เด็กเล็กวัยห้าขวบเพศชายคนหนึ่งกำลังนั่งจุ้มปุ้กพยายามใช้สีไม้แท่งสั้นกุดระบายลงบนกระดาษกับรูปที่ตนตั้งใจวาดอย่างขะมักเขม้น เด็กชายใยรัก หรือ น้องรัก เด็กน้อยผู้มีหน้าตาจิ้มลิ้มปากนิดจมูกหน่อย แก้มกลมป่อง พร้อมกับดวงตากลมโต ขนตาที่งอนยาวเป็นแพนั้นหากใครมาเห็นก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้เชื้อแม่มาแบบพันเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
พันวา ผู้เป็นแม่ที่กำลังนั่งร้อยพวงมาลัยเพื่อเตรียมไปขายในเช้าของวันพรุ่งนี้กลางสี่แยกก็คอยแอบมองลูกชายของตนเป็นระยะ กล่องสีไม้อันเล็กที่มีแท่งสีอันสั้นมิหนำซ้ำยังมีเพียงแค่สี่สีในกล่องก็ถูกมือจิ๋วคว้าหยิบสลับกันเพื่อระบายลงกระดาษแผ่นเดิม มุมปากของเด็กเล็กฉีกยิ้มกว้างพร้อมเสียงหัวเราะชอบใจเมื่อรูปที่วาดนั้นได้เสร็จสิ้น
"คิคิ แม่จ๋า ดูนี่ ๆ "
เด็กพุงกลมหยิบกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าแล้วหยัดตัวยืนก่อนจะเดินเตาะแตะไปหาผู้เป็นแม่เจ้าของใบหน้างามในห้องเช่าเล็ก ๆ นั้นด้วยความอารมณ์ดี ผลการศิลปะที่เจ้าตัวจิ๋วตั้งใจวาดในกระดาษมันทำให้ชายหนุ่มใบหน้าสวยนั้นยิ้มกว้างก่อนจะยื่นหน้าเพื่อฝังปลายจมูกลงแก้มกลมเด็กคนนี้แล้วสูดกลิ่นเด็กเล็กดัง ฟอด จนเต็มปอด
"วาดสวยมากครับ น้องรักของแม่เก่งที่สุดเลย"
" หนูเก่งแบบนี้หนูจะได้เข้าโยงเยียนหรือยังน้าา"
"...."
คำถามของผู้เป็นกล่องดวงใจทำคนเป็นแม่จุกอก ปีนี้น้องใยรักก็อายุได้ห้าขวบแล้ว ซึ่งอายุควรที่จะเริ่มเข้าโรงเรียนได้แล้ว แต่ด้วยชีวิตที่แสนลำบากและยากจนคงต้องทำให้น้องใยรักต้องเข้าเรียนช้ากว่าเกณฑ์สักปี แต่ยังไงพันวาก็จะปากกัดตีนถีบส่งลูกเรียนให้ได้
พันวาคิดอย่างนั้น....
"หนูนับเลขได้ด้วยน้า หนุ่ง ฉอง ฉาม ฉี่ ห้าาา"
".."
