วันรับน้องคณะต่างๆ
"สวัสดีค่ะน้องๆ พี่ชื่อมาย เป็นคนดูเเลกิจกรรมต่างๆ ในคณะ วันนี้เราก็มีงานรับน้องของคณะพี่เองก็อยากให้ทุกคนเเนะนำตัวให้พี่รู้จักเเล้วพี่จะให้คำใบ้จากพี่รหัสของน้องๆ ที่จะมีเวลาให้น้องๆ หาพี่รหัสเพียง 3 วัน ใครหาไม่เจอมีบทลงโทษนะคะ"
ทุกคนต่างเเนะนำตัวจนมาถึงเด็กหนุ่มคนสุดท้ายที่รุ่นพี่หลายคนมองนักมองหนา
"สวัสดีครับผมชื่อ ริเวอร์"
รุ่นพี่หลายคนที่คิดว่าน้องจะพูดยาวเเต่ก็ไม่มีเเววเลยเเม้เเต่นิดที่จะพูดยาว
"โอเคค่ะน้องๆ พี่จะให้น้องๆรู้จักกันมากว่านี้โดยการเล่าอะไรสักอย่างที่เราประทับใจมากๆ ในช่วงเวลาที่เรามีความรู้สึกที่โดดเด่น"
พี่มายพูดจบก็นั่งมองน้องๆ ไปเรื่อยๆ คนเเล้วคนเล่าจนมาถึงน้องริเวอร์เด็กหนุ่มคนสุดท้ายลุกขึ้นเเนะนำเรื่องที่ประทับใจ พี่มายเองก็ยังหุบยิ้มไม่ได้
"เชิญค่ะน้องริเวอร์มีเรื่องอะไรที่เราประทับใจบ้างเล่าได้เลยค่ะ"
"เอ่อจริงๆ เเล้วผมก็ไม่ค่อยมีเรื่องจะเล่าหรอกครับ เเต่ก็มีเรื่องที่ฮีลใจผมได้บ้าง"
"เล่าได้เลยนะคะ เเค่เป็นเรื่องที่ประทับใจก็พอ"
รุ่นพี่ต่างกวาดสายตามาที่เด็กหนุ่มที่เริ่มพูดออกมา เพราะเรื่องราวน่าสนใจหรือเพราะริเวอร์หล่อกันนะ
"ในวันที่ผมเศร้าจนไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันผมมักจะได้รับกำลังใจอยู่ตลอดมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาบ้างเเต่ด้วยว่ากำลังใจที่ได้มันเป็นของใครผมเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำมีซ่ะเเต่กระดาษโน้ตใบเล็กๆที่ติดมากับดอกทิวลิปที่ให้กำลังใจผมเสมอมาเเต่ในข้อความมันเขียนเพียงเเค่"
ก่อนจะได้อ้าปากขึ้นมาพูดต่อพี่มายเเละพี่ๆ อีกหลายคนก็พร้อมใจปรบมือกันขึ้นมาทันทีเเบบไม่ได้นัดหมายอะไรกันเลย
"เล่าต่อได้เลยนะคะน้องริเวอร์พวกพี่รอฟังอยู่"
"โดยจดหมายที่ผทได้อ่านเนื้อความคร่าวๆ น่าจะประมาณนี้มั้งครับ" พูดจบก็เล่าถึงเนื้อความในกระโน๊ดที่ได้มาพร้อมกับทิวลิป
"ทิวลิปมีความหมายถึงคนที่ตกหลุมรักจนหมดหัวใจผมเองก็คงเป็นอย่างนั้นถึงได้มอบดอกทิวลิปนี้ให้คุณ ทิวลิปสีขาวดอกนี้น่ารักสู้คุณไม่ได้เลยนะครับเพราะทิวลิปมันน่ารักเเค่ตอนที่ไม่เหี่ยวส่วนคุณก็น่ารักทุกวันเเละเสมอมาเลยนะครับ ไม่ว่าจะผ่านมาตั้ง 7 ปีคุณก็ยังน่ารักสำหรับผมตลอดไป
จาก me to you"
