“ว้าย...ตาบ้า อะไรเนี่ย!!!” เธอผรุสวาทออกมาอย่างตกใจ พ่นคำภาษาไทยออกมาไม่รู้ตัว ที่เขาปาหิมะที่ปั้นกลมๆ มาที่เธอ
“so soft…don’ t worry…นิ่มอยู่นะ อย่าห่วง” ชายหนุ่มหน้าขาวชาวยุโรปแท้เดินมามองสาวน้อย ขณะเธอกำลังรอรถรางอยู่หน้าตึกทำการ เธอเดินตามแผนที่และเปิดดูงานที่ได้รับมาจากแดนไกล
“Hey นายรู้จักชื่อร้านอะไรนี่ไหม...” เธอตะโกนเรียกเขา คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนในพื้นที่
“No idea…” เธอรีบคว้าแขนเขาไว้ ขณะเขาบอกเธอแล้วจะเดินหนี
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ...ว่า นายหมายความว่ายังไง แต่ฉันจะขอความช่วยเหลือ help me please!!!” เธอนึกอยู่ในใจว่ามันแปลว่าอะไร no idea นี่นะ
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวอย่างลังเล และพยายามจะบอกว่าเขาก็ไม่ใช่คนที่นี่
“I’ m not here, you know…? ยูเข้าใจไหม ไอก็ไม่ใช่คนที่นี่” เธอฟังเขาตอบมาเร็วมากฟังสำเนียงไม่ค่อยรู้เรื่อง เมืองแห่งนี้อากาศหนาวหิมะตกขนาดนี้ เธออุตส่าห์ใจกล้าดันทุรังมาจนได้ ด้วยกลัวไม่ได้งานนี้จนตัวสั่น มันหนาวสั่นไปหมดทั้งตัวจริงๆ ณ บัดนาว ชายหนุ่มมีทีท่ารีบเร่งอะไรสักอย่าง แต่สาวน้อยอย่างเธอไม่ยอมให้เขาไปไหนได้ เกาะติดแจในเมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว
“ถามอะไรหน่อย มาทำอะไรที่นี่”
“ไอมาทำงาน แล้วยูล่ะ” เธอตอบกลับจ้องหน้าด้วย แถมควงแขนไว้ไม่ให้เขาหายไปเด็ดขาด ต้องการคนช่วยใจแทบขาด นายนี่กลายเป็นเหยื่อแล้ว ยังไงต้องจัดการมัดมือไว้ให้แน่น
“ยูไม่เคยมา...จะแย่นะ” ไอจากปากพ่นออกมาขณะพูด
“เราเข้าไปที่ร้านนั่นก่อนดีไหม แล้วคุยกัน” เขาชวนเธอ ด้วยความดีใจเธอดันปล่อยแขนที่ควงเขาไว้ เขาจึงก้าวยาวมากเดินห่างไปไกลจนเธอต้องวิ่งตาม นึกว่าเขาคงจะหนีเธอ ที่ไหนได้ไปยืนเปิดประตูหน้าร้านหันมามองเธอวิ่งอย่างกระหืดกระหอบ
“crazy…บ้าจริง เดินไวมาก” เธอบ่นพึมพำ
“blame me? ว่าผมรึไง ควรขอบคุณนะ” เขาจ้องหน้าแสยะยิ้ม
ทันทีที่เข้าไปในร้าน สาวน้อยต่างแดนรีบเดินหาฮีดเตอร์ เพื่อต้องการไออุ่น มือชาจนเป็นเหน็บ ทำไมอากาศแถบยุโรปจึงหนาวขนาดนี้ เธอเช็คตอนอยู่บนเครื่องบินแล้วทำไมพอลงมาเจอสภาพจริง มันโหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ ที่บอกว่าคนบนดอยหนาวตายคงเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
“No need ไม่จำเป็นมานี่...ผมจะเลี้ยงกาแฟ เอาสักแก้วไหม” เขาเอื้อเฟื้อจะเลี้ยงกาแฟ เธอเลยพยักหน้าตกลง
“Thanks ขอบคุณนะ...คนรูปหล่อ” เธอต่อท้ายให้ด้วยภาษาไทย
“เอาไป...มาเริ่มคุยกัน ผมไม่ว่างนะ” เขายื่นแก้วกาแฟที่ไปสั่งมาให้ แล้วถามทันที
“จะให้ช่วยอะไร...”
“ฉันกำลังตามหาคนที่ชื่อขึ้นต้นด้วยตัว P”
“Why P? ทำไมต้องตัว P” เขายิ้มกับเธอ
“งานฉันคือมา รีวิว...”
“ยังไง...give me some info ขอข้อมูลหน่อย” เขายังอยากช่วย ดูแล้วไม่เลวเลยในความคิดของหญิงสาว
“ฉันได้งานที่เรียกว่า mistery review รีวิวสายลับ” เธอบอกเขาคร่าวๆ แต่ชายหนุ่มยังทำหน้าไม่เข้าใจ
“ต้องมารีวิว คนที่มีชื่อขึ้นต้นด้วยตัว P และต้องเป็นคำว่า Prince ด้วย” เธอยังจ้องหน้าเขาแบบขอความช่วยเหลือราวกับเขาเป็นพระเจ้า
“เพื่อ....for what?” เขายังซักไซ้
“มีสินค้าตัวหนึ่งของบริษัทที่รับจ้างรีวิว คนที่จ้างฉันต้องการให้มาสอบถามคนที่นี่ว่าใช้แล้วเป็นยังไง คุณภาพชีวิตดีไหม”
“What product…สินค้าคืออะไร” เขาขมวดคิ้ว
“Med…bed” เธอตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ
“What? อะไรนะ” เขาจ้องหน้าเธออย่างลังเลสงสัย ด้วยไม่อยากเชื่อสาวน้อย
“Incredible… เหลือเชื่อ!!!”
