NovelToon NovelToon

ผืนป่าใต้แสงจันทร์ (Yuri)

บทนำ

เสียงฟ้าผ่าร้องกระหึ่มก้องดังไปทั่วผืนป่า ฝนตกเทลงมาจนเนื้อตัวเปียกปอน ฉันกับรุ่นพี่รีบวิ่งหาที่หลบฝนและยกมือขึ้นมาบังสายฝนที่กระเด็นเข้าตาจนแสบ

รองเท้าเต็มไปด้วยโคลนดิน มีบางครั้งที่ลื่นล้มรุ่นพี่รีบพยุงตัวและประคองฉันขึ้น จากนั้นวิ่งกันสุดชีวิตจนเจอเข้ากับกระท่อมหลังหนึ่ง

ฉันถอดเสื้อคลุมบิดไล่น้ำฝนออก พอตัวเปียกอากาศรอบตัวเย็นลงจนต้องยกมือขึ้นกอดตัวเองให้คลายหนาว

ฉันกับรุ่นพี่ชื่อทูนเราเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทานพาเพลิน วันนี้เป็นวันแรกที่ฉันทำงานอย่างเต็มตัว จากเมื่อก่อนเป็นแค่เจ้าหน้าที่ฝึกหัด

“มูนมาทำงานวันแรกก็เจอแจ็คพอตพอดีเลย” พี่ทูนหันมาหัวเราะ

“ปกติเป็นอย่างนี้บ่อยไหมคะ”

“ไม่นะ คงเพราะวันนี้พายุลูกใหญ่เข้าในรอบห้าสิบปีเลยเป็นแบบนี้”

“เราคงต้องรอฝนให้ตกน้อยลงก่อนแล้วค่อยไปที่รถ”

ระหว่างรอฝนซาลงพี่ทูนเล่าประสบการณ์ที่พบเจอให้ฟัง ฉันรับฟังอย่างตั้งใจและจินตนาการถึงอนาคตที่จะได้เจอบ้าง

ซึ่งงานนี้เป็นงานที่ฉันอยากเป็นมาตั้งแต่เด็กและพยายามทำจนสำเร็จได้

"เธอต้องเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดีได้" เขายกยิ้มและตบไหล่ให้กำลังใจฉัน

“เอาแหละ ฝนตกเบาลงแล้วเราไปที่รถกันเถอะ”

บริเวณรอบนอกกระท่อมมืดมิดจนมองอะไรไม่ชัด พี่ทูนหยิบไฟฉายขึ้นมาส่องและเดินนำหน้า

ฉันที่เห็นจึงเปิดไฟฉายส่องตาม เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงที่จอดรถหน้าทางเข้าป่า

“นี่มันบ้าอะไรวะ!!”  เสียงสบถเรียกความสนใจจากฉัน

“เกิดอะไรขึ้นคะ” พี่ทูนส่องที่ยางล้อให้ดู ซึ่งล้อทั้งสี่แบนเรียบติดพื้น 

“พี่โทรหาที่สำนักงานให้เขาเอารถมารับแล้วกัน เราขึ้นไปนั่งรอที่รถกันก่อนเถอะ”

“ไม่มีใครรับสายเลย บ้าจริงคงไปแอบอู้กันแน่”

เรานั่งรออยู่ในรถสองชั่วโมงแล้วฝนก็ไม่มีท่าทางจะหยุด พี่ทูนยื่นเสื้อคลุมที่อยู่ในรถให้ฉันใส่กันหนาว

ตอนนี้ร่างกายสั่นไม่หยุดจากการตากฝนเป็นเวลานาน ยิ่งอยู่ในป่าอากาศที่เย็นลงจนติดลบอีก

“พี่ทูนคะ เหมือนมีคนยืนอยู่ตรงหน้ารถค่ะ” ไฟหน้ารถเปิดอยู่ ฉันที่เห็นคนยืนตรงหน้ารถก็สะกิตเรียก

