:นรินอย่าซนนักสิ
:พี่ข้าท่านอย่าเอาแต่ยืนนิ่งเสียมาเล่นกับข้าเถิด
:นรินเจ้าอย่าลืมที่นี้มิใช่ที่ของเรากลับเถิดหนา
:ท่านพี่ท่านเองก็คงจะอยากลงมาเล่นใช่มั้ยหล่ะลงมาเถิด
:เจ้าตากหากที่ต้องขึ้นมาหากมีใครมาพบเห็นเข้าเราจะซวยเอาได้
:เพลานี่นอกจากเราจะมีใครอีกเล่า
:มิเช่นนั้นข้าจะกลับก่อนละนะ
:เดี๋ยวก่อนสิข้าขึ้นแล้วขึ้นแล้ว
ข้ายืนเถียงกับท่านพี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะขึ้นไปหาท่านพี่
:ท่านพี่ที่นี่กว่าไม่ใช่ว่าจะเข้ามาง่ายๆนะ
ข้าพูดกับท่านพี่ด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งที่นี่เป็นที่นี่นอกจากข้าแล้วก็ยังมีภูต เทพ วิญญาณฯ อยากเข้ามามากๆเพราะที่นี่คือที่ที่หิมะตกทุกวันทุกฤดูกาลที่นี่จะไม่มีวันที่หิมะจะหยุดตกเด็ดขาดนอกเสียจากว่าเทพแห่งจันทราจะดับขันธ์ไปแต่ท่านเทพผู้นั้นคงไม่มีวันดับขันธ์แน่ไปด้วยฤทธิ์เดชของท่านผู้นั้นและความเชื่อที่มนุษย์มีต่อเขาด้วยคงไม่มีวันนั้นหรอกข้าเองก็เลื่อมใสในตัวท่านผู้นั้นมากการที่จะได้เข้ามาที่นี่จึกเป็นความฝันของข้าและอยากเล่นอยู่ในที่แห่งนี้ให้นาน
ข้าและท่านพี่ได้เดินออกมาจากลานแห่งนั้นโดยที่ในใจข้ายังอยากเล่นอยู่ในนั้นมากๆ
:นี่เจ้านะเป็นภูตเลยนะหัดสงบเสงี่ยมเสียบ้าง
ท่านพี่ดูข้าเบาๆ
:ข้ารู้แล้วข้าจะเชื่อฟังท่าน
:วันนี้เทพจันทราจะมาจัดงานเลี้ยงในห้องโถงใหญ่แม่เจ้าส่งเจ้ากับข้ามาด้วยความเชื่อใจอย่าทำให้เผ่าเราขายหน้าเด็ดขาด
:เอาน่าข้ารู้แล้วท่านพี่เองก็เหมือนกันไม่ต้องห่วงข้าหรอกน่า
ท่านพี่ตักเตือนข้าอย่างอ่อนโยนคงจะมีแค่ท่านพี่เท่านั้นแหละที่อ่อนโยนกับข้า
:โอ้ย!!!
:แม่นางเป็นอะไรรือไม่ข้าไม่ทันมองขอโทษด้วย
:ไม่เป็นไรๆข้าเองก็มัวแต่คุยกับท่านพี่จนขวางทางเจ้า
มีชายท่านหนึ่งวิ่งมาชนข้าด้วยความเร็วทำให้ข้าเกือบจะล้มแต่โชคดีที่ชายท่านนั้นคว้าตัวข้าไว้ทัน
:ขอทราบชื่อแม่นางได้รือไม่
:ข้าว่าคงไม่จำเป็นเสียเท่าไหร่เอาเป็นว่าเมื่อให้อภัยกันแล้วเราก็แยกย้ายเถิด
:เอ่อ...แม่นาง...แม่นาง!!!
