มนุษย์ทุกคนย่อมมีความฝันในทุกค่ำคืนหรือแม้แต่กลางวันก็ฝันได้ถ้าหากเรานอนหลับกลางวันส่วนใหญ่แล้วทุกๆคนบนโลกนี้จะมีความฝันที่ไม่ซ้ำกันแต่สำหรับเขา ภูตะวัน หรือ ภู ที่เพื่อนๆและคนในครอบครัวเรียกกัน ภูตะวัน มักจะฝันแปลกๆและซ้ำๆกันทุกคืนทุกคืนภาพความฝันของภูตะวันคือเขากำลังทำร้ายคนจนถึงขั้นเสียชีวิตทั้งตัวเขามีแต่เลือดเต็มไปหมด ภูตะวันสะดุ้งตื่นทุกครั้ง เขาหวาดกลัวกับความฝันของเขาจนแทบจะเป็นบ้าภูตะวันเป็นชายหนุ่มรูปงามทั้งบุคลิกท่าทางการเดินดูดีไปหมดแต่ไม่มีสาวๆคนไหนกล้าเข้าใกล้เขาเลย เพราะสายตาที่เวลาภูตะวันมองใครๆมันดูคล้ายๆเสือสายตาที่ดุดัน ภูตะวันไม่ค่อยมีเพื่อนมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะความลึกลับและน่ากลัวของเขานั้นเอง มีแต่ กรกันต์ หรือ กร เพื่อนรักของเขาเพียงคนเดียว กรกันต์ ผู้ชายหน้าตาธรรมดาใส่แว่นหนาเตอะเป็นหนอนหนังสือชอบอยู่คนเดียวไม่สุงสิงกับใครแต่เขาชอบมาขลุกอยู่บ้านของภูตะวันทุกวันเช่นเดียวกันกับภูตะวันเขาเข้ากับคนได้ยาก เพราะความที่เขาดูน่ากลัวและลึกลับนั้นทำให้เพื่อนๆในคณะที่เขาเรียนอยู่นั้นต่างลือกันไปต่างๆนาๆแต่ภูตะวันก็ไม่ได้สนใจอะไร
"มึง ภูตะวันนี่หล่อชะมัดเลย"
"อย่าไปยุ่งเลยฆาตรกรโรคจิตหรือเปล่าก็ไม่รู้"
ภูตะวันเองก็ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่เคยทะเลาะกับใคร ภูตะวันมักจะปรึกษากรกันต์อยู่เสมอเรื่องข่าวลือ
"กูไปทำอะไรให้พวกแม่งวะ...ชอบซุบซิบตอนเห็นกูเนี่ยถึงจะไม่สนใจแต่ลำคานสายตา"
"ตามึง..ตามึงน่ากลัวบางครั้งกูยังตกใจมึงจะทำตาดุทำไมวะ"
"เกิดมาตากูก็เป็นแบบนี้แล้วทำไงได้ล่ะ"
"มึงไม่ค่อยพูดกับใครและดูเคร่งขรึมคนเลยไม่กล้าเข้าใกล้"
"ทีมึงล่ะไม่มีตาที่น่ากลัวแล้วก็ไม่เคร่งขรึมแต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้าใกล้มึงเลย"
"กูไม่หล่อกูขี้เหร่ใครจะเข้าใกล้กูและกูก็ไม่ชอบคบกับคนเยอะแยะ...สรุปคือเราเหมือนกันไม่ใช่หน้าตานะแต่นิสัยเหมือนกันรักสันโดดดีแล้วคบกันแค่สองคนนี่แหละ แล้วเรื่องที่มึงฝันล่ะเป็นไงบ้างหาหมอที่จะช่วยได้ยัง?"
"ยังไม่มีใครบอกกูได้สักคนมีแต่ว่ากูเครียด..กูก็ไม่ได้เครียดอะไรนี่"
"มึงเครียด...เครียดจริงๆก็เครียดเรื่องความฝันนี่ไงบางทีการที่ฝันอะไรซ้ำๆน่ากลัวๆก็ทำให้เราเคลียดได้"
"เออก็จริงแต่กูควบคุมไม่ได้จริงๆเคยฝันเมื่อตอนเด็กๆแต่หายไปนานแล้วพึ่งกลับมาฝันอีกครั้งตอนอายุครบยี่สิบเนี่ยแหละและก็ฝันมาตลอดเลย"
"เออ..มึงลองไปหาหมอดูไหมหมอจิตแพทย์น่ะกูมีคนที่รู้จักอยู่คนหนึ่งเขาเป็นเพื่อนกับแม่กูเองเดวถามแม่ก่อนนะว่าเขาอยู่โรงพยาบาลอะไรเดี๋ยวเอาเบอร์ให้นัดเวลาคนนี้เก่งมาก "
"กูไปหามาแทบจะทุกหมอแล้วก็เหมือนเดิมเขาว่ากูเครียด"
"อ่ะๆถ้าครั้งนี้หมอยังพูดเหมือนเดิมกูว่ามึงต้องไปหาพระแล้วล่ะ"
"แล้วพระจะช่วยอะไรได้ล่ะ?"
