NovelToon NovelToon

ตำหนักร้อยดาวชายากาวใจ

ตำหนักร้อยดาว

ตำหนักร้อยดาวหากมีดาวร้อยพันส่องสว่างกลับหามองเห็นไม่ ภายใต้ดวงตาเย็นชานั้น ไม่ได้มีสิ่งใดให้ลังเลที่จะถอยห่างออกไป

“องค์ชาย”ร่างใหญ่ถอยห่างนอนขดตัวชิดข้างฝา ไร้คำพูดตอบกลับ

พรุ่งนี้จะมีหน้าไปคุยกับใครในเมื่อคืนนี้ไร้การร่วมหออย่างที่ควรจะเป็นอย่างดีคงต้องปิดปากเงียบ หรือหากจะร้ายหน่อยก็คงถูกตราหน้า

หว่านหนิงนอนนิ่งไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว จะอย่างไรเล่าในเมื่อบุรุษผู้นี้ ไร้ผู้คนรักใคร่เอ็นดูตลอดชีวิต แทบจะไม่ยิ้มหัว มีเพียงตัวเองที่จมอยู่กับตัวเองก็เท่านั้นจะให้มีปฏิกิริยารักใคร่ชอบพอใครตอบกลับคงไม่มีทางหว่านหนิงถอนหายใจเฮือกใหญ่

ดึงผ้าผืนใหญ่ห่มคลุมร่างกายของตัวเอง อากาศหนาวจัด อีกคนยังนอนขดตัวไม่แม้จะเฉียดใกล้ร่างบอบบางของหว่านหนิงให้ระคายเคือง

ค่ำคืนเหน็บหนาวผ่านไปอย่างกล้ำกลืน หว่านหนิงตื่นเช้าขึ้นมา องค์ชายห้าก็นั่งในท่าเตรียมพร้อมอาบน้ำออกมานั่งรอไร้สาวใช้หรือขันทีช่วยแต่งกาย หว่านหนิงหยิบ เสื้อคลุมและหมวก ไปยืนตรงหน้าสายตาหมางเมินจนเกือบจะเป็นเย็นชาแต่งเข้ามาในตำหนักร้อยดาว แต่เหมือนร้างไร้ซึ่งดาวมีเพียงความมืดมิด ประตูหน้าต่างถูกปิดตายฝุ่นสีเทาเกาะอยู่ไปทั่วบริเวณเหมือนไม่เคยได้มีใครเข้ามาปัดกวาด ไร้ซึ่งสาวใช้

หว่านหนิงจำต้องไปแต่งตัวให้อย่างเสียไม่ได้ก็ในเมื่อแต่งเข้ามาเป็นภรรยาเขาแล้วหน้าที่ดูแลเขาไม่อาจละเลย

“องค์ชาย จะเสวยเลยไหม”เมื่อสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ท่าทีเขายังนิ่งเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดใด หากใบหน้าไม่ได้หล่อเหลาราวกับเทพมาจุติอย่างที่เป็นอยู่จะนับว่า คนคนนี้เหมือนกับซากศพที่ไร้อารมณ์ความรู้สึกใดใดเป็นแน่ ใบหน้าซีดขาวไร้สีเลือดริมฝีปากซีดจาง หยิบหมวกจากมือของหว่านหนิงมาสวม

“สาวใช้ไม่เคยนำอาหารมาที่นี่ ข้าจำต้องไปหาที่กินเอง เจ้าเข้ามาในตำหนักวันแรกอาจยังไม่รู้ เช่นนั้นห้องเครื่องคงพอจะมีอะไรให้เจ้าได้พออิ่มท้อง”คำพูดเรียบเฉยไม่ได้แสดงความเห็นใจเพียงแต่แนะนำตามมารยาทหรือก็จะไม่อยากให้หว่านหนิงคาดหวังอะไร

ตำหนักใหญ่เป็นรองเพียงตำหนักของฮ่องเต้แต่ไร้ซึ่งสาวใช้และขันที นางกำนัลยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วยังไร้ซึ่งเครื่องเสวยอีกหรือนี่ หว่านหนิงตกนรกหรือไรจึงต้องมาเจออะไรแบบนี้ ในเมื่อเป็นบัญชาฝ่าบาทเสด็จพ่อขององค์ชายห้าลี่หยางเหมือนจะโยนบาปเคราะห์ให้กับหว่านหนิงหรืออาจเป็นบัญชาสวรรค์ ก็ในเมื่อเป็นลูกสาวคนโตในตระกูลขุนนาง แต่ตอนนี้ไร้ยศฐา เพราะบิดาทำผิดมีโทษถึงประหารแต่ด้วยมารดา เป็นถึงองค์หญิงจึงถูกละเว้นโทษตาย

