“พรีม”
“พรีม!”
“พรีม!!”
“ขา~ มีอะไรคะ” ฉันรีบวิ่งแจ้นจากหน้าเตาไปตามเสียงหล่อ ๆ วิ่งผ่านห้องนั่งเล่นทะลุทะลวงผ่านทุกห้องในคอนโดที่ใหญ่กว่าบ้านฉันห้าเท่าไปที่ห้องมาสเตอร์เบสรูมเพราะเสียงหล่อมาก~กำลังเรียกหา~
ผลัก!
ไปถึงที่ที่มีเสียงหล่ออยู่ข้างในนั้นฉันก็ผลักประตูเข้าไปเต็มแรงแล้วก็ได้เจอกับพ่อหนุ่มรูปงามนามปีศาจยืนนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวสภาพจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่โชว์ซิกแพคแน่น ๆ
“ว่าไงคะ~” ฉันยิ้มแฉ่งถามเขาที่ยืนจังก้าชูมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วปลายนิ้วเรียวยาวก็มี...จีสตริงสีแดงเพลิงอยู่ในมือ
“นี่คือ?”
“จีสตริงไงคะ” ฉันตอบเสียงสดใสเหมือนเดิม ยิ้มแฉ่งด้วยเพราะเศษผ้าในมือเขามันเป็นอะไรอย่างอื่นไม่ได้แล้วในเมื่อสภาพมันชัดเจนขนาดนั้น พอได้คำตอบเขาก็จ้องหน้าฉันแล้วยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง
“ของ?”
“ก็ของคู่นอนคุณเพลิงไงคะ” ฉันยังตอบชัดเจนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแต่เขากำลังเส้นเลือดที่ขมับกระตุก
“แล้วจะเอามาใส่ในตู้เสื้อผ้าฉันทำไมวะ!”
“เอ้า! แล้วจะให้พรีมเอาไปใส่ในตู้พรีมรึไงคะ”
“พรีรตา!”
แป๊ะ!
“คุณเพลิง!!” ฉันโวยวายบ้าง โวยวายดังกว่าเขาอีกเพราะว่าเขา...ตัวนั้นมาเกือบโดนหน้าฉัน ไม่ใช่สิ! มันโดนแล้ว มันเฉียดแก้มฉันหน่อยนึงแต่ถ้าหลบไม่ทันรับรองว่ามันประทับตาลงที่หน้าฉันแน่!
“คุณเพลิงทำแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย!” ฉันจ้องเขาด้วยความเดือดดาลแต่คนทำก็จ้องหน้าฉันไม่ต่างกัน
“อย่าโวยวาย แล้วจำไว้คราวหลังอย่าเอากางเกงในผู้หญิงคนไหนมาไว้ในตู้ฉัน” เขาพูดจบก็ชี้หน้าทำท่าทางสั่งการส่วนฉันก็ยืนจ้องเพราะอยากกินเลือดกินเนื้อ
“...”
“แล้วนี่ซักรวมรึเปล่า”
“จะไปรู้เหรอ” ฉันตอบแบบขอไปทีแล้วก็เอาเท้าเขี่ยจีสตริงที่กองอยู่ที่เท้าให้พ้นทาง
“พรีม ตอบดี ๆ” น้ำเสียงดุดันกดดันออกมาฉันก็กรอกตามองบนทันที
“...พรีมไม่รู้ค่ะ” ฉันไม่รู้จริง ๆ เพราะไม่ได้มีหน้าที่ซักผ้า ฉันแค่รับเสื้อผ้าจากร้านซักรีดมาเก็บใส่ตู้ให้เขาก็แค่นั้น
“ถ้างั้นมีตัวไหนบ้างที่รับมาพร้อมกัน ไปเก็บมาทิ้งขยะเดี๋ยวนี้”
“โหคุณเพลิง จะรังเกียจอะไรขนาดนั้นคะ” ฉันเผลอใช้น้ำเสียงแขวะนิดหน่อย
“ฉันไม่ใส่เสื้อผ้าที่ซักรวมกับคนอื่น ก่อนส่งซักให้เอาเสื้อผ้าที่ไม่ใช่ของฉันทิ้งไป เคยบอกแล้วมีสมองก็จำบ้างสิวะ”
“ถ้างั้นทำไมไม่ให้เอาผู้ปูที่นอนทิ้งทุกวันไปเลยล่ะคะ มีคนมานอนด้วยทุกคืนไม่เห็นจะรังเกียจเลย ย้อนแย้ง”
“อย่ามาเถียง!”
“...” เหอะ! ฉันหุบปากตามที่เขาสั่งว่า อย่ามาเถียง! แต่ก็ไม่วายแอบเบ้ปากจนคุณเพลิงเส้นเลือดกระตุกอีกรอบ
“เธอ...”
“...” เขาชี้หน้า ท่าทางเข่นเขี้ยวเหมือนอยากด่า ขยับมือเตรียมชี้หน้าด่าด้วยแต่สุดท้ายก็ลดมือลงแล้วยืนท้าวสะเอว
“รีบไปเก็บเสื้อผ้าออกมาทั้งหมดแล้วไปทำกับข้าวไป”
“ทำอยู่ค่ะแต่คุณเพลิงเรียกให้มะ...กรี๊ด!!!!!” ฉันนึกอะไรขึ้นได้ก็กรี๊ดออกมาลั่นห้องพร้อมกับขาของตัวเองที่วิ่งสับกลับไปที่เดิมในวินาทีแรกที่นึกอะไรขึ้นได้!
กลิ่น! ตอนแรกไม่ได้กลิ่นแต่พอนึกได้กลิ่นก็ลอยคละคลุ้งมาเลย!
ตึง ๆๆๆ
“ซวย! ซวยแน่ ๆ ซ๊วย!!!”
ฉันวิ่งไปที่ครัวหน้าตื่น วิ่งจนเกิดเสียงดังแล้วก็มีเสียงคนวิ่งตามหลังมาด้วย พอถึงครัวเท่านั้นแหละขาที่เคยวิ่งสับเหมือนนักวิ่งเคนย่าก็หยุดกึกเป็นหุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซทันที!
“กรี๊ด!!!! ทำยังไงดี ๆๆๆ” ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยสภาพที่นิ่งอึ้งประมาณ 999,999 ไมโครวินาที! แล้วก็กระโดดโลดเต้นมือก็สะบัดไปสะบัดมาเพราะทำอะไรไม่ถูกแล้วโว๊ย!!!
“ทำห่าอะไรของเธอวะ!” เสียงข้างหลังดังลั่นฉันเลยหันไปมอง
“ก็ทำกับข้าวไงคุณเพลิง!”
“อ่าส์! มันใช่เวลามาเถียงไหมยัยบ้านนอก!” เขาตะโกนด่าแล้วก็วิ่งผ่านหน้าฉันไปแล้วก็จัดการพุ่งไปปิดแก๊สทันที
“อ๊าส์! / กรี๊ด! คุณเพลิงระวัง!” ฉันร้องประสานเสียงกับเขา เสียงกรี๊ดที่แหลมเพราะตกใจกับเสียงทุ้มใหญ่ที่ร้องเพราะมือเขาน่าจะโดนเปลวไปดังไปลั่นห้องก่อนที่เขาจะทนความเจ็บ (มั้ง) แล้วเอื้อมมือฝ่าความร้อนไปปิดแก๊สต่อจนสำเร็จ
พรึ่บ!
“...ฟู่ว์~ แค่ก ๆๆ” ไฟจากเตาแก๊สที่กำลังลุกท่วมกระทะดับลงเหมือนถูกกลืนหายลงไปในเตาทำให้ฉันพ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งแต่ควันมันก็โขมงออกมาจนสำลักควัน
“...”
“แค่ก ๆๆ อะ...อะไรคะ พรีม...พรีมไม่ได้ตั้งใจนะคุณเพลิง” ฉันสำลักเอาเป็นเอาตายแต่อีกคนไม่มีอาการเหมือนกันเลยสักนิด เขาเอาแต่จ้องมาที่ฉันทำให้อาการสำลักหายไปในบัดดลคล้ายคนโดนจี้เอวตอนสะอึก พอเห็นหน้าเขาที่น่าจะร้อนกว่าที่ลุกไหม้กระทะเมื่อกี้ฉันก็รีบหุบปากที่เอาแต่ไอเพราะสำลักแล้วก็เอ่ยอะไรออกมาบ้างทันทีเพื่อให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะวางเพลิงครัวของเขา...อีกแล้ว
“ไม่ได้ตั้งใจ? หึ! ก็ไม่ได้ตั้งใจตลอดนั่นแหละ...ไม่ได้ตั้งใจสร้างความฉิบหาย!”
“ก็... / หุบปาก! ฉันแม่งไม่น่าเอาเธอมาอยู่ด้วยเลยว่ะ เถียงเก่ง ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เก่งที่สุดก็คือสร้างความฉิบหาย! เมื่อไหร่จะไปให้พ้น ๆ จากฉันสักทีวะ!”
“แค่ก ๆๆ อะ...อะไรคะ พรีม...พรีมไม่ได้ตั้งใจนะคุณเพลิง”
“ไม่ได้ตั้งใจ? หึ! ก็ไม่ได้ตั้งใจตลอดนั่นแหละ...ไม่ได้ตั้งใจสร้างความฉิบหาย!”
“ก็... / หุบปาก! ฉันแม่งไม่น่าเอาเธอมาอยู่ด้วยเลยว่ะ เถียงเก่ง ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เก่งที่สุดก็คือสร้างความฉิบหาย! เมื่อไหร่จะไปให้พ้น ๆ จากฉันสักทีวะ!”
“...” ไม่เห็นต้องพูดแรงขนาดนี้เลย
แล้วดูสิ พูดจบก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับห้องตัวเองไปเลย จะไปเลยก็ไม่แปลกจะอยู่ต่อทำซากอะไรก็ได้ระบายอารมณ์แล้วไง ได้พูดเพื่อปลดปล่อยความโกรธ ความโมโห ความอะไรต่อมิอะไรออกมาส่วนคนที่พึ่งใบบุญคนอื่นแบบ พรีรตา น่ะเหรอ?
“...เหอะ! อยากอยู่ด้วยตายแหละไอ้คุณเพลิงนรกบรรลัยกัลป์!”
ฉันเบ้ปากไล่หลังเขาแล้วก็หันกลับมาดูซากอารยธรรมประติมากรรมจิตรกรรม ฯลฯ ของสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติครึ่งหนึ่งและมนุษย์สร้างขึ้นครึ่งหนึ่ง
ไฟ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ แต่ไฟที่เกิดจากเตาแก๊สเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แล้วซากอารรยาธรรมการทำอาหารก็เป็นสิ่งที่เกิดจากฝีมือฉันโดยที่มีเขาเป็นตัวแปรต้น
กำลังทำอาหารเช้าให้แต่ดันตะโกนเรียกลั่นห้องเหมือนตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองหายไปซะขนาดนั้นใครจะไม่ตกใจแล้วรีบวิ่งไปหากันล่ะเจ้านาย!
แล้วดูสิ ดูผลของการรีบวิ่งไปหาสิ ก็พรีรตามันตกใจไงเลยรีบวิ่งไปโดยที่ลืมปิดเตาแก๊ส ความผิดใครวะ? เออ! ฉันมันสะเพร่าแต่มันเป็นความสะเพร่าเพราะเขาทำให้รีบไม่ใช่รึไง!
“เมื่อไหร่จะไปให้พ้น ๆ จากฉันสักทีวะ!”
ไม่ต้องห่วงหรอกเดี๋ยวไปแน่ หาผัวรวย ๆ ก่อน!
แต่ก่อนหาผัวรวยก็คงต้องทำความสะอาดให้เรียบร้อย ฉันรู้ว่าอีกไม่เกิน 15 นาทีไอ้คุณเพลิงที่แสนจะเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแถมยังเป็นคนที่เจ้าระเบียบตรงเวลามาก ๆ จะออกมาเพื่อกินข้าวแล้วไปทำงาน ฉันต้องรีบทำกับข้าวใหม่พร้อมกับทำความสะอาดครัวที่ตอนนี้เละไม่เป็นท่าให้เรียบร้อย
สู้! สู้ ๆ นะไอ้พรีม! ก็แค่ขัด ๆ ถู ๆ เหมือนทุกรอบที่แกเกือบทำไฟไหม้ครัวเขานั่นแหละ !
อ้อ สวัสดีค่ะฉันชื่อ พรีม นะคะ ชื่อจริงชื่อ พรีรตา เป็นเด็กปี 2 คณะคุรุศาตร์ที่มาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ของจังหวัดในประเทศไทย เป็นคนไทยแท้ที่บ้านจนยากแค้นแสนเข็นแต่วันหนึ่งได้จับพลัดจับพลูไปเจอกับคุณแม่ของไอ้คุณเพลิง คุณหญิงท่านเป็นประธานมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์พิการที่เดินทางไปช่วยทำหมันและรักษาน้องหมาจรจัดที่อาศัยอยู่ที่หลุมขยะขนาดใหญ่ใกล้บ้านฉัน ตอนนั้นฉันเป็นแค่เด็กม. 4 ไม่รู้หรอกว่าเขาทำอะไรกันแค่บังเอิญได้ผ่านไปแถวนั้นเพราะย่าใช้ให้เอาเศษอาหารจากวัดไปให้อีแดงหมาแม่ลูกอ่อนที่คลอดลูกแถวนั้นพอดี คุณหญิงท่านเห็นเลยให้คนเรียกให้ไปหาแล้วก็ถามว่ามาทำอะไรพอบอกเหตุผลของการไปที่หลุดขยะในตอนนั้นท่านก็รู้สึกเอ็นดูมาก~ ถามถึงชีวิตของฉันจนได้รู้ว่าฉันเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่กับย่าแล้วก็ป้าคุณหญิงเห็นนางสาวพรีรตาเป็นเด็กบ้านนอกตาใส ๆ ตัวคล้ำ ๆ ที่จิตใจดีมีเมตตาจากที่ท่านแค่ช่วยเหลือสัตว์พิการก็เลยแบ่งความเมตตามาอุปการะให้การศึกษาพาฉันย้ายมาเเรียนที่กทม. ตอน ม.5 ให้ที่อยู่ ให้ข้าวให้น้ำฉันด้วย
“แม่จะเอาเด็กนี่มาอยู่กับผมทำไมครับ ไม่กลัวรึไง”
“แม่ต้องกลัวอะไร?”
“ก็กลัวผมทำมิดีมิร้ายเด็กแม่นี่ไง”
“ฮ่า ๆๆ แม่เป็นแม่แกนะตาเพลิง สภาพแบบนี้แกคงทำอะไรหรอกมั้ง เมาไม่ได้สติแม่ยังเชื่อเลยว่าแกทำอะไรไม่ลง ช่วยแม่หน่อยน่าเด็กคนนี้ไม่มีญาติที่นี่ ไม่เคยมากรุงเทพเลยด้วยซ้ำถ้าให้อยู่หอคนเดียวจะอยู่ยังไง”
“ผมอยากอยู่เป็นส่วนตัวแม่ก็รู้”
“เด็กก็อยู่ส่วนเด็ฏแกก็อยู่ส่วนแก ดูแลให้แม่บ้างนิด ๆ หน่อย ๆ ก็แค่นั้นเอง เด็กคนนี้จะได้ช่วยงานบ้านแกไม่ต้องคอยจ้างแม่บ้านมาวุ่นวายหลายคนไง”
“อ่าส์! สรุปไม่ว่ายังไงผมก็ต้องยอม?”
“แหม~ ลูกรัก ลูกไม่น่าถามเลยนะจ๊ะ”
“หึ! อย่าสร้างปัญหาให้ฉันล่ะ...ยัยบ้านนอก”
นั่นคือบทสนทนาระหว่างคุณหญิงกับคุณเพลิงนรกที่ฉันจำได้ เขาแสดงออกว่าไม่ต้อนรับฉันตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้ากันแต่ก็ขัดคุณหญิงไม่ได้ แล้วสุดท้ายตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้พรีรตากับคุณอัคคีภัย เอ้ย! อัคนีต่างหากก็อาศัยอยู่ร่วมกันในคอนโดหรูแห่งนี้มา 4 ปีแล้วค่ะ !