เขาตะโกนเรียกข้าดังจนสุดเสียงทำให้คนรอบข้างหันมามองและซุบซิบกันใหญ่เหตุใดจึงต้องซุบซิบกันขนาดนั้นเล่า?ก็แค่ข้าหยิ่งใส่เขาเท่านั้นเอง
:แบบนี้จะดีหรือนริน
ท่านพี่ถามข้าด้วยความเป็นห่วง
:ดีแล้วจะไม่ดีได้อย่างไรในเมื่อข้าและเขาให้อภัยกันแล้ว
:แต่ผู้คนรอบข้างมองใหญ่เลยนะดีแน่หรือ
:ดีแล้วพี่ข้าอย่าได้กังวนนักสิท่านไม่เชื่อใจข้ารือ
:ก็ได้เอาเป็นว่าข้าจะฝืนเชื่อเจ้าสักครั้งก็แล้วกัน
ท่านพี่ข้ามีสีหน้าที่กังวนจนคิ้วจะชนกันอยู่แล้วคงไม่สบายใจมากแต่ข้าก็มิได้ทำผิดอะไรเพราะงั้นข้าเองก็ไม่มีเรื่ิิองให้ต้องกังวนชายท่านนั้นเองก็คงไม่ถือโทษโกรธอะไรเพราะเขาเองที่วิ้งมาชนเองด้วยซ้ำคงไม่มีอะไรหรอก
🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺
:นี่ก็จะถึงเวลาแล้วเจ้าไปเปลี่ยนชุดเถิด
:ข้าไม่อยากเปลี่ยนชุดเลยชุดนี่ไม่ได้หรือ
:นรินเจ้าจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนข้าไม่บังคับแต่นึกถึงหน้าของเผ่าเราด้วย
:ก็ได้ข้าจะไปเปลี่ยน..แล้วท่านพี่หล่ะ
:ข้ากำลังจะไปเปลี่ยนพอดีจึงได้บอกให้เจ้าไปเปลี่ยนพอดีไง
:งั้นข้าไปแล้วนะ
:อืม
ข้าและท่านพี่ได้แยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแม้ว่าข้าจะตื่นเต้นมากที่จะได้เจอท่านเทพแห่งจันทราแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าข้าตื่นเต้นที่จะได้โชว์การแสดงของข้าต่อหน้าพระพักตร์ท่านเทพองค์อื่นด้วยเช่นกันถ้าเป็นแบบนี้ข้าจะทำขายหน้ารึไม่นะ
เวลาได้ผ่านไปไวมากตัวข้าเองก็ประหม่าเพราะอีกไม่กี่ก้านธูปข้าและท่านพี่ก็ต้องเข้าไปที่ตำหนักใหญ่ของเทพแห่งจันทราแล้ว
:นรินเจ้ามัวทำอะไรอยู่
เสียงของพี่ข้าเรียกสติข้าทำให้ข้าตกใจ
:ป่าวหรอกข้าแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็เท่านั้น
:ถึงเวลาที่เราต้องไปกันแล้ว
:ตอนนี้แล้วหรือท่านพี่ไม่เร็วไปหน่อยเรอ
:ผู้ใดกันนะที่บ่นนักบ่นหนาอยสกจะมาที่นี้ให้ได้...ไปได้แล้ว
เราสองตนเริ่มเดินทางไปที่ดังกล่าวระหว่างทางใจข้าเต้นไม่หยุดทำเอาคิดไม่ออกเลยว่าแต่ละคนจะมีสิหน้าอย่างไรมีเผ่าภูติใดมาบ้างจะมีเทพกี่องค์แต่ละตนมีหน้าตาแบบใด เหล่าพวกเขาจะชอบข้ารือไม่รึจะมีผู้ใดเขามาชวนคุยหรือติชมในการแสดงที่ข้าเตรียมมาบ้างนะ
:เหม่ออีกแล้วรึนริน!
เสียงที่แทรกไปด้วยความโมโหและหงุดหงิดของพี่ข้าดึงสติข้าอีกครั้ง
:มีอะไรรือ
:ท่านเทพแห่งตะวันเข้ามาทักพวกเรานานแล้วนะ
:หาา!
:รีบคำนับเสีย
ข้าเงยหน้าขึ้นพบกับชายหนุ่มรูปงานท่านหนึ่งมีเส้นผมสีทองส้ม ดวงตาแดงฉานแต่กลับอ่อนโยน ผิวขาวเนียนเหมือนสำลี นี่หรือเทพแห่งตะวันช่างงดงานยิ่งนักเมื่อสวมอาภรณ์นี่แล้วดูสง่ามาก
^^^เสียมารยาทยิ่งนักพี่เจ้าพูดขนาดนี้แล้วยังไม่ทำตามอีกรึ:^^^
:อะ...ขอประทานอภัยข้าเพียงแต่มัวชื่นชมในความสง่าของท่านข้ามิบังอาจจะหลบหลูท่านแต่อย่างใด
ข้ารีบก้มคำนับและแก้ต่างเพื่อไม่ให้เทพตะวันเข้าใจผิดในตัวข้าแต่ด้วยนำเสียงเมื่อกี้ของเขาแล้วแลดูฟังแล้วไม่ได้เป็นการพูดเพราะหงุดหงิดแต่เพื่อตักเตือนมากกว่าเพราะน้ำเสียงนั้นนุ่มกว่าสำลีเสียอีก