การแต่งงานครั้งนี้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหว่านหนิงก็ยังคงใช้ชีวิตปกติเมื่อบิดาได้จากไป การแต่งงานครั้งนี้กับองค์ชายที่ถูกรังเกียจ ไร้คนรักใคร่ห่วงใยอีกทั้งยังไม่มีใครคบหาสมาคม บรรดาองค์ชายทั้งหลายก็ต่างหลีกหนีให้ไกล จึงขัดเสียไม่ได้อย่างนั้นหรือ

ก้าวขายาวๆ ออกจากตำหนักร้อยดาว เขาต้องทำงานเหมือนประหนึ่งขุนนางชั้นผู้น้อย ทุกวันตอนเช้าต้องออกไปถวายงานกับฝ่าบาท คอยชงชาผสมนำอุ่น ยกเครื่องเสวยทั้งๆ ที่เป็นองค์ชาย องค์ชายคนอื่นในวังหลวงร่ำเรียนเที่ยวเล่นสนุกสนานแต่ เขาต้องทำงานเยี่ยงขันทีไร้ศักดิ์คนหนึ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ไม่ต่างจากขันทีชั้นผู้น้อยสีของอาภรณ์โดยมากล้วนหาสีสดใสได้ไม่กลับมีเพียงสีทึมทึบยิ่งเพิ่มความหม่นหมองให้กลับใบหน้า

หว่านหนิงแต่งตัวเสร็จก็ได้ยินเสียงท้องร้องโคลกคลาก พาตัวเองเดินออกไปข้างนอก นางกำนัลสองคนนั่งหมอบอยู่ที่ประตูทางเข้าตำหนัก

“นายหญิง ฝ่าบาทมีบัญชาให้เราสองคนมาคอยรับใช้”หว่านหนิงยิ้มน้อยๆ

“ดีเลยข้ากำลังหิว”สองคนมองหน้ากันไปมา เหมือนกำลังจะชั่งใจว่าจะพูดกับหว่านหนิงว่าอย่างไรดี

“ฮองเฮา มีบัญชาแต่ไหนแต่ไรตำหนักร้อยดาวไม่ให้ใครยกเครื่องเสวย นายหญิงเพิ่งมาคงไม่รู้”พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ในเมื่อเขาเพิ่งจะพูดไป หว่านหนิงเดินออกจากตำหนักมุ่งตรงยังห้องเครื่อง

...ตำหนักฮ่องเต้...ที่กว้างใหญ่

ลี่หยางนั่งร่างอักษรอยู่บนโต๊ะสีหน้าเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ใดใด

“ตามธรรมเนียมรุ่งเช้าหลังจากแต่งงานต้องพาชายาเข้ายกน้ำชาให้ฮองเฮาวันนี้เจ้าไม่ต้องมาชงชาให้ข้าเหมือนเช่นทุกวัน”ฮ่องเต้ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยมันคือประโยคบอกเล่า

“ไม่จำเป็น พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ลี่หยางไม่ได้มีความสำคัญเพียงนั้น อีกอย่างเป็นการรบกวนเวลาพักผ่อนของฮองเฮา”หมายความอย่างนั้นจริงๆ

ฮ่องเต้วัยกลางคนเพียงแต่พยักหน้าขึ้นลงแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีกก้มหน้าก้มตาอ่านฎีกาปล่อยให้ ลี่หยางนั่งร่างราชสานส์สำหรับใช้ในงานต่างๆ ตรงหน้า ที่กองเป็นภูเขา

หว่านหนิงรู้สึกสดชื่นเป็นที่สุดเมื่อออกมาจากห้องหับที่ฝุ่นจับเขรอะขนาดนั้น เห็นที่ต้องออกแรงกันหน่อยกว่าทุกอย่างจะเป็นอย่างที่ใจคิดในเมื่อเตรียมใจเตรียมกายมาแล้วจะกลัวสื่งใดกันเล่า

