NovelToon NovelToon

ตำหนักกู่ปิง

ไล่ล่า

ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลที่ปกคลุมทั่วผืนป่าดงดิบ

หุบเขาลูกที่สี่ ภายในเขตตำหนักกู่ปิง สายลมหนาวพวยพัดพร้อมกับ เสียงฝีเท้าไล่ล่า ของเหล่าศิษย์ ไอกระหายเลือดตลบอบอวล

หนึ่งวันก่อนในกระดานภารกิจปรากฎภารกิจระดับ10จากผู้กุมอำนาจเบื้องสูงของตำหนักกู่ปิง เหล่าศิษย์แทบทั้งหมดล้วนเข้าร่วมภารกิจนี้

และรางวัลของภารกิจระดับสิบคือโอสถสวรรค์ ทว่าเป้าในภารกิจนี้คือ ศิษย์ระดับเทียนนามว่าหย่าซิน

ด้วยกำลังย์ระดับฮว่า火 จง中หวัง王เทียน天 ของตำหนัก หย่าซินคนนี้เป็นถึงระดับเทียน ซึ่งเป็นผู้มีฝืมือระดับสูงสุดในหมู่ศิษย์ ทำให้การไล่ล่าดำเนินมาถึงหนึ่งวันเต็ม!

หย่าซินนึกไม่ถึงว่าตำหนักกู่ปิงที่เธอรับใช้ถวายชีวิตจะอัมหิตกับเธอถึงเพียนี้ ทั้งๆที่ชั่วชีวิตเธอทำเพื่อพวกเขามาตั้งมากมาย พวกเขากลับต้องการคร่าชีวิตเธอ ให้ตายด้วยเหตุผลไร้สาระ

สายเลือดตระกูลกวน? สายเลือดตระกูลกวนอะไรกัน เธอเติบโตในนี้ ถูกชุบเลี้ยงจากตำหนักกู่ปิงนี้

เธอเป็นคนของพวกเขา ทว่าสามวันก่อนเมื่อพวกเขาค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับเธอ จึงมีทัณฑ์ประหาร ในทันที แม้แต่หย่าซินเองก็ไม่เข้าใจ

ยามนี้ถึงแม้ทั่วร่างจะบาดเจ็บสาหัส ทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์จากร่องรอยกระบี่

แต่ด้วยความไม่ยินยอมตายในเงื้อมมือคนพวกนั้น หย่าซินในอาภรณ์สีดำพร้อมเข็มกลัดรูปสีเงินเป็นสัญลักษณ์ของระดับเทียน

กัดฟันวิ่งฝ่าบรรดากิ่งไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างไม่หยุดยั้ง แก้มเนียนถูกกิ่งไม้บางส่วนขีดจนเป็นรอย ทว่าเธอก็ไม่ได้สนใจ

การหนีของเธอยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ เพราะยามนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้ เพราะแม้กระทั่งศิษย์พี่น้อง อาจารย์ ของเธอ พวกเขา ยังประสมโรงกับสำนักร่วมไล่ล่าเธอด้วย

ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่มีเวลามาโศกเศร้าราวกับเด็กหญิงแล้ว ดวงตาคู่งามฉายแววจริงจังเริ่มประเมินสถานการณ์ พลันคิดว่า

ด้วยในฝีมือระดับ เทียน ของเธอ ย่อมเหนือชั้นกว่าคนข้างหลังมากนัก หากสู้กันตรงๆไม่แน่ว่าอาจจะพอประมือได้ แล้วค่อยหาโอกาสหนีไป

ทันใดนั้น....หัวใจของเธอพลันดิ่งวูบ เมื่อได้ยินเสียงดนตรีที่คุ้นเคย เธอรู้จักมัน

บทเพลง มัจจุราชหวนคืน นี่เป็นสัญญาณที่รวมพลระดับเทียน น้อยครั้งนักที่ตำหนักจะใช้มัน นอกจากสถานการณ์ระดับสูง

บรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยไอแห่งความตาย และความหนาวสะท้านผ่านบทเพลง

