หอวิหารโลหิต คือสถานสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่มีรูปแบบที่คล้ายคลึงกับหอนางโลม สาขาใหญ่ของวิหารตั้งอยู่ ณ เทือกเขาหิรัญ เป็นสถานที่ตัดขาดจากโลกภายนอก แบ่งกั้นด้วยป่าดิบชื้นที่เต็มไปด้วยอสรพิษ
หอวิหารโลหิตนี้ไม่ว่าผู้ใดได้ยินล้วนต้องสั่นผวากันทั้งสิ้น เป็นกลุ่มมหาอำนาจขนาดใหญ่ที่แทรกซึมทั่วทวีปผืนนี้ ราวกับว่านามวิหารโลหิตคือชื่อของพญามัจจุราชที่กุมชีวิตของทุกคนไว้ในมือ ไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าของเจ้าวิหาร ผู้เป็นราชาแห่งอำนาจที่หยั่งนภาเช่นนี้ ผู้คนจึงเล่าขานกันว่าเขาคือเทพที่จุติลงมาเห็นหัวไม่เห็นหาง
กองกำลังหอวิหารโลหิต แม้ว่าจะพึ่งก่อตั้งได้ไม่นานทว่ากุมอำนาจขนาดใหญ่ไว้ ณ ทวีปแห่งนี้ เป็นกองกำลังที่ไม่ว่าฝ่ายได้ยินก็ต้องเคารพยำเกรง แม้ว่าหอวิหารจะมีชื่อเสียงด้านการปลิดชีพ แต่พวกเขาไม่ได้ให้บริการเพียงการสังหารเท่านั้น ยังมีหน่วยอื่นๆอีกมากมาย อาทิ เช่น หน่วยสืบข่าว หน่อยคุ้มกัน รักษา หรือแม้กระทั่งหน่วยสอดแนม
หลากหลายจนเรียกได้ว่าเป็นองค์กรที่ทำตามอำนาจใจตัวเอง
ทุกๆปี หอวิหารโลหิต จะฝึกบุคคลากรฝีมือดีขึ้นมาราวๆปีละ2-10คน ผู้ฝึกเหล่านั้นถูกขัดเกลาอย่างเข้มงวดตั้งแต่เยาว์วัย
เล่าขานในหมู่ชาวบ้านที่อาศัยละแวกใกล้เคียง กับหอวิหารโลหิตในสาขาต่างๆ ว่ากันว่า ขั้นตอนการฝึกของวิหารโลหิตนั้น ทั้งทรมานและโหดเหี้ยม
ทุกๆวันไม่วายจะได้ยินเสียงหวีดร้องดังมาจากในนหอคอยสูง
อีกทั้งรายรับกว่าครึ่งของหอวิหารโลหิต ถูกนำไปใช้สำหรับหน่วยมือสังหารแทบทั้งหมด ยามใดที่หอวิหารโลหิตลงมือ จึงมักมีคนเห็นอาวุธที่ทรงอานุภาพของพวกเขา ประสิทธิภาพและราคาของมันเทียบเท่าได้กับเครื่องยุทธโธปกรณ์ของราชวงศ์
จนกระทั่งวัน15ค่ำเดือน10 เป็นวันที่พระจันทร์เต็มดวงตั้งเฉิดฉายแสงอันโสภาอยู่บนฟากฟ้า ทว่าในยามนี้หน่วยนักฆ่าระดับสูงได้รับคำสั่งทำภารกิจสำคัญ จากแขกผู้ทรงเกียรติท่านหนึ่งของหอวิหาร
เยว่ชิง มือสังหารอันดับหนึ่งรีบนำกำลังราวๆ10คนออกไปปฏิบัติภารกิจน่าแปลกที่วันนี้ เหล่านักฆ่ารุ่นน้องสัมผัสได้ว่า เยว่ชิงผู้สงบเย็นอยู่ตลอดเวลาของพวกเขา กลับมีท่าทางร้อนรนกว่าปกติ
จนกระทั่งพวกเขาเคลื่อนพลมาถึงป่าดิบทึบแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างแคว้น ต้าโจว กับแคว้น หนานฝู
พฤษายืนต้นขนาดใหญ่ของที่นี่บดบังเส้นแสงแห่งรัชนีกรที่สว่างไสวบนท้องนภาจนสิ้น เบื้องหน้าของพวกเขา คือถนนเล็กๆสายหนึ่งเป็นถนนสายรองที่จะนำผู้คนเข้าสู่หนทางสายหลักของเมืองหลวง แต่ด้วยความที่เเป็นทางเส้นรองจึงทำให้พื้นทางไม่ค่อยจะราบเรียบนัก แม้ว่าจะอยู่ห่างออกมาเป็นลี้ก็ยังได้ยินเสียงรถม้าที่เคลื่อนตัวผ่านเส้นทางได้อย่างชัดเจน