"ไม่เคยได้ยินที่พูดกันเหรอ?...ไม่ได้ด้วยเล่ก็เอาด้วยกลไม่ได้ด้วยมนต์ก็ต้องพึ่งคาถามันต้องมีสักทางที่จะช่วยได้แหละน่าบางทีเจ้ากรรมนายเวรกำลังตามมึงอยู่ก็ได้ภู..วันนี่กูจะนอนเป็นเพื่อนมึงแล้วกันทำไมมึงอยู่คนเดียวตลอดเลยป้ามึงไปไหนวะ"
"ป้าไม่อยู่แล้วเขาไปอยู่กับลูกสาวของเขาที่ต่างประเทศแล้วกูก็เหงาส่วนป้ากูก็คิดถึงโทรมาหาทุกวันบ่นแต่อยากกลับบ้านแต่ลูกสาวของเขาเป็นห่วงพี่สาวลูกพี่ลูกน้องกันกับกูนี่แหละได้งานทำที่ต่างประเทศ"
ตกดึกคืนนี้ภูตะวันและและกรกันต์นอนหลับสนิท ความฝันของภูตะวันเริ่มปรากฏขึ้น ในป่าที่มืดมิดไม่เห็นแม้แต่แสงไฟ ภูตะวันรู้สึกว่าตัวเองวิ่งตามอะไรบางสิ่งบางอย่างวิ่งเร็วมากเร็วกว่ามนุษย์ เขาไม่รู้ว่าเขาจะวิ่งไปไหน และแล้วภูตะวันก็เห็นมนุษย์ที่กำลังเล็งปืนมาหาเขาภูตะวันไม่เข้าใจว่าคนคนนี้เล็งปืนจะยิงเขาทำไมหรือว่าเคยเป็นศัตรูกัน ก่อนที่คนคนนั้นจะลั่นไกปืน ภูตะวันก็กระโจนใส่เขาคนนั้นเลือดสาดกระจายไปทั่วร่างของเหลวสีแดงไหลนองไปทั่วพื้นตับใตไส้พุงกระจัดกระจาย
"ไม่..ไม่..ไม่นะ..ม้ายยยยยยยย..แฮกๆๆๆๆๆๆๆ"
"เฮ้ยยย..มึงภูเป็นอย่างไรบ้างฝันอีกแล้วเหรอ?"
"เออ...ครั้งนี้น่ากลัวกว่าครั้งก่อนอีกสงสัยจะจริงเหมือนที่มึงพูดแล้วเจ้ากรรมนายเวรแน่ๆ ไปหาหมอครั้งนี้ถ้า วิทยาศาสตร์ช่วยไม่ได้กูคงต้องพึ่งไสยศาสตร์แล้วล่ะ"
"เออ..นอนเถอะมึงกูนอนต่อแล้วนะง่วง"
"เออกูขอโทษ..."
ภูตะวันนอนไม่หลับจนถึงเช้า เขาไม่รอช้ารีบไปหาหมอโดยมีกรกันต์ตามมาด้วย เขาหายเข้าไปในห้องหมอรักษาผู้ป่วยโรคจิตสักพักหนึ่งจึงออกมาด้วยท่าทีที่ผิดหวัง
"ไงหมอว่าไง?"
"เหมือนเดิมว่ะคงต้องไปวัดแล้วล่ะ"
ขณะที่ทั้งคู่คุยกันอยู่พอดีมีกลุ่มเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันกับเขาพากันมาหาหมอ เพื่อตรวจร่างกายและได้เห็นภูตะวันออกมาจากห้องพอดีภูตะวันและกรกันต์ไม่ทันสังเกตุเห็นเพื่อนๆที่กำลังซุบซิบนินทากันด้วยความสงสัย
"เฮ้ยกูว่ามันคงอาการหนักแล้วล่ะถึงได้มาหาหมอรักษา...น่ากลัว"
"เสียดายความหล่อนะไม่น่าบ้าเลย..."