เห็นเช่นนี้ เธอหัวเราะอย่างขมขื่น เบื้องบนช่างลงทุนกับเธอเสียจริง ยอมแลกกำลังระดับสูงเพื่อสังหารเธอ

จำได้ว่าศึกครั้งก่อน เธอเป็นศิษย์ระดับเทียนที่ร่วมกำจัดศัตรูกับพวกเขา ทว่ายามนี้ดาบนั้นกลับคืนย้อนกลับมาหาเธอเอง ช่างขมขื่น ขมขื่นยิ่งนัก

ริมฝีปากงดงามได้รูปยิ้มขมขื่น ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเธอในตอนนี้รู้สึกต่ำต้อยเพียงใด

ราวกับสวรรค์ลงโทษกับชะตาชีวิตของเธอ

เมื่อหันไปมองข้างหลังก็รับรู้ได้ถึงไอพลังระดับเท่ากันกับเธอ หลายขุม กำลังมุ่งมาทางเธอ ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

หย่าซินเร่งฝีเท้าไปอีกระดับ จำได้ว่าทิศทางข้างหน้าต่อจากนี้ คือหุบเขาเหมันต์ ตามที่ได้รับข้อมูลมา เจ้าตำหนักสูงสุดกำลังบำเพ็ญอยู่ในนั้น

หากพบเขาแล้วต่อสู้กัน เกรงว่าเธอต้องตายในกระบวนท่าเดียวเป็นแน่ เทียบกับเจ้าตำหนักแล้ว เธอยอมสู้ตายกับคนพวกนี้ดีกว่า

คิดได้ดังนั้น ฝีเท้าก็หยุดลง เงาร่างแวบไปอยู่ระหว่างพฤกษาใหญ่ในมุมหนึ่ง รอคอยการมาของกองกำลัง หวังจะใช้จังหวะนี้กำจัดพวกเขาไปทีละคน

และก็เป็นเช่นนั้นจริง เมื่อกองกำลังระดับหวัง王ที่มุ่งหน้ามาก่อน เมื่อผ่านมุมมืดนั้น ล้วนถูก อาวุธสังหารแปลกประหลาด รูปร่างคล้ายดาวห้าแฉกปักเข้ากลางลำคอ สิ้นใจไปอย่างไร้ซุ่มเสียง

แต่แล้วความกล้าหาญจองเธอก็ถูกสั่นคลอนหลังจากเห็นกระแสปราณค่ายกลสีคราม

นึกไม่ถึงว่าเบื้องบนจะลงมากำจัดเธอด้วยตนเองสายตาหย่าซินจับจ้องไปบนพื้น เขตอาคมสีครามเข้ม แผ่หลาแซกซึมแผ่นดินทั่วทั้งอาณาเขตของหุบเขาที่4

เธอย่อมรู้ว่านี่คือวิชาลับของเจ้าหุบเขา และจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใด รอดพ้นไปจากการรับรู้ของผู้ใช้อาคมนี้

สีหน้าหย่าซินพลันซีดเซียว นี่เท่ากับว่าพวกเขาจะรู้ตำแหน่งเธอในไม่ช้า และก็เป็นเช่นนั้น ไม่นานกองกำลังราวๆ50คนก็ปิดล้อมทั้งทางอากาศ และภาคพื้น ในบริเวณที่เธออยู่

ยามนี้เธอไร้ทางหนีโดยสิ้นเชิง

เธอมองไปยังผู้ใช้อาคมที่เหนือศีรษะ และดูเหมือนว่าเขากำลังจ้องมองมายังเธอเช่นกัน

เพลงดาบและคลื่นกระบี่ของศิษย์ระดับเทียนทั้งสี่คนโจมตีใส่เธอไม่หยุดยั้ง ส่วนศิษย์ที่เหลือก็สร้างค่ายกลลับกู่ปิง

ด้วยเหตุนี้ลมปราณ ในร่างเธอจึงถูกกดไว้หนึ่งส่วน หย่าซินถูกศิษย์ทั้งสี่กระหน่ำโจมตี การประทะกันนี้ยาวนานถึงสี่ชั่วยาม

