ขึ้นชื่อว่าการแข่งขันก็ต้องมีคำว่าแพ้คำว่าชนะ ชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้เป็นที่หนึ่งของเรื่องนั้น ๆ
"นี่คือชามีนลูกชายคนรองของผมครับ"
"คิดจะดูถูกชัยชนะสงครามหรือยังไงกันชาลี"
"ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลยครับท่าน"
"แล้วทำไมถึงได้พาเด็กอัปลักษณ์นี่มา"
"ใครจะไปรู้... ผู้สืบทอดของท่านอาจจะถูกใจลูกชายของผมก็ได้"
"กล้าดีนี่ เห็นฉันใจดีกับแกหน่อยเลยได้ใจอย่างนั้นใช่ไหม"
"ผมก็แค่เลือกคนที่พร้อมที่สุดมา ถ้าท่านไม่ถูกใจยังมีลูกหลานจากตระกูลอื่นที่พร้อมเสียบแทนตระกูลของผมอีกมากมาย"
สิ่งที่ชามีนกำลังเผชิญเรียกว่าการแข่งขันชิงตำแหน่งภรรยาของผู้สืบทอด เป็นตำแหน่งที่ตระกูลทั้งหลายอยากให้ลูกหลานของตัวเองได้ครอบครอง
เพราะพอผู้สืบทอดขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูลรุ่นต่อไป ตำแหน่งภรรยาที่ว่านี้ก็จะมีอำนาจรองจากผู้นำตระกูลเพียงคนเดียวเท่านั้น สามารถสั่งการการ์ดทั้งหมดได้และที่สำคัญกว่านั้นคือเป็นผู้บริหารงบประมาณทั้งหมดของคฤหาสน์
ใคร ๆ ก็รู้ว่าตระกูลชัยชนะสงครามมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล เป็นผู้นำทุกด้าน สามารถควบคุมเศรษฐกิจของประเทศได้ รวมถึงประเทศรอบข้างยังอยากให้ไปลงทุน ...เป็นมาเฟียหรือไม่อยู่ที่แต่ละคนจะตีความ
กับตระกูลพิทักษ์พรเทวาก็เป็นพันธมิตรกันมานานนับตั้งแต่ผู้นำตระกูลรุ่นก่อน ส่วนรุ่นนี้ก็มีความสัมพันธ์อันดีเพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกัน แต่ด้วยความที่เชาวฤทธิ์มีอำนาจเหนือกว่าการวางท่าจึงน่าเกรงขาม เวลาพูดอะไรก็มักจะไม่นึกถึงใจคนฟัง
"เอาแบบนี้ก็ได้เพราะสุดท้ายต่อให้เจ้านั่นเกิดเลือกเด็กนี่ขึ้นมาก็ใช่ว่าจะสมหวัง ยังต้องผ่านการโหวตจากสมาชิกคนอื่น ๆ อีก"
"นั่นสิ ของแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เหมือนกับตอนนั้น..."