"แบบนี้หนูเก่งพอที่จะไปโยงเยียนได้ไหมแม่จ๋า"
"ได้ครับ ยังไงเดี๋ยวปีหน้าแม่จะให้หนูไปโรงเรียนนะ"
"เย้ หนูดีใจมากเยย รักแม่จ๋าน้าาา"
เด็กน้อยที่เป็นดั่งผ้าขาว จิตใจบริสุทธิ์ได้ยินคำสัญญาดังกล่าวก็กระโดดโลดเต้นดีใจพร้อมกับเดินโหยงเหยงเข้าไปกอดแม่แล้วหอมแก้มงามไปฟอดใหญ่ก่อนจะยิ้มร่าจนเห็นฟันน้ำนมซี่เล็กพร้อมดวงตากลมนั้นมันหยีจากรอยยิ้มจนกลายเป็นสระอิอย่างน่าหยิกน่าหยอก
"แม่ก็รักหนูครับ ดึกแล้วไปนอนนะลูก"
พันวาวางเข็มที่ร้อยพวงมาลัยลงก่อนจะเอื้อมมือจุ่มกะละมังเล็กที่บรรจุน้ำเปล่าเพื่อล้างมือให้สะอาด คนเป็นแม่จับลูกตัวน้อยเข้าอ้อมอกแล้วอุ้มกระเตงขึ้นพลางหอมแก้มนุ่มเจ้าน้องรักซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรู้สึกมันเขี้ยว สองแม่ลูกในห้องเช่าราคาถูกต่างส่งเสียงหัวเราะคิกคักจากความสุขเล็ก ๆ เมื่อพันวาวางเด็กจิ๋วนั้นลงบนฟูกบางก่อนจะหยอกล้อด้วยการมุดใบหน้าลงซุกพุงกลมของน้องใยรักจนเกิดเสียงขำอีกครั้งของทั้งคู่ การส่งเข้านอนด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของสองแม่ลูกเป็นดั่งชีวิตประจำวัน แม้สภาพแวดล้อมหรือคุณภาพชีวิตจะย่ำแย่ขนาดไหนแต่พันวาก็มีแรงใช้ชีวิตเพียงเพราะแก้วตาดวงใจของเขาคนนี้คือจุดหมายในการดิ้นรนบนเส้นทางชีวิตที่มีแต่ขวากหนาม
"รีบนอนนะลูก ดึกแล้วครับ"
"ได้เยย แม่จ๋าอย่านอนดึกน้า หนูอยากนอนกอดแม่จ๋า"
"เดี๋ยวแม่ก็จะนอนแล้ว ขอร้อยมาลัยต่ออีกสิบพวงนะครับ ถ้าพรุ่งนี้ขายหมดหนูจะได้กินนมพี่หมีที่หนูชอบนะ"
"จริงหยอ หนูจะรีบนอนเยย พรุ่งนี้แม่จ๋าต้องขายพวงมาลัยหมดแน่ ๆ "
พันวายกยิ้มกับคำพูดเจื้อยแจ้วของลูกชายก่อนจะจัดแจงท่านอนพร้อมหยิบตุ๊กตาเน่ารูปหมีสีน้ำตาลเก่า ๆ ให้ใยรักได้กอด ผ้าห่มผืนบางสีชมพูซีดที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยบนที่นอนถูกคลี่ออกแล้วปกคลุมให้เจ้าเด็กพุงกลมที่กำลังเตรียมตัวนอน พันวาลูบหัวกลมเด็กจิ๋วตรงหน้าอย่างเบามือก่อนจะโน้มใบหน้างามเพื่อหอมแก้มลูกรักเป็นการส่งท้าย จากนั้นมุ้งสีน้ำเงินที่มีรอยขาดถูกเย็บปะด้วยเศษผ้าก็ถูกกางออกแล้วเกาะตามมุมห้องทั้งสี่มุม พัดลมตัวเล็กเมื่อเริ่มเปิดเสียงดังเหมือนเครื่องบินเนือง ๆ นั้นกำลังส่ายหน้าไปมาเพื่อเป่าให้ความเย็นเจ้าเด็กจิ๋วที่กำลังคล้อยหลับอยากว่าง่าย พันวายกยิ้มกับภาพตรงหน้าของเด็กที่เสียงแจ๋วเมื่อครู่ตอนนี้กลับเงียบกริบเมื่อหัวถึงหมอนก่อนจะเดินไปนั่งร้อยพวงมาลัยต่อจนดึกดื่น
เช้าวันต่อมากับสิ่งที่เป็นเหมือนโลกคู่ขนาน หนุ่มหล่อร่างสูงเจ้าของเรือนผมหนาสีดำขลับ ใบหน้าที่หล่อเหลาคมคายเหมือนพระเอกละครช่องดังกำลังส่องกระจกตรวจสอบความเรียบร้อยการแต่งกายของตนในห้องนอนที่กว้างหรู