บุคคลลึกลับจากเบื้องบนท่านนั้น ยืนมองจากมุมสูง

เขากำลังรอและคิดว่าหากศิษย์ ระดับเทียนทั้งสี่เอาชนะหญิงสาวนางนี้ไม่ได้ เขาก็จะลงมือเอง

และแล้วศิษย์ระดับเทียนหนึ่งในนั้นก็ถูกดาบเสี้ยวจันทร์ของหย่าซินสังหาร ไป กำลังของสี่คนยังเอาชนะไม่ได้ นับประสาอะไรเมื่อเหลือสามคน ศิษย์พวกนั้น เริ่มเสียเปรียบมากขึ้น

จากสามเหลือสองจากสองเหลือหนึ่ง

และศิษย์เพียงหนึ่งคนนั้นก็ไม่รอช้า เขาระเบิดพลังทั้งหมดเพื่อสังหารนาง ให้สำเร็จ

แต่แล้ว...ดาบเสี้ยวจันทร์ในมือทั้งสองคนหย่าซินหมุนวนรอบคอของเขาหนึ่งรอบก่อนร่างนั้นจะล้มลงและสิ้นใจไปด้วยความตื่นตะลึง

ด้วยความเก่งกาจนี้ กองกำลังศิษย์ระดับ ฮว่า火 จง中หวัง王ที่ปิดล้อมอยู่วงนอก ล้วนอึ้งงันไปตามกัน

ระดับเทียน天 สูงสุดสี่คน ถูกนางฆ่าตายเสียแล้ว!

นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับพวกเขา ภายในใจของพวกเขาต่างตระหนกแต่ด้วยการทำเนียมของกู่ปิงที่มักจะสงบนิ่ง จึงไม่มีใครมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของศิษย์ เหล่านั้น

แม้แต่ผู้อาวุโสคนนั้นก็มองหย่าซินอย่างล้ำลึก ตำหนักกู่ปิง แบ่งแยกหมากไว้5ระดับ ฮว่า火 จง中หวัง王เทียน天

ทว่ากลุ่มศิษย์ระดับเทียนสี่คน กลับถูกนางสังหารด้วยตัวคนเดียวซ้ำยังอยู่ในค่ายลับกดลมปราณ

ดวงตาฉายแววความสียดาย หากนางไม่ใช่สายเลือดตระกูลกวงศัตรูต้องห้ามของตำหนักกู่ปิง

ไม่แน่ศิษย์คนนี้อาจกลายมาเป็นผู้อาวุโสอย่างพวกเขาในอนาคต

บรรยากาศรอบข้างตึงเครียด

หย่าซินเงยหน้าขึ้นมองบุคคลใส่ชุดคลุมดำ ไม่เห็นใบหน้าไม่เห็นรูปร่างร่างกาย แต่กลับมีรัศมีแรงกดดันมหาศาลอยู่บนตัว

คนผู้นี้คือคนของเบื้องบนที่เปิดเผยตำแหน่งของเธอก่อนหน้านี้ และคงจะเป็นเจ้าหุบเขาที่สี่แห่งนี้

เป็นยังไงล่ะ ศิษย์ระดับเทียนของเขาล้วนถูกเธอสังหารหมด

ดวงตาคู่งามของเธอฉายแววยิ้มเยาะริมฝีปากเบ้ลงอย่างเย้ยหยัน กล่าวว่า

"ไม่ทราบว่า ผู้แข็งแกร่งเบื้องบนที่ทำเป็นแค่คอยสั่งผู้อื่นจะร่วมกระบวนการหมาหมู่จัดการข้าด้วยหรือไม่ ไหนๆวันนี้ข้าก็ต้องตายแล้ว หากศิษย์คนนี้ได้สังหารผู้อาวุโส นับว่าเป็นการสร้างชื่อเสียงแก่ข้าเเล้ว"

เธอหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และพุ่งโฉบไปยังบุคคลชุดคลุมดำ ราวอัศนีฟ้าฟาด

ไม่มีดาบเสี้ยวจันทร์คอยถ่วงดุลน้ำหนักอีกแล้ว ในมือเธอมีเพียงอาวุธลับที่มีน้ำหนักเบา รวดเร็วง่ายต่อการปลิดชีพ