“เจ้าสองคน ชื่ออะไรบ้าง”เอ่ยปากชวนสาวใช้คุยรู้จักกันไว้แม้ไม่คิดที่จะสนิทกับพวกนางแต่ว่าในยามนี้ เหมือนตัวคนเดียวโดยแท้ องค์ชายห้าผู้เป็นสามีก็เฉยชา เสียจนน่าใจหาย

“ข้าน้อยอิงไถ”พูดขึ้นดังๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ข้าน้อยกุ้ยอิง”กุ้ยอิงกับส่งเสียงเบาหวิว

“ดี อย่างงั้นข้าเรียกพวกเจ้าเสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ย นำข้าไปที่ห้องเครื่องเถิด”ทั้งสองหันมองหน้ากัน

“ข้าน้อยมิกล้าเราสองคนเป็นเพียงสาวใช้จะเดินนำนายหญิงได้อย่างไร”ย่อตัวลงข้างหน้า หว่านหนิงยิ้ม เพียงทดสอบพวกนางว่าจะถูกสั่งมาให้ปฏิบัติกับหว่านหนิงเช่นไร ในเมื่อที่คาดหวังไว้แต่เดิมแย่กว่านี้ คิดว่าพวกนางคงไม่ได้เคารพย้ำเกรง เพราะองค์ชายห้าไม่ได้มีอำนาจในการปกครองใคร

สายตาของหว่านหนิงสะดุดเข้ากับ ร่างสูงโปร่ง ในอาภรณ์สะอาดสะอ้านฟูและป้ายหยกบ่งบอกฐานะว่าไม่ธรรมดา เสี่ยวกุ้ยกับเสี่ยวไถ ประสานมือข้างเอวย่อตัวลงทันที

“ถวายพระพรองค์รัชทายาท” หว่านหนิง ย่อตัวลงช้าๆ ใบหน้างดงามงามราวกับสตรีช้อนตามองใบหน้าของหว่านหนิง ความเสียดายบังเกิดขึ้นในใจ ไยต้องเป็นองค์ชายห้าผู้นั้นด้วย

“เจ้าเองหรือ ชายาพี่ห้า”

“หม่อมฉัน จงหว่านหนิงถวายพระพร ไท่จือ”โบกมือช้าๆ ให้ลุกขึ้น

“เสียดาย”หว่านหนิงยิ้มมุมปาก

ตกนรกหรือไร

“หว่านหนิง ยังไม่ทันได้มีสิ่งใดรองท้องเห็นที่ต้องอำลาเพียงแค่นี้”ตัดบทเอาเสียดื้อๆ ไม่จำเป็นต้องเสวนาให้มากความในเมื่อคนผู้นี้ไม่ได้มีผลต่อการใช้ชีวิตในตำหนักร้อบดาวของหว่านหนิง

“เดี๋ยว” มือใหญ่ฉุดมือบางไว้ หว่านหนิงเหลือบตามองมือใหญ่ค่อยๆ แกะมันออกไป ขันทีข้างกายไท่จือกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เกลงว่าไท่จือจะทำสิ่งใดโดยพลการจนทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวายตามมาทีหลัง

“ไท่จือ หว่านหนิงเพิ่งแต่งเข้าตำหนักร้อยดาว ไท่จือมีอะไรเชิญพูดตรงๆ ”เหลือบตามองมือใหญ่ที่จับอยู่ที่ข้อแขน

“ข้า..กำลังต้องการใครสักคน มาเดินชมสวนเป็นเพื่อนในเช้านี้”สายตาจงใจสื่อความหมายบางอย่าง

“เกรงว่าจะไม่เหมาะนักห้องหับในตำหนักร้อยดาวรกเรื้อ หว่านหนิงเห็นทีต้อง ทำความสะอาดเสียยกใหญ่เช่นนั้นคงไม่อาจซุกตัว”พูดความจริงเพื่อหลบหลีก เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ได้สนใจไท่จือมากไปกว่าการทำความสะอาดตำหนักร้อยดาวหรืออีกความหมายก็คือการทำงานหนักสำคัญกว่าตำแหน่งไท่จือหว่านหนิงพร้อมที่จะทนทุกข์ดีกว่าต้องไปเดินเล่นกับไท่จือ

“ลี่หยาง...พี่ห้า ยึดครองตำหนักร้อยดาวมาแต่ต้นและไม่ยอมให้ใครเข้าออก”หว่านหนิงขมวดคิ้วจะเชื่อดีไหม