“อย่าสร้างปัญหาให้ฉันล่ะ...ยัยบ้านนอก”
จะว่าไปคำแรกในชีวิตที่เขาพูดกับฉันด้วยอารมณ์ที่ไม่เป็นมิตรเปรียบเสมือนคำสาปเลยรู้ไหมเพราะที่ผ่านมาเท่าที่จำได้ครัวเขาเกือบเกิดอัคคีภัยมา 11 ครั้งแล้ว !
ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นการสร้างปัญหาให้เขาไหม แต่จากที่ดูก็คงใช่แหละมั้งเนอะถึงแม้ว่าเกือบทุกครั้งไอ้คุณเพลิงนรกจะมีส่วนในการวางเพลิงห้องครัวของตัวเองด้วยก็ตาม
แต่! แต่ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะสร้างปัญหาอย่างเดียวหรอกนะเพราะสี่ปีที่ผ่านมาฉันทำทุกอย่างเลย ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเป็นอย่างดีตั้งแต่ความสะอาดของคอนโด อาหาร เสื้อผ้า เครื่องสำอาง แม้แต่แปรงสีฟันที่แปรงทุกวันยังเป็นฉันที่เลือกให้เลย คนอย่างคุณเพลิงเหลือแค่เคี้ยวข้าวป้อนกับอาบน้ำล้างก้นให้เท่านั้นล่ะที่ยัยบ้านนอกคนนี้ยังไม่ได้ดูแลรับใช้
เหอะ!คำก็ยัยบ้านนอกสองคำก็ยัยบ้านนอก ก็ไม่ใช่ยัยบ้านนอกคนนี้รึไงยะที่หาข้าวหาน้ำให้กินอยู่ทุกวัน แต่ไม่ได้มีแค่คำนี้หรอกนะที่คุณเพลิงนรกใช้เรียกฉัน คำนี้เป็นคำที่เขาเรียกโคตรบ่อย แรงอยู่นะสำหรับผู้หญิงคนนึงที่กำลังโตเป็นสาว แต่เชื่อเถอะถ้าเจอคำอื่นคุณจะรู้เลยว่า ยัยบ้านนอก ที่เขาใช้ด่ามันโคตรจะเป็นคำด่าที่คูล~
เป็นผู้ชายที่สรรหาคำด่าได้คูลสุด ๆ ได้ยินคำด่าใหม่ ๆ ทีไรหัวร้อนเป็นไฟเยอร์เหมือนชื่อคนปากหมา เอ้ย! เหมือนชื่อคุณเพลิง~ !
“คุณเพลิง”
“อะไร” เรียกดี ๆ จะเสียงแข็งกลับมาเพื่อ? ไม่มีมารยาท
“ทำแผลไหมคะ”
“ไม่ตาย”
“โอ๊ย~ คุณเพลิงจะหงุดหงิดใส่พรีมอะไรนักหนา” ฉันรำคาญ ยี่สิบห้านาทีแล้วตั้งแต่ที่ด่าฉันไปนี่ยังจะหงุดหงิดใส่อีกเหรอ
“เหม็นขี้หน้าเธอ ไปไกล ๆ ไป”
“ไปแน่ แต่...ขอเงินก่อน” ฉันแบมือออกไปทันทีที่พูดจบ
“อะไรนะ?”
“อาทิตย์นี้ยังไม่ให้ค่าขนมเลยค่ะ” ฉันไม่ได้ขอค่าขนมฟรี ๆ นะ ฉันทำทุกอย่างก็เห็น เป็นเมดให้เขาเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ
อ้อ! ตอนแรกก็คุณหญิงนั่นล่ะค่ะที่ให้แต่พอเข้าเรียนมหาลัยเขาก็เป็นคนให้เงินแทนเพราะเขาบอกว่าฉันไม่ได้ทำงานบ้านให้แม่เขาแต่ทำให้เขาเพราะฉะนั้น เขาจะจ่ายค่าจ้างคนใช้ส่วนตัวเอง เหอะ!
หมั่นไส้มากนะแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกเพราะไอ้ที่ทำอยู่ก็เรียกว่าคนใช้ชัด ๆ
“อะไรวะ นึกว่าให้แล้ว”
“ให้ที่ไหน”
“ไม่ได้วางไว้บนเตียงเหรอ?”
“วางอะไรล่ะ ไม่มี”
“วาง ฉันจำได้แล้วว่าวางไว้บนหัวเตียง”
“ไม่มีจริง ๆ คุณเพลิง”
“อมเงินเหรอ?”
“โหคุณเพลิง มาขออยู่ด้วยตั้งกี่ปีพรีมเคยอมเงินที่ไหน คุณเพลิงนั่นแหละหาเรื่องเบี้ยวเพราะหมั่นไส้ที่พรีมทำครัวคุณเพลิงเลอะใช่ไหม”
“หึ! ที่เธอทำไม่ได้เรียกว่าเลอะ มันเรียกว่าไหม้”
“...” เจอคำนี้ฉันเลยยอมเงียบ ไม่เถียงก็ได้
“ตกลงไม่เจอ? วางให้ตั้งแต่เมื่อวันก่อน”
“วันก่อนเหรอคะ?”
“อืม”
“หัวเตียงถูกไหม”
“เออ” เขาตอบแบบรำค๊านรำคาญส่วนฉันก็กรอกตามองบนเพราะคิดว่าน่าจะหาสาเหตุที่ไม่เจอเงินแล้ว
“คุณเพลิงคะ วันก่อนคุณเพลิงพาผู้หญิงมานอนด้วยเขาคิดว่าวางไว้ให้เขามั้งนั่นน่ะ”
“...”
“ไม่ต้องนิ่งเอามาเลย พรีมไม่ได้อุ๊บอิ๊บ วางไว้ไม่ดีเอง” ฉันแบมือไปขอเงินคุณเพลิงนรกสุดหล่อที่มองหน้าฉันโดยที่ไม่พูดอะไร
“ไม่มีเงินสด”
“พร้อมเพย์ได้เลยค่ะ ”
“โทรศัพท์ ไปหยิบมา”
“โอเค๊~” ฉันรีบวิ่งแจ๊นเข้าไปในห้องเขาก่อนจะกลับมาพร้อมโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดแล้วยื่นให้คุณผู้อุปถัมป์ค้ำจุล
“นี่ค่ะคุณผู้ชาย”
“กวนตีน” โดนเขาว่าเข้าให้แต่ไม่เป็นไรตอนนี้ไม่โกรธ
“เบอร์”
“096676XXXX ค่ะ ดอกเบี้ยด้วยนะคะ”
“ดอกเบี้ยอะไรวะ” เขาที่กำลังมองหน้าจอโทรศัพท์ละสายตาแล้วมองมาที่ฉันทันที ขมวดคิ้วเข้ม ๆ ด้วย
“ค่าจ่ายช้าค่ะ”
“ได้...ถ้างั้นขอหักค่าทำครัวฉิบหายเมื่อกี้ด้วยเอาไหม?”
“แหะ ๆๆ พรีมพูดเล่น ” แค่เตาแก๊สในคอนโดเขาก็แพงกว่าค่าเทอมของฉันรวมกันสี่เทอมไปแล้วใครจะโง่ให้หักกันล่ะ
“หึ!” เขาแค่นเสียงใส่ มองด้วยสายตาเหมือนจะด่าอะไรสักอย่างแล้วก็ก้มมองโทรศัพท์ต่อ
ติ๊ง!
“เสร็จแล้ว ไปไกล ๆ”
“ได้เลยค่า~” ไม่ต้องไล่ก็ไปอยู่แล้วค่า~
ฉันรับคำสั่งแล้วก็รีบเดินตัวปลิวกลับไปที่ห้องของตัวเอง ภารกิจเช้านี้เสร็จแล้วไปมหาลัยดีกว่า~
...15,000 บาท
บะ บ้า ไม่ใช่หรอก ดูผิด ๆๆ
...15,000 บาท
มะ ไม่ผิดเหรอ?
ตึง ๆๆๆ
ฉันที่เดินเข้าห้องมาหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์รีบวิ่งออกไปที่เดิมทันทีที่เห็นตัวเลขที่แจ้งเตือนบนหน้าจอ
“คุณเพลิง ๆ”
“อะไร?”
“คุณเพลิงโอนเงินให้พรีมผิดรึเปล่า”
“ทำไม?” หน้าตาเขาไม่สบอารมณ์ดูไม่ค่อยอยากคุยกับฉันเหมือนปกติทำให้ฉันรู้สึกดีที่มาถามมากกว่าจะอมเงินเอาไว้ไม่งั้นเขาได้กินหัวแน่
“คุณเพลิงโอนผิดค่ะ โอนมาหมื่นห้า” เขาให้ค่าขนมอาทิตย์ละห้าพันนี่โอนเกินมาหนึ่งหมื่นเลย
“อืม ไปชงกาแฟมาให้ที”
“เอาเลขบัญชีคุณเพลิงมาก่อน”
“ไม่ต้อง โอนแล้วก็โอนไป”
“...นี่อย่าบอกนะคะว่าตั้งใจให้ดอกเบี้ยพรีมจริงๆ” ฉันหรี่ตามองก่อนจะถามเขาเลยมองมาที่ฉันบ้าง
“หึ ๆๆ ฉันไม่คิดจะใจดีกับเธอขนาดนั้นหรอกพรีรตา โอนผิดแต่ผิดแล้วก็ผิดไป คิดซะว่าเป็นค่าเก็บ...ทิ้งให้ก็แค่นั้น”
“...สุดยอดจริง ๆ เลย” ฉันว่าให้แต่เขาก็แค่มองแล้วปัดมือไล่ให้ไสหัวไปไกล ๆ
“เหอะ! ยังจะเอาไหมคะกาแฟเนี่ย”
“เอาสิวะ ไม่เอาจะบอกทำไม”
“...” ถามให้โง่ ถามให้โดนด่า สาระแนถามจริง ๆ ไอ้พรีม!!!
ฉันเดินกระแทกเท้าแรง ๆ ไปชงกาแฟให้แต่ถามว่าไอ้คุณเพลิงนรกแคร์ไหมก็ไม่หรอก คนอะไรก็ไม่รู้โตเป็นควายเรียนจบจนถึงขั้นเป็นผู้บริหารแล้วยังกวนตีนไม่เลิก!
อดทนนะพรีม อีกสองปีนิด ๆ อีกแค่ยี่สิบกว่าเดือนเรียนจบแล้วจะขนข้าวของออกจากที่นี่ปลดแอกความเป็นทาสของตัวเองทันที!
“ไงเพื่อน~ ทำไมวันนี้มาสายจังเลย”
“เกิดปัญหานิดหน่อยน่ะ” ฉันบอกกีวี่เพื่อนสนิทที่ทักทายหลังจากที่ฉันแอบย่องเข้าห้องเรียนจากประตูหลัง สายมากค่ะ สายไปเกือบ 2 ชั่วโมง ! ดีนะอาจารย์เขาเช็คชื่อท้ายคาบเรียนไม่งั้นได้มีชื่อว่าขาดแน่นอน
“เป็นไรอ่ะ”
“ทำครัวเกือบไหม้” ฉันกระซิบตอบคราวนี้พอได้ยินคำตอบเพื่อนสาวของพรีมก็ทำตาโต
“อีกแล้วเหรอ?”
“อือ” ฉันพยักหน้ารับแต่ถามว่าตอนนี้รู้สึกผิดไหม ก็ไม่นะ รู้สึกผิดทำไมก็คุณเพลิงนรกเป็นต้นเหตุของเพลิงในครัวไม่ใช่พรีรตาคนนี้โดยตรงซะหน่อย
“เออพรีม”
“อือ”
“คุณเพลิงอะไรของแกนี่หล่อมากไหม อยากเห็นหน้านานแล้ว” กีวี่รู้ว่าฉันอยู่กับคุณเพลิง ฟังฉันด่า เอ้ย! บ่นถึงนายเหนือหัวอยู่บ่อย ๆ แต่ฉันไม่เคยเอารูปให้ดูหรอก แค่บอกว่าหล่อครั้งเดียวส่วนมากจะเอาเขามานั่งด่า เอ้ย! บ่นมากกว่า
“หล่อ...มาก” แล้วสันดานก็เสียมากเช่นกัน
“ขอดูรูปหน่อย”
“ไม่มี” ไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันจะมีได้ไง
“ถ้างั้นขอเขาทีจะเข้าไปส่อง”
“เขาไม่เล่นนะ” น่าจะไม่แหละไม่รู้เหมือนกัน อยู่ด้วยกันแต่คนละชั้นลำพังคุยกันแต่ละวันยังแทบจะกินหัวแล้วจะติดตามกันไปเพื่อ...
“โหย~ แล้วทำยังไงจะได้เห็นหน้า ไม่มีรูปเขาจริง ๆ อ่ะ”
“ไม่มีจริง ๆ”
“อะไรของแกวะพรีม แกอยู่กับคนที่แกบอกว่าหล่อมากแต่แกไม่มีรูปเขาให้ดูเลยนี่นะ”
“อือ ก็เป็นแค่ผู้อาศัยร่วมกันไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกันซะหน่อยจะถ่ายรูปไว้เพื่อ”
“...” กีวี่จ้องฉันด้วยสายตาที่เหมือนจะด่าว่า อีขี้โม้ เลยแฮะ ซึ่งฉันยอมให้เพื่อนคิดว่าฉันโกหกไม่ได้แน่นอนมันจะทำให้ภาษีความน่าเชื่อถือของเราหายไป
“ไม่ได้โกหก หล่อจริง ๆ แต่ไม่มีรูปเขาไง”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย”
“เชื่อเถอะ จะให้เอาเวลาตอนไหนไปถ่ายรูปคู่อ่ะวี่ แค่หายใจร่วมกันก็จะกินหัวกันอยู่ทุกวันแล้ว”
“เฮ้อ~ แอบถ่ายมาให้ดูหน่อยดิ อยากเห็น”
“โน ๆๆ ไม่มีทาง เราไม่มีทางยอมให้โทรศัพท์ของเรามีรูปคุณเพลิงเด็ดขาดเพราะโทรศัพท์ของเราจะกลายเป็นเครื่องรางความซวยของชีวิต”
“ใจร้าย แล้วถ้าให้แกเปรียบเทียบความหล่อของคุณเพลิงให้ฉันฟังล่ะ เอาแบบไม่อคตินะ เขาหล่อประมาณไหน ขอนิยายความหล่อหน่อย” ท่าทางกีวี่มันจะอยากเห็นจริง ๆ นะคะ แต่ถึงเพื่อนไม่เน้นคำว่าไม่อคติฉันก็ไม่โกหกหรอกเพราะฉันยอมรับมาตลอดว่าคุณเพลิงหล่อมาก~หล่อแบบหล่อบรรลัยไปเลย
“ก็หล่อแบบ หล่อตั้งแต่ชาตินี้ถึงชาติหน้าอ่ะ นึกออกไหม”
“โห~ ยิ่งพูดยิ่งอยากเห็น ขอไปหาที่คอนโดได้ไหมคะ~”
“ฮ่า ๆๆ ได้ค่ะ แต่ไปทำตัวให้สวยกว่านี้อีกสักนิดก่อนนะคะเพื่อน เสร็จแล้วก็ไปล่อไอ้คุณเพลิงที่ผับหรู ๆ สักที่ถ้าเข้าตาเดี๋ยวก็ได้ไปเอง เขาจะพาแกไปด้วยความเต็มใจเลยล่ะ แต่หลังจากนั้นแกต้องกลับเองนะจ้ะ และที่สำคัญอย่าคิดจะทิ้งเสื้อผ้าไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของเพราะคนลำบากคือฉันคนนี้ที่ต้องเอาไปทิ้ง”
เพี๊ยะ!
“พรีม!”
“ฮ่า ๆๆ เรียน ๆๆ” ฉันขำเกือบจะดังแล้วก็หันไปสนใจอาจารย์แทน แต่ที่พูดเมื่อกี้ไม่ได้ล้อเล่นนะคะ กีวี่มันสวย สไตล์นางแบบหน้าตาเฉี่ยวเก๋ถ้าแต่งตัวแซ่บ ๆ แพง ๆ อีกนิดนี่ก็คือไทป์คู่นอนของคุณเพลิงนรกเป๊ะเลยล่ะ
-หลายวันต่อมา-
“คุณเพลิง”
“อืม มีไร” มองหน้าสิวะนั่งจ้องรูปผู้หญิงใส่บิกินี่ในจอแท็บเล็ตอยู่ได้
“วันศุกร์พรีมจะขอไปเที่ยวกับเพื่อนนะคะ”
“เที่ยวไหน ต่างจังหวัดเหรอ”
“เปล่า ถนนข้าวสารค่ะ” ฉันตอบปุ๊บคุณเพลิงนรกก็ละสายตาจากหน้าอกผู้หญิงมองฉันทันที
“จะเที่ยวร้านเหล้า”
“อาฮะ” ฉันพยักหน้ารับ
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“สิบเก้าค่ะแต่วันศุกร์นี้ยี่สิบพอดีเป๊ะ!” ฉันตอบด้วยความมั่นใจว่าอีกสามวันข้างหน้าตัวเองผ่านการ์ดหน้าประตูร้านเหล้าทุกร้านทั่วราชอาณาจักรได้แน่นอน อิอิ
“จะไปฉลองวันเกิดว่างั้น?”
