‘อยากให้ชีวิตที่ผ่านพ้นเหมือนฝัน’ รุ่งทิวามองปฏิทินบนโต๊ะ นับวันเวลาที่ผ่านมาอยู่ในห้วงคำนึงแห่งความคิดซึ่งก็ล่วงเลยมานานเกือบสามปีแล้ว
บทกวีของชายหนุ่มคนหนึ่งยังลอยหมุนวนกลับมาอยู่ในภาพจำแห่งอดีต เขาเป็นคนช่างฝันช่างเขียนและยังช่างคุย
“รุ่ง...ผมส่งกำลังใจมากับบทกวีที่เพิ่งร้อยเรียง อย่าหาว่าเพื่อนคนนี้เพ้อเลย แค่อยากบอกอะไรนิดนึง เผื่อว่า...” เขมราฐยื่นสมุดเล่มเล็กขนาดเท่าฝ่ามือส่งให้หญิงสาว
“เอากลับไปอ่านที่บ้านก่อนนะ แล้วอีกสองวันจะเขียนอีเมล์ไปบอกว่า...เป็นยังไง” รุ่งทิวามองหน้าชายหนุ่มอมยิ้มอย่างเข้าใจความหมาย
“เห็นใจหน่อยนะ...ผมไม่รู้จะพูดยังไง มันเขินๆ บอกตรงๆ ว่าจีบผู้หญิงไม่เป็น”
“เอ้า...อย่างนั้น!!!” เธอขำกับท่าทีของชายหนุ่ม เขาหน้าแดงทันทีเมื่อเธอประสานตาจ้องแววตากลมดำขลับคู่นั้น
หญิงสาวอ่านบทกวีของเขาทีไร เป็นได้หัวเราะเสียงดัง เขาพยายามสื่อความในใจ แต่คำที่ร้อยเรียงนั้นแสนยืดยาด อ้อมไปอ้อมมา น้ำท่วมทุ่ง ออกทะเลอีกในบางครั้ง เธอได้แต่นึกขอบใจที่เขามีใจให้เธอ แต่ไม่กล้าบอกมัวแต่เหนียมอาย จนสาวแก่นอย่างรุ่งทิวาอดไม่ได้ที่จะคอยเหน็บแนมเขาอยู่ในใจบ่อยๆ
“คนอะไรหนอ...เขียนกลอนได้ยาวเหยียด เต็มหน้าเต็มเล่ม แต่พอจะพูดกันจริงๆ กลับปากค้าง...โอ๊ย เธอเกิดผิดยุคไหมนี่”
“ผมอยากป้องปากบอก...จริงๆ นะ พ่อกับแม่ผมเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูด รู้แต่ว่าท่านไม่เคยบอกรักกันเลย แค่มองตาก็รู้ถึงใจกัน”
ไม่นานเขมราฐเกิดสอบชิงทุนไปเรียนต่อได้ เขาต้องจากหญิงสาวไปไกลถึงประเทศออสเตรเลีย ผนวกด้วยจำนวนเวลานานถึงหกปีจนเขาจบปริญญาเอก
ก่อนออกเดินทางเขามารับรุ่งทิวาไปกินข้าวเย็นเพื่อเลี้ยงส่งตัวเขาเองและไม่ยอมให้เธอช่วยแชร์ค่าอาหาร
“อยากบอกรุ่งว่า...รอผมกลับมานะ จะนานไปไหม แต่ผมสัญญากับใจตัวเองว่าจะต้องกลับมาเก็บหัวใจที่อยู่ตรงนี้” คำร้อยเรียงดูสวยหรู แต่กลับย้อนแย้งเมื่อวันหนึ่ง...อีกสองปีต่อมา
รุ่งทิวาได้รับอีเมล์จากใครคนหนึ่ง ซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
... ... ... ...