^^^ช่างเถิดแต่หากเจอท่านเทพองค์อื่นเจ้าอย่าได้:^^^
^^^เหม่อแบบนี้อีกเป็นอันขาด^^^
:เจ้าค่ะข้าจะจำคำท่านไว้ขออภัยในการกระทำของข้าเมื่อครู่ด้วย
^^^ไม่เป็นไรรีบเข้าไปเถิดข้าเองก็จะเข้าไปแล้ว:^^^
หลังเขาพูดจบข้าและท่านพี่ได้คำนับเขาอีกครั้งส่วนเขาก็หันหลังเดินเข้างานทันทีเป็นเทพจำเป็นต้องงดงามถึงเพียงนนี้เลยรึ
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻
"ข้าทราบซึ้งมากที่ทุกคนมางานในครั้งนี้เดิมทีวันนี้ไม่ได้พิเศษอะไรเราจัดขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้มารวมตัวกันอีกครั้งในรอบ80ปีท่านใดรู้สึกไม่สบายอย่างใดสามารถบอกได้ข้าจะให้บริวารแก้ปัญหาให้บัดนี้งานได้เริ่มแล้วขอให้มุกคนเชิญสนุกกันเต็มที่ข้าจะขอดื่มเหล้าหนึ่งจอกให้พวกท่าน"
เสียงชายท่านหนึ่งพูดดังมาจากพระที่นั่งของท่านเทพจันทราทำให้ทุกท่านหันไปตามเสียงเมื่อสิ้นสุดเสียงแล้วทุกคนจึงได้ปรบมือและลินเหล้าใส่จอกตนเองข้าและท่านพี่เองก็ทำเช่นนั้นเหมือนกันทุกตนที่อยู่ในที่นี้ยกจอกเหล้ากระดกกันหมด
จากนั้นข้าก็คิดขึ้นได้ว่านั้นก็คือเทพจันทราไม่ผิดแน่แต่เมื่อข้ายิ่งจ้องกลับยิ่งรู้สึกว่าเคยเจอเขาที่ใหนสักแห่งแต่กลับจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน
การแสดงได้เริ่มขึ้นชุดแรกเป็นการร่ายรำของภูตหมาป่าเป็นการแสดงที่งดงามมากด้วยท่าทีร่ายรำของเผ่านั้นแล้วใครกันจะสู้ได้บ้างนะต่อมาเป็นการแสดงบรรงเลงเสียงพิณภูตดอกฟูจิเพียงได้ฟังก็รู้สึกว่าสดชื่นขึ้นเห็นได้ชัดเลยสายตาข้าหันไปเห็นเทพตะวันและเทพจันทราที่นั่งข้างกันพอดี2องค์นั้นกูดูไม่ค่อยถูกกันและไม่ค่อยอินกับการแสดงเสียเท่าไหร่
ผ่านไปแล้วหลายการแสดงจากหลายเผ่าอีกไม่นานก็จะถึงเผ่าข้าแล้วคิดไม่ออกเลยว่าจะมีผู้ใดชื่นชมในการแสดงของข้าบ้าง
:นริน..นรินน...นริน!
:อะไรรึท่านพี่!?
ท่านพี่เรียกข้าอยู่หลายครั้งเป็นเพราะข้าเอาแต่จดจ่ออยู่กับการแสดงและการแสดงของตัวเอง
:เจ้าเหม่ออะไรหนักหนา...ตั้งแต่ตอนมาที่นี่แล้วการแสดงของเจ้าจะไม่มีปัญหาแน่รึ
:ไม่มีแน่ท่านพี่ข้าเตรียมมาดีแล้วข้าเป็นใคร
:อย่าให้เราขายหน้านะ
:ได้เลย
ข้าตอบอย่างมั่นใจแม้จะมีกังวนอยู่บ้างแต่ข้าก็มั่นใจในพลังของข้ามากแม้แต่เหล่าทวยเทพบางคนพลังกายภาพก็มิอาจสู้ข้ารวมถึงพลังเวทด้วยอันที่จริงมั่นใจไว้อย่างนั้นแหละการแสดงของข้าไม่ได้เกี่ยวกับพลังกายภาพกับพลังเวทหรอก
..."ต่อไปเป็นการแสดงของเผ่าจิ้งจอก"...
ข้าตาฝาดรึป่าวที่เทพแห่งตะวันที่ดูจะไม่สนใจการแสดงเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ก็หลังตรงและตั้งใจมองลงมา ณ.จุดแสดงทันที
:ข้านรินจากเผ่าจิ้งจอกการแสดงที่ข้าเตรียมมาคือร่ายรำพัดเก้าแฉกทุกท่านเชิญรับชม
