"ท่านแม่"เสียงที่เรียกของเหมยลี่ที่รีบเข้ามาหาผู้เป็นดั่งมารดา เมื่อสาวใช้มารายงานว่านายหญิงของเรือนอาการล้มป่วยหนักกว่าเดิม พอดีกับท่านหมอประจำตัวที่ได้มาอาศัยอยู่ที่จวนเพื่อติดตามอาการเพื่อที่จะรักษาได้ทันท่วงที
"ท่านหมอเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ"นางที่เอ่ยอย่างกังวล เพราะกับนั่งกุมมือสตรีวัยกลางคนที่มีสีหน้าซีดเซียว
"ฮูหยินน้อยเชิญด้านนอกเถิดขอรับ"ก่อนที่ทั้งสองจะเดินออกมา
"อะไรหรือท่านหมอ ทำไมถึงต้องมาคุยด้านนอก"นางไม่อยากคิดในแง่ลบ การที่ท่านหมอเรียกออกมาด้านนอกมักมีเรื่องที่หนักพอสมควร
"เรียนฮูหยิน ไม่สามารถที่จะรักษาได้แล้วขอรับ ไม่สามารถยื้อเวลาไปได้มากกว่านี้ได้แล้ว"ท่านหมอได้เพียงก้มหน้าไม่สามารถสบตากับคนตรงหน้าได้
เหรินเหมยลี่ที่เริ่มเข่าอ่อนเซไปด้านหลังยังดีที่สาวใช้เดินตามออกมาจึงช่วยประคองไว้ได้ทัน
"เมื่อวานท่านยังแข็งแรงคุยกับข้าได้อยู่เลย จะเป็นเช่นนี้ได้ยังไง"เหมยลี่นั้นยังรู้สึกว่าเรื่องนี้ยังห่างไกลจากท่านแม่ ทั้งที่ยังยิ้มให้นางและเอ่ยชวนไปไหว้พระอยู่เลย หยดน้ำตาที่ไหลออกมาเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะเอ่ยสิ่งใด ท่านหมอผู้นี้เคยเป็นหมอหลวงอันดับหนึ่งเลยนะ ทำไมกันไม่มียาเทวดามารักษาได้เลยหรือ
"ลี่เอ๋อร์"เสียงเรียกแผ่วเบาเอ่ยหาลูกสะใภ้
"เจ้าคะ ข้าอยู่นี่แล้วเจ้าค่ะ"เหมยลี่รีบเข้ามาพร้อมกุมมือบางนั้นอย่างทะนุถนอม นางร่ำไห้พร้อมมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าที่ควรจะมีอายุยืนมากกว่านี้ นางแต่เข้ามาครั้งแรกก็พบว่าท่านแม่ป่วยมาตลอด อาการที่ไม่ใช่โรค แต่เป็สภาพจิตใจที่แตกสลายและไม่อยากมีชีวิตอยู่ นางค่อยอยู่เคียงข้างมาตลอดแม้ว่าไม่ใช่แม่แท้ๆแต่ก็เหมือนแม่คนที่สองของนาง ตลอดสองปีที่อยู่ที่นางหวังว่าจะช่วงบรรเทาอาการช่ำใจนี่ได้ แต่ตนกลับไร้ความสามารถที่จะให้คนตรงหน้ามีชีวิตอยู่ พึ่งท่านจะเอ็นดูตนเพียงใดก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของท่านให้อยู่ต่อได้เลยหรือ
"ไม่ร้อง"เสียงหวานละมุนเอ่ยปลอบลูกสะใภ้คนงาม