"ผมเองก็เดาไม่ออกหรอกครับว่าเขาเป็นใครใช้สรรพนามเเค่ me กับ you เเต่ผมก็รู้ถึงความหมายทิวลิปอยู่บ้างส่วนมากที่ผมจะได้มาคงเป็นทิวลิปสีขาวที่มีความหมายดีมากมันมีความหมายที่สื่อถึง ความรักที่เสียสละ ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เเต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากรู้มากๆ ว่าคนที่ส่งดอกทิวลิปนี้มาให้ผมคือใคร"
"เเต่มันก็ยากมากๆ นั้นเเหละครับ ผมก็เเอบสงสัยคนรอบข้างอยู่บ้างเเต่ไม่ใช่หรอกครับ คนรอบข้างผมมีเเต่เพื่อนผู้ชายส่ะส่วนใหญ่อีกอย่างเพื่อนส่วนใหญ่มันก็ชอบผู้หญิงกันทั้งนั้น เรื่องราวก็มีอยู่ประมาณนี้เเหละครับ"
"ขอบคุณทุกคนที่ฟังจนจบนะครับ"
เอาเป็นว่าเรื่องราวจะดีหรือไม่ดีรุ่นพี่ต่างมองริเวอร์ปานจะกลืนกินเนื่องจากงานประกวดดาวเดือนของมหาลัยก็ใกล้มาถึงเเล้ว คณะเเพทย์เองก็คงเจอน้องคนที่ใช่เเล้วล่ะ เล่นเอาพี่ๆ หลายคนยิ่มหน้าบานเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมที่น้องๆ ปี1จะเข้าไปรับข้อความที่พี่รหัสให้มาของริเวอร์เองก็ทำเอาหนักใจมากในระดับหนึ่งเลย
"พี่เดินได้ครับ" ในใบข้อความของพี่รหัสริเวอร์ก็เขียนอยู่เเค่นี้จริงๆ ไม่มากไม่น้อยเเต่ชายหนุ่มเองก็เดินไปหากลุ่มเพื่อนพร้อมคำอุทานต่างๆ นานา
"ให้มาเเค่นี้อย่าให้เถอะ ให้พ่อหาพ่อยังไม่รู้เลย"
โรงอาหาร
"เห้อ เหนื่อยชิบหายเลยว่าไหมไอ้ภู"
"คณะวิศวะมึงจะให้นอนตากเเอร์ไม่เหนื่อยรึไง"
"โทษนะพอดีคณะเเพทย์รับน้องในห้องเเอร์หว่ะ"
คำพูดโอ้อวดทำเอาเพื่อนตรงหน้ามองค้อนหมายหัวเลยทีเดียว
"อวดหรอไอ้เเม่น้ำ"
"ไอ้สมยศ กูก็ปกติของกู" เสียงด่าปนเปไปมาจนมีบุคคลที่สามเข้ามาห้ามสถานการณ์ไว้ได้ทันถ่วงที
"หยุดทะเลาะกันเลยนะ จะไปงาน open house กันไหมเนี่ยถามตั้งเเต่เมื่อวานเเล้ว"
"โห้เมมินทร์ชอบขัดอ่ะ"
เมมินทร์เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหยุดบทสนทนาของภูกับริเวอร์ได้ เเล้วก็เป็นคนที่ทั้งเมมินทร์เเละภูเเอบปลื้มด้วย
"สรุปจะไปกันไหม"
"ไป!!" ทั้งสองกล่าวตอบเมมินทร์เเบบทิ้งๆ เเล้วกลับหันมามองหน้ากันพร้อมเขม้งคิ้วจนเมมินทร์เองก็เหนื่อยที่จะห้ามจึงได้เดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมท่าทางที่ดูจะงอนปนโกรธไม่มากก็น้อย
เพื่อนรักทั้งสองที่ตีกันมองคนเดินจากไปเเบบตาปริบๆ เเต่ก็ไม่มีใครกล้าคิดจะเดินตามเมมินทร์ไปเลยสักคนเอาเเต่มองหน้ากันเหมือนจะฆ่-กันตายไปข้าง
"มาสร้างกฎกัน 4 ข้อ!" จนริเวอร์เองที่เป็นคนพูดขึ้นมาเพื่อหยุดความเยียบสงบนั้น ไม่นานนักรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็ผุดขึ้นมา
"สยองฉิบหายมึงหยุดยิ้มเลย เหี้ย!"