“ทำไม...” เธอถามตะกุกตะกัก ตกใจกับคำพูดของเขา เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
เขาบอกเธอว่าให้รออยู่ที่ร้าน เขามีธุระต้องออกไปจัดการให้เรียบร้อยแล้วจะกลับมาหาเธอ
สาวน้อยแดนไกลนั่งใจเหม่อคิดถึงงานสุดบ้าหฤโหดขนาดนี้ ไม่รู้มาได้ยังไง เธอนึกแล้วขำตัวเอง ใจเหม่อนึกถึงเรื่องราวก่อนเดินทาง
สาวน้อยจากเมืองแห่งเทพนคร เธอมีนิวาสถานอยู่ที่บางกอก พอร่ำเรียนจนจบมีความรู้พอจะทำมาหาเลี้ยงชีพได้ จึงได้สมัครทำงานส่งผ่านบนฟากฟ้าที่เรียกว่า คลาวน์ ไปทำงานยังแดนไกลถิ่นที่ไม่ใช้ภาษาบ้านเธอ มีภารกิจหลายสิบอย่างอันลำบากยากเข็ญ
ด่านแรกต้องผ่านสัมภาษณ์อันโหดร้าย ฝันร้ายคือต้องทำการบ้านหนักหนาสาหัส ไปเดินเกมส์อยู่ในออนไลน์เพื่อชนะผ่านพ้นเกมส์สุดแสนบ้าระห่ำ แล้วด่านสองต้องไปหาว่า ชื่อสถานที่ที่ต้องไปรีวิวนั้นมันอยู่จุดไหนบนโลกใบนี้ ด่านสามต้องฝึกฝนพูดจาภาษาถิ่นไม่พอ ยังต้องพูดอีกภาษาหนึ่งอันอินเตอร์ให้ได้อีก และยังมีอีกนะที่สุดแสบสันคือ ต้องเอามือถือตระเวนไปทั่วหาถ่ายภาพให้ถูกใจกรรมการ เพื่อจะได้ค่าตอบแทนเกินพอเลี้ยงปากท้องไปยาวนาน ไม่ต้องอดอยากหิวโหยให้พ่อแม่รำคาญใจ
“ฉันว่าแล้ว น้ำหน้าอย่างแก จะทำได้ไหม”
“น่า...แม่ อย่าเพิ่งดูถูกหนู”
“จะเดินทางพรุ่งนี้ล่ะ...หนูขอนอนให้เต็มอิ่มก่อนนะ” อลิสารีบขึ้นชั้นบนเข้าห้องนอนทันที เก็บกระเป๋าเตรียมไว้หนึ่งเดือนล่วงหน้าเอาฤกษ์ ต้องได้ไปแน่นอน แล้วชะตาเกิดเข้าข้างเธออีกด้วย
“ให้มันจริง...แม่อยากให้ไปซะไกลๆ รำคาญเหมือนกัน นังลูกสาวคนนี้ วันๆ เอาแต่อยู่ในห้อง” แม่เธอบ่นจนอลิสาเริ่มเข้าใจว่า มนุษย์แม่คือต้นแบบของการจู้จี้และขี้บ่นอีกมากมาย
วันแห่งการผจญภัยเริ่มใกล้เวลาเข้ามา แม่ของสาวน้อยอลิสาตกใจที่เห็นลูกสาวลากกระเป๋าใบโตออกจากห้องชั้นบน ลงมาตั้งโชว์ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง พ่อของนางอยู่ในห้องนอนเดินออกมามองลูกสาวคนเดียว ทำหน้าสงสัยว่าลูกสาวคนนี้จะไปไหน ไม่เคยบอกกล่าวให้ผู้ใหญ่ในบ้านได้รับรู้
“จะไปไหนเหรอ...ลิซ่า ทำไมพ่อแม่ไม่รู้เรื่องเลย” พ่อเดินเข้ามาที่ห้องครัวเห็นลูกสาวกำลังกินข้าวโอ๊ตมื้อเช้า ฮัมเพลงอย่างเบิกบานอารมณ์
“ก็เคยบอกแล้ว พ่อกับแม่ไม่เห็นสนใจ” เธอพูดตีรวน
“นี่แก...เป็นลูกหรือเป็นอย่างอื่นกันแน่”
“พ่อคะ...หนูคือลูกบังเกิดเกล้านะคะ” เธอพูดไปขำไป
“นี่พูดจาอะไรเหมือนคนบ้า” พ่อเธอเดินมาเขกกบาลสาวน้อย แล้วหยิกแก้ม
“จะปล่อยพ่อกับแม่ให้เหงาใช่ไหม” พ่อแซว
“พ่อคะ...หนูไม่อยู่ อนุญาตให้พ่อไปหากิ๊กได้เลยค่ะ ถือว่าหนูไม่รู้ไม่เห็น...ดีไหม”
“พูดเบาๆ แม่แกได้ยิน พ่อถูกตีกบาลแยก”
“แหม...แม่ดุขนาดนี้ พ่อคงไปไหนไม่รอดหรอกนะคะ” เธอทำหน้ายิ้มเยาะ
ในที่สุดพ่อกับแม่ได้พาสาวน้อยไปส่งถึงสนามบินและนั่งคอยจนเธอเดินเข้าประตูไป อลิสาเหินฟ้าข้ามไปอีกซีกโลกหนึ่งและนี่คือเกมส์ของการทำงานนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ณ เมืองที่หิมะกำลังตก
เธอนั่งเหม่อใจคิดถึงบ้านยาวนาน ....อีกชั่วโมงเศษ ชายหนุ่มหน้าขาวสุดหล่อของสาวน้อยดันกลับมาจริง ไม่ทิ้งให้เธอหงอยเดียวดายไร้ผู้ช่วยเหลือ
“Hey…your mind’ s away? ใจลอยเลย” เขาเอาฝ่ามือมาโบกอยู่หน้าเธอ
“Sorry ขอโทษนะ...คิดถึงบ้าน” เธอเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว ใจมันอยากไปสนามบินและไปเช็คอินเลย
“มาคุยกันต่อ...”
“ยูช่วยรีวิวหน่อยได้ไหม...” เธอออดอ้อน
“ได้...ทำยังไง” เขาถาม
“มั่วๆ ไป Med bed ต้องไปหาที่ไหนกัน”
เขาตอบชัดเจนไม่ลังเล เหมือนฟ้าสั่งพลิกล็อก
“ที่บ้านไอ...มีหนึ่งตัว” คำตอบทำสาวน้อยตื่นเต้น
“It’ s My Bed…คือเตียงผม เข้าใจไหม” เธอทำหน้าตาตื่นตกใจ
“จะบ้าตาย...สุดบ้าบอ!!!”