อาวุธลับถูกขว้างไปยังเขา และตามด้วยพลังวิญญาณควบแน่นเป็นใบมีดลมที่รุนแรง กระบวนท่าปลิดชีพอีกมากมายถูกเธอนำออกมาใช้ทั้งหมด

ว่ากันว่าบุคคลลึกลับจากเบื้องบนของตำหนักกู่ปิงนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะมีผู้ใดประเมินกำลังได้ หากเธอสังหารเขาไม่ได้เกรงว่าคนตายจะเป็นเธอเอง

ทว่าเธอกลับเห็นว่าบุคคลลึกลับนั้น เขาเพียงหลบหนี ไม่ต่อสู้ประชันกับเธอแม้แต่น้อย

เสียงกึกก้องไม่สามารถแยกเพศแยกอายุได้ดังขึ้น อย่างไร้ทิศทาง

"ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับข้า เจ้าก็เป็นเพียงมดตัวหนึ่ง และสู้กับมดอย่างเจ้า ย่อมเป็นเรื่องเสียเวลา"

ค่ายกลที่เดิมทีกดพลังของหย่าซินลงส่วนหนึ่ง ยามนี้ราวกับถูก เพิ่มประสิทธิภาพขึ้น10เท่า ร่างกายเธอถูกปราณมหาศาลข่มไว้กว่าสามส่วนร่วงลงบนพื้น

ครั้งนี้เธอจึงได้รับรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของตำหนักกู่ปิงแห่งนี้

พ่ายแพ้สมบูรณ์

พลังวิญญาณถูกดูดกลืนไปเรื่อยๆ

พร้อมกับความเจ็บที่กัดกินร่างกาย

หย่าซินถึงกับสบถออกมาอาคมนี้กระตุ้นกู่ในกายของเธอ

ตำหนักกู่ปิงเป็นกลุ่มมหาอำนาจลึกลับที่แข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุด

และที่สามารถรักษาอำนาจมาได้ถึงหลายพันปี เพราะการฝังกู่ไว้ในร่างของผู้ใต้บัญชาทุกคน

แต่หากจะใช้อาคมปลุกกู่ในร่างเหล่านั้น ผู้อาวุโสคนหนึ่งต้องลงแรงมหาศาล

เนื่องจากกู่ชนิดนี้ว่ากันว่า เป็นเศษวิญญาณของราชันอสูรกู่ไหมทองคำสวรรค์ และเพื่อเป็นการลงโทษผู้อาวุโสที่รับเมล็ดพันธุ์ไม่ดีเข้ามาในตำหนักจนต้องกำจัดในภายหลัง

นี่จึงเป็นวิธีสุดท้ายของผู้อาวุโส ในการกำจัดหย่าซิน

ถึงแม้ว่าพวกเขาแอบเสียดายที่ต้องสละหมากที่แข็งแกร่งระดับนี้ไป

แต่ เมื่อเทียบกับความแค้นในอดีตระหว่างตำหนักกู่ปิงกับตระกูลกวง เรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในสายตา

นี่ก็คือการกำจัดเนื้องอกที่จะเป็นอันตรายต่อตำหนักในอนาคตตามหน้าที่ที่ควรจะทำถึงแม้พวกเขาจะสั่งการลงไปโดยไม่มีคำสั่งของคนผู้นั้นก็ตาม

ร่างกายหย่าซินพลันหนาวสะท้าน ไม่มีพลังวิญญาณ ปรับสมดุลร่างกายอีกต่อไป

มอง ห็นคนนับสิบพุ่งเข้ามาจู่โจม อย่างโหดเหี้ยมแต่ พลังในกายเธอพึ่งถูกลดทอนไปแทบสิ้น

ทำได้เพียงใช้ทักษะท่าร่างที่ไม่อาศัยพลังปราณ ปกป้องชีวิตของตน

ผ่านไปไม่นานทั่วร่างล้วนปรากฏบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง เลือดไหลเป็นสีม่วงเข้มปนดำ นี่ยิ่งทำให้เธอกังวลมากยิ่งขึ้น เกรงว่าวันนี้เธอคงไม่รอดชีวิตออกไป

