เอริสโยนแฟ้มคดีแจ้งความคนหายลงบนโต๊ะโครมใหญ่ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานด้วยความเหนื่อยล้า
"ให้ตายเถอะ...นี่มันเรื่องบ้าอะไร"
เอริสสบถก่อนจะยกเท้าขึ้นพาดบนโต๊ะทำงานอย่างหัวเสียเพราะเธอตามสืบเรื่องนี้มานานนับเดือนตั้งแต่ประวัติผู้สูญหายจนจุดสุดท้ายที่พบแต่ไม่ว่าจะเป็นใครสถานที่สุดท้ายกลับกลายเป็นจุดเดิม คฤหาสน์ในหมู่บ้านห่างไกลที่น่าสะพรึงนั่น
"เอริสแม่ยอดนักสืบได้คดีแปลกๆมาอีกแล้วสิ"
เพื่อนร่วมงานเห็นท่าทีหัวเสียก็เอ่ยขึ้นพลางตบบ่าของเอริสอย่างเข้าอกเข้าใจดีเพราะเบื้องบนมักจะเล่นตลกและส่งงานพิลึกๆมาให้เอริสอยู่เสมอ
"รอบนี้ฉันจะต้องไปเป็นสาวใช้ในคฤหาสน์บ้านั่น
ฉันล่ะเหลือเชื่อจริงๆ"
"อะไรกัน อะไรกัน เธอเคยต้องทำอะไรแปลกๆกว่านี้ตั้งเยอะกะอีแค่ปลอมเป็นสาวใช้ผู้ไร้เดียงสาคงไม่คณามือเธอหรอกเอริส"
"ถ้าเธอเห็นสภาพคฤหาสน์นั่นเธอจะไม่พูดแบบนี้ดูนี่สิ"
เอริสโยนภาพคฤหาสน์ในมุมต่างๆให้เพื่อนร่วมงานได้ยลโฉมก่อนจะเอามือกุมขมับ
"เธอคิดว่าคฤหาสน์ใหญ่ขนาดนี้ฉันต้องเสียเวลาสำรวจนานแค่ไหนกัน"
"โอ้พระเจ้า...ฉันนึกว่าเธอจะตกใจกับสภาพคฤหาสน์ที่เหมือนกับบ้านผีสิงนี่ซะอีก...
แต่นี่...เธอทอดถอนใจเพราะว่ามัน...
เอ่อ...เพราะว่ามันกว้างใหญ่เกินไปแล้วทำให้เธอเสียเวลาเนี่ยนะ"
เทย์เลอร์สาวเพื่อนร่วมงานเอามือป้องปากอย่างไม่อยากจะเชื่อแค่ได้เห็นภาพคฤหาสน์บ้านี่ในระยะไกลก็ทำเอาเธอขนลุกขนพองไปทั้งตัว
"เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้นฉันไม่เชื่อในพระเจ้าพอๆกับไม่เชื่อว่าจะมีเรื่องลี้ลับในโลกนี้"
เอริสเอ่ยก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารด้วยความเหนื่อยล้า
"โลกของฉันไม่ได้หมุนเพราะแนวคิดวิทยาศาสตร์ที่น่าปวดหัวนั่น แต่โลกของฉันหมุนด้วยเงิน"
"บางทีครั้งนี้เงินมันอาจไม่สำคัญถ้าเธอไม่มีโอกาสได้กลับมาใช้มัน"
เทย์เลอร์เอ่ยเตือนก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาจุมพิตแก้มสีคล้ำเพราะแดดแผดเผาจนเป็นสีน้ำตาลอ่อนของเธออย่างอาลัยราวกับเอริสจะไม่มีโอกาสได้กลับมาหลังจากก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์แห่งนั้น
"แน่นอน...
