*อธิบาย*
ซีรีย์นิยายของVantion nianaจะมีอีกเยอะให้อ่าน แต่อาจจะลงไปทั่วมั่วไปเรื่อยในแต่ล่ะแอพ เช่นReadawriteที่เป็นเนื้อเรื่องของพระเอกที่เป็นทูตเจรจาที่ทำงานให้กับรัฐบาลที่คอยหนุนหัวอยู่และต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับประเทศที่ต้องเจรจาและต่อลอง ส่วนซีรีย์นี้จะเกี่ยวกับอีกฝากหนึ่งอย่างพระเอกที่เป็นเด็กกำพร้าหลงป่าและมีสัตว์ตำนานอย่างจิ้งจอกพระจันทร์ไปเลี้ยงในฐานะมารดา และต่อมาก็เติบโตขึ้นจนดูแลตนได้ แต่ด้วยสิ่งที่ตอนนั้นก็มีแต่สงคราม จิ้งจอกตัวนั้นก็ตายลงจากการที่ต้องปกป้องบ้านเกิดตน พูดง่ายๆคือเหตุการณ์ ก่อนทำสัญญาสงบศึก200ปีจากภาค ออริจินอล ใครที่ยังไม่เข้าใจเนื้อหา ให้ไปอ่านทางReadawriteและค้นหา Vantion niana ได้น่ะครับ อาจจะเข้าใจมากกว่านี้ ถึงอย่างใดใช่จิตนาการไปด้วยก็ดีน่ะครับ
#แนะนำตัวละคร#
#พระเอก#
Lumia symforocuz
รูเมีย ซิมโฟโรคัส
#แม่บุญธรรม พระเอก#
kuroko matahibe
คุโรโกะ บาตาฮิเบะ
#นางเอก#
Rose gresher
โรเซ่ เกรเชอร์
และนี้คือตัวละครในตอนแรกที่จะปรากฎให้เห็นและจะมีต่อเรื่อยตามตอนน่ะครับ👉😔 😈👌
*เนื้อเรื่องจะย้อนไปตอนพระเอกยังเด็ก*
???: ขอโทษจริงๆน่ะลูก... แต่พ่อกับแม่อยากจะให้ลูกมีชีวิตต่อจากนี้ให้ดีที่สุด เพราะแบบนั้นแล้ว...ลูกจงจำไว้ว่าอนาคตของลูกมันมีค่าสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด... รูเมีย....ขอโทษที่ต้องทิ้งลูกไปน่ะ...
(ทั้งสองได้วางบุตรของตนไว้ที่กองหญ้าที่ปลอตภัยก่อนจากลาไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน)
รูเมีย: อุแว้!~ อุแว้!~อุแว้!~
(เสียงเด็กทารกนั้นได้ร้องออกมาด้วยความรู้สึกบางอย่างที่พูดมาไม่ได้และเด็กทารกก็ร้องต่อไปโดยที่ไม่มีวี้แววคนมาช่วย)
รูเมีย: อุแว้!~อุแว~อุแว~~
(เด็กทารกนั้นค่อยๆหยุดร้องไห้ไปเอง ด้วยความรู้สึกที่เดียวดายไร้สิ่งที่จะปรอบโยนจากใครสักคน)
(แต่ทันใดฟ้าสวรรค์กับเป็นใจให้จิ้งจอกสาวที่เดินตามทางมาเห็นเขาก่อนที่จะเดินเข้าไปหา)
จิ้งจอกสาว: อาระ อาระ ทารกเผ่ามนุษย์งั้นหรอ ดูท่าเจ้าพวกที่แอบข้ามพรมแดนหนีจากสงครามจะเอามาปล่อยไว้ที่แบบนี้...ถ้าให้เดาคงอยากจะให้ลูกตัวเองรอดแล้วแลกกับชีวิตตนที่ต้องตายไป หืมม ถ้างั้นฉันเองก็ไม่ใช่คนใจดำที่จะฆ่าทารกได้ลงคอ เอาเป็นว่าไหนๆแล้วฉันจะสานต่อความพยายามของพ่อแม่เธอล่ะกันน่ะ โอเคร๊
แต่พอโตขึ้นอย่าเรียกฉันว่าแม่ล่ะ ฉันดูแก่ขึ้นไปเลยน่าาารู้ไหมเจ้าตัวน้อย...
จิ้งจอกสาว: ว่าแต่เธอชื่ออะไรกันน่ะ....(พยายามหาป้ายชื่อในตระกล้า)
จิ้งจอกสาว: อ่ะ..เจอแล้วๆ
(ในกระดาษ: รูเมีย ซิมโฟโรคัส)
จิ้งจอกสาว: อาระ~อาระ~ เป็นชื่อที่น่ารักจังเลยน่ะ นึกถึงตอนโตที่เป็นมนุษย์ฉันอยากจะหม่ำทั้งวันเลย...หิหิ
[อาการโรคจิตกำเริบ]
(หลังจากช่วงเวลานั้นเองทุกอย่างก็ล่วงเลยมาโดยมีสงครามสู้รบกันตลอดเวลา และจิ้งจอกสาวนั้นก็ดูแลเลี้ยงดูบุตรตนที่เป็นเหมือนศัตรูอย่างลับๆจนอายุได้15ปีบริบูรณ์)
รูเมีย: ท่านแม่ขอรับ ข้าจะออกไปล่าสัตว์สักหน่อย ตอนเย็นข้าก็จะไปตัดไม้เพื่อนำไปขาย เลยอยากให้ช่วยทำอาหารเย็นให้แทนหน่อยหน่ะขอรับ...