คนหนึ่งคน ก็มิอาจเอาชนะคนนับสิบที่หลั่งใหลเข้ามามิหยุดยั้งได้

เพียงเพราะพลาดท่าในพริบตาเดียว เธอก็ถูกระบี่ยาวทั้งสามเล่มก็แทงเข้าจุดเสินเชวี่ย จุดตันเถียน และ จุดถันจง พร้อมๆกัน

ด้วยอาการบาดเจ็บทั้งสามตำแหน่งนี้ ทำให้เธอพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์ ร่างบางทรุดลงอย่างเจ็บปวดสาหัส ไม่สามารถค้ำร่างให้ยืนอยู่ได้อีกต่อไป

แต่เธอได้ทำสุดความสามารถแล้ว พวกเขาใช้พิษ ใช้ค่ายกล ใช้กำลังที่มากกว่า ซ้ำยังกู่ในกายเธอ แม้ว่าจะเป็นเทพเซียน ก็เกรงว่าไม่อาจเอาชนะได้

ทันใดโรหิตสีดำใหลออกปากอย่างหยุดไว้ไม่อยู่ ร่างกายเธอรับไม่ไหวอีกต่อไป มีแต่ต้องตายเท่านั้น เหตุการณ์ร้ายแรงในค่ำคืนจบลง ด้วยบทสรุปตามที่พวกเขาต้องการแล้ว

เห็นอย่างนั้นบุคคลชุดคลุมปริศนาจึงเคลื่อนที่จากไป ก่อนไปเสียงดังกึกก้องจึงสั่งการ

"เก็บกวาดให้หมดพวกเจ้าสามคนไปรับโอสถสวรรค์ที่หอสูง"

หย่าซินในท่าคุกเข่า หายใจโรยริน มองผู้คนรอบๆศิษย์พี่น้องที่ทยอยจากไป ใช่แล้วพวกเขาทำภารกิจจบแล้ว

ไม่มีเหตุอันใดให้อยู่ต่อ แววตาเธอฉายแววเจ็บปวดอย่างลึกซึ้ง ไฉนตำหนักถึงทำกับเธอเช่นนี้

ก่อนที่ศิษย์ที่สามคนจะดึงกระบี่ออกจากร่างเธอ เวลานี้คนผู้หนึ่งก็มาถึง และมองดูภาพเบื้องล่างอย่างตกตะลึง

เป็นจังหวะเดียวกันที่กระบี่ถูกชักออก หย่าซินจึงสิ้นใจโดยสมบูรณ์

ร่างใหม่

ณ ห้องห้องหนึ่ง ในสถานที่ดูลึกลับและบรรยากาศที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าไป ร่างหญิงสาวอายุราว15-16ที่นอนแน่นิ่ง

ร่างนั้น ถูกบรรจุโลงแก้วเคลือบด้วยไอพลังวิญญาณ สีทอง

"นายท่าน นางกลับมาแล้วพะยะค่ะ"

เสียงแก่ๆของผู้เฒ่าหนึ่งในนั้น พูดขึ้น พลางเก็บพลังวิญญาณกลับไป

บุรุษชุดอาภรณ์สีขาวที่ยืนคลุมพิธีเรียกวิญญาณอยู่ในตำแหน่งสูงสุด รัศมีแห่งราชันย์ มองลงมา สง่างามดุจราชสีห์

ทันทีที่ได้ยินว่าเรียกวิญญาณคนรักของตนกลับมาได้แล้ว บุรุษในท่วงท่าสง่าราศีก็สาวก้าวเข้าไปทันที

เขาจ้องมองร่างหญิงสาวในโลงแก้วเต็มไปด้วยความรู้สึกอัดอั้นที่เกินกว่าจะบรรยาย แววตาภายใต้หน้ากากสีเงินสั่นไหวเล็กน้อย

หวนนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่นาน

ฮวนหลิน คู่หมั้นที่เขากำลังจะแต่งงานด้วย เข้ามารับการโจมตีแทนเขา จากการโดนลอบสั่งหาร จนทำให้เธอต้องกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราถึงหนึ่งปี