หลังข้าพูดจบข้าก็ได้สบัดพัดที่อยู่ในมือทั้งสองข้างออกร่างกายเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงหูแลหางกางออกโดยธรรมชาติ มนต์ที่ร่ายกายที่รำเพิ่มพูลด้วยเสน่ห์หาแสงสีฟ้าที่จ้าจากอัญมณีแทนด้วยดวงตาของข้ากลางกลีบพัดแต่ละกลีบคอยส่องแสงดึงดูดให้ใครที่มองให้ผู้ที่ฟังให้เทพที่ดูให้แมลงที่ดมให้ภูตที่ใกล้เคียงได้หลงใหลแลชื่นชมการร่ายรำของข้าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ต้องชายตามองข้าผู้นี้ในที่แห่งนี้ระหว่างที่ข้านั้นร่ายรำ
^^^งดงามยิ่งนัก:^^^
^^^ข้าเองก็ไม่เคยเห็นการร่ายรำแบบนี้มาก่อนเลยช่างงดงามอะไรเพียงนี้:^^^
^^^แม้แต่เทพทั้งสองของเรายังจ้องนางมิวางตาเลย:^^^
^^^จริงด้วยการร่ายรำนี้เพียงข้าได้เห็นก็สุขสมใจมากนักงดงามเสียจริง:^^^
เสียงชื่นชมต่างๆนาๆที่เหล่าเทพและภูตต่างติชมในการร่ายรำของข้าทำให้ข้าสุขใจยิ่งนักที่อย่างน้อยการแสดงของข้าก็ทำให้พวกเขาประทับใจแลชื่นชมไม่ขาดปากด้วยมนต์เสนห์ของข้างที่ร่ายไว้ต้องดึงดูดพวกเขามากเป็นแน่แม้เป็นเทพก็ไม่วายจะแลเนตรมองในการร่ายรำของข้าเมื่อร่วมกับร่างกายที่เคลื่อนใหวอย่างอ่อนพลิ้วหากได้มองแล้วหากจะคลาดสายตาแม้เพียงนิดเดียวคงเสียดายทั้งชวิตเป็นแน่
ข้าร่ายรำระบำพัดตามใจตนเองแม้จะมั่วแต่ก็งดงามแม้จะเดาท่าร่ายรำไม่ได้แต่ก็อิสระแม้จะไม่มั่นคงแต่ก็เสรีแม้จะแตกต่างแต่ก็น่าคะนึงหาแลหลงใหล การร่ายรำระบำพัดเก้าแฉกนี้ข้าเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเองถึงจะงดงามแต่ก็มีข้อเสียอยู่มากหากจิตใจไม่มั่นคงจะทำให้การร่ายรำไม่น่าดูมิหน่ำซ้ำจะทำให้ผู้ที่ชมข่มขื่นจิตใจแลป่วยเป็นวันๆได้
เมื่อการแสดงร่ายรำพัดเก้าแฉกจบลงผู้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ต่างปรบมือให้ข้ากันยกใหญ่ข้ารู้สึกพอใจมากย่างน้อยทุกเผ่าที่รวมตัวกันที่นี้็พอใจในการแสดงของข้าเมื่อข้าหันไปมองท่านพี่ของข้าท่านพี่ก็ยิ้มให้ข้าอย่างพอใจ
:ช่างเป็นการร่ายรำที่งดงามยิ่งนัก...นี่รือของดีภูตจิ้งจอก
:นั้นสิหนา..เจ้ามีนามว่าอะไรรือ...น่าชื่นชมยิ่งนักการร่ายรำเมื่อกี้ของเจ้า.......ช่างงดงามยิ่งนัก///// °// °/////
เทพตะวันกล่าวชื่นชมข้าตามด้วยเทพจันทราที่ถามนามของข้าพร้อมกับสีหน้าที่ดูไม่สู้ดี
^^^เทพสององค์นั้นสนใจนางด้วยหรือ:^^^
^^^นั้นสิตั้งแต่แม่ข้ากำเนิดข้ามาข้าพึ้งจะเห็นท่านเทพทั้งสองรู้สึกสนใจสิ่งรอบตัว:^^^
จะว่าไปแล้วข้าหูฝาดรึไม่นะที่เทพทั้งสองพึ่งทักข้าเมื่อครู่ทั้งที่ทุกการแสดงก่อนหน้าท่านเทพทั้งสองต่างก็นั้งนิ้งแทบไม่สนใจด้วยซ้ำ
:ข้ามีนามว่านริน มาจากเผ่าภูตจิ้งจอก...ตัวข้านั้นเป็นจิ้งจอกแดงเก้าหางมักอยู่แต่ในรังไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกบ่อยนักจึงมิค่อยได้เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก ตัวข้านั้นมีความเลื่อมใสต่อเทพแห่งจันทรามากจึได้อ้อนวอนท่านแม่สุดชีวิตเพื่อมาที่นี่เจ้าค่ะ วันนี้ข้าได้เห็นท่านตัวจริงเสียทีป็นเกียรติมากเจ้าค่ะที่พระองค์ได้กล่าวชื่นชมข้าต่อหน้าแขกในที่แห่งนี้
