสูงส่งกว่าคนทั่วไปมาก ทว่ารูปโฉมของนางกลับไม่งดงามนัก ในขณะที่ฉินอวี้โม่รูปลักษณ์งดงามไร้ที่ติดแต่กลับไร้พรสวรรค์โดยสิ้นเชิง ทั้งคู่ถือเป็นพี่น้องที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้วเนื่องจากฉินฉืออวี้เป็นอัจฉริยะแห่งเมืองหลิงซี พลังยุทธ์ของนางเหนือชั้นจนเป็นที่ยกย่องเลื่องลือ ไฉนเลยฉินอวี้โม่ที่ไม่มีแม้แต่พลังสำหรับฝึกฝนจะเทียบเทียมนางได้ ดังนั้นหลายปีมานี้ฉินอวี้โม่จึงมักจะถูกอีกฝ่ายรังแกอยู่เรื่อยมา...แต่ในครั้งนี้ฉินฉืออวี้ถึงขั้นล่อลวงฉินอวี้โม่ออกไปนอกเมืองและส่งคนไปไล่ล่าสังหารนาง...‘ตอนนี้นังนั่นคงจะกลายเป็นศพไปแล้ว’ นี่คือสิ่งที่ฉินฉืออวี้กำลังคิดอยู่ในใจอวี๋เสี่ยวอวิ๋นคือมารดาแท้ ๆ ของฉินอวี้โม่และยังเป็นภรรยาคนแรกของผู้นำตระกูลฉิน——ฉินเทียน นางจึงมีศักดิ์เป็นฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลฉินอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามฉินเทียนกลับรักใคร่ชอบพอภรรยารองมากกว่า เขาปล่อยปละละเลยภรรยาหลวงกับบุตรสาว ไม่คิดเหลียวแลไม่เคยไยดี หลายปีมานี้สองแม่ลูกจึงไม่ได้อยู่สุขสบายอย่างที่ควรจะเป็นแท้จริงแล้วร่างกายของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้อ่อนแอมาตั้งแต่ต้น ทว่าเป็นเพราะเส้นชีพจรของนางได้รับความเสียหายในตอนที่ให้กำเนิดฉินอวี้โม่ การบ่มเพาะพลังของนางจึงต้องหยุดชะงักลง ตอนนี้นางจึงไม่ต่างจากคนธรรมดาผู้ไร้พลังยุทธ์คนหนึ่งอวี๋เสี่ยวอวิ๋นรักฉินอวี้โม่เป็นอย่างมาก แต่เพราะว่านางเองก็ไร้ซึ่งพลังอำนาจทำให้มิอาจปกป้องบุตรสาวสุดที่รักได้ และเพราะเหตุนี้อวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่รู้สึกผิดมาโดยตลอดจึงมักจะใจดีและคอยดูแลฉินอวี้โม่อย่างดีที่สุดเสมอมาเมื่อได้ยินวาจาของฉินฉืออวี้ อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ฉืออวี้เกิดอะไรขึ้นกับอวี้โม่?”“ฮ่าฮ่า ฮูหยินใหญ่ ฉินอวี้โม่เป็นแค่ขยะไร้ค่า เหตุใดท่านต้องห่วงใยนางถึงเพียงนั้น!?”ฉินฉืออวี้กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชาก่อนจะเอ่ยต่อ “ก่อนหน้านี้ ข้าเห็นแค่นางมุ่งหน้าออกไปจากเมืองเพียงลำพัง ข้าไม่รู้หรอกว่านางอยู่ที่ไหน...แต่การที่นางยังไม่กลับมา ข้าว่าคงจะเกิดเรื่องร้ายมากกว่าดี!”“ฉืออวี้ แม้ว่าอวี้โม่จะไร้พลัง แต่นางไม่ใช่คนโง่ เจ้าต้องไปพูดอะไรกับนางแน่ นางถึงได้ออกจากเมืองไปเช่นนั้น!” อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกล่าวกับลูกเลี้ยงด้วยน้ำเสียงโกรธจัดนางรู้จักบุตรสาวของตัวเองดีและรู้ดีว่าแม้ว่าอวี้โม่จะไม่อาจฝึกฝนพลังได้ แน่นางไม่ใช่คนโง่อย่างแน่นอน“ฮ่าฮ่าฮ่า ‘ท่านป้า’ นี่ยังฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ !”จู่ ๆ ฉินฉืออวี้ก็หัวเราะเสียงดังก่อนจะกล่าวต่อ น้ำเสียงของนางรื่นเริงอย่างน่ารังเกียจ “ใช่! นางออกไปเพราะข้าเอง ข้าก็แค่บอกนางว่าท่านอยู่นอกเมือง แล้วจากนั้นข้าก็จัดหาชายกำยำกลุ่มเล็กๆ มา บอกพวกเขาว่าให้ไล่ตามนางไป คนพวกนั้นไม่ใช่คนดีนัก บางทีพวกเขาอาจจะหลงรูปลักษณ์อันงดงามของฉินอวี้โม่ และคง—”เพี๊ยะ !ก่อนที่ฉินฉืออวี้จะพูดจบ นางก็ถูกฝ่ามือบางข้างหนึ่งฟาดเข้าที่ใบหน้าเสียก่อน.“ฉินฉืออวี้ เจ้ามันไม่ใช่คน!!”ยิ่งฟังคำของฉินฉืออวี้ หัวใจของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็ยิ่งเดือดดาลขึ้นเรื่อยๆ นางทุกข์ร้อนแสนสาหัส แม้ว่าตอนนี้นางจะไร้ซึ่งพลังและมิได้แข็งแกร่งเช่นในอดีตแต่นางก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมาเหยียดหยามกระทำย่ำยีต่อบุตรสาวได้ ฉินฉืออวี้กล้าทำเรื่องบัดซบเช่นนี้กับผู้เป็นเสมือนดวงใจของนาง แม้ว่าจะต้องตาย นางก็ต้องทำให้สตรีผู้นี้ได้ชดใช้อย่างสาสม!เมื่อคิดได้ดังนั้น อวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็พุ่งเข้าหาสตรีน่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะคว้าคอของนางในทันทีฉินฉืออวี้ที่ยังคงตกตะลึงจากการถูกฝ่ามือของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้อ่อนแอฟาดสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกว่าคอของนางกำลังถูกอีกฝ่ายบีบ...และนั่นก็ทำให้นางเดือดดาลขึ้นมาปัง!ร่างของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นถูกส่งให้กระเด็นถอยหลังไปด้วยฝ่ามือเดียว ร่างบอบบางอ่อนแอพุ่งชนเข้ากับกำแพงข้างหลังอย่างรุนแรง ฮูหยินใหญ่แห่งตระกูลฉินล้มลงไปกองกับพื้น“นังแก่! เจ้ากล้าลงมือกับข้า!” ฉินฉืออวี้ย่างเท้าเข้าหาอวี๋เสี่ยวอวิ๋นช้า ๆ น้ำเสียงของนางเย็นเฉียบและเต็มไปด้วยความคั่งแค้นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นพ่นเลือดออกมาจากปาก นางพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก“ฉินฉืออวี้ เจ้าฆ่าลูกข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”“เหอะ! อยากจะได้ชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ! อยากล้างแค้นให้นังนั่นมากใช่ไหม ได้...ข้านี่แหละจะเป็นคนส่งเจ้าไปพบฉินอวี้โม่ในนรกเอง!”ฉินฉืออวี้ตวาดลั่น ถึงแม้ว่าใบหน้าของนางจะเกรี้ยวกราด แต่แววตานั้นกลับแฝงไปด้วยความสนุกสนาน คุณหนูผู้เป็นอัจฉริยะแห่งตระกูลฉินดึงกระบี่ออกมาแล้วแทงเข้าใส่สตรีตรงหน้าอย่างรวดเร็ว!คร๊ง!