สารที่พวกเขาได้รับส่งมาว่า องค์รัชทายาทที่กลับจากกิจบรรเทาความเดือนร้อนชาวบ้านบนหุบเขา เดินทางกลับในคืนนี้ และจะต้องผ่านป่ารกร้างที่นี่
เยว่ชิงนำพลมาตามคำสั่ง และได้จัดเตรียมรูปแบบกองกำลังไว้อย่างเป็นระบบและไร้ช่องโหว่ มือสังหารคนอื่นๆที่ได้ปฏิบัติการใต้การบัญชาของนาง ล้วนต้องมองนางด้วยสายตาเลื่อมใส แม้ว่าพวกจะอายุมากกว่านางทว่าเด็กสาววัย18ปีนี้นางกลับมีความสามารถที่น่าพรั่นพรึงกว่าพวกเขามากนัก
ทว่าสีหน้าของเยว่ชิงในยามนี้กลับฉายแววครุ่นคิด เธอกำลังนึกถึงแขกที่สวมหน้ากากลายพยัฆคนนั้นเยว่ชิงสงสัยมาตลอดว่าแขกผู้ทรงเกียรติของหอ วิหารโลหิตเป็นผู้ใด จนกระทั่งในวันนี้เห็นได้ชัดว่าคนผู้นั้นรู้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์รัชทายาท และมีความต้องการที่จะกำจัดเขา ดูเหมือนว่าแขกท่านนี้จะต้องเป็นคนข้าง กายองค์รัชทายาทอย่างแน่นอนแต่จะเป็นใครกัน
ระหว่างที่เธอนิ่งเงียบ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของม้าจำนวน หนึ่งเคลื่อนมาทางนี้ เยว่ชิงใช้สมาธิจดจ่อที่เป้าหมาย รุ่นน้องที่เหลือก็สัมผัสได้แล้วเช่นกันมือข้างหนึ่งของพวกเขาเลื่อนไปจับกระบี่สีดำข้างกายอย่าง เงียบเชียบพร้อมกัน
เยว่ชิงกำชับแผนลงมือทั้งหมดแก่พวกเขาอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วเธอก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปในส่วนลึกของป่าทางด้านหลัง บรรดาลูกน้องของเธอที่เห็นดังนั้น ต่างมีสีหน้างุนงง ทว่าไม่ ได้ถามไถ่อันใด
ผ่านไปไม่นานเยว่ชิงที่เข้ามาส่วนกลางของป่าก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังแว่วมาจากข้างนอก เสียงกระบี่กระทบกันและเสียงต่อสู้ของไอพลังวิญญาณนั้น ทำให้ใจของเธอเต้นแรง
ครู่ใหญ่เธอก็สัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวตรงมาทิศทางที่เธออยู่ ทันใดริมฝีปากก็ยกยิ้ม
ต้องเป็นเขาอย่างแน่นอนเธอรู้อยู่แล้วว่าทหารองครักษ์พวกนั้นต้องเปิดทาง ให้องค์รัชทายาทหลบหนีออกมา และเธอก็ได้จัดวางรูป แบบปิดล้อมเป็นสองทางเอาไว้แล้ว และมีเพียง ป่าดิบนี้เท่านั้นที่มีช่องโหว่ปล่อยให้เขาหลบหนีออกมาได้
ทันทีที่รู้สึกว่าเขาใกล้เข้ามา เยว่ชิงก็เผยตัวออกมาทำให้องค์รัชทายาทหนุดใีเท้าลงและจ้องมอง สตรีใน ชุดมือสังหารสีดำรัดรูป ผมของเธอถูกเกล้าขึ้นด้วยแพรเส้น สีแดง ใบหน้ามีผ้าบางปกปิดไว้ ทว่าดวงตาที่ดึงดูดเป็นเอกลักษณ์นั้น ทำให้เขาละสายตาไม่ได้
ทั้งคู่จ้องมองและยืนเผชิญหน้ากันตรงๆ บรรยากาศรอบข้างกดดันขึ้นเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณในร่สงของทั้งสอง
เสียงกระจ่างใสดุจวารีพิสุทธิ์ที่กระเพื่อมร่ายรำบนกลีบบุผาดังขึ้นระหว่างคนทั้งสอง "องค์รัชทายาท..