ฉันจะกลับมาพร้อมกับรับเงินก้อนโตจากภารกิจนี้"
"โชคดีนะเอริส..ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง ถึงเธอจะไม่เชื่อในพระเจ้าก็เถอะ แต่พระเจ้าจะอยู่เคียงข้างลูกของพระองค์เสมอ และขอให้เธอพบแสงสว่าง"
"ขอบใจ....แต่ฉันเชื่อในเพื่อนรักของฉันมากกว่า"
เอริสเอ่ยก่อนจะวางปืนพกคู่ใจลงบนโต๊ะและคลี่ยิ้มให้กับเทย์เลอร์อย่างไม่ยี่หระ
เอริสยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ที่มีหิมะปกคลุมจนขณะที่เธอก้าวไปเท้าของเธอในบูทหนังเก่าๆที่หาซื้อตามร้านเสื้อผ้ามือสองพร้อมชุดสาวใช้ซอมซ่อก็จมลงไปในพื้นหิมะหนาๆนั้น แต่ละก้าวหนักอึ้งแต่ก็ไม่เทียบกับพละกำลังที่เหนือกว่าหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาของเธอ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่อึมครึมเพราะหิมะปกคลุมบนต้นไม้ที่แห้งจนเหลือแต่กิ่งสีดำก็มีนกเรเวนเกาะอยู่พร้อมกรงนกสนิมเขรอะแขนไว้ทำราวกับจะหล่นมิหล่นแหล่ใส่หัวผู้ที่เดินผ่านไปมา
เมื่อก้าวเท้าเข้ามาประตูรั่วของคฤหาสน์ถูกเปิดกว้างราวกับยินดีต้อนรับทุกคนที่เดินผ่านมา แต่ว่าจะมีคนสติดีที่ไหนที่เดินเข้าไปในที่แห่งนี้ที่ราวกับถูกพระเจ้าทอดทิ้งแล้วเต็มไปด้วยคำสาปกันล่ะ
เธอเดินผ่านช่วงรอยต่อของส่วนต่างๆของคฤหาสน์ที่เหมือนเขาวงกตและคอยจดจำทางหนีทีไล่อย่างพินิจและระแวดระวังก่อนจะส่งเสียงเรียกใครสักคนให้เปิดประตูให้กับเธอ
"สวัสดีค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ
ดิฉันลิลลี่สาวใช้คนใหม่ค่ะ"
เป็นเรื่องปกติในทุกภารกิจเธอจำต้องเปลี่ยนชื่อและตัวตนเสมอเพื่อให้ตัวตนของเธอเป็นความลับสำหรับภารกิจต่อไปเอริสยืนอยู่นานก็ไร้วี่แววของคนที่จะมาต้อนรับเธอจึงได้ถือวิสาสะดันประตูแต่เพราะมันดันถูกเปิดโดยคนที่อยู่ด้านในกะทันหันจึงทำให้เธอล้มหน้าคว้ำเข้าไปด้านในพร้อมกับกระเป๋าสานใบโตดังโครมก่อนที่เธอจะเงยหน้าแล้วพบว่าตัวเองกำลังล้มอยู่แทบเท้าของใครบางคน
"โอ้วววว....ขอโทษทีนะ"
เสียงนั้นเอ่ยราวกับไม่ได้ตั้งใจก่อนจะยื่นมือเรียวที่สวมทับด้วยถุงมือหนังสีดำให้แก่เอริสที่นอนคว้ำหน้าแผ่หลาอยู่อย่างใจดี แต่พอเงยหน้าขึ้นเอริสก็ต้องประหลาดใจในรูปลักษณ์ของคนตรงหน้า เธอตัวสูงราวๆสองเมตรสวมหมวกปีกกว้างทั้งที่อยู่ในคฤหาสน์แต่ที่น่าตะลึงกว่านั้นคือหน้าอกมหึมาที่ล้นทะลักที่อยู่ตรงหน้าเอริสขณะที่หล่อนกำลังก้มลงมายื่นมือให้เอริสต่างหาก
"แม่เจ้า" เอริสอุทานในใจ
"ให้ตายสิคะคุณแม่ หล่อนดูตลกเป็นบ้า"
