NovelToon NovelToon

How To แต่งนิยายยังไงBy. Oborotaro (ทั้งปกติและแชท)

วิธีการแต่งนิยายให้ดีขึ้น70%ไม่การันตีว่าจะดีขึ้นมาทันทีเลยน้าาาา

 สวัสดีผู้ที่เข้ามาอ่านทุกๆคนด้วยน่ะจั๊บ ผมเป็นคนหนึ่งที่เคยแต่งนิยายไม่ได้เรื่องเลยสักนิด แต่พอรู้เคล็ดลับบางอย่าง ผมเองก็ค่อยๆแต่งได้ดีมากขึ้นกว่าเก่า ผมเลยอยากจะมาบอกเล่าผ่านต่อกันไป ถึงจะไม่ดีมาก แต่คิดว่าถ้ามันได้ช่วยพัฒนาใครได้ก็คงดีน่ะครับ(• ~•)

วิธีการแต่งนิยายจากประสบการณ์ผมเองและประสบการณ์ของผู้เขียนอื่นๆที่มีมากกว่าผมน่ะครับ

1.การสร้างเคล้าโครงภาพจากจินตนาการ

การสร้างเคล้าโครงจากจินตนาการเป็นเรื่องพื้นฐานของเหล่านักเขียนหลายๆคน รวมถึงผมเองเช่นกัน เพียงแค่การนึกคิดเรื่องราวที่ไม่มีอยู่จริงและถ้ามันดูแปลกหูแปลกตา เราก็ลองเอาความคิดตรงนั้นมาเขียนเป็นเรื่องราวให้คนอื่นได้อ่านมัน ไม่ว่าจะฝันหรือแรงบันดาลใจ เพียงแค่มั่นใจ เราเองจะมีความสุขกับมันไปจนสิ้นปลายหมึกปากกา

2.การมีเป้าหมายหรือจุดหมายที่ชัดเจนจนกลายเป็นภาพลักษณ์ของวงการนิยาย

การมีเป้าหมายเองก็เป็นจุดสำคัญในเรื่องราวการเดินทางและผจญภัย ถ้าหากขาดตรงๆนี้ไป เนื้อเรื่องจะไปมั่วซั่วจนตีไม่ได้ว่านิยายนี้จะไปทางไหนกันแน่ เช่น นิยายต่างโลกที่มีเป้าหมายในการปราบจอมมาร เนื้อเรื่องนั้นเองก็จะค่อยๆไปทีละนิด บอกเล่าการเดินทาง ก่อนจะไปปราบจอมมาร หรือถ้าแต่งพร็อตได้ดีจะสามารถเรียกน้ำตากับตอนท้ายของเรื่องราวได้เลยทีเดียว หรือถ้าสรุปเอาง่ายๆจุดหมายหรือเป้าหมายของนิยายคือ กรอบสี่เหลี่ยมที่ใช่สร้างเรื่องราวให้เป็นรูปร่างในนั้น และจะไม่แตกแยกไปมั่วซั่วเหมือนน้ำที่ไร้จุดหมายปลายทางและไหลต่อไปไม่มีจุดสิ้นสุด

3.การตามค่าความนิยมในขณะนั้น

ความนิยมที่ผมจะสื่อ คือกระแสความดัง หรือ เรื่องราวที่มีคนสนใจเอามากๆในตอนนั้น ซั่งนั้นจะเป็นเหมือนนาทีทองของนักแต่งนิยายที่อยากสร้างตัวให้โด่งดัง ส่วนวิธีการเขาก็จะนำเรื่องราวตรงๆนั้นมาเป็นแรงบันดาลใจและแต่งขึ้นมา อย่างเช่นวาฬ52hzที่ออกข่าวว่าเป็นวาฬที่โดดเดี่ยวตลอดชีวิต ทำให้นักเขียนบางคนรับเรื่องราวตรงๆนี้ไปสร้างนิยายเพื่อตามกระแสจนได้รับผลที่งามดีกลับมา แต่ผลเสียอันใหญ่หลวงนั้นคือต่อจากนั้นที่ข่าวจะค่อยๆจางไปและไม่มีตัวตน แล้วจะส่งผลกระทบกับนิยายโดยตรงที่จะไม่มีคนสนใจเช่นกัน

4.การใช่คำพูดที่น่าอ่านจากความเคยชิน

การใช่คำพูดน่าอ่านเองจะเป็นเรื่องที่สำคัญรองจากเคล้าโครงเรื่องราว ที่ถ้าขาดมันไป นิยายเองก็จะจืดชื้นไม่มีรสนิยม ซึ่งคำจะขยายความหรือปรับเปลี่ยนได้ตามความคิดแต่มีจุดประสงค์ที่จะสื่อถึงอะไร ผมจะยกตัวอย่างดังนี้น่ะงับ