ประโยคหลังๆข้าได้ลั่นวาจากใจจริงของข้าไปพรางมองหน้าเขาไปด้วย
:อย่างนั้นเองรึ
:เจ้าค่ะ
:เหตุใจเจ้าจึงได้เลื่อมใสข้าเช่นนั้นเล่า
:เพราะข้าชอบไปแอบมองพระจันทร์บนโลกมนุษย์เจ้าค่ะ..พระจันทร์ที่ข้าเห็นงดงามมากเจ้าค่ะข้าจึงมักชื่มชมท่านเสมอว่าหากดวงจันทร์ที่เป็นตัวแทนท่านงดงามมาขนาดนี้ตัวท่านนั้นจะงดงามถึงเพียงไหนกันนะเจ้าค่ะ
:ช่างเข้าใจเรียงคำมาเอาใจข้ายิ่งนักแม่นางท่านนี้
^^^แล้วข้าเล่าเจ้าเอาแต่ชมปั๋วตงใยจึงมิชมข้าบ้าง:^^^
ระหว่างที่ข้าและเทพแห่งจัทราคุยกันอยู่นั้นเทพตะวันได้พูดแทรกด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดข้าเองก็ปฎิเสธไม่ได้ที่เขาพูดมันก็จริง
:ท่านเองก็งดงามมากเช่นกันเจ้าค่ะคราที่ข้าเห็นท่านครั้งแรกก็ตลึงในความงานที่อยู่บนใบหน้าท่านทำให้ข้าเสียมารยาทต่อหน้าท่านเมื่อครู่ก่อนเข้ามา
:ไม่เป็นไร ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนักเข้าใจหาคำมาชมข้าให้ข้าพอใจเจ้าไปพักเถิด
:เจ้าค่ะ
ข้าโค้งคำนับก่อนจะเดินมานั่งที่ของข้าเหล่าแขกทั้งหลายที่อยู่ในนี้ต่างก็อิจฉาและซุบซิบนินทาที่ข้านั้นได้กล่าวบทสนทนากับเทพทั้งองค์นั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ
หลังทุกการแสดงจบลงมหาเทพก็ได้ลงมาให้รางวัลด้วยตนเองเข้าใจว่าเทพนั้นจะมีใบหน้าที่งดงามแต่เมื่อเปรียบเทียบกับเผ่าทั้วไปแล้วก็ได้แต่สงสัยเหตุใดล่าเทพต้องมีใบหน้าที่งดงามแลพร้อมไปด้วยความสง่าอย่างเต็มเปี่ยม
:เนื่องจากงานนี้เทพแห่งจันทราปั๋วตงเป็นผู้จัดขึ้นเช่นนั้นก็ให้ปั๋วตงเป็นผู้ให้เถิด
มหาเทพได้หันไปบอกเทพแห่งจันทราต่อหน้าเหล่าแขกในที่แห่งนี้
:ในเมื่อมหาเทพพูดขนาดนี้แล้วข้าก็คงมิอาจเลี่ยงได้งั้นข้าจะเป็นผู้ให้เอง
เทพแห่งจันทราได้ลุกขึ้นแลกล่าวประโยคเมื่อครู่ก่อนที่จะลเดินไปตรงที่มหาเทพยืนอยู่แลส่งสายตาให้มหาเทพกลับไปนั้งที่ของท่านก่อนจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
^^^การแสดงที่มหาเทพประทับใจมากที่สุดแลอยากตบของรางวัล:^^^
^^^มากที่สุดคือ.........^^^
🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺
:ผู้นั้นคือ นริน...จากเผ่าภูตจิ้งจอก
เสียงปรบมือของทุกๆเผ่าที่อยู่ทีนี่ดังสนั่นทำข้าสุขใจแลใจข้าเต้นแรงนักข้าทำอะไรไม่ถูกนอกจากลุกเดินไปรับของรางวัลกับเทพจันทรา
ก่อนหน้านี้เพราะข้าอยู่ไกลเลยเห็นหน้าท่านเทพไม่ชัดนักแต่ตอนนี้เห็นชัดมากเพราะในตอนนี้ข้าและท่านเทพยืนชิดกันมากเมื่อได้เห็นใบหน้าอันงดงามของท่านเทพใกล้แล้วใบหน้าของเขาช่างงดงามยิ่งนักจะมีผู้ใดที่งดงามได้เพียงนี้อีกกันเล่า
:เจ้าจ้องข้านานเกินไปแล้วหนามีอะไรติดอยู่ที่หน้าข้ารึ
:ไม่มีเจ้าค่ะเพียงแต่ข้านั้นกำลังชื่นชมท่านในใจอยู่ความงามบนใบหน้าท่านหากแบ่งปันให้ข้าได้บ้างสักนิดก็คงดีไม่น้อย
:ใยข้าต้องแบ่งปันความงามให้เจ้าเพียงเท่านี้เจ้าก็งามเลิศมากแล้ว
:แต่หากข้างามได้ครึ่งนึงของท่านได้คงดี
:ชมข้าถึงเพียงนี้เจ้าจำข้าไม่ได้รือ
:เราเคยพบด้วยหรือ?