หลังจากนั้นมา 'หยางเสวี่ย' ก็หาวิธีฟื้นคืนชีพฮวนหลินมาตลอด

จนวันนี้เป็นเวลา1ปีแล้ว ในที่สุดท่านผู้เฒ่าผู้อัญเชิญวิญญาณก็ทำสำเร็จตามคำสั่ง ความพยายามที่ผ่านมาตลอด1ปีของพวกเขา กำลังจะเห็นผลแล้ว

ความปิติยินดีในใจหลั่งใหลเอ่อล้น หยางเสวี่ยเฝ้ามองร่างสาวงามเบื้องหน้าที่กลับมามีชีวิตอีกครั้งอย่างคาดหวัง

หญิงสาวนามว่าฮวนหลินในนั้นค่อยๆลืมตาขึ้น

ทันใดนั้น

พลันมีสีหน้ามืดทะมึนของกงหยางเสวี่ย เขากำมือแน่น จ้องมองคนตรงหน้าอย่างเยือกเย็นราวกับพร้อมลงมือสังหารทุกเมื่อ

ด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเขารับรู้ได้ถึงดวงตางามคู่นั้น ซึ่งไม่มีแววความอ่อนโยนของสาวน้อยฮวนหลิน ที่เขาคุ้นเคย

กลับเป็นแววตาของความเย็นชา หยางเสวี่ยรอคอยพลันคิดว่า หากนางไม่ใช่วิญญาณของฮวนหลิน

เขาก็จะสังหารทิ้งเสีย แล้วค่อยทำพิธีอีกครั้ง

หย่าซินตื่นขึ้นมาในร่างกายใหม่ อย่างปาฏิหาริย์

ด้วยสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาอย่างยาวนาน หย่าซินรับรู้ได้ถึงไอสังหาร ทันทีที่ลืมตา จึงรีบพลิกตัว ใช้ท่าร่างเฉพาะ หลีกหนีออกมามุมหนึ่งห่างจากโลงแก้ว

สายตาเฉียบแหลมของนางจ้องมองไปทางบุรุษสวมหน้ากากคนนั้นโดยสัญชาตญาณ

แววความตกตะลึง วาดผ่านดวงตาของเธอเล็กน้อย บุรุษตรงหน้า ช่างน่าพรั่นพรึง

ร่างกายสง่า ทั่วร่างเขาเปล่งกลิ่นอายความน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง ให้ความรู้สึกถึงอันตรายและเสน่ห์ลึกลับอย่างแปลกกระหลาด

เมื่อเห็นกิริยาของหญิงสาว หยางเสวี่ย ตัดสินใจลงมือปลิดชีพคนตรงหน้าทันที

เขามั่นใจว่านี่ต้องไม่ใช่ฮวนหลินแน่นอน ร่างสูงเคลื่อนที่รวดเร็วดุจปานสนีย์ ไม่ได้ถืออาวุธอะไรในมือ

เพราะตามหลักแล้ว ด้วยพละกำลังของเขา ย่อมจะสามารถคร่านางปีศาจนี้ได้อย่างไม่ยากเย็น

แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นฮวนหลินตัวปลอม สามารถหลบหนีเงื้อมมือของเขาไปได้ หลายต่อหลายกระบวนท่า

แววตาคู่คมหรี่ลงภายใต้หน้ากาก กำลังจะเอ่ยถามขึ้นแต่ดันถูกนางตัดบท

"ท่านเป็นใคร?" หย่าซินในร่างฮวนหลินถามขึ้น

นางเองก็ไม่เคยรู้สึกถึงความแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อน ที่ตอบโต้เมื่อครู่เป็นเพียงสัญชาติญาณจากการฝึกวิชาลับที่ติดตัวมาเท่านั้น ไม่เช่นนั้นตนคงต้องตายภายในไม่กี่กระบวนท่าเป็นแน่

"..."