“ใช่แล้วค่ะ เพื่อนมันอยากพาพรีมไปฉลอง ขอไปนะคะคุณเพลิง พรีมไม่เคยไปเที่ยวกับเพื่อนเลย”
“เดี๋ยวก็ใจแตก ยิ่งบ้านนอก ๆ อยู่ด้วย”
“โหคุณเพลิง พรีมอยู่กรุงเทพมาหลายปีแล้วเหอะ แค่ไปเที่ยวผับกับเพื่อนครั้งแรกในชีวิตจะเป็นอะไร อายุยี่สิบแล้วด้วย”
“ยี่สิบปุ๊บจะเข้าผับปั๊บ เกินไป” เขาพูดแค่นั้นแล้วส่องผู้หญิต่อ เห็นแล้วโคตรหมั่นไส้เลยว่ะ
“คนนั้นชื่อน้องอลิเซีย อายุ 17 มีรูปเช็คอินร้านเหล้าแล้วก็ใส่บิกินี่ถ่ายรูปในปาร์ตี้ริมสระประจำ เผื่อคุณเพลิงไม่รู้ค่ะ” ฉันชะโงกหน้าไปมองหน้าจอของเขาแล้วก็เสนอหน้าพูดคุณเพลิงนรกเลยหันมามองตาขวาง
“เสือก”
“ชิส์! ไม่ได้สาระแนแต่แค่จะบอกว่าผู้หญิงที่คุณเพลิงดูรูปเซ็กซี่ ๆ ของเขาอยู่อายุน้อยกว่าพรีมตั้งเกือบสามปีแต่เขาเข้าผับได้แล้วนะ”
“อืม” เขาเปล่งเสียงในลำคอแล้วก็สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ดูรูปต่อไปซึ่งจังหวะมันเป๊ะเพราะเป็นคลิปที่น้องเขาแต่งตัวเซ็กซี่มาก~ กำลังโยกตัวอยู่ในผับและคุณเพลิงนรกก็ดูคลิปนั้นใหญ่เลยค่ะ เห็นแบบนี้พรีมก็ยิ้มสิคะ
“ตกลงคุณเพลิงอนุญาตนะคะ”
“ไม่”
“เอ้า! ทำไมล่ะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวแม่ด่า ไปไกล ๆ ไปขี้เกียจคุยด้วย”
“โห~ คุณเพลิงใจร้ายมาก ทำร้ายจิตใจลูกนกลูกกา”
“วันเกิดก็ตื่นมาใส่บาตรแล้วก็นึกถึงพระคุณพ่อแม่สิวะ ไปเที่ยวผับกับเพื่อนทำห่าอะไร เพื่อนมันเบ่งเธอออกมาเหรอ?”
“...” ไอ้คุณเพลิง! หมดคำจะพูดเลย!
“ทีตัวเองยังไปได้บ่อย ๆ เลย สิทธิของคนน่ะรู้จักบ้างไหม”
ขวับ!
“เถียง?”
...
“ออกความคิดเห็นค่ะ”
“ไปไกล ๆ รำคาญ”
“...”
“ไป”
“...เหอะ!” สุดท้ายฉันก็ต้องสะบัดหน้ากลับห้องต่อให้ในใจจะไม่พอใจแค่ไหนก็ตาม!
“วันเกิดก็ตื่นมาใส่บาตรแล้วก็นึกถึงพระคุณพ่อแม่สิวะ ไปเที่ยวผับกับเพื่อนทำห่าอะไร เพื่อนมันเบ่งเธอออกมาเหรอ?”
ตัวเองก็ไม่ใช่พ่อแม่เหมือนกันเหอะคุณเพลิง ทำไมต้องมาสั่ง!
ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด
ติ๊ด!
(ว่าไงลูก)
“คุณป้าขา~”
-สามวันต่อมา-
“คุณเพลิง”
“อะไร”
“...ไม่ให้ไปจริง ๆ เหรอคะ”
“ไปไหน?” เขาที่นั่งเอาเท้าพาดมาบนโต๊ะอาหารแล้วเอนหลังจิบกาแฟในยามเช้าที่ฉันยื่นให้ถึงมือถามทันทีส่วนฉันที่เพิ่งวางแซนวิชลงบนโต๊ะไม่ไกลจากส้นตีน เอ้ย! ไม่ไกลจากปลายเท้าของเขาก็มองหน้าคนถาม
“ไปฉลองวันเกิดไง”
“อยากไป?”
“ใช่ค่ะ” รีบตอบสิคะรออะไร ไม่อยากไปจะถามเพื่อ
“อืม โอเค อยากไปฉลองที่ไหนล่ะ”
“ก็ที่ถะ... / วัดหนองอีแร้งไหม? เดี๋ยวพาไปถวายสังฆทานเอง แถมทำบุญโลงศพด้วยเลย”
“...” เหอะ! ดับฝันได้โคตรกวนประสาท
“ว่าไง? ไม่ชอบเหรอ?”
“ไปคนเดียวเถอะคุณเพลิง! นี่นะคะแซนวิช อย่าลืมกินล่ะ!” ฉันสะบัดตูดออกมาทันที
“จะไปทำไมวะ ค่านิยมบ้า ๆ วันเกิดต้องไปเที่ยวผับกับเพื่อน” เสียงเขาบ่นไล่หลังมาฉันเลยสะบัดหน้าหันกลับไป
“ไม่ได้อยากไปผับหรอกค่ะแต่พรีมไม่เคยมีวันเกิด ไม่เคยเป่าเค้ก นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนจะจัดงานวันเกิดให้ เข้าใจไหมคุณเพลิง มันไม่ได้เกี่ยวว่าจัดในผับพรีมถึงอยากไปต่อให้เพื่อนจัดให้พรีมในป่าช้าวัดหนองอีแร้งบ้าบอของคุณเพลิงพรีมก็อยากไปอยู่ดี!” ฉันตอบเขาแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องทันที
ห้ามจริง ๆ เลย อะไรที่เป็นความสุขของคนใช้อยากพรีรตาเนี่ย!
โมโห!
ฉันทิ้งตัวนั่งสงบสติอารมณ์แต่ใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเท่านั้นก็อารมณ์กลับมาเป็นปกติ
ไม่ให้ไปงั้นเหรอ?
เหอะ! ไม่ให้ไปก็แล้วแต่ค่ะแกล้งขออีกรอบไปงั้นแหละเพราะความจริงแล้วคุณหญิงอนุญาตน้องพรีมแล้วจ้า~
...Happy birthday to you
Happy birthday to you
Happy birthday
Happy birthday
Happy birthday to…Preme~
“...ฟู่ว์~”
“วู้ว~ มีความสุขมาก ๆ น้าไอ้พรีมคนสวย~”
“ขอบคุณน้า~” ฉันขอบคุณเพื่อน ๆ ที่จัดงานวันเกิดให้ในผับ มันสนุกมาก~ มีคนมาชนแก้วเต็มไปหมดเลย อ้อ! เจ้าของงานฮอตมากด้วยนะคะ ขนาดไม่ได้แต่งตัวแซ่บ ๆ เหมือนคนอื่น ฉันใส่แค่ชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวที่เพื่อนเตรียมไว้ให้ มันไม่โป๊เลยเห็นร่องอกแค่นิดเดียวแต่น้องพรีมดันมีหนุ่ม ๆ มาขอเบอร์เยอะแยะเต็มไปหมด ก็อย่างว่า...ไอ้พรีมมันสวย โฮ๊ะ ๆๆๆ
“พรีม~”
“ว่า~”
“กินเค้ก~” ปิ๊งรักที่เรียกฉันพูดจบก็ป้อนเค้กเข้ามาในปากฉันทันทีแล้วหลังจากนั้นเพื่อน ๆ ในกลุ่มก็รุมป้อนเค้กเจ้าของวันเกิดกันคนละคำสองคำซึ่งน้องพรีมคนนี้ก็ไม่อิดออดที่จะรีบน้ำใจเพราะเค้กวันเกิดก้อนแรกในชีวิตมันอร่อยมาก~
ยิ่งกินเค้กหวาน ๆ กับเหล้าขม ๆ นี่นะ ครั้งแรกในชีวิตเลยค่ะทำไมมันอร่อยแบบนี้~
-เวลาต่อมา-
“โชน~ แก๊ว~”
“พรีม ๆ พอแล้วแก”
“อื้อ~ พออารายก๊อน~ หล้าวยางเหลือ~ เอิ๊ก~”
“เฮ้อ~ เอาไงดีปิ๊ง ชวนมันกลับจนล้าแล้วเนี่ย”
“เอาไง ลากไปส่งไง”
“ลากคราย~”
“ลากแกนั่นแหละไอ้พรีม มาเลยผับปิดแล้ว”
“อื้อ~ ยางม่ายปีด~”
“พรีมอย่างี่เง่ามาเลยแก”
“อื้อ~ ป่อย~”
“พรีม~ แกจะทิ้งตัวเพื่อ”
“ปล่อยเลยครับ”
ขวับ!
“อื้อ~ ป่อย~ กินต่อ ๆๆ”
“ปล่อยเลยครับ”
“อะไรนะคะ?”
“ปล่อยแขนยัยนี่เลย”
“พี่...พี่เป็นใครคะ มา...มาสั่งอะไรพวกหนู”
“เป็นผู้ปกครองของเพื่อนน้อง”
“ฮะ! / ฮะ! ยะ อย่าบอกนะคะว่านี่คือคุณเพลิงนรก เอ้ย! คุณเพลิง”
“...เพลิงนรก?” ผมไม่ได้หูฝาด ไม่ได้แปลกใจที่โดนเรียกว่าเพลิงนรก แต่ไม่คิดว่ายัยบ้านนอกของแม่จะกล้าเรียกผมด้วยคำนี้ให้เพื่อนฟัง?
ผมมองหน้าเพื่อนเธอสองคนที่น่าจะเป็นตัวตั้งตัวตีของงานวันเกิดบ้า ๆ บอ ๆ แล้วมองไปที่คนกลาง โดนหิ้วปีกสภาพจะล้มลงไปกองเป็นผักที่พื้นยังกล้าอ้าปากบอกว่าเหล้าเหลือ
...เดี๋ยวจบจากที่นี่ได้โดนดีแน่ยัยบ้านนอก
“เอ่อ คือ...สวัสดีค่ะคุณเพลิง~ ได้ยินพรีมเล่าให้ฟังมาตั้งนานว่าคุณเพลิงหล่อมาก~ ใจดีมีเมตตามาก~ พวกเราสองคนเพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริง หล่อสมคำล่ำลือเลยค่ะ หนูชื่อปิ๊งรักนะคะ ส่วนนี้กีวี่ค่ะ”
เหอะ ๆๆ หล่อสมคำล่ำลือ? ล่ำลือจากใครวะ จากยัยบ้านนอกขี้เมานี่น่ะเหรอ สาบานว่าจะเอาผมไปชมว่าหล่อ ผมว่าขุดผมไปด่ามากกว่า ไม่รู้ว่าคบเพื่อนสองคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่มัธยมหรือมหาลัยแต่ผมว่าน้องเขาคงรู้เรื่องที่ผมใช้...เปลืองตั้งแต่วันแรกที่คบกันเป็นเพื่อนแล้วล่ะ
“ขอบคุณครับ โอกาสหน้าคงได้คุยกันมากกว่านี้แต่วันนี้พี่ขอพาพรีมกลับก่อน”
“คือ...ได้ค่ะ ถ้างั้นวี่กับปิ๊งรบกวนด้วยนะคะพี่เพลิง”
“ครับ กลับได้แล้ว...พรีม” อ่าส์! พูดชื่อยัยนี่แล้วรู้สึกหนักที่ปากยังไงก็ไม่รู้ว่ะ
ผมขยับไปรับยัยบ้านนอกขี้เมาจากเพื่อนเธอ อย่าว่าแต่ยืนเลยปัญญาจะตั้งหัวให้ตรงยังไม่มี มันน่าทำโทษยังไงดี? กระทืบให้เหล้าทะลักออกมาซะดีไหมวะ...โมโหฉิบหาย
“อือ~ นี่คราย~” แค่ผมจับแขนก็โงนเงนมองหน้าผมแล้วก็ถาม กลิ่นเหล้าหึ่งจนแทบอ้วก
“เงียบแล้วกลับได้แล้ว” ผมดุเบา ๆ ข่มใจแทบตายเพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นผมปฏิบัติกับยัยบ้านนอกไม่ดีทั้งที่ความจริงผมเดือดตั้งแต่ 3 ทุ่ม!
“...อ๋อ~ นึกว่าคราย~ ที่แท้ก้อคูนเพิงนาโร๊ก~”
...อย่าพ่นไฟนะไอ้เพลิง อย่างน้อยก็ตอนนี้
“กลับ”
“อื้อ~ หล้าวยางเหลือ~ เอิ๊ก~”
...โดนแน่ยัยบ้านนอก อยากกินมากพรุ่งนี้จะจับเหล้ากรอกปากให้ท้องแตกตายไปเลย
“กลับได้แล้วพรีรตา”
“อื้อ~ ยางม่าย...อื้อ~”
“ว๊าย!”
“กลับกันดี ๆ นะครับ” ผมบอกเพื่อนเธอแค่นี้แล้วเดินนำออกมาทันที
...ตัวหนักฉิบหายเลยว่ะ!
ตัวแค่นี้มันไปหนักอะไรวะ หนักเหล้าในท้องรึไงยัยบ้านนอก!
“อื้อ~ ป่อย~”
“หุบปาก” ผมบอกเบา ๆ ไม่สนว่าจะได้ยินไหมแต่ก็พูดออกไปเพื่อระบายอารมณ์โมโหของตัวเอง...
'พี่ต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดีๆนะ'
'อืม'
'แล้วไว้พี่จะโทรหา'
'...' ใบหน้าสวยของหญิงสาววัยยี่สิบในตอนนั้นพยักหน้ารับรู้ตอบกลับก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างของอดีตแฟนหนุ่มที่ค่อยๆเดินตรงเข้าไปยังด้านในสนามบินขนาดใหญ่ด้วยแววตาเรียบนิ่งทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมองกว่าทุกครั้ง ทัต แฟนหนุ่มรุ่นพี่อายุห่างกันสองปีของหญิงสาวที่เพิ่งเลื่อนสถานะจากรุ่นพี่มาเป็นคนรักได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ต้องจบลงเมื่อรุ่นพี่หนุ่มต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัยที่พวกเขาเรียนอยู่ด้วยกัน ทัตไม่สามารถที่จะขัดต่อความปรารถนาของครอบครัวได้ ทำให้วีนัสตัดสินใจลดความสัมพันธ์กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมเพราะรู้ดีว่ายังไงความรักที่ทั้งสองมีก็สู้ความห่างไกลไม่ได้ ทัตเองก็ไม่ได้โต้เแย้งอะไรเคารพการตัดสินใจของอดีตคนรัก
"วีนัส" เสียงหวานของร่างเล็กที่เดินเข้ามาขณะที่หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวยกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ดังขึ้น ทำให้ดวงตากลมสวยหันไปมองตามเสียง ก่อนจะพบว่าคนที่เข้ามาใหม่ก็คือไลลาเพื่อนสนิทตัวเล็กของเธอนั่นเอง
"ทำไมดูนั่งเหม่อๆจัง เป็นอะไรหรือเปล่า" ไลลาเอ่ยถามเสียงใส
"ฮ ฮะ"
"วีนัสน่ะ เหม่อคิดอะไรอยู่"
"อ๋อ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร" ใบหน้าสวยยิ้มตอบกลับคนเป็นเพื่อนไปอย่างปัดๆ ไลลาก็พยักหน้ารับรู้ไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่อ โดยไลลาก็คือเพื่อนสนิทของวีนัสที่มหาวิทยาลัย เป็นลูกสาวนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตระกูลดังผู้ทรงอิทธิพลอันดับต้นๆของประเทศ มีพี่ชายและน้องชายแท้ๆก็คือแทนไทและไทก้า ไลลาเป็นคนที่อัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคน แถมยังยิ้มง่าย มีใบหน้าที่น่ารักราวกับตุ๊กตาจนได้รับฉายา "บาร์บี้แห่งคอสตัน" ซึ่งก็คือชื่อมหาวิทยาลัยที่พวกเธอเรียนอยู่ วีนัสกับไลลาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอสตัน คณะนิเทศศาสตร์ สาขาวิชาการแสดงและศิลปะการแสดงปีสองกำลังจะขึ้นปีสาม ทั้งสองรู้จักกันและเป็นเพื่อนกันได้จากการเข้ากิจกรรมรับน้องแล้วได้อยู่กลุ่มเดียวกัน ด้วยความที่วีนัสเป็นคนเก่ง กล้าแสดงออก ทำให้ไลลารู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่กับเพื่อนคนนี้ ทั้งสองจึงสนิทกันอย่างรวดเร็ว โดยจริงๆแล้วนั้นมันไม่ได้มีแค่วีนัสกับไลลา
"เหงาเหมือนกันเนอะ ปลายฟ้าไม่อยู่เนี่ย..." เรียวปากบางอมชมพูของไลลาที่ไม่รู้เรื่องอะไรกับใครเอ่ยขึ้น
"...อยู่ๆก็ส่งข้อความมาบอกว่าคงไม่ได้เจอกันอีก ขอโทษสำหรับทุกอย่าง..."