ในขณะที่ข้ากล่าวชมท่านเทพจันทราอยู่นั้นท่านเทพเขาก็ได้พูดประโยคนึงทำให้ข้าชะงักอยู่ครู่หนึงก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าคนที่ข้าเดินชนเมื่อเช้านั้นหน้าตาช่างละม้ายคล้ายกับขายิ่งนัก
:!!!ท่านคือคนที่เดินชนข้าเองรึ
:ใช่แล้วคิดไม่ถึงเลยรึว่าข้าจะเป็นเทพที่เจ้าเลื่อมใส
:เจ้าค่่ะ
:ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าผู้ที่ไม่สนใจใครอย่างเจ้าจะคลั่งไคล้ข้าถึงเพียงนี้.....เอาอย่างนี้เจ้าอยากได้สิ่งใดว่ามาข้าจะเอามาให้เจ้าเอง
:เรียนท่านเทพข้าน้อยไม่อยากได้อะไรเลยเพคะเพียงได้พูดคุยกับท่านเช่นนี้สมใจข้าแล้วเจ้าค่ะ
:พูดได้ดีเฉิงตงจ้าว่านางควรจะได้อะไรเป็นรางวัลรือ
ท่านเทพจันทราได้หันไปถามเทพตะวันด้วยความชอบใจทำเอาเทพตะวันคิดหนักไม่น้อยบางทีท่านทั้งสองไม่ต้องคิดหารางวัลมาให้ข้าก็ได้เมื่อเห็นว่าท่านเทพทั้งสองเป็นเช่นนี้แล้วก็ทำเอาข้าหนักใจแทนมิน้อย
:แล้วแม่นางชอบอะไรรือ
เทพแห่งตะวันถามข้าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลไพเราะน่าฟังทำเอาข้าอยากจะฟังเสียงของเขาไปเรื่อยๆเลย
:ถ้าชอบมากที่สุดนับพระจันทร์ด้วยรึไม่เจ้าคะ
:จะต้องไม่นับอยู่แล้ว
ข้าถามกลับไปอย่างตรงๆเทพแห่งตะวันก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
:ข้าชอบกระดิ่งเจ้าค่ะข้าชอบเสียงของมันแม้ผู้ใดจะบอกว่ามันน่ารำคาญแต่ข้าชอบเสียงของมันมากเจ้าค่ะกจากกระดิ่งข้ายังชอบหิมะด้วยเจ้าค่ะข้าอยากจะบังอาจขอในสิ่งที่เป็นไปมิได้ดูเจ้าค่ะ
ข้าพูดไปอย่างซื่อตรงตามนิสัยเหล่าแขกที่อยู่ในนี้ต่างหันมาให้ความสนใจมากขึ้นและลุ้นว่าข้าจะขออะไรจากเทพแห่งจันทรา
:ได้สิเจ้าลองพูดออกมาข้าะพิจารณาให้
:ข้าอยากเข้าไปเล่นหิมะในหอเยือกเย็นเจ้าค่ะได้รึไม่เจ้าคะ
:ได้สิ...ทุกท่านในที่แห่งนี้โปรดเป็นพยานและรับรู่้ไว้ว่านางผู้นี้สามารถเข้าออกหอเยือกเย็นของข้าได้ตามสะดวก
ท่านเทพจัทราพูดออกมาต่อหน้าเหล่าแขกมากมายทำให้ทุกท่านที่อยู่ที่นี่ต่างฮือฮาบ้างก็กล่าวว่าข้าช่างโชคดีบ้างก็กล่าวว่าข้าล่อลวงบ้างกล่าวว่าข้ามาจากที่ใดกันแน่
:ในเมื่อเจ้าชอบกระดิ่งข้าจะขอมอบกำไลนี้ให้เจ้ามันจะช่วยคุ้มครองเจ้าจากภัยอันตรายทั้งปวงแลมีกระดิ่งมากมายห้อยอยู่เมื่อใครที่ได้ยินเสียงนี้จะรู้ทันทีว่าเป็นเจ้า
ท่านเทพตะวันได้ลุกขึ้นแล้วกล่าวคำข้างต้นออกมาพร้อมเสกของกำไลวงนึงออกมาเมื่อข้าได้เห็นก็เกิดความโลภอยากจะครอบครองยิ่งนักเหมือนมันเป็นของข้าอยู่แล้วยิ่งมองยิ่งผูกพันธ์นัก
:ขอบพระทัยมากเจ้าค่ะ
ข้าก้มคำนับอย่างน้อบน้อมและเผลอแสดงสีหน้าที่พึงพอใจออกมา
:เพียงเท่านี้พอจะสุขสมดั่งใจเจ้าแล้วรือไม่
เทพแห่งจันทราถามข้าพร้อมกับหยกก้อนหนึ่งที่เขาหยิบออกมาจากใต้แผ่นผ้าตรงหน้าอกของเขาและยื้นให้กับข้า
:นี่คือหยกที่ข้าสลักเองมีลวดลายเฉพาะแลมีเพียงข้าที่สลักได้เพียงผู้เดียวข้าให้เจ้าเมื่อใดที่เจ้าจะเข้าหอเยือกเย็นก็จงใช้หยกชิ้นนี้เป็นหลักฐานยืนยันกันมีผู้ใดปลอมแปลงเป็นเจ้า
:เจ้าค่ะ
ข้ายิ้มให้ท่านเทพด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแลสดใจแม้ภายในใจลึกๆของข้าแอบสงสัยง่าเหตุใดท่านเทพทั้งสองดีกับข้าถึงเพียงนี้
