ผมชื่อ บิว ภาษาอังกฤษสะกดว่า Biw แต่ไม่รู้ทำไมคนอื่นถึงชอบเรียกว่า บิล Bill ตลอดมาหลายสิบปีแต่เรื่องนั้นก็ช่างเถอะ มันไม่ได้กระทบอะไรกับการใช้ชีวิต ถือว่าเป็นเรื่องตลกหรือแปลกดี
ตอนนี้ผมก็อายุปาไป 83 แล้ว ต่อให้แข็งแรงยังไงในฐานะคนธรรมดาคนนึงแล้วหล่ะก็แพ้อายุขัย ผมกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงมาแล้วประมาณ 2 เดือน การนอนอยู่กับที่เป็นอะไรที่ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและอึดอัดเอามากๆ
เหลน : ทวดฮะ วันนี้ผมสอบผ่านวิชาคณิตด้วยหล่ะ!
บิว : โอ....เก่งมากเลย....
ถึงจะเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายไปไหนได้แม้แต่ยื่นมือไปลูบหัวเหลน ทำได้เพียงแค่นอนอยู่กับที่บนเตียงสีขาวนี้ แต่ยังดีที่สามารถพูดคุยได้และมีลูกหลานเหลนในชีวิตมาค่อยเยี่ยมเยียนอยู่ในทุกๆวันนี้ก็เป็นอะไรที่ดีมากแล้ว
เหลน : แต่ทวดฮะ...คะแนนของผมไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลย ถึงจะผ่านก็เถอะ และผมกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีพอ
บิว : อย่าได้กังวลไปเลยเหลนคนเก่ง...ชีวิตนี้ของเหลนยังอีกยาวไกลและมีเรื่องมากมายให้เรียนรู้...เพื่อไขว้คว้าทำตามความฝัน ฝันของเหลนลืมแล้วเหรอว่าอยากทำอะไร
เหลน : อยากเป็นคนรวยฮะ!
บิว : แค่กๆ- ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ก็ต้องมีความพยายามเยอะหน่อยน่ะคนเก่ง แต่ทวดเชื่อว่าเหลนทำได้แน่นอน
เหลน : ทำไมทวดถึงเชื่อว่าผมทำได้ล่ะ วิชาคณิตผมยังแทบเอาตัวเกือบไม่รอดเลย
บิว : ทวดพูดให้กำลังใจไปงั้นแหละ จะทำได้ไม่ได้ก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเหลนเอง
เหลน : เอ้า! ทวด! ตกลงเชื่อว่าผมทำได้รึเปล่าเนี่ย
ผมพูดคุยกับเหลนด้วยสีหน้านิ่งๆแอบกวนเล็กน้อยในห้องผู้ป่วยที่ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากนัก เป็นเวลาช่วงเย็นอันเงียบสงบ ได้ใช้เวลาพูดกับเหลนได้อย่างสบายใจโดยที่มีหลานกับลูกนั้นอยู่นอกห้อง
บิว : ทวดเชื่อว่าตัวเหลนนั้นทำได้...แล้วเหลนหล่ะเชื่อว่าตัวเองทำได้รึเปล่า
เหลน : เรื่องนั้น!..อ่า..เออ....ผม....ไม่รู้สิฮะ
เจ้าเหลนน้อยถึงกับผมก้มหน้าก้มตาลงเล่นมือตัวเองเหมือนกับการแก้ความเขินอายยังไงยังงั้น ผมเองก็แอบยกยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วเหลือบสายตาไปมองยังกรอบรูปภาพที่ตั้งไว้บนชั้นวางข้างเตียงผู้ป่วย
บิว : ช่วยหยิบรูปบนโต๊ะนั้นมาให้ทวดหน่อยสิ
เหลน : รูปคู่ของทวดสินะฮะ ได้เลยคับ!
เหลนหยิบกรอบรูปนั้นมาให้กับผม ผมก็รับไว้ด้วยมือที่สั่นระรัวด้วยพยายามสุดๆกับการรับรูปเอาไว้และเอามาดูอย่างสุขใจปนเศร้าใจ เพราะนี้เป็นรูปคู่ภรรยาของผมในวันแต่งงานแต่งงาน ใบหน้าผมยังวัยละอ่อนอยู่เลย อายุ 25 ปี ใส่ชุดเจ้าบ่าว ทรงผมเปิดหน้าผากแวววับเลย ส่วนภรรยาผมชื่อว่า ปาล์ม แก่กว่าผมปีนึง มัดผมหางม้าผมสีเขียว ใส่ชุดเจ้าสาวสุดสวย
บิว : ที่ทวดมั่นใจว่าเหลนทำได้เพราะแต่ก่อนทวดเองก็ไม่ต่างจากเหลนมากหรอกนะ....