"พวกมึงก็พูดไป หมอโรคจิตใช่ว่าจะรักษาแค่คนบ้าล่ะหมอก็ให้คำปรึกษาคนที่เป็นโรคเครียดไอ้ภูมันอาจจะเครียดเลยมาปรึกษาหมอก็ได้"
"มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดให้ตัวเองดูดีถ้าให้มึงอยู่กับมันสองต่อสองมึงกล้าปะล่ะ"
"ไม่..กูก็กลัวนะมึงใครจะกล้าเสี่ยง"
"แต่ไอ้กรไม่เห็นมันเป็นอะไรเลยเห็นอยู่กับไอ้ภูทั้งวัน"
"ไอ้นั่นแหละตัวดีมึงไม่เคยดูหนังฆาตรกรรมเหรอหน้าตามันแม่งโครตโรคจิต"
"หรือว่ามันสองคนจะเป็นพวกเดียวกันใช่แน่พวกไซโคพาทฆาตรกรโรคจิต "
ข่าวลือยิ่งแพร่สะพัดมากกว่าเดิมแค่เดินผ่นทุกคนต่างหลบกันเป็นแถวดั่งเหยื่อที่หลบหลีกพยาเสือ ภูตะวันจะไม่ทนกับฝันที่มันสยดสยองนี้อีกแล้ว กรกันต์พาภูตะวันไปวัดหาพระที่แม่ของเขาไปทำบุญอยู่บ่อยๆภูตะวันเล่าเหตุการณ์ความฝันที่เกิดขึ้นให้หลวงตาฟัง
"หลวงตาครับผมจะทำอย่างไรดี ความฝันมันเริ่มน่ากลัวขึ้นทุกวันๆจนผมจะเป็นบ้าอยู่แล้วทุกคืนผมไม่อยากหลับเลย"
"มันเป็นวิบากกรรมน่ะโยม...ต้องยอมรับวิบากกรรมครั้งนี้พยายามผ่านมันไปให้ได้ถ้าควบคุมไม่ได้หายนะจะเกิดขึ้นกับโยมภายในตัวของโยมมีบางอย่างซ่อนอยู่อาตมาก็ไม่สามารถบอกได้แต่มีีสิ่งที่ช่วยได้คือยันต์แบบนี้ "
"หลวงพี่จะสักยันต์ให้เหรอครับ?"
"อาตมาทำให้ไม่ได้หรอก อาตมาเป็นพระนักปฏิบัติไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งพวกนี้แต่มีอยู่คนหนึ่งลูกสาวของเขาก็เคยมาปรึกษาอาตมาเด็กคนนี้มีอาการฝันแปลกๆเหมือนกับโยมไม่มีผิด...พอดีมีนักบุญอยู่คนหนึ่งซึ่งมาพักอยู่ที่วัดนี้ได้ประมาณสองปี พอเขาเห็นอาการของเด็กผู้หญิงคนนั้นเขาก็บอกให้สักยันต์แบบนี้ลงไปที่ร่างกายของเธอตั้งแต่นั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ฝันอีกเลย บ้านเขาอยู่ใกล้ๆนี่แหละขับรถไปประมาณ2-3กิโล ไปถามหาลุงพงษ์เขาเป็นพ่อของเด็กคนนั้นแต่ตอนนี้เธอคนนั้นไม่เด็กแล้วนะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับโยมนั่นแหละ"
ภูตะวันและกรกันต์กราบลาหลวงตาแล้วรีบไปหาพ่่อของเด็กคนนั้น ขับรถไปได้สัก2กิโล กรกันต์ก็ลงไปถามชาวบ้านแถวนั้น
"รู้จักย้านลุงพงษ์ไหมครับ?"
"ขับไปอีกนิดเดียวจะเห็นซอยข้างหน้าเข้าไปในซอยนั่นขับรถไปซุดซอยก็จะเห็นบ้านตาพงษ์พ่อของหหนูพิมพ์"
ภูตะวันขับรถมาจนสุดซอยก็เห็นบ้านหลังเล็กๆเก่าๆ พอเดินเข้าไปภายในบ้านดูสะอาดสะอ้านจัดของไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย ภูตะวันเห็นลุงแก่ๆกับลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกับภูตะวัน หญิงสาวที่หน้าตาธรรมดาแต่มีบางสิ่งบางอย่างที่ภูตะวันสัมผัสได้ หญิงสาวเดินมาหาเขาแล้วถามว่า
"มาหาใครคะหร้าตาไม่คุ้นเลย หรือจะเป็นพวกเก็บเงินกู้ที่พี่พัตต์ไปยืมมาบอกไว้ก่อนนะชั้นไม่รับผิดชอบใครเป็นคนยืมก็ไปเกฌบกับคนคนนั้นสิ"
"เอ่อคือผมจะมาถามหาคนที่เคยสักยันต์ให้คุณน่ะเขาอยู่ที่ไหน?"
