NovelToon NovelToon

บำเรอรัก(Mpreg)

บำเรอรัก บทที่ 1

...บำเรอรัก...

...บทที่ 1...

“โปรดทราบ เครื่องบินของสายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG-XXX ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ ได้มาถึงท่าอากาศยาน YYY แล้ว ขอบคุณที่ใช้บริการทางสายการบินไทยค่ะ” เสียงของแอร์โฮสเตสสาวประกาศให้ผู้โดยสารทราบ เมื่อเครื่องบินลงจอดบนรันเวย์อย่างปลอดภัย

พระพาย ปิยะสกุล ชายหนุ่มร่างบาง ผิวขาวใส ใบหน้าเรียวสวย คิ้วโค้งมน ดวงตากลมโต มาพร้อมกับจมูกโด่งและปากเรียวสวย ร่างบางที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ลดหนังสือลงเพื่อฟังเสียงประกาศ สายตาคู่สวยมองทะลุผ่านหน้าต่างกระจกของเครื่องบนเห็นว่าตอนนี้ท้องฟ้าที่เคยมืดครึ้ม เริ่มมีแสงสว่างน้อยๆ จากดวงอาทิตย์

พระพายจึงหันไปมองตรีภพ เพื่อนสนิทที่หลับตั้งแต่เครื่องออกจนมาถึงที่หมาย เพื่อนของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น แถมยังคงนั่งหลับสบายโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย เป็นคนที่หลับง่ายตื่นยากเสียจริง

พระพายกับตรีภพเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย ช่วงเรียนอยู่มหาลัยทั้งสองคนเป็นที่รู้จักกันในหมู่หนุ่มๆ เพราะด้วยรูปร่างและหน้าตาที่เหมือนราวกับผู้หญิง เพียงแต่ตรีภพจะมีรูปร่างสูงโปร่งซึ่งต่างจากพระพายที่มีรูปร่างเล็กบาง แต่ทั้งสองคนก็ยังเป็นที่นิยมของหนุ่มในมหาวิทยาลัย ซึ่งช่วงเวลาในการเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยก็จะมีหนุ่มๆ มาสารภาพและต้องการจะคบกับทั้งสองเป็นจำนวนมาก แต่ก็โดยตรีภพไล่ตะเพิดไปทุกครั้งด้วยความรำคาญ จนเรียนจบทั้งสองก็ยังได้ทำงานที่บริษัทเดียวกันอีก

“ดิว ดิว ตื่นได้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยเรียกคนที่นั่งหลับอยู่ข้างๆ พร้อมมือบางที่สะกิดบอกให้อื่นคนรู้สึกตัว

“อือ..ขอนอนอีกแป๊บนะ” น้ำเสียงงัวเงียของคนที่โดนรบกวนดังขึ้น แม้ว่าเจ้าของร่างจะที่ยังคงหลับตาอยู่

“ตื่นมาได้แล้ว เครื่องลงจอดที่สนามบิน YYY แล้ว” พระพายพูดบอกด้วยน้ำเสียงนุ่ม

“อือ.. ถึงแล้วเหรอ” ตรีภพลืมตาขึ้นพลางถามด้วยท่าทางสะลึมสะลือ เมื่อดวงตากลมเปิดเติมที่ก็หันไปมองรอบๆ พบว่ามีที่นั่งว่างเป็นประปราย เนื่องจากผู้โดยสารเริ่มทยอยกันลงจากเครื่องบิน

“ถึงแล้ว เรารีบเก็บของกันเถอะ” พูดจบ ทั้งสองคนจัดการเก็บของของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงจากเครื่องบินตามผู้โดยสารคนอื่นๆ

“อ๊า.. นี่กี่โมงแล้ว ทำไมยังมืดอยู่เลย” ตรีภพถามในขณะที่กำลังเดินเข้าไปยังอาคารผู้โดยสาร เพื่อไปรับกระเป๋าเดินทาง ระหว่างทางเดินร่างโปร่งก็หันไปมองผนังกระจกที่สามารถเห็นบริเวณนอกอาคารได้ พบว่าท้องฟ้ายังคงมืดแม้จะมีแสงสว่างเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เครื่องบินออกเดินทางเขาก็นั่งหลับตลอดการเดินทาง

“ตีห้าครึ่งแล้ว” ร่างบางก้มดูนาฬิกาข้อมือสีเข้มขนาดเล็ก ก่อนจะเงยหน้ามาตอบ

พระพายกับตรีภพเดินไปยังอาคารสนามบินที่มีผู้โดยสารมากมายเดินผ่านไปผ่านมาอยู่ภายใน พระพายมองไปยังรอบๆ ของอาคารผู้โดยสาร ก่อนที่มือบางจะกระชับเสื้อโค้ตตัวหนาสีน้ำตาลเข้มไว้เพื่อกันความหนาวในฤดูหนาว ซึ่งเขาไม่คุ้นเคยกับอากาศแบบนี้

“เฮ้ย...ดิวนึกว่าเขาจะไม่ให้ผ่านเข้ามาซะแล้ว” ตรีภพเดินหน้ามุ่ยมาหาเพื่อนที่ยืนรออยู่แล้วก่อน เพราะเพื่อนของเขาผ่านการตรวจอย่างง่ายดาย ไม่เหมือนเขาที่โดนซักถามโน่นถามนี้นานเกือบครึ่งชั่วโมง นี่ยังดีที่ความอดทนของเขามีมากพอ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะต่อยเจ้าหน้าที่ร่างใหญ่คนนั้นไปแล้ว

“ช่างเถอะ ผ่านมาได้ก็ดีแล้ว” พระพายกอดไหล่เพื่อนที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วหันไปมองเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ซักถามเพื่อนก็พอเข้าใจเหตุผลแอบแฝง แต่ไม่สามารถบอกเพื่อนได้ เพราะรู้เลยว่าเพื่อนคงไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้แน่

“ก็ลองไม่ให้ผ่านดูซิ เจ้าหน้าที่คนนั้นโดนหมัดดิวแน่ๆ” ตรีภพพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ แม้ว่าภายนอกจะรูปร่างเล็ก แต่ด้วยความใจสู้มีเกินร้อย

“พายว่าดิวจะโดนเจ้าหน้าที่จัดการมากกว่า” พระพายบอกด้วยรอยยิ้ม พลางคิดในใจสิ่งที่เจ้าหน้าที่รูปร่างใหญ่จะจัดการเพื่อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ก่อนร่างบางจะสะบัดหัวไปมากับความคิดนั้น

“พายเป็นอะไรหรือเปล่า” ตรีภพที่เห็นท่าทีของเพื่อนก็ถามขึ้น

“ม..ไม่เป็นไร” พระพายพยายามตอบด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด เพื่อไม่ให้เพื่อนจับผิด เมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ร่างบางจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

“นั้นเราไปกันเถอะ” หนุ่มร่างงามทั้งสองเดินออกจากอาคารผู้โดยสารของสนามบินไปยังจุดหมายต่อไป

“แล้วเราจะไปเมือง AAA ยังไงต่อล่ะพาย” ตรีภพถามขณะกำลังเดินไปพร้อมเพื่อน เพราะเขาไม่เคยมาที่นี่มาก่อน นี้เป็นครั้งแรกที่เขากับเพื่อนได้เดินทางมาศึกษาดูงานต่างประเทศ

“นั่งรถไฟไปนะ เมื่อกี้พายไปถามเจ้าหน้าที่มาแล้ว” พระพายบอก เพราะระหว่างที่เพื่อนกำลังโดนตรวจ เขาก็ได้ไปถามเส้นทางกับเจ้าหน้าที่ของสนามบิน

สองหนุ่มร่างบางก็เดินไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ไปไกลจากสนามบินมากนัก เมื่อมาถึงสถานีรถไฟก็มีรถไฟขบวนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองก็มาถึงพอดี ทำให้ทั้งสองไปต้องรอนาน

“โชคดีจัง รถไฟขบวนไปเมือง AAA มาพอดี” พระพายพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะจะได้ไม่ต้องนั่งรอรถไฟขบวนถัดไป ซึ่งต้องใช้เวลารอประมาณครึ่งชั่วโมง

“นั้นซิ นี้... ถ้าดิวต้องนั่งรอรถไฟขบวนถัดไปล่ะก็ มีหวังได้หลับต่อที่ตรงนี้แน่” ตรีภพก็คิดเหมือนกับเพื่อน เพราะเขาเป็นคนที่หลับง่ายแล้วยิ่งเดินทางมาเหนื่อยๆ แบบนี้ ก็ทำให้ร่างกายต้องการปะทะกับเตียงนุ่มๆ

สองหนุ่มนั่งรถไฟไปเมือง AAA ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงที่หมาย ต่อจากนั้นทั้งสองคนต้องนั่งแท็กซี่ไปยังโรงแรมที่จากบริษัทได้จัดเตรียมเอาไว้