“ในป่าตอนมืด ถ้าเห็นอะไรอย่าไปทักนะ” พี่ทูนที่นอนเอนหลังพูดขึ้นทั้งที่หลับตา

ฉันเอนหน้าเพ่งมองจนมันเริ่มปรากฏรูปร่างคล้ายคน เขายกมือขึ้นโบกมือไปมาในอากาศเหมือนทักทาย มือถืออะไรบางอย่างที่เป็นท่อนยาวๆ

ฉันสะดุ้งสุดตัวที่เขาวิ่งมาด้านพี่ทูน ก่อนฟาดที่กระจกเต็มแรง

“บ้าอะไรวะเนี่ย” พี่ทูนถูกเขาจับคอเสื้อดึงออกจากรถท่ามกลางความตะลึงของฉัน

“อ๊าก!! เจ็บๆ”

ฉันรีบลงจากรถเห็นเขาคนนั้นฟาดพี่ทูนไม่หยุด พี่ทูนง้อตัวร้องด้วยความเจ็บ

ฉันรีบกวาดตามองแถวนั้นหาอะไรที่พอเป็นอาวุธได้ แต่มันไม่มีอะไรเลยที่สามารถป้องกันตัวได้

ฉันจึงตัดสินใจวิ่งพุ่งตัวผลักชายคนนั้นเต็มแรง เขายังคงยืนเฉยมองมาหาฉันที่ล้มก้มจ้ำเบ้าอยู่บนพื้น

เขาเดินเข้ามาง้างมือถือท่อนนั้นฟาดลงมา ฉันหมุนตัวหลบก่อนที่จะโดนตัวเองและรีบลุกขึ้นยืน

เขารีบเดินเข้ามาฟาดไปมาจนบางครั้งฉันหลบไม่ทันก็โดนตีเต็มแรงหลายที จนร่างกายปวดร้าวไปทั่ว

“ปล่อยนะ” เขาบีบคอฉันยกตัวขึ้นสูงจนขาลอยจากพื้น เขาเป็นคนตัวใหญ่ร่างกายกำยำ

“ปล่อยเธอนะเว้ย”

พี่ทูนกระโดดเตะชายคนนั้นจนเขาเสียหลักและปล่อยมือออกจากคอฉัน

ฉันไอออกมาอย่างหนักมองไปยังพี่ทูนที่กำลังต่อสู้กับชายร่างใหญ่

ไม่ว่ามองยังไงพี่ทูนก็เสียเปรียบเห็นๆกับความต่างของร่างกาย

ชายคนนั้นสูงประมาณร้อยแปดสิบกว่าได้ ร่างกายกำยำอย่างกับพวกนักกล้าม  เขาดูเชื่องช้าแต่พละกำลังรุนแรงกว่าพวกเราหลายเท่า

“พี่ทูน!!” ฉันรีบวิ่งกระโดดเกาะหลังเขาช่วยพี่ทูนที่แพ้นอนจมกองเลือด

“แกต้องการอะไรจากพวกเรา”

ฉันใช้แขนและขารัดตัวเขาไว้แน่น เขาหมุนตัวไปมาพยายามทำให้ฉันหลุดจากตัว

พอสะบัดฉันออกไม่ได้จึงหยุดและจับเสื้อที่ไหล่ฉันเหวี่ยงลงพื้น ก่อนเหยียบที่ท้องตามด้วยยกตัวฉันขึ้นและกระแทกลงพื้นเต็มแรง

“ไอ้เวรนี่ มึงกล้าทำน้องกูได้ไง!!” พี่ทูนใช้อาวุธที่เขาทำหล่นฟาดเข้าที่ตัวหลายที

“มูนรีบหนี วิ่งให้เร็วที่สุด ไป!!”