"...ขอโทษอะไรกัน แล้วหายไปไหนก็ไม่ยอมบอก" สิ้นเสียงหวานบ่นอุบ วีนัสก็ชะงักนิ่งเมื่อนึกถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่เคยมองว่าไลลาเป็นเพื่อน ปลายฟ้าเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่แรกที่เข้ากิจกรรมรับน้อง ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม โดยที่วีนัสกับไลลาไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้รอยยิ้มดูเอ็นดูไลลานั้นมันแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยาเพื่อนกันเอง วีนัสได้รู้ความจริงบางอย่างจากรุ่นพี่คนสนิทเกี่ยวกับการกระทำต่างๆของปลายฟ้าที่คิดร้ายกับไลลา จนในที่สุดปลายฟ้าก็ถูกคามิลแฟนหนุ่มจอมเย็นชาของไลลาในตอนนี้พาไปจัดการที่ไหนสักที่ ที่ๆวีนัสเองก็ไม่รู้ ส่วนไลลาก็ยังคงไม่รู้เรื่องอะไรกับใคร เพราะทุกคนอยากที่จะเซฟความรู้สึกของคนตัวเล็กหัวใจเปราะบางเอาไว้ ไลลาเองก็รักและให้ใจไปกับปลายฟ้าอยู่ไม่น้อย
"สงสัยถูกส่งกลับไปบ้านเก่าแล้วมั้ง" วีนัสเอ่ย
"หื้อ?"
"ก็...อาจจะต้องกลับบ้านกะทันหันอะไรแบบนี้ไง เธออย่าไปสนใจเลย"
"จะไม่สนใจได้ยังไง เพื่อนเราทั้งคนนะ..."
"ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเห็นเธอเป็นเพื่อนหรอกนะ"
"ห หื้อ?" ดวงตากลมมองหน้าถามเพื่อนสีหน้าสงสัยงุนงง
"ช่างเถอะ เอาเป็นว่า อย่าเชื่อใจใครง่ายๆ อย่าไว้ใจคนจนเกินไป..."
"...ใจแลกใจของเธอ ใช้กับทุกคนไม่ได้" เมื่อเห็นว่าไลลายังคงมีสีหน้าไม่เข้าใจในคำพูดของตัวเอง วีนัสก็ตัดสินใจที่จะไม่พูดอะไรออกไปอีกเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้คนตัวเล็กเลิกสนใจเรื่องของอดีตเพื่อนอย่างปลายฟ้า
"แล้วนี่เลิกเรียนกลับยังไง"
"วีนัสก็ต้องไปส่งเราน่ะสิ"
"แล้วพี่คามิล?"
"น่าจะติดเข้าเวรน่ะ วีนัสไปส่งเราหน่อยนะ แล้วก็...แวะกินสุกี้ที่ห้องเรากัน"
"ห้องเธอหรือห้องพี่คามิลกันแน่"
"ห้องเราสิ ห้องเราจริงๆ ห้องที่เราเคยอยู่ไง"
"อ้าว ไหนว่าพ่อเธอประกาศขายไปแล้ว"
"ปะป๊าแค่บอกไปแบบนั้นแหละ จริงๆยังอยู่"
"อ๋อ"
"ตกลงไปกินสุกี้ที่ห้องเรานะ ไปนะ~" เรียวปากเล็กอ้อนคนเป็นเพื่อนด้วยสีหน้าท่าทางชวนเอ็นดู วีนัสที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มพยักหน้าตอบกลับ
"โอเค"
"เย้! งั้นเดี๋ยวตอนกลับเราแวะซื้อเต้าหู้ชีสกันนะ~"
ตึกตึก...
เสียงสองเท้าบางของหญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดเจ้าของความสูงร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรใบหน้ารูปไข่เดินตรงเข้าไปยังบริเวณด้านในห้องเพื่อนสนิท
"ห้องยังดูสะอาดอยู่เลย"
"อ๋อ ปะป๊าให้คนคอยแวะเข้ามาทำความสะอาดอยู่ตลอดน่ะ ห้องก็เลยสะอาดแบบนี้" เรียวปากเล็กของไลลาตอบกลับ วีนัสจึงพยักหน้ารับรู้ก่อนที่ทั้งสองจะพาหยิบของสดที่ซื้อมาเดินไปล้างทำความสะอาดเพื่อที่จะนำมาทำอาหารกิน ทว่าขณะที่สองสาวกำลังยืนพูดคุยทำความสะอาดและหั่นของสดอยู่นั้น เสียงออดห้องของไลลาก็ดังขึ้นทำให้มือเล็กผละออกจากสิ่งของที่กำลังทำอยู่เดินตรงไปยังประตูห้องคอนโดตัวเองเพื่อเปิดให้คนที่อยู่ด้านนอกเข้ามา
แอดด~
"ทำไมมาถึงเร็วจัง" เสียงหวานของไลลาเอ่ยถามคนเป็นน้องชายขึ้นสีหน้าประหลาดใจ
"รถไม่ติด" เจ้าของใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่มมัธยมปลายปีสุดท้ายสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรที่อยู่ในชุดลำลองตอบกลับพร้อมกับเดินไปวางกระเป๋าโน้ตบุ๊กราคาแพงไว้ยังภายในห้องคอนโดใจกลางเมือง โดยในตอนนั้นเอง เสียงทักทายของวีนัสที่ยืนอยู่ในครัวก็ดังขึ้น
"หวัดดีไทก้า" ร่างสูงที่ถูกทักทายหันมองไปตามเสียงก่อนจะเห็นเพื่อนคนสนิทของพี่สาวกำลังยืนหั่นผักอยู่บริเวณด้านในห้องครัว
"สวัสดีครับ" ปากหนายิ้มบางๆ ตอบกลับสาวรุ่นพี่ด้วยท่าทียิ้มง่ายเหมือนกับคนเป็นแม่และพี่สาวของเขา
"กินข้าวมาหรือยัง กินสุกี้ด้วยกันไหม" วีนัสถาม โดยยังไม่ทันที่หนุ่มมัธยมปลายจะได้ตอบ
"อยู่กินสุกี้ด้วยกันก่อนสิไทก้า ไลลากับวีนัสซื้อเยอะเลย มีเต้าหู้ชีสด้วยนะ~"
"เต้าหู้ชีสอีกแล้ว" ไทก้าเอ่ยอย่างรู้ทันในของโปรดของคนเป็นพี่
"ก็มันอร่อยนี่หน่า~" ไลลาตอบกลับเสียงใส ก่อนที่คนตัวสูงจะพยักหน้าตอบกลับ อยู่กินสุกี้ตามคำเชิญชวนของสองสาว
"โอ๊ะ ได้เวลาลงไปเอาเค้กแล้วนี่" ริมฝีปากบางอมชมพูเอ่ยหลังจากที่นึกอะไรบางอย่างได้ เธอสั่งเค้กไว้กับร้านที่อยู่ใต้ตึกคอนโดราคาแพง
"จะไปไหน" เสียงทุ้มของหนุ่มมัธยมปลายถามคนเป็นพี่ขึ้น
"เดี๋ยวไลลาต้องลงไปเอาเค้กก่อน..."
"ที่ไหน"
"ข้างล่างไง ข้างๆ ทางเข้าล็อบบี้"
"เดี๋ยวไปเอาให้" ไทก้าบอก ทว่าไลลาก็ส่ายหน้าตอบกลับ
"ไม่ได้ ไลลาจะไปดูด้วยว่าเรื่องอะไรบ้าง สั่งมาแค่สามชิ้นเอง กลัวไม่พอ"
"..." ร่างสูงก็นิ่ง
"ไลลาไปละ ไทก้าอยู่ช่วยวีนัสหั่นผักทำความสะอาดเถอะ" เรียวปากเล็กบอกพร้อมกับทำท่าจะเดินออกไป แต่ก็ต้องชะงักเท้าบางไว้เมื่อได้ยินเสียงน้องชายตัวเอง
"เดี๋ยว"
"..." ดวงตากลมโตมองหน้าน้องชายสีหน้างุนงง ไทก้าก็เงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ เดินไปหยิบเสื้อคลุมๆ ให้คนตัวเล็ก
"เดินไปดีๆ ดูรอบๆ ข้างด้วย"
"รู้แล้วน่า ไลลาไม่ใช่เด็กนะ" ใบหน้าใสตอบกลับทำหน้ายู่ใส่คนเป็นน้องก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องไป ไทก้าก็ไม่ได้พูดอะไร เดินตรงเข้าไปยังวีนัสที่กำลังยืนหั่นของสดอยู่
"ให้ผมช่วยอะไรไหมครับ" หนุ่มมัธยมปลายเจ้าของความสูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรถามขึ้น
"อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกไทก้า พี่ทำคนเดียวได้ เราไปนั่งรอเถอะ"
"ไม่เป็นไรครับ ผมอยากช่วย" ปากหนาเอ่ย
"เอางั้นเหรอ" ใบหน้าสวยของรุ่นพี่สาวหันถามน้องชายเพื่อนสนิท
"ครับ" คนตัวสูงพยักหน้าตอบ
"โอเค งั้นเรา...ล้างผักที่เหลือแล้วกัน ตรงนั้นยังไม่ได้ล้างเลย"
"ครับ" ไทก้ายิ้มตอบสาวเท้าเดินเข้ามายืนล้างผักอยู่บริเวณด้านข้างวีนัสที่กำลังยืนหั่นเนื้อหมูอยู่ ทว่าขณะที่กำลังยืนหั่นเนื้อหมูอยู่นั้น ดวงตากลมสวยก็เหลือบไปเห็นแขนหนาของเด็กมัธยมปลายด้านข้างที่ถลกเสื้อแขนยาวขึ้นจนเผยให้เห็นรอยสักขนาดใหญ่พอสมควร
"นี่เรา...สักด้วยเหรอ" เรียวปากบางอดที่จะถามน้องชายเพื่อนออกไปไม่ได้
"อ๋อ ครับ" รอยยิ้มบางๆ ฉายขึ้นบนใบหน้าหล่อของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดย่างสิบเก้า
"โอ้ ไม่น่าเชื่อ" วีนัสตอบกลับด้วยสีหน้ารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เพราะเธอคิดว่าไทก้าไม่น่าจะชอบอะไรแนวนี้ แม้ว่าทั้งพ่อและพี่ชายของเขาจะออกแนวไปทางแบดบอย
"ทำไมครับ ผมไม่เหมาะกับรอยสักนี้เหรอ" เรียวปากหนายิ้มถามเพื่อนพี่สาว
"กะ ก็...ไม่เชิงว่าแบบนั้นหรอก พี่แค่คิดว่าเราดูไม่ค่อยออกแนวนี้เท่าไหร่"
"อ๋อ" ไทก้ายังคงยิ้ม
"ไม่เจ็บเหรอ" วีนัสถาม
"เจ็บมากครับ อยากร้องไห้เลย" เด็กหนุ่มมัธยมปลายตอบกลับพร้อมกับทำหน้าตาออกมาราวกับรู้สึกเจ็บกับสิ่งที่บอกจริงๆ
"เฮ้อ ก็ไปหาเรื่อง..." รุ่นพี่สาวส่ายหัวเอ่ย คิดว่าอีกคนไม่น่าซ่าไปหาเรื่องเจ็บตัวเลย ทั้งที่อยู่แบบปกติก็ดีอยู่แล้ว ผิดกับไทก้าที่ยืนยิ้มออกมาแม้ว่าแววตาจะดูเรียบนิ่งขัดกับรอยยิ้มที่ฉายอยู่
ครืดดด ~
เสียงโทรศัพท์ของคนตัวสูงดังขึ้นทำให้ดวงตาคมที่ล้างผักเสร็จพอดี จัดการเช็ดทำความสะอาดมือ เลื่อนมือลงไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา
ข้อความ
เป็ด : ไอ้ก้า
เป็ด : พรุ่งนี้มึงว่างปะวะ
เป็ด : กูจะไปเติมอีก ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย
เป็ด : เจ็บฉิบ อยากทนได้แบบมึงว่ะไอ่สัส ทีเดียวจบ ไม่ร้องสักแอะ
ไทก้ายืนมองข้อความที่เพื่อนสนิทส่งเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง รอยสักโง่ๆ พวกนี้น่ะเหรอ จะสามารถทำให้คนอย่างเขารู้สึกอะไรได้
แอดดด
"กลับมาแล้ว~" เสียงเล็กของไลลาเอ่ยขึ้นเสียงใสพร้อมกับเดินถือถุงขนมเค้กมากมายเข้ามาภายในห้องด้วยสีหน้าท่าทีมีความสุข
"ทำไมซื้อมาเยอะจัง" วีนัสถามเพื่อนตัวเล็ก
"ก็ซื้อมาเผื่อให้วีนัสกับไทก้าด้วยไง"
"ฉันไม่ชอบกินของหวานนะ เธอก็รู้นี่ แล้วซื้อมาเยอะแบบนี้จะกินกันหมดเหรอ"
"หมดสิ มีไทก้าอยู่ด้วยทั้งคนเลยนะ" ใบหน้าเรียวใสยิ้มหวานตอบกลับ ทำเอาวีนัสหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองสีหน้างุนงง
"ไทก้าก็ชอบกินเค้กเหมือนเรานี่แหละ แถมยังกินเยอะกว่าชอบแย่งเรากินด้วย" ว่าแล้ว ร่างบางก็หันไปทำหน้ายู่ใส่น้องชาย ไทก้าจึงหัวเราะยิ้มออกมาในท่าทีของพี่สาวตัวเล็ก
"อ๋อ เราชอบกินของหวานด้วยเหรอ" วีนัสมองหน้าถามเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ยืนอยู่แววตาสงสัย
"ครับ" เจ้าของใบหน้าหล่อดูดีพยักหน้าตอบกลับ
"น่าแปลกนะเนี่ย ปกติพี่ไม่ค่อยเจอผู้ชายชอบกินของหวานมาก่อน..." วีนัสยิ้มบอกออกไปตามตรง ไทก้าก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรเอาแต่ยิ้มบางๆส่งกลับไปให้คนเป็นเพื่อนพี่
"...แต่ก็นะ เด็กวัยกำลังโตนี่เนอะ" ใบหน้าสวยยิ้มเอ่ยก่อนจะเริ่มหยิบบรรดาของกินเดินเข้าไปวางลงยังโต๊ะกลางด้านหน้าโซฟาราคาแพงในห้องรับแขก ซึ่งไลลากับไทก้าที่เห็นแบบนั้นก็ต่างพากันเดินเข้าไปช่วยหญิงสาว
ไม่นานทั้งสามก็นั่งกินสุกี้ไปโดยมีเสียงหวานของไลลาที่คอยนั่งพูดนั่นพูดนี่ไม่หยุด
"ถามจริง พี่คามิลไม่พูดอะไรบ้างเหรอ" วีนัสหันถามไลลาที่นั่งคุยแจ๋วแหววอยู่ขึ้น
"พูด? พูดอะไรเหรอวีนัส" ดวงตากลมโตมองคนเป็นเพื่อนสีหน้างุนงง
"ก็ที่เธอพูดมาก พูดไม่หยุดแบบนี้ไง อยู่กับพี่เขาได้เหรอ พี่เขาเล่นไม่พูดอะไรเลย" สิ้นเสียงวีนัสเอ่ย ไทก้าที่ได้ยินแบบนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ต่างจากไลลาที่มองค้อนหันไปมองหน้าเพื่อน
"วีนัส!"