( ฉันรักเธอน่ะ \= ฉันหน่ะรักเธอจากก้นบึ้งของหัวใจเลยล่ะ)

(แกมันขี้ขลาด \= แกมันไร้ความกล้าในการทำ แกมันยอมแพ้ให้กับสิ่งที่ตัวเองทำไม่สำเร็จง่ายเกินไป คนอย่างแกมันเป็นแค่ขี้ข้าให้กับความกลัวเท่านั้น)

แล้วเรื่องของบทพูดของตัวละคร เราเองจะต้องเข้าใจความรู้สึกตรงๆนั้นให้เหมือนกับมันก่อนจะพิมพ์ลงไปเพื่อให้คนอ่านรู้สึกเหมือนกันนั้นเอง ส่วนเรื่องคำศัพท์ที่ใช่ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างอยู่ในราชวงค์หรือต่อหน้าพระมหากษัตริย์ก็ใช่คำราชาศัพท์เป็นหลัก หรือตามความสนิทของตัวละครนั้นๆ ที่ใช่ เช่น

(ไงพวก \= สนิทสนม)

(โย่ \= คู่หู)

(สวัสดีน่ะครับ \= พึ่งรู้จักกัน)

(อรุณสวัสดิ์ด้วยน่ะครับ \= รู้จักกันได้ไม่นาน)

(พระราชปฏิสันถาร \= การทักทายพระมหากษัตริย์โดยต้องเป็นผู้มีอำนาจไม่ว่าจะชนชั้นสูงหรือแขกบ้านแขกเมืองอื่น)

หรือบางสถานการณ์ก็อาจจะใช่กับคนที่ไม่ชอบหรือศัตรูเป็นภาษาหยาบคายตามด้วยชื่อ และข้อควรระวังคือต้องคิดดีๆและนานๆก่อนจะพิมพ์ลงไป เพราะบางทีอาจจะมีคำที่เขียนผิดหรือคำที่ดูล้าสมัย

5.การใช่เครื่องหมายกระทำ

การใช่เครื่องหมายกระทำเป็นเบสิคพื้นฐานของนักเขียนนิยายที่พยายามจะสื่อว่าตัวละครนั้นทำอะไร ไม่ว่าจะอธิบายหรือเขียนเป็นคำสั่ง ดังนี้

// \= การกระทำ (//ผมไอ),(//ผมจูบ_)

( ) \= การอธิบายสถานการณ์หรือการคิดในใจ (อ.ผมเริ่มเขียนนิยายและกำลังเขียนมันอยู่),(ค.น.เจ้านี้มันน่ารำคาญส่ะจริง)

และยังมีส่วนเสริมที่เป็นเหมือนการแสดงความรู้สึกตรงคำพูดนั้นๆที่คิดว่าทุกคนน่าจะรู้แล้ว

! \=ตกใจ,พูดเสียงดัง

!! \= ตกใจหนัก,กระวนกระวาย,พูดเสียงดัง

!มากกว่า3 \= ช๊อคสุดขีด,ตะคอก,ตะโกน,โกรธสุดขีด,เสียสติ

# \= อาการเจ็บปวด,ด่าทอ,งอน

~ \= การพูดเฉื่อยๆ,ช้าๆ,ลากหางเสียงยาว

? \= สงสัยใคร่รู้

ข้อควรระวังเกี่ยวกับการใช่เครื่องหมายการกระทำหรือแสดงอาการคือ การที่ต้องอธิบายว่าทำอะไรให้กับใคร หรือทำใส่ใคร พูดใส่ใคร แล้วคำว่าอีกฝ่ายที่ใช่กัน จะใช่ได้เฉพาะตอนตัวละครนั้นสื่อสารกันอยู่ อย่าง ผมกอดอีกฝ่าย (อีกฝ่ายที่นี้คือใครถูกต้องไหมครับ) ถ้าผมคุยกับผู้หญิง2ต่อ2 จึงจะสามารถใช่ได้หรือเฉพาะเจาะจงน่าจะดีที่สุดครับ

6.การแสดงให้เห็นภาพตาม

การแสดงให้เห็นภาพตามคือเทคนิคที่ต้องไม่เอาความรู้สึกหรือจินตนาการของเราเป็นหลักแม้จะต้องคิดพร็อตเรื่องก็ตาม โดยจะยกตัวอย่างเช่น การตัดฉากกระทันหันหรือไม่บอกว่าสถานการณ์นั้นเป็นยังไงรวมถึงการกระทำของตัวละครที่จะให้คนอ่านเออเองเอาไม่ได้ แล้วการแสดงให้เห็นภาพที่ดีคือยังไง ผมจะเขียนให้ดูน่ะครับ