เมื่อมาถึงโรงแรมทั้งสองเดินไปที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามรายละเอียดของห้องพักที่ได้จอง พนักงานของโรงแรมจึงได้นำสองหนุ่มไปยังห้องพักที่ได้ระบุ ภายในห้องพักตกแต่งด้วยโทนสีขาวสว่าง มีเตียงนอนคู่ขนาด 5 ฟุตที่มีสีครีมเข้มตัดกับสีห้อง มีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน เช่น โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ มากมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นห้องพักที่หรูอีกแห่งหนึ่ง

“โอ๊ย...หนาวจริงๆ เลย” เสียงร้องบ่นของตรีภพดังขึ้น

“ไม่รู้ว่าคนที่นี่อยู่ไปได้ยังได้ ถ้าดิวมาอยู่นะมีหวังได้แข็งเป็นหินแน่” ตรีภพเดินไปยังเตียงนอนก่อนที่จะใช้ผ้าผืนหนามาห่มให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

“ฮ่าฮ่าฮ่า” พระพายได้แต่ขำกับพฤติกรรมของเพื่อน ก่อนที่เขาจะเปิดกระเป๋าเดินทางนำเอาเสื้อผ้าออกมาแขวนเข้าตู้

พระพายกับตรีภพจะต้องอยู่ที่นี่อีกหลายอาทิตย์ เพราะทั้งสองเป็นตัวแทนของธนาคารสาขาย่อยที่ไทย ที่จะต้องมาศึกษาดูงานจากธนาคารสาขาหลัก เพื่อนำความรู้ไปปรับปรุงและพัฒนาในสาขาต่อไป

“นี่พาย เดินทางมาตั้งหลายชั่วโมง ยังมีแรงจัดของอีกเหรอ” ตรีภพถามขึ้น ขณะที่เจ้าตัวกำลังซุกอยู่ในผ้าห่มและมองเพื่อนที่กำลังแขวนเสื้อผ้าอยู่ เขานั้นทั้งเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ไหนจะต้องมาเจอกับอากาศหนาวเย็นอีก แต่ร่างบางตรงหน้าทำยังกับนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ซะงั้น

“ดิวก็รู้ว่าพายเป็นคนถึกจะตาย เดินทางแค่นี้จิบๆ” พระพายหันไปบอก

“จ๊ะ พ่อคนถึก”

ทั้งสองคนพูดคุยกันไม่นานคนนอนง่ายก็หลับไปซะแล้ว พระพายที่จัดของเข้าที่เข้าทางเสร็จก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่เขาจะเดินมาเปิดประตูหน้าต่างมองดูบ้านดูเมืองที่ไม่เคยได้มาสัมผัส มองดูผู้คนด้านล่างที่เดินไปมา

ห้องพักที่ทางบริษัทได้จัดจองไว้ให้นั้นอยู่บนชั้นที่สามารถมองเห็นเมืองได้อย่างชัดเจน เวลาเช้าแบบนี้คงมีคนออกมาเดินเล่นหรือเดินทางไปทำงาน ช่วงอากาศที่หนาวเย็นและท้องฟ้าที่มีแสงสว่าง พระพายมองดูวิวทิวทัศน์ไม่นานก็เริ่มง่วง เขาจึงเดินกลับไปยังเตียงนอนเพื่อพักผ่อน ไม่นานก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้า

*พระพายตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ร่างบางมองไปรอบๆ ก็มีแต่เพียงต้นไม้เท่านั้น พระพายจึงตัดสินใจเดินไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะพบกับทางออก เขาเดินไปเรื่อยๆ ก็เจอกับสวนสาธารณะที่มีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางสวน*

*พระพายมองไปรอบๆ สวนสาธารณะก็ได้พบกับร่างสูงของใครบางคนที่ยืนหันหลังให้ เขาเดินเข้าไปยังคนตรงหน้าเรื่อยๆ ก็ปรากฏชัดเจนว่าชัดเจนว่าคนที่ยืนหันหลังนั้นคือคนที่ร่างบางต้องการเจอมาตลอด แม้ว่าอื่นคนจะยืนหันหลังให้ แต่ร่างบางก็ยังคงจดจำแผ่นหลังนั้นได้ดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่เดือนกี่ปีเขาก็ยังจำแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงได้เป็นอย่างดี พระพายไม่รอช้าวิ่งเข้าไปสวมกอดร่างสูงทันที*

“*ซัน...ซันกลับมาแล้ว รู้ไหมว่าพายรอซันมาตลอด” พระพายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ คนที่เขารอคอยกลับมาหาเขาแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้ร่างสูงหายจากไปไหนอีก*

“*ซันหายไปไหนมา” พระพายถามด้วยความสงสัย แต่ไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง*

“...........”

“*พายคิดถึงซันมาเลยรู้ไหม” ร่างบางพูดออกไปด้วยความโหยหา ก่อนที่จะกอดร่างสูงไว้แน่นเหมือนไม่ต้องการให้ร่างสูงหายจากไป แต่ก็ยังไร้เสียงตอบกลับจากร่างสูง*

“...........”

*พระพายคลายอ้อมกอดจากร่างสูง ก่อนจะเดินไปเผชิญหน้ากับคนตรงหน้า ร่างบางเงยหน้ามองคนที่ไม่ได้เจอมานานเกือบสองปี ซึ่งตลอดเวลาสองปีที่เขาต้องรอคอยให้คนรักกลับมา แต่ในวันนี้สายตาที่อีกคนมองมายังเขากับเปลี่ยนไปจากเดิม จากแววตาที่เคยมองมาด้วยความรักกับเปลี่ยนเป็นสายตาที่มีแต่ความว่างเปล่าไม่มีแววตาแห่งความรักในดวงตาคู่นั้นเลย และร่างสูงก็เอ่ยคำที่ทำให้คนฟังต้องใจสลาย*

“*ผมไม่รู้จักคุณ คุณเป็นใคร” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเรียบ*

“*พายไง คนรักของซัน” พระพายบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมความกลัวที่มีในใจ*

“*ผมไม่เคยมีคนรัก คุณคงจำคนผิดแล้วล่ะ ผมคงต้องขอตัวก่อน” พูดจบ ร่างสูงก็เดินจากไป โดยไม่หันมามองร่างบางเลย*

*พระพายมองคนรักที่เดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ก่อนที่ร่างกายจะวิ่งตามอีกคนออกไป แต่เหมือนว่าเขายิ่งวิ่งตามเท่าไร อีกคนก็ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ*

“*ซันรอพายด้วย อย่ารีบไป ซัน ซัน ซัน” พระพายร้องเรียกชื่อคนรักจนสุดเสียง แต่ร่างสูงก็ยังไม่หันหน้ามามอง ดวงตาสวยเริ่มมีน้ำใสๆ ไหลออกมา แต่มันก็คงไม่เท่ากับความรู้สึกของหัวใจที่คนรักที่รอคอยมานานกลับจำเขาไม่ได้ ร่างบางที่วิ่งตามก็สะดุดล้ม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นก็ไม่เห็นร่างสูงอีกแล้ว*

“*ทำไม.. ทำไมซันต้องทิ้งพายด้วย” พระพายพูดออกไปอย่างน้อยใจ มีคำถามมากมายที่ต้องการรู้จากปากคนรักว่ามีเหตุผลใดที่ทิ้งเขาไป*

“ซัน ซัน ซัน” เสียงร้องละเมอด้วยความเจ็บปวดถึงชื่อคนรักดังขึ้น

ตรีภพที่นอนอยู่ใกล้ๆ ต้องตื่นขึ้นมาดูก็เห็นร่างบางที่นอนละเมอเรียกชื่อคนรักซ้ำๆ มือบางกำผ้าห่มแน่น ใบหน้ามีแต่เหงื่อและคราบน้ำตา จนเขาต้องลุกจากเตียงเพื่อมาปลุกเพื่อน

“พาย พาย พระพายตื่น พระพาย” ตรีภพเขย่าปลุกร่างบางแรงๆ เพื่อให้เพื่อนรู้สึกตัว

พระพายสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเรียกของเพื่อน สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้อง เมื่อพบว่าตอนนี้ตนเองได้อยู่ที่ห้องพัก มือบางยกแตะใบหน้าของตัวเองที่มีแต่คราบน้ำตา

“เป็นอะไรเหรอเปล่าพาย” ตรีภพถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่าหรอก พาย.. พายแค่ฝันร้ายนะ” พระพายบอก เมื่อนึกถึงความฝันของตัวเอง

“ฝันถึงซันอีกแล้วเหรอ” ตรีภพถามต่อ พร้อมกับจับมือบางของเพื่อนเอาไว้

“อือ... แต่ความฝันครั้งนี้เหมือนจริงมากเลยนะดิว” พูดจบ น้ำตาเม็ดโตก็ไหลออกมา

“เล่าให้ดิวฟังได้หรือเปล่า” คำพูดที่ออกมาแสดงถึงความห่วงใย พร้อมกับมือบางที่เช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าสวย

พระพายจึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในความฝันของตัวเองให้เพื่อนฟัง ตรีภพที่ได้รับฟังก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือเพื่อนยังไง นอกจากมือของเขาก็จับมือของเพื่อนไว้แน่นเชิงให้กำลังใจเท่านั้น

“พายกลัวจัง กลัวว่ามันจะเป็นความจริง” ร่างบางบอกพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงความฝันที่น่าหดหู่

“มันก็แค่ความฝัน อย่าคิดว่าเลยนะ” ตรีภพดึงร่างบางมากอดปลอบ มือก็ลูบแผ่นหลังบางไว้

ตรีภพรู้สึกสงสารเพื่อนมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เวลาผ่านมาเกือบสองปีแล้ว เขาคิดว่าร่างบางจะลืมคนรักได้บ้าง แต่เวลากลับไม่เป็นผลกับเพื่อนของเขาเลย ร่างบางยังคงรอคอยคนรักอยู่ตลอดเวลา รอทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะเจอร่างสูงของคนรักอีกหรือไม่

“ถ้ามันเป็นความจริงพายคงจะเจ็บมาก เพราะแค่ในความฝันพายยังเจ็บมากเลย” น้ำเสียงเครือพูดบอกเพื่อนพร้อมกับน้ำตาที่ยังไหลออกมา ตรีภพมองหน้าเพื่อน ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าหวานนั้น

“ดิวว่าซันจะลืมพายไหม” พระพายถามเพื่อนเหมือนเด็กที่ต้องการความแน่ใจ

“ซันไม่มีทางลืมพายหรอก ก็ซันรักพายขนาดนั้น” ตรีภพพูดบอกเป็นการปลอบฝันร่างบาง เขารู้ดีว่าทั้งคู่รักกันมากแค่ไหน ถึงแม้จะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ความรักที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นเป็นรักแท้แน่นอน

“อือ” พระพายกอดเพื่อนไว้แน่น เพื่อเป็นการขอกำลังใจ ทั้งสองกอดกันได้สักพัก

“เดี๋ยวดิวลงไปซื้อเครื่องดื่มอุ่นๆ มาให้พายดีกว่า” ตรีภพเอ่ยขึ้น ก่อนจะเตรียมตัวสำหรับไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมมากนัก

“ขอบใจนะ” พระพายยิ้มให้เพื่อน เพราะเวลาที่เขาเศร้าเสียใจก็จะมีตรีภพที่อยู่ให้กำลังใจมาเสมอ

เมื่อเห็นเพื่อนเดินออกจากห้องไปแล้ว พระพายก็นั่งนึกถึงความฝันครั้งนี้ที่เหมือนจริงมาก เหมือนจนเขากลัว กลัวว่าคนรักจะลืมเขาเหมือนในความฝัน ถ้าคนรักลืมเขาจริงๆ เขาจะทำยังไง พระพายมองออกไปยังหน้าต่างก็หวนคิดถึงคนรัก

“ซันยังรอพายเหมือนที่พายรอซันใช่ไหม”

“ซันยังรักพายเหมือนที่พายรักซันใช่ไหม”

“ซันยังจำสัญญาที่ให้พายได้ใช่ไหม”

ร่างบางได้ฝากคำถามไปกลับสายลมที่พัดผ่านไปมา เผื่อว่าคำพูดเหล่านี้จะส่งไปถึงอีกคนได้ เพื่อให้อีกคนได้รับรู้ถึงการรอคอยของตนเอง

... ฝากติดตามผลงานและให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ...

บำเรอรัก บทที่ 2

...บำเรอรัก...

...บทที่ 2...

เพนต์เฮาส์สุดหรูที่ภายในตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่เน้นโทนสีเข้ม ซึ่งตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม YYY เป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มร่างสูงอย่าง เอริค ฮิวส์ตัน ที่มักจะพาคู่ขามาหลับนอน ซึ่งเขาจะมีข้อตกลงกับคู่ขาเสมอว่าทุกคนจะต้องไม่ยุ่งเรื่องกับส่วนตัวของเขา จะต้องมอบความสุขในเขาและห้ามไปยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นในขณะที่ยังเป็นคู่ขาของเขา หากคนไหนทำไม่ได้ตามที่ตกลงเขาก็จะปล่อยไปด้วยไม่คิดจะยื้อ

เอริค ฮิวส์ตัน นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีผู้หล่อเหลาและร่ำรวย ชายหนุ่มเป็นลูกครึ่งอเมริกาไทย ซึ่งบิดาเป็นคนอเมริกาและมารดาเป็นคนไทย เอริคที่มีรูปร่างสูงเกือบ 195 เซนติเมตร ใบหน้าคมเข้มตามแบบชาติตะวันตก จมูกโด่งเป็นสันคม ผิวกายขาวเหลือง และร่างกายที่สมส่วนพร้อมกล้ามเนื้ออันกำยำ ทำให้ร่างสูงดูดีในสายตาของคนที่พบเจอ

เอริครู้ดีว่าตัวเองมีรสนิยมที่ได้ทั้งหญิงทั้งชาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ไบเซ็กชวล หรือ ไบ ที่หลายๆ คนรู้จัก แต่สำหรับเอริคนั้น เขามักจะนอนกลับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะเหตุผลที่ว่าผู้ชายไม่เรื่องมากเหมือนผู้หญิง สามารถรุนแรงได้ และที่สำคัญผู้ชายไม่สามารถท้องได้ด้วย

เมื่อก่อนเอริคเคยนอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง วันหนึ่งเธอก็วิ่งมาเรียกร้องให้เขารับผิดชอบ เธอบอกว่าตัวเองตั้งท้องลูกของเขา ทั้งที่เขาป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับหญิงสาว เอริคจึงสั่งให้ลูกน้องคนสนิทไปสืบเรื่องราวต่างๆ ของหญิงสาว จึงทำให้รู้ว่าเธอมีผู้ชายคนอื่นในระหว่างที่เป็นคู่ขาของเขา เมื่อตั้งท้องก็คิดที่จะจับเขาที่มีฐานะร่ำรวย เพื่อให้ตัวเองได้สุขสบาย

หลังจากที่ได้หลักฐานทุกอย่างมาก เอริคก็จัดการกับหญิงสาวและชายหนุ่มผู้เป็นพ่อตัวจริงของเด็กในท้อง เพราะรู้มาว่าจะสองคนร่วมมือกัน เพื่อจะปอกลอกสมบัติของตระกูลเขา เขาจะไม่ปล่อยให้คนที่ทำให้เขาเดือดร้อนอยู่อย่างมีความสุขได้ เขาจึงได้จัดการทั้งสองทุกวิถีทางจนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ ทั้งสองคนจึงต้องรีบหนีไปอาศัยที่ต่างประเทศและคงไม่กล้ากลับมาที่นี่อีกแล้ว

ตั้งแต่นั้นมา เอริคก็เริ่มป้องกันทุกครั้งที่มีอะไรกับคู่ขา ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย วันนี้ก็เช่นเคย เมื่อเขาได้พาคู่ขาคนล่าสุดมายังเพนต์เฮาส์ เป็นเด็กหนุ่มร่างบางที่หน้าตาน่ารักใช้ได้เลยที่เดียว เอริคได้เจอกับเด็กหนุ่มคนนี้ที่ผับเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จึงได้สานสัมพันธ์สวาทกันมาตลอด

บนเตียงนอนนุ่มสีน้ำตาลเข้มราคาแพง มีสองร่างที่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม พร้อมเสียงครางของทั้งสอง โดยมือเล็กของเด็กหนุ่มก็ไม่อยู่เฉย จัดการลูบไล้ไปทั้งร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ ผ่านเนื้อผ้าราคาแพง

จ๊วบ จ๊วบ

“อื๊ออออ”

“อ๊าาา”

เอริคที่ขยับขึ้นมานั่งพิงหัวเตียงพร้อมกับเด็กหนุ่มที่นั่งคร่อมอยู่บนตักแกร่งของเขา มือบางของเด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นคล้องคอของเขาเอาไว้ ปากทั้งคู่ยังคงจุมพิตกันอย่างเร่าร้อน

“หยุดก่อน” เสียงสั่งของเอริคดังขึ้น

“ทำไมล่ะครับ” เด็กหนุ่มชื่อว่า วินเทอร์ ถามขึ้นพร้อมแสดงออกด้วยสีหน้าเสียอารมณ์ที่โดยขัดความสุข

“วันนี้ฉันทำงานมาเหนื่อยๆ เพราะฉะนั้น... นายจะต้องเป็นคนเริ่ม” เอริคพูดพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์อันทรงเสน่ห์ ที่ใครเห็นแล้วก็ร้อนรุ่มไปทั่วร่างกาย