ซิดนีย์
ถึงเธอ...ที่ฉันเพิ่งรู้จัก
ตอนนี้เขมเป็นแฟนฉัน อยากบอกให้เธอรู้ว่า เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะเขียนกลอนอะไรมาให้เธออีก
หากเธอจะถามว่า...ทำไมน่ะรึ เขามีความสุขมากแทบจะทุกนาทีที่อยู่กับฉัน เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อยู่ในบทกวีของเขาเท่านั้น
จาก...ผู้หญิงของเขม
... ... ... ...
รุ่งทิวาได้ตอบกลับไปอย่างสุภาพและยอมรับกับโชคชะตาของชายหนุ่ม
... ... ... ...
ถึงเธอ...ที่ทำฉันตกใจเล็กๆ
อยากให้เธอเข้าใจ...เขมเป็นแค่เพื่อนของฉัน ไม่ใช่คนรัก!!! เขาบอกเธอหรือ ถ้างั้นช่วยกรุณาไปบอกเขาว่า…อย่ากังวล ตั้งใจเรียนให้จบ ปั้นฝันให้เป็นจริง ฉันห่วงเขาอยู่เรื่องหนึ่ง...
อย่าให้ฝันสลายกลางคัน เขาเคยบอกฉันให้ไขว่คว้าสรรค์สร้าง...ปั้นฝันให้เป็นจริง ฉันเลยไม่อยากให้เขาไขว้เขวเพราะใครก็ไม่รู้ จำไว้ว่าหากฝันของเขาเกิดไม่เป็นจริง คนที่มีส่วนคนนั้นคือ...เธอ!!! ไม่ใช่ ฉัน...แน่นอน
ขอบใจมากที่อุตส่าห์เขียนมาให้...รับรู้
จาก ฉัน ที่ไม่เคยอยากรู้จัก...คนอย่าง เธอ
... ... ... ...
วันนี้รุ่งทิวาหยิบสมุดเล่มเล็กขึ้นมาเปิดอ่านอีกครั้ง หญิงสาวไม่เคยได้รับข่าวคราวจากเขาอีกเลย หลังจากได้รับอีเมล์ของผู้หญิงคนนั้น ซึ่งไม่เคยลงชื่อ และเธอได้แต่เป็นห่วงเขมราฐ ชายหนุ่มที่อยากจะด่าแรงๆ ว่า โง่เขลาหรือว่าอยากอวดที่มีคนรัก คงอยากมีคนเดินควงไปไหนมาไหนเพื่อคลายเหงา
เธอแอบคิดเล็กๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คงแซ่บมากมาย ขนาดเขียนมาแหย่ให้ผู้หญิงอย่างรุ่งทิวาเลิกฝันลมๆ แล้งๆ รอชายหนุ่ม ซึ่งเธอคงคิดว่าจับเขาขังไว้ให้เป็นทาสใจไป ได้ตลอดกาล
... ... ... ...