“เช่นนั้นไท่จือโปรด ให้หว่านหนิงไปเถิดตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไร”เอาน้ำเย็นเข้าลูบ ทำให้ไท่จือยังไม่ละความพยายาม

“ตำหนักร้อยดาวไม่มีคนเสวย ลี่หยางก็ถูกสั่งให้ออกมาเสวยข้างนอก หากเจ้าไม่ถือสาตำหนักบูรพาของข้า ยกเครื่องเสวยหลายเวลาครบครันคาวหวาน”หว่านหนิงยิ้มประสานมือย่อตัวลงช้าๆ ยิ้มเยือกเย็น

“หว่านหนิงทูลลา”ลี่กวงมองตามสุดสายตา ใบหน้างดงามยังติดตรึงใจ

“ทำไมข้าไม่เจอนางก่อนที่เสด็จพ่อจะประทานนางให้เขา”พึมพำเบาๆ ด้วย นิสัยส่วนตัวของลี่กวงเป็นที่รู้ดีในวังหลวง

หว่านหนิงมาถึงห้องเครื่องที่กำลังโกลาหลในการจัดเครื่องเสวยในเวลากลางวัน โชคดีอาจได้ของกินให้พอได้อิ่มท้องเช่นนั้นหรือนึกถึงคำพูดประดยคสุดท้ายของลี่หยาง ในเมื่อเป็นชายาขององค์ชายเช่นไรจึงต้องลำบากถึงเพียงนี้

“นายหญิง เสี่ยวไถอาสาไปเตรียมอาหารให้”น้ำเสียงจริงใจ

“ที่เขาเตรียมไว้เล่า” หว่านหนิงถามกลับในเมื่อเห็นว่ามีหลายคนช่วยกันจัดเตรียมเครื่องเสวยคาวหวานมากมายไว้สำหรับเครื่องเสวยตอนกลางวัน

“อาหารพวกนั้นสำหรับตำหนักต่างๆ ไม่มีของตำหนักร้อยดาว”หว่างหนิงถอนใจยาวเอาเข้าจริงลำบากกว่าที่คิดเสียอีก

“ไม่เป็นไร ข้าหาเองได้”เดินเข้าไปข้างในสายตานับสิบคู่ไม่ได้เป็นมิตรอย่างที่อยากให้เป็น แต่หว่านหนิงรู้แล้วว่าอาจเจออะไรที่แย่กว่านี้ ในเมื่อลี่หยางถโโเดี่ยวหว่านหนิงก็คงไม่ต่างกัน

หยิบผักและหมูมาลงมือหั่น เตรียมสำหรับผัดไม่จำเป็นต้องให้ใครทำหว่านหนิงใช้ชีวิตแบบนี้งานบ้านงานเรือนไม่เคยบกพร่อง อิงไถกับกุ้ยอิงมองอย่างชื่นชมในความเรียบง่ายของหว่านหนิง

ใช้เวลาทำอาหารเพียงครู่เดียวก็ได้ผัดผักหอมกรุ่น คิดขึ้นได้ว่าองค์ชายห้าจะเสวยที่ไหน เวลานี้ก็ใกล้ได้เวลาเสวยกลางวันแล้ว อิงไถยกถาดมาวางหว่านหนิงตักผัดผักฝีมือของตัวเองลงบนถาด ตักข้าวใส่ถ้วยจนพูนพยักหน้าให้อิงไถ

“ยกไปให้องค์ชายห้าแล้วค่อยกลับมาที่ตำหนักร้อยดาว”ทอดเสียงอ่อนโยนไม่ได้ออกคำสั่งอย่างที่อิงไถคิดไว้

อิงไถยิ้ม นับว่ามีมิตรไมตรีไม่น้อยสาวใช้นิสัยใช้ได้สองคนเหมือนกับถูกคัดสรรมาให้หว่านหนิงโดยเฉพาะนับว่าสวรรค์มีตา กุ้ยอิงถือถาดผัดผักกับข้าวสามจานตามหว่านหนิงไปที่ตำหนักร้อยดาว

อิงไถยกถาดอาหารยืนรอหน้าตำหนักใหญ่ของฮ่องเต้ กลิ่นผัดผักร้อนๆ หอมน่ากิน ลี่หยางเหลือบตามองอิงไถ