ในยามราตรีที่หลับไหล ดวงจันทร์เต็มดวง ท่ามกลางเขตกองทัพ ที่ไร้แสงเทียนแต่ยังมีกระโจมหนึ่งที่มีใครบางคนที่ยังคงนั่งเขียนรายงานบนโต๊ะที่ยังกองพะเนินรอให้จัดการ ร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหล่าถอดมองเอกสารในมือวันนี้ควรจะเป็นคืนที่ปกติธรรมดาคืนหนึ่ง แต่กลับมีเสียงม้าที่ดังอยู่ภายนอก ก่อนที่จะมีทหารรีบเข้ามารายงานว่ามีจดหมายจากฮูหยิน สิ้นนั้นสร้างความแปลกใจไม่น้อย เพราะภรรยาไม่เคยส่งจดหมายมาหา และคงไม่เร่งด่วนขนาดใช้ม้าเร็วมาถึงที่นี่ ‘หลี่หนิงเหอ’รีบเปิดจดหมายก่อนจดหมายในมือจะร่วงหล่นด้วนบนพื้น และหันไปสั่งทหารให้เตรียมม้าในทันที จดหมายที่กล่าวถึงท่านแม่ที่กำลังจะล้มป่วยหนัก เมื่อมาเร็วมาถึงชายหนุ่มไม่รีรอรีบควงม้าออกไป การเดินทางจากต่างเมืองไปที่เมืองหลวงเป็นเวลาหนึ่งวันเต็มโดยไม่หยุดพัก จากที่อยู่ชายแดนก็มาถึงได้ในเร็ววัน
เสียงม้าที่วิ่งเข้ามาในเมืองหลวงก็เวลาฟ้าสางพอดี ชายหนุ่มควงมาถึงหน้าจวนมีบ่าวนั้นรอรับม้า หลี่หนิงเหอรีบวิ่งมาที่ห้องของมารดาเห็นเหล่าเครือญาติที่ต่างพากันมายืนรออยู่แล้ว ทำให้เขาหน้าถอนสี รีบจ้ำเท้าเข้ามาด้านใน เห็นร่างมารดาที่นอนอยู่เพราะกับฮํหยินเอกที่กุมมือร่ำไห้อยู่ แต่พอเห็นบุตรชายแท้นั้นมาถึง เหรินเหมยลี่จึงถอยออกมา ก่อนที่จะเดินออกมาทิ้งไว้เพียงเขาทั้งสองคนได้มีเวลาร่วมกัน
"ท่านแม่"บุรุษที่ร่างกายกำยำนั้นค่อยมานั่งแทนที่ภรรยาพร้อมนำมือเกาะกุมมือน้อย ๆ ของผู้เป็นแม่ เมื่อได้ยินเสียงที่กำลังรอคอยหญิงวัยกลางคนจึงลืมตาขึ้น ทอดมองบุตรชายเพียงคนเดียวที่มีใบหน้าคล้ายบิดาอยู่หลายส่วน
"มาแล้วหรือ เหอเอ๋อร์" นางค่อยนำมือนั้นจับดวงหน้าบุตรชายที่ก้มตัวให้มารดาจับสะดวก
"ขอรับท่านแม่ ข้าอยู่นี่แล้วใยท่านแม่ถึงมานอนอยู่เช่นนี้เล่าออกไปเดินชมสวนกับข้าไม่ดีกว่าหรือ"เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มปนเศร้า
"นั้นสินะ เจ้ามาที่ไรข้ามักพาเจ้าดูสวนที่ลี่เอ๋อร์ปลูกเสมอ"รอยยิ้มอละเสียงหัวเราะในลำคอ"เหอเอ๋อร์แม่ขอโทษที่อยู่กับเจ้าไม่ได้นานกว่านี้"หลี่หลิวหมิงจับมือบุตรก่อนจะลูบเบา ๆ
"ท่านแม่ใยท่านจากข้าไปเร็วนัก"เขาเอ่ยพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลริน แม้เป็นบุรุษที่ผ่านสงครามมากมาย การเห็นคนที่ตนรักจากไปเป็นหนที่สอง ขนาดฮ่องเต้ผู้เย็นชายังเสียน้ำตาให้ไทเฮาและเขาจะเหลืออะไร
"เหอเอ๋อร์ แม่ไม่สามารถอยู่กับเจ้าได้ได้แล้วจริง ๆ "
"ท่านแม่"เขาเอ่ยเรียกมารดา ถึงท่านหมอจะเคยบอกแล้วยาที่ให้เป็นแค่ซื้อเวลาเท่านั้น หากวันไหนที่มารดาไม่อยากมีชีวิตวันนั้นก็คือจุดสิ้นสุด แต่ทำไมถึงมาเร็วยิ่งนักเล่า