เหลน : ไม่ต่างกันยังไงเหรอฮะ?
บิว : มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่และความฝันที่เกินตัว....แรกๆทวดพยายามคว้ามันมาให้ได้ แต่ยิ่งไปมากท่าไหร่....ก็เหมือนกับว่าจะเอื้อมไม่ถึงจนยอมแพ้ไปหลายต่อหลายครั้ง....
เหลน : เอ..ถ้าทวดยอมแพ้ไปหลายครั้ง แล้วทวดลุกขึ้นมาสู้ต่อได้ไงเหรอฮะ?
บิว : กำลังใจ....เป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิต จากคนรอบข้าง...จากครอบครัว....ที่ค่อยชักจูงทวดให้ไปต่อ ถึงจะไม่เป็นไปตามความต้องการ แต่ทวดได้สิ่งหนึ่งที่ล้ำค่ามาที่ยิ่งใหญ่กว่าฝัน...
เหลน : ยิ่งใหญ่กว่าฝันตัวเองเหรอฮะ? มันคืออะไรอ่ะ?
เจ้าเหลนตัวน้อยเกาตัวเองเกร็กๆทำสีหน้าสงสัยตามภาษาเด็กเลย ผมเหลือบมองไปนิดหน่อยแล้วกวาดสายตามามองรูปที่ถือไว้ในมือเหมือนเดิม
บิว : เงินทองมันสำคัญ....นั้นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่พูดกัน...มันก็จริง แต่สำหรับทวดแล้ว...มีเงินมหาศาล แต่อยู่คนเดียว....แบบนั้นก็ไม่ต่างจากไม่มีอะไรเลย.... ทวดเลยคิดว่าให้มีเงินเป็นตัวนำพาดีกว่า...พาไปพร้อมกับครอบครัว...พาไปให้ทวดรู้ถึงความลำบากของการแก้ปัญหาในชีวิต และการสร้างครอบครัวที่มั่นคงในการดำเนินชีวิตไปได้ มีลูกหลานที่สร้างครอบครัวได้เองและหาเลี้ยงตัวเองกันได้ ค่อยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน.... นี้แหละสิ่งที่ทำให้ทวดรู้สึกว่าชีวิตนี้ได้ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตแล้ว
เหลน : ทวดฮะ สมองผมไม่รับรู้อะไรตั้งแต่พูดว่ามีเงินมหาศาลหล่ะครับ-
ผมเองก็เผลอพูดร่ายซะยาวเลย เจ้าเหลนฟังได้เพียงแค่ 2 บรรทัดได้มั้ง แต่ไม่แปลกหรอก อายุพึ่งได้ 6 ขวบแหละนะ
บิว : ฮ่าฮ่าฮ่า เหลนยังเด็กอยู่น่ะนะ ไม่ต้องคิดมากเรื่องอะไรแบบนี้ก่อน ที่สำคัญ การบ้านทำแล้วรึยัง...
เหลน : อ่า...- เรื่องนั้นท-ทะทำ
หลาน : ลูกกลับได้แล้วจ๊ะ
เหลน : คับ! ผมกลับก่อนนะฮะ!
เหลนเร่งรีบเดินไปหาแม่เลยทันที เหมือนมีเสียงระฆังหมดยกของเวทีมวยยังไงยังงั้น แม่เด็กคนนี้เองก็คือหลานของผมเอง
หลาน : คุณปู่หนูเอาตะกร้าผลไม้มาฝากนะคะ อาทิตย์หน้าอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมคะ?
บิว : ไม่ล่ะ....แค่นี้ปู่ก็พอใจแล้ว อย่าลืมเช็คการบ้านให้เมฆด้วยล่ะ....
หลาน : โอเคค่ะ กลับก่อนนะคะ
เหลน : บ๊ายบายฮะ
หลังคำพูดกล่าวจากลา ทั้งสองคนได้เดินออกจากห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างแผ่วเบา ความเงียบเหงาได้นำพากลับมาอีกครา มันทั้งสงบและรู้สึกอ้างว้างไม่น้อยเลย ทั้งที่ห้องนี้แคบแท้ๆ
บิว : ถ้ายังมีเธออยู่ด้วย...คงว่าฉันเลียนแบบคำพูดเธอแน่ๆเลย....
ผมใช้ฝ่ามือลูบรูปภาพนั้นและยิ้มเปี่ยมไปด้วยความปนความคิดถึงพลางครุ่นคิดล้ำลึกในสิ่งต่างๆที่ได้เจอ ความสุข ความทุกข์ ฮึกเหิม ท้อแท้ เศร้าใจ ความรัก และอีกมากมาย ผมเติบโตมามากพอแล้ว...ทุกอย่างลงตัวและได้เวลาพักแล้ว ผมค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆเพื่อพักผ่อนกาย ส่วนใจนั้นไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป
บรึ้นนน!