ภูทัต ศิลป์โสทร ประธานบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าของแบรนด์เครื่องสำอางที่กำลังเป็นที่นิยมแถมยังเป็นหนุ่มเนื้อหอมสำหรับเหล่าไฮโซและตัวท็อปของวงการบันเทิงที่หลายคนต่างหมายปอง แต่ก็ทำได้แค่หมายปองเท่านั้น เพราะดูทีว่าหนุ่มโสดคนนี้จะไม่สนใจใครแม้แต่น้อย ต่อให้มีใครมาขายขนมจีบแบบลดแลกแจกแถมหรือยื่นข้อเสนอต่าง ๆ นานาเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
"คุณภูทัตคะ ทานข้าวเช้าที่นี่หรือที่ออฟฟิศคะ"
ลินดาเลขาคนสวยที่ทำงานในตำแหน่งนี้มาเกือบเจ็ดปีได้เดินเข้ามาในห้องนอนเจ้านายของตนอย่างถือวิสาสะ แต่นั่นภูทัตก็ดูชินชาเพราะนอกเวลางานหรือช่วงไหนกรึ่มเมาบางครั้งทั้งสองคนก็แอบมีความสัมพันธ์กันอย่างฉาบฉวยตามประสาคนเหงา
"ที่ออฟฟิศ"
"ได้ค่ะ งั้นลินรอที่รถนะคะ"
หญิงสาวผู้มีใบหน้าสวยเฉี่ยวทว่ามองผิวเผินทรงใบหน้าของเธอนั้นราวกับนางร้ายในละครกำลังเอ่ยยกยิ้มแล้วหมุนตัวออกจากห้องไปทันที เห็นว่าเลขาผู้ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่องมารอเขาแต่เช้าตรู่ท่านประธานเองก็รีบจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อรีบไปทำงานให้เร็วที่สุด
ยานยนต์คันหรูแล่นอย่างเชื่องช้าบนท้องถนนเมืองกรุงเส้นเดิมในทุกเช้าแต่วันนี้จราจรกลับแออัดเป็นพิเศษ แม้จะเตรียมตัวออกจากบ้านเผื่อเวลาเข้างานเป็นชั่วโมงแต่ดูทีก็เหมือนว่าท่านประธานจะเข้าบริษัทสายเสียแล้วในวันนี้ ภูทัตมองเส้นถนนข้างหน้าที่คับแน่นไปด้วยรถชนิดต่าง ๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยอารมณ์เบื่อหน่าย เลขาสาวผู้ทำหน้าที่เป็นคนขับรถมองกระจกหลังเพื่อสังเกตสีหน้าเจ้านายของตนก่อนจะยกยิ้มหวานขึ้น
"ต้องชินนะคะ"
"มันติดมากกว่าทุกวัน"
"งั้นเดี๋ยวลินพาอ้อมไปอีกเส้นค่ะ"
ลินดาเอ่ยก่อนจะเปิดไฟเลี้ยวเปลี่ยนเส้นทางเพื่อตรงไปยังจุดหมายเดิม แม้จะใช้เวลาเท่ากันในการถึงบริษัทแต่เธอก็รู้ว่าการที่รถแล่นบนท้องถนนมันทำให้เจ้านายขอเธอหงุดหงิดน้อยกว่าการที่รถจอดอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน การทำงานด้วยกันมาสิบกว่าปีทำให้ลินดารู้ใจภูทัตแทบจะทุกอย่าง จนคนในบริษัทต่างเม้ามอยกันว่าทั้งคู่แอบคบหาดูใจกันเสียนี่
"กรี๊ดดดดด " เสียงกรีดร้องจากคนด้านนอกที่อยู่บนท้องถนนดังขึ้น
เอี๊ยดดด!!
ความประมาทเลินเล่อของลินดาเมื่อสัญญาณไฟจราจรขึ้นสีเหลืองแต่เลขาคนดีนั้นกลับไม่มีการแตะเบรก ในทางกลับกันเธอเตรียมตัวจะเหยียบคันเร่งให้พ้นแยกนี้ไปโดยเร็ว ทว่าเมื่อมีชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้ารถอย่างกะทันหันเมื่อเห็นไฟสีแดงขึ้น เสียงเบรกจนล้อลากบนท้องถนนก็ดังสนั่นจนชวนแตกตื่น ผู้โดยสารในรถทั้งเลขาและท่านประธานต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนขวัญแทบหายและไม่วายที่จะรีบลงไปดูว่ามีใครได้รับบาดเจ็บหรือไม่
"ลินดา!!"