บทกวีซุกซ่อนความหมาย
อยากรู้ใจเธอมีฉันไหม สี่ห้องในนั้นฉันอยู่ไหน
อยากรู้ใจนักหากวันใด เกิดไม่ใช่กันแล้ว...ใครผิดเอย
รุ่งทิวาอยากเอาสมุดเล่มน้อยนี้ปาหน้าชายหนุ่ม ...ใครกันที่ผิด คิดว่าคงเป็นเธอล่ะสิที่เป็นฝ่ายผิดที่ไม่ได้ดูแลหัวใจให้ดี ปล่อยทิ้งขว้างให้คนอื่นมาคว้าเอาไป
โชคชะตาให้บังเอิญเข้ามาในชีวิต รุ่งทิวาถูกส่งให้ไปร่วมงานแสดงสินค้าของบริษัทแม่ที่ปีนี้ได้เข้าร่วมงาน Expo 2020 ที่ซิดนีย์ เธอในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายโปรโมทสินค้าและผลิตภัณฑ์จึงได้เดินทางไปจัดเตรียมงานแต่เนิ่นๆ ก่อนงานแสดงสินค้าหนึ่งสัปดาห์
ก่อนเดินทางรุ่งทิวาได้เขียนอีเมล์ติดต่อชายหนุ่มบอกเขาว่าเธอจะไปซิดนีย์ เธอไม่คาดหวังกับคำตอบของเขา และเป็นจริงอย่างที่เธอคาดเดา หญิงสาวเปิดอีเมล์ดูเกือบทุกวัน เขมราฐไม่ตอบอีเมล์ของเธอ หรือว่าอีเมล์เดียวกันนี้ที่ผู้หญิงคนนั้นใช้เขียนหาเธอก่อนหน้านั้น มันอาจถูกปิดไม่ใช้งานแล้ว
“ไม่เป็นไร...ฉันคงตามหาเธอเจอนะ...เขม” รุ่งทิวาพึมพำเบาๆ เผื่อใจไว้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง
กวีบทนี้ดูเหมือนเป็นภาพจริง ณ ขณะนี้
เกลียดใจตัวเอง...ช่างอ้ำอึ้ง สักวันหนึ่งจะ...ได้อ้างไหม
หากเปลี่ยนใจแล้ว...จะว่าไง เธอคงไม่โกรธ...ฉันนะเออ
รุ่งทิวาแม้จะเห็นเขาเป็นเพื่อนอยู่ก็ตาม แต่ก็อดใจหายไม่ได้ จริงๆ หญิงสาวเองก็ไม่มีใครเข้ามากุ๊กกิ๊กด้วย มีแต่เขาที่รู้จักกันตั้งแต่ปีหนึ่ง แม้จะเรียนกันคนละคณะวิชาแต่แล้ววันหนึ่งเวลาของชีวิตทำให้ทั้งสองมาบรรจบพบกันจนได้ ...มีคนเคยพูดไว้ในสำนวนภาษาอังกฤษ...
Everything happens for a reason.
ด้วยทุกสิ่งมันมีเหตุ...จึงบังเกิดขึ้น
เขมราฐปะทะคารมกับรุ่งทิวาในการประกวดสุนทรพจน์บนเวทีในวันชิงชนะเลิศ เขาเดินมาบลัฟเธอ
“อย่าคิดว่าสำนวนการพูดเชยๆ ของเธอจะเอาชนะฉันได้...” รุ่งทิวาตกใจกับคำพูดท้าทายของชายหนุ่มซึ่งเธอได้แอบชื่นชมว่า มาดเขาดูดีมากตอนเข้ารอบมาด้วยกัน ไม่คิดว่าจะหยาบคายดูถูกกัน
“ลองดูล่ะกัน...ฉันไม่ชอบคนขี้โม้ขี้อวดแบบนี้หรอก เสียดาย…เฮ้อ!”