แต่หลังจากผมหลับตาได้เพียงแค่แว๊บเดียวนั้นเองก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คลายกับเสียงรถยนต์ดังขึ้นมาแบบกรอกหูเลย ใครจะไปนอนหลับกัน
บิว : โอ้ย...ใครมาเร่งเครื่องใกล้โรงพยาบาลฟ่ะ...คนแก่คนเฒ่าจะหลับจะนอ....-ห๊ะ????
??? : ตื่นมาพอดีเลยครับคุณลูกค้า
ดวงตาผมถึงกับเบิกกว้างหลังจากเห็นภาพตรงหน้า ชายใส่หมวกผ้าใบสีคราม กำลังขับเรือยนต์อยู่ท่ามกลางทะเลอันกว้างใหญ่..ไม่สิ ต้องเรียกว่ามหาสมุทรมากกว่า ด้วยความที่กำลังตกใจอยู่นั้นผมพึ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ร่างกายรู้สึกไม่ปวดเมื่อยอะไรเลยแถมคึกๆ
บิว : น-นี้สวรรค์เหรอ?
??? : No no no ไม่ใช่ครับ ต้องเรียกว่าเกาะสวรรค์ต่างหาก
คนขับเรือได้กล่าวตอบกลับถึงคำถามของผมและผายมือไปยังด้านหน้า อีกไม่ไกลก็ถึงเกาะแห่งหนึ่งที่ใหญ่สุดๆแถมสดใสเอามากๆ มีตึกรามบ้านช่องอยู่ด้วย แต่ที่น่าแปลกอีกอย่างคือ ทำไมทะเลมีอะไรสักอย่างสีดำๆ คราบน้ำมันรึเปล่า?
บิว : เส้นทางวิญญาณคนตายไปสวรรค์สินะ....ไม่เหมือนกับเรื่องเล่าที่ได้ยินมาเลย
คนขับเรือ : หืม? คุณลูกค้าเมาเรือจนมึนแล้วสินะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เป็นมุกที่ตลกดีนะครับ
บิว : เห๋-???
ผมพูดจริงน่ะ ไหนเขามองเป็นเรื่องตลกซะงั้น ทำเอางงแทนล่ะตอนนี้ และเรือนั้นได้จอดเทียบท่าแบบพอดิบพอดีเลย
คนขับเรือ : ยินดีต้อนรับสู่เกาะสวรรค์ครับ
[ จบตอนที่ 1 ]
บิว : ............
เทศมนตรี : โฮะโฮ้ว! บิว! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ดูโตขึ้นเยอะเลย
บิว : อ-อาครับ
เทศมนตรี : ยินดีต้อนรับอีกครั้งในเกาะสวรรค์ของเรา เดินทางมาเหนื่อยน่าดู ไปนั่งพักกินอะไรกันหน่อยไหม ลุงเลี้ยงเอง!
บิว : ไม่เป็นไรครับๆ ผมยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่
ตอนนี้ผมกำลังคุยอยู่กับชายอ้วนคนนึงที่ท่าเรือ ดูจากหน้าตาแล้วเป็นผู้สูงวัยอายุราวๆ 60 ได้ ใส่ชุดเหมือนกับนักสำรวจโบราณคดียังไงยังงั้น แต่ที่ตะหงิดใจที่สุดคือผมรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆกับที่แห่งนี้ รวมถึงคนๆนี้ด้วย
เทศมนตรี : อย่าคิดมากไปเลยนะบิว เราญาติกันน่ะ แต่เอาเถอะ! ฉันไม่บังคับอะไรอยู่แล้วและหวังว่าการที่นายมาที่นี้จะทำให้นายมีความสุขดีนะ
บิว : ผมก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะครับ อยู่ในเมืองเหนื่อยมากๆเลยล่ะ แหะๆ
ผมเองก็แถๆไปก่อนแหละนะ ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์สักเท่าไหร่ แต่ที่แน่ๆคือตอนนี้ผมอยู่ในชุดเหมือนนักท่องเที่ยวเลย เสื้อยืดสีขาวใส่ทับด้วยชุดฮาวาย กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ พร้อมด้วยกระเป๋าสะพายหลังและกระเป๋าลาก หนักเอาเรื่องเลยล่ะ
เทศมนตรี : โฮะโฮ้ว! งั้นเราไปบ้านใหม่ของนายก่อนเลยไหม ตอนนี้จูดี้กับไบรอันคงเตรียมบ้านนายเสร็จแล้วล่ะ
บิว : ไปกันเลยครับ
ผมตอบกลับพร้อมพยักหน้าตกลง เทศมนตรีที่เห็นอย่างนั้นก็เดินนำผมไปเลยล่ะ พร้อมค่อยแนะนำสิ่งต่างๆตลอดทาง ในเกาะแห่งนี้ตอนเวลายามบ่ายเนี่ยสดใสสุดๆ มีต้นไม้ประดับประดาเต็มไปหมดรวมถึงดอกไม้หลากสี ผีเสื้อเองก็ไม่น้อยเลย รวมถึงยังมีร้านสังสรรค์ที่ติดใกล้กับชายหาด ถัดมาก็เป็นคาเฟ่ แล้วขึ้นไปอีกฝั่งตะวันออกของเมืองจะมีร้านขายของชำที่รวบรวมของไว้หลากหลาย แลปวิจัย คลินิก ฯลฯ ทางที่เราเดินผ่านหลักคือใจกลางเมือง พื้นที่โล่งอยู่ใจกลางเลยแต่มีพิพิธภัณฑ์และตึกหลักของเกาะสวรรค์
เทศมนตรี : ถ้านายอยากจะได้อะไรหรือขอความช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ก็มาติดต่อที่ตึกหลักได้
บิว : ที่นี่มีอะไรมากมายกว่าที่ผมคิดไว้อีกนะครับ
เทศมนตรี : ใช่แล้วล่ะ! แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้นักท่องเที่ยวแทบไม่มีเลย....และธรรมชาติแย่ลงเรื่อยๆ เพราะรากไม้แปลกๆสีดำนั้น....