เสียงเล็กแหลมเอ่ยดังมาจากด้านหลังของสุภาพสตรีร่างสูงก่อนจะมีอีกสองเสียงดังแทรกขึ้นมาอย่างเห็นด้วยก่อนจะถูกปรามโดยสุภาพสตรีร่างสูงอีกครั้ง
"เงียบๆได้แล้วลูกสาวของฉัน
พวกเธอกำลังทำให้สาวใช้ที่น่ารักคนใหม่ขายหน้าอยู่
และฉันคิดว่า...มันไม่น่ารักเอาซะเลย"
สุภาพสตรีเอ่ยพลางเหยียดยิ้มสีแดงเลือดของหล่อนเบาๆเอริสคว้ามือของหล่อนไว้พลางทำตัวราวกับสาวใช้ไร้เดียงสาแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆราวกับผู้หญิงบอบบางแต่ส่วนสูงร้อยแปดร้อยเก้าของเธอก็เทียบไม่ได้กับสุภาพสตรีตรงหน้าที่สูงสองเมตรกว่าขณะยืนอยู่บนส้นสูงคนนี้
"ขอบคุณค่ะ..คุณผู้หญิง"
เอริสเอ่ยพลางโค้งนิดๆตามมารยาท
"สาวใช้คนใหม่เหรอคะคุณแม่ขา"
หญิงสาวสามคนปรากฎตัวขึ้นจากด้านหลังของสุภาพสตรีร่างสูงคนนั้น ก่อนจะปรี่เข้ามารายล้อมเอริสอย่างสนอกสนใจ
"ใช่แล้วๆ...ลูกสาวของฉัน
นี่คือสาวใช้คนใหม่ของเรา"
"หน้าตาก็งั้นๆไม่เห็นน่าสนใจ"
หนึ่งในสามคนเอ่ยขณะพินิจดูหน้าของเอริสใกล้ๆไม่อยากจะบอกเลยว่าทั้งสามสาวนั่นทำให้เอริสขนลุกเพียงใดนอกจากจะเข้ามาใกล้ยังทำจมูกฟุตฟิตใส่เหมือนกำลังสูดดมอะไรจากเธอสักอย่างก่อนที่เอริสจะเสียมารยาทต้องผลักพวกหล่อนไปให้ไกล สุภาพสตรีร่างสูงก็เข้ามาแล้วพินิจดูเธอบ้างเช่นกัน
ใบหน้าขาวซีดภายใต้ผมสั้นดัดลอนที่สวมทับด้วยหมวกปีกกว้างนั้นเหยียดยิ้มราวปีศาจก่อนจะเอ่ยคำว่า
"ฉันว่า...ฉันชอบเธอนะสาวน้อย
ฉัน เลดี้ ดิมิเทรสกู และฉันเป็นเจ้านายของเธอ"
ตอนแรกเป็นยังไงบ้างอย่าลืมกดเลิฟแล้วเข้ามาพูดคุยกันเยอะๆน้าาาาาา😳😳😳😳
กฎของคฤหาสน์
ห้ามเปิดหน้าต่าง
ห้ามให้ไฟในเตาผิงดับ
3.ห้ามออกจากห้องพักหลังเที่ยงคืน
4.ห้ามเข้าห้องที่ล็อคกุญแจ
5.ห้ามขัดคำสั่งของ เลดี้ดิมิเทรสกู
เอริสเงยหน้าขึ้นจากกระดาษแผ่นเก่าๆที่เห็นได้ชัดว่ากฎนี้ถูกตั้งมานานแค่ไหนจากสีกระดาษเหลืองอ๋อยนี่
"มีข้อไหนที่เธอไม่เข้าใจหรืออยากจะถามฉันรึเปล่า"
เสียงเยือกเย็นของเลดี้ ดิมิเทรสกู เอ่ยขึ้นทำเอาเอริสขนลุกซู่ขึ้นมาฉับพลันเสียงนั้นมีพลังอำนาจและกังวานภายใต้คฤหาสน์ที่ดูลึกลับนี้
"ข้อที่ห้าค่ะ...มันกว้างไปไหมคะ
ถ้าเกิดวันดีคืนดี...คุณสั่งให้ฉันไปตาย
ฉันก็ต้องทำงั้นเหรอ"
เอริสเอ่ยถามด้วยความสงสัยในกฎข้อนี้แต่เลดี้ที่ได้ยินกลับยกยิ้มแล้วส่งเสียงหัวเราะในลำคอ
"แล้วเธอ...จะทำไหมล่ะ"
"ไม่ค่ะ"