"เอ่อ...คงต้องถาม พ่อชั้นแล้วล่ะชั้นจำอะไรไม่ได้เลย...พ่อ..พวกเขาจะมาถามหาคนที่สักยันต์ให้พิมพ์น่ะ"
"ทำไมล่ะถามหาเขาทำไม?"
"ผมฝันร้ายน่ะ...ฝันซ้ำๆเดิมๆฝะนน่ากลัวมากเลือดเต็มไปหมดเลย"
"เหมือนกันกับพิมพ์เลยพิมก็ฝันแบบนี้ตอนเด็กไปสักแปดขวบได้จนลุงไม่รู้จะทำอย่างไรพระก็ไม่สามารถช่วยได้ แต่ตอนนี้มันผ่านมานานมากหลายปีแล้วไม่รู้เขาย้ายไปอยู่ที่ไหนแล้วขอโทษนะที่ลุงช่วยอะไรไม่ได้ "
ภูตะวันผิดหวังอีกแล้ว ขณะที่ภูตะวันกับกรกันต์กำละงจะเดินออกไปจากบ้านก็ได้ยินเสียงของพิมพ์ตะโกนเรียกพ่อดังลั่น
"พ่อ..!...อย่าเป็นอะไรนะ...พ่อ"
"ลุงเป็นอะไรน่ะเร็วๆรีบพาไปหาหมอเร็ว"
ภูตะวันและกรกันต์รีบพาลุงพงษ์ไปหาหมอลุงพงษ์มีโรคประจำตัวทั้งเบาหวานความดัน อาการกำเริบบ่อยครั้งมากพิมพ์ต้องพาพ่อไปหาหมออย่างทุลักทุเลขณะที่รอหมออยู่นั้นด้วยความเพลียและเหรื่อยบวกกับที่เขานอนไม่เคยเต็มอิ่มเลยทำให้ภูตะวันเผลอหลับข้างๆกับพิมพ์ และเผลอซบไหล่ของเธอพิมพ์แอบมองหน้าของภูตะวันใบหน้าที่หล่อเหลาแต่แฝงด้วยอะไรบางอย่าง พิมพ์ยังจำได้ดีกับความฝันที่น่ากลัวนั้น ผู้ชายคนนี้กำลังเจอวิบากกรรมเหมือนกับเธอ พิมพ์รู้สึกสงสารเขา พิมพ์ไม่ได้ว่าอะไรที่ภูตะวันหลับแล้วเผลอพิงไหล่เธอ หมอเดินออกมาบอกอาการของลุงพงษ์แล้วก็ให้ไปรับยา ค่ายาค่ารักษาแพงจนเงินในกระเป๋าของพิมพ์แทบจะหมด พิมพ์คิดแล้วว่าจะเลิกเรียนแล้วมาทำงาน เพราะเธอต้องหาเงินรักษาพ่อ...ภูตะวันขับรถไปส่งลุงพงษ์กับพิมที่บ้าน แล้วเขาก็ขับรถกลับบ้านภูตะวันมีมรดกที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้มากมาย พ่อเป็นวิศวกรภูตะวันจึงเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เพื่อเดินตามรอยพ่อ ขณะที่ภูตะวันขับรถอยู่นั้น จู่ๆเขาก็เบรกรถกระทันหัน
"เอี๊ยดดดด....!"
"เฮ้ย...ภูมึงหยุดทำไมวะ?"
"กูพึ่งนึกได้...กูหลับ"
"เออหลับแล้วแปลกตรงไหนวะ"
"แปลกสิแปลกตรงที่กูไม่ฝันนี่สิไม่มีฝันเลย"
"เพราะอะไร..?"
"พิมพ์เป็นเพีาะพิมแน่ๆกูรู้แล้วว่าจะทำยังไงให่้ไม่ฝันอีกจนกว่าจะหาลุงคนคนั้นเจอ"
"พิมพ์ เธอเป็นเพราะเธอแน่ๆที่ทำให้กูไม่ฝันร้าย"
"แล้วไง มึงจะชวนผู้หญิงที่พึ่งรู้จักกันเมื่อกี้นี้มานอนด้วยงั้นเหรอหรือมึงจะมานอนบ้านเขาเหรอ?"