"ผูกใจเจ็บงั้นเหรอ"
ชามันนั่งนิ่งมองคนทั้งสองอย่างไร้อารมณ์ มันเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเลี่ยงได้ ลูกชายคนรองผู้แสนอ่อนแอไม่มีปากมีเสียงอะไร พ่อแม่พี่น้องว่ายังไงก็ไหลไปตามนั้น
ต้องเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อแข่งขันกับคนที่มาจากอีกตระกูล ง่าย ๆ คือแข่งเอาใจคนในคฤหาสน์ เรียนรู้การจัดการงานต่าง ๆ ที่คนเป็นเจ้านายต้องทำ บางครั้งก็มีเรื่องมาให้ลองแก้ไขสถานการณ์ รวมทั้งต้องทำให้ผู้สืบทอดสนใจหรือตกหลุมรักได้ยิ่งดี
ชามีนคิดว่าตัวเองไม่มีทางทำได้และไม่อยากทำอย่างยิ่ง สิ่งที่ชามีนอยากทำมากที่สุดคือการหลุดพ้นจากตระกูลแล้วหนีไปใช้ชีวิตคนเดียวในที่ที่ไม่มีใครหาเจอ
ซึ่งมีสิ่งหนึ่งที่ชามีนมั่นใจคือคนที่นี่ไม่มีทางชื่นชอบและโหวตให้แน่นอน เพราะเขาทั้งอ่อนแอ...ไม่เก่งอะไรเป็นพิเศษ และที่สำคัญใบหน้าซีกขวายังมีรอยแผลเป็นจากการถูกน้ำร้อนลวก ไม่ใช่แผลเหวอะหวะแต่เป็นรอยด่างของสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอกันหลังจากแผลหายแล้ว ใครมองมาต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าเกลียด อย่างที่ผู้นำตระกูลชัยชนะสงครามพูดว่าอัปลักษณ์นั่นก็ใช่
"แล้วถ้าเกิดไม่ถูกรับเลือกเด็กนี่จะเป็นยังไง นายคงไม่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนตัดออกจากกองมรดกหรอกใช่ไหม"
"คนไร้ประโยชน์ก็ต้องอยู่อย่างไร้ประโยชน์ ถ้าไม่อยากโดนดูถูกไปมากกว่านี้ก็ทำตัวให้มีประโยชน์ซะสิ"
พอได้ยินแบบนี้ชามีนจึงนึกขำอยู่ในใจ...อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด แบบนี้มันเข้าทางสุด ๆ ไปเลย ไม่ต้องรอให้ไล่ออกจากบ้านหรอก จบจากเรื่องนี้จะรีบไปให้ไกลเท่าที่จะทำได้...จะไปก่อนที่ทุกคนจะรู้ตัวเลยคอยดู
"สิงห์" เสียงทุ้มดุเอ่ยเรียกพ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลัง
"ครับนายท่าน"
"พาเด็กนี่ไปที่ห้องพักซะ และจัดการบอกฏระเบียบต่าง ๆ ให้รู้ด้วย"
"ครับ ...เชิญทางนี้เลยครับคุณหนู"
ชามีนลุกขึ้นเดินตามพ่อบ้านออกไปไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองผู้เป็นพ่อราวกับตั้งแต่วินาทีนี้เขาและอีกฝ่ายไม่ใช่พ่อลูกกันอีกต่อไป
>>>>>>>>>>>>>
"อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหนู ดิฉันชื่อชมพูู่ จะมาเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณ"
ยังไม่ทันขยับลงจากเตียงเพียงแค่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นคนรับใช้สาวยืนอยู่ด้านข้างเตียง ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งไม่บ่งบอกความรู้สึกใด ๆ
