ความรัก เป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ และ ทรงพลังอย่างมากในชีวิตมนุษย์

แม้ว่า ความรัก จะมีหลากหลายรูปแบบ แต่ ความรัก ที่ทรงอิทธิพลกับชีวิตของเรา ก็คือ ความรักในรูปแบบคู่รัก ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนโหยหา และ สร้างความเติมเต็มให้ชีวิต

แม้ว่ามนุษย์จะเป็นสัตว์สังคม ที่จะต้องอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน แต่ ความสัมพันธ์ที่ดี ความสัมพันธ์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เป็นสิ่งที่เราจะต้องเรียนรู้ในการที่จะสร้างมันขึ้นมา

รูปแบบความสัมพันธ์ที่เราจะสร้างขึ้นกับคนรักของเรา เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่เราเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ระหว่างเรากับคนเลี้ยงหลักของเรา

ความรักที่ไม่สมหวัง เลิกรา เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของ การป่วยด้วยโรคทางจิตเวช มากมาย

เราจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างไร

การจะสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแรงได้ อาศัยการทุ่มเท ใส่ใจ และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพอย่างสม่ำเสมอ

เราควรจะเชื่อใจในตัวคนรักของเราว่าเขาได้ให้ความสำคัญกับเรา ชีวิตคู่ของเรา และ เราทั้งคู่พร้อมที่จะปรับ และ ก้ามข้ามปัญหาต่างๆ ไปด้วยกัน รู้สึกขอบคุณ และ ชื่นชมในสิ่งที่อีกฝ่ายทำให้กับเรา เป็นต้น

เราจะค้นพบความรักได้อย่างไร

การค้นหา คนที่ใช่ สำหรับเรา ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่เปิดโอกาสให้เราได้เจอผู้คนมากมายขึ้นผ่านโลก online

เราจะรู้ว่า เรารู้สึกสนใจอีกฝ่าย ก็ต่อเมื่อ คนๆ นั้น ทำให้เราอยากลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ปรับความเชื่อของเรา เปิดรับสิ่งใหม่ๆ เราอยากจะปรับเปลี่ยนตัวเอง ซึ่งแน่นอน ในช่วงแรกๆ เราอาจจะรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง เครียด และวิตกกังวล

ถ้าเราชอบอีกฝ่ายมากๆ เราจะมีความรู้สึกอยากพบเจอเขา อยากใช้เวลากับเขา และ อยากจะสานความสัมพันธ์นี้ให้ดีขึ้น

ความรักพังลงได้อย่างไร

ทุกความสัมพันธ์ เราจะเห็น ความหวัง ของคนที่อยู่ในความสัมพันธ์นั้น อย่างน้อยหนึ่งฝ่าย

ทุกคู่ มีปัญหาที่จะต้องปรับ และ ก้าวผ่าน แม้แต่คู่ที่เรารู้สึกว่า เขาดูเป็นคู่ที่มีความสุขที่สุดก็ตาม

การอยู่ด้วยกัน และ สนิทกันมากขึ้นเท่าไร ความเป็นตัวของเราในเรื่องบางเรื่อง อาจสร้างความรำคาญใจให้คู่รักของเราบ้าง ไม่มากก็น้อย

ดังนั้น การที่จะดำเนินความสัมพันธ์ให้มีความสุข และ ยาวนาน จะต้องใช้ความพยายาม และ ทุ่มเทเป็นอย่างมาก ซึ่งการเลิกรานำมาซึ่ง ความเครียด ความทุกข์ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ ego และ self-esteem ของเราเป็นอย่างมาก

ส่งความคิดเห็นมาให้ด้วยนะครับ

คบกับ เพื่อน คนนี้แล้วรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง คบกับเพื่อนคนนี้แล้วรู้สึกไม่ชอบตัวเอง หรือไม่รู้สึกภูมิใจในตัวเองสักนิด อาจเพราะเรากำลังคบกับเพื่อนที่ไม่น่าคบอยู่หรือเปล่า?