"จะทำยังไงให้พิมพ์มาอยู่บ้านกูได้วะแบบสมัคใจด้วย"
"จ้างสิ...จ้างมาทำงานที่บ้านมึง "
"จ้างทำอะไรดีล่ะที่บ้านกูจ้างพนักงานทำความสะอาดของบริษัทแล้วด้วย"
"ทำอาหารไงมึงซื้อกินทุกวันนี่นาไม่เคยเห็นมีแม่ครัวเลยที่บ้านมึง"
"เออ...จริง..ปะไปกัน"
ภูตะวันย้อนกลับมาบ้านของลุงพงษ์ เพื่อมาเจรจากับพิมพ์พรรณ
"ไม่ได่หรอกพ่อของชั้นป่วยอยู่จะให้ทิ้งไปยังไงและที่แปลกคือทำไมอยู่ๆมาจ้างชั้น"
"คือไอ้ภูมันอยู่บ้านคนเดียวมันเหงาเลยอยากหาคนไปอยู่เป็นเพื่อนและก็กำลังหาคนทำอาหารให้กินด้วย"
"ไปเถอะพิมพ์พ่ออยู่ได้...เพราะรอยสักนั่นใช่มั๊ย คุณต้องการให้พิมพ์อยู่ใกล้ๆเพราะรอยสักยันต์นั่น"
"ไปเถอะพิมพ์ไปช่วยคุณเขา..."
"ไม่ได่หรอกพ่อ...พ่อจะอยู่คนเดียวได้ไงแล้วใครจะหาข้าวหายาให้พ่อกินล่ะ"
"เอ่อ...คือ ลุงจะสะดวกมั๊ยล่ะถ้าจะไปอยู่บ้านของผมที่บ้านของผมมีห้องมากมายแต่มีผมอยู่เพียงคนเดียว"
"ก็ได้แต่ลุงเกรงใจ"
"ไม่ต้องเกรงใจเลยถือซะว่าช่วยผม...เอ่อผมทรมานกับการฝันร้ายนี่มาเกือบปีแล้ว"
"อ้าวทำไมคุณพึ่งมาเริ่มฝันก่อนหน้านั้นทำไมไม่ฝันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆคุณต้องมีอะไรบางอย่างที่สะกดฝันร้ายนั่นไว้คืออะไรจำได้มั๊ยจะได้หาให้เจอ"
"มีแต่มันหายไปไม่รู้ไปหายที่ไหนผมจำได้ว่าสวมใส่ไว้ที่คอตลอดป้าของผมบอกว่าห้ามทำหาย มันเป็นตระกุด ตั้งแต่มันหายไปผมก็เริ่มฝันแลกๆและก็น่ากลัวขึ้นทุกวัน"
"เอ่อ...งั้นก็ได้ลุงจะไปด้วยเดี๋ยวเก็บของแป๊บหนึ่ง"
ขณะที่ลุงพงษ์และพิมพ์พรรณเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าอยู่นั้นภูตะวันก็เดินดูรอบๆภายในบ้านถึงบ้านจะเล็กอยู่ได้แค่สองคนแต่ดูระเบียบเรียบร้อยร้อยดีภูตะวันดูอะไรไปเรื่อย เขาบังเอิญไปเห็นรูปของผู้ชายสองคนอีกคนหนึ่งคือลุงพงษ์แน่ๆเมื่อสมัยยังหนุ่มแต่อีกคนหน้าตาคุ้นๆแต่มันจางจนแทบจะไม่เห็นหน้าแต่เขารู้สึกคล้ายๆจะเคยเห็นผู้ชายคนนี้"
"ลุงครับผู้ชายคนนี้ใคร?"
"อ๋อเพื่อนลุงเองเมื่อสมัยหนุ่มๆลุงเป็นพรานป่ากับเพื่อนลุงนั่นแหละชอบมีคนรวยๆมาจ้างให้ไปล่าเสือเอาหัวกับหนังของมันไปประดับบ้าน"
"ทำไมน่ากลัวจังลุงไม่กลัวเสือมันจะขย้ำลุงเหรอ?"