เอริสเอ่ยตอบเสียงหนักแน่นขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้สลักลายวิจิตรในห้องที่ดูคล้ายห้องทำงานแสนหรูหราไม่คิดว่าภายในคฤหาสน์จะหรูหราอู้ฟู่ขัดจากภายนอกที่ดูราวกับบ้านผีสิง เลดี้ไม่ได้เอ่ยอะไรเธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะตัวใหญ่ก่อนจะเดินนวยนาดเข้ามายืนค้ำหัวเอริสที่นั่งอยู่ ใบหน้าขาวซีดภายใต้หมวกปีกกว้างโน้มลงมาใกล้จนหน้าใจหาย เอริสแทบจะกลั้นหายใจก่อนริมฝีปากแดงเลือดนั้นจะยิ้มเยาะแล้วเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยือกว่า
"ถ้าเธอเป็นเด็กดี...ฉันอาจจะไม่ใจร้ายกับเธอก็ได้"
เลือดในกายของเอริสราวกับแห้งเหือดไปใบหน้าเธอซีดเผือดเพราะน้ำเสียงและท่าทีของคนตรงหน้า ถึงพละกำลังและเทคนิคการต่อสู้ของเธอจะแพรวพราวล้ำเลิศแค่ไหนแต่เมื่ออยู่ใกล้กับคนตรงหน้าเธอก็ไม่ต่างอะไรจากหนูตัวเล็กๆ แต่ก็ไม่เสมอไปเธอยังมีเพื่อนรักของเธอซ่อนไว้อยู่ใต้กระโปรงสาวใช้เก่าคร่ำคร่านี้ เมื่อเข้าตาจนเธอก็ไม่ลังเลที่จะลั่นไกมันออกไป
"ทราบค่ะ"
เอริสเอ่ยด้วยเสียงที่พยายามจะทำให้ดูเข้มแข็งหนักแน่นแต่มันก็ยังสั่นเครือหน่อยๆ เลดี้เหยียดยิ้มมันฉีกกว้างราวกับไม่มีที่สิ้นสุดทั้งน่าหลงใหลและน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันแต่ที่มากกว่านั้นคือทรวงอกที่ใหญ่และมีน้ำหนักเกินกว่าที่ชุดโชว์อกกว้างของเธอจะปิดมิดสาบานเลยว่าเอริสเกือบจะเห็นยอดเขาของภูเขาหิมะของเธอทั้งสองลูกแล้วทำเอาหน้าที่ซีดเผือดของเธอเมื่อครู่กลายเป็นแดงเถือกไปถึงใบหูเลยทีเดียว
"แล้ว...ตกลงเธอจะทำงานที่นี่ไหม"
เลดี้ดิมิเทรสกูเอ่ยถามก่อนจะผละออก เธอหมุนตัวกลับทำให้เอริสต้องตกใจกับบั้นทายดินระเบิดของผู้ที่จะเป็นเจ้านายของเธอในอนาคต
"โอ้ว..แม่เจ้า...ฉันสาบานว่าไม่เคยเจอใคร
ใหญ่เท่านี้มาก่อน เห็นแล้วอยากจะตบมันแรงๆ"
เอริสคิดในใจก่อนจะส่ายหัวขับไล่ความคิดหื่นกามออกไปและเธอสาบานได้ว่าจริงๆแล้วเธอไม่ใช่คนแบบนั้น
"ได้ยินที่ฉันถามรึเปล่า ลิลลี่"
เสียงเรียบเอ่ยถามซ้ำขณะที่เอริสเอาแต่เหม่อลอย
"ค...ค่ะ ดิฉันจะทำ"
แน่นอนว่าเธอต้องตอบตกลงเพราะเธอมาที่นี่เพื่อภารกิจสำคัญ ถ้าเธอปิดคดีได้เธอก็จะได้เลื่อนตำแหน่งต่อไปก็ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงตาย เมื่อเข้าไปอยู่ในระดับเดียวกับพวกเบื้องบนเธอก็จะสุขสบาย
"งั้นก็...ยินดีต้อนรับลิลลี่ ฉันจะให้คนที่มาอยู่ก่อนพาเธอไปที่ห้องพัก...แล้วก็ทำงานตามที่ได้รับมอบหมาย "
"รับทราบค่ะ"
เอริสเอ่ยพลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ
"แต่ว่า..สำหรับเธอเป็นกรณีพิเศษ..."