"สยองเเล้วรักป่าว" เป็นคำถามที่ทำเอาคนโดนถามหน้านิ่วหงอยลงไปเเล้วหลายนาที
เเล้วหน้าจะเเดงทำไมวะ?
นี้เป็นคำถามที่ผึดขึ้นมาในหัวคนโดนถามอย่างเขามันยากมากที่จะไม่เขินเพราะคนตรงหน้าเองก็สเน่ห์เเรงไม่เบา
เต๊าะทุกวันขนาดนี้จะไม่ให้คิดว่าเป็นคนส่งทิวลิปมาให้ก็เเปลก 'เเล้วเพื่อนอะไรเขาจะชอบกันวะ'
เสียงเพื่อนผุดขึ้นมาเตือนสติ
"จะตั้งกฎอะไรว่ามาที่รัก" พอเมมินทร์ไม่อยู่ภูก็เริ่มเเกล้งเพื่อนตรงหน้าให้เขินไม่น้อยจึงย้ำคำสุดท้ายใส่เพื่อนเเรงไปหน่อย
"กฏ 4 ข้อไงได้ฟังไหมมึงเนี่ย"
"ความรักทำหูดับอะดิไม่ได้ยินอะไรเลย"
หน้าเพื่อนตรงหน้าเเสดงความเคอะเขินพร้อมเขม้งสีหน้าไม่น้อย
"ข้อที่1 ห้ามทะเลาะกันต่อหน้าเมมินทร์"
"ข้อที่2 ห้ามมาเเตะตัวกูเเม้เเต่นิด" จบข้อที่สองเท่านั้นเสียงค้านก็ดังขึ้นมา
"ไม่ได้ป่ะวะเเตะนิดเเตะหน่อยเอง"
"ข้อที่3 ห้ามใช้คำล่วงเกินใส่กันเเละกันเช่นชื่อพ่อเเม่ หรือ ที่รัก ก็ไม่ให้ใช้"
คนเพื่อนอย่างริเวอร์ดูไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นเลยด้วยซ้ำพูดต่ออย่างเรียบๆ ราวกับหูทวนลมอย่างนั้นไม่มีผิด
"ฟังกันหน่อ...."
ข้อที่4 ห้ามมายุ่งเกี่ยวกับของใช้ส่วนตัวเช่นโทรศัพท์ โอเคนะ"
"อืมม" เป็นการตอบไปที่ดูไม่โอเคนักเเต่ก็ต้องยอมเพราะถึงยังไงเพื่อนเขาก็ไม่ฟังอยู่ดี
"กลับก่อนนะมีวิจัยเชื้อโรคอ่ะ"
"บอกทำไมไม่ได้เป็นผัวเมียกันส่ะหน่อย" คนติดตลกก็พูดไปงั้นๆ เเต่รู้ไม่คนฟังหน้าเเดงซ้านโกรธจนไม่รู้จะเก็บอารมณ์ไว้ที่ไหนอีกเเล้ว
พร้อมระเบิดสุดๆ!!!
"อย่ามาพูดเเบบนี้มันดูพ่อเเม่ไม่สั่งสอน"
'เอาเเล้วกูโดนงอนซ้ำสอง เห้อออ!'
ทำได้เพียงเเค่นึกเท่านั้นเเหละพูดไปก็ไม่ได้กลัวเพื่อนจะโกรธมากกว่าเดิมไปอีกไ
ด้เเต่มองเพื่อนที่เดินออกไปช้าๆ อย่างเป็นห่วงคนอย่างเพื่อนเขานี้งอนเเล้วง้อยากสุดๆ เเค่จะคิดวิธีง้อยังอยากเลย ไม่เคยคิดจะง้อใครด้วยละสิ ปกติภูเป็นเพลย์บอยตัวพ่อของปี1 วิศวะซ่ะด้วยซ้ำ
"เห้อออออ!"
