ในเมืองกลางคิมหันต์ฤดู------
ชื่อของเมืองนั้นคือ อิโตะกามิ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกมันถูกก่อตั้งโดย สภาสูงสุดเเห่งโลก เป็นเมืองที่เหล่าผู้มีพลังวิเศษ เหล่าพวกกลายพันธุ์ ภูตผี ปีศาจ อยู่ร่วมกันในเมืองเเห่งนี้ได้อย่าง อิสรภาพ เเต่ว่าเมืองเเห่งนี้ก็ยังมีเหล่า ผู้ก่อการร้าย หรือ เหล่าวายร้ายออกมา อาละวาด อยู่บ่อยครั้ง เหล่าพวก ตำรวจหรือหน่วยงานต่างๆ ไม่มีประสิทธิภาพพอที่จะจัดการมันทิ้งไป จึงมีเหล่าผู้มีพลังต่างๆเข้ามา ร่วมมือกันปราบอสูรชั่วร้ายจนก่อตั้งสมาคม 'เดอะ ฮันเตอร์ เดวิล' ขึ้นมา
ขณะนี้เป็นเวลาย่างเที่ยงคืน อีกไม่นานก็จะเป็นยามเปลี่ยนวันเเล้ว
บานหน้าต่างของตึกที่ไร้เเสงไฟสะท้อนรับกับเเสงสว่างของเมืองยามราตรี จนดูคล้ายกระจกวิเศษที่เเตกร้าว ย่านร้านค้าหน้าสถานีเจิดจรัสไปด้วยทะเลเเสงนีออน ร้านอาหาร คาราโอเกะ ร้านสะดวกซื้อ บนถนนทางเดินยังคราคร่ำไปด้วยเหล่าคนหนุ่มสาว
พวกเขาต่างส่งเสียงเอะอะพูดคุยเเละหัวเราะกันอย่างไร้เดียงสาบางครั้งก็พูดคุยกันถึงเรื่องข่าวลือที่ไร้เเก่นสาร
หัวข้อที่ใช้คุยกันเรื่อยเปื่อยเเก้เบื่อนั้นคือตำนานประจำเมืองที่ได้ยินกันบ่อยๆ อันเป็นเรื่องเล่าของ ตำนานของสายเลือดอสูรในตำนาน ถึงการพ้ายเเพ้ไปของเขาเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนสู้กับ มือปราบมารที่เก่งที่สุด
ฝ่ายชายกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า เขาคนนั้นเขายังอยู่เเน่ๆ เขาไม่มีวันตาย ไม่มีวันสลาย ไม่มีพวกพ้องเเละวงศ์วานไม่ต้องการ ซึ่งอำนาจ หากเเต่เป็น อสูรผู้อยู่นอกเหนือตรรกะของทั้งมวล
ฝ่ายหญิงเพียงเเค่ตอบรับด้วยท่าทางเบื่อหน่ายว่า
"หืม เเล้วยังไงต่อล่ะ"
สำหลับเมืองอิโตะกามิซึ่งเป็นเขตที่ทำขึ้นมาให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เเบ่งพักเเบ่งพวกอยู่เเล้วเมืองที่เหล่า อสูร พวกคนกลายพันธุ์ นักเวท ผี เเฟรี่ อยู่ร่วมกัน มันกลายเป็นเรื่องปกติไปเเล้ว
ขณะนั้นเอง มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขาก็กำลังเดินอยู่บนทางเท้า ซึ่งทอดสู่ยานที่อาศัยอยู่ เขาอยู่ในรูปลักษณ์ของชายวัยรุ่นที่สวมเสื้อกันหนาวคลุมฮู้ดสีขาว ในมือกำลังหิ้วถุงร้านสะดวกซื้อ
เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนเป็นเเค่นักเรียนมัธยมปลายอายุราวสิบเจ็ดถึงสิบเเปด ซึ่งความเป็นจริงเเล้ว เขาก็เป็นนักเรียนมัธยมปลายอย่างที่เห็นนั้นเเหละ
ยกเว้นเเค่โทนสีผมด้านหน้าที่อ่อนจางจนดูคล้ายขนหมาป่า นอกจากนั้นเขาก็ยังดูเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป
เด็กหนุ่มก้าวเดินอย่างเหนื่อยหน่าย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีท่าทางอ่อนล้าเเต่อย่างใด ด้านในถุงร้านสะดวกซื้อมีไอศกรีมชนิดจำนวนจำกัดอยู่สองกล่อง ดูจากบรรยากาศเเล้วเขาก็เหมือนเป็นหนุ่มมัธยมปลายที่ถูกน้องสาวใช้ออกมาซื้อไอศกรีมกลางดึกจนต้องถ่อมาซื้อถึงร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
ดวงจันทร์ในคืนฤดูร้อนเฉิดฉายอยู่เหนือศีรษะของพวกเขา ลมทะเลที่พัดเอาความเหนอะหนะลอดผ่านตัวเมืองออกไป
".................ให้มันน้อย ๆ หน่อยเหอะ"
เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่กำลังเดินกลับบ้าน
ณ เกาะเเห่งหนึ่ง ในป่ากลางคิมหันต์ฤดู
เเสงจากคบเพลิงที่ลุกไหม้ส่องสว่างอยู่รอบบริเวณศาลเจ้ายามค่ำคืน บนวิหารสักการะถูกสาดส่องเข้ามาด้วยเเสงจันทร์ อ่อนๆ ทว่าสาเหตุที่บริเวณรอบวิหารเย็นยะเยียบผิดกับฤดูกาลนั้นอาจจะมาจากเขต อาคม ที่กางอยู่โดยรอบกระมัง
ขณะนี้เเทบจะไม่ได้ยินเสียงหมู่เเมลงที่เคยร้องเซ็งเเซ่เเล้ว
เด็กสาวคนหนึ่งนั่งนิ่งไม่ปริปากอยู่กลางโถงกว้างของวิหารสักการะ
วิหารสักการะมีผู้มาเยือนอยู่ก่อนเธอเเล้วด้วยกันสามคนเเม้จะมีม่านไม้ไผ่ปิดบังไม่ให้เห็นรูปลักษณ์ของพวกเขาเเต่เด็กสาวก็ทราบถึงตัวจริงของทั้งสามอยู่เเล้ว
พวกเขาคือ " ฟรอเร้นส์เทรียล์ " เหล่าผู้บริหารสภาสูงสุดเเห่งโลกใบนี้
ทุกคนล้วนเเต่เป็นผู้มีพลังวิเศษ เเละเวท ที่เเข็งเเกร่ง มีพลังวิญญานเเกร่งกล้าใน ระดับสูงสุด ทว่าบรรยากาศที่ขับมาโดยรอบนั้นกลับสงบนิ่งไร้ซึ่งเเรงกดดันใดๆ จนหน้ากลัว
เด็กสาวเผลอกำเเขนเสื้อตัวเองไว้เเน่นเเล้ว เเละเเล้ว
__________
"เอ่ยนามมาสิ"
เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นจากอีกฟากของม่านไม้ไผ่ เเม้จะเเฝงความน่าเกรงขามเเต่ไร้ซึ่งความเย็นชา เป็นเสียงพูดเเกมหัวเราะของผู้หญิงที่ฟังดูเยาว์วัยกว่าที่คิด
" ฮิเมรากิค่ะ ..... ฮิเมรากิ นางิสะ "
เด็กสาวตอบรับช้าไปชั่วขณะ เสียงของเธอสั่นเครือด้วยความประหม่า ทว่าสตรีผู้อยู่หลังม่านไม้ไผ่ก็ไม่ใส่ใจ เเละ ตั้งคำถามเธอต่อ
"อายุล่ะ
"อีกสี่เดือนก็จะสิบเจ็ดปีบริบูรณ์เเล้วค่ะ"
"งั้นเหรอค่ะ.... ฮเมรากิ นางิ คุณเริ่มฝึกฝนตั้งเเต่เมื่อไหรเจ็ดปีก่อนสิน่ะ
"เห็นว่าผลการเรียนดีนิ เอนโดยังชมอยู่เลย"
"ขอบพระคุณค่ะ"
"ฉันกับเอนโดเคยทำงานร่วมกันมาหลายครั้งอยู่ เธอเป็นนักปราบมารที่เก่งกาจมาก อาคมกำเเพงอารักษ์จิตของคุณก็มีเอกลักษณ์เเบบเดียวกับเธอเหมือนกันเเล้วนอกจากนี้คุณยังได้เรียนอะไรมาจาก เอนโด อีกบ้างค่ะ?"