“เสียดาย...อะไร ทำไม!” เขาทำหน้าเลิ่กลั่ก
“ไม่มีอะไร...แค่แอบชื่นชม” เธอทิ้งท้ายให้เขาทำหน้านิ่วอย่างสงสัย
และแล้ววันนั้นด้วยความคมคายของบทกวีที่เขากล่าวทิ้งท้ายได้ซาบซึ้งใจมาก จึงทำให้คณะกรรมการเทคะแนนให้เขาชนะเลิศเฉือนรุ่งทิวาไปอย่างสูสี เธอเองก็เสียใจไม่น้อยนั่งซึมอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามายื่นมือให้จับเพื่อแสดงน้ำใจนักกีฬา
“ไม่ต้อง...ฉันรู้ตัวเองดีว่า ยังไงก็สู้คารมของนายไม่ได้หรอก” รุ่งทิวาลุกขึ้นยืนน้ำตาซึมขอบตา เขมราฐยังถือวิสาสะจับมือเธอโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะอยากพูดดีด้วยหรือไม่
“พรุ่งนี้...เราอยากนัดกินข้าวเย็นด้วย...จะมารับที่นี่นะ” เขายังตื้อเธออีกโดยจะข้ามฝั่งมาที่คณะของหญิงสาว จะมานั่งรอเธอที่ห้องสมุด
นับจากนั้นมาทั้งสองคนกลายเป็นเพื่อนกันจนถึงปีสุดท้าย เขมราฐเรียนเก่งมากได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งและได้ทุนไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอก หน่วยงานที่บรรจุให้เขาเข้าทำงานลงทุนสานฝันให้เขา ตอนที่สัมภาษณ์ขออนุมัติรับทุน เขาสามารถพิชิตใจผู้อนุมัติทุนด้วยการสร้างความประทับใจจากวิดีทัศน์ บทกวีที่กล่าวนำเสนอไปในนั้นเป็นผลงานรังสรรค์ที่ร้อยเรียงเรื่องราวไว้อย่างไพเราะ
รุ่งทิวาแปลกใจที่เธอไม่รู้สึกเสียใจแม้ไม่ได้รับคำตอบจากเขา เพราะนั่นคือสัญญาณอย่างหนึ่งที่เธอรับรู้แล้วว่า ในใจของเขาคงไม่มีผู้หญิงที่ชื่อ ‘รุ่งทิวา’ คนนี้อีกต่อไป
ทันทีที่เครื่องบินร่อนลงที่สนามบินซิดนีย์ หญิงสาวมองหาเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดเดียวกันมารอรับ เธอเดินทางมาถึงโรงแรมที่ได้จองไว้ให้สำหรับทีมงานที่ล่วงหน้ามาแล้วหลายคน ด้วยเวลาที่กระชั้นเข้ามาเธอจึงได้นัดประชุมวันรุ่งขึ้นเพื่อจัดการตารางงานทั้งหมดให้ลงตัว และช่วยประสานทุกฝ่ายในการดำเนินการให้แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์
“Hey…Roong I have someone to help you here! He’s my Thai friend… รุ่ง ผมมีคนมาช่วยยู เขาเป็นเพื่อนคนไทย” บ๊อบซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ประสานงานบินจากสำนักงานใหญ่ที่ลอนดอน เข้ามาจัดการฝ่ายอำนวยการทั้งหมดของที่นี่ร่วมกับทีมโปรโมทผลิตภัณฑ์ที่เธอรับผิดชอบ รุ่งทิวามาพร้อมกับทีมอีกสองคนเพื่อช่วยเธอในการจัดแสดงสินค้าที่ต้องการออกตัวอย่างรวดเร็ว
ตกค่ำบ๊อบพาทุกคนไปเลี้ยงที่ร้านอาหารจีนแถวริมอ่าวซิดนีย์ เขานัดให้เพื่อนคนไทยมารอพบเขาที่นั่นด้วย
ร้านอาหารจีนช่วงวันศุกร์เย็นคนค่อนข้างแน่นร้าน แต่บ๊อบได้จองห้องพิเศษให้คณะซึ่งมีทั้งหมดสิบคน ทันทีที่โผล่เข้าไปที่ห้องพิเศษบ๊อบถามกับพนักงานเสิร์ฟว่ามีใครมาก่อนหน้านี้รึยัง เขาไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยนอกจากการส่ายหน้าของสาวเสิร์ฟ
