ตอนที่ฉันเอาหนังสือเล่มนั้นไปขาย คือตอนอายุสิบแปดปี ฉันต้องออกจากบ้านเกิด ย้ายไปอยู่คนเดียวที่โตเกียวในห้องเล็กๆขนาดเพียงหกเสื่อและมีแค่ห้องน้ำเท่านั้น แล้วของที่จนมาจากบ้านเกิดก็ทำให้ห้องยิ่งเล็กแคบลงไปอีก เงินที่ทางบ้านส่งมาหมดไปกับการสังสรรค์และดูหนัง ฉันจังตัดสินใจขายหนังสือกับแผ่นเสียงจนหมด ฉันถือถุงกระดาษสองใบที่ใส่หนังสือไว้เต็ม เข้าไปในร้านหนังสือเก่าที่ดูไม่โดดเด่น ไม่มีหนังสือที่ดูมีราคาแม่แต่เล่มเดียว มีแค่การ์ตูนและนิยาย เจ้าของร้านนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงเหมือนเก้าอี้ที่เจ้าหน้าที่ดูแลโรงอาบน้ำสาธารณะใช้นั่ง เขายันแว่นไปมาพลางดีดลูกคิด แล้วหยุดมือบนหนังสือเล่มหนึ่ง จากนั้นก็จ้องฉัน "เธอจะขายเล่มนี้หรอ"เจ้าของร้านถาม ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายนั้น เพราะจะบอกว่านี่คือหนังสือที่ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มแรกของนักเขียนผู้เสียชีวิตไปแล้วก็ไม่ใช่ หนังสือที่เลิกตีพิมพ์หรือก็เปล่า มันเป็นเพียงนิยายแปลที่หาซื้อได้ในร้านหนังสือใหญ่ๆแค่นั้นแหละ "เอ๊ะ..มันทีราคาเหรอคะ" ฉันถาม ดูเหมือนคำถามนี้จะไม่ถูกใจเจ้าของร้านเท่าไหร่ เขาส่ายศีรษะอย่างแรงและมองฉันไม่ว่างตาก่อนจะเอ่ยขึ้น "เธอน่ะ การที่หนังสือจะมาราคาหรือไม่มี ไม่ใช่มาถามคนอื่นนะ ต้องตัดสินเองสิ"
"ก็จริงอย่างที่ว่านะคะ..." ฉันพูดอย่างไม่สบอารมณ์ ทำไมเอาหนังสือมาขายแล้วต้องโดนคนแก่ในร้านหนังสือเก่าเทศน์ด้วยเนี่ย "เอ้อ ช่างเถอะ" ชายชราดีดลูกคิดต่อ สามพันสี่ร้อยเจ็ดสิบเยน "ดูเหมือนจะเป็นนักเรียนที่ทำงานไปเรียนไป เลยจะปัดให้เป็นสามพันห้าร้อยเยนนะ" เจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นจากลูกคิดแล้วพูดเสียงดังฟังชัด ฉันตกใจกับราคาที่ถูกขนาดนี้ เพราะหนังสือแต่ละเล่ม ฉันผู้เป็นนักเรียนมัธยมปลายซื้อสะสมไว้ด้วยความยากลำบาก เป็นหนังสือที่ซื้อมาได้เพราะห้ามใจจากทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของกระจุกกระจิก เค้ก แต่ทั้งหมดนี้กลับกลายเป็นของราคาถูกขนาดนั้นเลยหรือ ฉันคิดว่าร้านหนังสือเก่าจะรับซื้อแพงกว่านี้เสียอีก ราวกับเจ้าของร้านจะอ่านความคิดฉันได้ "เอายังไงล่ะ จะยกเลิกมั้ย" เจ้าของร้านถาม "ไม่ค่ะ ขายเลยค่ะ" ฉันตอบกลับ ถ้าสามพันห้าร้อยเยนก็คงจะพอค่าดื่มสังสรรค์วันนี้ ฉันรับธนบัตรและเหรียญที่ชายชรายื่นมาให้อย่างแข็งขัน "เธอน่ะ คิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะขายเล่มนี้น่ะ" ชายชราถามขึ้นอีกครั้งตอนฉันจับประตูกระจกของร้าน พอหันกลับไปก็เห็นเขาถือนิยายแปลเล่มเมื่อครู่หันมาทางนี้ "ทำไมหรอคะ" "อืม ก็ไม่มีอะไรหรอก จะขายก็ขาย" ชายชรากล่าว แล้ววางหนังสือที่ฉันขายซ้อนเล่มอื่นก่อนจะหอบเข้าไปด้านใน ฉันยืนมองอยู่หลายวินาที มองที่ว่างที่เมื่อกี้ขายชรานั่งอยู่