ฉันที่ลังเลว่าจะหนีไปดีไหมก็โดนพี่ทูนผลักและตะโกนไล่ ฉันรีบวิ่งไปทางสำนักงานเพื่อขอความช่วยเหลือ ซึ่งมันต้องวิ่งจากนี่ไป 10 กิโล

และทางที่เร็วสุดตอนนี้คือวิ่งทะลุเข้าป่า ซึ่งตอนมืดจะอันตรายมากมันจะมีสัตว์ป่าออกหากินตอนกลางคืน

ถ้าโชคร้ายก็คงเป็นอาหารของสัตว์สักตัว แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือกรีบวิ่งสุดแรงเข้าป่า

“โอ๊ย!!! เจ็บ”

ฉันวิ่งไม่มองทางจนโดนกับดักที่ใครไม่รู้มาวางไว้ที่พื้น พอมองใกล้ๆมันคือกับดักล่าหมีทรงรี ที่รอบด้านจะมีเหล็กแหลมเหมือนฟันฉลาม

ตรงกลางเป็นเหมือนสวิตช์ถ้าเหยียบไป ฟันแหลมรอบด้านนั้นจะเด้งเสียบเข้าขาเรา

“บ้าจริง โอ๊ย!!”

ฉันใช้มือง้างมันออกจากขาอย่างเต็มแรง และค่อยๆ ยกขาออกช้าๆ ถ้าเผลอทำมันหลุดมือขาฉันคงขาดแน่พอเอาออกได้แล้ว

ดันถูกชายคนเดิมจับโยนตัวลอยกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่โดยไม่ทันตั้งตัว

“ไม่ ยะ...อย่า!!!”

สิ้นเสียงฉันล้มพับไปนอนที่พื้นจากการโดนบางอย่างฟาดเข้าที่หน้า ฉันพยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ตอนนี้สติเริ่มเลือนรางลงทุกที

ก่อนภาพที่เห็นสุดท้าย คือโดนมันจับพาดไหล่เดินเข้าป่าลึก

"ของเล่นแสนสนุกของฉัน หึหึๆ"

ตอนที่ 1 มุ่งสู่อุทานพาเพลิน

(โซล)

“โซลที่รัก ทริปนี้เธอจะไปด้วยกันใช่ไหม”

“เอามือของนายออกไป และอย่ามาเรียกฉันว่าที่รักเด็ดขาด”

ฉันปัดมือคิงที่วางอยู่บนไหล่ออกและจิกตามองเขาด้วยความไม่ชอบใจ คิงเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทที่ชอบมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันมากเกินไป แถมยังชอบมาเตะเนื้อต้องตัวฉันอีก

“ไอ้คิงคอง ถอยไปให้ห่างจากโซลเลยนะ” ไมล์เพื่อนสนิทอีกคน ผลักคิงออกและเข้ามาโอบเอวฉันไว้แน่น

“อย่าโกรธกันเลยนะโซล ฉันอยากให้เราไปเที่ยวด้วยกันก่อนจบ” คิงเดินมาดักหน้าและพยายามมาจับมือของฉัน

“ฉันบอกนายไปหลายครั้งว่า อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉันโดยไม่อนุญาตอีก!!” ฉันหัวเสียสุดๆจ้องมองเขาที่ก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด แต่ก็กลับมาทำแบบเดิมทุกครั้ง

“ถ้ามันเข้าใกล้เธออีก ฉันจะเตะมันเอง” ไมล์พูดขึ้นและดึงฉันมาที่หลังของเธอ

ระยะความสูงของไมล์กับคิงต่างกันมาก ไมล์ต้องเงยหน้าเท้าเอวมองคิงที่ยกยิ้มกวนประสาทจ้องมองกลับอย่างท้าทาย

“เธอเตะฉันถึงหรอ ขาสั้นขนาดนี้” คิงพูดจบหัวเราะเสียงดังใส่

ไมล์ต่อยเข้าท้องคิงเต็มแรงจนเขาทรุดลงไปกับพื้น คิงชอบกวนประสาทส่วนไมล์โมโหง่าย  ทำให้คู่นี้ทะเลาะกันบ่อยจนเป็นเรื่องปกตที่ไม่มีใครสนใจ