ชามีนจึงลุกขึ้นนั่งพลางขยี้ตาไล่ความพร่ามัว คืนแรกผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา เตียงนุ่มนอนหลับสบายไร้ที่ติ แถมอากาศเช้านี้ยังแจ่มใส อาจเป็นเพราะไม่ต้องตื่นมาเจอกับบรรยากาศเดิม ๆ เลยทำให้หายใจหายคอโล่งขึ้น
"ครับ ฝากตัวด้วย"
"ดิฉันเตรียมน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ให้เรียบร้อยรวมถึงชุดที่จะใส่วันนี้แขวนอยู่ราวในห้องแต่งตัว" เป็นราวอันเล็กตั้งอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าเพื่อให้ผู้เป็นเจ้านายหยิบมาสวมได้ง่าย
"แทนตัวเองว่าพี่ก็ได้ครับผมไม่ถือ แล้วก็วันนี้ผมมีเรียนตอนเก้าโมง ต้องใส่ชุดนักศึกษาครับ"
"เดี๋ยวจะรีบไปเตรียมให้ใหม่ค่ะ แล้วก็ถ้าไม่เป็นการรบกวนดิฉันขอตารางประจำวันแบบคร่าว ๆ เพื่อที่จะได้ตระเตรียมไว้ให้อย่างถูกต้อง" เธอพูดแค่นั้นแล้วเดินไปที่ห้องแต่งตัว ไม่รอให้เขาได้อ้าปากตอบ ชามีนส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจก่อนขยับลงจากเตียงเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ห้องพักสำหรับผู้แข่งขันนั้นกว้างขวางหรูหรา ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลักซ์ชัวรีโทนสีขาวส่วนห้องน้ำเป็นลายหินอ่อนสวยสะดุดตาต่างจากห้องนอนที่บ้านลิบลับ
มีเวลาเหลือเฟือที่จะนอนแช่น้ำในอ่าง หลับตาลงปลดปล่อยความคิดมากมายให้ไหลออกไปจากสมอง ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไรทั้งนั้น แถมอยู่ที่นี่ยังได้เงินประจำเดือนมากกว่าที่ที่บ้านให้หลายเท่า
ระยะเวลาการอยู่ไม่เกินหกเดือน ที่นานเพราะต้องการให้แน่ใจว่าผู้เข้าแข่งขันจากสองตระกูลเรียนรู้และแสดงศักยภาพออกมาจนหมดแล้ว เพราะยิ่งอยู่นานยิ่งเห็นอะไรมากมายง่ายต่อการตัดสินใจโหวต ...คนที่โหวตก็จะเป็นสมาชิกของตระกูลนั่นเอง
"อาหารเช้าจัดขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู" หลังจากแต่งตัวเสร็จพอเดินออกมาก็เจอคนรับใช้ประจำตัวยืนรออยู่ เธอผายมือไปยังโต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงระเบียง
"ขอบคุณนะครับ"
เอาโทรศัพท์มือถือมากดเช็คดู คาดหวังเล็ก ๆ ว่าครอบครัวจะแสดงความห่วงใยด้วยการส่งข้อความมาหา ให้กำลังใจหรือแค่คำสั้น ๆ ก็ยังดี ...แต่กลับไม่มีใครส่งมาเลย
ชามีนรู้ดีว่าทุกคนมีแชทกลุ่มอีกหนึ่งแชทที่ไม่มีเขาอยู่ในนั้น ถูกกีดกันเพียงเพราะเกิดเป็นลูกคนกลางที่ไม่ได้เรื่อง ซึ่งมันก็ตลกดีที่ทุกคนมีความคิดกันแบบนั้น อย่างว่าล่ะ...พี่สาวหน้าตาดี เก่งเรื่องวิชาการ ฉลาดหลักแหลม น้องชายเองก็หล่อแถมยังเก่งกีฬา เห็นว่าอยากเป็นนักแสดงด้วย
ส่วนคนกลางอย่างเขามีความสามารถแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ สมกับตำแหน่งนั่นแหละนะ ช่วยไม่ได้ที่หัวของเขาออกไปทางอยากทำฟาร์มมากกว่า อนาคตหากเรียนจบจะซื้อที่ดินสักผืนเพื่อสร้างฟาร์มในฝันขึ้นมา ทุกวันนี้ใช้จ่ายอย่างประหยัดราวกับไม่มีจะกิน เน้นเก็บเงินอย่างเดียว