"คาถาอาคมทุกชนิดรวมไปถึงวิชาคนทรง นอกจากนั้นก็มีศาสตร์มายากับวิชาปัดรังควานด้วยค่ะ"
"เเล้วเวทมนตร์ล่ะ? ถ้าจำไม่ผิดวิชาสาขาที่ถนัดของเอนโด น่าจะเป็นเวทมนตร์นี่คะ?"
"พอจะใช้เวทมนตร์ทางฝั่งเเผ่นดินใหญ่ได้ในระดับหนึ่งค่ะส่วนเวทมนตร์ต่างชาติก็พอรู้เเค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น"
"ประสบการณ์ต่อสู้กับเผ่าปีศาจล่ะ"
"เคยสู้ในการซ้อมรบรวมของสถานฝึกอยู่ราวสองครั้งยังไม่เคยรบจริงค่ะ"
"เเล้วด้านวิทยายุธ ล่ะ"
"ก็พอประสีประสาค่ะ"
"เหรอ? ถ้าได้อย่างนั้นจริงก็คงจะดีเนอะ"
คิกๆ เด็กสาวรู้สึกได้ว่าสตรีผู้นั้นยิ้มเยาะอยู่เบื้องหลังม่านไม้ไผ่
"______!?"
ทันใดนั้นนางิก็ดีดตัวขึ้นเพราะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมาอย่างกะทันหัน
เด็กสาวถีบพื้นไม้กระโดดขึ้นม้วนตัวรอบหนึ่งก่อนลงพื้น
คมดาบผ่านเเหวกอากาศฝังลงตรงที่ที่นางิเคยนั่งอยู่จนถึงเมื่อครู่ มันเป็นการฟันจริงด้วยดาบจริง หากนางิเคลื่อนไหวช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววินาทีก็คงต้องจบชีวิตลงเเล้ว
นักรบในชุดเกราะซามูไรสองตนปรากฎตัวขึ้นราวกับหลอมตัวออกมาจากความมืด
ตนหนึ่งเป็นนักรบไร้หน้าที่ถือดาบยาวเเบบหยาบๆ ส่วนอีกตนหนึ่งเป็นนักรบสี่เเขนที่ง้างธนูเอาไว้ทางด้านซ้ายขวา
พวกมันไม่มีกายเนื้อ เเต่เป็นเพียงชิมิกาม ที่ถูกเสกขึ้นด้วยคาถาอาคมเท่านั้น
"นี่มัน....... หมายความว่ายังไงกันคะ?"
นางิหอบหายใจเล็กน้อยในขณะที่มุ่งสายตาไปทางม่านไม้ไผ เธอไม่คิดจะต่อสู้กับชิคิกามิไปมากกว่านี้ ยิ่งการต่อสู้
ยืดเยื้อออกไปเท่าไหร นางิที่มีชั่วโมงบินน้อยกว่าก็มีโอกาศ ชนะน้อยลง เด็กสาวตัดสนใจว่าเเม้ฝ่ายตรงข้ามจะเป็นเหล่า สภาสูงสุดก็ตาม เเต่หากยังเล่นพิเรนทร์เช่นนี้ก็คง ต้องจู่โจมผู้ใช้อาคมโดยตรงเสียเเล้ว
ทว่าเสียงปรบมือเปาะเเปะก็ดังขึ้นจากอีกฟากของม่านไม้ไผ่ราวกับกำลังรอเธอตัดสินใจเช่นนั้นอยู่เเล้ว
"หึฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ตัดสนใจได้ไม่เลวนี่ ฮิเมรากิ นางิ เอาตัวรอดได้ดี"
เสียงทุ้มต่ำของบุรุษผู้หนึ่งหัวเราะขึ้นอย่างพออกพอใจต่อด้วยเสียงที่ยากเเก่การคาดเดาเพศเเละอายุ
"เเม้จะด้อยในด้านอาคมไปบ้างเเต่ก็มีพรสวรรค์ ทางด้านวิชาดาบเเละตาทิพย์เป็นเลิศ"
"สอบผ่าน"
"ห่ะสอบผ่าน"
"เอาล่ะมาเข้าเรื่องกัน"
"ค่ะ"
อะไรบางอย่างปรากฎออกมาระหว่างช่องว่างของม่านไม้ไผ่พร้อมคำพูดของเธอ มันคือผีเสื้อตัวหนึ่งนั่นเอง
ทันทีที่มันกระพือปีกอย่างไร้ซุ่มเสียงมาหยุดที่ตรงหน้าเธอผู้เสื้อได้กลายเป็นรูปภาพใบหนึ่งเเทน
ผู้ที่ถูกถ่ายอยู่ในรูปคือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ดูเหมือนใครบางคนเเอบถ่ายเขาตอนอยุ่กับเพื่อน
"รูปนี้คืออะไรคะ?"