“โซล ไปจากไอ้คิงคองนี้เถอะ ฉันรำคาญ”

ไมล์จูงมือฉันรีบเดินออกจากตรงนั้น ทิ้งให้คิงร้องโอดโอ๊ยตะโกนไล่หลัง ฉันเหลือบมองเขาที่พยายามลุกขึ้นทั้งๆที่มือยังกุมท้องไว้

เมื่อเราเรียนจะจบแล้ว เพื่อนๆจึงวางแผนไปเที่ยวกันก่อนที่ไม่ได้เจอกันอีกนาน ซึ่งเราวางแผนไปตั้งแคมป์ที่อุทยานที่ชื่อพาเพลิน

อุทยานนี้ที่เป็นที่นิยมมากได้รับการรีวิวอย่างล้นหลาม คนที่เคยไปต่างพูดเสียงเดียวกันว่ามันคุ้มค่ากับการพักผ่อนสุดๆ และยังมีวิวที่สวยงามตื่นตาตื่นใจอีก

“ฉันไม่พลาดทริปนี้แน่ ถ้าโซลไปด้วย” คิงวิ่งมายืนดักหน้าเรา

ทุกคนทั่วมหาลัยนี้รู้ว่าคิงชอบฉันและตามจีบเป็นประจำทุกวันที่รวมวันหยุดด้วย แถมยังบ้าบิ่นตะโกนบอกชอบและขอฉันเป็นแฟนกลางโรงอาหารหลายครั้ง ฉันก็ปฏิเสธไปทุกรอบอย่างไม่ไว้หน้า

และยังทำตัวเป็นเจ้าของฉัน ไม่ยอมให้ใครก็ตามเข้ามาจีบ ทำตัวยิ่งกว่าหมาที่หวงเจ้าของอีก ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทฉันถีบหัวส่งไปไกลๆแล้ว

“เลิกตามตอแยโซลสักทีได้ไหม มันโคตรน่ารำคาญเลยว่ะ” ไมล์พูดด้วยเสียงกระแทก

“ในเมื่อโซลยังไม่มีแฟน ฉันก็มีโอกาสอยู่นะ เผื่อสักวันโซลจะหันมาชอบฉันบ้าง”

“มันไม่มีวันนั้นหรอกคิง ถึงฉันจะมีแฟนหรือไม่มีก็ตาม นายก็รู้ว่าทำไม”

"ฉันรู้ว่าเธอชอบผู้หญิง ถ้าฉันไปแปลงเพศเป็นสาวสวย เธอจะสนใจฉันไหม"

"เพ้อเจ้อมากไปแล้วคิง" พูดจบฉันบอกลาไมล์ โดยไม่ฟังคำค้านของคิง

"โซล!! ฉันไม่มีวันยอมแพ้หรอก" คิงตะโกนไล่หลังฉัน แถมยังได้ยินเสียงไมล์คอยด่าเขาอีกหลายประโยค

คิงไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีหรอกนะ เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยและเป็นเพื่อนที่ดีมาก แต่ว่านะคนบางคนเหมาะจะเป็นเพื่อนกันมากกว่าแฟน

อีกอย่างฉันชอบผู้หญิงจึงไม่เคยสนใจคิง และอีกอย่างยังไม่มีใครทำให้ฉันรู้สึกชอบได้เลยสักคน สงสัยฉันตายด้านกับความรักแล้วมั้ง

เมื่อวันนัดมาถึงเราทั้งห้าซึ่งมี กิต ขวัญ ไมล์ คิงและฉันต่างตื่นเต้นกันทั้งนั้น เราสนิทกันมากไปไหนก็พากันไปเป็นกลุ่ม

พอจบไปแล้วคงเจอกันน้อยลง ซึ่งมันทำให้พวกเราต่างเศร้าใจกันมาก และหวังว่าการไปเที่ยวครั้งนี้จะสร้างความทรงจำที่ดีให้เราได้เก็บไว้