"ขอโทษค่ะ"
ชายหนุ่มวัยสามสิบพลันลงจากรถก็เห็นชายตัวเล็กกำลังนั่งจับแผลที่ถลอกจนเลือดซึมบริเวรหัวเข่าและข้อศอก ส่วนพวงมาลัยที่คล้องใส่ท่อพลาสติกสีฟ้าขนาดเล็กนั้นกระจัดกระจายไปบนพื้นถนน แม้จะไม่ได้เป็นอุบัติเหตุใหญ่แต่ชายคนนั้นก็เสียหายและได้รับบาดเจ็บอย่างปฏิเสธไม่ได้ว่าเลขาของภูทัตเป็นคนผิด
"คุณ เป็นอะไรมากไหมครับผมขอโทษแทนเลขาผมด้วย" ท่านประธานเอ่ยน้ำเสียงนุ่มทุ้มอย่างรู้สึกผิดพลันย่อตัวรีบพยุงชายตัวเล็กกว่าตนแม้จะยังไม่ได้เห็นใบหน้าก็ตาม
"ไม่เป็นไร....ครับ"
ผู้บาดเจ็บเอ่ยน้ำเสียงหวานพร้อมท่าทีไม่เอาความก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนาด้วยสีหน้าตกใจไปชั่วขณะ อดีตคนรักของพันวาปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้งในรอบหกปี เจ้าของใบหน้าหล่อใช้ดวงตาคมกริบทอดมองใบหน้าสวยตรงหน้าอย่างจรดจ้องก่อนจะรีบปล่อยแขนเล็กที่ตนจับอยู่ออกราวกับรังเกียจ
"หากินง่ายมากนะ จงใจให้รถฉันชนล่ะสิ" ประโยคเชือดเฉือนเริ่มขึ้นทันทีที่ภูทัตเห็นใบหน้าของพันวาผู้เป็นอดีตรักแรกของเขา
"คุณภูทัต" พันวาเอ่ยเรียกชื่อชายหนุ่มตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
"ลินดา"
"ค่ะ ท่านประธาน"
"เอาเงินมาให้เขา จะได้จบ คนแบบนี้ต้องการแค่เงินเท่านั้น เงินคือพระเจ้าสำหรับเขา"
เมื่อเอ่ยจบชายหนุ่มก็หันหลังให้ชายตัวเล็กที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี แม้จะไม่ได้เจอกันมาหลายปีแล้วก็ตาม ใบหน้าหล่อเก็บอาการและความรู้สึกที่ตีกันอย่างแปรปรวนในใจตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นใบหน้าสวยนั้น ฝั่งพันวาเองกลับยืนนิ่งพร้อมหน้าชากับคำพูดที่ดูถูกดูแคลนตนเองอย่างจุกอก
คนขายพวงมาลัยจากที่ยืนก้มหน้าอยู่ก็ต้องเงยขึ้นพร้อมน้ำตานองเมื่อหญิงสาวตำแหน่งเลขาของอดีตคนรักยื่นธนบัตรสีเทาให้สองใบพร้อมเบะปากใส่ด้วยท่าทีเหยียดหยาม ดาลินมองพันวาตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยกยิ้มอย่างเย้ยหยันเมื่อชายหนุ่มตัวเล็กยอมรับเงินนั้นอย่างจำใจ จะว่าไปเมื่อมองโดยภาพรวมแล้วลินดาก็เป็นเหมือนนางร้ายดี ๆ นี่เอง
"ได้เงินแล้วก็หลบ สองพันเนี่ยมันเยอะยิ่งกว่าเธอขายพวงมาลัยทั้งวันด้วยซ้ำ"
พลางว่าจบลินดาก็หมุนตัวกลับแล้วเดินไปเปิดประตูรถให้เจ้านายตนอย่างรู้งาน แต่เมื่อภูทัตที่ทำทีไม่สนใจและกำลังจะก้าวขาขึ้นรถฝีเท้าของชายหนุ่มต้องชะงักขึ้น
"แม่จ๋า แม่จ๋าเป็นไรมากไหม แม่จ๋าาาา"