"ปล่อยแม่ไปเถอะนะ"คำที่เอ่ยหาใช้คำบอกลา ความเจ็บที่จุกในอกประโยคที่มารดาเอ่ยทำให้เหมือนมีดาบพันเล่มปักลงมากลางใจ ก่อนที่มารดาจะเอ่ยอีกครั้ง"แม่รักลูกมากนะจง..ใช้ชีวิตที่เหลือ..ให้..ดี.."สิ่งเสียงนั้นมือที่กุมมือหนาค่อย ๆ ร่วงหล่น พร้อมดวงตาที่ปิดสนิท
เสียงด้านในที่เงียบไปเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ในทันที เหรินเหมยลี่ได้ร่ำได้โดยมีไป๋ฮวาลูกพี่ลูกน้องของสามีค่อยปลอบประโลม ความเศร้าเสียใจนี่ยังคงดำเนินไปจึงงานศพและวันสุดท้ายที่ฝังหลี่ฮูหยินใหญ่การจัดงานเพียงเครือญาติ การจากไปที่สงบแล้วไม่มีสิ่งใดค้างคาใจ จนผ่านไปหลายวันที่งานศพนั้นจบ เหรินเหมยลี่ที่ยังคงเศร้ากับการจากไปกระหันทันและคิดว่าต่อไปนางจะทำสิ่งใดต่อเพราะการแต่งงานที่ไม่เคยอยู่ร่วมกับสามี ตลอดสี่ปีของนางก็มีแต่แม่สามีเท่านั้น วันนี้เองท่านพี่กำลังจะกลับไปที่ค่ายตามเดิมแล้ว นางก็ได้แต่กังวลว่าเขาจะเอายังไงกับนาง สี่ปีนี่ความห่างเหินของเราสองก็มีมากขึ้น เป็นสามีภรรยาแต่ไม่เคยได้มีโอกาสพูดคุยกันสักครั้ง มีเพียงแค่เงียบใส่กันและยิ่งงานศพนางก็ไม่รู้ว่าจะปลอบสามีอย่างไรเพราะนางเองก็เศร้าเสียใจไม่แพ้กัน และความห่างเหินนี่อีก เลยทำให้มีแต่ความเงียบงัน จนทุกย่างจบลงจากนี้ไม่รู้ว่าจำอย่างไรต่อ แต่ยังไม่ทันจะกล่าวอะไรต่อกันก็มีทหารจากต่างแดนมาพาตัวสามีนางไปออกศึกกระหันทันเมื่อพบว่าตอนนี้ศัตรูเคลื่อนพลกันแล้ว และดูท่าเขาต้องไปร่วมรบไม่รู้เลยว่าจะได้เจอกันอีกปีใด และนั้นคือครั้งสุดท้ายที่ได้พบ
...****************...
...สวัสดีนักอ่านทุกคนนะคะ ...
...วันนี้มีเรื่องมาลงอีกแล้วจากการตัดสินใจคิดว่า ลงดีหรือเปล่า เพราะเรื่องยังแต่งไม่จบ แต่ไฟหมดมาหลายวัน🥲...
...จากประสบการณ์จากตัวเองที่ลองแต่งจบและลง หรือแต่งไปลงไปนั้น...
...พบว่าการแต่งจบก่อนลงของไรท์ ทำให้มีความรู้สึกกังวลและคิดมาก แต่งนิยายไม่สนุก กว่าจะลากให้จบได้ก็หลายเดือนเลย ขอบอกว่าตอนนั้นหมดไฟมากๆ แต่ก็พยายาม...
...ส่วนการแต่งไปลงไปนั้น ดีกว่าแต่จะมีข้อเสียเปรียบเยอะ แต่ถือว่าทำให้มีกำลังใจจากนักอ่านค่ะ ว่าแต่ละตอนดีหรือแย่ยังไงทำให้ไฟยังมีและขยันกว่าแต่งจบก่อนลง...
...เพราะฉะนั้นไรท์จึงทำการแต่งสด พยายามอัพให้ได้ทุกวันหรือวันเว้นวันให้ได้แม้จะมีงานประจำก็ตามค่ะ ...
...ขอฝากนิยายเรื่อง หวนกลับมาพบ ด้วยนะคะ เป็นนิยายแนวอบอุ่นหัวใจ ไม่ดราม่าค่ะ ฝากเอ็นดู ลูก ๆ ของไรท์ด้วยนะเจ้าคะ😘...