เดิมทีหยางเสวี่ยควรจะถามสักหน่อยว่าคนตรงหน้าเป็นใครแต่ทันทีที่ได้เห็นท่าทีต่างออกไปจากฮวนหลินสิ้นเชิง

นั่นทำให้เขารู้สึกห่างเหินและรังเกียจเขา ไม่พูดอะไรอีก รีบลงมือกับนางเป็นครั้งที่สอง

"ช้าก่อน พวกเรา พวกเราพูดคุยกันก่อนได้หรือไม่!"

หย่าซินในร่างใหม่ เบี่ยงหลบการจู่โจมหลายกระบวนท่าที่โหมเข้ามา พลางตะโกนอย่างร้อนรน

แต่บุรุษตรงหน้าก็ยังไม่หยุด ไม่เปิดโอกาสให้นางเลยสักนิด ยังคงซัดกระบวนท่ามาทางเธอไม่หยุด

หย่าซินไม่กล้า ไม่จริงจังอีกต่อไป เธอรวบรวมสมาธิทั้งหมดไว้กับการต่อสู้ตรงหน้า ร่างนี้อ่อนแอเธอไม่คิดจะตอบโต้ต้องการเพียงป้องกันตัวเป็นพอ

หยางเสวี่ยที่เห็นทักษะของหญิงสาว พลันรู้สึกแปลกใจ

ท่าร่างที่นางใช้ เขาไม่เคยเห็นมาก่อน หลายต่อหลายครั้งท่าร่างที่นางใช้ มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

ไม่ด้อยกว่าวิชาของเขาเลย ดวงตาคมหรี่ลง หยุดมือและจ้องเขม็งไปยังหญิงสาวตรงหน้า

"เจ้าปีศาจ มาจากไหนกัน วิชาของเจ้าหาได้ธรรมดา "

น้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับแฝงไปด้วยอำนาจลึกลับ ทำให้หย่าซินรู้สึกถึงความกดดัน ผนวกกับดวงตาคู่นั้น เธอรีบเอ่ยตอบทันที

"ท่านเซียน ข้าไม่ใช่ปีศาจ เเต่เป็นผู้ฝึกตนธรรมดา ที่ประสบอุบัติเหตุตาย...เอ่อ ที่มาอยู่ในร่างนี้ เป็นความบังเอิญเท่านั้น "

น้ำเสียงเธอเรียบเฉย ไม่แข็งกร้าวจนเกินไป เพื่อปกปิดตัวตนที่คิดว่าอาจจะเป็นปัญหาในภานหลัง

เธอตั้งใจทำให้ตัวเองดูเหมือนคนธรรมดามากที่สุด

หากเป็นคนอื่นเธอย่อมไม่มีทางทำท่าทีเยี่ยงผู้น้อยเเบบนี้เป็นแน่ แต่จากการประมือกับเขาเธอก็รู้ได้ทันทีว่าบุรุษตรงหน้าแข็งแกร่งมาก

"ในเมื่อเป็นเรื่องบังเอิญก็รีบออกไปเสีย"

บ้าไปแล้ว การที่เธอได้มาอยู่ในร่างนี้นับเป็นวาสนาไม่ใช่หรือไงในเมื่อสวรรค์มอบโอกาส เหตุใดจะไม่รับเล่า!

ในใจถึงแม้จะไม่อยากเผชิญหน้าแต่เธอก็ไม่อยากตายอีกเป็นครั้งที่สอง จึงรวบรวมความกล้าเอ่ยปฏิเสธ

" แต่ในเมื่อข้าน้อยมีวาสนาได้กลับมาอยู่...."

ทว่าไม่ทันพูดจบ เขาที่รู้ว่าเธอจะปฏิเสธ ไอสังหารก็พวยพุ่งจากร่างปรี่ตรงเข้าจู่โจมมาทันที

ความเร็วนี้แทบทำให้ใจเธอตกไปอยู่ตาตุ่ม แต่หย่าซินที่คอยระวังไว้ก่อนแล้ว จึงก้มตัวต่ำเบี่ยงกายหลบ ได้อย่างเหมาะเจาะ

หย่าซินรอดมาหวุดหวิด และรู้สึกหัวเสียนิดหน่อย

"ท่านเซียน ท่านลอบโจมตีอีกแล้ว! มีความละอายบ้างหรือไม่!"