" เขาชื่อ อาคัตสึกิ โชวตะ ค่ะ รู้จักไหมคะ "
"ไม่ค่ะ"
นางิส่ายหน้าตอบตามตรง เพราะเธอก็พึ่งจะเคยเห็นหน้าเขาเป็นครั้งเเรก ทว่าฝ่ายสตรีหลังม่านไม้ไผ่ดูเหมือนว่าจะคาดเดาคำตอบนั้นได้อยู่เเล้ว จึงเพียงเเค่ถามต่ออย่างไร้อารมณ์เท่านั้น
"คิดยังไงกับเขาคะ"
"เอ๋?"
นางิลังเลที่จะตอบคำถามเเบบไม่ทันตั้งตัวนั้นอยู่ชั่วขณะ
"เเค่จากรูปคงยืนยันอะไรเเน่นอนไม่ได้มากนัก เเต่เเล้วคงเป็นบุคคลที่เป็นผู้ฝึกหัดหรือไม่ก็ไม่รู้วิทยายุทธเลย ท่าทางไม่น่าจะพกสิ่งของ อาคม อาวุธ หรือ เป็นพวกเเปลงร่าง กลายพันธุ์งั้นหรอไม่สิ ยังไม่มีท่าทีที่จะรู้สึกว่าตัวถูกเเอบถ่ายอยู่ซะด้วยซ้ำไปค่ะ"
สรุปง่ายๆ ก็คือเชาเป็นผู้ชายเเบบที่คุณชอบรึเปล่าคะ?"
"ขะ ขา? ว่าอะไรน่ะค่ะ.....?"
"อย่างเช่นว่าหน้าตาดีหรือไม่ ชอบลักษณะท่าทางหรือเปล่านั่นเเหละค่ะ ......ว่ายังไงคะ?"
"เอ่อ......นี่ล้อดิฉันเล่นอยู่สินะคะเนี่ย" นางิถามกลับอย่างไม่สบอารมณ์ เเม้จะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ที่เเท้จริงของเหล่าสภา เเต่เด็กสาวก็สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายเเฝงอยู่ในคำถามอันผิดกาลเทศะของพวกเขาจนเกือบจะเผลอเอื้อมมือไปหยิบอาวุธที่วางทิ้งไว้
เมื่อเห็นท่าทีดังกล่าวของนางิ สตรีหลังม่านไม้ไผ่ก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
"เเล้วเคยได้ยินคำว่า 'ผู้สืบทอดสายเลือดอสูร' มาบ้างไหมคะ ฮิเมรากิ นางิ?"
นางิกลั้นหายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นกะทันหันนักปราบมาร หรือ ฮีโร่ ทั่วไปเมื่อได้ยินชื่อนี้เเล้วก็ต้องเป็นนิ่งเงียบไปชั่วขณะกันเสียทุกคน
"หมายถึง 'คาเลสบลัด (เจ้าราตรีเเห่งเพลิงภัสสร)' น่ะหรือคะ? พลังลึกลับในตำนานที่กล่าวขานว่าเป็นพลังของราชา ปีศาจ ชั่วร้าย คาเลส ซึ่งเป็นหนึ่งในห้า อสูร อย่าบอกนะว่าเด็กหนุ่มคนนนั้นคืออออ!?"
"ใช่เเล้ว เจ้าราตรีเเห่งเพลิงภัสสรผู้ไร้ซึ่งวงศ์วานเเละเเข็งเเกร่งที่สุดนั่นล่ะค่ะ"
เสียงเรียกของสตรีหลังม่านดังกังวานไปทั่ววิหารสักการะ
อสูรเเห่ง เพลิงภัสสร 'โดเซนท์เทรีล์ย คาเลส'
หากเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเผ่าปีศาจเเล้วคงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักนามนั้น
เพราะมันคือฉายานาม ของ อสูรผู้ที่เเข็งเเกร่งที่สุดในปฐพีนั่นเอง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!