เวลาผ่านมาหนึ่งปี
ณ จวนตระกูลหลี่ที่เงียบสงบยามเช้าหญิงสาวนางหนึ่งกำลังเย็บผ้าอยู่บนศาลารินน้ำ เป็นกิจวัตรประจำวันของทุกวัน แต่วันนี้พิเศษเพราะมีขนมมากมายเรียงอยู่บนโต๊ะ
"ท่านน้าเจ้าค่ะ/ท่านน้าขอรับ"เสียงของเด็กเล็กสองคน ฝาแฝดชายหญิงบุตรของท่านกงลู่ลูกพี่ลูกน้องฝั่งสามี วันนี้ก็เข้ามาเมืองหลวงเช่นเคยและพาเจ้าสองแสบมาเยี่ยมนาง คงเป็นสิ่งเดียวทำให้เหรินเหมยลี่รู้สึกมีดีใจและมีความสุขยิ่งนัก การมีใครสักคนมาเยี่ยมเช่นนี้ก็ทำให้นางไม่เหงาด้วย ตั้งแต่ท่านแม่สามีจากไปนางต้องอยู่ในจวนหลี่ที่เงียบนี่มีนางเป็นนายเพียงผู้เดียวเพราะเหล่าญาติพี่น้องของสามีนั้นได้ตกแต่งไปหมดแล้วเหลือ นับจากท่านพ่อตาที่รับช่วงต่อการเป็นผู้นำตระกูล กลับต้องต้องพ่ายแพ้ในสงครามและสิ้นชีพไป จนเหลือเพียงท่านแม่สามีและสามีที่ยังคงต้องดูแลจวนตระกูลหลี่ต่อจนตอนนี้เหลือเพียงสามีที่เป็นผู้นำคนเดียวของตระกูลแล้ว และยังร่วมกองทัพอยู่ต่างเมือง แม้ว่าสงครามจะดูสงบลงกลังจากได้รับชัยชนะมา แต่สามีนางกลับยังรับตำแหน่งค่อยดูแลชายแดนอยู่เลย ทำให้นางต้องอาศัยอยู่ที่นี่กับสาวใช้นับสิบคน
"วันนี้ข้าก็ของฝากเจ้าเด็กสองคนนี่อีกสักวันนะ"ท่านลุงเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
"เจ้าค่ะ ท่านลุงไม่ต้องห่วง ข้าจะค่อยดูแลหลานทั้งสองอย่างดี"นางเอ่ยพร้อมจับจูงมือของสองแฝด เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรท่านลุงนั้นจึงออกตัวแล้วเดินจากไป
"หิวหรือยัง วันนี้น้าทำขนมรอไว้เมื่อรู้ว่าเจ้าทั้งสองจะมา"เหรินเหมยลี่หรี่ยิ้มหวานละมุมผ่านทำให้เด็กทั้งสองนั้นยิ้มตาม ก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปทางศาลา โดยมีเหรินเหมยลี่ที่ค่อยดูแลเอาใจใส่หลานทั้งสอง
ณ ค่ายต่างเมือง
แม้เวลาผ่านไปศึกสงครามก็จบไปทหารหลายรายต่างขอลาเพื่อกลับภูมิลำเนาเดิม แต่ไฉนเลย ถึงไม่ใช่กับรองแม่ทัพผู้องค์อาจอย่างหลี่หนิงเหอที่ยังหมุกตัวอยู่ไหนค่ายทหารจนสหายที่เป็นท่านแม่ทัพใหญ่ถึงกับส่ายหัว เมื่อกลับมาจากเมืองหลวงไปรายงานสถานการณ์แก่ฮ่องเต้และได้ขอลาำักร้อนเพื่อได้อยู่กับครอบครัว จนกลับมาก็ยังเห็นสหายผู้นี้ยังอยู่
"หนิงเหอ ทำไมเจ้ายังอยู่ในค่ายอยู่อีกเล่า"เฉินจางหมิ่นสหายที่เป็นท่านแม่ทัพใหญ่ของแคว้น การที่ทั้งสองเป็นสหายรักกันได้เพราะเคยรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กไม่แปลกที่จะสนิมสนมกัน
"จะให้ข้าไปอยู่ไหนได้อีกหรือ งานกองเท่าภูเขาไม่มีกะจิกะใจทำอะไรหรอก"หลี่หนิงเหอเอ่ยก่อนตั้งใจมาดูรายงานที่เหล่าทหาร จริง ๆ งานพวกนี้เป็นของท่านแม่ทัพต่างหาก ไม่อยู่หลายวันทุกอย่างจึงตกมาที่เขา
"ให้รองแม่ทักหยางก็ได้เห็นว่าพึ่งกลับมาที่ค่ายห้าวันก่อนนี่"เขามีรองแม่ทัพตั้งสองคนใยถึงทำอยู่คนเดียวกันเล่า "เจ้าเอาแต่ทำงานเช่นนี้เมื่อไหร่จะกลับเมืองหลวง"