วันนี้เอริคทำงานหนักมากจริงๆ ตั้งแต่เช้าก็ออกไปพบลูกค้าไหนจะประชุมอีกทั้งวัน ทำให้เรี่ยวแรงที่มีอยู่หมดไปกับการทำงาน และตอนนี้เขาก็ต้องการที่จะปลดปล่อยความต้องการ จึงต้องการให้เด็กหนุ่มเป็นคนเริ่ม เอริคก็รู้ดีว่าคู่ขาคนนี้มีประสบการณ์ช่ำชองกับเรื่องสวาทมามาก และคู่ขาของเขาทุกคนมักจะเป็นคนมีประสบการณ์มาก่อน เขาไม่ใช่คนที่จะมาสนใจเรื่องความบริสุทธิ์ เพราะไม่อยากเป็นคนที่ต้องมาสอนงานคนเหล่านั้น

“ได้ครับ ผมจะทำให้คุณเอริคมีความสุข... จนลืมคืนนี้ไม่ลงเลย” วินเทอร์พูดด้วยน้ำเสียงเย้ายวน ก่อนจะก้มลงกระซิบที่หูของร่างสูงในประโยคหลัง ลิ้นเล็กๆ ก็ไล่เลียใบหูของเอริค ก่อนที่ร่างบางเลื่อนหน้ามาจูบเน้นๆ ปากหนาของร่างสูงอย่างเร่าร้อนด้วยความช่ำชองของคนมีประสบการณ์

“อื๊ออออ...” เอริคครางอย่างพอใจกับสิ่งที่ได้รับ เมื่อร่างบางสอดลิ้นเล็กเข้าไปภายในปากของร่างสูง ไม่นานลิ้มของทั้งสองก็เกี่ยวพันกันอย่างเมามัน ทั้งสองจูบกันอย่างโหยหาอย่างนั้นสักพัก ก่อนที่ร่างบางจะผละปากออก แล้วเปลี่ยนทิศทางซุกไซร้ที่ซอกคอแทน มือบางก็ทำหน้าที่ปลดเสื้อผ้าและกางเกงของร่างสูงออกอย่างช่ำชอง

เอริคเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายทุกครั้งที่มีเวลา จึงทำให้เขามีสุขภาพดี แถมมีรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรง แผ่นอกแกร่งที่มีแต่กล้ามเนื้อกับหน้าท้องที่มีซิกแพคเป็นลอนๆ เรียงตัวกันอย่างสวยงาม ทำให้คู่ขาทั้งหญิงทั้งชายต่างพากันหลงใหลในรูปร่างนี้

วินเทอร์มองแผ่นอกของร่างสูงอย่างหลงใหล มือบางลูบไล้ยังกล้ามเนื้อหน้าอกที่สมบูรณ์แบบกับซิกแพคหน้าท้องที่เป็นลอนๆ ซึ่งรูปร่างของร่างสูงเป็นส่วนที่คู่ขาทุกคนต่างหลงใหล รวมถึงเขาด้วยที่หลงใหลรูปร่างนี้ ร่างบางลุกขึ้นมาปลดเสื้อผ้าของคนเอง จนตอนนี้ทั้งคู่ได้ไร้สิ่งปกปิดร่างกาย

“อมมันให้หน่อย” เอริคสั่งสั้นๆแล้วมองลงไปที่ส่วนอ่อนไหวของตนเอง ร่างบางไล่สายตามองลงมายังส่วนที่กำลังขยายอย่างรู้ความหมาย กายบางเลื่อนตัวลงไปอยู่ระหว่างขาของร่างสูง ก่อนก้มหน้าลงไปมองแท่งร้อนขนาดใหญ่ที่ยังขยายไม่เต็มที่

‘ขณะยังขยายไม่เต็มที่มันยังใหญ่ขนาดที่ ถ้ามันขยายเต็มที่จะใหญ่ขนาดไหน’ วินเทอ์คิดอย่างชอบใจกับสิ่งที่ปรากฏตรงหน้า ร่างบางยอมรับเลยว่าขนาดของมันแตกต่างจากคนที่เขาเคยนอนด้วย ลิ้นเล็กเลียริมฝีปากบางอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่มือบางก็จับสิ่งนั้นไว้อย่างทะนุถนอม พร้อมขยับหัวลงไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แล้วส่งลิ้มร้อนๆ แตะเบาๆ พร้อมกับวนไปมาที่ส่วนหัว ก่อนจะเริ่มไล่ลิ้นขึ้นลงตามความยาวจากหัวไปยังโคน มืออีกข้างก็กอบกุมลูกกลมๆ ทั้งสองไว้อย่างรู้งาน

“อ่า.. อ๊า... อ่าาา” น้ำเสียงครางด้วยความพึงพอใจเปล่งออกมา

“อื๊อ.. อมมัน... อย่าเลีย อ่า อย่างเดียว” เอริคพูดขึ้นพร้อมอาการเสียวซ่าน เมื่อร่างบางทำมันได้ดีเกินคาด

“อื๊ออออ” วินเทอร์ที่ได้ใจ จึงพยายามอมแก่นกายเอาปากให้มากที่สุด จนมันเข้ามาลึกถึงลำคอ

“อ๊า.. อ่า... ซี๊ดดด” เสียงครางอย่างสุดเสียว พร้อมมือหนาที่ระบายลงบนเรือนผมของร่างบาง

“อย่างนั้นแหละ... อ่าา... อา... อ๊าาา”

“อื๊อออ” วินเทอร์ครางร้องออกมา เมื่อแก่นกายมันขยายใหญ่ขึ้นจนคับปากของตัวเอง จนตอนนี้รู้สึกว่าตนเองจะหายใจไม่สะดวก

“อ่า.. อ๊า... สุดยอด..” เอริคครางออกมา มือหนาก็ลูบไล้เรือนผมของร่างบางด้วยความเสียวซ่าน มีบางครั้งที่กำเส้นผมนั้นอย่างหาที่ระบาย

“เน้นตรงหัวหน่อย... ซี๊ดดด... อ๊า...”

“อื๊อออ” ลิ้นเล็กๆ ไล้เลียแบบเน้นๆ ย้ำๆ ตรงรอยแยกส่วนหัวของแก่นกายที่เริ่มมีน้ำรักซึมออกมาเล็กน้อย

“ซี๊ดดด... อ๊า.. อ่าาา”

“อ๊า.. อย่างนั้นแหละ... อื๊อออ” เสียงครางออกมาไม่ขาดสาย พร้อมมือหนาจับหัวของร่างบางไว้แน่นพร้อมกดลงมาสวนกับสะโพกของตัวเองที่ขยับเข้าไป ร่างสูงทำแบบนั้นซ้ำๆ ขยับเข้าออกปากของอีกคนด้วยความถี่รัว

“อื้อออ” วินเทอร์ครางออกมา เมื่อตัวเองเริ่มหายใจไม่ทัน ตอนนี้แกนกลางร้อนมันเข้าไปลึกถึงลำคอและแน่นอยู่เต็มปาก จนปากเกือบฉีกกับขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้น

“อ่า... อีกนิด... ใกล้แล้ว.. อ๊า... อ่า ” ร่างสูงที่ใกล้จะปลดปล่อยความต้องการก็ไม่รอช้า เร่งเครื่องด้วยแรงปรารถนา

“อ๊าาา” สิ้นสุดเสียงคราง ความปรารถนาก็ได้ปลดปล่อยออกมา ก่อนที่เขาจะกระตุกเล็กน้อยเพื่อปล่อยน้ำรักสีขาวขุ่นเข้าไปยังปากของร่างบางจนเอ่อล้นออกมาที่มุมปากทั้งสองข้าง

“อื๊อออ” วินเทอร์ที่รู้หน้าที่ก็รีบกลืนน้ำรักของร่างสูงที่อยู่ในปากลงไปเกือบหมด ร่างบางมองแก่นกายร้อนขนาดใหญ่เต็มที่ปรนเปรอทำความสะอาดคราบที่เหลือออก

แผล็บ แผล็บ

วินเทอร์ใช้ลิ้นไล่เลียคราบน้ำรักที่แก่นกายของร่างสูงราวกับน้ำหวานที่เอร็ดอร่อย เมื่อแก่นกายสะอาดแล้ว มือบางก็หยิบเจลและถุงยางที่อยู่ข้างเตียงมาแกะออกเพื่อสวมใส่ให้แท่งร้อนของร่างสูงเสร็จ มือบางก็บีบเจลทาที่ช่องทางรักของตัวเองเพื่อเปิดทาง ก่อนที่ร่างบางจะคลานขึ้นคร่อม แล้วจับแก่นกายร้อนจ่อไปยังช่องทางรักของตัวเอง เพื่อให้สามารถเข้าไปได้ง่าย