“องค์ชาย พระชายาให้นำมาให้ท่าน”ใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกแต่ก็ยอมรับเอามาถือไว้โดยดี ฮ่องเต้เดินมายืนเอามือไพล่หลังมอง ลี่หยางนั่งลงกินเครื่องเสวยจจากหว่านหนิง

“ลูกคนนี้ จะรักก็ไม่ได้จะเกลียดก็ไม่อาจทำ”ฮ่องเต้พูดเปรยๆ ต่อหน้าขันทีข้างกายฝานกงกงที่อมยิ้ม

“รักไม่ให้ใครรู้ เกลียดยามที่มีคนเห็นเช่นนั้นถึงจะทำให้องค์ชาย...ไม่เป็นที่เกลียดชังยิ่งไปกว่านี้”ฮ่องเต้ถอนหายใจยาวเหยียด

เย็นมากแล้ว หว่านหนิงทำความสะอาดตำหนักร้อยดาวยังไม่ถึงครึ่งของส่วนที่เหลือ ตำหนักใหญ่กว้างขวางแทบจะไร้ประโยชน์เมื่อผู้ครอบครองเป็นคนที่ไร้ซึ่งอำนาจเช่นองค์ชายห้าลี่หยางตำหนักจึงถูกปล่อยปะเช่นเดียวกับเผู้ครอบครอง

“พระชายา เหนื่อยมากแล้วให้เสี่ยวไถกับเสี่ยวกุ้ยจัดการให้ระหว่างนี้ ไปแช่น้ำรอองค์ชายกลับมาจะดีกว่า”โอ้หากจะเป็นอย่างนั้นคงจะดีไม่น้อย แต่ตอนนี้ไม่อาจทำได้ ในเมื่ออาหารเย็นก็ไม่มี ความคิดสะดุดลงเมื่อฝานกงกงเดินนำบวนของเหล่าขันทีและนางกำนัลเข้ามาเป็นแถวยาวเหยียด

“จงหว่านหนิงชายาองค์ชายห้า รับราชโองการรรร”หว่านหนิงรีบเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน เดินมาคุกเข่าตรงหน้าขันทีข้างกายฮ่องเต้ฝานกงกง

“ด้วย ฝ่าบาททรงตระหนักเรื่องการใช้ชีวิตในตำหนักร้อยดาว และเห็นว่าเจ้าจะต้องทำอาหารเองลำบากเดินทางระหว่างห้องเครื่องให้เกิดความวุ่นวายจึงได้พระราชทานเครื่องครัวและ มีบัญชาให้จัดห้องสำหรับทำเครื่องเสวยที่นี่เป็นกรณีพิเศษ ทุกเช้าบัญชาให้ห้องเครื่องนำวัตถุดิบเช่นเดียวกับที่ทำเครื่องเสวยแบ่งมาให้ตำหนักร้อยดาว จงหว่านหนิงรับราชโองการรรร”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท”หว่านหนิงก้มศีรษะจรดพื้น อย่างไรถึงเรียกว่ามีโชคเช่นนี้ใช่หรือไม่เอื้อมมือรับราชโองการมาถือไว้ เครื่องครัวและวัตถุดิบมากมายถูกลำเลียงเข้ามาวางในตำหนักร้อยดาว

“ต่อไปพระชายาก็ไม่ต้องลำบากไปหาของกินที่ห้องเครื่องอีกแล้ว”ฝานกงกงเหมือนจะรุ้ความเคลื่อนไหวของหว่านหนิงดี

“หว่านหนิง ขอบคุณกงกงที่เมตตา”ย่อกายลงน้อยๆ ฝานกงกงประสานมือรับการเคารพ

“หากจะขอบคุณข้าน้อย พระชายานำคำขอบคุณไปกล่าวกับองค์ชายจะดีกว่า”ยิ้มจริงใจที่ หว่านหนิงไม่คิดว่าจะได้พบเจอที่นี่

เครื่องเสวยเย็นที่เป็นการร่วมแรงร่วมใจของทั้งหว่านหนิงอิงไถและกุ้ยอิง สำเร็จลุล่วงง่ายดาย เครื่องเสวยวางอยู่เต็มโต๊ะที่ถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม

ลี่หยาง เดินถือหมวกเข้ามาในตำหนัก ภายในสะอาดสะอ้าน แจกันมีดอกไม้ ฝุ่นจับเกรอะกรังหายไป หน้าต่างถูกเปิดอ้าออกรับลมเสียงกระดิ่งลมแว่วมาเบาๆ กลิ่นพิสุทธิ์จนเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รุ้สึกสดชื่นอย่างที่สุด