"ตอนนั้นก็ไม่กลัวหรอกแต่ตอนที่เพื่อนลุงโดนเสือขย้ำกินตายไปต่อหน้าลุงก็เลิกทำอาชีพนี้เลย..มันน่ากลัวมากเสือตัวนั้นมันตัวใหญ่มากกว่าเสือตัวใดๆที่ลุงเคยเห็นมันเป็นพยาเสือโคร่งมีคนมีเงินคนหนึ่งมาว่าจ้างให้ไปหาเสือที่มีลักษณะแบบนี้เพื่อนลุงก็พาไปแล้วคนว่าจ้างคนนั้นก็ไปดูการล่าเสือด้วย ลุงกับผู้ว่าจ้างรอดตายหวุดหวิดลุงกับผู้ว่าจ้างคนนั้นยิงพยาเสือโคร่งตาย แต่มันไม่จบแค่นั้น่ะสิ อยู่ๆเสือตัวเมียมันโผล่มาอีกตัวกระโจนเข้ามาจะขย้ำผู้ว่าจ้างคนนั้นลุงกลัวจนตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก เสือตัวเมียนั่นมันคำรามเสียงดังมากสายตาของมันดูเคียดแค้นมากลุงคิดว่ามันคงเป็นเมียของพยาเสือโคร่งตัวใหญ่นั่นแน่ พอลุงได้สติก็ยิ่งรัวซ้ำๆจนมันตายแต่ผู้ว่าจ้างคนนั้นก็บาดเจ็บสาหัสอยู่แต่รอดชีวิตมาได้"
เมื่อลุงพงษ์และพิมพ์พรรณเก็บของเสร็จแล้วภูตะวันก็พาทั้งคู่มาที่บ้านของเขา บ้านหลังใหญ่ เนื้อที่ประมาณห้าไร่ รอบๆบ้านมีแต่ต้นไม้ลุงพงษ์และพิมพ์พรรณแปลกใจยิ่งนัก
"ทำไมบ้านคุณต้นไม่เยอะจังชั้นชอบมากเลยมันรู้สึกว่าป่าคือบ้านของเรา"
"เอ่อผมก็รู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ผมปลูกเองตั้งแต่เด็กๆป้าผมชอบปลูกต้นไม้ มีแต่คนว่ามันทึบเกินจนน่ากลัว บ้านคุณก็ต้นไม้เยอะเลยนี่"
ภูตะวันพาทั้งสามคนเข้าบ้าน ภายในบ้านกว้างใหญ่ มากจนพิมพ์พรรณแปลกใจว่าบ้านหลังใญ่ขนาดนี้อยู่กันได้เป็นสิบคนแน่ๆแต่ทำไมมีแค่ภูตะวันอยู่คนเดียว
"ทำไมมีแค่คุณคนเดียวล่ะพ่อแม่คุณไปไหน?์"
"แม่ผมเสียชีวิตตอนคลอดผมออกมาน่ะ"
"ขอโทษค่ะที่ถามเสียใจด้วยนะคะ...แต่แม่ชั้นก็เสียชีวิตตอนคลอดชั้นออกมาเหมือนกัน พอชั้นเริ่มจำความได้ก็เริ่มฝันแปลกๆ"
"คุณเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมว่าคุณฝันอะไรบ้าง"
"แต่จะให้ชั้นกับพ่ออยู่ห้องไหนล่ะ?"
"ห้องข้างล่างนี่แหละเลืกเอาเลย"
"ห้องคนงานก็ได้ดูเหมือนห้องมันจะใหญ่เกินไปชั้นชอบห้องเล็กๆ"
"แต่ว่าคุณเป็นแขกของผมนะ"
"แต่ว่าคุณจ้างชั้นมาทำอาหารให้คุณกินไม่ใช่เหรอ?"