ขณะที่ทุกคนกำลังสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ประตูห้องพิเศษเปิดออกทันใดมีหน้าหญิงสาวโผล่เข้ามาถามกับทีมงาน บ๊อบรีบเดินออกจากโต๊ะตัวยาวไปที่ประตู ปรากฏว่าเธอมาถึงก่อนเพื่อนชายที่บ๊อบได้นัดหมายไว้ ซึ่งบ๊อบเองทำหน้าสับสนเช่นกัน
สาวเปรี้ยวผู้นี้เดินก้าวเข้ามาถึงโต๊ะตัวยาวที่มีทีมงานนั่งอยู่กันแล้ว มีที่นั่งว่างเหลืออยู่สามที่ เธอจึงขออนุญาตเข้ามานั่งรอชายหนุ่มเพื่อนของบ๊อบ และเริ่มแนะนำตัวเองกับทุกคน
“ฉันชื่อซินดี้...ค่ะ ขออนุญาตร่วมโต๊ะนะคะ please…” สำเนียงนี้จะเป็นคนชาติอื่นไปไม่ได้ นอกจากคนไทย...เท่านั้น
“เพื่อนฉันชื่อ เคน กำลังมานะคะ เขาติดธุระอยู่” เธอทำเสียงสูงต่ำดูน่ารักมาก รุ่งทิวาวิจารณ์เธออยู่ในใจ... ‘หวานซู้ด…เปรี้ยวจี๊ด’
ทุกคนแนะนำตัวเองจนมาถึงรุ่งทิวา เธอเอ่ยสั้นๆ ว่าชื่อ รุ่ง เป็นภาษาอังกฤษ แต่ทำให้เธอคนนี้มีสีหน้าแปลกใจนิดๆ
และแล้ววินาทีสำคัญก็มาถึง ชายหนุ่มของเธอที่ได้นัดกับบ๊อบไว้ก็ผลักบานประตูเข้ามาทันที เขาเผยอยิ้มบางๆ ที่มุมปาก ใบหน้ามีเคราบางๆ ไล่ขึ้นไปถึงจอนทำให้รูปหน้าคมเข้มหล่อเหลาเอาการ เขาแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างจับใจ ทำให้รุ่งทิวาเผลอใจลอยคิดไปถึงใครคนนั้น ทำไมน้ำเสียงของชายคนนี้ถึงได้เหมือนคนที่เธอเฝ้ารอคอยคำตอบ เขาเงียบไปนานแล้วด้วยสาเหตุอะไร
“ผมเป็นคนไทย มาเรียนอยู่ที่ UNSW อีกสองปีจะจบล่ะ” เขาพูดและไล่สายตามองทุกคนจนมาถึงรุ่งทิวา เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัยแต่ก็เหลือบสายตาเลยผ่านไป
“ซินดี้คงแนะนำตัวเองไปแล้ว เธอเป็นผู้ช่วยวิจัยของผม ขอมาร่วม join กับบ๊อบและทุกคน” เขาก้มตัวลงนั่งลงที่เก้าอี้ติดกับสาวเปรี้ยว
รุ่งทิวากำลังคุยกับเพื่อนทีมงานอยู่ เขาเดินจากที่นั่งเข้ามาทักทายกับเธอตัวต่อตัว
“ขอผมรู้จักคุณได้ไหม” เขาพูดภาษาไทยทันที
“ค่ะ...รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนไทย” เธอเล่นลิ้นแย้งไป ท่าทางเขาเหมือนคนที่เธอรู้จักมาก่อน แต่ทำไมหน้าตาถึงไม่ใช่
“บ๊อบ...บอกว่ามีคนไทยอยู่ในทีมด้วย” เขามองจ้องแววตาเธอ ตาประสานตากันอย่างจัง รุ่งทิวาบอกได้ทันทีว่าต้องเป็นเขาคนนั้น
“ขอถามอะไรอย่างหนึ่งได้ไหม...” รุ่งทิวาเริ่มคำถามที่อยู่ในใจ
“หลายอย่างก็ได้...” เขาหยอกกลับสั้นๆ
“คุณเคยมีเพื่อนชื่อ รุ่งทิวา บ้างไหม” เธอมองจ้องตาเขา เห็นดวงตาดำขลับคู่นั้นส่งยิ้มทันที
“มีสิ...ที่ห้องเรียนผม...มีอยู่หนึ่งคน” คำตอบของเขาทำหญิงสาวร้อง...เสียงหลงอยู่ในใจ... ‘โอ้ย...ทำไมถึงไม่รู้จักเรา หรือว่าไม่ใช่เขา!!!???’