เวลาจะไปไหนที่นี่ก็มีคนคอยขับรถรับส่ง ไม่พอแค่นั้นยังมีบอดี้การ์ดติดตามไปด้วยอีกหนึ่งคน คนรับใช้ประจำตัวก็มีความกระตือรือร้นในการทำหน้าที่ เดินถือกระเป๋าตามมาส่งถึงรถยนต์
ปกติมามหาวิทยาลัยแทบจะไร้ตัวตนไม่ต่างจากที่บ้าน แต่พอเรื่องที่เขาได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้แข่งขันแพร่กระจายออกไปไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็มีแต่คนจับจ้อง ชามีนไม่แปลกใจเลยสักนิดเพราะทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มจากตระกูลมากมายล้วนอยากได้รับเลือกกันทั้งนั้น
"ชามีน! ทางนี้"
เห็นเพื่อนสาวโบกมือหยอย ๆ พลางร้องเรียกจึงสาวเท้าเดินตรงไปหา
"ทำไมถึงมานั่งอยู่มุมนี้ล่ะ" เสียงนุ่มติดแหบเล็กน้อยเอ่ยถาม
"มีคนแย่งที่ประจำของพวกเราไปน่ะสิ ไม่อยากมีปัญหาก็เลยย้ายมานั่งนี่แทน" ปรางทองว่าพลางทำหน้ายับยุ่งไม่พอใจ ด้านหลังของเธอมีบอดี้การ์ดยืนอยู่ ถ้าแบบนี้ให้เข้าใจได้เลยว่ามีคู่หมั้นแล้วส่วนของชามีนนั้นคือข้อยกเว้น
"แล้วอรุณไปไหน ทำไมเห็นแต่กระเป๋า" ถามถึงเพื่อนอีกคน
"โดนพี่ธาราลากไปคุย"
"ไหนว่าเลิกชอบแล้วไง"
"อีกฝ่ายดันเกิดความรู้สึกดีขึ้นมาน่ะสิ"
"อ้าว! เป็นงั้นไป"
เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ชามีนไม่ค่อยเข้าใจ รับฟังแล้วปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอื่นเหมือนเดิม
"มาพูดเรื่องของแกดีกว่า" เพื่อนสาวแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ ทั้งอยากรู้อยากแซวจนคันปากยุบยิบ
"เรื่องอะไร" ชามีนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
"แหม ดูทำหน้าใสซื่อเข้าสิ"
"?"
"ก็เรื่องที่แกได้รับเลือกเป็นผู้แข่งขันไงเล่า! เขาคุยกันให้ทั่วไปหมด"
"อ่อ..."
"อีกฝ่ายเป็นลูกชายคนเล็กจากตระกูลสหพลเกษม แกคิดว่าจะเอาชนะได้เปล่า"
"ไม่ได้อะ แล้วก็ไม่คิดแข่งด้วย"
อีกฝ่ายหน้าตาหล่อละมุนออกไปทางสวยเสียด้วยซ้ำ ว่ากันว่าเป็นผู้ชายที่มีใบหน้าสวยที่สุด ต่อให้ไม่มีรอยแผลเป็นที่ใบหน้าและลำคอชามีนก็เทียบไม่ติดอยู่ดี และทั้งผู้สืบทอดทั้งคู่แข่งคนนั้นต่างก็เรียนอยู่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เช่นกัน โอกาสพบหน้ามีแน่ ๆ แต่ชามีนไม่อยากเจอเลยไม่ว่าจะใครก็ตาม
12 : 20 น.
ร้านอาหารข้างมหาวิทยาลัย
"สรุปแกก็ให้โอกาสเขาว่างั้น?"
"อือ"
"อะไรเนี่ยอรุณ เฮ้อ~ ไม่ได้เรื่องเล้ยยยย"
"ก็พี่เขาน่าสงสารนี่"
"ตลก! ถ้าสภาพนั้นน่าสงสาร สภาพอย่างแกก็ร่อแร่เต็มที"
"ไม่ถึงขนาดนั้นซะหน่อย"
"ขนาดนั้นนั่นแหละ!"