" เสียงนุ่มลึกใสกังวาล แม้จะเป็นการ พบกันครั้งแรกทว่าในใจของรัขทายาทกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้
ใบหน้าอ่อนหวานหล่อเหลาขมวดคิ้วด้วยความสับสน จ้องมองไปยังสตรีเบื้องหน้าที่คลุมผ้าอยู่ ใ ช้สายตาพยายามมองให้ทะลุลงไป ดวงตาคมหรี่ลงเอ่ยอย่างเย็นชา
" เจ้ามีจุดประสงค์อันใด ใยจึงขวางทางเปิ่นกง"
ได้ยินดังนั้น ดวงตางามของเยว่ชิงสดใสเป็นประกายครั้งแรก ใน รอบหลายปี มือเรียวเคลื่อนไปปลดผ้าคลุมหน้าของตัวเองลง เผยให้เห็นรอยยิ้มเฉิดฉาย งดงามเหนือสิ่งใด เธอจ้องมองไปยังเขาด้วยท่าทีเป็นมิตร
เมื่อได้เห็นใบหน้าใต้ผ้าคลุมบุรุษในวัย20ปีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยขึ้น "เราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่ เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าเช่นนี้?"
"ข้าเอง...ชิงชิง " เธอเอ่ยบอกกับเขา ในน้ำเสียงมีความอัดอั้นปนยินดี
"ชิงชิง...เจ้าคือชิงชิงน้อยในปีนั้นหรือ? " รัชทายาทหวังโม่ หยวนเผยสีหน้าตกตะลึง เสียงของเขาสูงขึ้นเล็ก น้อย แววตาอ่อนโยนลงหลายส่วน จ้องมองเธออย่างซับซ้อน
"อื้มม" เธอพยักหน้ายิ้ม
เมื่อเห็นว่าเขาตกตะลึงจนไม่พูดไม่จา เธอก็เอ่ยต่ออีกว่า
"ในปีนั้นหลังจากท่านจากไป ข้าก็ถูกคนทำให้หมดสติ รู้ตัวอีกทีก็ถูกจับมาฝึกในวิหารโลหิตแล้ว ภายหลังข้าพยายามหนีออกไปหลายครา ทว่ากลับไร้ผล อยู่ในวิหารมาห้าปีแล้วถึง ได้รู้ว่าท่านคือองค์รัชทายาทแห่งต้าโจว แต่ว่า..เหตุ ใดท่านถึงถูกคนใหญ่คนโตหมายหัวเอาได้เล่า " น้ำ เสียงของเธอฟังดูเศร้าสร้อยดวงตาแดงก่ำคล้ายจะมีน้ำใสใสเอ่อล้น
"ชิงชิง เจ้าไม่รู้ข้ามีน้องชายอยู่อีกหนึ่งคน หวังป่อ เฉิน เขาคือองค์ชายลำดับที่ห้า คงเพราะมารดาของ เขามีความทะเยอทะยานสองแม่ลูกจึงต้องการกำจัดข้าหลายครั้ง ทว่านึกไม่ถึงว่าครั้งนี้จะใช้วิธีร้ายกาจเช่นนี้ " หวังโม่หยวน เอ่ย พลางมองไปยังเยว่ชิง เห็นนางใส่ชุดมือสังหาร เขาก็ขมวดคิ้ว ในใจยังคงรู้สึกผิดที่ไม่อาจปกป้องนางได้
" องค์รัชทายาททางข้างหลังนี้ซับซ้อนหากเจอสัตว์ ร้ายเข้าจะแย่เอาได้ ท่านไปทางนั้นเถอะตรงไป เรื่อยๆจะมีลำธาร ขอเพียงข้ามลำธารนั้นไปได้ก็เจอ กับเขาพฤกษาตะวันของนิกายสุริยันแล้ว พวกเขา ต้องช่วยเหลือท่านแน่ ท่านระวังตัวด้วย " เธอพูด พลางชี้มือไปทิศตะวันออก
หวังโม่หยวนมองใบหน้าน้อยๆอย่างตกตะลึง
"เจ้าไม่ฆ่าข้าหรือ?"
เยว่ชิงยิ้มพลางกลั้นหัวเราะ
"ท่านล้อข้าเล่นกระมัง ในปีนั้นหากว่าไม่ได้เจอกับ ท่านชิงชิงคนนี้คงถูกขย้ำไปเป็นอาหารในท้องเสือ แล้วท่านเป็นทั้งผู้มีพระคุณช่วยชีวิตและเป็นคนที่ คอยดูแลข้ามาตลอด หากไม่ถูกลักพาตัวข้าคงถวาย ชีวิตรับใช้ท่าน ชีวิตของข้าที่รอดมาได้นี้เป็นของ ท่านแล้วต่างหากเล่า"
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!