เลดี้เอ่ยก่อนจะเท้าคางจ้องมองเธอด้วยสายตาคม
"ยังไง...เหรอคะ"
เอริสเอ่ยพลางทำหน้าตาใสซื่อแต่ในใจก็กำลังประมวลผลถึงสิ่งที่ตนจะต้องทำหลังจากเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
" ฉัน....ถูกใจเธอเป็นพิเศษ "
"วะ..ว่าไงนะคะ"
"ฉันจะให้เธอทำงานที่ส่วนกลางของคฤหาสน์ที่ใกล้กับห้องของฉัน"
เมื่อได้ยินดังนั้นเอริสก็มีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะถ้าเป็นแบบนี้เธอก็อาจถูกเลดี้จับตามองตลอดเวลาการทำภารกิจของเธออาจจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว
"เป็นอะไรรึเปล่า...
ดูเธอไม่ดีใจเลยนะที่ได้อยู่ใกล้ฉัน"
เลดี้เหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัยแต่คนไหลลื่นอย่างกับปลาไหลเช่นเอริสมีหรือจะยอมเสียท่า ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็มีแค่ทางเดียวที่เธอต้องทำคือการเล่นใหญ่
"ใครบอกคะ...ดิฉันซาบซึ้งใจมาก
จนพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ"
เอริสเอ่ยเสียงสั่นเครือพลางก้มหน้าบีบน้ำตาราวกับนางเอกเบอร์ใหญ่ในละครเวที
"ฉันไม่คิดเลยว่า เลดี้จะมีเมตตาเอ็นดูฉันขนาดนี้
ฮือๆ....ฮือๆ...
เอริสยังคงบีบน้ำตาต่อไปจนเลดี้ที่มองอยู่มีอาการทึ่งกับอาการของสาวใช้คนใหม่เล็กน้อย
"โถ่....เธอดีใจมากขนาดนี้เลยเหรอ
ฉันนี่ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นึกว่าเธอไม่ชอบใจ
ที่จะได้ทำงานอยู่ใกล้ๆฉัน
โถ่ๆๆ
มานี่สิ ลิลลี่ ฉันขอโทษนะ "
ตอนแรกเอริสก็แอบยิ้มอยู่ในใจแต่เธอก็ต้องชะงักไปเมื่ออีกคนกวักมือเรียกให้เธอเข้าไปใกล้ๆเธอต้องลุกจากเก้าอี้แล้วคลานเข่าเข้าไปหาเลดี้ตรงหน้าอย่างว่าง่ายเพื่อภารกิจเธอต้องทำให้อีกคนเชื่อให้ได้ ด้วยการทำตัวน่าสงสารและน่าเอ็นดู
ฮือ......
เอริสปล่อยโฮพลางสะอึกสะอื้นคลานเข้าไปอยู่แทบเท้าของเลดี้คนงามซึ่งสูงสองเกือบสามเมตรอย่างว่าง่ายก่อนจะต้องหัวใจหล่นลงไปที่ตาตุ่มเมื่อคนตรงหน้าคว้าเธอไปกอดปลอบราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
อื้ออออออ....
อ๋าย...ไอ...ไอ้...ออก (หายใจไม่ออก)
เพราะตอนนี้หน้าของเธอซุกอยู่ที่หน้าอกมหึมาของคนตรงหน้าแน่น พร้อมฝ่ามือในถุงมือหนังที่ลูบหัวเธอเบาๆ
โถ่...ลิลลี่
ไม่ต้องร้องนะ...เด็กดีของฉัน"
เฮือกกก!!!