"..."หลี่หนิงเหอไม่ได้ตอบกลับเอาแต่สนใจกับงานตรงหน้า เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนั้นเงียบก็ได้แต่ถอนหายใจ หนึ่งปีเต็มที่ต้องออกรบ ทำให้ห้าเดือนต่อมาเหล่าทหารต่างทยอยกลับไปหาครอบครัว แต่ไม่ใช่กับหลี่หนิงเหอที่หมกตัวอยู่แต่ในค่ายมาตลอดสองฤดูกาล
หลังจากที่ได้รับจดหมายออกรบตรงกับช่วงที่ท่านน้าหลี่เสีย ทำให้บุรุษตรงหน้านั้นคงเสียใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้ในตาจะไม่แสดงออก แต่เขารู้ว่าสหายของเขาเสียใจปานใด ซึ่งดูได้จากสนามรบที่เขาพยายามจะกำจัดคนที่สังหารบิดา หลายครั้งที่คิดว่าจะเสียรองแม่ทัพผู้เก่งกาจคนนี้ไป การบุกและทำอะไรไม่ระวังเช่นนั้นหาใช้ตัวของหลี่หนิงเหอไม่ เขาพอดูออกว่าในสนามอีกฝ่ายต้องการสละชีพของตนเอง แต่ก็สามารถรอดมาได้นั้นแปลว่าสรรค์ยังไม่อยากได้ตัวเขาไป หลังจากการแก้แค้อันยามนานจบลง ความรู้สึกเสียใจ เศร้าใจยังคงอยู่ เขารู้ดีทั้งบิดามารดาที่เสีย เหมือนกับโดนทิ้งไว้ด้านหลังตัวคนเดียว แต่สำหรับท่านแม่ทัพเองก็เสียท่านทั้งสองเช่นกันแต่นั้นกลับไม่ได้เศร้ามากนักเพราะมีภรรยาคนงามที่ค่อยปลอบและการใช้เวลาช่วยให้หายเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นความคิดถึงแทน แต่ทำไมสหายของเขานั้นกลับเป็นเช่นนี้ ทั้งทีมีภรรยาคอยอยู่ด้านหลังอยู่ ฉะนั้นก็ควรใช้ชีวิตให้ดีขึ้นไม่ใช่หรือ เฉินจางหมิ่นนึกเป็นกังวลกับลูกน้องที่มีสักเป็นสหาย เขาจึงตั้งมั่นว่าต้องทำให้คนตรงหน้ากลับไปให้ได้เลยค่อยดู
"เจ้าไม่ต้องทำ" เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้น
"ได้งั้นที่เหลือเจ้าก็จัดการเอง"หลี่หนิงเหอเอ่ยรับพร้อมกับลุกขึ้น
"และพรุ่งนี้เจ้าก็ไม่ต้องมาประชุม"เฉินจางหมิ่นนั้นกล่าวพร้อมเดินไปโต๊ะตัวใหญ่ ก่อนจะหยิบสมุดเล็กออกมาพร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างและลงนาม
"เจ้ากำลังหมายความว่าอย่างไร"หลี่หนิงเหอถามด้วยความสงสัย บุรุษสองคนที่กำลังยื่นประจันหน้ากัน ก่อนจะยื่นกระดาษแผ่นนั้นมาให้
"ใบลาพักผ่อนสองเดือน พรุ่งนี้ข้าหวังว่าจะไม่เห็นหน้าเจ้า"ท่านแม่ทัพเอ่ยพร้อมยกยิ้ม แล้วจะรีบดึงกลับเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั้นเหมือนจะดึงไปฉีก
"หากเจ้าฉีกทิ้งข้าจะเพิ่มไปอีกเป็นหนึ่งเดือนหากเจ้ายังไม่ยอมข้าก็จะเพิ่มไปอีกครึ่งปี"
"จางหมิ่งเจ้าคิดจะทำอะไร"หลี่หนิงเหอเห็นว่าอีกฝ่ายดูไม่ยอมแพ้จึงถามตรง ๆ ว่าทำไมต้องการให้เขาพักนัก ทั้งที่ก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรือที่เขายังอยู่ในค่าย เป็นระเบียบเรียบร้อม เบาภาระท่านแม่ทัพได้มาก
"เจ้าไม่คิดถึงเมืองหลวงข้าไม่ว่าหากแต่ตอนข้ากลับผ่านจวนตระกูลหลี่ เงียบเหงาดั่งป่าช้านัก" ก่อนจะจ้องมองใบหน้าหลี่หนิงเหอที่นิ่งเฉยนั้นก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้อีกฝ่ายใจกระตุก"เจ้าคิดบางหรือไม่ว่ามีใครบางคนกำลังรอเจ้ากลับ"เขาพยายามจะสื่อถึงใครบางคนที่อยู่ที่นั้น หากยังคิดได้อยู่ก็จะยอมในการกลับเมืองหลวงซะ