บิว : ???
เทศมนตรีทำสีหน้าเสียใจออกมาให้เห็นต่อหน้าผม ผมเองก็หวนคิดนึกไปถึงก่อนหน้านั้น ก่อนจะเข้ามาถึงที่เกาะก็สังเกตเห็นคราบน้ำมันเยอะเอาเรื่องเลยล่ะแต่ในท่ามกลางคราบน้ำมันนั้นมีรากไม้งอกออกมาด้วย
เทศมนตรี : ยังไงก็เถอะ ทุกอย่างจะดีขึ้นมาเอง!
บิว : อืม! ผมเองก็จะช่วยอีกแรงนะครับ ถ้ามีอะไรที่ผมทำได้-.......
เทศมนตรี : ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขอบคุณสำหรับความหวังดีน่ะ เราไปต่อกันเถอะ
บิว : ..........
เทศมนตรี : ?? บิว??
บิว : พระเจ้า....เทพธิดามาเกิดรึไง....
เทศมนตรี : ห๊ะ????
ในระหว่างที่ผมกำลังพูดคุยอยู่กับเทศมนตรีนั้นเอง ใจผมเหมือนจะเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่นึงก่อนจะเต้นสั่นระรัว ร่างกายกับสายตาราวกับถูกสะกดด้วยมนต์ตราบางอย่างทำให้หยุดนิ่งและไม่อาจละสายตาจากสาวคนนึงที่เดินผ่านอยู่ด้านหลังเทศมนตรี ก็อยู่ห่างพอสมควรแหละแต่ด้วยสายตาผมที่กลับมาชัดแจ๋วเหมือนเกิดใหม่ ทำให้สาวงามมัดผมทรงหางม้า ผมสีเขียวขจี นัยน์ตาสีดำ ดวงตาดูแหลมคมและงดงาม ใส่ชุดหมอสีเขียว มีรอยสักตามแขนซ้ายและบริเวณคอเล็กน้อยที่ผมพอได้เห็นบ้าง
เทศมนตรี : อ้อ งี้นี่เอง โฮะโฮ้ว นั้นหมอยูริพึ่งมาอยู่ที่เกาะได้สัก 5 ปีเอง
บิว : เย้ย! ตกใจหมด! มาอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?!
เทศมนตรี : เมื่อกี้เอง นี้เหม่อไปไกลถึงไหน
ยูริ : ?
ผมแทบจะไม่รับรู้สิ่งรอบข้างเลยแม้แต่ตอนที่เทศมนตรีมายืนอยู่ข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทำเอาผมสะดุ้งเฮือกใหญ่ด้วยความตกใจ แต่นั้นเองก็ทำให้หมอยูริหันมาทางผม แล้วผมก็ได้รับสิ่งที่คาดไม่ถึง นางยกยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วโบกมือทักทายกันแบบเบาๆ ตัวผมสตั้นนิ่งไปอีกครั้งก่อนจะยกมือขึ้นแบบสั่นๆแล้วโบกมือทักทายกลับไป
เทศมนตรีมองผมด้วยสายตาที่เขม็งมองเลยล่ะ และผมไม่ทันสังเกตหรอกเพราะทั้งกายทั้งใจ(ทั้งจักรวาล)กำลังมีเพียงสาวคนนั้นคนเดียว หลังจากโบกมือทักทายอยู่สักพักคุณหมอได้ดูนาฬิกาข้อมือตัวเองก่อนจะรีบเดินไปต่อพ้นจากสายตาไป และพอหมอไป ผมก็ทรุดตัวลงนั่งยองกับพื้น
บิว : คนแก่คนเฒ่าหัวใจเต้นแรงแบบนี้อ่ะ อันตรายถึงตายได้เลยนะเนี่ย
เทศมนตรี : นายพึ่งอายุได้ไม่ถึงเลข 3 เลยนะบิว แปลกคนชะมัด
เทศมนตรีพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆกับผม ส่วนผมก็ขออยู่แบบพักหายใจให้สติกลับมาเป็นปกติก่อนที่จะไปกันต่อสู้บ้านใหม่ของผม
ตึก!ตึก!ตึก!