ชามีนนั่งฟังเพื่อนสองคนเถียงกันไปมาขณะที่ตัวเองเอร็ดอร่อยกับอาหารตรงหน้าในหัวก็คิดว่าจะทำอะไรดีหลังจากนี้ ขอให้คนรับใช้พาสำรวจดีไหม หัวหน้าพ่อบ้านบอกว่าถ้าตรงส่วนไหนที่ไม่ได้มีบอดี้การ์ดคอยเฝ้าอนุญาตให้เข้าได้
"กินเสร็จแล้วไปต่อที่คาเฟ่พี่ดาวกันป่ะ ไม่สิ...จริง ๆ เราจองห้องส่วนตัวเอาไว้ ไปกินขนมแล้วนอนเกลือกกลิ้งเล่นกันดีกว่า ไหน ๆ บ่ายนี้ก็ไม่มีเรียน" ปรางทองชวน
"โอเค เยี่ยมเลยเพื่อนรัก" รุ่งอรุณยกนิ้วโป้งให้อย่างชอบใจ
"แล้วแกล่ะชามีน"
"ขอบาย มีเรื่องที่ต้องทำแล้วน่ะ"
"เสียดาย อยากให้ไปด้วยกันอ่าาาา" ปรางทองครวญคราง
"พรุ่งนี้แล้วกัน เดี๋ยวเลี้ยงโรตีร้านพี่เทอม"
"ลาภปาก ตามนั้นเลยชามีนเพื่อนสุดที่รักของเรา" รุ่งอรุณกอดรัดบอกรักไปเรื่อยจนน่าหมั่นไส้
"พอของฟรีละตาวาวเลยนะ" ปรางทองเบะปากใส่ หมอนี่ไหลไปเรื่อยเสียจริง
"ฮ่า ๆ ๆ ก็ของชอบนี้หว่า" รุ่งอรุณหัวเราะปากกว้างอย่างอารมณ์ดี
คาแรกเตอร์เพื่อนรักทั้งสองของชามีนต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปรางทองสวยแบบร้ายกาจ ขนาดนั่งเฉย ๆ คนยังมองว่าหยิ่งแถมยังเป็นคนพูดตรงเลยดูแรง ไว้ตัวไม่ชอบเปิดใจให้ใคร ขณะที่รุ่งอรุณเป็นคนเฟรนลี่สุด ๆ พูดคุยได้กับทุกคน สดใสร่าเริง ยิ้มง่ายหัวเราะเก่ง เพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวเลยได้รับความรักจากครอบครัวมาอย่างล้นหลาม
"งั้นแยกกันตรงนี้เลยเนาะ" ปรางทองว่า
"อื้อ เจอกันพรุ่งนี้นะทั้งสองคน" ชามีนโบกมือลาเพื่อนพ้อง
"กลับดี ๆ น้าาาา ขอให้โชคดีมีชัยในศึกครั้งนี้" รุ่งอรุณยิ้มตาหยีเอาใจช่วยเพื่อนรักสุดชีวิต
ชามีนยกยิ้มพลางส่ายหน้า ขอให้ชีวิตหลังจากนี้ราบรื่นไปด้วยดีน่าจะดีกว่า อย่าได้มีพวกบ้าบอมาก่อกวนเลย
>>>>>>>>>>>
"ยินดีต้อนรับกลับค่ะคุณหนู"
ชามีนพยักหน้าให้กับการโค้งตัวทักทายของคนรับใช้ส่วนตัวที่แสนจะนอบน้อมก่อนมารับกระเป๋าไปถือแทน
"ผมอยากจะสำรวจให้ทั่วคฤหาสน์หน่อยน่ะ ยังไงช่วยแนะนำทีนะ" ว่าพลางเดินนำขึ้นมายังห้องพักที่อยู่ชั้นสอง
"ได้ค่ะ แต่ไม่ทราบว่าจะรับของว่างก่อนไปไหมคะ"
"ไม่ครับ เดี๋ยวขอผมเปลี่ยนชุดสักครู่"
เปลี่ยนใส่ชุดสบาย ๆ อย่างกางเกงยีนส์ขากระบอกกับเสื้อยืดตัวโครงสีครีม เช็คความเรียบร้อยหน้ากระจกอีกนิดแล้วค่อยเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
"ด้วยความที่คฤหาสน์กว้างมาก ดิฉันจะค่อย ๆ แนะนำทีละสถานที่ให้รู้จักนะคะ"
"ครับ รบกวนด้วย"
คฤหาสน์หลังใหญ่ใช่ว่าจะเดินทั่ววันเดียวจบ จึงเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ห้องกระจกซึ่งตั้งอยู่ชั้นเดียวกันเดินตรงไปจนสุดทางด้านขวาก็เจอ แต่พอมาถึงกลับเห็นใครบางคนนั่งอยู่ในนั้นแล้วอีกฝ่ายก็ดันหันมาเห็นพอดี