"ก็จริงนี่ เธอเล่นพูดไม่หยุดเลย ส่วนพี่คามิลก็เหมือนป่าช้า"
"พี่เขาก็ไม่ได้เงียบขนาดนั้นซะหน่อย..."
"แต่ก็เงียบกว่าเธอเยอะเลยนะ"
"วีนัส!" ใบหน้าใสทำปากขมุบขมิบมองหน้าเพื่อนด้วยแววตาสีหน้าเอาเรื่อง วีนัสก็หัวเราะออกมาเมื่อได้เห็น ขณะที่ไทก้าก็หลุดหัวเราะอย่างไม่ต่างกัน
"เราไม่คุยกับวีนัสแล้ว นิสัยไม่ดี ว่าเรา"
"ที่พี่วีนัสพูดก็เรื่องจริง" เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มมัธยมปลายพูดขึ้น ดวงตากลมจึงหันไปมองหน้าน้องชายตัวเองสีหน้าโมโหเอาเรื่องพอๆกับที่ทำกับเพื่อน
"ไทก้า!!"
"ฮ่าๆ" ใบหน้าหล่อหัวเราะยิ้มออกมาทันทีที่ได้เห็นหน้ายู่ของพี่สาวตัวเล็ก
"ไลลาไม่รักไทก้าแล้ว!"
"ใช่สิ เอาแต่รักหมอแล้วนี่"
"ไม่ต้องมาล้อไลลาเลยนะ นิสัยไม่ดี ไลลาจะฟ้องปะป๊า"
"ฮ่าๆ พอได้แล้วสองพี่น้อง..."
"...เอ่อ ไทก้ากินไข่ตุ๋นไหม" เสียงวีนัสหันเอ่ยถามน้องชายเพื่อนเมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
"ไข่ตุ๋นทรงเครื่องที่วีนัสชอบทำน่ะเหรอ" เรียวปากบางอมชมพูของไลลาแทรกถามขึ้น
"อืม" วีนัสยิ้มพยักหน้าตอบกลับ เพราะเธอแอบทำไว้ในตอนที่กำลังหั่นของสดอยู่
"อ้ายยย เรากิน!..." ไลลาตอบกลับคนเป็นเพื่อนพร้อมกับหันไปบอกน้องชายตัวเองสีหน้าออกรส
"...ไข่ตุ๋นทรงเครื่องฝีมือวีนัสอร่อยมากๆเลยนะไทก้า ถ้าไม่ได้กิน จะถือว่าพลาดมาก"
"ขนาดนั้นเลย?"
"ใช่! ไลลานะ ชอบกินมากๆเลย" ใบหน้าใสเอ่ยบอกน้องชายยิ้มแย้มบ่งบอกได้ถึงความชอบกินไข่ตุ๋นฝีมือเพื่อนสนิทมากๆ
"ลองดูไหม พี่ทำเผื่อไว้ให้เราด้วยนะ" วีนัสยิ้มถามเด็กหนุ่มร่างสูง
"ครับ ลองดูก็ได้ครับ" เรียวปากหนาตอบกลับทำให้วีนัสลุกขึ้นไปหยิบไข่ตุ๋นทรงเครื่องที่ทำให้เดินเอามาให้ยังสองพี่น้องที่นั่งอยู่ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นใจดี
"มีเหลืออยู่อีกถ้วยนะ เผื่อใครติดใจ" สิ้นเสียงหวานบอก ไลลาก็ยิ้มเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์ดี
"ก็ต้องเป็นของเราอยู่แล้ว~"
"หึ" ไทก้าทำเสียงยิ้มออกมากับความน่ารักกินเก่งของพี่สาว ทว่าทันทีที่มือหนาได้สัมผัสเข้ากับไข่ตุ๋นตรงหน้า ใบหน้าหล่อก็แสดงสีหน้าพอใจออกมากับรสชาติ
"อร่อยจริงๆด้วยครับ"
"จริงเหรอ" วีนัสยิ้มถามน้องชายเพื่อน
"ครับ พี่วีนัสดูทำอาหารเก่งจังเลยนะครับ"
"พอดีพ่อพี่เป็นเชฟน่ะ ก็เลยติดฝีมือของพ่อมาบ้าง"
"อ๋อ ดีจังเลยนะครับ"
"..." ร่างสวยหุ่นดียิ้มตอบกลับเด็กหนุ่มมัธยมปลายไปด้วยความเอ็นดู โดยไทก้าก็นั่งตักไข่ตุ๋นเข้าปากอย่างรู้สึกถูกปากเป็นอย่างมากกับรสชาติที่กำลังได้ลิ้มลอง
"จะกลับกันแล้วเหรอ..." ร่างเล็กเจ้าของห้องเอ่ยถามน้องชายกับเพื่อนสนิทขึ้น
"ใช่ นี่ก็เริ่มมืดแล้ว เดี๋ยวหาแท็กซี่ยาก" วีนัสบอก
"แท็กซี่เหรอครับ?" ไทก้าหันถามเพื่อนพี่ขึ้น
"อ่าใช่ พอดีตอนที่พี่ขับมาส่งไลลาที่นี่ รถพี่เกิดมีปัญหาระหว่างทางขึ้นพอดี ตอนนี้น้องเลยได้ไปอยู่ศูนย์แล้ว" ใบหน้าสวยยิ้มตอบกลับน้องชายเพื่อนด้วยความปลงกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ตอนแรกรถของเธอก็ดูปกติดี แต่ว่าก็ดันมามีปัญหาระหว่างทางซะงั้น
"ถ้างั้นให้ผมไปส่งพี่ไหมครับ" เด็กมัธยมปลายเอ่ยถามร่างสวยตรงหน้า
"ไม่เป็นไรเกรงใจ วันนี้พี่ว่าจะกลับบ้านด้วย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมไปส่งได้"
"แต่..."
"ให้ไทก้าไปส่งเถอะวีนัส ทางบ้านของวีนัสก็ทางกลับทางเดียวกับบ้านเราอยู่นะ" ไลลาพูดขึ้นอย่างเห็นด้วยในความคิดของน้องชาย
"อืม ก็ได้" สุดท้ายวีนัสก็พยักหน้าตอบอย่างไม่คิดจะปฏิเสธต่ออีก เพราะรู้ว่าหากเธอยืนยันที่จะไม่ให้ไทก้าไปส่ง ไลลาก็จะยังคงไม่จบในการคะยั้นคะยองอแงเป็นแน่
"เย้! วีนัสนี่ไม่เคยดื้อกับเราเลย~" เรียวปากเล็กยิ้มหวานเอ่ยด้วยสีหน้าท่าทีอารมณ์ดี วีนัสจึงได้แต่ยิ้มบางๆส่ายหัวออกมากับความน่ารักของเพื่อนตัวเล็ก
"งั้นกลับกันเลยไหมครับ" เสียงทุ้มของเด็กหนุ่มมัธยมปลายเอ่ยถามขึ้น
"อืม" เจ้าของใบหน้าสวยพยักหน้าตอบ ทำให้ร่างบางเจ้าของห้องหันเอ่ยบอกน้องชายตัวเองเสียงใส
"ฝากส่งวีนัสด้วยนะไทก้า"
"อืม" สิ้นเสียงตอบกลับรับรู้ วีนัสกับไทก้าก็พากันเดินออกจากห้องคอนโดใจกลางเมืองของไลลาไปตามปกติ โดยระหว่างทั้งสองก็มีการพูดคุยกันอยู่บ้างตามประสาคนรู้จักกัน กระทั่งขึ้นมาบนรถสปอร์ตราคาแพง
"เด็กม.ปลายขับรถหรูขนาดนี้เลยสินะ" เสียงวีนัสเอ่ยยิ้มแซวขึ้นเมื่อได้เข้ามานั่งในรถที่ถูกออกแบบมาอย่างดี เธอเองเพียงแค่พูดแซวออกไปอย่างไม่ได้คิดอะไร เพราะเห็นรถของไทก้าอยู่หลายครั้งที่ขับมารับเพื่อนสนิท วีนัสรู้ดีว่าฐานะทางบ้านของครอบครัวนี้มีเงินมากมายมหาศาลขนาดไหน บ้านของเธอนี่...เทียบไม่ติดเลยสักนิด เพราะจัดอยู่ในฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยอู้ฟู่ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องลำบาก และถึงบ้านของไลลาจะร่ำรวยมากแค่ไหนแต่วีนัสเองก็ไม่เคยคิดอิจฉาหรือริษยาคนเป็นเพื่อนเลยแม้แต่น้อย
"..." ไทก้าไม่ตอบแต่เลือกที่จะส่งยิ้มบางๆให้เพื่อนพี่ ก่อนที่คนตัวสูงจะขับเคลื่อนรถราคาแพงออกไปตามเส้นทางที่รุ่นพี่สาวบอก
"ถ้ารถติดมาก เดี๋ยวพี่นั่งแท็กซี่ต่อเข้าไปก็ได้นะ" เรียวปากสวยเอ่ยบอกน้องชายเพื่อนอย่างรู้สึกเกรงใจ
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมไปส่งถึงบ้านพี่เลย ว่าแต่...ผมเหมือนเคยได้ยินว่าพี่อยู่คอนโดไม่ใช่เหรอครับ"
"อ๋อ จริงๆพี่ก็อยู่คอนโดนั่นแหละ แต่วันนี้พ่อพี่เขาคงคิดถึงลูกสาวคนเดียวละมั้ง เลยโทรตามให้กลับไปนอนที่บ้าน"
"พี่กลับบ้านไม่บ่อยเหรอครับ"
"ถามว่าบ่อยไหม...ก็ไม่บ่อยหรอก เทอมหนึ่งกลับไม่กี่ครั้งเอง เพราะว่าปีสองงานเยอะมาก แล้วนี่ก็จะสอบไฟนอลอีก"
"อ๋อ"
"แล้วเราล่ะ เล็งมหา’ลัยที่ไหนไว้ อีกไม่กี่อาทิตย์ก็เรียนจบเตรียมเข้ามหา’ลัยแล้วนี่" เจ้าของใบหน้าสวยหันถามน้องชายเพื่อนสนิทขึ้นอย่างชวนคุย
"ผมยังไม่แน่ใจเลยครับ เลยว่าจะลองหาดูข้อมูลแต่ละคณะกับมหา’ลัยไปก่อน"
"เราอยากเรียนคณะอะไร"
"ผมเล็งวิศวะกับบริหารธุรกิจไว้ครับ"
"โอ๊ะ ไม่สนใจนิเทศศาสตร์บ้างเหรอ"
"ไม่เลยครับ หัวผมไม่ค่อยชอบทางนี้"
"ก็นะ แต่ดีแล้วแหละ บ้านทำธุรกิจใหญ่โตแบบนั้น เล็งสองคณะที่ตอบโจทย์การทำงานก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีมากเลย" วีนัสยิ้มบอกรุ่นน้องหนุ่มไปอย่างรู้สึกว่าอีกคนไม่ได้โตแต่ตัว ทว่าความคิดกับวุฒิภาวะก็ค่อนข้างเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้วีนัสรู้สึกแปลกใจสักเท่าไหร่ เนื่องจากเธอมักจะเห็นไทก้าคอยดูแลไลลาอยู่หลายครั้ง รวมถึงลักษณะภายนอกที่ดูสุภาพตั้งใจเรียน
"เอ่อ พี่ว่าจะถามอะไรเราอยู่"
"ครับ?"
"ปีนี้เราสูงขึ้นหรือเปล่า ทำไมพี่รู้สึกเหมือนเราสูงขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย" เรียวปากสวยหันถามเด็กหนุ่ม
"อ๋อครับ ผมสูงขึ้น"
"สูงเท่าไหร่แล้วเนี่ย"
"ร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรแล้วครับ"
"โอ้โห! อายุสิบแปดยังสูงขนาดนี้แล้วเนี่ยนะ" ร่างบางเผลอเอ่ยออกมาสีหน้าตกใจกับความสูงของน้องชายเพื่อนที่ได้ยิน
"..." ไทก้ายิ้มตอบกลับ
"พี่ว่าไม่แน่เราอาจจะสูงกว่าพี่แทนไทกับอาธามก็ได้นะเนี่ย อายุแค่สิบแปดยังสูงมากๆขนาดนี้เลย"
"ผมไม่อยากสูงไปกว่านี้แล้วครับ" เด็กหนุ่มมัธยมปลายเอ่ย
"อ้าว ทำไมล่ะ สูงเหมือนนายแบบๆนี้ ไม่ดีเหรอ"
"ไม่ดีครับ ผมปวดคอ"
"หื้อ?"
"เวลาที่ต้องคุยกับแม่กับไลลา ผมปวดคอตลอดเลย" สิ้นเสียงทุ้มของคนด้านข้างเอ่ย ใบหน้าเรียวสวยก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันที
"ฮ่าๆ อย่าไปพูดแบบนี้ให้ไลลาได้ยินนะ เดี๋ยวก็โกรธตุ๊บป่องอีก" วีนัสยิ้มบอกอย่างรู้สึกขบขันไปกับคำพูดของน้องชายเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าเอ็นดูเมื่อนึกไปถึงสีหน้าของไลลาที่หากมาได้ยินก็คงโกรธคนเป็นน้องอย่างเป็นแน่ โดยมีสายตาของไทก้าที่ลอบมองท่าทีของคนด้านข้างนิ่ง
"ขอบคุณนะครับ" อยู่ๆเรียวปากหนาก็เอ่ยออกมา ทำเอาเจ้าของใบหน้าสวยหันไปมองหน้าเด็กหนุ่มสีหน้างุนงง
"หื้อ?"
"ที่พี่เอ็นดูไลลาจริงๆแล้วก็คอยปกป้องพี่สาวผมมาตลอด"
"..." วีนัสชะงักนิ่ง
"เรื่องพี่ปลายฟ้า ผมเห็นทุกอย่างทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนั้นครับ"
"งั้นเหรอ..."
"ขอบคุณนะครับที่คอยช่วยกันดูแลและปกป้องไลลา"
"เราไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องขอบคุณอะไรพี่เลย มันก็เป็นหน้าที่ของพี่เหมือนกัน พี่เป็นเพื่อนไลลาก็ต้องคอยปกป้องไลลาสิ" วีนัสยิ้มบอก ทำเอาไทก้าที่ได้ยินประโยคที่ฟังดูก็รู้ว่ามาจากใจพวกนั้นเผยรอยยิ้มบางๆขึ้นมาอีกครั้ง อย่างน้อยพี่สาวตัวน้อยที่ไม่ค่อยจะทันคนอย่างไลลาก็ยังมีเพื่อนที่แสนดีแบบวีนัสคอยอยู่ปกป้องอยู่ข้างๆ คนตัวสูงก็รู้สึกอุ่นใจ ใช้เวลาไม่นานรถสปอร์ตราคาแพงก็ขับเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านขนาดพอดีของรุ่นพี่สาว
"ขอบคุณนะที่มาส่งพี่ ไว้เจอกัน"
"ครับ" หลังจากที่เด็กหนุ่มพยักหน้ายิ้มตอบกลับ วีนัสก็ลงจากรถเดินตรงเข้าไปยังภายในบ้านของตัวเองทันที ทว่าขณะที่ไทก้ากำลังจะเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไป
ครืดดด ~
เสียงโทรศัพท์ร่างสูงดังขึ้นทำให้มือหนาเอื้อมลงไปหยิบดู
ข้อความ
เฟย : ที่เดิม
เฟย : มาดิ
"ไง ยังจำทางกลับบ้านได้อยู่อีกเหรอ" เสียงวดีเอ่ยถามลูกสาวเพียงคนเดียวของตัวเองขึ้นหลังจากที่ร่างบางเดินเข้ามาภายในบ้าน
"แม่ก็..."