"นางอาจจะมีความสุขอยู่ก็ได้ ยังไงข้าก็ส่งเงินกลับไปตลอด"หลี่หนิงเหอเอ่ยพร้อมคิดว่าภรรยาคงอยู่ส่งสบายนั้นแหละ ทั้งชีวิตของนางยังไงเสียก็เป็นการรับผิดชอบของเขา
"เฮ้อ เจ้านี่"พอท่านแม่ทัพจะเอ่ยว่าอีก หลี่หนิงเหอจึงรีบเดินออกมามองดูใบสั่งลานี่ก่อนจะถอนหายใจ
เวลาผ่านไปหลี่หนิงเหอก็มาถึงจวนหลี่เขามองดูจวนที่เงียบสงบก่อนจะเดินเข้ามาด้ายใน แตกต่างจากหนึ่งปีก่อนมาก
"นายท่าน"เสียงของพ่อบ้านหรงที่รีบวิ่งมาพร้อมสีหน้ายิ่งดี"กลับมาแล้ว นายท่านข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอท่านเสียแล้ว"
"อืม"เขาเพียงตอบรับในลำคอซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเขา พ่อบ้านหรงเลยไม่ได้คิดมากกับความไร้อารมณ์ของเจ้านายก่อนจะเชิญเข้ามาด้านใน ก่อนที่ในห้องรับแขกจะมีเด็กสองคนทำเอาหนิงเหอขมวดคิ้ว เจ้าสองคนที่ต่างมองมาทางเขาอย่างสงสัยแต่พอมองดูใบหน้าและร่างที่โตกว่านั้นพร้อมใบหน้าที่บึ้งตึง รู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ทำให้เด็กทั้งสองเบ้ปากร้องไห้จ๋าทันใด จนพ่อบ้านหรงจึงรีบปลอบ ส่วนหลี่หนิงเหอได้แต่มองและรู้สึกหนักใจขึ้นมาทันที หากแต่ความสงสัยที่ว่าเด็กสองคนนี้นั้นเป็นบุตรของใครกัน หากเป็นบุตรของเขาหรือ เมื่อเห็นได้เขาก็รู้ได้เลยว่าไม่ใช่เพราะหนึ่งปีก่อนนางไม่ได้ท้องและเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยเพราะควรท้องตั้งแต่สี่ปีก่อนสิ คิ้วนั้นเริ่มขมวดเข้าหากันอีกครั้งก้นแผ่กลิ่นอายปีศาจที่มักใช้ข่มศัตรูนั้นออกมา มีอยู่ทางเดียวที่นางจะมีบุตรได้คือภรรยากำลังมีชู้!
"พ่อบ้านหรงเด็กๆเป็นอะไรหรือเจ้าค่ะ"เสียงที่ดังอยู่ด้านหน้าของเขาก็เป็นภรรยาคนงามที่เดินเข้ามา
เหรินเหมยลี่ที่ไปทำขนมให้เด็ก ๆ ได้ยินเสียงสองแฝดร้อง ไม่เคยเป็นแบบนี้ก่อนจึงได้รีบมากลัวว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่พอมาถึงกลับเป็นบุรุษคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่หากแต่กำลังแผ่รัศมีข่มเด็กๆ กว่าจะปลอบเฟยเจินกับเฟยหย่าได้ก็ให้สามีนั้นไปพักผ่อน นางจึงให้พ่อบ้านหรงนั้นดูแลเด็กทั้งสองไปก่อน
นางเดินจ้ำมาที่ห้องนอนของนางเพราะสามีกลับมากระหันทันในรองหนึ่งปีนางจึงไม่ได้ทำความสะอาดสั่งเตรียมห้องหนังสือให้เขาเลย ไม่รู้ว่าเขาไปเคารพที่ป้ายบรรพบุรุษกลับมาที่ห้องแล้วหรือยัง
"ท่านพี่"นางที่เดินเข้าก่อนจะเห็นว่าเขานั้นกำลังถอดชุดเหลือเพียงกางเกงตัวเดียวนางที่เบิกตากว้าง พร้อมใบหน้าร้อนขึ้น เขามีกล้ามที่งดงามได้ขนาดนั้นได้ยังไงแต่ผิวสีเข้มกับมีแผลอยู่หลายจุดโดยเฉพาะหน้าอกมีรอยลากยาวลงมา
"ฮูหยิน"เขาเอ่ยเรียกนางที่กำลังมองเขาด้วยสายตาที่ชื่นชมทำเอาเขานั้นประหม่าแต่ก็ยังพยายามสงบนิ่ง