ยังมิทันได้เฉียดเข้าใกล้ร่างของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นกระบี่ในมือของฉินฉืออวี้ก็ถูกหินก้อนเล็ก ๆ กระแทกเข้าใส่อย่างแรงจนปลิวตกลงบนพื้นเสียก่อน ร่างงดงามร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินผ่านประตูที่เชื่อมต่อกับลานกว้างเข้ามา“ฉินฉืออวี้ เจ้าถามหาข้าอยู่อย่างนั้นหรือ?”เสียงหวานล้ำแต่กลับเย็นชาดังขึ้น ฉินอวี้โม่เอ่ยปากถามขณะที่ก้าวเข้ามาในลานกว้าง ทั้งน้ำเสียงและท่าทางของนางดูน่าหวาดหวั่นราวกับทูตจากแดนนรกฆ่าฉินอวี้โม่คนเก่าไปยังไม่พอยังกล้ามาลบหลู่มารดาของฉินอวี้โม่อีก ในเมื่อเธอซึ่งเคยเป็นนักฆ่าได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้แล้ว เธอจะขอล้างแค้นให้ฉินอวี้โม่คนเดิมเอง“อวี้โม่”อวี๋เสี่ยวอวิ๋นร้องเรียกบุตรสาวด้วยความตื่นเต้นยินดี หัวใจที่แตกสลายกลับมาเต้นอย่างเป็นสุขอีกครั้ง เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ย่างกายเข้ามา“ท่านแม่ นั่งรอสักครู่เถิด ข้ากับฉินฉืออวี้มีเรื่องต้องสะสางกัน!”น้ำเสียงของฉินอวี้โม้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและหยิ่งทะนง ถึงแม้จะรู้ว่าบุตรสาวไม่สามารถใช้พลังมายาได้แต่เพราะน้ำเสียงเช่นนั้นและแววตาของนางทำให้ผู้เป็นมารดาอดไม่ได้ที่จะเชื่อมั่นในตัวนางและไม่คิดหยุดยั้งนางไว้“ฮ่าฮ่าฮ่า น่าขำยิ่งนัก ฉินอวี้โม่ ขยะไร้ค่าอย่างเจ้าน่ะหรือจะมาสะสางความแค้นกับข้า?”แม้ว่าฉินฉืออวี้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่เห็นว่าฉินอวี้โม่ยังไม่ตาย แต่นางก็ไม่ได้ตื่นตระหนกมากนัก นางเพียงแต่คิดว่าอาจจะมีคนบังเอิญผ่านมาพบและช่วยชีวิตฉินอวี้โม่เอาไว้ด้วยความสงสารแม้แต่ในตอนที่ฉินอวี้โม้ขว้างหินก้อนเล็กใส่กระบี่ของตนนางก็ยังมิได้เอะใจ นางไม่คิดจะไตร่ตรองเสียด้วยซ้ำว่าเหตุใดสตรีอ่อนแอไร้พลังยุทธ์อย่างฉินอวี้โม่จึงทำเช่นนั้นได้“ฉินฉืออวี้ เจ้าวางแผนล่อลวงข้าออกไปนอกเมือง ว่าจ้างคนมาย่ำยีและสังหารข้าแล้วยังคิดจะทิ้งร่างข้าไว้ในป่า หลายปีมานี้เจ้าทั้งดูถูกเหยียดหยามและกลั่นแกล้งข้าสารพัด เจ้าช่วยบอกข้าซิว่าบัญชีแค้นนี้ ข้าควรจะสะสางกับเจ้าอย่างไร!?”ฉินอวี้โม่ไม่ได้ใส่ใจรอคอยคำตอบของฉินฉืออวี้ หลังจากเอ่ยวาจาแสนเย็นชาออกมาแล้วนางก็ก้าวเข้าไปหาสตรีชั่วช้าในทันที“อย่างไรน่ะรึ?”ฉินฉืออวี้ตั้งรับอย่างไม่หวั่นเกรง นางตอบฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “ฉินอวี้โม่ เอ๋ย ในเมื่อไอ้เศษสวะพวกนั้นไม่มีความสามารถจะส่งเจ้าไปโลกหน้าได้ งั้นข้าจะลงมือเอง! ภูมิใจไว้เถอะ นี่ถือเป็นเกียรติของขยะเน่าๆ อย่างเจ้าแล้วที่ได้ตายด้วยคมกระบี่ของข้า!”กล่าวจบ ฉินฉืออวี้ก็หยิบกระบี่ขึ้นมาจากพื้นก่อนจะแทงเข้าใส่ฉินอวี้โม่ในทันที“หึ ฉินฉืออวี้เจ้าคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอจะทำได้อย่างนั้นหรือ?”