"หึ ปีศาจตนหนึ่ง เรียกร้องความเป็นธรรมกับข้า?"

พูดจบในมือเขาก็ปรากฏกระบี่เล็กใหลลวดลายแปลกประหลาด

เพียงรูปลักษณ์กระบี่ปรากฏออกมา ปราณกระบี่ก็ เสียดแทงอากาศสู่ผิวหนังนางทันที

ใบหน้างามคิ้วขมวดย่น เล็กน้อย รู้สึกไม่สบายใจ

" ข้าไม่ใช่ปีศาจนะ แต่ว่า นั่นกระบี่อะไร.."

แต่ไม่รอให้นางได้ปริปากเอ่ยถาม หยางเสวี่ยซัดคลื่นกระบี่แปลกประหลาดออกไปทันที

ถึงแม้ว่าท่าร่างของหญิงสาวจะลดทอนแรงโจมตีของคลื่นกระบี่ในคราแรก

แต่เมื่อไม่มีพลังวิญญาณต้านทานก็หนีไม่พ้น

"อั่ก!"

สุดท้ายเธอจึงถูกคลื่นพลังกระบี่จนบาดเจ็บ

เธอจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ออกมา

ถูกทำร้ายโดยไม่มีโอกาสต่อต้านเช่นนี้ทำให้ไฟโทสะประทุขึ้นในใจหย่าซิน

"ท่านเซียนผู้สูงส่ง ใช้อาวุธทำร้ายสตรีที่ไม่มีแม้แต่พลังวิญญาณซ้ำยังร่างกายอ่อนแอไม่มีทางป้องกันตัว น่ารังเกียจเกินไปแล้..."

"ปัง!!!!"

หย่าซินยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกฝ่ามือหนาแฝงพลังซัดออกไปหลายจั้งอีกครั้ง

เฮือกกเจ็บเหลือเกิน ถึงแม้เธอจะเคยอยู่ในสังคมโหดเหี้ยมทารุณอย่แต่ก็ไม่เคยถูกเอาเปรียบถึงขั้นนี้

หย่าซินกัดฟันกรอดฝืนยันร่างขึ้นมา อีกครั้ง

"หน้าตัวเมียเจ้าทำร้ายข้าไม่กลัวว่าร่างนี้จะบอบช้ำหรือไร"

ร่างนี้เมื่อเธอเข้ามาอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่าถูกบำรุงด้วยโอสถชั้นเลิศหลายชนิด

เท่ากับว่าเจ้าของร่างเดิมคงเป็นคนที่เขาให้ความสำคัญมากแน่นอน

แต่เมื่อเธอพูดเชิงข่มขู่ออกไป บุรุษตรงหน้ากลับไม่มีท่าทีหวั่นไหวกับคำพูดของเธอเลย

หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเธอคงถูกหามใส่โลงอีกครั้งเป็นแน่

คิดได้ดังนั้นหย่าซินจึงดึงปิ่นผมดอกเหมยที่ปักไว้บนศีรษะอย่างงดงาม เพื่อใช้เป็นอาวุธอย่างจนปัญญา

หันมาจ้องมองบุคคลออันตรายตรงหน้าอย่างไม่ละสายตา เส้นผมสีดำที่ถูกเกล้าไว้ปล่อยสยายลู่ลม กอปรกับ แววตาใสประกายที่แฝงไอสังหารของนาง

ใบหน้าใต้หน้ากากเงินของบุรุษผู้นั้น แปรเปลี่ยนเล็กน้อย ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นรูปลักษณ์ของสตรีในดวงใจของเขา ย่อมมีผลต่อจิตใจเป็นธรรมดา

"ฟึ่บ ฟึ่บ ชิ๊ง!"

เสียงกระบี่กระทบด้ามปิ่นดอกเหมยที่ทำจากวัสดุไม่ธรรมดา หย่าซินใช้มันราวกับอาวุธชิ้นหนึ่งช่องชำนาญ

โดยที่เธอไม่รู้เลย ว่าปิ่นปักผมชิ้นนี้ เป็นบุรุษตรงหน้าที่มอบให้เจ้าของร่างเดิม

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!