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงมาปฎิบัติท่านเพียงเท่านั้น"นางรีบหลับสายตาก่อนจะเดินเข้ามาด้านใน นางต้องชินกับสิ่งนี้ให้ได้เพราะยังไงเสียนางกับเขาก็เป็นสามีภรรยากัน
"ไม่จำเป็นเจ้าไปดูเจ้าฝาแฝดทั้งสองนั้นเถอะ"เขาเอ่ยออกไปโดยไม่คิดมาก เพื่อให้นางต้องมาค่อยเหนื่อยกับตน และเด็กสองคนนั้นก็ทำให้เขาเข้าใจผิดที่แท้เป็นบุตรของท่านลุงของตนเอง จึงทำให้หลี่หนิงเหอรู้สึกผิดที่คิดว่านางมีชู้อยู่เลย ไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงคิดเรื่องแบบนี้ คงเพราะใบหน้าที่น่าเอ็นดูนี้ พร้อมกับรอยยิ้มของนางที่มักจะยิ้มให้ผู้อื่นทำให้เขาเข้าใจผิดไป
"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ท่านกลับมาทันที"นางเอ่ยพร้อมเดินเข้ามาชุดคลุกนั้นมาพับก่อนจะนำไปเก็บ
"ให้บ่าวมาช่วยก็ได้ เจ้าคงยุ่งอยู่กับการรับแขกอยู่นี่"เขาไม่อยากรบกวนนางเห็นว่านางยุ่งการไปทำขนมและต้องเล่นกับเด็กพวกนั้นคงเหนื่อยน่าดูเลย
แม้เขาจะเอ่ยอะไรนางก็ยังคงอยู่ในห้องหากแต่จากใบหน้าที่ไร้เดียงสากับแปลเปลี่ยนเป็นมืดครึ้ม นางกำลังโกรธหรือ
"ข้าได้ทำหน้าที่ภรรยาเถิดเจ้าค่ะอย่าได้ผลักไสข้านักเลย"นางที่เอ่ยพยายามกลั่นน้ำตาไม่ให้ไหล
"..."
"ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเจ้าค่ะ ข้าอยากช่วย"นางอุตสาห์มาช่วยเขา แต่กลับถูกไล่งั้นหรือ ตลอดมาหลายปีนี้เขาเคยคิดถึงนางบ้างหรือไม่ นางพึ่งได้มาตระหนักได้หลังจากที่แต่งเข้ามา นางไม่เคยได้ปรนนิบัติสามีเลย แต่พอเข้าใจได้ว่าเขาเป็นรองแม่ทัพ สงครามก็กำลังเดือดท่านแม่เองก็ล้มป่วยนางก็ค่อยดูแล จากสาเหตุนี้เราทั้งสองคนก็ไม่ได้มีเวลาให้กัน จนสงครามจบไปหลายเดือนนางก็รอ คิดว่าจะกลับมาแต่พอมาถึงเขาก็ยังปฏิเสธนาง บางครั้งนางก็คิดนะว่าเขามีสตรีในดวงใจอยู่หรือไม่ถึงได้หลีกหนีนางนัก
"อืม ตามใจเจ้า"เขาไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ก่อนจะให้นางนั้นทำตามใจ วันแรกก็ทำนางโกรธแล้วหรือนี่
"ท่านจะให้ข้าเข้าไปช่วยหรือไม่เจ้าค่ะ"เกรินเหมยลี่เอ่ยอย่างกระตือรือร้นเมื่อเห็นสามีกำลังเขาไปอาบน้ำ นางสามารถช่วยขัดผิวเขาได้ นางคิดเพียงอยากจะปรนนิบัติสามี
"ข้าจะอาบเอง"เขาที่เห็นว่าภรรยาไม่มีเขินอายเลย หากแต่เป็นเขาเองที่ยังคงเขอะเขินนาง
ความห่างเหินทำให้ใจสองสามีภรรยานั้นห่างไกลกัน พอกลับมาใกล้กันต้องทำให้ต่างฝ่ายต่างทำตัวไม่ถูกโดยเฉพาะรองแม่ทัพที่เฉยชาที่ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นนอกการแก้แค้น แต่กลับรู้สึกอึดอัดและทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ใกล้ภรรยา
จนเวลาตกเย็นอาหารที่เตรียมไว้นั้นค่อยทยอยมาวางบนโต๊ะใหญ่ วันนี้ต่างจากทุก ๆ วันเพราะมีท่านลุงกับภรรยาและสองแฝดที่บังเอิญเข้าเมืองหลวงมาพร้อมกันเพื่อมาทำธุระและได้ขอมาอยู่ค้างคืนด้วย ใครจะรู้ว่าหลานชายจะกลับมาทำให้จากการมาค้างคืนเฉย ๆ มีงานเลี้ยงขนาดเล็กสำหรับสองครองครัว