จนแล้วจนรอดหญิงสาวก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่แน่ชัดจากเขาคนนี้ เขาเป็นใครกันแน่ และเธอคนนี้เป็นคนรักของเขาหรือว่าเพื่อนร่วมงาน รุ่งทิวากลับมาที่โรงแรมพร้อมทีมงานด้วยคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจ คำตอบในใจเธอบอกได้เพียงแค่นี้
เขาไม่ใช่เขมราฐ... แล้วชายคนนี้หายไปไหน!!!???
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วประดุจสายน้ำในมหาสมุทร วันสุดท้ายของงานแสดงสินค้ากำลังจะสิ้นสุด รุ่งทิวาและทีมงานยุ่งกับการเก็บข้าวของที่ต้องแพ็กลงกล่องเพื่อให้บ๊อบจัดการส่งกลับไปที่สำนักงานใหญ๋ในลอนดอน ในใจของหญิงสาวยังคงครุ่นคิดถึงเขาคนนั้น เธอจะขอใช้เวลาที่ได้ลางานไว้อีก 5 วันเพื่ออยู่ต่อเที่ยวที่นี่ไปติดตามหาชายหนุ่ม
เธอไปถามหาที่สถานทูตไทยว่า มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับชายหนุ่มคนนี้หรือไม่ และแล้วคำตอบที่สั่งสมอยู่มากมายก็ถึงคราวคลายปม
เขมราฐถูกคนร้ายเมายาอีจับตัวไปนานเป็นสัปดาห์เมื่อปีก่อน เขาได้รับอุบัติเหตุจากการที่คนร้ายกำลังลักพาตัวเขาไปเป็นตัวประกัน ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บปางตาย
รุ่งทิวาใจลอยเดินออกจากสถานทูต เธอไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มจะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงขนาดนี้ นี่คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอหายไปจากความทรงจำของเขา
เธอเรียกรถแท็กซี่ไปหาอะไรกินแถวไทยทาวน์ มื้อเย็นได้นัดกับทีมงานสองคนจากเมืองไทยที่นั่นไว้ ทีมงานทั้งสองคนรู้ใจรุ่งทิวาพวกเขาสั่งอาหารให้หัวหน้าสาวที่ดูเหมือนใจเหม่อลอย
“คุณรุ่งมีอะไรหรือเปล่าครับ” บดินทร์ถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นผู้จัดการในสายงานอันดับรองจากรุ่งทิวา ที่คอยดูแลจัดการสินค้าของบริษัทให้ออกตัวเร็วและไวกว่าคู่แข่งขัน ทำงานดีมากจนหัวหน้าสาวเอ่ยชมทุกครั้งต่อที่ประชุม
“ไม่มีอะไร...ฉันแค่เหนื่อยมากช่วงนี้”
“ถ้าเพลียก็อย่าเพิ่งรีบกลับก็ได้ อยู่เที่ยวไปก่อน ไว้ผมไปจัดการเรื่องที่ยังค้างอยู่ให้” สุวิทย์เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ช่วยดูแลเรื่องประสานงานกับหน่วยงานทั้งในและนอกองค์กรเพื่อให้ทีมงานราบรื่น คนนี้บางครั้งแม้จะทำงานติดขัดแต่ด้วยฝีมือการแก้ปัญหาของเขานับว่าฉับไวคล่องตัวดีมาก ทำให้รุ่งทิวาไว้ใจเขาที่สุดมากกว่าบดินทร์ด้วยซ้ำ
ทั้งสองรีบจัดการอาหารบนโต๊ะให้เสร็จเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งสองมีแผนการจะพาหญิงสาวคนเดียวในทีมไปเที่ยวผับแถวริมอ่าว มีร้านฟังเพลงและเต้นรำแถวนั้นที่ควรพาเธอไปปล่อยอาการเครียดหมกมุ่น
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!