เด็กตัวเล็กวิ่งหอบตุ๊กตาหมีเน่าตะโกนเรียกพันวาเสียงดังลั่นจนทำให้ร่างสูงต้องหันไปมองตามเสียงเจื้อยแจ้วนั้น ภาพตรงหน้าเป็นเด็กตาแป๋วกำลังวิ่งดุ้กดิ้กเข้าหาพันวาเรื่อยจนผู้ที่ถูกเรียกว่า 'แม่' ต้องรีบเก็บของที่เกลื่อนกลาดวางไว้ริมฟุตบาทแล้วรีบวิ่งไปอุ้มเจ้าเด็กพุงกลมมากระเตงเข้าเอว
"ลูกของเธอกับผัวสันดานหมาสินะ"
เอ่ยจบประโยคภูทัตก็รีบขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์ อดีตคนรักของเขาอย่างพันวาก็อุ้มลูกมองตามรถหรูที่แล่นผ่านหน้าไปพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลอาบหน้างาม
"แม่จ๋าเจ็บมากไหม หนูโอ๋เอ๋น้า โอ๋เอ๋แม่จ๋า"
...น้องใยรักเอ่ยเสียงใสก่อนจะใช้มือจิ๋วของตนเช็ดน้ำตาให้แม่ผู้เป็นที่รักอย่างเบามือ ...
...TBC...
...เดี๋ยวรู้กัน ว่าผัวสันดานหมามันคือใคร!!!...
...#ใยรักของภูทัต...
หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่น่าตกใจในตอนเช้าที่ผ่านมา พันวาจึงตัดสินใจเก็บของใส่กล่องโฟมเล็ก ๆ กลับที่พัก พวงมาลัยที่เป็นสินค้าเกิดความเสียหายเธอจึงไม่กล้าที่จะเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยการขายพวงมาลัยที่ตกพื้นแม้สภาพบางชิ้นจะยังคงความสวยงามอยู่ก็ตาม ชายตัวเล็กกระเตงลูกน้อยไว้ที่เอวเดินตรงเข้าชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่สภาพแวดล้อมไม่สู้ดีนัก สิ่งต่าง ๆ ในชุมชนมักมีกลิ่นเหม็นของน้ำเน่าเสียและขยะข้างทางให้ชวนอาเจียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จุดหมายอย่างแรกก่อนจะถึงหอพักราคาถูกคือร้านชำขนาดเล็กของคุณลุงที่คุณแม่ลูกหนึ่งคนนี้มักจะแวะซื้อมาม่าปลากระป๋องหรือไข่เป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่วันนี้ที่ชายคนนี้ต้องแวะซื้อกลับไม่ใช่อาหารแต่เป็นอุปกรณ์ทำแผลสดเพราะดูท่าทีการเดินของเขาเริ่มไม่ปกติ ดูทีแล้วผลพวงนั้นมันมาจากอาการแสบปวดจากแผลที่ถูกรถหรูเฉี่ยวชนนั่นเอง
"อ้าวน้องวา ยังไม่ครบเจ็ดวันเลยมาซื้อมาม่าแล้วเหรอ"
"เปล่าครับลุง ขอซื้อแอลกอฮอล์ทำแผลกับเบตาดีนครับ"
"ตายแล้ว เป็นอะไรมาล่ะลูก"
"หกล้มนิดหน่อยครับ" พันวายิ้มแห้งเล็กน้อยก่อนจะชะเง้อมองตู้แช่เย็นหานมบางยี่ห้อแล้วเอ่ยสั่งของต่อ "ขอนมหมีน้ำผึ้งหนึ่งกล่องด้วยนะครับ"