การขายหนังสือเล่มนั้นทำให้ไม่สบายใจอยู่พักใหญ่ เหมือนว่าอะไรในชีวิตขาดหายไปสักอย่าง ฉันคิดไปถึงขั้นว่าเจ้าของร้านหนังสือเก่าอาจจะเป็นหมอดู ที่มาเตือนว่าถ้าขายหนังสือเล่มนั้นไป จะทำให้ประสบแต่โชคร้ายอย่างไรอย่างนั้น แต่ไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขี้นหรอกมั้ง วันเวลายังคงผ่านไปเหมือนเช่นเคย ฉันออกไปเรียน ดื่มสังสรรค์กับเพื่อน แล้วก็กลับมานอนที่อพาร์ทเม้นท์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากตอนที่มีหนังสืออยู่แม้แต่น้อย และเมื่อถึงช่วงเวลาที่ใกล้เรียนจบ อย่าว่าแต่คิดเรื่องที่ขายหนังสือไปน่ะดีแล้วหรือไม่เลย เพราะแม้แต่เรื่องที่ขายหนังสือให้ร้านหนังสือเก่าฉันยังลืมไปสนิท ฉันไปเที่ยวฉลองเรียนจบที่เนปาล ความจริงจะไปยุโรปกับเพื่อนๆแต่กังวลเรื่องเงิน สุดท้ายก็เลยล้มเลิก แล้วเลือดไปเนปาลคนเดียว ซึ่งราคาถูกกว่าทัวร์ยุโรป นี่คือครั้งแรกของการเที่ยวคนเดียว แต่หลายๆ อย่างก็ผ่านไปได้ ราบรื่นกว่าที่คิด ฉันไปดูวัดสวะยันภูนาถ วัดที่เผาศพในกาฐมาณฑุและเดินรอบเมืองกาฐมาณฑุซึ่งมีฝุ่นตลบ จากนั้นก็นั่งรถบัสไปโพคารา จอกที่พักฝั่งเขื่อนในโพราคานั้นแหละ แต่ละวันก็นั่งเรือบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง โดยรวมคือว่างนั้นเอง วันหนึ่งฝนตกลงมาจนน่าประหลาดใจ ฉันว่างจนไม่มีอะไรทำ จึงไปร้านหนังสือเก่าที่อยู่ใกล้ๆที่พัก หนังสือที่นักเดินทาวทั่วโลกขายทิ้งวางเรียงรายเต็มร้านแคบๆ ไม่ได้แบ่งตามภาษาหรือประเภทด้วยซ้ำ ข้างหนังสือเรื่อง ผจญภัย 80 วันรอบโลก ภาษาเยอรมันคือหนังสือปกอ่อนภาษาอิตาลีเล่มหนา ข้างกันนั้นมีหนังสือทำอาหารภาษาไทยถัดไปอีกก็เป็นหนังสือท่องเที่ยว โลนลีแพลนเน็ค ฉบับทิเบต ร้านหนังสือเก่าแห่งนี้ทั้งมืดทั้งเย็น มีชายชราสวมแว่นหนาเตอะนั่งอยู่เงียบๆตรวโต๊ะด้านใน นิ้วมือพลิกหนังสือเล่มใหญ่กว่าใบหน้าอยู่ ฉันคิดว่าร้านหนังสือเก่าน่ะ ไม่ว่าจะของประเทศไหนก็คงคล้ายๆกัน ทีหนังสือที่ดูดเสียงให้เงียบลง มีกลิ่นกระดานเก่า มีลมหายใจเงียบงันของคนนับไม่ถ้วนผ่านหนังสือแต่ละเล่ม มีหนังสือภาษาญี่ปุ่นสอดแทรกอยู่บ้าง ข้างๆหนังสือของสตีเวนคิง ฉบับภาษาอังกฤษ มีหนังสือของโคโบอาเบะหน้าปกเก่าโทรมวางอยู่ส่วนผลงานของซูซาคุ เอ็นโด เล่มใหม่เอี่ยมวางอยู่ข้างหนังสือภาษาจีนซึ่งฉันอ่านไม่ออก ตอนแรกฉันรู้สึกหงุดหงิดกับการจัดเรียงหนังสือที่ไม่เป็นนะเบียบนี้ แต่ต่อมาก็เห็นแต่ภาษาญี่ปุ่นที่อยู่บนสันหนังสือเท่านั้น ฉันเข้ามาทางประตูร้านที่เปิดทิ้งไว้ ฟังเสียงในซึ่งตกลงมาไม่ขาดสายพลางกวาดตาไปบนชั้นหนังสือชั้นแล้วชั้นเล่าเพื่อหาภาษาญี่ปุ่ย เมื่อปรายตาไปกระทบตัวหนังสือที่คุ้นเคย ฉันจึงหยุดอยู่ตรงนั้นแล้วค่อยๆเลื่อนสายตาหาบางสิ่งที่ผ่านเข้ามาในของเขตการมองเห็นซึ่งอยู่ท่ามกลางชื่อเรื่องภาษาต่างๆที่เรียงกันเป็นแถว แล้วก็เจอทันที หนังสือเล่มนั้นวางเบียดอยู่ตรงกลางระหว่างหนังสือท่องเที่ยว
ถ้าเขียนตัวไหนผิดไปต้องขออภัยด้วยนะคะ สามารถติชมกันได้นะคะ พึ่งมาเขียนครั้งแรกค่ะ สงสัยอะไรสามารถคอมเม้นถามได้นะคะ ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ🙏🏻🙏🏻
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!