"...หนูไม่ได้ ไม่กลับบ้านเลยสักหน่อย ชอบแซวเนี่ย" เรียวปากสวยตอบ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมามองหาใครบางคน
"พ่อล่ะคะ" ใบหน้าสวยเอ่ยถาม
"อยู่ในครัวนั่นแหละ พอแกบอกว่าจะกลับ ก็รีบเข้าครัวไปเตรียมอาหารรอ"
"จริงเหรอแม่ แต่หนูเพิ่งกินข้าวมานะ"
"ก็ซวยแกไป รู้ว่าที่บ้านมีเชฟรอ จะไปกินก่อนมาทำไม"
"ก็ไลลาชวนนี่ ตอนแรกหนูก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับบ้านด้วย" วีนัสตอบกลับคนเป็นแม่ไป โดยนี่เป็นการพูดคุยแบบปกติของทั้งสอง วดีกับวีนัสมักจะใช้คำพูดที่ฟังดูเรียบง่ายแบบนี้คุยกันเพื่อที่จะไม่เกิดช่องว่างระหว่างอายุมากีดกัน ทำให้วีนัสเวลามีอะไรที่ไม่สบายใจก็มักจะปรึกษาพูดคุยกับแม่ตัวเองทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่...เรื่องความรัก
"แล้วยังติดต่อมาอยู่หรือเปล่า"
"หื้อ?"
"แฟนเก่าแกน่ะ" ทันทีที่วดีถามจบ ร่างสวยหุ่นดีที่ได้ยินแบบนั้นก็ชะงักนิ่งไป
"ไม่ค่อย..."
"ฉันไม่ได้อยากจะตอกย้ำอะไรแกหรอกนะวีนัส แต่...บ้านเขากับเรามันต่างกัน แกเข้าใจที่แม่พูดใช่ไหม"
"อืม หนูรู้" เรียวปากสวยตอบกลับอย่างรู้ดีในความหวังดีที่แม่เธอพยายามบอกอยู่ตลอด นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่วีนัสตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับทัต เนื่องจากฐานะทางบ้านของเขากับเธอค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควร ทัตเป็นลูกชายนักธุรกิจที่มีฐานะ มีหน้ามีตาในสังคมอยู่ในระดับหนึ่ง ขณะที่บ้านของวีนัสเป็นเพียงชนชั้นกลาง ที่ถึงพ่อเธอจะเป็นเชฟที่มีเงินเดือนหลักแสนต่อเดือน ทว่าก็ไม่สามารถที่จะไปเทียบเท่ากับฐานะกับทางบ้านของทัต อดีตแฟนหนุ่มรุ่นพี่ของเธอได้
แม้ว่าทัตจะไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องพวกนี้ แต่ที่บ้านเขาก็อาจจะไม่โอเค วีนัสคิดและทบทวนทุกอย่างมาเป็นอย่างดี จนสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะจบความสัมพันธ์กับรุ่นพี่หนุ่มลงเพื่อให้เขาได้ไปเติบโตอย่างที่ทางบ้านเขาคาดหวังเอาไว้
"วีนัส" เสียงพงศ์ศักดิ์เดินเข้ามาเอ่ยเรียกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของตัวเองขึ้นพร้อมกับนำจานอาหารเข้ามาวางลงบนโต๊ะห้องครัวภายในบ้าน
"แล้วนี่มายังไง นั่งแท็กซี่มาเหรอลูก" ชายวัยกลางคนมองหน้าถามคนเป็นลูกน้ำเสียงห่วงใยอบอุ่น
"ไม่ใช่แท็กซี่นี่ ว่าจะถามอยู่ ฉันเห็นเหมือนมีรถมาส่งแกเลยแต่ไม่ใช่แท็กซี่"
"อ๋อ ไทก้าน่ะค่ะ"
"ไทก้า?" พงศ์ศักดิ์ถามขึ้นด้วยความรู้สึกคุ้นในชื่อที่ได้ยิน
"น้องชายไลลาน่ะค่ะ พอดีหนูไปห้องไลลามาแล้วรถเสียนั่นแหละ น้องเลยอาสามาส่ง"
"อ๋อ" วดีพยักหน้ารับรู้ แล้วชายหญิงวัยกลางคนสองคนก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรลูกสาวคนเดียวต่อ พวกเขานั่งคุยเล่นกันไปตามประสาครอบครัวขนาดเล็กที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น โดยมีรอยยิ้มของวีนัสที่ฉายออกมาไม่หยุดทุกครั้งที่ได้กลับมานอนที่บ้าน
อีกด้าน
ตึก
ตึก...เสียงสองเท้าหนักของเด็กหนุ่มมัธยมปลายเดินตรงเข้าไปยังด้านในร้านลับที่ภายนอกดูเหมือนอาคารห้องเช่าปกติ ทว่าบริเวณด้านในนั้นกลับเต็มไปด้วยโต๊ะสนุ๊กและสิ่งที่ไม่ดี
"มาแล้วว่ะ..." เสียงทุ้มของใครบางคนที่นั่งสูบบุหรี่อยู่เอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นเพื่อนสนิทตัวสูงของตัวเองเดินเข้ามายังโต๊ะสนุ๊กที่พวกเขากำลังเล่นกันอยู่
"...ไง" เฟย เอ่ยทักทายคนที่เข้ามาใหม่ด้วยท่าทีสนิทสนม โดยเฟยก็คือหนึ่งในเพื่อนสนิทของไทก้า เขามีเพื่อนสนิทอยู่สองคน ซึ่งก็คือเฟยกับเป็ด
"ไอ้เป็ดไปไหน" ไทก้าถามพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างเพื่อนสีหน้าเรียบนิ่ง
"ไม่รู้แม่ง แอบไปเย็บใครอีกแล้วมั้ง" ทันทีที่เฟยพูดจบ ไทก้าก็นั่งนิ่งพยักหน้ารับรู้กับคำบอกเล่าของเพื่อน
"สักมวนไหม" เฟยถามพร้อมกับยื่นซองบุหรี่ไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่
"ไม่ดีกว่า เดี๋ยวกูต้องไปรับแม่"
"มึงก็อมลูกอมที่พกติดตัวไว้ไง"
"ไม่ล่ะ แม่กูเร็วเรื่องแบบนี้" เจ้าของใบหน้าหล่อตอบกลับ เฟยจึงไม่เซ้าซี้อะไรต่อ นั่งสูบบุหรี่ในมือของตัวเองไป กระทั่ง...
"มาแล้วเหรอวะ" เสียงเป็ดเดินเข้ามาทักทายเพื่อนทั้งสองด้วยสภาพชุดหลุดลุ่ยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำอะไรมา
"ไปล่อเด็กที่ไหนอีกล่ะไอ้นี่"
"เด็กอะไร รุ่นพี่เว้ย"
"ใคร?"
"พี่พลอย ดาวมหา’ลัยเอชปีสาม...เด็ดสัส"
"หึ" เฟยทำเสียงส่ายหัวออกมากับคำพูดของเพื่อน
"เด็ดจริงนะเว้ยไอ้เฟย กูไม่คิดเลยว่าเอารุ่นพี่ แม่งจะมันขนาดนี้ สุดยอด โยกโคตรเก่ง แถมยังฟิต..."
"พอสักทีเถอะไอ้สัส จะเล่าจนถึงตอนมึงกระแทกเข้าไปเลยไหม" เฟยมองหน้าถามคนเป็นเพื่อน เป็ดจึงได้ยักไหล่ตอบกลับหันไปเอ่ยชวนเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่
\="อื้ม…ปวดหัวชะมัด" ฉันค่อยๆลืมตาเพราะขยับตัวแล้วรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ร่างกาย…พร้อมกับอาการหัวหนักสุดๆ จนไม่อยากขยับไปไหน…เมื่อคืนฉันเมาเละไม่เป็นท่าเลยสินะ
ฉันค่อยๆ เบิกตาขึ้นตามสัญชาตญาณ ก่อนจะขยับตัวนิดหน่อยอย่างเคย
"โอ๊ยย!" เจ็บ…เจ็บตรงนั้น
สุดท้ายเลยยังไม่ลุกจากเตียง แล้วลองมองไปรอบๆตัว..มันเป็นห้องนอน แต่ไม่ใช่ห้องฉัน เดี๋ยวนะ..คิดก่อนนะ…
เมื่อคืน ฉันไปผับคนเดียวจำได้ว่ากินไปเยอะอยู่ แล้วมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้มาเข้าใกล้ฉัน เออ! มีคนมาช่วย แล้วก็กินไวน์ด้วยกัน แล้วหลังจากนั้น…?...!!!!!
"...ทำบ้าอะไรไปเนี่ย "
แอดดด~กึก~เสียงบานเลื่อนปลายเตียง ถูกเลื่อนออก พร้อมกับปรากฎผู้ชายร่างสูงใหญ่ ตามตัวมีรอยสักเต็มไปหมด เขาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากครั้งสุดท้าย … ใช่! เขาคนที่ช่วยฉันเมื่อคืนไง แล้วทำใมตอนนี้เรากลับ…
"ฉันชักสนใจผู้หญิงอย่างเธอแล้วดิ ยินดีที่ได้เป็นคนแรกของเธอ"
——————————
" ขอคุยด้วยห้านาทีค่ะสุขสันต์วันเกิดนะคะ นี่ของขวัญค่ะ”
“?”
“ของขวัญค่ะ หนูตั้งใจซื้อให้เฮีย”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันมีหมดทุกอย่างแล้ว ของนั่นไม่จำเป็น!”
“….”
“เว้นเสียแต่ว่า ของสิ่งนั้นจะทำให้ฉันประทับใจ”
“แล้วเฮียอยากได้อะไรคะ?”
“บอกไปแล้ว จะให้ได้?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างเจ้าเล่ห์พลางมองเนินอกขาวผ่องอย่างมีเลศนัย ยัยเด็กนี่ซ่อนรูปไม่เบาเลย หน้าอกใหญ่เกินตัว ผิวก็ขาวเนียนจนแสบตา ดูเหมือนว่าก้อนโตๆ นี้จะเป็นของจริงเสียด้วย ดูจากสถานะทางการเงินของเธอแล้วคงไม่มีเงินไปทำศัลยกรรม แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือความบริสุทธิ์ของเธอต่างหาก คิดภาพตอนเปิดบริสุทธิ์ไม่ออกจริงๆ ว่ามันจะฟินแค่ไหน เพราะปกติเคยเจอแต่ของมากประสบการณ์
“เฮียลองบอกสิ่งที่เฮียอยากได้มาก่อนได้ไหมคะ ถ้าเป็นสิ่งที่หนูพอหาได้ หนูยินดีจะหามาให้เฮียค่ะ”
“แน่ใจเหรอ?”
“แน่ใจค่ะ”
“อยากได้เธอ”
“หึ! ให้ไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่าสมเพชก่อนจะหันหลังให้กับหญิงสาว แต่ทว่า..
“อย่าพึ่งไปค่ะ”
“?”
“หนูให้ได้ค่ะ แต่หนูให้เพราะหนูชอบเฮียนะคะ ชอบมานานแล้วด้วย …”
บทที่ 1 เพียงพราว
ภายในร้านอาหารหรูในเครือตระกูลดังมีหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มดวงตากลมโตผูกผมเป็นหางม้าประดับด้วยโบว์เล็กสีขาวน่ารักเข้ากับชุดพนักงานสีเดียวกันกำลังเก็บกวาดโต๊ะอาหารจัดเก็บจานและแก้วน้ำใส่รถเข็นอย่างช่ำชอง วันนี้เธอทำมันอย่างรวดเร็วจนเพื่อนร่วมงานตะลึง เพราะภายในไม่กี่นาทีเธอก็สามารถจัดการโซนที่รับผิดชอบจนเสร็จเรียบร้อย
"เสร็จสักที" หญิงสาวบอกกับตัวเองพลางมองนาฬิกาข้อมือ พอเห็นว่าใกล้เวลาเลิกงานแล้วก็รีบเข้ามาเคลียร์ของที่หลังร้านต่อ แน่นอนว่าเธอจัดการ
มันภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที จนพี่คนสนิทในครัวเอ่ยแซว
"จะรีบอะไรขนานนั้นเพียงพราว ทำอย่างกับมีนัดออกเดทอย่างนั้นแหละ"
หญิงสาวได้แต่ยิ้มแทนคำตอบ
"หนูไปก่อนนะคะ วันจันทร์เจอกันค่ะพี่ สวัสดีค่ะ"
เพียงพราว สาวสวยวัยยี่สิบสองยกมือไหว้แม่ครัวสาวคนสนิทที่ทำงานด้วยกันมาหลายปีอย่างอ่อนน้อม และไม่ลืมไหว้อีกหลายๆ คนที่อยู่ในนั้นด้วย
ทุกสายตามองเธอด้วยความเอ็นดูและภาวนาให้เธอได้เจอคนที่ดีๆ อย่าให้คนไม่ดีเข้ามาในชีวิตอีกเลย
เพียงพราว เด็กสาวกำพร้า แม่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายตอนเธอกำลังจะขึ้นมอปลาย ส่วนพ่อแท้ๆ นั้นเสียชีวิตตั้งแต่เพียงพราวอายุไม่ถึงสามขวบ พ่อที่ตามติดชีวิตเธอเป็นปลิงอยู่ในตอนนี้คือพ่อเลี้ยง
แต่ในความโชคร้ายยังมีความดี ที่เพียงพราวได้เจอคนที่ดีกับเธออย่างคาร่า เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ คาร่าคือลูกสาวคนเล็กของตระกูลดัง ตระกูลที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ครอบครัวของคาร่ามีธุระกิจมากมาย ทั้งธุรกิจสีขาวและธุรกิจสีเทา หรือที่ทุกรู้จักกันในนามมาเฟีย
เพียงพราวสนิทกับคาร่าตอนมอต้น ในตอนนั้นเพียงพราวได้ทุนเรียนฟรีที่โรงเรียนหญิงล้วนที่ครอบครัวคาร่าเป็นเจ้าของ ด้วยความที่เป็นเด็กทุนเพียงพราวจึงไม่มีเพื่อนคบ ถึงเธอจะนิสัยดีจริงใจและเอาใจใส่กับคนรอบข้าง แต่ความจนก็ทำลายภาพลักษณ์พวกนั้น
ทุกคนมองเธอแค่ภายนอก ต่างจากคาร่าที่ยอมคุยกับเพียงพราว คาร่าบอกตามตรงว่าเธอไม่ชอบคนตอแหลอย่างพวกนั้น เลยคบกับเพียงพราว ทั้งสองคนมีอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ากันได้ ถึงนิสัยจะต่างกันสุดขั้วแต่ก็คบกันอย่างจริงใจ อาจจะเป็นเพราะเพียงพรางไม่เคยต้องการอะไรจากคาร่าเลย นอกจากมิตรภาพที่ดี ทำให้ทั้งสองคนคบกันยาวนานจนถึงปัจจุบัน
การได้พบเจอคาร่าทำให้ชีวิตของเพียงพราวเปลี่ยนไปมากๆ ราวกับได้ชีวิตใหม่ เธอได้งานที่ดีทำ ได้ที่พักอาศัยที่ปลอดภัยไม่ต้องคอยระแวงพ่อเลี้ยงจอมหื่น แล้วยังได้สังคมที่ดีขึ้น เพราะแบบนี้ไง เธอถึงรักเพื่อนคนนี้มาก
ครืดดๆๆๆ
Kara
(ออกมาได้แล้ว ถ้าไปขึ้นเรือไม่ทะ...)
"โอเคๆ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย"
เพียงพราวตอบคนในสายพร้อมกับวิ่งออกมาจากหลังร้าน มาถึงก็เจอรถคันหรูจอดอยู่ และมักจะมารอแบบนี้อยู่บ่อยๆ ราวกับเป็นรถส่วนตัว
"ทำไมต้องตรงเวลาขนาดนี้ด้วย ฉันบอกให้หยุดก็ไม่หยุดถ้าขึ้นเรือไม่ทันละก็..."