พันวาเอ่ยยิ้มแย้มเก็บอาการเจ็บแสบที่แผลก่อนจะหันไปฟัดแก้มกลมของตัวจิ๋วในอ้อมกอดที่ยิ้มแป้นเมื่อได้ยินคำว่า 'นมหมีน้ำผึ้ง' ปกติแล้วพันวาจะซื้อนมรสหวานให้น้องใยรักกินได้เพียงเดือนละครั้งเพราะหนึ่งกล่องก็ราคาสูง การขายพวงมาลัยในแต่ละวันก็ได้เงินมากบ้างน้อยบ้าง เงินที่ได้มาก็เก็บไว้ให้ลูกเรียนส่วนหนึ่ง ส่วนที่สองไว้จ่ายค่าห้องเช่า และอีกส่วนเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวัน
หลังจากน้องใยรักหย่านมแม่แล้วเด็กตัวเล็กคนนี้จึงได้กินข้าวกับกล้วยสุก หรือสารพัดเมนูไข่ นาน ๆ ครั้ง ถ้าเป็นมื้อหรู ๆ คงเป็นหมูปิ้งหรือกับข้าวถุงละสี่สิบในตลาด ส่วนขนมและนมรสหวานที่แสนอร่อยกว่าจะได้กินก็เฉลี่ยตกเดือนละครั้ง หรือหากวันไหนน้องรักหิวนมมาก ๆ แต่ช่วงนั้นไม่มีเงินมากพอจะเจียดซื้อนมสักกล่องพันวาก็ทำได้เพียงใช้น้ำต้มข้าวรินใส่แก้วให้ลูกได้ดื่มอย่างน่าอดสู
"นี่จ้า หกสิบบาท"
"นี่จ้ะลุง"
"อะโหห แบงค์ใหญ่แบบนี้ขายดีใช่ไหมวันนี้"
คุณลุงเจ้าของร้านเอ่ยแซวเมื่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจ่ายเงินเป็นธนบัตรสีเทา พันวาไม่เอ่ยตอบกลับทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ แล้วรอเงินทอนจากคุณลุงเท่านั้น
"ขอบใจนะลูก ให้ขายดีทุกวันนะหนูวา"
"ขอบคุณครับ"
ท่าทีที่อ่อนน้อมและรอยยิ้มที่เป็นมิตรเผยขึ้นต่อหน้าเจ้าของร้านชำได้เพียงครู่ ไม่นานชายหนุ่มร่างเล็กก็อุ้มกระเตงลูกชายวัยห้าขวบออกจากร้านแล้วเดินกลับไปยังหอพักเก่าโทรมราคาแสนถูกที่สองแม่ลูกมองว่านี่คือ 'บ้าน'
เท้าความถึงอดีตพันวาเป็นเด็กกำพร้า ก่อนหน้าตอนยังไม่มีสมาชิกเพิ่มมาในชีวิตเขาได้เป็นพนักงานเสิร์ฟในสถานบันเทิงใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง พันวาทำงานไปด้วยส่งตัวเองเรียนไปด้วยและในช่วงเวลานั้นมันเป็นเวลาที่แสนมีความสุขเมื่อเขาได้พบเจอและได้รักกับ 'ชายคนหนึ่ง' ในช่วงเวลานั้นทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนได้เพิ่มเจ้าแก้มก้อนเข้ามาในชีวิตอีกหนึ่งชีวิต แต่ด้วยเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นดั่งละครน้ำเน่าหลังข่าวช่วงสองทุ่มครึ่งก็ทำให้กราฟชีวิตของพันวาจากที่พุ่งแตะจุดสูงสุดต้องร่วงหล่นมายังจุดต่ำสุดอย่างน่าเวทนา
หลังจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องดูแลตนเองระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด พันวาลาออกจากมหาวิทยาลัยและใช้เงินเก็บทั้งหมดที่ทำงานมาไว้เพื่อจ่ายค่าเทอมและค่าหอนั้นมาใช้จ่ายในการดูแลลูกแทน ชีวิตที่ย่ำแย่แต่เธอก็ไม่เคยย่อท้อ คุณแม่ใจสู้คนนี้ปากกัดตีนถีบถูไถชีวิตของตนเองและลูกมาได้รวมหกปี ความคิดของพันวาในตอนนี้คือ....หากเขาเก็บเงินได้มากพอจะส่งลูกเข้าเรียนชั้นอนุบาลแล้วเมื่อถึงตอนนั้นเธอจะหางานประจำที่ได้เงินเยอะกว่านี้ทำ หากจะทำเลยในตอนนี้ในใจก็ห่วงน้องใยรักเสียเหลือเกิน ผู้เป็นแม่ต้องกระวนกระวายใจเป็นแน่ถ้าหากปล่อยลูกอยู่คนเดียวแล้วตนต้องทำงานหาเงิน หากถึงคราวที่ได้ฝากลูกเข้าโรงเรียนแล้วอย่างน้อยก็สบายใจไปเปลาะหนึ่งว่ายังมีคุณครูในโรงเรียนที่ยังคอยดูลูกของตนได้บ้าง
ในห้องเช่าห้องเดิมที่ที่อุดอู้ก็เริ่มโปร่งสบายขึ้นบ้างเมื่อชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูหลังห้องตรงระเบียงเพื่อให้ลมได้พัดโกรก พัดลมเก่า ๆ ตัวเดิมเมื่อเริ่มเปิดใช้งานทีก็ร้องเสียง 'แอด ๆ ' ทุกครั้งเมื่อมันส่ายหน้า พันวาเดินกลับมาหาลูกน้อยของตนที่นั่งจุ้มปุ้กพุงกลมและยิ้มแป้นแล้นมองกล่องนมพี่หมีที่เจ้าเด็กคนนี้โปรดปรานอย่างรู้ใจว่าแม่จ๋าของเขากำลังจะเดินมาเปิดกล่องแล้วเทนมให้ดื่ม
"แบ่งกินนะลูก กินตอนนี้แล้วก็ตอนเย็น โอเคไหมครับ"
"ได้เยยแม่จ๋า"
น้องใยรักเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายและแสนอารมณ์ดี เจ้าเด็กตัวขาวแก้มย้อยเริ่มตาโตเมื่อนมรสหวานเริ่มเทลงแก้วพลาสติกอันเล็กเพียงครึ่งแก้ว มือเล็กทั้งสองยกขึ้นมาปรบมือแปะ ๆ แสดงความดีใจก่อนจะยกมือธุจ้าขอบคุณแม่คนสวยของเขาแล้วจับยกแก้วนมดื่มพลางหัวเราะชอบใจ
"อาหร่อยยย คิคิ แม่จ๋ากินด้วยกันม้ายยย"
"ไม่ครับลูก อร่อยก็กินเลย"
คุณแม่เอ่ยยิ้มแล้วลูบหัวกลมของกล่องดวงใจอย่างเบามือ ทว่าตอนนี้ตนก็เกิดความรู้สึกตึงและเจ็บแผลที่เข่าและศอกขึ้นเรื่อย
"เดี๋ยวแม่ทำแผลก่อนนะน้องรัก หนูค่อย ๆ ดื่มนะครับ ถ้าทำหกพี่มดจะเข้ามาในห้องแล้วกัดหนูตัวแดงนะ"
"ค้าบบบ"
พลางลูกรักรับปากชายตัวเล็กก็เดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างแผลให้สะอาดก่อนจะเดินออกมาเพื่อเช็ดแผลให้แห้งแล้วใส่ยา ทว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันที่ใช้คุยสนทนาผ่านแชทดังขึ้นสองสามครั้งจนพันวานั้นแปลกใจ คิ้วทรงงามเริ่มย่นเข้าหากันเพราะมันดังถี่ขึ้นเรื่อย ปกติแล้วหากมีใครสักคนทักหาคงเป็นเจ้าของหอเพื่อเรียกเก็บค่าเช่าห้อง แต่นี่เขาเพิ่งจะจ่ายไปเมื่อต้นเดือน แล้วใครกันล่ะที่ทักมาหาเขาในเมื่อชายคนนี้ไม่มีสังคมที่ไหนเลย เพื่อนสมัยมหาลัยก็ขาดการติดต่อไปจนหมด
...ภูทัต เพิ่มเพื่อนคุณ ...