“องค์ชาย เครื่องเสวยพร้อมแล้ว” หว่านหนิงในชุดเสื้อผ้ามอมแมม ยังไม่ทันอาบน้ำชำระร่างกายแต่ทว่าใบหน้ามอมแมมกับน่ามองไปอีกแบบ หากเป็นผู้อื่นคงเผลอยิ้ม แต่ลี่หยางหาเหมือนคนอื่นไม่ คิ้วดกขมวดเข้ากัน

ก้าวขาเข้าไปข้างในใบหน้ายังเรียบเฉย โต๊ะเสวยถูกจัดเตรียมพร้อมไว้แล้วเขานั่งลงบนเก้าอี้ ยกถ้วยข้าวร้อนๆ ขึ้นมาพุ้ยใส่ปากไม่มีคำชมแม้ว่ารสชาติอาหารจะถูกปากเหมือนเมื่อกลางวันไม่มีผิด

“ของในห้องเครื่องมีจำกัด”เหมือนจะบอกว่าไม่ควรหยิบมาโดยพลการตำหนิกลายๆ อย่างนั้นหรือ

“ฝ่าบาท มีบัญชาให้ข้าทำเครื่องเสวยสำหรับองค์ชายที่นี่ได้ และยังแบ่งวัตถุดิบเช่นเดียวกับที่ทำเครื่องเสวยมาในทุกวัน”หว่านหนิงอธิบาย

“คงเกรงว่า.. พระชายาจะไปวุ่นวายในห้องเครื่องเช่นเมื่อกลางวัน”หว่านหนิงยิ้ม นอกจากไม่ชมแล้วยังว่ากล่าวได้อีก

“ท่านยอมอด แต่ข้าไม่”พูดตามที่คิดไม่ได้โกรธเคืองคำว่ากล่าวนั้น คิดว่าคงจบเพียงเท่านั้นแต่..

“ยิ่งมากคนก็ยิ่งวุ่นวายเดิมทีข้าอยู่เพียงลำพัง ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เป็นอย่างนี้ฮองเฮาจะคิดว่าเจ้ามากเรื่อง”จะบอกว่าให้ระวังตัวอย่างนั้นหรือ หว่านหนิงนิ่งไม่ต่อความก็ในเมื่อรุ้สึกเหมือนคำพูดนั้นต้องการตักเตือนด้วยความจริงใจ

ลี่หยางกินได้มากกว่าทุกวัน หว่าหนิง ช่วยกุ้ยอิงกับองไถเก็บโต๊ะเสวย

จากนั้นหว่านหนิงเตรียมน้ำอุ่นสำหรับอาบ ใส่ในถังไม้น้ำอุ่นกำลังพอดี ตั้งใจถอดเสื้อผ้าให้ ตามแบบของภรรยาที่ดี

“เจ้าก็ไปอาบน้ำเสียเถิด เหนื่อยมาทั้งวัน”ถอดเสื้อรุ่มร่ามออกเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวซีดแต่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้าม หว่านหนิงหลุบตามองพื้นแล้วรีบออกจากห้องน้ำไป ใจเต้นโครมคราม อีกคนหย่อนตัวลงไปในน้ำ จนมิดหัวนอนนิ่งอยู่ใต้น้ำปล่อยความคิดมากมายวิ่งวน รุ้สึกประหลาดกับหว่านหนิง เหมือนกับกำแพงความโดดเดี่ยวทั้งหมดถูกทลายลงไป

แต่ก็รุ้สึกว่าตัวเองจำต้องพูดมากกว่าที่ผ่านมา

รอข้ากล้ากว่านี้

บนแท่นอนเดียวกัน

กลิ่นกายสาวหอมยวนใจลี่หยางใจไหวเอนแต่ยังนอนนิ่ง จนเกือบจะเป็นตะคลิว ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ด้วยไม่เคยชิดใกล้หญิงใดมาก่อน หว่านหนิงก็นอนลืมตาโพลง วันนี้ก็คงหมือนคืนที่ผ่านมา ไร้ซึ่งการร่วมหอ