เทศมนตรี : จูดี้! ไบรอัน!
จูดี้ : อ่ะ คุณนายกเทศมนตรี และนั้น...ชาวไร่คนใหม่สินะ
เทศมนตรี : ใช่แล้วล่ะ นี้บิว บิวนี้จูดี้ เป็นช่างประจำเกาะสวรรค์
บิว : ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณจูดี้
จูดี้ : ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันจ้ะ
ผมกับเทศมนตรีมาถึงบ้านใหม่ผมจนได้ อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเลย เมื่อมาถึงก็ได้ยินเสียงทุบอะไรสักอย่างดังมาแต่ไกล หญิงสาวผิวสีแทน ผมสีดำยาว มัดผมหางม้า ใส่เอี๊ยมสีน้ำเงิน ยืนอยู่หน้าบ้าน ซึ่งบ้านก็....
ไบรอัน : โอ้ว มากันพอดีเลย
เทศมนตรี : ส่วนคนนั้นชื่อไบรอันนะบิว เป็นช่างเช่นกัน
บิว : สวัสดีครับคุณไบรอัน
และแล้วก็มีชายคนนึงเดินออกมาจากในบ้านพร้อมปัดๆมือของตนเอง เขามาในลุคชุดนายช่างเต็มยศเลย ใส่ผ้าโพกหัว ไว้หนวดไว้เครา
ไบรอัน : สวัสดีๆ ชื่อ บิว เป็นชาวสวนคนใหม่สินะ
บิว : จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ
เทศมนตรี : และนี้! คือบ้านใหม่ของนายนะบิว ดูดีใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ!
บิว : เออ.....ก็......
เอาจริงๆแล้วบ้านก็ดูเหมือนบ้านเก่าๆโทรมๆมาเนรมิตใหม่ให้ดูดีขึ้น แถมยังดูเล็กมากเลยล่ะเมื่อเทียบกับบ้านหลังอื่นๆในเมือง
จูดี้ : นี้นายไม่พอใจกับงานเรางั้นเหรอ
บิว : อ่ะ-เอ๋ ไม่ใช่นะๆ ผมแค่อยากบอกว่า..
เทศมนตรี : โว้วๆ ใจเย็นนะจูดี้
จูดี้ : ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า แค่หยอกเล่นหน่า เอาจริงบ้านหลังนี้ก็เป็นอย่างที่นายคิดนั้นแหละนะ
ไบรอัน : แต่ไม่ต้องห่วง เราจะค่อยๆซ่อมแซมทำบ้านใหม่ให้นายเรื่อยๆ
บิว : อะแหะ- ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ช่วยกันเตรียมบ้านใหม่ให้ผมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ไบรอัน : คนกันเอง เรายินดีต้อนรับเพื่อนบ้านใหม่เสมอ
จูดี้ : ใช่แล้วล่ะที่รัก ถ้านายต้องการอุปกรณ์หรือให้เราช่วยก่อสร้างอะไร ก็มาที่บ้านนายช่างเราได้นะ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเลย
บิว : ครับผม
ไบรอัน : พวกเราเสร็จงานล่ะ กลับก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่
จูดี้ : ไว้เจอกันใหม่
เทศมนตรี : กลับกันดีๆล่ะทั้งสองคน
ทั้งสองคนโบกมือพร้อมกล่าวลาและจากไป ผมกับเทศมนตรีก็โบกมือตอบกลับเช่นกัน แล้วเทศมนตรีก็หันไปมองทางด้านหน้าบ้านผม ผมก็หันมองตามแล้วพบกับพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่รกไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า รวมถึงขยะมาจากไหนไม่รู้
เทศมนตรี : ถึงมันจะโคตรรกสุดๆ แต่นี้ก็เป็นที่ไร่ของนายแบบชอบธรรมทั้งหมดเลย
บิว : .........อ่า นึกออกแล้วล่ะ ที่นี่
เทศมนตรี : นึกอะไรออกเหรอ?