ชามันที่ตั้งใจจะหลบเลี่ยงยืนนิ่งงันเมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกเดินมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใส หล่อและสวยในเวลาเดียวกันอย่างที่ผู้คนล่ำลือ ไหนจะรูปร่างที่สูงโปร่งไร้ที่ติ หากบอกว่าลอยลงมาจากบนฟ้าก็เชื่อหมดใจ
"หวัดดี! นายนี่เอง...ผู้เข้าแข่งขันที่มาจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยทักทาย ดวงตากลมใสมองเขาอย่างตื่นเต้นไร้ซึ่งการดูถูกดูแคลนรูปลักษณ์
"อ่า... หวัดดี" ชามีนไม่มีความมั่นใจเลยสักนิดหากแต่พยายามเก็บอาการอันน่าสมเพชเอาไว้
"ได้ยินว่าอายุเท่ากัน เราชื่อตะวันฉายนะ นายล่ะ!"
"ชามีน"
"อื้อ! ชามีนก็จะมานั่งพักผ่อนที่นี่เหมือนกันเหรอ มาสิ...นั่งหลายคนสนุกดี"
ยังไม่ทันเอ่ยตอบตะวันฉายก็คว้าแขนพลางดึงให้เข้าไปในห้องกระจกด้วยกัน ชามีนจึงใช้โอกาสนี้มองสำรวจโดยรอบ ...ที่นี่เป็นเหมือนระเบียงที่ครอบคลุมด้วยกระจกรอบด้านสามารถเลื่อนประตูออกไปรับลมที่ระเบียงได้
ของตกแต่งด้านในก็มีโต๊ะ มีโซฟา มีชั้นหนังสือขนาดเล็ก ข้างกันเป็นฟูกฟูนุ่มน่านอน ผ้าห่ม แล้วก็หมอนหนุนหลากสีสัน จุดประสงค์คงหนีไม่พ้นเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจซึ่งชามีนรู้สึกชอบมันมาก
"เราพักอยู่ชั้นบนนี่เอง ชามีนพักอยู่ที่ไหนเหรอ" ตะวันฉายชวนคุย
"ชั้นนี้... ห้องอยู่สุดทางด้านนั้น"
"อ๋อ แล้วนี่ชามีนได้เจอพี่เชวาหรือยัง"
คนถูกถามส่ายหน้าพลางยิ้มอ่อน เป็นไปได้ไม่อยากเจอไม่อยากสุงสิงกับใครทั้งนั้นรวมถึงตะวันฉายด้วย
"งั้นเหรอ แต่เดี๋ยวตอนเย็นก็ได้เจอกันแล้วแหละ วันนี้ที่ห้องรับประทานอาหารสมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกัน"
ยิ่งฟังชามีนยิ่งอยากหมกตัวอยู่แต่ในห้องนอน จำนวนสมาชิกคงไม่ต่ำกว่าสิบคนตามที่หาข้อมูลมาแน่ อึดอัดรอไว้เลยเพราะแต่ละคนมีความถิอตัวสูงมาก ชอบคือชอบเลย ไม่ชอบคือเกลียดเอาเป็นเอาตาย
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ ถึงเราจะต้องแข่งกันแต่อย่าถึงกับเกลียดชังกันเลยนะ"
"เราไม่เคยคิดแบบนั้นอยู่แล้ว"
"อื้อ ได้ยินแบบนี้ก็สบายใจ"
บรรยากาศมันประดักประเดิดแบบแปลก ๆ ไม่เชิงอึดอัด แค่รู้สึกทำตัวไม่ถูกมากกว่าเพราะดวงตากลมใสนั้นเอาแต่จับจ้องมา
"ชามีนเนี่ย... น่ารักจังเลยนะ"
คนอื่นฟังอาจดูแซะกระแนะกระแหนแต่ชามีนรู้สึกว่าอีกฝ่ายชมจากใจจริง ก็เลยยิ้มรับพลางเอ่ยขอบคุณเสียงเบา
"ฮะ ๆ ๆ เวลาเขินยิ่งน่ารักนะเนี่ย"
ปฏิกิริยาของชามีนไม่ได้เขินจนเสียอาการ เพียงแค่เกาแก้มแล้วยิ้มนิด ๆ เพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่ได้น่ารักอะไรเลย รอยแผลเป็นกินพื้นที่กว่าครึ่งซีกของใบหน้าลามลงมาถึงลำคอขนาดนี้เอาอะไรมาน่ารัก
สุดท้ายก็ไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก ชามีนตัดสินใจเอ่ยขอตัวแล้วขอให้ชมพู่พาไปดูที่อื่นต่อ...