"องค์ชาย ถ้าต้องไปยกน้ำชาให้ฮองเฮา แล้วผ้าปูก็ๆๆๆ ไม่มีรอยเลือด"อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น ในเมื่อเขาเป็นที่น่ารังเกียจแล้วยังทำให้หว่านหนิงต้องอับอาย หากใครรู้เข้าว่าไม่มีการร่วมหอมิต้อง ถูกประณามเช่นนั้นหรือ

"ไม่มีใครใส่ใจ ..เพียงนั้น ไม่มีใครสนใจเรื่องราวของข้า.. จะร่วมหอกับเจ้าหรือไม่ ไม่มีใครใส่ใจ"น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ

"แต่ ข้าแต่งเข้าตำหนักร้อยดาวสองคืนแล้ว"เหมือนจะย้ำว่าเป็นคืนที่สองแล้ว

"เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ"คำพูดเฉยชาไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไปอย่างเช่นเสื้อที่จะสวมสีอะไรหรือวันนี้จะกินอะไรดี หว่านหนิงเสียอีกที่หน้าแดงไปถึงหู

พลิกร่างใหญ่ขึ้นคร่อมเล็กไว้ บางอย่างในกายกระตุ้นเตือน แต่เขากลับไม่รู่ว่าจะต้องปฏิบัติตัวเช่นไรถึงจะถูกใจหว่านหนิง ตำรากามสูตรก็มีแต่เพียงรูป ไม่เคยได้ร่ำเรียนหรือเที่ยวเตร่เหมือนองค์ชายอื่น

หว่านหนิงนั้นเล่าถึงจะเคยเรียนรู้มาบ้างก็เป็นหญิง จะออกหน้าก็เขินอาย

โน้มตัวลงหว่านหนิงหลับตา ลี่หยางประหม่าสิ้นดีจะทำอย่างไรก็กลัวจะไม่ถูกใจหว่านหนิงจ้องมองใบหน้าอยุ่ถึงอึดใจใหญ่ๆ จึงกลายเป็นสุดท้ายลี่หยางต้องพลิกตัวลงนอนข้างๆ

"ไว้ให้ข้า ..มีความกล้ากว่านี้ก่อน"น้ำเสียงจริงใจไร้การเสแสร้ง หว่านหนิงถอนใจ ชีวิตคู่จบลงเพียงเท่านี้หรือไร ไร้การร่วมหอไร้ความผูกพัน

หว่านหนิงข่มตาหลับใหล ลี่หยางนอนลืมตาโพลงจะหลับลงได้อย่างไรในเมื่อร่างอ้อนแอ้นหอมกรุ่นนอนอยู่ข้างกายเช่นนี้ แล้วยังจะบางอย่างในกายที่ถูกปลุกจน ไม่มีทางจะสงบลงง่ายๆ

แสงทองส่องลอดหน้าต่างลมเย็นพัดเข้ามาเบาๆ หว่านหนิงยกผ้าห่มที่ทับร่างอยู่สองผืนออก ลี่หยางลุกไปแล้วคงห่มผ้าห่มให้หว่าหนิงเมื่อเขาลุกจากแท่นนอน อย่างน้อยก็มีความห่วงใยเพิ่มมาในวันนี้

ออกมานอกห้องนอน ร่างสูงนั่งหันหลังบนเก้าอี้กำลังลงมือเกล้าผมเอง หว่านหนิงเดินเข้าไปจับมวยผมแต่จับโดนมือของลี่หยาง เขารีบหดมือกลับปล่อยให้ผมหลุดร่วงลงมา

"ข้าช่วยท่าน"รวบผมเบาๆ กลัวอีกคนเจ็บเกล้าเสียเรียบร้อยสวยงามเดินไปหยิบหมวกมาส่งให้

เหลือบไปเห็นชายเสื้อขาดหลุดหลุย

"ข้าเย็บเสื้อให้ท่านดีไหม"หยิบเข็มและด้ายนั่งคุกเข่าลงข้างหน้าก้มลงเย็บชายเสื้อที่อยู่ตรงเอวหนา ใจเต้นแรงหน้าแดงถึงหู ก็สายตาอยู่ระดับเป้ากางเกงพอดี ลี่หยางก้มมองหว่านหนิงเย็บเสื้อด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจคอกระวนกระวายกระสับกระส่ายไม่เป็นท่าแต่กลับข่มความรู็สึกไว้