“ทำไม...” เขายังถามว่าทำไม
“จะชวนฉันขึ้นเตียง...ใช่ไหม”
ความพิเศษของมัน...แสกนความบกพร่องถึงระดับ DNA
--------------------------------
ชายหนุ่มฉบับร่างหนาสวมแว่นตากันแดดมองมาที่เธออย่างฉงนกับคำถาม เขายิ้มให้สาวน้อยที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเข้าใจสำหรับเขา...นั่นคือประเด็นที่ทำให้เขายังอยากสนทนากับเธอต่ออีก
“ไม่รู้ว่า...เข้าใจที่คุยกันแค่ไหน misunderstand something?!” เขาพูดทำนองว่าเธอต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ
“ผมมีเตียงอย่างที่ว่า...นะ! I do have what you’ re telling to me” เขาแย้งเธอ
“งั้นจะไปดูกันที่ไหนล่ะ...where เข้าใจฉันไหม” เธอเริ่มพูดภาษาอังกฤษปนไทย
“โอเค...my home!” เขาตอบชัดเจนเน้นคำลงท้ายว่า คือบ้านของเขา
“เราไปกันเลยไหม...ผมไม่ค่อยว่าง” เขารีบตอบท่าทางคงจะไม่ว่างจริง
เขาดึงมือเธอเดินออกไปจากร้านกาแฟทันที แต่อลิสายังรีรอเพราะเธอทิ้งกระเป๋าเดินทางใบโตไว้ที่ลอบบี้ของตึกที่เพิ่งเดินออกมา ซึ่งได้ขอฝากกระเป๋ากับเคาน์เตอร์รีเซฟชั่นไว้แค่หนึ่งชั่วโมงเพื่อคลำทางไปหาร้านที่มีชื่อตามใบสั่งงาน
“ขอไปเอากระเป๋าก่อนนะ...” เธออิดออด
“อยู่ไหน...ไปเอามา” เขาสั่งเธอทันที ขณะเขายืนรอกดมือถืออยู่ตลอดเวลา
“ไปช่วยหน่อยนะ หนักมาก” เธอเหนื่อยมากที่ลากมันมาจากสนามบินนั่งรถไฟมาโผล่ที่นี่
หนุ่มร่างหนาคงรำคาญเดินก้าวยาวไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามตามที่เธอชี้ไป เขาเดินไปถึงที่นั่นก่อนแล้วยืนรอตรงเคาน์เตอร์
“ใบไหน...เขาถาม”
“สีน้ำเงินใบโต” เธอพูดและทำท่าบอกขนาดของกระเป๋า
ในที่สุดเธอได้กระเป๋ามาอยู่ในมือและเขาช่วยลากมันออกมาจากตัวตึก เธอมองดูว่าเขากำลังทำอะไรขณะให้เธอยืนรออยู่ตรงฟุตบาท
“อยู่ตรงนี้...will be right back เดี๋ยวมา” เขาเดินออกไปจากตรงที่เธอยืนไม่ไกล เห็นเขาโทรมือถือ
สักพักรถคันยาวสีดำกระจกมืดทึบค่อยคลานมาจอดสงบนิ่งหน้าเธอ และเขาก้าวกลับมาที่เธอยืนอยู่ ดึงกระเป๋าลากมาที่ชายคนหนึ่งซึ่งเปิดประตูออกมาจากที่นั่งข้างคนขับ ชายคนนี้คำนับเขาและลากกระเป๋าของเธอไปไว้ยังกระโปรงท้ายรถซึ่งมันเด้งเปิดอัตโนมัติ ชายคนดังกล่าวกลับมายืนต่อหน้าเขา ทำท่าโค้งและเปิดประตูด้านหลังให้
“เอ้า...เข้าไป” เขาสั่งเธอ
“Yes, sir…” อลิสาตอบภาษาอังกฤษอย่างสุภาพที่เห็นเขาราวหนุ่มผู้ดี๊ผู้ดีอะไรเช่นนี้
“OK…Ma’ am โอเค แมม...” เขาเอ่ยรับลูกหยอกล้อเธอ
“เราจะไปไหนกันเหรอ” เธอถามมองหน้าด้านข้างของเขา
“My home…บ้านผมไง”
“แล้วให้ฉันพักด้วยไหม” เธอถามอีกครั้ง
“Yes, ma’ am ใช่แล้ว...คุณ”
“เอ่อ...ขอบคุณมากนะ...Mr. Gentleman! คุณชาย” เธอไม่รู้จะเรียกเขายังไงไม่รู้จักชื่อกันเลย ขึ้นรถตามไปต้อยๆ
“My name…Prince Delaware ผมชื่อ ปรินส์ เดอลาแวร์” เขาบอกชื่อเธอ ทันใดอลิสาทำตาโตอย่างตกใจ
“ฮะ...ยูชื่อ ปรินส์ เหรอ ทำไมโชคดีอย่างนี้วะ” เธอเผลอพูดภาษาไทย เอามือจับหัวตัวเองอย่างดีใจสุดแสน
หนุ่มร่างบึ้กเงียบนิ่ง คงไม่เข้าใจที่เธอเผลอพูดอะไรออกมา เขาดูไม่สนใจอะไรเลยนอกจากกดดูข้อความต่างๆ บนมือถือ เธอได้ยินเขาสนทนากับหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างคนขับเป็นภาษาซึ่งแน่นอนไม่ใช่ภาษาอังกฤษ อลิสาฟังไม่รู้เรื่องจึงไม่สนใจ เธอยกมือถือขึ้นมากดหาข้อมูลต่างๆ ที่เธอต้องทำงานตาม job description รายละเอียดของใบสั่งงาน
เธออยู่ในรถของชายหนุ่มนามว่าปรินส์ประมาณเกือบชั่วโมง รถคันสีดำสนิทคันที่นั่งมาก็เลี้ยวเข้ามาจอดตรงตัวตึกขนาดย่อมเลยจากประตูรั้วไปไม่ไกล บ้านดูหรูหราโอ่โถงมีสวนอยู่หน้าบ้าน ซึ่งขณะนี้เต็มไปด้วยหิมะที่กำลังโปรยปรายอยู่เป็นสายตามแรงลมพลิ้วไหว
“ยูชื่ออะไร...ไม่บอกกันเลย” เขาเอ่ยขึ้นทำเธอสะดุ้งนึกขึ้นได้ว่าเสียมารยาทมาก ตอนที่เขาบอกชื่อ แต่เธอพลันดีใจเผลอพูดอะไรออกมาโดยไม่ได้บอกชื่อของเธอกลับไป
“อลิสา...Lisa...sorry ลืมบอกยูไปน่ะ” เธอตอบขอโทษทำหน้าสำนึกผิด
“โอเค...ลิซ่า ยู...ตามคนนี้ไปที่ห้อง นอนพักก่อน...มาถึงได้นอนมั่งหรือยัง have a nap yet?!” เขาถามและมองสีหน้าอิดโรยของเธอ
“ยังเลย ขอบใจมากนะ นายปรินส์” เธอตอบเขาอย่างยินดี ในใจนึกว่าโคตรโชคดีอะไรขนาดนี้ได้ที่พักฟรีอีก งานที่ถูกสั่งให้มาทำ ยังไงก็ต้องทำ...มั่วๆ ไป ขอได้เที่ยวและได้อยู่บ้านฟรี คนมันจะเฮงได้ขนาดนี้เลยรึ...นังลิซ่า!