วินเทอร์ค่อยๆ กดตัวลงมาให้แก่นกายขนาดใหญ่เข้าไปในช่องทางรัก แม้จะผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ร่างกายก็ยังไม่ชินกับขนาดของสิ่งที่ต้องรับ และด้วยความใจร้อนของเอริค เขาจึงไม่รอช้าจัดการกระแทกสวนสะโพกขึ้นไป ทำให้แก่นกายเข้าไปในช่องทางรักจนสุดลำ

สวบ

“อ่าาา” วินเทอร์ครางด้วยความเสียวปนความเจ็บปวด แต่ก็เพียงเล็กน้อย

“อื๊อออ... ซี๊ดดด” เสียงครางด้วยความเสียวซ่าน เมื่อในช่องทางรักที่ตอดรัดแก่นกายของเขาจนไม่สามารถขยับได้เลย

วินเทอร์ที่รู้สึกอึดอัดก็เริ่มขยับตัวขึ้นลงช้าๆ โดยที่มือบางทั้งสองข้างจับไปที่ไหล่กว้างเป็นที่ยึด มือหนาของร่างสูงก็จับสะโพกเล็กเอาไว้แน่น

“อ่า.. อ๊าา... อูยยย”

“อ่า... อา.. อ๊าาา” วินเทอร์ครางออกอย่างสุดเสียว เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วบริเวณห้องนอน

พั่บ พั่บ พั่บ

“อ๊า... อ่าาาา”

“อ๊า.. อ่า... ซี๊ดดด” เอริคครางออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อร่างบางเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นเรื่อยๆและช่องทางรักที่ตอดรัดแน่นขึ้น เหมือนไม่อยากปล่อยให้ส่วนนี้มีช่องว่าง

“อ่า... อ๊าา.. อาาา” เสียงครางไม่ขาดสายร่างบาง

เอริคที่เริ่มทนไม่ไหวก็กระแทกสะโพกสวนขึ้นไป ในขณะที่ร่างบางขยับสะโพกลงมา ทำให้ร่างบางโยกคลอนตามแรงกระแทกของร่างสูง และส่วนกลางก็เข้าไปได้ลึกขึ้น จนชนกับจุดต่างๆ ภายในช่องทางรัก

ปึก ปึก ปึก

“อา.. อ๊า.. อา... อ่าาา” วินเทอร์ครางลั่นราวกับจะขาดใจ ในขณะที่แก่นกายใหญ่สวนขึ้นมาซ้ำๆ จนรับรู้ได้ว่าช่องทางของตนเองได้บาน และต้องออกแรงเขมือบส่วนนั้นไว้ให้แน่น

“อ๊าา... เร็วๆ .. อ่าา” เอริคสั่ง เมื่อเขาใกล้จะปลดปล่อยอีกครั้ง

“อ่าา.. อ๊า... อ๊าาา” เสียงครางไม่หยุดพร้อมกับร่างบางที่ทำตามคำสั่ง เพราะร่างบางเองก็ใกล้ที่จะปลดปล่อยแล้วเหมือนกัน ร่างบางที่เร่งขยับตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็วๆ เพื่อตอบสนองความต้องการที่จะปลดปล่อย ส่วนร่างสูงก็ไม่ยอมแพ้แรงปรารถนา จึงกระแทกสวนแท่งร้อนเข้าไปทั้งลำอย่างรัวๆ ไม่หยุดหย่อน

พั่บ พั่บ พั่บ

ปึก ปึก ปึก

“อ่าาาา” จนในที่สุดวินเทอร์ก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมา ไหลเปื้อนกล้ามท้องของร่างสูง

“อ๊าาา” เอริคกระแทกสวนเข้าออกสองสามที ก่อนจะปลดปล่อยออกมาใส่เครื่องป้องกัน

เมื่อเสร็จภารกิจร่างสูงก็ถอดแก่นกายออกเพื่อเปลี่ยนถุงยางใหม่ แล้วจับร่างบางพลิกตัวไปมาตามความต้องการ ก่อนจะยัดใส่แท่งร้อนเข้าไปใหม่ พายุสวาทแห่งโทสะของทั้งสองก็เริ่มต้นอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกว่าร่างสูงจะพอใจ

กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง

ชายหนุ่มร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อเสียงนาฬิกาที่ตั้งเวลาปลุกไว้ดังขึ้น เอริคลุกขึ้นจากเตียงนอนทันที โดยไม่สนใจเด็กหนุ่มที่นอนอยู่ข้างตัวเอง เขาเดินไปยังห้องน้ำด้วยสภาพเปลือยเปล่า ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเดียวที่พันเอวเอาไว้ปกปิดช่วงล่างเท่านั้น ส่วนด้านบนก็โชว์กล้ามเนื้อลอนเป็นมัดๆ ไว้อย่างเคยชิน

เด็กหนุ่มที่ตื่นมาได้ไม่นานก็มองร่างสูงอย่างเสน่หา ฟันสวยกัดริมฝีปากอย่างยั่วยวน ราวจะกลืนกินคนตรงหน้าเสีย ไม่พอที่สายตาหวานมองดูไร้ขนบางๆ ของร่างสูงตั้งแต่หน้าอกแกร่งไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงลอนหน้าท้อง และลับหายไปอยู่ในส่วนที่ปกปิดด้วยผ้าขนหนู

“นายกลับไปได้แล้ว” เอริคเดินมาที่เตียง พร้อมกับส่งเช็กให้ร่างบางที่นอนกึ่งเปลือยอยู่บนเตียง

“คุณเอริคคร๊าบบ” เสียงเย้ายวนพร้อมส่งสายตาเร่าร้อนของวินเทอร์เอ่ยขึ้น มือบางลูบไล้สัมผัสกับแผ่นอกของร่างสูงช้าๆ ลงมาเรื่อยๆ ยังหน้าท้อง

“ฉันจะไปทำงานแล้ว ถ้ายังไม่อยากให้ฉันเบื่อตอนนี้ก็อย่าทำอย่านี้อีก” มือหนาจับมือบางเอาไว้แน่นพร้อมส่งสายตาขู่ไปยังเด็กหนุ่ม เพราะเขาไม่ชอบคู่นอนที่ไม่ทำตามคำสั่ง

วินเทอร์รู้ดีว่าคนอย่าง เอริค ฮิวส์ตัน พูดจริงทำจริง เพราะได้ยินเรื่องราวของร่างสูงมาคร่ามๆ และตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากหาคู่ควงใหม่ หรือถึงจะหามาได้ก็คงไม่มีใครที่จะร่ำรวยและมีลีลาบนเตียงได้เด็ดดวงเท่ากับร่างสูงตรงหน้าอย่างแน่นอน

“ก็ได้ครับ แล้วพบกันคืนนี้นะครับ” พูดจบก็จูบลงยังริมฝีปากหนาเพื่อเป็นการบอกลา ก่อนจะมองเช็กที่อยู่ในมือแล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ

เอริคที่อ่านเอกสารของผู้ค้ารายใหม่เสร็จ ก็ประเมินผลเสียและผลประโยชน์ที่คนเองจะได้รับ ว่าจะได้คุ้มค่ากับการลงทุนครั้งนี้ไหม สำหรับเขาเชื่อว่าการทำธุรกิจมันจะมีทั้งผลเสียและผลประโยชน์ แต่ต้องประเมินว่าธุรกิจนั้นจะได้ผลเสียและผลประโยชน์อย่างไรมากกว่ากัน และธุรกิจที่ผู้ค้ารายใหม่นำมาเสนอ เอริคคิดว่าธุรกิจนี้จะได้รับผลประโยชน์มากกว่าผลเสีย เพียงแค่ต้องแก้ไขรายละเอียดแผนงานในบางจุดเท่านั้นก็จะสามารถดำเนินธุรกิจได้

เอริคจึงแจ้งให้ลูกน้องเรียกผู้ค้ารายใหม่มาเพื่อคุยกัน ตอนนี้เขาก็กำลังนั่งประเมินผู้ค้ารายใหม่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามเกินอาการประมาท เพราะทำใจไว้แล้วว่าหากไม่ผ่านจะต้องกลับไปทำแผนงานใหม่ ร่างสูงยังคงนิ่งเฉยโดยไม่เอ่ยอะไรเลย

“ตกลง” คำตอบของเอริคทำให้คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเริ่มมีรอยยิ้ม ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะยืมขึ้นส่งมืออันสั่นเทาและเย็นออกไปจับ จนอีกฝ่ายน่าจะรู้สึกได้

“ผมยินดีอย่างมากครับที่ได้ร่วมงานกับบริษัทฮิวส์ตัน” ชายวัยกลางคนเอ่ยด้วยใบหน้าที่สนใสขึ้น