Rrrrrrrr
"อัลโหลมึงอยู่ที่เดิมไหม"
"มึงใคร"
ที่ถามไปอย่างนั้นเพราะภูเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาคือใครถึงอย่างนั้นปลายสายก็คงคิดว่าเขากวน
"อย่ามากวนดิ เห็นเสื้อกาวน์กูที่วางอยู่โต๊ะหินอ่อนไหมเอามาให้หน่อย"
"เอาไปให้เเล้วจะหายงอนไหม"
"ใครงอนมึงวะ"
ทว่าน้ำเสียงที่ตอบกลับมาก็ดูไม่ได้งอนจริงๆ เขาคิดมากไปเองเเล้วหล่ะ คงเป็นห่วงเพื่อนมากไปมั้ง
"เออๆ เดี๋ยวเอาไปให้ เเล้วมึงอยู่ที่ไหน"
"ตึกทดลองทางการเเพทย์ 2 ห้องตรวจเชื่อโรคทั่วไป รหัสตึก P2061T "
"รหัสหรือชื่ออุปกรณ์วะเเม่งจำยากฉิบหาย เรียนวิศวะนะเว้ย"
ตอบไปงั้นเเหละสุดท้ายเเล้วก็หอบเสื้อกาวน์ที่ปะปนอยู่กับเสื้อช็อปของตัวเองไปด้วย
"เสื้อกาวน์หนาจังวะ! หนักฉิบหายมีเพื่อนเป็นหมอเเม่งเเย่สัสหมา" ถึงบ่นก็ได้เเต่บ่นตามเคย
หอบมาจนถึงคณะเเพทย์เเต่ก็กว่าจะเดินไปถึงตึกทดลองทางการเเพทย์ก็กินเวลาไปราวๆ 10กว่านาที รหัสตึกก็กดเเบบงูๆ ปลาๆ กดพอทีจำได้เเต่ก็น่าเเปลกใจที่สามารถกดเข้าไปได้
"เก่งว่ะ ความจำดีจัดเลย" เอ่ยออกมาเพราะเป็นครั้งเเรกที่จำอะไรยากๆ ได้
"เข้ามาทำอะไรครับ เเลกบัตรด้วยครับ ตึกทดลองทางการเเพทย์ไม่เปิดให้คนนอกเข้านะครับเปิดเพียงนักศึกษาเเพทย์เเละอาจารย์เท่านั้น"
ลุงยามพูดยาวเฉียดฟ้าจนคนกุมเสื้อกาวน์เเละเสื้อช็อปถึงกับชะงักเเละไปไม่เป็นเพราะนี่เป็นคณะเดียวที่เคร่งคัดเรื่องการเข้าตึกมากเพราะมันมีอุปกรณ์ทางการเเพทย์หลายอย่างที่ต้องเปิดเเอร์เเช่ตลอด24 ชั่วโมง จึงทำให้คณะเเพทย์เคร่งครัดเรื่องเข้าตึกมาก อีกอย่างยังเป็นคณะเดียวที่มียามคอยเฝ้าสอดส่อง
"ว่าไงครับ เข้ามาทำอะไรที่ตึกนี้" ลุงยามถามย้ำหนุ่มตรงหน้าตัวเองอีกครั้ง ด้วยความเเปลกใจเนื่องจากรหัสตึกเเพทย์ไม่มีใครรู้นอกจากนักศึกษาเเพทย์กับอาจารย์บางส่วนเท่านั้น
"ผมเอาเสื้อกาวน์มาให้เพื่อนอะครับ" เอ่ยไปเเบบเกรงกลัว เสียงกระตุกกระตัก
"เพื่อนคนไหนครับ"
"ริเวอร์ครับๆ "
"วางไว้ที่เคาเตอร์เเล้วออกไปได้เลยครับ ลุงจะโทรหานักศึกษาให้ลงมารับอีกที"
"ครับฝากด้วยนะครับ"
ภูเดินออกจากคณะเเพทย์ที่ดูใหญ่กว่าคณะอื่นๆเพราะด้วยตึกทดลองเเละตึกทำเเล็ปมันเยอะมากๆ มองดูได้เพลินตาสุดๆ
"เห้ย!" เสียงอุทานของหญิงสาวที่เป็นใครไม่รู้ดังขึ้นพร้อมทั้งรั้งมือภูไว้
"จำเราได้ไหมเนี่ย เราลูกปัดที่ไปเรียนต่างประเทศไงพึ่งจะกลับมา"
"ใคร ? "
TBC
ผู้ใด่น้อสิพาบักภูไปจากริเวอร์บ่อหนิ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!