“ทุกคนไม่ลืมของอะไรกันใช่ไหม โซลเอายามาแล้วนะ” ขวัญหันมาถามฉันอย่างห่วงใย ที่เป็นโรคหอบหืด

“ฉันเอามาแล้ว ไม่ต้องห่วง” ฉันหยิบยาพ่นและยาที่กินประจำให้ด

“ถ้าโซลเป็นอะไร ฉันช่วยดูแลเองไว้ใจได้” คิงตบหน้าอกและยืดตัวขึ้น

“ช่วยทำให้โซลเป็นหนักกว่าเดิมนะสิ” ไมล์ใช้หางตามองและเอนหัวมาซบไหล่ฉัน

ด้านหลังมีฉัน ไมล์ และคิงตามลำดับ ส่วนด้านหน้าจะมีกิตที่เป็นคนขับกับขวัญแฟนสาวสุดสวยที่คอยเอาใจแฟนหนุ่มระหว่างขับรถ

“เธอนี่มันตัวขัดฉันจริงๆ ยัยเตี้ย”

"อย่าปากดีล้อฉันไอ้คิงคอง!!" ไมล์กระแทกศอกเข้าท้องคิง ตามด้วยฝ่ามือที่ตีเขาไม่หยุด

“หยุดเลยตั้งสองคน อย่าทะเลาะกันสิ”

ระหว่างทางเราต่างแข่งกันตะโกนร้องเพลง และโยกตัวไปตามจังหวะอย่างเมามัน การไปเที่ยวครั้งนี้เราจะสนุกสุดเหวี่ยงเป็นการส่งท้ายเรียนก่อนจบ

“ยินดีต้อนรับนะครับทุกคน ผมชื่อพลเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลที่นี่ครับ”

เพื่อนๆต่างยืนฟังรายละเอียดกันจดจ่อ ส่วนฉันหันไปมองวิวรอบตัว ซึ่งมันดึงความสนใจฉันไปได้ทั้งหมด ทิวทัศน์แถวนี้คุ้มกับการมาพักผ่อนจริงๆ

“คุณญาดากลับไปก่อนเถอะค่ะ ถ้าได้ข่าวอะไรฉันจะรีบแจ้งนะคะ”

“นี่ผ่านมาสามวันที่สามีฉันหายตัวไป ต้องให้ฉันรออีกเท่าไหร่กันห๊ะ!!”

เสียงทะเลาะของผู้หญิงสองคนดึงความสนใจเราได้ทั้งกลุ่ม เจ้าหน้าที่หญิงพยายามจับแขนอีกฝ่ายแต่เธอสะบัดออกแรง

“กลับไปก่อนเถอะค่ะ ทางเราช่วยกันออกตามหาพวกเขากันทุกวันแล้วค่ะ” เจ้าหน้าที่สาวพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอใจเย็น

“ลูกฉันถามหาพ่อทุกวัน ว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับ ฉัน..ไม่รู้ว่าต้องบอกเธอยังไงแล้ว”

"ถ้าเป็นคุณ คุณจะบอกลูกยังไงว่าพ่อเขาหายไปและอาจจะไม่กลับมาอีก ฮึกๆฮือออ"

เธอทรุดตัวลงร้องไห้อย่างหนัก จนเจ้าหน้าที่สาวรีบเข้าช่วยพยุง พร้อมกับคุณพลที่สั่งให้ลูกน้องตัวเองพาหญิงสาวไปส่งที่บ้าน

“เกิดอะไรขึ้นหรอคะ” ขวัญถามคุณพลที่เดินกลับเข้ามา

“อะ...เอ่อ เมื่อสามวันก่อน เจ้าหน้าที่สองคนของเราหายตัวไปนะครับ ตอนนี้ยังหาตัวพวกเขาไม่พบเลย”