"ทันอยู่แล้ว ออกรถได้เลยค่ะพี่"
เพียงพราวเอ่ยแทรกเพื่อนสนิททันที เมื่อคาร่าเริ่มวีนตามนิสัยเอาแต่ใจของเธอ
ขณะการเดินทางคาร่าก็ยื่นกระเป๋าให้เธอทันที ก่อนจะเอ่ยบอกเธอด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
" เปลี่ยนชุดซะเรือจะออกแล้ว"
คาร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เมื่อวันนี้เป็นวันเกิดของพี่ชายเธอ ที่ชวนแต่คนสนิท ไม่แม้แต่ชวนน้องสาวอย่างคาร่า เพราะไม่อยากปวดหัวกับน้องสาวที่คลั่งเพื่อนสนิทเขาเอามากๆ แต่ไม่มีอะไรเกินความสามารถของคาร่าเพราะเธอสามารถเข้าไปในงานนี้ได้อย่างที่ไม่มีใครรู้
เพียงพราว ใจเต้นแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงเจ้าของงานวันเกิด และของขัวญในกระเป๋าที่เธอเตรียมไว้ให้ผู้ชายที่เธอแอบรักตั้งแต่ปีหนึ่งตอนนี้ก็สามปีแล้วสินะที่เธอแอบรักพี่ชายเพื่อนสนิทอย่าง มาเวลล์
เมื่อมาถึงสถานที่นัดรวมตัวของเพื่อนพี่ชายคนสนิทของคาร่า เพียงพราวทำได้เพียงยืนมองเพื่อนสนิทเธอกำลังทะเลาะกับการ์ดหน้างาน เพราะเขานั้นไม่ยอมให้พวกเธอเข้าไป คาร่าวีนจนทำให้การ์ดแถวนั้นหน้าเสียกันเป็นแถว ถึงจะเป็นคนของพ่อเธอ ทว่าคนพวกนี้ได้รับคำสั่งจากเจ้าของวันเกิดอย่างมาเวลล์ ว่าไม่ให้น้องสาวตัวดี ขึ้นมาบนเรือเด็ดขาดไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะเธอนั้นคือตัวปัญหาบ้าผู้ชายจนทำให้พี่ชายอย่างเขาปวดหัว
ทว่าความเจ้าเล่ห์ของคาร่านั้นมีมากโขไม่ต่างจากมิราคนเป็นแม่ เธอใช้ไม้เด็ดโดยแสร้งโทรหาคนเป็นพ่อ และรีบวิ่งเข้าไปบนเรือในตอนที่การ์ดเผลอ ก่อนจะแอบในห้องๆ หนึ่ง เป็นเวลาพอดีกับที่เรือออกจากท่า คาร่าบีบแก้มเพื่อนสาวอย่างเพียงพราวด้วยความดีใจ ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อเห็นสภาพตัวเองต้องมาหลบอยู่ใต้โต๊ะ ทั้งสองคนสนิทกันมาก เพราะมีกันแค่สองคน คาร่าค่อนข้างหยิ่งและไม่คบใครง่ายๆ ส่วนเพียงพราวก็ไม่มีใครยอมคบเพราะเธอเป็นคนจนที่มากจากป่าจากดอย
-ด้านมาเวลล์-
วันนี้เป็นวันพิเศษ มาเวลล์กำลังลิ้มรสในความสุขอย่างเต็มที่กลิ่นฟิโรโมนคละคลุ้งไปทั่วบริเวณห้อง ก่อนที่ลูกน้องคนสนิทจะเดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
" คุณคาร่ากับเพื่อนของเธอแอบขึ้นมาบนเรือครับ"
มาเวลล์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะหันไปเอ่ยบอกเพื่อนสนิทตัวเองด้วยท่าทีเหนื่อยหน่าย
" ช่วยไม่ได้ มึงเตรียมปวดหัวได้เลยไอ้พายุ"
บทที่ 2 ของขัวญที่อยากได้
คาร่าค่อย ๆ พาเพียงพราวย่องออกจากใต้โต๊ะเพื่อหมายจะเดินไปอีกห้อง ทว่าขณะที่เธอกำลังเดินออกไปเงียบ ๆ กลับเจอพี่ชายของตัวเอง ยืนล้วงกระเป๋าจ้องมองการกระทำของพวกเธออยู่ ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนต้นคิดเรื่องนี้ทั้งหมด
ทั้งสองคนตกใจมาก และคิดว่าตัวเองจะต้องถูกส่งขึ้นฝั่งเป็นแน่ คาร่าจึงใช้วิธีออดอ้อนพี่ชายอย่างที่ชอบทำ โดยการเข้าไปสวมกอดพี่ชายที่กำลังจับจ้องเพื่อนสนิทของเธอด้วยสายตาที่แปลกไป เพราะเธอนั้นอยู่ในชุดที่ค่อนข้างแปลกตาเพราะปกติเคยเห็นแต่หญิงสาวอยู่ในชุดทำงาน
เพียงพราวก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด ในขณะที่คาร่ายังคงออดอ้อนพี่ชายของตัวเองด้วยการหาข้ออ้างสารพัด
" เฮียให้หนูไปเถอะนะ นะ ๆๆๆ หนูไม่ได้ไปเกาะนั้นนานมากแล้ว หนูอยากไปมาก เฮียอย่าส่งหนูกลับเลยนะคะ นะ"
เมื่อเห็นว่าน้องสาวเพียงคนเดียวออดอ้อนมีเหรอ คนอย่างมาเวลล์จะไม่ยอมใจอ่อน ชีวิตนี้นอกจากพ่อกับแม่ ก็คงมีแค่คาร่า ที่มีอิทธิพลต่อเขา และในที่สุด ชายหนุ่มก็ยอมให้ทั้งสองคนขึ้นเรือไปด้วย ทว่าต้องมีข้อแม้
"ห้ามไปยุ่งกับไอ้พายุมันเด็ดขาด! อยู่ในที่ของตัวเอง เฮียจะให้คนไปจัดการบ้านพักอีกหลังให้"
" รับทราบครับเฮีย"
คาร่าตอบตกลงทันที ก่อนจะสวมกอดพี่ชายด้วยท่าทีดีใจ
ในขณะที่สองพี่น้องกำลังกอดกัน เพียงพราวก็เผลอสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า เพราะความหล่อจึงทำให้เธอเผลอจ้องมองราวกับถูกต้องมนต์สะกด จนเผลอลืมให้ของขัวญกับเขา และพลาดโอกาสไป เพราะหลังจากนี้เขาคงไม่ว่างมาเจอพวกเธอแล้ว เพราะเขาคงไปสังสรรค์กับเพื่อน ๆ
เมื่อมาถึงฝั่งคาร่าจัดการแต่งตัวให้เพียงพราวอย่างสวยงาม ราวกับไม่ใช่พนักงานร้านอาหาร เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เพียงพราวมีผิวขาวตามแบบฉบับสาวเหนือ ต่างจากคาร่าที่ขาวในแบบสาวลูกครึ่ง ทว่าทั้งสองก็สวยชนิดที่แบบไม่มีใครยอมใคร คาร่าจูงมือเพื่อนสนิทอย่างเพียงพราวเดินเข้ามาในงานเลี้ยง ก่อนจะนั่งดื่มกันด้วยท่าทีปกติ ทำเอาเพื่อน ๆ ของพี่ชายเธอแตกตื่นในความสวยงามตรงหน้า แต่กลับไม่มีใครกล้าทักทายเธอ เพราะพวกเขานั้นรู้ดีว่าครอบครัวเธอ หวงลูกสาวมากแค่ไหน รวมถึงมาเวลล์ด้วย ทุกสายตาจ้องมองเธอเป็นระยะ เว้นสะแต่ ชายหนุ่มที่เธอหมายปอง กลับเมินเฉยราวกับเธอเป็นธาตุอากาศ
" ชิ! จะไม่มองกันหน่อยเหรอ"
คาร่าเริ่มรู้สึกหงุดหงิดเมื่อพายุไม่แม้แต่เฉียดสายตามองเธอแม้แต่น้อย
ในขณะที่คาร่ากำลังหงุดหงิดและพ่นพึมพรำ เพียงพราวกลับนึกหาโอกาสจะมอบของขัวญวันเกิดให้เจ้าของงาน เธอพยายามจะหาโอกาสเข้าไปหลายครั้ง ทว่ารอบกายชายหนุ่มกลับร่ายล้อมไปด้วยสาวสวยอยู่ตลอดเวลา ในใจลึก ๆ ก็แอบหวงชายหนุ่มอยู่บ้าง เพราะความหล่อของเขาทำให้ใคร ๆ ก็หลงรักรวมถึงตัวเธอด้วย
"พราว คืนนี้ไม่เมาไม่กลับ ดื่ม!!"
เพล้ง!
เสียงแก้วไวน์ราคาแพงชนกันดังขึ้น เมื่อคาร่าที่อารมณ์ไม่ดีจึงชวนเพียงพราวดื่ม ทั้งสองดื่มกันหนักมาก ทว่าคาร่าไม่ยอมกลับที่พักตัวเอง มาเวลล์ที่เห็นท่าไม่ดีจึงเดินเข้ามาห้ามปราม
" คาร่า พอได้แล้ว เมากันมากแล้ว"
" ไม่เอาเฮียหนูไม่กลับ ยังไงก็ไม่กลับ"
คาร่าเริ่มงอแง และดื้อดึงตามนิสัยของเธอ มาเวลล์ที่ไม่มีทางเลือกถึงสั่งให้การ์ดคอยดูแลอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ พร้อมกับดึงร่างสาวสวยเดินออกไปทันที คาร่าที่เห็นว่าพี่ชายเธอเดินออกไปแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปพายุทันที พร้อมกับนั่งลงบนตัก เพราะกับซุกใบหน้าเข้าแผงอกด้วยท่าทีออดอ้อนทันที
เพียงพราวได้โอกาศในตอนที่ชายหนุ่มเดินออกไป จึงรีบคว้าของขัวญในกระเป๋าหมายวิ่งตามเข้าไป ทว่าเธอดื่มเข้าไปมาก ทำให้ยากต่อการทรงตัว แต่เธอก็ไม่ละความพยายามในการจะให้ของขัวญชิ้นนี้กับผู้ชายที่เธอแอบรักมาตลอด เพียงพราวพยุงร่างเดินโซซัดโซเซมาที่ห้องพักชายหนุ่มทันที ก่อนจะเคาะประตูอย่างถี่รัว แต่ก็ต้องตกใจ เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาด้วยสภาพเปลือยเปล่า เหลือเพียงก็แต่กางเกงขาสั้นตัวจิ๋ว เพียงพราวคว้าร่างชายหนุ่มออกมาจากห้องทันที
" ขอคุยด้วยห้านาทีค่ะ สุขสันต์วันเกิดนะคะ นี่ของขวัญค่ะ”
“?”
“ของขวัญค่ะ หนูตั้งใจซื้อให้เฮีย”
“เธอก็น่าจะรู้ว่าฉันมีหมดทุกอย่างแล้ว ของนั่นไม่จำเป็น!”
“….”
“เว้นเสียแต่ว่า ของสิ่งนั้นจะทำให้ฉันประทับใจ”
“แล้วเฮียอยากได้อะไรคะ?”
“บอกไปแล้ว จะให้ได้?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างเจ้าเล่ห์พลางมองเนินอกขาวผ่องอย่างมีเลศนัย ยัยเด็กนี่ซ่อนรูปไม่เบาเลย หน้าอกใหญ่เกินตัว ผิวก็ขาวเนียนจนแสบตา ดูเหมือนว่าก้อนโตๆ นี้จะเป็นของจริงเสียด้วย ดูจากสถานะทางการเงินของเธอแล้วคงไม่มีเงินไปทำศัลยกรรม แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นคือความบริสุทธิ์ของเธอต่างหาก คิดภาพตอนเปิดบริสุทธิ์ไม่ออกจริงๆ ว่ามันจะฟินแค่ไหน เพราะปกติเคยเจอแต่ของมากประสบการณ์
“เฮียลองบอกสิ่งที่เฮียอยากได้มาก่อนได้มั๊ยคะ ถ้าเป็นสิ่งที่หนูพอหาได้ หนูยินดีจะหามาให้เฮียค่ะ”
“แน่ใจเหรอ?”
“แน่ใจค่ะ”
“อยากได้เธอ”
0.0!
“หึ! ให้ไม่ได้สินะ” ชายหนุ่มยกยิ้มที่มุมปากอย่างน่าสมเพชก่อนจะหันหลังให้กับหญิงสาว แต่ทว่า..
“อย่าพึ่งไปค่ะ”
“?”
“หนูให้ได้ค่ะ แต่หนูให้เพราะหนูชอบเฮียนะคะ ชอบมานานแล้วด้วย …”
บทที่ 3 ครั้งแรก NC+ ?
“หนูให้ได้ค่ะ แต่หนูให้เพราะหนูชอบเฮียนะคะ ชอบมานานแล้วด้วย …”
สิ้นเสียงหญิงสาวมาเวลล์ประกบริมฝีปากแนบชิดเข้าหาหญิงสาวทันที เพียงพราวเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มบดขยี้ริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง
"อื้ม~~"
คนร่างบางออกเสียงในลำคออย่างแผวเบา...
พรึ่บ!!
" อ๊ะ! เฮียเวลล์!"
เพียงพราวสะดุ้งเฮียกด้วยความตกใจเมื่อถูกกดร่างให้นั่งลงบนพื้นหญ้า เพียงพราวสบตากับชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่มาเวลล์จะเอ่ยคำสั่งออกมา
" ดูดมัน "
อ๊อก!
หญิงสาวน้ำตาไหลพราก ทำได้เพียงดูดกลืนแท่งร้อนตามคำสั่งของชายหนุ่ม
อ๊อก!อ๊อก!อ๊อก!
"อ๊า! ลิ้นอย่างนุ่ม! ดี! อ๊า...แบบนั้นแหละ"
ยิ่งชายหนุ่มครางออกมามากเท่าไหร่ ก็ทำให้เพียงพราวรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้นเท่านั้น
" อ๊า! ดีมากอ๊ะ...เร็วกว่านี้!!"
อ๊อก!อ๊ะ!....อึก!
" ไม่ไหวแล้ววะ"
" ฉันมีเวลาไม่มาก อาจจะไม่ได้เล้าโลม เจ็บหน่อยแต่อย่าส่งเสียงหล่ะ"
ปึก!ปึก!ปึก
"อื้อ!!!"
ปัก!ปัก!ปัก!
" เธออายุยี่สิบสอง หรือสิบสองขวบวะ ทำไมรัดคว*แน่นแบบนี้"
" อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ! เฮีย...หนูเจ็บ...อึก"
ไร้ซึ่งความเสียวซ่านที่ได้รับจากชายหนุ่ม มีเพียงความเจ็บปวดที่เธอสัมผัสได้
" เฮียหนูเจ็บ เอาออกไปก่อน"
" อย่างอแงดิ ไหนบอกจะให้สิ่งที่ฉันต้องการไง "
ปึก!ปึก!ปึก!
อื้อ!!
ไม่รอให้หญิงสาวได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขามีเวลาไม่มาก จึงต้องเร่งจังหวะ เพียงพราวกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นเสียงเอาไว้เพราะว่ากลัวใครผ่านไปผ่านมาได้เสียงของเธอ
อ๊ะ!อ๊ะ!อ๊ะ!
เพียงพราวเผลอร้องเสียงหลงออกมา
ปึก!ปึก!ปึก!
" โอ๊ย เฮีย...หนูจุก เฮียอย่าทำหนูแรง"
" เอาสดแม่งโคตรดี!"
มาเวลล์สบถขึ้นอย่างพอใจ ก่อนที่เสียงหญิงสาวผู้มาใหม่จะดังขึ้น เมื่อเห็นว่ามาเวลล์นั้น ออกไปมานานเกินไป
"มาเวลล์คะ"
เพียงพราวตกใจจนแทบทำอะไรไม่ถูก ทว่าชายหนุ่มกลับลูบหัวของเธอเบาๆ
" แต่งตัวให้เรียบร้อย แล้วไปรอที่ห้องเดี๋ยวเอายาไปให้"
มาเวลล์เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ เพียงเท่านั้นก็ทำเอาหญิงสาวเขินหน้าแดงและรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยและเดินออกไปด้วยสภาพทุลักทุกเล
มาเวลล์เดินกลับไปหาหญิงสาวของตัวเอง
" มีอะไร"
"แนนนี่ เห็นว่าคุณออกมานานก็เลยมาตาม"
" อยากขนาดนั้นเลย"
ปึก!
" อ๊าา!"
ทว่าทันทีที่อัดกระแทกเข้าไป เขาแทบไม่ได้รับรู้ถึงความฟิน
" ออกไป!"