.
.
.
เวลาอาหารเย็นเป็นอะไรที่ชามีนรู้สึกอึดอัดมากที่สุด ไม่อยากลงไปแต่ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแค่นั่งรอแม่บ้านขึ้นมาตาม
"เหมือนโดนตัดหางเลยแฮะ" มองดูหน้าจอมือถือไร้ซึ่งการติดต่อจากครอบครัว
โดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยวกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ได้แต่คิดหาคำตอบในใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้กันนะ เขาทำผิดอะไรนักหนา
ก๊อก ก๊อก...
"ได้เวลาแล้วค่ะคุณหนู"
เสียงของแม่บ้านส่วนตัวเอ่ยบอกอยู่หลังบานประตู ชามีนลุกขึ้นยืนพลางยัดโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนออกไปเผชิญชะตากรรม
ตามแม่บ้านลงมาที่ชั้นล่างตรงไปยังห้องรับประทานอาหาร หัวใจที่ไม่ได้เข้มแข็งเท่าไรนักเต้นรัวด้วยความกลัว ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากด้านในจึงหยุดชะงักอยู่หน้าประตูทันที
บทสนทนาส่วนใหญ่ออกไปทางชื่นชมตะวันฉายเรื่องรูปลักษณ์และความเฉลียวฉลาด พอเป็นแบบนี้ชามีนไม่อยากเข้าไปเลย รู้สึกหายใจไม่เต็มปอดแถมมือก็ยังเย็นเฉียบ
"จะเข้าหรือเปล่า ถ้าไม่ก็ช่วยหลบทางด้วย"
ชามีนไม่รู้ตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มดุดังอยู่ด้านหลังจึงค่อย ๆ หันกลับไปมอง เพราะก่อนหน้านี้หาข้อมูลมาค่อนข้างเยอะพอเห็นหน้าก็เลยรู้ทันทีว่าเป็นใคร
"เอ่อ ขอโทษครับ"
รีบขยับหลีกทางแต่มิวายมองสังเกตจนอีกฝ่ายเดินผ่านเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงร้องทักทายกันยกใหญ่ ทั้งรูปร่างหน้าตาและท่วงท่าอันสง่างามน่าเกรงขามเหมาะสมกับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปอย่างยิ่ง
ถึงคราวที่ชามีนเองจะต้องเข้าไปบ้างแล้ว แม่บ้านเป็นคนเดินเข้าไปแจ้งทุกคนให้ก่อน แน่นอนว่าการมาของเขาทำเอาทั้งห้องอาหารเงียบกริบ ยืนอยู่ข้างนอกยังรับรู้ได้ถึงแรงกดดัน
"เชิญค่ะคุณหนู"
ร่างสมส่วนรวบรวมสติและความกล้าก้าวเท้าเดินเข้าไป ภายในห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่และหรูหราแห่งนี้มีสายตากว่ายี่สิบคู่จับจ้องมองมา ใบหน้าแต่ละคนแสดงความรู้สึกแตกต่างกันออกไปแต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือไม่ชอบใจ
"นั่นน่ะเหรอลูกหลานจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา"
"อุ๊ย! ดูหน้าเขาสิ"
"แผลเป็นเหรอนี่น"
"ดูถูกเรามากเกินไปแล้วถึงได้กล้าส่งเด็กอัปลักษณ์นั่นมา"
"ท่าทางเหลาะแหละไม่ได้เรื่อง"
"เผลอ ๆ สมองทึ่มด้วยมั้งเนี่ย"
เสียงวิพากษ์วิจารณ์อืออึงไม่สนใจว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าจะรู้สึกแย่ขนาดไหน ใบหน้าที่ทุกคนลงความเห็นว่าอัปลักษณ์เจื่อนจนแหย มวลท้องจุกขึ้นมาที่ลำคอคล้ายจะอาเจียน ปลายเท้าจิกเกร็งแบบไม่รู้ตัว
ปึง!