“เช่นกันครับคุณคัดเวลล์” เอริคตอบกลับด้วยสีหน้าที่ไร้รอยยิ้ม ไม่ใช่แต่กับคนตรงหน้าที่เขาไม่ยิ้มให้ แต่เขาไม่เคยยิ้มให้กับใครเลยมากกว่า โลกของเขาคือธุรกิจที่มีการใส่หน้ากากเข้าหากันจนเอริคชินชากับมันแล้ว ในชีวิตของเอริคมีเพียงอย่างเดียวที่เขาสนใจคือ ตัวเลขเงินในบัญชีที่จะเพิ่มขึ้นเท่านั้น

“นั้นเรามาทานอาหารค่ำร่วมกันเพื่อมิตรภาพดีกว่าครับ” ชายวัยกลางคนเอ่ยชวนร่างสูง

“ครับ” เอริคตอบรับตามมารยาท

เอริคและคู่ค้าคนใหม่อยู่ทานอาหารค่ำด้วยกันเพื่อคุยเรื่องราวละเอียดคร่าวๆ ในการเริ่มต้นงานกว่าชั่วโมง การทานอาหารค่ำก็ดำเนินมาจนถึงจุดสิ้นสุด คู่ค้าคนใหม่ก็กล่าวลากลับร่างสูงก่อนที่จะไปขึ้นรถ

“นายจะกลับบ้านเลยไหมครับ” คลินท์ถามผู้เป็นนาย ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินไปยังรถ

“ยัง ไปเพนต์เฮาส์ก่อน” เอริคบอกเสียงเข้ม เท่านี้ก็เป็นอันรู้กันว่าร่างสูงจะไปทำไม เอริคเดินไปยังหน้าโรงแรมที่มีรถจอดรออยู่ไว้แล้ว ก่อนที่เขาจะก้าวขึ้นรถไปอย่างไม่รอช้า

“พายมองอะไรอยู่เหรอ” ดิวถามเพื่อนด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าร่างบางหยุดเดินแล้วมองไปยังรถหรู

“พายว่าพายเห็นซัน แต่คงไม่ใช่หรอก เข้าไปข้างในกันเถอะ” พระพายตอบกลับ แต่เขากลับคิดถึงรถคันหรูนั้นอยู่ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ในรถเหมือนกับคนรักของเขามาก

‘ซันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คิดมากอีกแล้วนะพาย’ พระพายคิดในใจ เพราะช่วงนี้เขาเอาแต่คิดถึงคนรักมากเกินไป เลยเห็นคนอื่นเป็นคนรักของตัวเองไปหมด

...ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ...

บำเรอรัก บทที่ 3

...บำเรอรัก...

...บทที่ 3...

วันนี้พระพายกับตรีภพจะต้องเข้าไปรายงานตัวที่ธนาคารฮิวส์ตันช่วงเวลาแปดโมงครึ่ง ซึ่งที่ตั้งของธนาคารอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่ทั้งสองพัก ดังนั้นทั้งสองจึงตัดสินใจเดินไปยังธนาคาร จะได้สำรวจความเป็นอยู่ของคนที่นี่ไปด้วย

ธนาคารฮิวส์ตัน จัดได้ว่าเป็นธนาคารที่มีชื่อเสียงและความปลอดภัยมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว แล้วการรับสมัครพนักงานของที่นี่ ผู้สมัครจะต้องทำแบบทดสอบความรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติที่ถือว่ายากมากทีเดียว แต่สำหรับพนักงานแล้วถือว่าการได้ทำงานที่นี่คุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับในแต่ละเดือน เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพนักงานที่นี่มีความรู้ความสามารถมากแค่ไหน

“โอ๊ย... หนาว ดิวนึกว่าจะแข็งตายก่อนจะได้รายงานตัวแล้วซะอีก” เสียงของตรีภพเอ่ยขึ้น ตอนนี้พวกเขายืนอยู่หน้าธนาคาร ซึ่งเป็นตึกที่มีขนาดใหญ่โตและมีเอกลักษณ์ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำอยู่ที่จุดต่างๆ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยและเตรียมพร้อมสำหรับเวลาเปิดทำการ

“ยังไม่ถึงเวลาเปิดเลย พายว่าเราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า” พระพายเอ่ยชวนเพื่อน เมื่อเห็นป้ายของธนาคารระบุเวลาเปิดแปดโมงครึ่ง แต่พวกเขามาก่อนเวลา ทำให้เหลือเวลาเหลือที่จะหาของทานรองท้องก่อนเข้างาน

“ดีเหมือนกัน แต่จะไปร้านไหนดีล่ะ” ตรีภพถามขึ้น แม้ระหว่างทางที่เดินมายังธนาคารจะเห็นว่ามีร้านอาหารหลายร้านที่เปิดให้บริการแล้ว

“พายว่าเราไปนั่งร้านกาแฟตรงหัวมุมนั้น ดิวคิดว่าไง” พระพายบอกพลางชี้ไปที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่อยู่ตรงมุมถนน ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ตรีภพพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย เพราะร้านก็อยู่ไม่ไกลจากธนาคารมากนัก และสามารถมองวิวทิวทัศน์ของท้องถนนได้ด้วย

พระพายก็เห็นมีร้านกาแฟที่เปิดแล้วหลายร้านระหว่างทางที่เดินมานี้ แต่เขาสะดุดตากับร้านนี้มากที่สุด เพราะร้านกาแฟแห่งนี้ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้หลากหลายชนิด ซึ่งใส่อยู่ในกระถางเล็กใหญ่จัดเรียงกันไปมา ดูแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้

ทั้งสองเดินข้ามถนนไปยังร้านกาแฟตรงหน้า เปิดประตูเข้าไปภายในร้านก็มีกลิ่นหอมอบอวลของกาแฟ พวกเขาเลือกนั่งที่ริมกระจกที่สามารถมองเห็นธนาคาร เมื่อสั่งกาแฟกับขนมปังมากินรอสายตาก็มองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาในยามเช้า

เมื่อถึงเวลาธนาคารเปิดทำการ ทั้งสองก็เดินกลับไปยังตึกธนาคาร พวกเขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานสาวสวยร่างสูงเพรียวนั่งทำหน้าที่อยู่

“ต้องการให้ช่วยอะไรหรือเปล่าคะ” พนักงานสาวที่เคาน์เตอร์เงยหน้าขึ้นถามเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อเห็นสองหนุ่มชาวเอเชีย

“ผมมาพบมิสเตอร์สติเฟ่นครับ” น้ำเสียงหวานของพระพายพูดบอกเป็นภาษาอังกฤษ เขาจำได้ว่าหัวหน้างานได้แจ้งรายละเอียดคร่าวๆ ก่อนจะมาที่นี่

“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าคะ” พนักงานสาวมองสองหนุ่มอย่างจับผิด เพราะการที่จะพบกับคนระดับหัวหน้างานนั้นจะต้องติดต่อนัดล่วงหน้าเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดกับลูกค้าที่ใช้บริการ

“เราเป็นตัวแทนจากธนาคารสาขาไทย ที่จะมาศึกษาดูงานที่นี่นะครับ” ตรีภพตอบกลับไปด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นพนักงานสาวมองหน้าพวกเขาด้วยสายตาจับผิดอย่างเห็นได้ชัด

“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวตอบกลับก่อนจะติดต่อไปยังมิสเตอร์สติเฟ่น เธอเงยหน้าขึ้นมาบอกจุดหมายปลายทางพร้อมชี้ไปยังลิฟต์สำหรับพนักงาน

“ขอบคุณครับ” พระพายกับตรีภพพูดพร้อมกัน ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ที่หมาย

ลิฟต์มาหยุดยังชั้นที่ต้องการ ทั้งสองก็เดินออกตรงไปยังหน้าห้องทำงานของมิสเตอร์สติเฟ่น พวกเขาได้เจอกับเลขาสาวสวยที่ยืนรอรับอยู่หน้าห้อง

“เชิญเข้าไปข้างในค่ะ คุณสติเฟ่นรออยู่” เลขาสาวเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม

พระพายมองหญิงสาวที่ดูแล้ว เธอน่าจะมีอายุมากกว่าเขาเล็กน้อย ทั้งสองเดินเข้าไปในห้องก็เจอกับผู้ชายหนุ่มหน้าตาหล่อแบบฝรั่ง น่าจะมีอายุประมาณสามสิบสามถึงสี่สิบปี นั่งตรวจเอกสารงานต่างๆ ที่อยู่บนโต๊ะ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมองคนมาใหม่พร้อมกับลุกออกมาทักทาย

“ยินดีที่ได้พบคุณทั้งสองครับ มิสเตอร์พระพาย มิสเตอร์ตรีภพ” เสียงที่เอ่ยชื่อของทั้งสองไม่ชัดนั้นแต่ก็พอรู้ความ พร้อมยืนมือออกมาทักทายแบบชาวตะวันตกที่เป็นธรรมเนียมมาเนิ่นนาน ร่างสูงได้อ่านรายละเอียดของพนักงานที่มาศึกษาดูงานก่อนล่วงหน้าแล้ว