แนนนี่มึนงงเล็กน้อยที่ชายหนุ่มนั้นทิ้งเธอไว้กลางทาง
" อะไรกันคะ"
" หมดอารมณ์"
มาเวลล์เอ่ยขึ้นก่อนจะเดินไปหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ทั้งที่ปกติเขาก็มักจะเจอของมากประสบการณ์แต่เพียงได้เปิดความสาวเพื่อนสนิทน้องสาว ก็ทำเอาแทบไม่อยากเอาใครอีกเลย
" อ๊า...!! เพียงพราว"
บทที่ 4 คาร่า
เพียงพราวตื่นมาในช่วงเช้าของวันด้วยสภาพร้าวระบมไปทั่วร่าง กลีบกุหลาบบวมช้ำเป็นสิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด เมื่อพลันนึกขึ้นได้จึงรีบลุก เข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำทันที พร้อมกับหยิบเครื่องสำอางราคาแพงขึ้นมาปิดร่องรอยที่ชายหนุ่มฝากไว้เมื่อคืนด้วยท่าทีเร่งรีบ เพราะกลัวว่าคาร่าจะตื่นขึ้นมาเห็น และถามถึงร่องรอยพวกนี้ พร้อมกับแต่งตัวด้วยความเร่งรีบ ทว่าในขณะที่เธอกำลังแต่งตัวอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ซึ่งภายในใจเธอคิดว่าต้องเป็นมาเวลล์แน่ ๆ เพราะเขาบอกว่าจะเอายามาให้เธอ เพียงพราวรีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยความเร่งรีบจนลืมความเจ็บปวดใจกลางสาวไปชั่วขณะ แต่ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาด้วยความเจ็บหน่วง ๆ
"อ๊ะ!"
เธอเผลอร้องเสียงหลงออกก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าทีปกติในทันที ทว่าเปิดประตูออกไป กลับไม่ใช่ร่างของชายหนุ่มที่เธอรอคอย แต่กลับเป็นลูกน้องคนสนิทของเขา เพียงพราวจับจ้องใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความมึนงงเล็กน้อยก่อนที่จะชายหนุ่มจะยื่นถุงยาให้เธอ
" ยาครับ เม็ดแรกทานทันที เม็ดที่สองทานหลังจากสิบสองชั่วโมง"
เพียงพราวมีใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อลูกน้องคนสนิทของชายหนุ่มบอกวิธีกินให้กับเธอ ก่อนจะรีบหยิบยาพร้อมกับขอบคุณและปิดประตูทันที
เป็นจังหวะเดียวกันที่คาร่าตื่นขึ้นมาพอดี
" ใครมาอะ เสียดังเชียว"
คาร่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงงัวเงียในขณะที่ตายังคงปิดอยู่ เพียงพราวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของเธอตื่นแล้ว ก่อนจะเลือกที่จะโกหกเพื่อนสนิทออกไป
" ไม่รู้เคาะห้องผิด"
" เหรอ แล้วนั่นถุงอะไร"
" ถุงขยะ กำลังจะหาที่ทิ้ง"
คาร่าจ้องใบหน้าหญิงสาวสลับกับถังขยะตรงหน้าเธอพอดี ด้วยความสงสัย เพียงพราวจะหาขยะทำไมในเมื่อมันอยู่ตรงหน้าเธอ
" แล้วนั่นถังแก๊สหรอ"
เพียงพราวยิ้มแห้ง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีแก้เก้อ
" อ่อ อยู่ตรงนี้นี่เอง"
พึ่บ! ถุงยาถูกโยนลงถังขยะทันทีที่เอ่ยจบก่อนที่คาร่าจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจนัก
" ทำตัวแปลก ๆ นะ แต่เธอก็แปลกอยู่แล้วหนิเนอะ"
ว่าจบคาร่าก็เดินเข้าไปในห้องน้ำทันที เพียงพราวรีบค้นขยะ และหยิบยาขึ้นมากินตามที่ชายหนุ่มเมื่อครู่บอก พอดีกับคาร่าเอ่ยบอกให้เธอหยิบชุดคลุมให้ เพียงพราวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อคาร่าไม่ได้ถามถึงสิ่งที่อยู่ในถุงนั้น
เมื่อทั้งสองแต่ตัวเรียบร้อยก็พากันออกเดินเล่นริมชายหาด ส่วนมาเวลล์และเพื่อน ๆ ของเขาก็ยังคงปาร์ตี้กันถึงโต้รุ่งและยังคงร่ายล้อมไปด้วยสาว ๆ ไม่ต่างจากเดิม พร้อมกับสั่งห้ามไม่ให้น้องสาวตัวดีอย่างคาร่าเข้าไปยุ่งวุ่นวายในงานอีกด้วยเพราะเมื่อคืนเธอได้ไปสร้างวีรกรรมเอาไว้
แต่มีเหรอคนอย่างคาร่าจะยอม เธอนั่งวางแผนกับเพียงพราวอยู่ครู่หนึ่งเพื่อจะหาทางเข้าไปในนั้นให้ได้
" มันจะดีเหรอคาร่า"
" ดีสิ! ฉันจะไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับพี่พายุของฉันเด็ดขาด แม้แต่ยัยพี่บีน่า"
"แต่นั่นมันเพื่อนสนิทเขานะ"
" แล้วยังไง อยากมายุ่งกับผู้ชายของฉันเอง"
เพียงพราวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ให้กับความเอาแต่ใจของคาร่า ตามฉบับลูกคุณเอาแต่ใจ คาร่าถูกเลี้ยงมาด้วยความเอาอกเอาใจมาตั้งแต่เด็ก เพราะเธอเป็นลูกคนเล็ก หลายคนในมหาลัยมักจะให้ฉายาเธอว่า นางร้ายไฮโซ เพราะเธอนั้นร้ายมาก ๆ ในหมู่ผู้หญิงของพายุ เธอตามจัดการเรียบ ต่างจากมาเวลล์ที่มักจะถูกบังคับให้เป็นไปอย่างที่คนเป็นพ่อต้องการ
เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนคาร่าไปสร้างวีรกรรมอะไรมาบ้างระหว่างที่เธอไม่อยู่ เพราะเธอเองก็เผลอไปสร้างมาเหมือนกัน เธอได้มอบความบริสุทธิ์ให้กับผู้ชายที่ตัวเองแอบชอบมาตลอดสามปีเต็มในคืนวันเกิดของเขา มันชั่งเป็นคืนที่มีความสุขสำหรับเธอมาก ในขณะที่เพียงพราวกำลังนั่งนึกถึงถาพบรรยายกาศบทรักอันเร่าร้อนเมื่อคืน ทว่า อยู่ ๆ เขาคนนั้นก็เดินมาจากทางด้านหลังของเธอด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์
"คาร่า!"
" อะไรคะ"
" ไปขอโทษบีน่าเดี๋ยวนี้!"
" ไม่ขอ เฮียอยากขอก็ไปขอเองสิ"
"คาร่า! หนูไปตบเพื่อนเฮียนะ"
"แล้วไงคะ!"
ทั้งสองต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใครเพียงพราวที่นั่งอยู่ จึงรีบเอ่ยห้ามทันที เพราะทุกอย่างจะแย่ไปมากกว่านี้
" เอ่อ ใจเย็นกันก่อนนะ"
" ไม่รู้ล่ะ หนูไม่ขอโทษใครทั้งนั้น มันอยากมายุ่งกับว่าที่สามีน้องเอง"
" คาร่า!"
มาเวลล์ตวัดสายมองน้องสาวพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำเอาคนได้ยินไปด้วยอย่างเพียงพราวสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
" ไปขอโทษบีน่า ไม่งั้นเฮียจะให้คนพาหนูขึ้นฝั่ง"
" เฮียเวลล์ใจร้าย เห็นคนอื่นดีกว่าหนู"
คาร่าเอ่ยขึ้นก่อนจะแสดงท่าทีบูดบึ้ง บ่งบอกถึงความฉุนเฉี่ยวของอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
"อย่ามาทำตัวงี่เง่า ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์คาร์น อย่ามาทำตามใจตัวเองที่นี่"
" หนูจะฟ้องแด๊ดดี้!"
"เฮียก็จะฟ้องมี้ ว่าหนูทำร้ายคนอื่นเพราะไอ้พายุ แด๊ดกับมี้จะได้เกลียดมันไปเลย"
" เฮียเวลล์!"
" ถ้าจะขอโทษก็ตามมา"
พูดจบก็เดินกลับเข้าไป โดยไม่สนใจที่จะพูดอะไรกับเพียงพราวเลยแม้แต่น้อย
บทที่ 5 ร่องรอย
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกไป เพียงพราวก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก มาเวลล์ตอนโกรธเขาน่ากลัวกว่าอะไรทั้งสิ้น มีเพียงแค่คาร่าเท่านั้น ที่ไม่กลัว เพราะเธอรู้ว่ายังไง พี่ชายของเธอก็จะกลับมาง้อเธออยู่ดี
"เห้อ น่ากลัวมาก"
เพียงพราวเอ่ยขึ้น ก่อนจะผ่อนคลายออกมาหลังจากเกร็งอยู่หลายนาทีเพราะความกลัว ทว่าอยู่ๆ คาร่ากลับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเล่ห์นัยเมื่อเธอรับรู้ว่าจะทำยังไงถึงได้เข้าไปด้านในนั้น
" ไปกันเถอะ"
" ไปไหน"
"ไปหาพี่พายุสุดที่รักของฉันยังไงล่ะ ไปเปลี่ยนชุดกัน ฉันจะยอมไปขอโทษยัยผีบ้านั่น ถ้ามันทำให้ฉันได้เข้าไปในนั้น"
คาร่าพาหญิงสาวเพื่อนสนิทขึ้นไปเปลี่ยนชุดบนห้องนอนทันที ก่อนจะยื่นชุดบิกินี่ทูพีทให้กับเธอ
"ทำไมต้องเปลี่ยนชุดด้วยล่ะคาร่า"
เพียงพราวเอ่ยถามขึ้นก่อนจะก้มมองชุดที่คาร่ายื่นให้ด้วยท่าทีมึนงง
คาร่ายิ้มแบบมีเล่ห์นัยส์ก่อนจะบอกเธอออกไปตามตรง
"พาไปโชว์ความสวยไง ไม่แน่เธออาจจะได้ผู้ชายรวยๆ สักคนก็ได้นะ เพื่อนพี่ชายฉัน รวยทุกคนสนใจคนไหนบอกนะ จะช่วยจีบ"
เพียงพราวได้แต่ตอบข้างในใจว่าเธอน่ะไม่สนใจใครหรอก เพราะเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว
"ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้เพียงพราว ก่อนที่ฉันจะอารมณ์ไม่ดี แค่คิดว่าจะต้องขอโทษยัยผีบ้านั่น ก็หงุดหงิดจะแย่ล่ะ"
" คาร่า ทำไมเธอเรียกพี่เขาแบบนั้นล่ะ ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่เรานะ"
" แล้วไงใครแคร์ ไม่ต้องมาบ่นเลยนะ ไปเปลี่ยนชุด"
คาร่ายังคงบังคับให้เธอรีบไปเปลี่ยนชุดด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เพียงพราวที่ไม่เคยขัดใจเพื่อนก็รีบวิ่งไปเปลี่ยนทันที
ทันที่หญิงสาวเปลี่ยนเสร็จและเดินออกมา คาร่ากลับเห็นร่องรอยแปลกๆ บริเวณหน้าอกของเพื่อนสนิทที่โผล่พ้นบิกินี่ตัวบางออกมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
"เพียงพราว เธอแพ้อาหารทะเลเหรอ หรือแพ้อากาศ ทำไมมีรอยแดงๆ ตรงหน้าอก"
ด้วยความที่เธอเป็นคนผิวขาวตามฉบับสาวเหนือ ทำให้เห็นรองแดงจั้มนั้นจาง ๆ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นมาปิดทันที
"รอยยุงหน่ะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวก็มีคนมายุ่งกับพี่พายุหรอก"
คาร่าที่ได้ยินแบบนั้นรีบออกไปทันที แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้คาร่าลืมเรื่องราวตรงหน้า ไม่ว่าจะสำคัญแค่ไหน
ในขณะที่มาเวลล์นั้นกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนๆ โดย ข้างๆ มีสาวสวยนัวเนียอยู่ไม่ห่าง หนุ่ม ๆ เพื่อนของเขานั้น จ้างเด็กมาเอ็นมาเอาใจเจ้าของงานอย่างมาเวลล์และ คัดเฉพาะเด็กสาวมหาลัย ในขณะที่เพื่อน ๆ ของเขานั้นกำลังฟินๆ อยู่กับเด็กเอ็นที่จ้างมาเอาใจ แต่กลับต้องตกตลึงเมื่อสองสาวเพียงพราวและคาร่าเดินย่างกรายเข้ามาในงานด้วยท่าทีมั่นใจ ก่อนที่หนุ่มๆ เพื่อนสนิทของเจ้าของวันเกิดจะเอ่ยพูดขึ้นมาพร้อมกัน
"น้องคาร่าแม่งอย่างสวย หุ่นอย่างเอ็กเลยวะ"
ก่อนจะโดนพี่ชายของเธอถีบเข้าที่หน้าขาทันทีที่พูดจบประโยค
"ไอ้สัตว์นี่แม่งก็ห่วงน้องจัง!"
เซนต์เอ่ยขึ้นก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจับจ้องหญิงสาวที่เดินตามเข้า
"คนที่มาด้วยใครวะ น่ารักชิบหาย"
มาเวลล์ยังคงเงียบและจ้องมองคนร่างเล็กที่อยู่ในชุดทูพีชจนเผลอจินตนาการไปถึงเหตุการณ์บทรักอันเร่าร้อนเมื่อคืน ทว่าอยู่ๆ แก่นกายใหญ่กลับแข็งชูชั่นขึ้นมา เด็กสาวที่กำลังนัวอยู่ยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะคิดในใจบิ้วอารมณ์อยู่ตั้งนานเพิ่งจะมาแข็งเอาตอนนี้ ก่อนกระซิบถามข้าง ๆ ใบหูอย่างแผ่วเบา
"ขึ้นห้องเลยไหมคะ?"
ทว่าชายหนุ่มกลับตอบออกไปนิ่ง ๆ ด้วยน้ำเสียงปนดุดัน
"ออกไป"
มาเวลล์จัดการไล่เธอออกไปทันที ไม่ใช่ว่าเขานั้นแคร์เพียงพราว แต่เป็นเพราะคาร่า ไม่ชอบเห็นพี่ชายตัวเองนัวเนียกับผู้หญิงหิวเงินพวกนี้ หญิงสาวข้างกายมึนงงเล็กน้อย แต่ก็ยอมถอยออกไปเพราะถ้าหากทำให้เขาไม่พอใจ คงไม่เกิดผลดีกับเธอแน่ ๆ
มาเวลล์ตวัดสายตาจ้องมองสองสาวที่เข้ามาใหม่ เมื่อทั้งสองเดินมาหยุดที่โต๊ะ ก่อนจะเป็นคาร่าที่เอ่ยขอโทษ เพื่อนสนิทพี่ชาย ด้วยประโยคสั้น ๆ
พายุไม่มองร่างคาร่าแม้แต่น้อย ก่อนจะยกเหล้าขึ้นดื่ม โดยที่ไม่สนใจเธอ แม้ว่าเธอจะแต่งตัวมายั่วยวนเขาแค่ไหน
ก่อนที่มาเวลล์จะเอ่ยถามน้องเพื่อทำลายบรรยากาศที่กำลังจะอึดอัด เพราะพายุและคาร่ากำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์
"ร้านไหนขายชุดนี้"
" สวยหล่ะสิ"
คาร่าเอ่ยตอบพี่ชายตัวเองด้วยท่าทีหยอกล้อ
"จะสั่งคนไปเผาร้าน"
มาเวลล์เอ่ยตอบนิ่งๆ พร้อมกับเอ่ยคำสั่งให้น้องสาวตัวดีขอโทษเพื่อนตัวเอง
" ขอโทษพี่บีน่าด้วยนะคะ แต่ช่วยไม่ได้อยากมายุ่งกับผู้ชายของหนูเอง"
คาร่าจึงยอมขอโทษตามความต้องการของพี่ชาย ก่อนที่บีน่าเพื่อนสนิทของพี่ชายเธอจะเอ่ยตอบ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!