ข้ารับของจากเทพทุกองค์ก่อนจะกลับที่ไปนั่งข้างๆพี่สาวข้า ทุกสายตาที่จ้องมาทางข้าทำให้ข้าทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไรนัก
:ข้าบอกแล้วไงเล่าว่าข้าไม่ทำให้ขายหน้าแน่นอน
:ข้าเห็นแล้วเจ้าไปแอบซ้อมการร่ายรำแบบนั้นต้ังแต่เมื่อไหร่กัน
:เอาน่าท่านไม่ต้องรู้หรอก
ข้าคุยกับท่านพี่อยู่สองสามประโยคก่อนที่จะดื่มด่ำกับรสชาติสุราและบรรยากาศของงานเล้ยงในค่ำคืนนี้ต่อ
:ท่านพี่วันนี้ข้าดื่มเยอะไปรึไม่...ข้าดื่มต่อไม่ไหวแล้ว..อึก
:ข้าก็เช่นกันเราลากลับกันเถอะ
:นั้นสินพี่เรากลับกันเถอะ
ข้าละท่านพี่ลุกขึ้นก่อนจะคาราวะลาเหล่าแขกทั้งหมดแม้จะมีสติอยู่บ้างแต่เหมือนปรัสาทการรับรู้ของข้าหมือนจะต้องารให้ข้าพักแล้ว
:ไหวรึไม่
เสียงของท่านเทพจันทราดังขึ้นันพลันนึกขึ้นได้หากแต่ตอนนี้เทพก็คงจะต้องอยู่ในงานเลี้ยงไม่มีทางจะออกมาทักข้าได้หรอก
:ไหวเจ้าค่ะ
พี่ข้าตอบไปดวยน้ำเสียงที่เรียบเผื่อไม่ให้รู้ว่ากำลังเมาอยู่ต่แม้จะเก็บอาการมากแค่ไหนหน้าก็ยังเก็บไม่ไหวอยู่ดี
:ให้ข้าไปส่งเจ้าเถิดเจ้าทั้งสองไม่ไหวแล้วหนา
:ไหวเจ้าค่ะเหตุใดจึงบอกว่าเราไม่ไหวเล่าเจ้าคะ
:สีหน้าเจ้าอย่างไรเล่าหูแลหางของเจ้าโผล่ออกมาไม่รู้ตัวเลยหรือ
ข้าตอบท่านนั้นไปอย่างไม่ได้คิดอะไรแต่เมื่อเขาตอบมาแค่ประโยคเดียวทำข้าแลพี่ข้าสับสนใหญ่แลรีบเก็บหางอย่างไว
:ขออภัยเพคะข้าแลน้องสาวเสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์แล้ว
:ไม่เป็นไร
ท่านพี่รีบก้มคำนับแลรีบกล่ขออภัยทันทีเมื่อได้สติแต่ข้ายังคงดำดิ่งกับพิษราอยู่อย่างนั้นนี่คือสุราอะไรกันแน่ผู้ใดเป็นผู้กลั่นขึ้นมากันแน่หากแต่ข้าหยุดดื่มแล้วแต่เหตุใดจิตใจข้ายิ่งดำดิ่งไปกับความเมาถึงเพียงนี้สติของข้าค่อยๆหลุดหายไป
🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻🔻
ข้าตื่นขึ้นมาในห้องของใครไม่รู้เมื่อข้ามองรอบๆห้องก็พบว่าห้องนี้ประดับไปด้วยของตกแต่งโทนขาวเทาพลันรู้สึกว่ามีอะไรทับมือข้าอยู่ข้าจึงก้มไปมอง
:!!!!
ท่านเทพจันทราได้นั้งหลับข้างๆเตียงที่ข้านอนอยู่ทำเอาตกใจจนรีบดึงมือออกจากมือ่านเทพที่กำลังจับอยู่ึงทำให้เขาตกใจตื่นขึ้น
:ตื่นแล้วรึ
:เหตุใดท่านเทพจึงไม่ไปนอนนห้องท่านหล่ะเจ้าคะ?!
:ก็นี่แหละห้องของข้า
:แล้วเหตุใดจึงไม่ไปนอนห้องอื่นเล่าเจ้าคะ
:ก็เจ้าเอาแต่รั้งข้าไว้มิให้ข้าไปไหนดึงมือข้าอยู่นั้นแถมขู่จะตัดมือข้าหากข้าไม่อยู่ด้วย
:แล้วท่านพี่เล่าเจ้าคะ
:พี่เจ้ามีสติอยู่บ้างแต่ฝากเจ้าไว้กับข้านี้แหละ
:เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างเจ้าคะ
:เจ้าก็นึกเองเถิด...เหล้าที่เจ้าดื่มเมื่อคืนเป็นเหล้าซูอวี๋
:เหล่าอะไรเจ้าคะ
:เป็นเหล้าที่ดื่มไปแล้วจะออกฤทธิ์หลังจากดื่มแลทวีคูณฤทธิ์เล่าขึ้นเรี่อยๆจนครบหนึ่งชั้วยาม
:เป็นเช่นนี้นี่เอง...ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะรบกวนท่านแล้วข้าจะรีบจัดการตัวเองแลรีบกลับเผ่า
:อยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้รือ
:ไม่ได้เจ้าค่ะท่านแม่ข้าห่วงแย่
:เดี๋ยวข้าไปส่งก็ได้
:เหตุใดท่านจึงอยากให้ข้าอยู่ต่อเล่า
:ไม่มีอะไร....