บิว : ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณลุงด้วยนะครับที่พาผมมา
เทศมนตรี : โฮะโฮ้ว เรื่องเล็กน้อย เอาหล่ะ! ลุงพามาส่งแค่นี้ ให้เวลานานพักผ่อนให้เต็มที่ มีเรื่องอะไรก็ติดต่อตึกหลักนะบิว
บิว : รับทราบครับ
เทศมนตรี : ขอให้สนุกกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่
เทศมนตรีบอกลาและเดินกลับไปยังที่ของเขา ส่วนผมนั้นมองภาพพื้นที่อันรกรุงรังแห่งนี้ และได้คำตอบแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน
บิว : นี้เรา...มาเกิดอยู่ในเกมเมื่อ 60 ปีก่อนเหรอเนี่ย....
[ จบตอนที่ 2 ]
เข้าสู่วันที่ 2 ขอผมอธิบายกิจกรรมต่างๆสักประเดี๋ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนและขอแนะนำตัวใหม่อีกครั้ง ผม บิว อายุ 79 ปี น่าจะหมดลมหายใจไปที่โรงพยาบาลหลังจากคุยกับเหลน แล้วได้เกิดใหม่มาอยู่ในร่างชายคนนึงที่ชื่อบิวเหมือนกัน กำลังเดินทางเข้าสู่เกาะสวรรค์ วันแรกที่ผมเข้าสู่เกาะสวรรค์นั้นเป็นวันอังคาร ที่ 1 ของเดือนฤดูร้อนพอดีเลย จากนั้นได้เจอกับคุณเทศมนตรี เขาพาผมเยี่ยมชมในเมืองนี้เล็กๆน้อยๆก่อนพามาสู่บ้านหลังใหม่ที่.....โทรมก็โทรมแหละ แต่พออยู่ได้ จูดี้กับไบรอันเป็นคนสร้างไว้ให้รอต้อนรับผมเลย เทศมนตรีก็พูดอะไรนิดๆหน่อยๆเกี่ยวกับที่ไร่ก่อนจะแยกย้ายกันไป
ส่วนผมในเวลาว่างวันนั้นเองก็....จู่ๆรู้สึกหมดแรงแปลกๆ เลยรีบเก็บข้าวของเข้าบ้านปิดประตูล็อคแล้วนอนบนเตียงแบบหมดสภาพในทันทีเลย ไม่ได้ทำอะไรต่อเลยสักกะอย่าง
บิว : หาว...เผลอหลับนานเอาเรื่องแหะ...เกือบจะ 9 โมงแล้ว
เวลานี้ถือว่าตื่นสายสุดๆเลย ผมลุกขึ้นด้วยความงัวเงียออกจากเตียงแข็งๆเพื่อไปจัดการกิจวัตรประจำวัน อาบน้ำล้างตัว แต่ก็มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างอาบน้ำนั้นเอง
บิว : .......น้ำไม่ไหล
ผมถอดเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยและเปิดฝักบัวอาบน้ำ แต่สิ่งที่ออกมานั้นคือความว่างเปล่าและเงียบกริบจากฝักบัว ไม่มีน้ำออกมาสักหยด ผมจึงจำใจแค่ใส่กางเกงตัวเดียวเดินออกมาจากบ้าน ยังดีนะที่ข้างบ้านทางขวาไม่ไกลนักแระมาณ 50 เมตรมีแม่น้ำลำธารอยู่แต่ประเด็นต่อไปคือ....จะให้ยกถังเบอเร่อไปกลับก็น่าจะหลังหักกันพอดี ผมเลยจำใจนั่งคิดหาวิธีในการขนย้ายถังน้ำไปมาอย่างรวดเร็วและไม่ลำบากมาก
บิว : ไปตึกหลักเลยดีไหมนะ...ไม่สิ ไม่ดี ปัญหาแค่นี้เอง แต่เราจะทำยังไง...
บิว : อ่ะ จริงด้วย บ้านหลังนี้คือบ้านหลังเดียวกับในเกม ถ้างั้นเราก็น่าจะทำแบบนี้ได้
ผมนึกแบบลมๆแล้งๆขึ้นมาได้เพราะที่นี้เองมันคือเกมที่ผมเคยเล่นเมื่อ 60 ปีก่อน เลยลองคิดดูว่าถ้าเราทำแบบในเกมนั้นจะได้รึเปล่า ผมทำการเผ่เพ่งสมาธิลองจินตนาการหรือวิธีต่างๆในจิตใจที่พอคิดได้ให้เหมือนกับมีหน้าต่างเกมลอยมาอยู่ตรงหน้าคือ....