“เช่นกันครับมิสเตอร์สติเฟ่น” พระพายและตรีภพก็ยืนมือออกไปรับคำทักทายของชายหนุ่ม

“คุณทั้งสองหน้าตาน่ารักอย่างกับผู้หญิงเลยนะครับ นี้ถ้าผมไม่รู้ข้อมูลของพวกคุณมาก่อน ผมคงคิดว่าพวกคุณเป็นผู้หญิงเสียแล้ว” สติเฟ่นเอ่ยชมทั้งสองพร้อมรอยยิ้ม โดยไม่รู้เลยว่าร่างบางอย่างตรีภพไม่ชอบคำชมแบบนี้ที่สุด

“ขอบคุณที่ชมครับ” ตรีภพตอบรับด้วยน้ำเสียงปกติ เพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือนในอก โดยกำมือแน่นเป็นการระบายอารมณ์แทน เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบให้คนอื่นชมเรื่องหน้าตาสักเท่าไร ถ้าชมว่าหล่อนะเขาจะไม่ว่าอะไรเลย แต่ก็ไม่เคยมีใครชมเขาว่าหล่อเลยสักคน

“นั้นเรามาคุยเรื่องงานกันดีกว่าครับ” สติเฟ่นเอ่ยตัดบท เนื่องจากเขาไม่ได้มีเวลามากนัก เดี๋ยวเขาจะต้องเขาประชุมเสร็จจากประชุมก็ต้องจัดการกับเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะให้เสร็จภายในวันนี้

“วันนี้ผมจะให้พวกคุณเรียนรู้งานเกี่ยวกับโครงสร้างของธนาคารก่อนนะครับ เดี๋ยวเลขาของผมจะเป็นคนอธิบายให้ฟัง”

“คุณโรสช่วยสอนงานทั้งสองคนด้วยนะครับ” สติเฟ่นหันไปสั่งเลขาสาว

“ค่ะ” เลขาหญิงสาวตอบรับอย่างรู้งาน พร้อมด้วยรอยยิ้มที่เป็นกันเอง

“วันนี้ผมต้องขอโทษจริงๆ นะครับที่ไม่ได้อยู่ช่วยสอนงาน พอดีต้องเข้าประชุมกับท่านประธานนะครับ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยบอก

“ไม่เป็นไรครับ” พระพายตอบกลับ แค่เขากับเพื่อนได้มาศึกษางานที่ดีก็ดีเท่าไรแล้ว

“นั้นผมขอตัวก่อนนะครับ แล้วเจอกันวันหลังนะครับ” สติเฟ่นบอกลา เนื่องจากใกล้ถึงเวลาที่จะเข้าประชุมแล้ว ก่อนออกจากห้องก็ได้สั่งงานเลขาเล็กน้อย แล้วชายหนุ่มก็เดินออกจากห้องไปพร้อมเอกสารที่ใช้ในการประชุม

ทั้งสามคนที่อยู่ในห้องก็มองหน้ากันพลางยิ้มๆ ไม่รู้ว่าใครจะพูดอะไรก่อน จนหญิงสาวแสนสวยของห้องเอ่ยพูดแนะนำตัวขึ้นก่อนคนแรก เพื่อทำลายบรรยากาศอันเงียบ

“นั้นพี่ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะ พี่ชื่อ โรสริน รึจะเรียก พี่โรส ก็ได้ เพราะดูแล้วเราสองคนน่าจะอายุน้อยว่าพี่นะ และพี่ก็เป็นคนไทยนะคะ” โรสรินแนะนำตัวอย่างเป็นกันเอง เพราะไม่อยากให้เกิดระยะห่างกับทั้งสองมากเกินไป

โรสรินเป็นคนไทยที่ได้มาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ต่างประเทศ เมื่อเรียนจบเธอก็คิดจะเรียนต่อปริญญาโท จึงได้หาทุนสำหรับเรียนต่อ จึงมาเจอทุนของธนาคารฮิวส์ตัน ที่มีเงื่อนไขว่าจะต้องทำงานให้กับธนาคารฮิวส์ตัน เพื่อชดใช้ทุนที่ได้มาเป็นเวลา 5 ปี เธอจึงไม่รีรอโอกาสนี้จนในที่สุดเธอก็ได้ทุนนั้นมา เมื่อเรียนจบเธอก็ได้ทำงานชดใช้ทุนจนครบระยะเวลา 5 ปี โรสรินตัดสินใจที่จะทำงานที่ธนาคารฮิวส์ตันต่อ แม้ว่าเธอสามารถออกไปหางานใหม่ได้ แต่เธอก็เลือกที่นี่

“ผมชื่อพระพาย เรียก พาย เฉยๆ ก็ได้ครับ” พระพายเอ่ยแนะนำตัวบาง เขามองใบหน้าของหญิงสาวอย่างชื่นชม เพราะเธอสวยมากแถมรูปร่างดีด้วย

“ผมชื่อตรีภพ ชื่อเล่นว่า ดิว ครับ” ตรีภพเองก็เอ่ยแนะนำตัวขึ้น ก่อนที่เขาจะมองใบหน้าสวยของหญิงสาวอย่างชื่นชม ไม่ต่างไปจากเพื่อน

“เอาล่ะ ตอนนี้พวกเราก็รู้จักกันแล้วนะ พี่จะสอนเรื่องโครงสร้างของธนาคารฮิวส์ตันก่อน เรื่องอื่นค่อยคุยกันที่หลังแล้วกัน” พูดจบ ทั้งสองหนุ่มก็พยักหน้ารับทราบ โรสรินก็เริ่มสอนงานทั้งสองคนทันที โดยไม่รีรอ

เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมง

“ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยวแล้ว ทั้งสอง พักได้แล้วจ้ะ” เสียงหวานของโรสรินเอ่ยขึ้น เธออธิบายระบบการทำงานต่างๆ ในที่นี้และคอยสังเกตการณ์ทั้งสองคน จึงรับรู้ได้ว่าทั้งสองคนตั้งใจและเรียนรู้ได้เร็วมาก พอๆ กับที่เธอกับทั้งสองสนิทกันเร็วขึ้นด้วย

“ครับ” ทั้งสองขานรับพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

“พี่โรสครับผมมีคำถามอย่างจะถามครับ” ตรีภพพูดขึ้นด้วยท่าทีสนิทสนม

“ว่าไงจ๊ะ”

“พี่โรสอายุเท่าไรครับ” ตรีภพถามอย่างสงสัย

“อุ๊ยตาย... เรานี้น่ะไม่รู้อะไรเลยเหรอ พวกผู้หญิงนะเขาไม่ชอบให้ใครมาถามเรื่องอายุนะรู้ไหม” โรสรินอุทานออกมาด้วยท่าทีเล่นทีจริง

“ขอโทษครับ ดิวเห็นว่าพี่โรสสวยแบบนี้ เลยคิดว่าอายุคงยังไม่มาก” น้ำเสียงใสของตรีภพพูดขึ้นด้วยท่าทีสลดเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ไม่ใช่คนคิดมากขนาดนั้น” มือของหญิงสาวแตะไปที่ไหล่บางเบาๆ เมื่อเหตุท่าทีไม่สบายใจของหนุ่มตรงหน้า

“ตอนนี้พี่อายุสามสิบสาม แถมยังเป็นสาวโสดด้วยนะ” โรสรินตอบด้วยท่าทีปกติด้วยรอยยิ้ม เพราะเธอก็ไม่ได้คิดมากกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว

หนุ่มร่างบางทั้งสองก็ตกใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้รับรู้ เพราะไม่คิดว่าใบหน้าสวยคมจะมีอายุมากกว่าที่คิด ตอนแรกที่เจอกันก็คิดว่าอายุมากกว่าพวกเขา 2-3 ปี

“อายุมากกว่าพวกเราตั้งหกปี แต่ทำไมพี่โรสยังดูสวยเหมือนเด็กมหาลัยนะครับ มีเคล็ดลับอะไรช่วยบอกหน่อยซิครับ”

“เราจะเอาไปใช้บ้างล่ะซิ พี่ว่าอย่างดิวคงไม่ต้องใช้เคล็ดลับของพี่หรอก” โรสรินพูดขึ้น เพราะทั้งสองมีใบหน้าหวานอย่างนี้ คงมีแฟนเป็นผู้หญิงยาก

“ทำไมล่ะครับ” ตรีภพถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ดิวหน้าสวยอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรหรอก” โรสรีนบอกไปตามความจริง เพราะหนุ่มน้อยทั้งสองมีใบหน้าสวยอยู่แล้วคงไม่ต้องปรับปรุงเพิ่มแต่งอะไรหรอก แค่นี้ก็น่ารักพอแล้ว