"งั้นก็แล้วแต่คุณแล้วกันห้องคนงานก็อญู่ข้างๆนี่แหละมีหลายห้อง แต่ไม่เคยมีใครกล้ามาอยู่มีแต่คนว่าที่บ้านนี้เหมือนบ้านผีสิงบางคนก็ว่าได้ยินเสียงคำรามเหมือนเสียงเสือแต่ผมไม่เห็นเคยได้ยินเลยเมื่อก่อนมีแค่ผมกับป้าอยู่แต่พี่สาวลูกของป้าพาป้าไปอยู่อเมริกาด้วยพี่สาวเขาไม่ชอบผมสักเท่าไรเขาว่าผมเป็นปีศาจ"
"อ้าวแล้วพ่อคุณล่ะขอโทษนะแต่ชั้นอยากรู้"
"พ่อเสียชีวิตตอนผมยังเด็ก...ทิ้งบ้านหลังนี้กับมรดกมากมายจนผมใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมดพ่อทำธุรกิจส่งออกของที่ระรึกของแปลกๆที่เขาไปกว้านซื้อมาจากราคาไม่แพงแต่ส่งออกไปเมืองนอกราคาหลายล้านป้าเล่าให้ฟังเพราะผมก็สงสัยทำไมพ่อรวยจัง พอพ่อผมเสียป้าเลยย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ กับครอบครัวต่อมาลุงเขยก็เสียชีวิตอีกคนที่บ้านนี้ พี่สาวผมเกลียดผมเพราะเหตูนี้แหละเขาออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวป้าสงสารผมจึงอยู่กับผมที่นี่จนผมโตขึ้นป้าย้ำตลอดว่าอย่าทำตระกุดหายแต่มันหายไปตอนทำกิจกรรมรับน้องที่มหาวิทยาลัยผมก็ถามป้าบ่อยๆว่าสร้อยตระกุดนี่มันมีความหมายอะไรป้าก็บอกไม่รู้แต่เป็นของต่างหน้าที่พ่อให้ไว้ก่อนที่พ่อจะเสียชีวิต ผมก็แปลกใจ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว ผมอาจจะมีเจ้ากรรมนายเวรตามทวงคืนอยู่แน่ๆ"
พิมพ์พรรณเก็บของให้พ่อและของของตัวเองแล้ว ก็เตรียมตัวทำอาหารเย็นให้ทุกคนกินแต่ภายในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย
"นี่คุณในตู้เย็นไม่เห็นมีอะไรให้ทำเลยจ้างชั้นมาทำอาหารไม่ใช่เหรอ?"
"ไม่ต้องทำก็ได้เดี๋ยวผมสั่งให้เขามาส่งให้"
"ไม่ได้คุณจ้างชั้นมาทำอาหารชั้นรับงานแล้วก็ต้องทำหน้าที่สิ"
"ผมแค่พาคุณมาควบคุมฝันผมอย่างที่คุณรู้ไม่ต้องจริงจังก็ได้"
"ไม่ได้คุณจะให้เงินเดือนชั้นพร้อมกับค่ารักษาพ่อด้วยชั้นต้องทำประโยชน์ให้คุณบ้างคิดเสียว่าประหยัด"
"ก็ได้เดี๋ยวผมพาไปซื้อของแต่เงินผมมีเยอะแยะใช้วันละแสนยังไม่หมดเลย อ๋อ...อาชีพอีกอย่างของพ่อคือวิศวะกรและผมก็จะเป็นวิศวะกรด้วย ..ปะขึ้นรถ กร...มึงจะนอนที่นี่หรือกลับบ้านจะได้ไปส่งทีเดียว"
"กูจะนอนที่นี่แต่วันนี้กูไม่นอนกับมึงแล้วเดี๋ยวมึงฝันร้ายอีกเมื่อคืนกูไม่ได้นอนเลย"
"ไม้ได้นอนห่าไรกลนครอกๆๆข้างๆหูกูนี่"
ภูตะวันขับรถพาพิมพ์พรรณไปซื้อของที่มินิมาร์ทใกล้ๆ พิมพ์พรรณเลือกซื้อของที่จำเป็นสำหรับทำครัวเยอะแยะมากมายขณะที่ซื้อของอยู่นั้นมีเพื่อนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกับภูตะวันมาเห็นพอดี และก็แอบถ่ายคลิปของภูตะวันแล้วก็พิมพ์พรรณ พิมพ์พรรณสังเกตุเห็น ว่าเพื่อนคนนั้นกำลังทำลับๆล่อๆแต่ก็ไม่ได้สนใจ ภูตะวัน พาพิมพ์พรรณกลับบ้านพิมพรรณเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ภูตะวันฟังแล้วก็ถามด้วยความสงสัย