ตอนเย็นหนุ่มคนที่คอยทำหน้าที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาถึงบ้าน เขาเป็นเหมือนคนสนิทของนายปรินส์ ถ้าจะเรียกเป็นอังกฤษน่าจะเป็น butler ไหม เธอคิดคำนี้ได้เพราะค้นหาคำในกูเกิ้ล เขาคงยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง เพราะในบ้านนี้ไม่มีใครตอนเธอเดินตามเขาเข้ามา
“Good evening สวัสดี...ลิซ่า” สาวน้อยแดนไกลสะดุ้งเล็กน้อย ทำไมเขารู้ชื่อเธอ
“เอ่อ...มีอะไรเหรอ” เธอตอบกลับไป
“Prince Delaware เชิญทานอาหารค่ำที่ห้องอาหาร ผมจะรออยู่ตรงนี้” เขายืนอยู่หน้าห้องเพื่อให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อลิสาก้มมองเสื้อผ้าก็ใช้ได้อยู่แล้วจึงขอลงไปเลย
“เชิญครับ...” เขาเดินนำทางเธอจากมุมห้องที่เธอพักอยู่ปีกด้านหนึ่งของตัวบ้าน และลงบันไดตามเขาไป เพื่อไปยังห้องอาหาร
นายปรินส์นั่งอยู่หัวโต๊ะรอเธออยู่แล้ว ทำท่าเชิญให้เธอนั่งเก้าอี้ข้างเขา เขาแต่งกายเหมือนผู้ดีอังกฤษ สวม vest jacket ทับเสื้อ sweater ตัวในที่เป็นคอเต่า สีเสื้อตัดกันด้วยสีน้ำเงินเข้มตัวในกับเสื้อกั๊ก vest ตัวนอกสีขาวนวล หน้าตาทรงผมเรียบร้อยราวกับผู้ดีอังกฤษสมัยวิกตอเรียน สาวน้อยเคยดูหนังเรื่องหนึ่งกับแม่ตอนเธอรุ่นสาว เขาเหมือนพระเอกในเรื่อง gone with the wind แต่ดูทันสมัยกว่าประมาณกลุ่ม metrosexual หนุ่มเฟี้ยวรุ่น Gen Y แต่เนี้ยบแบบพรีเมียม โหนกแก้มของเขานูนเป็นสันรับกับจมูกโด่งดวงตาสีเขียวหม่น เวลายิ้มสีตาของเขาจะเข้มมองแล้วโดนใจเธอแบบละลายไปพร้อมแสงแดดยามหิมะกำลังตก ความหนาวเย็นยะเยือกมลายหายไปจนหมดสิ้นได้ทันทีเมื่อเขาเผยยิ้มที่มุมปากขยับเป็นริ้วหยักเล็กน้อย ยิ่งทำเธอเก็บไปฝันได้ทั้งคืน
“เอ้า...ลงมือเลย หิวก็กินเร็วๆ ได้ ไม่ว่ากัน” เขาพูดขณะมองหน้าเธอที่กำลังหยั่งเชิงเกรงใจ
“ยูเข้าใจผิด...” เธอตอบกลับเบาๆ ไม่อยากเล่าความในใจ
“เหรอ...งั้นกินเลย ผมหิวแล้ว” เขาลงมือหยิบจับส้อมกับมีดทันที ในจานของเขาเป็นสเต็กแบบ rare meat เห็นเนื้อแดงสุกเพียงแค่เล็กน้อย เขายกแก้วไวน์มองหน้าเธอ และทำท่าเชิญหญิงสาวซึ่งมีแก้วไวน์แดงตั้งวางอยู่แล้ว
“เอ่อ...ยูดื่มเถอะ ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” อลิสากลายเป็นคนเหนียมอายไปเฉยเลย ทั้งที่เธอชอบดื่มไวน์มาก
“ไม่ต้องเกรงใจ Don’ t feel bad อยู่ที่บ้านนี้ตามสบาย แต่มีข้อห้าม” เขาพูดย้ำคำนี้
“ทำไมเหรอ...” เธอทำหน้าสงสัย
“Don’ t be in my private zone…ห้ามเข้าไปพื้นที่ส่วนตัว” เขาสั่งเสียงเข้ม
หญิงสาวพยักหน้าและทำมือเป็นสัญญาณโอเค...เธอกินอาหารมื้อค่ำที่เป็นเนื้อปลาเหมือนปลาร้าเมืองไทย รสเปรี้ยวกินกับผักดองและมีซุปมะเขือเทศ น่าจะเป็นเมนูนำเสนอของเขา เขาเลิกคิ้วมองเธอที่เอาแต่ซดซุป ตักเนื้อปลาพอชิมรสชาติ แล้วถามอย่างสงสัย
“ไม่อร่อยรึ...!!! ผมสั่งเมนูพิเศษ...อเล็กซ์แนะนำ เห็นว่าคุณเป็นคนเอเชีย” เขายังไม่ได้ถามเธอด้วยซ้ำว่ามาจากซีกไหนของเอเชีย
“รู้ด้วยเหรอว่า ฉันเป็น Asian girl” เธอทำหน้างง
“หน้าตาแบบนี้เหมือนลูกครึ่ง half race...แต่ตาโตกว่า” เขาจ้องหน้าเธอตรงๆ ยิ้มบางๆ ที่มุมปากทำหญิงสาวใจลอยอีกตามเคย
“มาจากที่ไหน...where exactly? ประเทศไหน” เขาถามเจาะจง
“Thailand…” เธอตอบชัดเจนเน้นอีกต่างหาก
“โอ...พระเจ้า My Lord…beautiful land สวยมากที่นั่น” เขามองเธออย่างชื่นชม
“เคยไปเหรอ...”