เหมือนกับหยุดเวลาไว้ทุกอย่างผ่านไปเชื่องช้า

"องค์ชายนั่งรอเพียงครู่หว่านหนิ่งทำเครื่องเสวยเช้าให้ วันนี้ห้องเครื่องนำไก่ตัวหนึ่งมา ยังเช้าอยู่หว่านหนิงเร่งมือคงไม่นานเท่าไหร่"

"วันนี้ฝ่าบาทออกว่าราชการข้ารั้งอยู่จนสายก็ได้ ไม่ต้องถวายงานที่ตำหนักเพราะกว่าขุนนางจะมาจนครบก็สายพอดี"นั่งลงหยิบหนังสือมาอ่าน หว่านหนิงหันหลังเดินเข้าไปในห้องที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องเครื่อง อิงไถกับกุ้ยอิงจัดแจงวัตถุดิบจนเรียบร้อยเหลือแต่เพียงขั้นตอนการปรุง

อาหารบนโต๊ะหน้าตาและสีสันน่ากินรสชาติยิ่งไม่ต้องพูดถึง ลี่หยางส่งถ้วยข้าวให้อิงไถตักเพิ่มถึงสองครั้ง

หว่านหนิงได้แต่เพียงมองลี่หยางแบบยิ้มๆ

"องค์ชาย ข้าน้อยรับบัญชาฮองเฮาให้มาดูแล องค์ชาย"ขันทีหนุ่มน้อยคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

ลี่หยางขมวดคิ้ว ร้อยวันพันปีไม่เคยได้รับความเมตตา หลายวันมานี่หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย

"คนของฮองเฮา เช่นไรถึงให้มารับใช้ข้า"ถามแบบพาซื่อจริงๆ

"ฮองเฮาเห็นว่า องค์ชายทรงต้องมีคนดูแล เกรงว่า (เหลือบมองหว่านหนิง) พระชายาจะ ไม่สบายใจที่องค์ชายไร้คนดูแล"ทำไมต้องอ้างหว่านหนิงด้วย ลี่หยางใบหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม หว่านหนิงยิ้มบางๆ

"ดีแล้วมาคอยรับใช้องค์ชาย ช่วยกันดูแลตำหนักร้อยดาวอยู่ที่นี่เสียด้วยกัน" หว่านหนิงคิดว่าต้องพูดอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการขอบคุณ หากคำพูดบางอย่างนี้จะไปถึงหูฮองเฮา ลี่หยางขยับตัวเดินออกจากตำหนักเสี่ยวกู้เดินตามติดๆ

ใบหน้าใสซื่อและท่าทีเงอะงะไร้ซึ่งไหวพริบสร้างความขบขันให้กับอิงไถและกุ้ยอิง

"พระชายา ตอนนี้ตำหนักร้อยดาว เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้วนับว่าพระชายาเก่งไม่น้อยตำหนักร้อยดาวจึงสดใส ขึ้นมาเมื่อมีพระชายาแต่เดิมไม่มีใครกล้าย่างกราย”

“เรื่องเล่าใดกัน ที่ทำให้ผู้คนเกลียดกลัว”แ้จะเคยผ่านหูมาบ้างแต่ก็ยังอยากได้ยินจากคนในอยู่ดี

“ เรื่องเล่าที่ว่าองค์ชายเกิดมาพร้อมกับดวงพิฆาต หากผู้ใดย่างกรายเข้าใกล้มักจะประสบเคราะห์กรรมแล้วยังจะเรื่องเล่าเรื่องวิญญาณพระสนมที่วนเวียนคอยดูแลองค์ชาย”

“มีใครเคยเห็น” กุ้ยอิงทำท่าทีขนลุกขนพองเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ แต่อิงไถส่ายหัวไปมา

“ไม่มีเพคะ แต่เป็นเรื่องเล่า ตั้งแต่ องค์ชายห้าเสด็จมาอยู่ที่นี่เพียงลำพังตั้งแต่ห้าขวบ”

“ห้าขวบ อายุยังน้อยทำไมถึงต้องอาศัยในตำหนักเพียงลำพัง”

“ไม่มีใครกล้ารับเข้าตำหนักฝ่าบาทก็จนใจ องค์ชายตอนนั้นทรงโตเกินตัวบอกกับฝ่าบาทว่าขอมาอยู่ที่นี่เอง”หว่านหนิง ทอดถอนหายใจคนผู้หนึ่งจะเผชิญความทุกข์ตรมโดดเดี่ยวได้แค่ไหนกัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!