บิว : ไม่มี-่าอะไรเลยเว้ย
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาสักกะอย่าง จึงโยนความคิดโง่ๆทิ้งไปพร้อมกับสมองแบกถังน้ำไปตักน้ำตรงแม่น้ำลำธารนี้แหละ อาจลำบากนิดหน่อยแต่ก็เพื่อการอาบน้ำของเช้าที่สดใส
บิว :แล้วที่นี่...เราจะตัดน้ำใส่ถังไงหว่า
ปัญหาต่อมาคือการตัดน้ำใส่ถัง ที่บ้านก็ไม่มีกาละมังอะไรซะด้วยสิ จะใช้มือคงทั้งวันแหงๆเลย ถ้าใช้อีกวิธีคือเอาถังจุ่มลงไปในน้ำเลยก็ไม่ไหว กระแสน้ำในลำธารก็เชี่ยวเอามากๆ
บิว : เอาไงดีๆๆ
แต่แล้วระหว่างนั้นเองที่ผมกำลังครุ่นคิดวิธีตักเอาน้ำขึ้นมาใส่ถัง ผมก็รู้สึกหนักๆที่มือขวาจนต้องก้มหน้าลงไปมองแล้วเห็นว่ามีฝักบัวรดน้ำอยู่ในมือ
ไอเทม Lv.1 ฝักบัวรดน้ำ ปริมาณน้ำ 100/100
บิว : เอ๋???
จู่ๆก็มีหน้าต่างปรากฏออกมาตรงหน้าของผมเฉยเลยทั้งที่ก่อนหน้านั้นพยายามคิดจินตนาการแบบหลุดโลกแทบตาย ไม่มีอะไรออกมาสักนิด แต่เอาเหอะ ผมทำการลองรดน้ำจากฝักบัวลงใส่ถังดู ซึ่งสิ่งที่ออกมาต่อคือ..
ฝักบัวรดน้ำ ปริมาณน้ำ 0/100
ถังไม้ขนาดกลาง ปริมาณน้ำ 10/50
ผมเกิดคำถามอยู่ภายในใจว่านี้ระบบมันเป็นยังไง น้ำในฝักบัว 100 แต่ไหนถึงเติมในถังได้แค่ 10 เอง อาจจะเป็น 1000 มิลลิลิตรในฝักบัวต่อ 1 ลิตรในถังมั้ง(สมมุติน่ะๆสมมุติ) ถึงจะเคยเล่นมา 60 ปีก่อนก็เถอะ แต่มันก็ไม่ได้เหมือนของเก่าซะทีเดียว สรุปเลยคือผมต้องตักน้ำขึ้นๆลงๆอีก 4 ครั้งจนเต็มถัง แล้วก็ปิดฝา
บิว : เอาหล่ะ...ต่อไป แบกกลับ
ผมย่อตัวลงนั่งยอง ใช้แขนหนาทั้งสองข้างโอบถังเอาไว้ จับแบบแน่นๆพร้อมเกร็งเกือบทั้งตัวก่อนออกแรงยก!!
บิว : ย๊าาาาากกก! เฮ้ออออ.....แฮ่ก..แฮ่ก...!
ถังน้ำไม่ขยับแม้แต่น้อย ผมนี้ไปยืนหอบพักหายใจก่อนสักหน่อย ออกแรงมากสุดแรงเหมือนพลังงานจะหมดยังไงยังงั้น
ยูริ : บิว? มาทำอะไรตรงนี้หน่ะ?
บิว : อะจ๊าก?!!
ยูริ : กรี๊ดดด!!?
ผมตกใจ คนทักก็ตกใจ แต่ล่ะคนไปยืนพักหายใจตั้งสติสักแป๊บหนึ่ง พอตั้งสติได้ผมก็หันมองคนๆนั้นที่มาทัก เป็นคุณหมอยูรินั้นเอง......เอ๊ะ คุณหมอมาเจอผมในสภาพใส่แค่กางเกงตัวเดียวกับถังน้ำอย่างงี้หาข้อแก้ต่างยังไงดีเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดเป็นอย่าง แต่คงไม่มีใครเข้าใจผิดอะไรง่ายๆหรอก มั้ง
บิว : อ..เออ.....ขอโทษนะครับที่เมื่อกี้ทำให้ตกใจ
ยูริ : ฮะฮ่าฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร ทางนี้ก็ต้องขอโทษด้วยที่จู่ๆทักใกล้ๆแบบนั้น และไม่ต้องสุภาพกันหรอกนะบิว เป็นกันเองดีกว่า
บิว : อะอ่า โอเคครับ
ยูริ : บอกว่าเป็นกันเองไง
บิว : อ่ะ-
ยูริ : เฮ้อ.....ช่างเถอะ นายเนี่ยก็ตลกแบบมึนๆดีนะ แล้วจะตอบได้รึยังว่ามาทำอะไรตรงนี้เหรอ? เอาน้ำจากลำธารไปทำอะไร?
บิว : พอดีว่าน้ำที่บ้านผมไม่ไหลหน่ะ แฮะๆ จะให้ลงไปอาบน้ำในลำธารก็....