“กำลังจะไปปีหน้า...”
“social circle กลุ่มเพื่อนผมอยู่ที่นั่น” เขาตอบและทำท่ากำลังจะอิ่ม
ชายหนุ่มที่เขาพูดถึงนามว่า อเล็กซ์ กำลังเดินเข้ามากระซิบถามว่า เขาคงจะต้องการอะไรอีกไหม เขาส่ายหน้าและมองมาที่เธอ หนุ่ม butler จึงเข้ามาถามเธอเบาๆ
“ลิซ่า ต้องการอะไรเพิ่มไหม...ขนมหวาน มีชีสเค้ก รับไหม” เขาทำท่าว่ามันอร่อยมาก เธอเลยขอมาชิมหนึ่งชิ้นก่อน และตามด้วยชาซึ่งเขามีให้เลือก เธอเลือกชาคาโมมายล์ คืนนี้อยากนอนหลับเป็นตาย เวลาตอนนี้ที่เมืองไทยน่าจะประมาณตีสามแล้ว
“ลิซ่า...พรุ่งนี้ตื่นสายๆ เลย อากาศจะหนาวมาก” เขาบอกเธออย่างใจดี
“ผมจะพามาดู Med Bed ที่ยูกำลังตามหา” เขาบอกเธอ แล้วหันไปพยักหน้าให้หนุ่มอเล็กซ์เดินมาใกล้ เขากระซิบเป็นภาษาที่อลิสาไม่เข้าใจ
เขาลุกขึ้นยืนทันทีที่เห็นอลิสากินขนมดื่มชาเรียบร้อย ชายหนุ่มบอกเธอว่าพรุ่งนี้ประมาณสิบเอ็ดโมงเช้าจะให้เธอไปดูของชิ้นสำคัญที่เธอถูกสั่งให้มาตามหา
“ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอ bye...Good night ฝันดี...” เขายืนบายเธอหน้าห้องอาหารแล้วก้าวยาวขึ้นบันไดไปทันที
อลิสามองด้านหลังของชายหนุ่มอย่างปรีดา เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นคนใจดี แต่ไม่รู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ เธอไม่มีความรู้หรือศาสตร์ลึกลับอ่านใจคนได้ ถ้ามีทักษะพวกนี้คงดีสินะ เธอคิดขณะกำลังเดินตามหนุ่มอเล็กซ์ที่เดินมาส่งเธอถึงหน้าห้อง
“Good night, Lisa ฝันดีนะ” เขากล่าวลาเรียบๆ ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเลย ท่าทางเหมือนเป็นพ่อบ้านหรือคนสนิทที่ทำงานเหมือนหุ่นยนต์
อลิสาปิดประตูเข้าห้องนอน กระโดดตัวโยนไปบนเตียงนอนทันที เธอลุกไปเข้าห้องน้ำที่ตกแต่งราวกับเธอเป็นเจ้าหญิง ห้องนอนนี้อีกตกแต่งอย่างหรูหราแม้คฤหาสน์เศรษฐียังไม่อาจเทียบได้ บุญนับอนันต์ที่เธอได้มาพักอาศัยชายคาเดียวกับหนุ่มนามว่า ‘ปรินส์’ อย่างไม่คาดคิด
เช้าวันต่อมาหลังจากตื่นนอน เธอมีอาหารเช้าที่เตียงนอนถูกนำมาเสิร์ฟให้ถึงในห้อง โดยหนุ่มหน้าเฉย ‘อเล็กซ์’ ก่อนออกจากห้องไปเขาแจ้งว่าสิบโมงครึ่งเขาจะมาเคาะหน้าประตูเพื่อพาเธอไปส่งยังห้องนอนของ ปรินส์ เดอลาแวร์
อลิสาตื่นเต้นมากเตรียมตัวอย่างปลาบปลื้มตั้งแต่หลังกินข้าวมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ขาตั้งกล้องและกล้องอัดวิดีโอเพิ่งถอยมาใหม่เอี่ยม เธอเอามาลองทดสอบดูหลายครั้งก่อนเดินทางเพื่อป้องกันความผิดพลาด เมื่อได้เวลาสิบโมงครึ่งหนุ่ม butler มาเคาะหน้าประตูห้อง สาวน้อยกระโดดลงจากเตียงมาเปิดประตูด้วยความลิงโลด หนุ่มอเล็กซ์ทำหน้าตกใจเล็กน้อยที่เห็นเธอทำท่ากระโดดโลดเต้น
“ขอโทษนะ sorry ที่ทำให้ตกใจ ฉันดีใจมาก very happy” เธอพูดไปฮัมเพลงไป
เธอเดินตามหนุ่มหน้าเฉยไปอีกฟากของตัวบ้านซึ่งมีระเบียงยื่นออกไปใต้กันสาดโปร่งแสง เธอมองเห็นชายหนุ่มนามว่า ปรินส์ กำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ทรงเรโทรตรงกลางระเบียง เขาคงนั่งมองชมวิวด้านล่างอยู่ สาวน้อยมองผ่านกระจกใสที่ทำเป็นผนังของตัวตึกออกไปเห็นวิวได้ไกลสุดตา ที่แท้บริเวณบ้านหลังนี้มีเนื้อที่กว้างอยู่พอสมควร เธอมองเห็นหิมะโปรยลงเป็นสายพลิ้วไปตามแรงลม เบื้องหน้ามีแต่หิมะกองอยู่เต็มลานของบริเวณรอบตัวบ้าน เป็นภาพน่าประทับใจที่สุดสำหรับคนที่มาจากเมืองซึ่งมีแต่แสงอาทิตย์อันแสนร้อนผ่าว
อลิสายืนรออยู่ด้านในตามที่อเล็กซ์บอกเธอ เขาเดินทะลุบานกระจกที่เปิดอัตโนมัติออกไปโค้งกระซิบข้างหูของเจ้านาย นายปรินส์เอี้ยวตัวหันหลังมามองเธอ และพยักหน้าให้อเล็กซ์นำเธอไปยืนรออยู่หน้าประตูห้องนอนของเขา เขาก้าวยาวเดินมาเพียงไม่กี่ก้าวก็มาหยุดตรงหน้าเธอ ซึ่งในมือทั้งสองข้างถือทั้งขาตั้งกล้องและกล้องอัดวิดีโอ เขาช่วยเอาขาตั้งกล้องยกเข้าไป ประตูห้องเปิดจากการแสกนลายนิ้วมือของเขาโดยเลื่อนเปิดอย่างอัตโนมัติ เธอจึงเห็นว่าภายในห้องนอนมีบริเวณรับแขกดูโอ่อ่ากว้างพอสมควร ด้านซ้ายเธอมองชะโงกหน้าผ่านกระจกทึบแสง เห็นเพียงเงาๆ ว่า ภายในห้องนอนน่าจะมีเตียงที่ว่าอยู่หลืบด้านในเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
“Come on...มา จะพาเข้าไปดู” เขาพูดขณะยกขาตั้งอยู่ในมือ