ในที่สุดเลดี้ก็คลายอ้อมกอดพร้อมกับเอริสที่หน้าแดงเถือกเป็นลูกเชอร์รี่แล้วทำตาเหลือกเหมือนปลาสำลักน้ำ
"นึกว่าจะตายซะแล้ว"
เอริสคิดในใจ
เลดี้เดินนำเอริสไปยังห้องครัวแปลกที่คฤหาสน์ใหญ่โตขนาดนี้เธอไม่เห็นสาวใช้เดินเพ่นพ่านสักคนจนกระทั่งไปถึงห้องครัว เธอจึงได้เห็นสาวใช้เช่นเดียวกับเธอสองสามคนทุกคนดูซึมๆเหมือนอดหลับอดนอนมาหลายวันจนกระทั่งได้ยินเสียงของเลดี้ทุกคนก็สะดุ้งเฮือกและหยุดชะงักมองมาที่เอริสเป็นตาเดียว
"ทุกคนวันนี้มีน้องใหม่มาแนะนำ..เธอชื่อว่าลิลลี่
ฉันหวังว่าทุกคนจะดูแลเธอ แล้วคอยบอกเธอว่า
อะไรควรทำ หรือ ไม่ควรทำ"
เลดี้เอ่ยพลางเหยียดยิ้มทุกคนตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน
"รับทราบค่ะ"
เลดี้ ดิมิเทรสกูฉีกยิ้มแต่น่าแปลกที่เอริสมองว่าเหมือนหล่อนกำลังแสยะยิ้มมากกว่า แต่ก็ช่างประไรก็คงเหมาะกับคนที่ชอบสวมหมวกเดินไปทั่วคฤหาสน์แบบหล่อนดี
"ลิลลี่....ตั้งใจทำงานล่ะ
ถ้าได้ยินเสียงกระดิ่งจากห้องฉันหรือห้องทำงาน
ฉันอยากจะขอให้เธอเป็นคนไปหานะ "
เอริสรู้สึกทึ่งกับคำกล่าวและน้ำเสียงชวนขนลุกจนต้องเอ่ยปากถาม
"ทะ..ทำไมกันล่ะคะ"
เลดี้เหยียดยิ้มจนเห็นฟันขาวให้กับเธอแล้วเอ่ยว่า
"ต้องบอกอีกกี่ครั้ง
ก็เพราะฉันถูกใจเธอเป็นพิเศษไงล่ะ"
สาวใช้คนอื่นมองมาที่เอริสเป็นตาเดียวพวกหล่อนทำท่าทีคล้ายกับคนโล่งใจและดูเหมือนสงสารเธอไปในทีซึ่งตามจริงแล้วพวกหล่อนต้องอิจฉาเธอสิ ที่เลดี้เอ่ยปากว่าชอบเธอออกนอกหน้าขนาดนี้ มันแปลกมากแปลกมากจริงๆ
"เอาล่ะฉันมีงานต้องไปทำ ยังไงก็ฝากที่เหลือด้วยนะเด็กๆ"
เลดี้กล่าวก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วเดินจากไปสาวใช้พากันถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะหันมามองเอริสอีกครั้ง
"สวัสดี ลิลลี่"
หนึ่งในสามคนนั้นเอ่ยเธอมีผิวขาวซีดเหมือนศพเดินได้ดวงตาลึกโหลเหมือนอดนอนมาเป็นร้อยชาติ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของชีวิต ที่บอกว่าคนตรงหน้าเอริสยังไม่ตาย
"สวัสดี"
เอริสเอ่ยอย่างเก้เก้กังกังก่อนที่สาวใช้อีกคนจะเดินมาใกล้เธอหล่อนมีผมสีบลอนด์ใบหน้าซีดๆแต่น้อยกว่าคนที่เอ่ยทักทายเธอนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้ม
"คงประหม่าสินะ..จริงๆแล้วอยู่ที่นี้ไม่มีอะไรมากหรอกถ้าเธอไม่ทำผิดกฎเธอก็สบายใจได้ แค่อาจจะปวดหัวกับพวกลูกสาวของเลดี้สักหน่อย เพราะพวกหล่อนมีรสนิยมประหลาด"
"อ้อ....งั้นเหรอคะ"
เอริสเอ่ยพลางยิ้มแห้งๆดูจากสภาพพวกหล่อนทั้งสามเอริสไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่ว่าอยู่ที่นี่แล้วจะปลอดภัย
"แล้วที่ว่าแปลกๆนี่มันยังไงเหรอคะ"
เอริสแบบเอามือป้องปากกระซิบถามกับสามสาวเบาๆไม่ทันไรสายเลือดนักสืบในตัวก็พลุ้งพล่านสูบฉีดขึ้นมาตามสัญชาติญาณและความเป็นมืออาชีพของเธอ
"กฎที่บอกห้ามเปิดหน้าต่างจำได้รึเปล่า"
สาวใช้คนที่สามที่เอาแต่เงียบตลอดเวลาปริปากพูดออกมาเป็นครั้งแรก
"จะ...จำได้สิ...ทำไมต้องห้ามกัน
อากาศในนี้อุดอู้จะตาย"
"ก็เพราะลูกสาวทั้งสามคนของเลดี้น่ะสิเธอไม่ชอบอากาศเย็น ตอนนั้นเธอจำได้รึเปล่าล่ะ...