ผมกล่าวถามคำถามด้วยน้ำเสียงแห้งๆพร้อมกับหันไปมองบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ติดกับลำธารเลยแหละ เพราะแบบนี้ผมถึงไม่ลงอาบน้ำในลำธารให้จบๆไป ต้องแบกถังน้ำไปอาบที่บ้าน
ยูริ : อ้อ งี้นี่เอง แต่อาบน้ำจากในลำธารไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่น่ะ- งั้นเอาแบบนี้ไหม?
บิว : แบบไหนหรอครับ?
ยูริ : อาบน้ำที่บ้านฉัน
บิว : .............. (・_・)
คุณหมอยูริพูดออกมาพร้อมกับชี้ไปที่บ้านติดกับลำธาร ก็บ้านหลังนั้นแหละบ้านของคุณหมอเองเลย นี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่อยากอาบน้ำตรงนี้
ยูริ : ฮัลโหล บิว?
บิว : ค-คะคือว-ว่า ผ-ผะผมขอผะผ่านด-ดีกว่า
STAMINA +100
ผมตอบอย่างตะกุกตะกักแล้วแบกยกถังน้ำขึ้นมาแบบดื้อๆด้วยอาการแก้มแดงขึ้นมาเล็กน้อย จู่ๆแรงกายแรงใจมันก็เพิ่มพูนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ(หรือมีกันนะ)
บิว : ขอตัวกลับก่อนนะครับ
ยูริ : เดี๋- ไปซะล่ะ
ไม่ทันได้ฟังคำตอบผมก็วิ่งแจ้นไปด้วยความเร็วพร้อมกับถังน้ำถังใหญ่นั้นเลย
ยูริ : ยังพอจำกันได้...รึเปล่านะ?
ยูริพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆมองบิวที่วิ่งออกไปอย่างทะมัดทะแมงพร้อมกับถังน้ำใบใหญ่ของเขา พอบิวหายลับสายตา นางก็เดินไปยังคลีนิคที่ทำงานประจำของนางต่อ
บิว : แฮ่ก.....แฮ่ก....แฮ่ก.......หนักชิบห-ยเลย...ไหนคนแก่ต้องมาแบกอะไรแบบนี้ด้วย-...เดี๋ยวสิ ตอนนี้เรากลับมาหนุ่ม
ผมยืนใช้แขนยันเข่าทั้งสองข้าง ก้มหน้าลงหอบหายใจเหนื่อยเอาสุดๆพร้อมกับบ่นกับตัวเองอยู่หน้าบ้านร้ายๆ แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือมีข้อมูลหน้าต่างสเตตัสขึ้นมาอยู่ตรงหน้า
∆ ข้อมูลพื้นฐาน
ชื่อ : บิว
อายุ : 25 ปี
น้ำหนัก/ส่วนสูง : 75 กก./180 ซม.
HP : 100/100
STAMINA : 200/200
ก่อนหน้านั้นมีการบวกเพิ่มของ STAMINA ปรากฏออกมาด้วย ตอนนี้ก็เท่ากับว่าพลังงานของผมเพิ่มมาอีก 100 แบบงงๆ มาได้ไงกัน แต่ช่างมันก่อน! เพราะตอนนี้จะได้อาบน้ำแล้ว!
ไบรอัน : โย่ว บิว! ขอโทษที่ถือวิสาสะเข้าบ้านโดยพละการน่ะ มันจำเป็นต้องเร่งรีบทำให้เสร็จ น้ำที่บ้านใช้ได้ปกติแล้วนะ
บิว : ................(ฟวย)
ไบรอัน : แล้วนายไปไหนมาหล่ะนั้น? ถังน้ำเอามาทำอะไร? เตรียมปลูกพืชผลเหรอ?
บิว : เปล่า ไม่มีอะไร แค่ไปออกกำลังกายเล่นๆโดยการแบกถังน้ำหน่ะครับ ขอไปอาบน้ำก่อนนะครับ
ไบรอัน : ออกกำลังกายเวลานี้...? เอาเถอะ คนเราเวลาไม่เหมือนกันนิหน่า
ผมไม่รอช้าเดินผ่านไบรอันไปเพื่อจะเข้าบ้านด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ಠ_ಠ หน้าไม่ปลื้มแหละ
ไบรอัน : เหะ???
ไม่มีการพูดจาใดๆ ปิดประตูแล้วล็อคไปในทันที วันนี้ก็เท่ากับว่าเหนื่อยฟรีกับการแลกน้ำกลับมา เราทำไปเพื่ออะไร สงสัยหลังอาบน้ำเสร็จต้องหาประโยชน์จากถังน้ำนั้นแล้วล่ะ
[ จบตอนที่ 3(1) ]
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!