คำว่า เพื่อน คงต้องเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดีกับการมีเขาอยู่

ซึ่งกว่าจะเจอคนที่เรียกว่าเพื่อนแท้ได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้ Alljit ร่วมกับ คุณรัชดาภรณ์ ศรีวิลัย นักจิตวิทยาคลินิก พูดคุยในทุกประเด็นในเรื่องสุขภาพใจ

เจาะลึกถึงความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อน และสัญญาณที่บ่งบอกว่าเพื่อนแบบไหนที่เราควรออกห่างสัญญาณที่

1 เพื่อนที่มีแต่พลังลบ

อยู่ด้วยแล้วเป็นพลังลบ ไม่ว่าจะทัศนคติ พฤติกรรม ทำให้เรารู้สึกว่าโลกไม่น่าอยู่ มองเห็นแต่ข้อเสียของคนอื่น พูดถึงแต่อะไรที่เป็นด้านลบอย่างเดียว

ในเชิงจิตวิทยากล่าวว่าเราจะเริ่มกลมกลืนกับสิ่งเหล่านั้นและซึมซับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาหาตัวเราเอง

สัญญานที่ 2 เพื่อนประเภทหวังดีประสงค์ร้าย

อยู่ด้วยแล้วต้องระวังว่าตัวเองจะทำผิดรึเปล่า ทำให้เราขาดความมั่นใจในตัวเองดูเหมือนประสงค์ดีที่จะให้คำแนะนำกับเรา แต่คำแนะนำที่ให้มากลับทำให้เรารู้สึกแย่

สัญญานที่ 3 เพื่อนที่ไม่เคารพพื้นที่ส่วนตัวของเรา

ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่,เวลา,ความคิดและการตัดสินใจ เราแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลยเมื่อมีเขาเป็นเพื่อน หากมีเพื่อนรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป

อาจต้องลองถามตัวเองว่ายินดีไหมที่ให้เพื่อนเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น

สัญญานที่ 4 เพื่อนประเภทที่มีเงื่อนไขอยู่ตลอด

มีเงื่อนไข เช่น เป็นเพื่อนกันต้องเรียนเก่ง ต้องรวยเท่านั้นถึงจะนับเป็นเพื่อนได้ หรือเพื่อนที่ชอบบงการให้ทำตามคำสั่งเขาอยู่ตลอด

สัญญานที่ 5 เพื่อนที่สนับสนุนในทิศทางที่ไม่ดี

สนับสนุนพฤติกรรม,การกระทำต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเราหรือคนอื่นเดือดร้อน ผิดต่อคุณธรรม จริยธรรม

สัญญานที่ 6 เพื่อนต้องช่วยเหลือกัน

เพื่อนควรสะท้อนด้านดีของตัวเราเองเพื่อให้กำลังใจ หรือหากทำอะไรผิดก็คอยตักเตือนช่วยเหลือซัพพอร์ตกัน ไม่ใช่นึกถึงเราแค่ตอนเรามีเรื่องทุกข์ใจอย่างเดียว

วิธีรับมือกับเพื่อนที่ไม่น่าคบ

เมื่อเรารู้สึกอยู่กับเพื่อนคนไหนแล้วรู้สึกแย่ อยู่ด้วยแล้วเป็นพลังลบ อาจต้องเป็นกระจกสะท้อนให้เพื่อนเห็นพฤติกรรมบางอย่างของเขา เพราะเขาอาจไม่รู้ตัว

ช่วยกันปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างหากยังอยากเป็นเพื่อนกันอยู่ แต่ถ้าลองพยายามแล้วเรายังรู้สึกแย่มากขึ้นกว่าเดิมการหลีกเลี่ยงที่จะเจอกันหรือพูดคุยกัน ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นกัน

สัญญานเหล่านี้เป็นเพียงการสังเกต เพื่อให้เราได้เรียนรู้ว่าเพื่อนแบบไหนควรจะอยู่ใกล้หรือออกห่างเท่านั้น สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของเรามากกว่า ว่ายังอยากมีเพื่อนคนนี้อยู่ในชีวิตไหม

อย่าลืมว่าเรามีสิทธิ์คัดกรองคนที่อยู่ในชีวิตเราให้มีคุณภาพ หากเราอยากเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และอย่าลืมกลับมาเช็คตัวเองด้วยว่าเรามีสัญญานความเป็นเพื่อนแบบไหนหรือเปล่า