(ณ ห้องสมุด)

เจมส์: (เจมส์เป็นบรรดารักษ์ของห้องสมุดนี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่เขากลับไม่ทำงานทำการจนโดนครูดุเอาอยู่บ่อยๆจนเขาเองก็เริ่มชินกับมันแล้วทำแบบนั้นซ้ำๆไม่มีทีท่าว่าจะตั้งใจหรือเปลี่ยนแปลงก่อนที่วันหนึ่งที่เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้และอ่านหนังสือแสนน่าเบื่ออยู่บนโต๊ะ เขาก็ได้ยินเสียงประหลาดคล้ำคล้ายฝืเท้าของคน เดินต๊อก....ต๊อก....ต๊อก อยู่หน้าประตูห้อง แต่ด้วยความที่เขาเองก็ไม่ได้เชื่อเรื่องภูติผีปีศาจเขาก็ลุกขึ้นด้วยความสงสัยเกี่ยวกับเสียงนั้นช้าๆแล้วค่อยๆเดินไปตามทางเดินของห้องสมุด โดยมีแค่แสงไฟจากเทียนและชั้นหนังสือที่คอยนำทางให้เขาเดินไปเรื่อยๆจนถึงประตูบานนั้น...ก่อนที่เขาจะจับที่ลูกบิดแล้วเปิดมันอย่างช้าๆ...โดยภาพตรงหน้าเองทำให้เขาแทบจะทรุดลงในทันที เพราะมันคือร่างไร้วิญญาณของบรรดารักษ์คนก่อนที่ร่างของเธอบิดผิดรูปผิดร่างราวกับไม่ใช่ฝืมือคน และตามผนังของทางเดินเองก็เต็มไปด้วยคำดูถูกมากมายที่เกี่ยวกับการไม่รับผิดชอบในหน้าที่โดยบทลงโทษของมันก็คือความตายที่น่าสลดกว่าสิ่งใด ) ระ....ระ..พะ..รุ่นพี่คนก่อนนี่นา!!

เสียงปริศนา: ความรับผิดชอบชั่วดีคือศักดิ์ศรีของคนเรา แต่เขาดันทุเลาเพียงเพราะความสุขสำราญ...(จู่ๆก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นภายในหัวของเจมส์โดยกล่าวบทกวีที่สื่อถึงการละเว้นหน้าที่เพื่อความสบายของตน นั้นจึงทำให้เจมส์ค่อยๆแพนิคและตัวสั่นขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เสียงนั้นเองก็ค่อยๆเข้ามาและพยายามเข้ามาใกล้เจมส์มากยิ่งขึ้น แล้วในตอนนั้นเองเสียงกรีดร้องของเจมส์ก็ดังออกมาพร้อมกับตื่นจากการฟุบหลับแทบจะทันที ก่อนที่เขาจะค่อยๆหายใจช้าลงและตั้งสติว่ามันเป็นแค่ความฝัน...แต่...ทำไมกันน่ะ....ทำไมเจมส์เขาถึงได้มีลอยเลือดสลักไว้ที่หลังเสื้อเป็นชื่อของรุ่นพี่คนก่อนที่เขาเห็นในฝัน...)

ตัวอย่างนี้ล้วนแล้วจะสร้างภาพให้กับผู้อ่านได้เห็นตาม และสร้างบรรยากาศรวมถึงอารมณ์ให้คล้อยตามเช่นกัน

7.การสร้างเรื่องราวในตอนจบให้คนอ่านอยากจะอ่านมันต่อ

การสร้างตอนจบที่หน้าติดตามจะเห็นได้ตามละครหรืออนิเมะที่มีฉากต่อสู้หรือดราม่าเป็นส่วนใหญ่ พูดง่ายๆคือการตัดจบโดยไม่สนไม่แคร์ว่าใครจะอ่านแต่เน้นไปที่การซื้อใจแล้วให้เขาอ่านตอนต่อไป นั้นคือเทคนิคที่นักเขียนใช่กันในบางบุคคล(ละมั้งครับ)

อย่างที่ผมกล่าวไปทั้งหมด คือพื้นฐานเพียงเท่านั้น ยังไม่เจาะลึกถึงขั้นที่ต้องใช่จิตวิทยาล่อให้คนมาตับแตกฟรีๆเหมือนใครบางคนที่รู้จักได้ไม่นานแต่พอเสียเขาไปก็แค้นจับใจแล้วเข้าใจในตัวottoคุง555

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่ะครับ เลิฟทุกคนน่ะครับ

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!