“ตะ...แต่พวกคุณไม่ต้องห่วงนะครับ ทางเรามีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี จะไม่มีเรื่องร้ายกับพวกคุณแน่นอนครับ ผมรับประกัน”

คุณพลยิ้มและพยายามเปลี่ยนเรื่อง ฉันกวาดตามองรอบตัวจนมาหยุดที่ต้นไม้ใหญ่ที่เห็นเหมือนมีคนยืนโบกมือมาให้ เพราะมันไกลฉันจึงหรี่ตาเพ่งมอง

รูปร่างอีกฝ่ายที่เห็นคร่าวๆ น่าจะเป็นผู้ชาย และมีร่างกายที่กำยำตัวใหญ่กว่าคนปกติ ฉันมัวแต่จ้องเขาโดยไม่รู้ว่าไมล์เรียกฉันไปแล้วหลายครั้ง จนเธอต้องตีฉันเบาๆ

“โซลเราไปกันเถอะ” ฉันพยักหน้าไปหาไมล์ พอหันกลับไปมองที่เดิมคนที่อยู่ตรงนั้นได้หายไปแล้ว

"เขาเป็นใครกันนะ"

คุณพลพาพวกเรามาที่เต็นท์ก่อนขอตัวกลับ เบื้องหน้าฉันเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่สองหลังวางหันหน้าชนกัน

ระหว่างเต็นท์มีกองไฟและขอนไฟวางไว้เพื่อให้นั่งเล่นได้ แถมยังมีอุปกรณ์อย่างครบครันสะดวกอีก

“นี่เต็นท์ของพวกเราหรอ ดูใหญ่เหมือนกันนะเนี่ย” ไมล์รีบมุดเข้าข้างในและดึงมือฉันให้เข้าไปดูด้วย

“ทำไมมีสองอันละ ไม่ได้นอนด้วยกันหรอ” คิงพูดขึ้น

“แยกชายหญิงยะ ไม่ต้องมาทำหน้าเสียดายหรอกคิง ฉันไม่มีวันให้นายมานอนกับพวกฉันเด็ดขาด” ขวัญพูดตอบคิงและเข้ามาในเต็นท์

“ไม่ต้องทำหน้าหงอยเลย มึงต้องมานอนกับกู” เสียงกิตดังพร้อมเตะคิงไปอีกเต็นท์

เราเอาของสำคัญติดตัวไประหว่างเที่ยว ส่วนของทั่วไปจะเอาไว้ในเต็นท์ ดีที่เรามาช่วงนี้เพราะไม่ได้เป็นน่าท่องเที่ยวซึ่งมันเป็นส่วนตัวมาก เราจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ

  และมีห้องน้ำอยู่แต่มันอยู่ห่างจากเต็นท์ประมาณครึ่งกิโลเมตร เวลาปวดทีนี่ต้องวิ่งหน้าตาตื่นกันไปเลยทีเดียว

“เราจะทำอะไรต่อดี” เรารวมตัวหน้าเต็นท์เพื่อคุยถึงกิจกรรมต่อไป

“ไปสำรวจป่าไง” คิงยกมือขึ้นพูดตะโกนเสียงดัง

“งั้นเอาแบบนั้นก็ได้ โซลถ้าไม่ไหวก็บอกนะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอนนี้อาการฉันดีขึ้นมากแล้ว”

เราออกเดินทางด้วยรถตัวเองไปถึงเส้นทางเดินป่า ฉันชอบบรรยากาศแบบนี้มาก มันทำให้ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้าได้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง

กว่าจะผ่านวิทยานิพนธ์มาได้ ตอนนั้นนึกว่าจะตายกันซะแล้ว มันเครียดมากแถมยังนอนไม่พอจนอาการฉันกำเริบหนักต้องนอนโรงพยาบาลไปหลายวัน แถมระหว่างพักฉันต้องฟื้นร่างกายมานั่งทำอีก โชคดีแค่ไหนที่ฉันผ่านมันมาได้

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!