ฉินอวี้โม่แค่นเสียงใส่อย่างถูกดู นางยืนมองกระบี่ของฉินฉืออวี้ที่กำลังพุ่งเข้ามาโดยไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย“อวี้โม่ระวัง!”อวี๋เสี่ยวอวิ๋นลุกขึ้นมาจากพื้นในทันทีด้วยความหวาดหวั่น นางกลัวบุตรสาวจะมีอันตราย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นางเห็นคือฉินอวี้โม่ใช้นิ้วสองนิ้วคีบกระบี่ที่กำลังพุ่งเข้าใส่ของฉินฉืออวี้ไว้ได้“ฉินฉืออวี้ หลายปีที่ผ่านมาเจ้าติดค้างข้ามามาก แต่ข้าฉินอวี้โม่ผู้นี้มีเมตตา ข้าจะค่อย ๆ เอาคืนเจ้าทีละนิดก็แล้วกัน!”ฉินอวี้โม่ยิ้มเยือกเย็น...รอยยิ้มนั้นสั่นประสาทของฉินฉืออวี้ไปชั่ววูบหนึ่งเพราะนางรู้สึกราวกับได้เห็น ‘รอยยิ้มของมารร้าย!’ ไม่ทราบเหมือนกันว่าตั้งแต่เมื่อใด ทว่าในตอนนี้กระบี่ของฉินฉืออวี้ได้เปลี่ยนมาอยู่ในมือของฉินอวี้โม่แล้วพริบตาถัดมามีเพียงเสียง “เอื้อก!” เบาๆ ดังขึ้นเท่านั้น ร่างของฉินฉืออวี้ทรุดลงกับพื้นอย่างนุ่มนวลโดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกาย“ฉินอวี้โม่ เจ้าจะทำอะไรข้า?”ฉินฉืออวี้พยายามอย่างหนักเพื่อลุกขึ้นจากพื้นให้ได้ แต่นางกลับพบว่าตนไม่สามารถทำเช่นนั้นได้...ไม่อาจทำได้อีกแล้ว“ฮ่าฮ่า ข้าก็แค่ให้เจ้าได้ลองลิ้มรสของการเป็นคนไร้ค่าเท่านั้นเอง!”ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็นอีกครั้ง ทว่ารอยยิ้มของนางในครั้งนี้กลับทำให้ฉินฉืออวี้ที่อยู่บนพื้นหวาดกลัวจนตัวสั่น...อย่างแท้จริง!...
ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ พื้นที่ภายในจวนจึงกว้างขวางใหญ่โต สองแม่ลูกฉินอวี้โม่และอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไม่ได้รับการเหลียวแลจากผู้นำตระกูลฉินมาหลายปีแล้ว ดังนั้นพื้นที่ส่วนตัวของพวกนางจึงตั้งอยู่ในจุดที่ห่างไกลจากเรือนใหญ่และหมู่เรือนอื่นๆ มากส่วนที่เป็นลานกว้างของตระกูลอยู่ในบริเวณที่ใกล้กับเรือนเล็กที่ฮูหยินใหญ่ใช้พำนักกับบุตรสาว เหล่าบริวารและคนรับใช้ของพวกนางก็มีอยู่เพียงน้อยนิดทำให้ในส่วนนี้ไม่ค่อยมีผู้ใดผ่านไปผ่านมา ดังนั้นในตอนนี้ แม้ว่าฉินฉืออวี้จะร้องตะโกนอย่างไรก็ยังไม่มีผู้ใดมายิ่งเมื่อมองเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันระคนสมเพชของฉินอวี้โม่ รวมกับมือเท้าที่ไม่สามารถควบคุมได้ดังเดิมของตนเอง ใบหน้าของฉินฉืออวี้ก็ซีดเผือดในตอนนั้นเอง เสียงตะโกนดีใจเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น สาวใช้ส่วนตัวของฉินอวี้โม่——เสี่ยวโร่ว รีบรุดเข้ามาหา“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!”เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวโร่วก็รีบวิ่งมาหาด้วยความตื่นเต้นยินดี ก่อนหน้านี้นางเป็นกังวลและร้อนใจมาก นางไม่ทราบว่าเหตุใดวันนี้ตอนที่คุณหนูสี่ออกจากจวนไปจึงไม่เรียกนางออกไปด้วย เมื่อฮูหยินใหญ่ยังเห็นนางอยู่แต่ไม่พบบุตรสาวของตัวเองจึงใช้ให้นางออกไปตามหาทว่านางกลับหาฉินอวี้โม่ไม่พบ ในตอนที่กำลังกลับมารายงาน เสี่ยวโร่วก็เห็นคุณหนูของนางยืนอยู่ในลานกว้าง คนรับใช้สาวโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอกทว่าเมื่อหันไปเห็นร่างของฉินฉืออวี้อยู่บนพื้น สีหน้าของเสี่ยวโร่วก็เปลี่ยนไปทันที นางวิ่งเข้ามายืนขวางหน้าฉินอวี้โม่ สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์เอาตัวบังเจ้านายของตนไว้อย่างปกป้อง“เสี่ยวโร่ว ส่งฉินฉืออวี้กลับไปที่เรือนของนางด้วย ถ้าหากฮูหยินรองเอ่ยถามอะไรมากความ เจ้าก็บอกให้นางมาถามข้าด้วยตัวเอง”ฉินอวี้โม่สั่งสาวใช้ก่อนจะหันไปพยุงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นให้ลุกขึ้น“ท่านแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ถ้าหากมีอะไรที่ท่านสงสัย ลูกขออธิบายให้ฟังในภายหลังนะเจ้าคะ”ฉินอวี้โม่กล่าวกับมารดาประโยคหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ ประคองนางกลับเข้าเรือน…ขณะกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงนอน ฉินอวี้โม่ก็ควบคุมจิตสำนึกของตนเข้าสู่กาย นางใช้จิตสมาธิเพ่งพินิจทุกส่วนทั่วสรรพางค์กาย นาง..ไม่สิ..เธอ ต้องการสำรวจร่างกายของฉินอวี้โม่คนเก่าเป็นตอนนี้เองที่เธอได้เห็นอย่างแจ่มชัดว่าร่างกายของคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินผู้นี้ยุ่งเหยิงเพียงใด ยิ่งกว่านั้นกายยังทั้งร้อนทั้งเย็นไร้ซึ่งความสมดุล หญิงสาวผู้เคยเป็นมือสังหารแห่งศตวรรษที่ 21 จึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างขัดใจและทันทีที่นำจิตเข้าสู่จุดตันเถียน ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงแสงแพรวพราวที่พุ่งเข้าใส่ แสงนั้นสว่างเจิดจ้าจนเธอไม่สามารถมองได้และต้องหลับตาลง เมื่อหญิงสาวในห้วงจิตลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็ต้องพบว่าตอนนี้จิตของเธอไม่ได้อยู่ในจุดตันเถียนของฉินอวี้โม่อีกแล้ว“ฮิ ฮิ ฮิ สาวน้อย ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้ว!”ทันใดนั้นเสียงนุ่มนวลเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในขณะเดียวกันตรงหน้าของฉินอวี้โม่ก็ปรากฏเป็นเงามายาร่างหนึ่งแม้จะบอกได้ว่าเงาร่างนี้เป็นผู้หญิง แต่ฉินอวี้โม่กลับมองเห็นใบหน้าของนางได้ไม่ชัดนัก“เธอเป็นใคร? แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน?”