'ไม่ได้อยากจะหาข้อมูลของเธอแล้วติดต่อมาเท่าไหร่'
'แต่มีนักข่าวกำลังจะตีข่าวว่าฉันชนแล้วหนี'
'พรุ่งนี้คงมีคนไปดักรอเธอที่สี่แยกเพื่อสัมภาษณ์'
'รบกวนให้ข้อมูลที่ถูกต้องว่าฉันชดเชยค่าเสียหายให้แล้ว'
'ฉันย้ำ พูดความจริงด้วย อย่าใช้นิสัยเดิมคือชอบโกหกมาทำฉันเดือดร้อนซ้ำสอง'
'อ่านแล้วไม่ต้องตอบ ฉันไม่อยากสนทนากับเธอ'
พันวาอ่านข้อความที่ส่งมายาวเหยียดพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย ภูทัตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเหมือนเทพบุตรกลายเป็นชายแท้ เรื่องราวในอดีตที่ทั้งสองต่างฝังใจแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นหนังคนละม้วนหรือเปล่า ดูทีฟ้าจะกลั่นแกล้งให้เขากลับมาเจอกันแล้วเพิ่มความวุ่นวายในชีวิตของพันวาอีกแล้วเป็นแน่
ชั้นยี่สิบห้าในตึกสูงตระหง่านใจกลางเมืองกรุงที่เป็นออฟฟิศและที่ตั้งของบริษัทเครื่องสำอางยักษ์ใหญ่นั้น ท่านประธานบริษัทกำลังยืนในห้องทำงานพร้อมจิบกาแฟชมวิวเมืองหลวงที่ดูไม่สบายตาเท่าไหร่ก็ทำให้เขาถอนหายใจอีกครั้งของวัน ร่างสูงล้วงมือถือขึ้นมามองแชทการสนทนาที่ตนส่งหาปลายทางเมื่อครู่ก็พบว่าอีกฝ่ายอ่านแต่ไม่ตอบจริง ๆ นั่นยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดไปมากกว่าเดิมเสียนี่
"ไม่มีมารยาท"
ชายหนุ่มเอ่ยกับตนเองแผ่วเบาก่อนจะเดินกลับมายังโต๊ะทำงานแล้ววางแก้วกาแฟทรงงามที่เขาจิบมันไปเพียงอึกเดียวนั้นลง ร่างสูงหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งท่านประธานแล้วกุมขมับนึกถึงแต่ใบหน้าของคนตัวเล็กในเหตุการณ์เมื่อเช้า ภาพใบหน้าหวานของอดีตคนรักที่ดูผอมซูบแปลกตากลับทำให้เขาแคร่นขำในลำคอ
"นี่สินะ กรรมที่ตามสนองคนพรรค์นั้น น่าสมเพชสิ้นดี"
แม้จะพูดเย้ยหยันออกมาแต่ดวงตาคมนั้นกลับแดงก่ำและคลอน้ำใส สีหน้าของหนุ่มหล่อในตอนนี้กำลังสื่ออารมณ์อย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังเจ็บปวดพร้อมเคียดแค้นอย่างอธิบายไม่ถูก อดีตของทั้งสองมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้ภูทัตคนนี้จ้องจงเกลียดจงชังเข้ากระดูกดำเหมือนพันวาเป็นตัวอะไรสักอย่าง แถมยังใช้คำพูดเชือดเฉือนอย่างไม่รักษาน้ำใจอีกฝ่ายแม้แต่น้อย ราวกับอีกคนไปฆ่าใครตายเสียอย่างนั้น
...TBC...
...ไม่อยากคุยก็ให้เลขาคนสวยของแกติดต่อมาบอกเองสิ จะทักมาหาลูกชั้นทำไมจ๊ะนายภูทัต / มองบน...
...#ใยรักของภูทัต...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!