"ใครจะคิดเล่าว่าเจ้าจะกลับกระหันทันขนาดนี้"ท่านลุงกงลู่ที่เอ่ยพร้อมรับสุราจากหลี่หนิงเหอ การเข้าหาผู้ใหญ่นั้นเป็นสิ่งที่ควรและพอรู้ว่าท่านลุงค่อยช่วยเหลือภรรยาเขาด้วย ยิ่งทำให้นึกขอบคุณ
"แล้วได้ยินว่าสงครามจบไปตั้งหลายเดือนเหล่าทหารยังไม่กลับเมืองหลวงหรือ"คราวนี้เป็นท่านป้าหลินพี่สาวของหลี่ฮูหยินใหญ่เป็นป้าแท้ ๆ ของหลี่หนิงเหอได้เอ่ยถามหลานชาย โดยเจ้าตัวกำลังตักข้าวให้เจ้าสองแฝด
"อีกหนึ่งปีขอรับ ถึงสงครามจากจบลงแต่ก็ยังมีศัตรูที่สร้างความเสียหายและกลุ่มโจรที่เกิดขึ้นมากจึงมีการปราบปรามก่อน จึงไม่สามารถกลับได้ในเวลานี้ขอรับ"เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเพราะยังไงเสียท่านทั้งสองก็ไม่ใช่คนอื่นเรื่องก็รับรู้กันบ้างแล้วด้วยเพราะผลจากสงครามนั้นมีมากจึงต้องมีการจัดการให้สิ้นภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องมีการคิดกบฏอีก เพราะกลุ่มโจรพวกนี้มากขึ้นทำให้มีคนคิดใหญ่จะใช้เหล่าโจรพวกนี้ก็ได้ เขาจึงไม่อาจเลี่ยงในการปราบปราม
"แปลว่าเจ้าก็กลับไปอีกงั้นหรือ"ท่านลุงนี้เอ่ยพร้อมถอนหายใจ คิดว่าจะกลับมาอยู่กับเหรินเหมยลี่แล้วเสียอีก
หลี่ฮูหยินที่ได้ไปดูอาหาร พอกลับมาก็ได้ยินทั้งสามนั้นพูดคุยกัน แปลว่าเขาจะต้องไปอีกแล้ว นางที่ยืนดึงสติของตนกลับมาได้ การที่เขาปกป้องแผ่นดินคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ใยนางต้องรู้สึกเช่นนี้ด้วยเล่า
"เหมยลี่ใยเจ้าไปนานนัก"พอเห็นหลานสะใภ้เดินเข้ามาก่อนจะมีบ่าวนำอาหารมาวางเพิ่ม
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเพียงทำอาหารมาเพิ่มที่เจ้าสองแฝดชอบเจ้าค่ะ"พอนางเอ่ยเสร็จเด็กทั้งสองก็มองตามด้วยสายตาแวววับ ยามเห็นเกี้ยวอ้วน ๆ ที่อยู่ในจานพร้อมกับน้ำซุปใสที่ทำให้ดูน่าทานมากขึ้น โดยเฉพาะฝีมือของเหรินเหมยลี่ที่เด็ก ๆ ชอบ จนทำให้นางต้องทำอาหารให้หนึ่งอย่างเมื่อเด็กทั้งสองมาหา
"ท่านพี่ควงคีบให้ข้าก่อนสิเจ้าคะ"เสียงคนน้องที่เอ่ยดุพี่ชายที่เกิดก่อนเพียงกี่นาทีเท่านั้น
"ให้พี่ลองชิมก่อนไงว่าอร่อยหรือ แต่ดูจะไม่ค่อยอร่อยเจ้าไม่ต้องทานหรอก"แม้เฟยเจินจะเอ่ยว่าไม่อร่อยแต่ตะเกียบก็คีบเข้ามาปากตลอดจนคนน้องอย่าเฟยหย่าเอ่ยเสียงว่าพี่ของตน สร้างความขบขำขันให้แก่คนรอบข้าง จนเหรินเหมยลี่ต้องให้สาวใช้ไปตักมาอีก เพราะเหมือนนางจะรู้ว่าต้องเป็นเช่นนี้ หลี่หนิงเหอเองมองดูสถานการณ์ผ่อนคลายนี่ก็ทำให้รู้สึกดีไปด้วยก่อนจะเริ่มพูดคุยกับท่านลุงและคนอื่นถึงบ้านเมืองและกิจการของตระกูลหลี่ที่ตอนนี้ให้ตระกูลจื่อค่อยดูแลอยู่ ความไว้ใจนี่คือสิ่งที่ทำให้ทั้งสองตระกูลเป็นดั่งครอบครัวเดียวกัน แม้เขาจะสนใจในบทสนทนาแต่เขาก็สังเกตภรรยาที่มักคีบนั้นนี่มาให้เขาเองเห็นแบบนั้นจึงไม่ปฏิเสธ
บรรยากาศของคนทั้งสองนั้นอยู่ในสายตาของท่านป้าหลินที่กำลังคิดอะไรบางอย่าง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!