สาวใช้คนดังกล่าวเอ่ยอธิบายก่อนจะหันไปสบตาสาวใช้อีกสองคนที่พยักหน้าราวกับนึกอะไรออก
ตอนนั้นคนที่มาใหม่หล่อนพึ่งมาได้เพียงสามวันและหล่อนเป็นพวกหัวรั้น แอบเปิดหน้าต่างเพื่อสูดอากาศแต่ใครจะรู้ คุณเบล่า หนึ่งในลูกสาวของเลดี้จะมาเจอเข้า หล่อนโกรธมาก จับตัวสาวใช้คนนั้นไปลงโทษที่ชั้นใต้ดิน "
"โถ่...เบียทริซที่น่าสงสาร "
สาวใช้คนหนึ่งเอ่ยอย่างอาลัยเอริสได้โอกาสจึงเอ่ยถามไปเกี่ยวกับชะตากรรมของสาวใช้คนนั้น
"เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ"
"พวกเรารู้แค่ว่า เลดี้เลิกจ้างเธอ"
ทั้งสามเอ่ยอย่างพร้อมเพรียงกันเอริสได้แต่ทอดอาลัยกับข้อมูลที่ได้มาเพียงกระจิบมือก่อนจะพยักหน้าแล้วเอ่ยถามกับทั้งสามว่า
"ว่าแต่พวกเธอมาทำงานที่นี้นานแค่ไหนแล้วล่ะ"
เอริสเอ่ยถามต่อ
"ฉันชื่อโอลิเวียทำงานที่นี่ได้สามเดือน"
หญิงสาวผมดำที่ร่างซีดเหมือนศพเอ่ยตามด้วยคนที่สองสาวผมบลอนด์
"ฉันชื่อแซนดี้ ทำงานที่นี่มาสามเดือนแล้วเหมือนกัน"
"ส่วนฉัน...โรซี่ ทำงานที่นี่มาแล้วสองเดือน"
คนที่สามเอ่ยแนะนำตัวหล่อนเป็นสาวสวยหากแต่ผิวซีดพอๆกับสองคนก่อนหน้าดูเหมือนว่าพวกเธอแทบจะไม่ได้ออกไปไหนนอกเขตคฤหาสน์แห่งนี้
"ก็ไม่นานเท่าไหร่...แล้วคนก่อนหน้านี้พวกเธอไม่เคยเจอเลยเหรอ"
เอริสทำคิ้วขมวดพลางถามต่อด้วยความสงสัยก่อนจะสะดุ้งเฮือกเพราะเสียงแวดๆของใครบางคน
"ให้ตายเถอะ...ฉันจ้างพวกหล่อนมาซุบซิบกันรึไง"
เสียงนั้นเอ่ยทำเอาเอริสและอีกสามคนสะดุ้งเฮือก
"นั่นคุณแคสแซนดรา"
เอริสพอจะจำได้ว่าเคยเห็นลูกสาวทั้งสามของเลดี้ดิมิเทรสกูตอนเข้ามาในคฤหาสน์ครั้งแรกแล้ว พวกหล่อนมีรสนิยมประหลาดอย่างว่า สวมเสื้อคลุมดำยาวถึงข้อเท้าพร้อมฮูดยังกะแม่มดที่นับถือลัทธิประหลาด ไม่แน่หรอกหญิงสาวที่หายไปพวกหล่อนอาจจะจับขังไว้ที่ไหนสักแห่งในคฤหาสน์หลังนี้ แล้วเอาไปประกอบพิธีกรรมประหลาดๆของพวกเธอ
"ขออภัยค่ะ พวกเราแค่แนะนำตัวกับลิลลี่ที่มาใหม่แล้วก็แบ่งหน้าที่กัน"
โอลิเวียที่ดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ของทุกคนเอ่ยตอบ
"อ้อ...แล้วเป็นยังไงบ้าง"
"พอดี