หน้าประตูห้องนอนต้องแสกนลายนิ้วมือเข้าไป ทันทีที่ประตูเปิดออกเขาพยักหน้าให้เธอเดินตาม จากนั้นสาวน้อยก็ค่อยย่องตามเข้าไป สายตาของเธอเบิกโตแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าด้วยความดีใจปนตกตะลึง
“โห...พระเจ้า นี่มันเตียงของจริงเลยนะ” เมื่อคืนก่อนเข้านอนเธอยังเปิดเอกสารเพื่อดูภาพ Med Bed ที่บริษัทส่งมาให้เธอไว้ เธอต้องการเก็บมันอยู่ในความทรงจำ จะได้ไม่ต้องเปิดดูภาพในเอกสารต่อหน้าเขา
“Oh…oh…โอ๊ะ โอ ไม่ใช่ของจริงได้รึ” เขามองหน้าเธอยิ้มเล็กๆ ทำเธอเขิน
“งั้นเราเริ่ม operation ถ่ายทำกันเลย” สาวน้อยพูดผิดๆ ถูกๆ แต่เขาเริ่มเข้าใจเธอแล้ว เขาเอาขาตั้งกล้องหามุมให้ได้แสง และกดรีโมทเปิดไฟดาวน์ไลท์ให้แสงได้รับมุมสวย สุดยอดของห้องนอนในตัวคฤหาสน์นี้จริงๆ
จากนั้นสาวอลิสาก็เอาไมค์ลอยไปติดตรงปกเสื้อของชายหนุ่มและของเธอด้วย เขามาช่วยหามุมกล้องส่องเข้าไปดูเหมือนช่วยจัดฉากให้ perfect สมบูรณ์เต็มที่
“Ladies and gentlemen I’ m Prince Delaware สวัสดีทุกท่าน ผม ปรินส์ เดอลาแวร์ วันนี้มีสาวจากไทยแลนด์มาขอรีวิวเตียงของผม Med Bed ตัวนี้ช่วยทำให้ผมสุขภาพดี สมาธิการทำงานเป็นระบบเพราะการนอนที่มีกระแสควอนตัมไหลเวียนเข้าไปกระตุ้นการทำงานในร่างกายให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น และยังช่วยแสกนหาความบกพร่องในร่างกายลึกถึงระดับ DNA ผมภูมิใจมากที่ได้นำเสนอให้ทุกคนได้รู้ว่า เตียงของผมมันเยี่ยมยอดขนาดไหน”
“ค่ะ...คุณปรินส์ เล่าทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ แต่มีคำบรรยายอยู่ข้างล่างนี้ กดติดตามที่เว็บไซด์ของการรีวิวนี้ไว้นะคะ จะมีเรื่องราวดีๆ ตามมาอีกใน ep. ต่อๆ ไป วันนี้ขอจบเท่านี้ค่ะ จะมีวิดีโอภาพคฤหาสน์ของชายหนุ่มคนนี้ที่ได้สั่ง Med bed มาไว้ครอบครอง ชมกันให้จุใจ และอย่าอิจฉาดิฉันนะคะ ที่ได้มีโอกาสมาทำรีวิวและเข้ามาพักที่นี่ในฐานะแขกของเจ้าของบ้าน”
“จบแล้วรึ...ลิซ่า ผมกำลังจะเล่าว่า มันมีดีอีกนะ”
“อะไรอีกรึ...What else?” เธอทำหน้าตื่นเต้น
“มันสุดยอดเวลา...ที่เรามีกิจกรรมอย่างหนึ่งด้วย”
“อะไรล่ะ...”
“Sweet Love…” เขาพูดเสียงเรียบๆ
“ฮ่ะ...อะไรนะ”
ตามหา...ความลับของคำนั้น
--------------------------------
ท่าทางของอลิสาสะดุ้งผวาเลยกลายเป็นยั่วให้หนุ่มนามว่า ‘ปรินส์’ เผยยิ้มออกมาอย่างร่าเริง เขาหัวเราะกับใบหน้าสีชมพูระเรื่อกลายเป็นสีแดงทันทีที่เขาพูดถึงคำนั้น
“ยู...กลัวอะไรรึ” เขาแหย่เธอ
“No…No! ไม่ ไม่ เลย…เอ่อ” อลิสาไม่กล้าสบแววตาของเขา
“Sweet love ผมหมายถึง ขณะหลับอยู่บนเตียงนี้ เราจะนึกถึงความรักใดๆ ก็ได้ จะช่วยให้ ectasy สุขมากๆ ลิซ่า!...ยูนี่ innocent เกินไปไหม!...” เขาอธิบายยืดยาว แต่ไม่ได้ทำให้อลิสามั่นใจว่า สิ่งที่เขาพูดนั้นความจริงมันคืออะไร
“พรุ่งนี้...เรามาต่อ ep.2 กัน เรื่องที่ยูพูดถึงนี้...ดีไหม” เธอถามความเห็น
“No…ไม่ได้...ผมไม่ว่าง” อลิสาสะดุ้งกับน้ำเสียงเด็ดขาด
จากนั้นเขาช่วยเธอเก็บขาตั้งและถือออกมา ก่อนออกมาจากห้องเขาใช้รีโมทกดปิดไฟฟ้าและฮีตเตอร์ เธอรอเขามาแสกนนิ้วมือเปิดประตูอัตโนมัติ ระหว่างที่เขาเดินออกจากห้องนอนมาที่บริเวณส่วนนั่งเล่น เขานึกขึ้นได้และถามเธอทันที
“พรุ่งนี้เย็น เราจะมีปาร์ตี้ที่นี่”
“แล้วยังไง...จะให้ฉันมาร่วมใช่ไหม” เธอถามก่อนจะเดินออกจากห้องของเขา
“No…ยูอยู่ที่ห้อง ห้ามออกมา เข้าใจไหม” เสียงเข้มสั่งห้าม
“เย็นนี้...เราจะออกไปข้างนอกกินข้าวกัน” เขาชี้มาที่เสื้อผ้าของเธอ และสั่งให้อเล็กซ์ที่ยืนรออยู่หน้าห้อง พาอลิสาไปหาซื้อชุดไปดินเนอร์กับเขาช่วงบ่ายหลังมื้อเที่ยง
“ไม่ต้องก็ได้นะ...นายปรินส์” อลิสาปฏิเสธ
“ไม่ได้...ยูไปกับผม ต้องดูดี look good” เขาทำสัญญาณให้อเล็กซ์มาเอาขาตั้งกล้องที่เขาถืออยู่ ไปส่งที่ห้องเธอ
อลิสาเดินกลับมาที่ห้องเธออีกฝากหนึ่งของตัวตึกเงียบๆ และขอบใจอเล็กซ์หนุ่มหน้าเฉยที่ถือขาตั้งกล้องมาวางไว้ที่หน้าห้อง เธอหมุนลูกบิดประตูเปิดเข้าห้อง
“…ตายแล้ว!” เสียงร้องของสาวน้อยดังขึ้น เมื่อเธอเห็นเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่ตรงหลืบในสุดหน้าห้องนอนถูกรื้อค้น อลิสารีบเข้าไปดูว่ามีอะไรหายบ้าง
“เวร...ดีนะ ที่ไม่มีอะไรหาย หรือว่า เราลืมเองวะ…!!!” เธอเริ่มหวาดระแวง และนึกย้อนไปว่าเธออาจรื้อกล้องและขาตั้งออกมาแล้วลืมจัดให้เข้าที่...