:ข้าขอตัวเจ้าค่ะ
หลังข้าพูดจบก็ได้ได้เดินสวนท่านเทพออกมาและออกจากห้องนั้นข้าประหม่ามากไม่ใช่ข้าไม่อยากอยู่ต่อแต่หากมีผู้ใดมารู้เห็นก็คงจะไม่ดีเอาเป็นแน่ ก่อนที่ข้าจะกลับก็ไม่ลืมจะไปลาท่านเทพจันทราก่อน
:หรือผู้ที่บอกว่าเลื่อมใสข้าหนักหนาเหตุใดจึงรีบกลับเช่นนี้เล่า
:ข้าเกรงว่าถ้ามีผู้ใดมารุ้เห็นเข้าคงไม่ดีเป็นแน่เจ้าค่ะ
:งั้นข้าขอปส่งเจ้าได้รึไม่
:ได้สิเจ้าค่ะ
:ไม่ต้องเคร่งมารยาทต่อหน้าข้าหรอก...เรียกข้าว่าปํ๋วตงเถอะ
:เป็นอย่างนั้นได้เช่นไรเล่าเจ้าค่ะข้ามิได้สนิทกับท่าน
:แต่ข้าอยากสนิทกับเจ้า..นริน
:เช่นนั้นข้าก็มิอาจเกรงในท่านแล้วนะ
:ได้สิ
ข้าเริ่มพูดคุยกับเขาได้ลื่นขึ้นสายตาของเขาแลดูแพรสพราวทุกครั้งชั่งน่าดึงดูดเสียจริงหากข้าได้มีวาสนาก็อยากจะจับต้องเขาสักครั้ง"ท่านปั๋วตง"
หลังจากนั้นเขาก็ได้ไปส่งข้าที่เผ่าภูตจิ้งจอกด้วยประตูมิติของเขานตอนที่ข้ากำลังจะเดินเข้าบ้านเสียงของท่านแม่ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
:กลับมาแล้วหรือ
:ท่านแม่คือว่าข้าเมามากท่านเทพแห่งจันทราเลยให้ข้านอนที่นั้นเสียก่อน
:แล้วเหตุใด้เจ้าจึงไม่กลับมาพร้อมพี่เจ้าเล่า
:คือว่าท่านแม่.....
แย่เสียแล้วสิข้าต้องโดนท่านแม่ดุตายแน่ๆทำอย่างไรดีทำอย่างไรดีปั๋วตงทำอะไรสักอย่างสิขอร้องละช่วยข้าหน่อยข้าส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้ท่านถึงเพียงนี้แล้วหนา
:เรียนท่านฮูหยินแห่งภูตจิ้งจอกเหล้าที่นางดื่มเข้าไปเป็นเหล้าซูอวี๋เลยทำให้นางขาดสติอย่างหนักข้าเลยให้พำนักที่ตำหนักข้าเสียก่อน
:ข้าน้อยคาราวะท่านเทพออภัยก่อนหน้านี้ข้าไม่ห็นท่านเลยไม่คิดว่าท่านจะมาด้วย
:มิเป็นไรหรอก...แล้วเจ้าหล่ะนรินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
ปั๋วตงหันมาถามข้าแลส่งสายตาที่ำลังจะบอกข้าผ่านสายตามาว่าเขาช่วยข้าจัดการแล้วนะต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้า
:ตอนนี้ข้าดีขึ้นแล้วขาขอบคุณท่านมากปั๋วตง
:!!!!...เหตุใดเจ้าจึงเรียกท่านเทพแบบนั้น...ลูกของข้าเสียมารยาทแล้ว
ท่านแม่ของข้าดูตกใจกับคำพูดของข้ามากแลรีบขอโทษปั๋วตงทันทีแต่สีหน้าของปั๋วตงแลดูชอบใจนัก
:มิเป็นไรหรอกหนาท่านฮูหยินข้าเป็นคนขอให้นางเรียกแบบนั้นเอง
สีหน้าของท่านแม่ข้าแลดูจะไม่สู้ดียิ่งกว่าเดิมเสียอีกปั๋วตงเองก็รู้เช่นกันว่าควรทำอย่างไรต่อไป
:เอาเป็นว่าข้าแค่มาส่งนางเฉยๆ...นี่คือของขวัญจากเฉิงตงที่จะมอบให้เจ้าข้าขอตัว...
หลังจากที่ท่านเทพพูดจบก็รีบเอากำไลวงนั้นให้ข้าและเปิดประตูวาร์ปกลับทันทีเพราะกลัวว่าสถานการณ์จะแย่กว่านี้
:นรินแม่มีเรื่องจะถามเจ้า......
🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺🔺
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!