"คุณภู คุณหล่อมากเลยนะสงสัยคุณจะฮอตมากสิในมหาวิทยาลัย ชั้นแอบเห็นมีคนแอบถ่ายรูปคุณด้วย"
"ใช่ผมฮอตมากฮอตจนร้อนเป็นไฟเลย เขาหาว่าผมเป็นโรคจิตเป็นฆาตรกรเป็นปีศาจเป็นอะไรที่พวกมันสรรสร้างจินตนาการณือยากให้เป็นตอนนี้คุณอาจจะเป็นเหยื่อของผมก็เป็นได้พรุ่งนี้ผมไปมหาวิทยาลัยก็จะมีข่าวแปลกๆเกิดขึ้นอีกไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผมเลย"
"ตาคุณค่ะตาคุณดูน่ากลัวตาดุเหมือนตาของเสือน่ะค่ะ ใส่แว่นอำพรางสิคะคุณจะดูเท่ห์มาก "
"เอ่อผมพึ่งสังเกตุว่าตาของคุณคล้ายๆกันกับตาผมเลย ที่คุณใส่แว่นนี่ผมก็นึกว่าคุณสายตาสั้นเสียอีก"
"ชั้นชอบเด็กๆน่ะค่ะแต่พอเข้าใกล้เด็กๆทีไรพวกเขาจะกลัวแล้วชั้นอยากเป็นครูด้วยช่วงหางานพิเศษก็ไปเป็นผู้ช่วยครูสอนพิเศษแต่ด้วยสายตาของชั้นมันทำให้เด็กๆกลัวชั้นเลยต้องอำพรางไว้น่ะค่ะ"
"อ๋อแบบนี้น่ะเอง "
พิมพ์พรรณทำอาหารเสร็จแล้วตั้งโต๊ะพร้อม กลิ่นหอมของอาหาร ทำให้ทุกคนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา
"โอ้โห..อย่างกับกินที่ร้านอาหารเลยนี่ทำเองหมดนี่เลยเหรอ? ตอนแรกยังคิดว่าสั่งเขากินน่าจะดีกว่าแต่รสชาติต้องลองดูผมกินยากซะด้วยสิ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องรสชาติพิมพ์เขาเคยทำงานพิเศษเป็นเชฟอยู่ร้านอาหาร ตั้งหลายปีแต่ช่วงโควิด ทำให้ร้านปิดเพราะขาดรายได้"
"อ๋อ...งั้นเรากินกันเลยนะหิวมากเลยตอนนี้ ผมคงต้องมานอนบ้านภูทุกวันแล้ว"
ทุกคนรัปประทานอาหารเสร๊จแล้วก็แยกย้ายกันเข้าห้องแต่พิมพ์พรรณเก็บล้างจานอาหารอยู่ ภูตะวันเดินตามมาหาแล้วพูดกับพิมพ์พรรณว่า
"คุณช่วยเล่าความฝันให้ผมฟังหน่อยว่าคุณฝันอะไรบ้าง "
"ชั้นฝันว่าชั้นได้ยินเสียงปืนชั้นเห็นเสือตัวหนึ่งตัวใหญ่มากแต่ชั้นไม่ได้กลัวเสือเลยแต่ชั้นร้องไห้เสียใจเสียใจมากเสียใจที่เสือตัวนั้นตายแต่ชั้นกลัวกลัวคนที่ถือปืนนั่นเขาเล็งปืนมาที่ชั้นแล้วยิงชั้นก็ไม่เข้าใจเขายิงชั้นทำไม เลือดเต็มเลย"
"คล้ายๆกันกับผม ผมฝันว่ามีคนเล็งปืนมาที่ผมแล้วผมกระโจนเข้าหาเขาแต่ผมแปลกใจผมไม่มีอาวุธที่มือเลยสู้กับเขาด้วยมือเปล่าแต่เขาตายเนื้อตัวของชายคนนั้นเละเทะใส้ทะลัก"
"ยี้..น่ากลัวจังฝันของคุณน่ากลัวชะมัดเลย ชั้นว่านะพ่อคุณอาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่พ่อและเพื่อนของพ่อไปออกล่าเสือก็ได้พ่อคุณอาจจะเป็นผู้ว่าจ้างล่าเสือก็ได้ วิญญาณเสือทั้งสองผัวเมียที่พ่อเล่าอาจจะมาทวงคืนก็ได้กับเราทั้งสองคน"
"อ้าวพ่อทำก็ไปทวงที่พ่อสิมาทวงอะไรที่ผมล่ะ?ไ
"ชั้นก็ไม่รู้หรอกชั้นเดาเอาน่ะ"
ตกดึกคืนนี้ภูตะวันคิดว่าวันนี้คิดว่าคงจะไม่ฝันอีกเพราะมีพิมพ์พรรณมาอยู่ที่บ้านด้วย แต่ เขาฝันอีกแล้ว ฝันเหมือนเดิมในความฝันมันมืดมากผู้ชายคนนั้นเล็งปืนมาที่เขา เขากระโจน ใส่ แล้วเขาก็ตื่น เขาตื่นมาเห็นพิมพ์พรรณจับตัวเขาอยู่
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!