"หุบปากกันได้แล้ว!"
เชาวฤทธิ์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะทุบโต๊ะพร้อมตวาดเสียงดังลั่น ทั้งห้องสะดุ้งตกใจรีบสงบปากสงบคำกันทันที
"แนะนำตัวซะสิ" เขาเอ่ยบอกเสียงดุ นั่งหลังตรงแผ่รังสีอำมหิตพร้อมกวาดสายตามองสมาชิกในตระกูลจึงไม่มีใครกล้าอ้าปากพูดอะไร
ชามีนที่เห็นว่าคนทั้งห้องเงียบลงแล้วจึงเอ่ยแนะนำตัวเสียงสั่น สายตาไร้ซึ่งความพิศวาสพวกนั้นกำลังกัดกินความมั่นใจให้ร่อยหลอลงไปเรื่ิอย ๆ
"สวัสดีครับ ผะ.. ผมชามีนครับ เป็นลูกชายคนรองจากตระกูลพิทักษ์พรเทวา" บรรยากาศช่างชวนให้อยากวิ่งออกไปอาเจียนเหลือเกิน ดีแค่ไหนที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ไหว
"เสร็จแล้วก็ไปนั่งที่ซะ" เชาวฤทธิ์ก็ยังถือว่ามีความเป็นใหญ่แม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ไม่แสดงท่าทีรังเกียจออกมาตรง ๆ เพราะถ้าทำแบบนั้นรับรองเลยว่าชามีนอยู่ที่นี่ลำบากกว่าเดิมแน่
แต่พอจะเดินไปหาที่นั่งกลับพบว่าไม่มีตรงไหนว่างเลย ราวกับจงใจตัดเขาออกจากมื้ออาหาร ...ชามีนแสยะยิ้มอ่อนใจออกมาอย่างห้ามไม่ไหว
ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ต้อนรับเขาสินะ
"ตายจริง! ไม่มีที่ให้ผมนั่งเลยเหรอครับ บางทีก็ชัดเจนเกินไปรึเปล่า"
จากที่กลัวโดนเกลียดแปรเปลี่ยนเป็นไม่สนอะไรอีกต่อไปแล้ว สุดท้ายคนที่นี่ก็ไม่ต่างจากคนที่บ้าน พอกันทีกับการถูกทำให้ดูไร้ค่า คนเราจะไร้ค่าได้ก็ต่อเมื่อตัวเองนั้นคิดว่าตัวเองไม่มีประโยชน์ซึ่งเขาเป็นแบบนั้นมาตลอด...
"ยังไงต้องขอตัวก่อนดีกว่าเดี๋ยวเห็นหน้าตาน่าเกลียดของผมนาน ๆ แล้วจะพาลให้ทานอะไรไม่ลงกันเปล่า ๆ"
เอาเถอะ... ใครจะมองว่าไร้มารยาทก็ตามใจ เขามันไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่ อยู่รอวันจากไปเงียบ ๆ ไม่ยุ่งกับใครดีกว่า
>>>>>>>>>>>>
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!