เลดี้อยากจะให้ลิลลี่คอยรับใช้เธอเป็นพิเศษน่ะค่ะ"
"คุณแม่น่ะเหรอ"
แคสแซนดราเอ่ยก่อนจะยืนเอามือเท้าคางอย่างครุ่นคิดแล้วหันมามองเอริสตาเป็นมัน
"น่าสนใจจริงๆ...คุณแม่ถูกใจเธอ
นั่นหมายความว่าเราจะแตะต้องเธอไม่ได้"
แคสแซนดราเอ่ยก่อนจะหันไปมองแซนดี้แล้วยกยิ้ม
"แซนดี้...งั้นถ้าฉันถูกใจเธอเป็นพิเศษล่ะ "
"ห้ะ....ว่าไงนะคะ"
แซนดี้หญิงสาวผมบลอนด์เอ่ยติดๆขัดๆเอริสแน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดแก้มของแซนดี้อยู่ๆก็มีสีแดงระเรื่อขึ้นมาเสียอย่างนั้น เอริสมองแคสแซนดราและแซนดีสลับกันไปมาก่อนจะส่ายหัวหน่อยๆ
"คนบ้านนี้คงไม่ได้มีรสนิยมชมชอบอิสตรีหรอกใช่ไหม ถ้าแบบนั้นคงเป็นไปได้ว่า ครอบครัวดิมิเทรสกูอาจจะ..จ้างพวกหล่อนมาเป็นนางบำเรอแล้วซ่อนไว้บำบัดความต้องการที่ไหนสักที่"
แค่คิดเอริสก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้คงตลกน่าดูที่ฉันต้องมาตามสืบเรื่องบ้าบอแบบนี้ แต่กว่าจะคิดไปไกลกว่านั้นเสียงกระดิ่งจากห้องเลดี้ดิมิเทรสกูก็ดังขึ้น สามสาวและแคสแซนดรามองมาที่เอริสเป็นตาเดียว
"โอ้ววว...ดูเหมือนคุณแม่จะเรียกหาเธอนะ"
แคสแซนดราเอ่ยพลางมองเอริสด้วยแววตายากจะคาดเดาหากแต่เอริสก็แกร่งพอที่จะไม่สะทกสะท้านต่อแววตาเช่นนี้ เธอก็กุลีกุจอทำตัวตื่นเต้นประหนึ่งสาวใช้ผู้ใสซื้อที่กระตือลือล้นที่จะทำงานอีกครั้ง
"เลดี้...เลดี้เรียกดิฉันแล้ว"
เอริสเอ่ยพลางเล่นใหญ่เอามือทาบอกด้วยความปลื้มปิติ
"แหม....เห็นเธอกระตือรือร้นแบบนี้ก็น่าตบรางวัลให้จริงๆแต่ว่านะลิลลี่...ขอให้เธอโชคดีก็แล้วกัน"
แคสแซนดราเอียงตัวมากระซิบที่ข้างหูเอริสด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นก่อนที่เธอจะหันหลังแล้วเดินจากไปในที่สุด
"รีบไปเถอะ"
โรซี่ที่ดูเหมือนจะเงียบไปนานเอ่ยเตือนเอริส
"อ่ะ...อืม...ฉันไปแล้วนะ"
เอริสเอ่ยแต่ว่าในหัวยังหลอนกับคำทิ้งท้ายของแคสแซนดราไม่หาย
"อะไรกันยะที่บอกว่า
ขอให้โชคดีนะ แล้วยัยเลดี้บ้านั้นทำไมต้องอยากเรียกใช้กันเร็วขนาดนี้ด้วย "
เอริสพลางเดินไปบ่นไป
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!