ในใจเธอยังคิดสงสัยไม่หายแต่ก็พยายามใช้เวลาไม่มากนักในขณะนี้เขียนบันทึกเล่าเรื่องราวตั้งแต่วันแรกที่มาถึง บรรยายการทำงานซึ่งบริษัทที่ว่าจ้าง สั่งให้เธอทำการบ้านส่งทุกวัน งานนี้ดูเหมือนง่ายไม่มีอะไรมากแต่ในความเป็นจริงมีความโหดหินอยู่ตรงที่ให้เธอไปตามคำสั่ง ค้นหาหมุดหมายแต่ละเรื่องตามขั้นตอน เธอต้องไปหาร้านที่มีชื่อว่า Serendipity ก่อนเที่ยงเธอยังพอมีเวลาจึงค้นหาจากกูเกิ้ล เธอเจอร้านชื่อนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเป็นร้านในใบสั่งงานระบุเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘Confectionery’
“ร้านอะไรนี่...” เธอค้นหาความหมายได้แล้ว...นึกในใจว่าจะไปหาซื้อของชิ้นหนึ่งในร้านนี้ และต้องเป็นของที่ถูกใจชายหนุ่มเป้าหมายนามว่า ปรินส์ เธอต้องถามอเล็กซ์ช่วงที่อยู่ในรถ
“นายรู้จักร้านนี้ไหม” อลิสายื่นมือถือของเธอให้หนุ่มที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับรถอ่าน
“ร้านขาย candies and chocolates…จะเอาอะไรหรือ” อเล็กซ์ถามเธอ
“จะถามว่า นายปรินส์ ชอบอะไร” เธอจนใจไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะทำยังไงต่อไป แค่ต้องไปซื้อของชอบของเขาที่ร้านนี้
“Prince never eats chocolates…ปรินส์ไม่เคยกินช็อกโก...” คำตอบนี้ทำเธอหมดหนทาง เพราะขั้นตอนนี้เธอต้องไปที่ร้านนี้ เพื่อหาของที่นายปรินส์ชอบ และจำเป็นต้องให้เขาไปซื้อ
“จะทำยังไงดี ฉันต้องทำ Ep.ต่อไป” เธอเล่าอยากขอคำปรึกษา
“คืนนี้ไปดินเนอร์ ชวนปรินส์ไปด้วยกัน” เขาให้คำตอบที่สว่างวาบในใจของสาวน้อย เธอดีใจสุดแสน
“พรุ่งนี้กลางวัน นายปรินส์ ว่างไหม”
“ไม่ทราบ ต้องถามปรินส์เอง” เขาตอบเธอ
“เอ้า...นายไม่รู้ agenda ของเขาเหรอ” เธอโพล่งออกไป
“ถามปรินส์เองดีกว่า ลิซ่า”
เธอกลับจากการซื้อชุดไปดินเนอร์ พอมีเวลาจึงเข้าไปดูที่เว็บไซด์ของร้านนี้มีขนมลูกกวาดสีพาสเทลและช็อกโกเลตแบรนด์หลายยี่ห้อ เธอเพลิดเพลินกับการดูขนมต่างๆ ซึ่งน่ากินทั้งนั้น ก่อนค่ำอเล็กซ์มาแจ้งว่าปรินส์สั่งให้เธอแต่งตัว ประมาณหนึ่งทุ่มเขาจึงมาเคาะหน้าประตู ทั้งคู่เดินลงบันไดมาพบว่าชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์ยืนรออยู่ที่โถงด้านหน้าประตูทางออก เขามองเธออย่างชื่นชมกับชุดเดรสยาวสีชมพูพาสเทลมีโค้ตขนมิ้งสวมทับ ซึ่งดูหรูหรามากในความรู้สึกของสาวน้อย
ระหว่างทางไปร้านอาหารที่คนขับรถกำลังพาทุกคนไป นายปรินส์ถามอลิสาว่าชอบกินอะไร
“ยูชอบอะไร...ตามนั้นเลย” เธอไม่มีความรู้เรื่องอาหารฝรั่ง อะไรกินได้ทั้งนั้น
“งั้นคืนนี้เราไปกิน snail หอยทาก โอเคไหม” เขาอมยิ้มเล็กๆ ขณะหันมามองหน้าเธอ
อลิสาทำหน้าตกใจที่ได้ยินคำว่า หอยทาก ในภาษาอังกฤษ กลืนน้ำลายดังเอื๊อก นายปรินส์ขำเธอทันที
“ไม่ต้องกลัว don’ t worry อร่อยมาก” เขาหัวเราะหึๆ
“จะอ้วก...” เธอตอบภาษาไทยกลับไป เขาไม่เข้าใจแต่รับรู้ว่าเธอคงไม่อยากกิน
ทันทีที่รถคันยาวสีดำกระจกทึบแสงจอดหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หิมะกำลังโปรยปรายอุณหภูมิติดลบ อลิสาก้าวลงจากรถเมื่อคนขับลงมาเปิดประตูให้ ชายหนุ่มลงไปยืนรอเพื่อเดินเข้าไปพร้อมกัน
ผู้จัดการร้านเปิดประตูโค้งต้อนรับ จากนั้นทั้งสองถูกนำไปยังห้องวีไอพีด้านบน ซึ่งเธอมองป้ายชื่อหน้าห้อง sérendipité เธอคิดว่าน่าจะเป็นคำเดียวกับชื่อร้าน