“ใช่ครับพี่โรส ดิวนะหน้าสวยอยู่แล้ว พายยังคิดอยู่เลยว่าอย่างดิวจะต้องมีแฟนเป็น...” พระพายยังพูดไม่จบ เสียงของหญิงสาวหนึ่งเดียวเอ่ยขึ้นมาอย่างรู้ความ

“ผู้ชาย”

“พี่โรสคิดเหมือนพายเลย” พระพายพูดบอก เมื่อความคิดของทั้งสองตรงกันอย่างไม่นัดหมาย

“ทั้งสองคนอ่ะ.. นินทาดิวอยู่ได้” ตรีภพตีหน้ามุ่ยทันที เพราะเพื่อนสนิทชอบเชียร์ให้เขามีแฟนเป็นผู้ชายมาตลอด ทั้งที่ตอนเรียนมหาลัยเขาก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงเหมือนกันนั้นแหละ แต่กลับถูกผู้หญิงบอกเลิกทุกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ทำให้คนฟังปวดใจยิ่งนัก เหตุผลเดียวนั้นคือ

‘ดิวหน้าสวยกว่าเรา แถมไปไหนมาไหนยังมีผู้ชายมาจีบดิวมากกว่าที่มาจีบเราเสียอีก’ ตรีภพที่ได้ฟังก็ทำอะไรไม่ได้ มันก็เป็นความจริงที่ว่าเขามีใบหน้าสวยกว่าพวกเธอ แต่มันใช้ความผิดของเขาไหม

“พายก็หน้าสวยไม่ต่างจากดิวนั่นแหละ แบบนี้มีแฟนหรือยังจ๊ะ” โรสรินถามขึ้น ทำให้ร่างบางที่เคยยิ้มแย้มมีสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นทันที

“พายเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามด้วยความห่วงใยของตรีภพเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นสีหน้าเพื่อนที่เปลี่ยนไป เขารู้ว่าเพื่อนคงจะคิดถึงคนรักอีกแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก” พระพายฝืนยิ้มให้เพื่อน ทั้งที่ในใจยังโศกเศร้า

“ไม่มีอะไรแล้ว พี่ว่าพวกเราไปหาอะไรทานกันดีกว่า” เสียงนุ่มเอ่ยชวนทั้งสอง โรสรีนที่มองสถานการณ์ก็พอเข้าใจบางอย่าง

ทั้งสามคนก็หาร้านที่จะทานอาหารกัน โดยมีโรสรินเป็นคนแนะนำร้านให้ เวลาผ่านไปไม่นานการทานอาหารของทั้งสามก็เสร็จสิ้น โรสรินให้ทั้งสองขึ้นไปรอชั้นบนก่อน เนื่องจากเธอมีธุระที่ต้องไปจัดการ พระพายและตรีภพก็ขึ้นไปรอชั้นบนของบริษัท ซึ่งสามารถมองดูวิวทิวทัศน์ของเมืองในยามที่หิมะกำลังโปรยปรายปกคลุมบ้านเรือน ต้นไม้ และถนน ทำให้เห็นเมืองทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยสีขาว

“ว้าว... สวยจังเลยนะพาย” ตรีภพเอ่ยออกมากับวิวที่เห็น

“แต่พายว่า มันให้ความรู้สึกเหงามากกว่า อากาศเย็นแบบนี้” พระพายมองวิวด้านนอกกระจกด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

“สวยจะตาย ดิวว่าไม่นานเมืองนี้ต้องปกคลุมไปด้วยหิมะแน่ๆ” ตรีภพรู้ว่าร่างบางกำลังคิดถึงใครบางคนอีกแล้ว

“จ้ะ ถ้าอย่างนั้นพายขอตัวไปห้องน้ำหน่อยแล้วกัน ดิวจะไปด้วยกันไหม” พระพายถามขึ้น เพราะรู้สึกอยากจะล้างหน้าเพื่อให้ร่างกายสดชื่น

“ไม่ล่ะ พายไปเถอะ” ตรีภพบอกปฏิเสธไป

พระพายเดินออกมาเข้าห้องน้ำคนเดียว ทำให้เขามีโอกาสสำรวจการตกแต่งของชั้นนี้ที่คงจะเป็นชั้นของผู้บริหาร เพราะชั้นนี้มีเพียงไม่กี่ห้องและเป็นชั้นที่เงียบสนิท พระพายเดินไปเรื่อยๆ ก็สังเกตห้องห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุดที่มีโต๊ะเลขาหน้าห้อง แต่ปราศจากคนอยู่ เหมือนกับมีแรงดึงดูดอะไรบางอย่างทำให้ร่างบางเดินไปยังห้องนั้นโดยไม่ทันรู้ตัว

“ทำอะไรนะ” น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ร่างบางที่ไม่ทันตั้งตัวมีทีท่าตกใจก่อนจะหันกลับไปมองคนถาม พบว่าเป็นชายหนุ่มร่างสูงท่าทางน่ากลัว จนร่างบางไม่กล้าที่จะมองคนตรงหน้าตรงๆ ทำได้แต่เพียงก้มหน้า

“นายเป็นใคร เข้ามาที่นี่ได้ยังไง” ชายหนุ่มถามต่อ พร้อมมองท่าทางของคนตรงหน้า และมั่นใจว่าไม่ใช่คนของธนาคารแน่นอน

“คือ ผม... เอ่อ... ผมเป็นตัวแทนจากธนาคารสาขาไทย ที่มาศึกษาดูงานที่นี่นะครับ” พระพายเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา เพราะความกลัว

“ขอโทษด้วยนะครับถ้าเข้ามาในเขตหวงห้าม” พระพายบอกต่อ เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ห้องนี้เหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาต้องเดินเข้าไปเท่านั้นเอง

“ห้องนี้เป็นห้องของท่านประธาน ถ้าไม่มีธุระก็ห้ามเข้าไปหรือแม้แต่เดินเข้ามาวุ่นวายก็ไม่ได้ ท่านไม่ชอบ” น้ำเสียงแข็งเอ่ยบอก

“ครับ ขอโทษครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อน” พระพายเอ่ยขอโทษอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินออกจากบริเวณนั้น เขาไม่กล้าที่จะหันกลับไปมองชายหนุ่มเลย

ร่างสูงยืมมองร่างบางที่เดินจากไปจนลับสายตา และเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปในห้องของประธานธนาคารทันที

“ด้านนอกเกินอะไรขึ้น เสียงถึงได้ดังเข้ามาด้านใน” คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานถาม ร่างสูงเกือบจะลุกขึ้นไปดูเสียแล้ว แต่เสียงก็เงียบไปเสียก่อน

“เปล่าครับนาย พอดีตัวแทนที่มาดูงานที่นี่เดินผ่านเข้ามา ผมเลยบอกเขาไปว่านายไม่ชอบให้ใครเข้ามาแถวนี้” คลินท์บอก เมื่อนึกถึงร่างบางหน้าสวยที่เดินหลงเข้ามา แค่ได้ยินเสียงของเขาคนคนนั้นก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตา

“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะ ฉันต้องเข้าไปดูงานโรงแรมอีก” เอริคลุกขึ้นเมื่อเซ็นเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จ คนเป็นลูกน้องก็เปิดประตูห้องรอไว้แล้วเจ้านายหนุ่มมาถึง

เอริคเดินออกมาก่อนจะเลี้ยวไปยังลิฟต์ส่วนตัว สายตาของร่างสูงบังเอิญเห็นแผ่นหลังบางของเด็กหนุ่มที่กำลังเดินเข้าห้องของผู้จัดการ ทำให้ร่างสูงหยุดเดินโดยไม่รู้ตัว เด็กหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างบอบบางและมีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบ เซนติเมตร

“นายเป็นอะไรรึเปล่าครับ” คลินท์ถามขึ้น เมื่อผู้เป็นนายหยุดเดินโดยไม่มีการกล่าวอะไร

“เปล่าหรอก ไปเถอะ” เอริคละสายตาจากห้องที่ร่างเล็กเดินกลับเข้าไป แต่มันเหมือนมีอะไรที่ยังคงคาใจ เหมือนกับที่เขารู้สึกมานาน ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าเขาได้ลืมอะไรบ้างอย่างที่สำคัญไป แต่ร่างสูงกับนึกไม่ออก

“ไปทำอะไรมาพาย หน้าซีดเชียว” ตรีภพถามขึ้น เมื่อเพื่อนเดินเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าซีดเชียว

“ปะ... เปล่าหรอก” พระพายโกหกออกไป ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่ว่าเรามาเริ่มศึกษากันต่อเลยดีกว่า” เสียงของโรสรินเอ่ยขึ้น

วันนี้ทั้งสองคนต้องศึกษาดูโครงสร้างของธนาคารต่อจากช่วงเช้า จนเวลาผ่านมาถึงสี่โมงเย็นเป็นเวลาเลิกงาน ทั้งสองก็ออกจากธนาคารเพื่อเดินทางกลับไปยังห้องพัก

^^^ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะ^^^

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!