ฉินอวี้โม่ถามอย่างใจเย็น เพราะในอดีตชาติเธอเป็นมือสังหารผู้เก่งกาจ ในสถานการณ์แบบนี้หญิงสาวจึงไม่มีอารมณ์ความหวาดกลัวใดๆ“สาวน้อย เจ้าก็ยังอยู่ในตัวของเจ้า เพียงแต่เข้ามาอยู่ภายในผนึกที่ข้าเป็นผู้สร้างเอาไว้”หญิงสาวผู้นั้นเปิดปากพูด น้ำเสียงของนางอู้อี้เล็กน้อย“ผนึก?” ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นเพราะผลึกนี้สินะที่ทำให้ฉินอวี้โม่คนก่อนไม่สามารถฝึกฝนพลังยุทธ์ได้?”“ฉลาดนี่สาวน้อย!”หญิงสาวลึกลับเอ่ยชมจากใจก่อนกล่าวต่อ “สาวน้อย เจ้าอย่าถามอะไรให้มากความเลย ตอนนี้ข้ายังบอกเจ้าไม่ได้ ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ว่า ‘ที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ก็เพราะโชคชะตา หาใช่เหตุบังเอิญ’ ”เมื่ออดีตนักฆ่าสาวได้ฟังคำกล่าวของหญิงสาวผู้นั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ‘ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดาบางอย่าง’“ถ้างั้นฉันจะไม่ถามเรื่องนั้นก็แล้วกัน แต่ขอถามหน่อยว่า ทำไมเธอต้องลงผนึกนี้ไว้ในร่างของคุณหนูสี่คนนี้จนคนภายนอกคิดว่านางเป็นขยะไร้ค่าด้วย?”ฉินอวี้โม่ถามสิ่งที่ตนสงสัยที่สุดในตอนนี้ออกไปตรง ๆ“ฮิ ฮิ ฮิ ขยะไร้ค่ารึ? หึ หึ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตลกเสียจริง”จู่ ๆ หญิงสาวลึกลับก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น และเมื่อการหัวเราะยกใหญ่ผ่านไป นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่งเพื่อควบคุมสติก่อนจะพูดต่อ “สาวน้อย เป็นเพราะข้าลงผนึกนี้เอาไว้ถึงทำให้ฉินอวี้โม่มีชีวิตอยู่มาได้จนถึงวันนี้และทำให้เจ้ามาที่นี่ได้อย่างราบรื่น และเมื่อเจ้ามาอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว ผนึกนี่ก็จะคลายตัวออกเอง สิ่งสำคัญที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ ร่างกายนี้มิใช่ขยะไร้ค่า!”หลังจากฟังสิ่งที่หญิงสาวลึกลับอธิบายแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ยังคงสับสนอยู่ เธอยอมรับว่าไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้หญิงตรงหน้าบอก คำพูดของสาวลึกลับผู้นี้เต็มไปด้วยปริศนาและดูเหมือนว่าจะมีความลับที่อยู่เบื้องหลังไม่น้อย“สาวน้อยเจ้ารู้นามของดินแดนแห่งนี้หรือไม่?”หญิงสาวลึกลับถามฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มใจดี“ดินแดนหวนหลิง (ดินแดนมายา) ฉันรู้อยู่แล้ว” ฉินอวี้โม่ตอบเสียงนิ่ง เธอแทบจะหมดคำพูดไปในทันที เพราะรู้สึกว่าหญิงสาวลึกลับคนนี้กำลังถามคำถามที่ดูโง่ๆ“ฮิ ฮิ เจ้าจำได้สินะ จำไว้ให้ดี เจ้ามิใช่ขยะไร้ค่าแต่เป็นสมบัติล้ำค่า สิ่งที่ข้าผนึกเอาไว้แท้จริงแล้วมันก็คือ ‘กายเทพมายา!’ ”หญิงสาวผู้ลึกลับเผยรอยยิ้มจริงจัง…. ทว่าทันใดนั้นเองแสงแพรวพราวเจิดจ้าก็พุ่งเข้าใส่ฉินอวี้โม่อีกครั้งครั้งนี้ เมื่อฉินอวี้โม่ลืมตาขึ้น นางก็พบว่าจิตสำนึกของตนได้หลุดออกมานอกร่างกายเสียแล้วอย่างไรก็ตาม เสียงหวานๆ อันแผ่วเบาก็ยังดังขึ้นข้างหู“สาวน้อยกายเทพมายาคือสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ตราบเท่าที่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังคงพัฒนาไปทีละขั้น ผนึกที่ข้าวางเอาไว้ก็จะค่อยๆ คลายออกทีละน้อย….เรื่องกายเทพมายานี้ เจ้าจะต้องเก็บมันไว้เป็นความลับอย่าให้ผู้ใดล่วงรู้อย่างเด็ดขาด มิฉะนั้นข้ากลัวว่ามันจะนำพาเคราะห์ร้ายมาสู่ตัวเจ้า ข้อสงสัยทุกอย่างในใจเจ้าจะแก้ได้เองเมื่อเจ้าแข็งแกร่งถึงจุดหนึ่งแล้ว อย่าลืมล่ะจงเก็บความลับไว้ให้ดี ตอนนี้ข้าต้องไปแล้ว หากชะตาฟ้าลิขิต บางทีพวกเราอาจจะได้พบกันอีก... ”‘กายเทพมายาคืออะไรกัน?’หลังจากที่ฉินอวี้โม่ค้นลึกลงไปในความทรงจำของฉินอวี้โม่คนเก่าในที่สุดเธอก็พบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกายเทพมายา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เห็นข้อมูลนั้นแล้ว อดีตนักฆ่าสาวก็ได้แต่ตกตะลึง เธอเข้าใจในทันทีว่าทำไมหญิงสาวลึกลับผู้นั้นถึงได้ย้ำเตือนนักหนาให้เธอเก็บเรื่องกายเทพมายาไว้เป็นความลับ—— กายเทพมายายากที่จะพบได้ในดินแดนหวนหลิงแห่งนี้ และไม่มีปรากฏให้ได้พบเห็นมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ตำนานกล่าวไว้ว่าผู้ใดก็ตามที่มีกายเทพมายาจะสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นตัวตนระดับสูงสุดในดินแดนมายาแห่งนี้ได้‘เทพมายา’ ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกเมื่อหลายพันปีก่อน เอกลักษณ์ของนางก็คือนางมีร่างกายที่มหัศจรรย์ดั่งที่ผู้คนเรียกขานกันว่า ‘กายเทพมายา’ ทว่า จู่ๆ เทพีผู้มีกายมายาก็หายสาบสูญไปโดยไร้สาเหตุ ไร้ร่องรอยใดๆ หลังจากนั้นกายเทพมายาก็ไม่เคยปรากฏให้ผู้ใดได้พบเห็นอีกเลย ——...สืบเนื่องมาอีกหลายพันปีนับจากนั้น กายเทพมายาก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับปรากฏขึ้นในร่างขยะไร้ประโยชน์! ฉินอวี้โม่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เรื่องราวในโลกใหม่ของเธอใบนี้มันช่างซับซ้อนและมหัศจรรย์มากเหลือเกินทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามานั่งคร่ำครวญหรือทอดถอนใจ เธอในชาติก่อนตายไปแล้ว ในชาตินี้เธอคือคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉิน จะโชคชะตานำพาฟ้าลิขิต เทพกำหนดอย่างที่ผู้หญิงลึกลับบอกหรืออะไรก็ช่าง ในเมื่อเข้ามามีชีวิตใหม่ในร่างกายนี้แล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตของคุณหนูสี่ผู้นี้ให้ดีที่สุด เพื่อตัวเธอเองและเพื่อฉินอวี้โม่คนเดิมผู้ล่วงลับไปแล้วคนนั้นด้วยฉินอวี้โม่ผู้เป็นอดีตนักฆ่าสาวรู้ดีว่ามีความลับมากมายที่เธอต้องทำให้มันกระจ่าง และหากเชื่อตามคำพูดของผู้หญิงลึกลับคนนั้น ดูเหมือนหนทางเดียวที่มีอยู่ก็คือ...เธอจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อค้นหามัน!เมื่อนำพาจิตเข้าสู่กายอีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าร่างกายนี้เปลี่ยนแปลงไปอวัยวะภายในที่เคยปั่นป่วนยุ่งเหยิงเริ่มเข้าที่เข้าทางอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งกว่านั้นจู่ ๆ ร่างกายของเธอก็ปรากฏสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังมายา’ ซึ่งเป็นสิ่งคนในยุคนี้ใช้มันในการฝึกฝนพลังหรือบ่มเพาะร่างกายขึ้นมาแล้ว! ...และมันก็มิใช่น้อย ๆ เลยด้วยเมื่อลองดูดซับพลังวิญญาณจากสิ่งแวดล้อมรอบกาย ฉินอวี้โม่ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าตัวของเธอดูดซับมันได้ด้วยอัตราเร็วที่น่าตกใจ!“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เบาเลยนี่ นี่สินะ กายเทพมายา”ฉินอวี้โม่เผยรอยยิ้มร้ายกาจ....ก่อนจะชักนำจิตออกมาจากร่างกายตอนนี้เธอมีความมั่นใจแล้วว่าจะทวงความเป็นธรรมกลับมาให้ฉินอวี้โม่คนก่อนได้ และยังมั่นอกมั่นใจอีกด้วยว่าในอีกไม่นานเธอจะต้องมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่ยกย่องในดินแดนแห่งนี้!
หลังจากจัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งเนื้อแต่งตัวด้วยชุดใหม่ที่สะอาดสะอ้านแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ค้นพบว่าบาดแผลบนร่างกายกำลังสมานตัวเองอย่างช้าๆ ตอนนี้รอยขีดข่วนเล็กๆ หายไปจนหมด ส่วนบาดแผลที่ใหญ่กว่าก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้มองดูตัวเองในกระจก อดีตสาวแห่งศตวรรษที่ 21 ก็ต้องยอมรับเลยว่าร่างใหม่ในตอนนี้ของเธอสวยงามแบบไร้ที่ติ คุณหนูสี่แห่งตระกูลฉินเป็นผู้หญิงที่สวยมากเลยทีเดียวซึ่งนี่ก็ถือว่าถูกใจเธอแล้ว เพราะถึงจะเป็นนักฆ่าแต่ฉินอวี้โม่ก็เป็นผู้หญิง ไม่ว่ายังไงก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา ถ้าติดสินบนสวรรค์เพื่อเลือกเกิดได้ไม่ว่าใครก็คงยอมจ่ายเพราะไม่มีหญิงสาวคนใดอยากเกิดใหม่ในร่างอัปลักษณ์...แบบนี้ถือว่าเธอโชคดีแล้ว“ฉินอวี้โม่ ออกมาเดี๋ยวนี้!”เพิ่งแต่งตัวเสร็จเพียงครู่เดียว ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงเรียกดังลั่นจากนอกห้อง น้ำเสียงนั่นฟังดูก็รู้ว่าโกรธมากแค่ไหน...ได้เวลาแล้วสิ!ฉินอวี้โม่ปรากฏรอยยิ้มเย็นๆ ขณะที่ผลักประตูออกไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!