“ปรินส์...ยูรู้จักคำนี้ไหม” อลิสาเอามือถือยื่นให้เขา
“ความหมายเดียวกันกับ English” เขาตอบกลับมา แล้วยักไหล่แบบว่าธรรมดาไม่เห็นจะมีอะไร
“คือฉันต้องไปร้านนี้ เพื่อพานายไปซื้อขนม นายชอบขนมอะไร” เธอถามอย่างลังเลไม่แน่ใจว่าเขาจะไปไหม เพราะรู้แล้วว่าเขาไม่ชอบช็อกโกเลต
“เอาสิ...พรุ่งนี้ผมไม่ว่าง แต่อีกวันเราไปที่นั่นกัน” เขายิ้มที่มุมปาก
“ดีเลย งั้นเราไปทำ Ep.2 ต่อที่นี่ดีไหม”
“เราต้องขออนุญาตร้านก่อน”
“ได้สิ...ฉันมีใบ permission letter จดหมายขออนุญาตมาจากบริษัท” เธอตอบแล้วมองไปที่อาหารกำลังเสิร์ฟ พร้อมไวน์สีชมพู
“หอยทากนี้ต้องกินกับไวน์นี้ Aligoté หอยทากต้องจาก Burgandy เบอร์กานดี” เขาสาธยาย และเอาตัวคีบคล้ายส้อมเล็กจิกเนื้อมันออกมาจากตัวเปลือกคล้ายการกินหอยโข่ง ซึ่งเธอไม่เคยชอบกินหอยอะไรทั้งปวง มันเป็นพิษสำหรับคนเช่นเธอ
“เอาสิ...ลองชิม” เขาผายมือให้เธอ ทำท่าวิธีการกินให้ดู โดยเอาซอสเนยมาทาคล้ายน้ำจิ้มแจ่วแซ่บ
อลิสาขอลองชิมหนึ่งตัวเท่านั้น เธออยากกินเนื้อตุ๋นเบอร์กานดี พนักงานเสิร์ฟกำลังรอเพื่อเปิดฝาตักใส่จาน
“เราเริ่มสตูว์เลย...” เขาหันไปบอกให้พนักงานเสิร์ฟเปิดฝาหม้อตุ๋น กลิ่นไวน์หอมเครื่องเทศโชยออกมาสัมผัสจมูกสาวน้อย เธอหลับตาเพื่อเก็บความทรงจำ ความหอมของเครื่องเทศฝรั่ง ...ยั่วน้ำลายชวนให้ลิ้มลองเสียเหลือเกิน
“จะหลับแล้วหรือ” เขาแหย่เมื่อเห็นเธอหลับตายิ้มมุมปาก
“โห...very good อยากเก็บไว้ในสมองส่วนลึก จะได้จำกลิ่นมันไว้” เธอตอบตรงเกินไปจนเขาขำเธอ
“อาหารคนรวย...มันคือแบบนี้” เขาไม่ได้จงใจเสียดสี
อลิสานึกฉุนกับคำพูดที่เทียบเคียงกับการดูถูก ซึ่งเขาอาจไม่ได้คิดอะไร แต่เธอหน้างอไม่พอใจ ชิมอาหารมื้อนี้เงียบๆ เมนูตบท้ายเป็นของหวานแนวฝรั่งเศส
“ลูกแพร์เชื่อมไวน์แดงกับซินนามอน...อันนี้ signature ของร้านนี้เลย” เขาโฆษณาให้ร้าน
“ถ้าจะมาที่นี่ น่าจะบอกก่อน ฉันจะได้ขอมารีวิว” เธอแกล้งพูด
“ไม่ได้...”
“ทำไม...ล่ะ นายห้ามฉันรีวิว...นี่มันงานฉันนะ”
“ผมจะไม่ทำอะไรเวลากินข้าว” แววตาสีน้ำตาลอ่อนกดคำสั่งใส่เธอราวเจ้านาย
“โอเค...มีอย่างนี้ด้วย” เธอไม่เข้าใจวัฒนธรรมของเขา จึงแอบบ่นเบาๆ
เขานึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วถามเธออย่างแปลกใจ
“ทำไมเราต้องไปร้านนั้น...” เขาถามถึงร้านขนมที่ชื่อเหมือนหน้าห้องวีไอพีนี้
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน ใบสั่งงานให้ฉันไปตามหาร้านขนมนี้ ให้คนที่ฉันมารีวิวไปเลือกซื้อขนมที่ชอบกิน”
“ผมไม่กินช็อกโก...” คำตอบของเขาเหมือนที่อเล็กซ์บอกเธอ
“แต่มี candies สีสวยเยอะเลย” เธอชวนเผื่อเขาอาจชอบ
“มีเค้ก Dobos โดบอส อันนี้ผมชอบ” เขาเอ่ยขึ้นทำสาวน้อยตาโตลุกวาว นี่มันเค้กมีชื่อของที่นี่
“ดีเลย เราไปรีวิวกันที่ร้านนี้” เธอบอกเขาอย่างตื่นเต้น
“ทำไมต้องเป็นที่นี่ มีร้านขายเค้กนี้ทั่วไป...” เขาทำหน้าสงสัย
“ฉันต้องไปรีวิวที่นี่...”
“เพื่อ…for what?” เขายังไม่หยุดสงสัย
“ร้านนี้มันชื่อ Serendipity…” เธอไม่รู้จะอธิบายยังไง เพราะใบงานสั่งให้เธอไปที่นี่ เพื่อไปค้นหาคำตอบเอง
“I don’ t understand…ผมไม่เข้าใจ”
“เราไปที่นั่น...จะ get เอง...นายปรินส์”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!