คุโรโกะ: (สกิลทำอาหารห่วยตายชัก) อะ...ได้สิ..งั้นขอให้ตั้งใจทำล่ะ ที่รัก
รูเมีย: ขอรับท่านแม่
(รูเมียปิดประตู)
คุโรโกะ: แย่แล้วๆ ตั้งแต่เลี้ยงเขามาเราก็ยังไม่เคยทำอาหารเป็นสักครั้งเลย....ตอนที่เขายังเด็กเองก็ให้กินแต่พวกผลไม้และมันหวานอยู่ตลอด แต่หลังจากที่ให้เขาอ่านหนังสือในชั้นใต้ดินนั้น ก็เปลี่ยนให้เขาเป็นคนรักการทำอาหาร ฉันนี้เป็นแม่ที่ไม่ตามรสนิยมลูกเลยจริงๆ
(มันก็ถูก)
คุโรโกะ: เอาเป็นว่า ขอแค่อ่านหนังสือนั้น ฉันก็จะทำอาหารเป็นสิน่ะ!!..
(ทันใดเสียงเค๊าะประตูก็ดังขึ้น)
คุโรโกะ: หึ๊??....รูเมียงั้นหรอ....ไม่ใช่สิ..ปกติแล้วรูเมียเองจะเป็นคนเตรียมของให้พร้อมเสมอคงไม่ลืมอะไรแน่ๆ...เอาเป็นว่าไปดูหน่อยดีกว่า..
คุโรโกะ: (เปิดประตูออกไปช้าๆ) คุณเป็นใครงั้นหรอค่ะ?....
(ภาพตรงหน้าคือจิ้งจอกตัวอื่นๆ)
คุโรโกะ: อะ...เอิม...มีธุระอะไรรึเปล่า
จิ้งจอกตนอื่นๆ: คิดว่าจะหลอกข้าไปได้นานสักแค่ไหนกันเชียว ใยกบฏ
คุโรโกะ: เอะ...เอ๋...อะไรกัน...กบฏนี้หมายถึงใครกัน...
จิ้งจอกตนอื่นๆ: ก็แกไง...เลิกทำเซ่อซ่าและสารภาพมาตรงๆดีกว่าว่า...ที่แอบเลี้ยงดูมนุษย์ด้วยฐานะมารดา...
คุโรโกะ: ไม่เห็นจะเข้าใจอะไรเลยสักนิด...
จิ้งจอกจนอื่นๆ: ยังรั้นอีกงั้นหรอ...คงไม่มีทางเลือก...เจ้าพวกมนุษย์นั้นเป็นเหมือนศัตรูที่เราอาฆาตมันมานานจากการที่มันใช่พวกเราเป็นทาส และยังใช่อำนาจในการส่งผลผลิต มีแต่ต้องฆ่าเท่านั้น ส่วนสิ่งที่ฉันมั่นใจว่าเธอเลี้ยงดูมนุษย์คือการที่เธอแอบหายตัวไปถี่ๆจากการรวมทัพ จนน่าแปลกใจ และฉันก็ส่งให้คนไปสืบช่วงเวลาเหล่านั้นจนได้คำตอบ ฉันเองก็ไม่ค่อยเชื่อว่านั้นเป็นความจริง เพราะคนอย่างเธอเป็นถึง จิ้งจอกสีดำที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนจะมาเลี้ยงมนุษย์ก็แปลกไป เอาเป็นว่ามันจริงไหมล่ะ คุโรโกะ!!
คุโรโกะ: ถึงนั้นจะจริงอย่างที่สายสืบพูด แต่ฉันก็ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งที่พ่อแม่อยากให้มีชีวิตมาตายในน้ำมือฉันไม่ได้เด็ดขาด!...
จิ้งจอกตนอื่นๆ: งั้นหรอๆ กบฏโสโครกจริงๆสิน่ะ จับมันไม่ว่าเป็นหรือตายเต็มที่เลยน่ะทุกคน...
(ทันใดคุโรโกะนั้นได้ถีบประตูและเริ่มที่จะต่อสู้ไม่คิดชีวิต...แต่ถว่า...เรื่องกำลังของอีกฝั่งที่ถึงจะด้อยกว่าแต่เรื่องจำนวนก็เป็นเรื่องที่รับมือได้ยากสุดๆนั้นจึงทำให้เธอพลาดท่าให้กับมันก่อนจะถูกจับตัวมัดไว้กับเสากลางในบ้านก่อนจะเผาทั้งเป็น...)
รูเมีย: กลิ่นไหม้...
รูเมีย: กลิ่นไหม้นี้มัน...มาจากทางบ้านเรานี้นา!!
(รูเมียนั้นถึงจะไม่รู้ถึงสถานการณ์แต่ก็ใช่สัญชาตญาณและวิ่งไป)
รูเมีย: ท่านแม่ขอรับ!!
(กลุ่มจิ้งจอกนั้นได้ขนทัพกลับไปจนหมดเหลือไว้แค่บ้านของพระเอกที่โดนเผาไปพร้อมกับคุโรโกะ)
รูเมีย: ท่านแม่ครับ!!!!
รูเมีย: ท่านแม่!!(รูเมียพยายามดันไม้และเข้าไปในตัวบ้านก่อนที่จะเจอร่างคุโรโกะที่ล่อแล้ใกล้ตาย)
รูเมีย: ท่านแม่....(รูเมียได้เอาเชือกที่พันตัวอีกฝ่ายออกและอุ้มมาวางที่นอกบ้านด้วยกำลังที่มี)
รูเมีย: ทำใจดีๆน่ะครับ...
คุโรโกะ: รูเมีย....
คุโรโกะ: นั้นเธอหรอรูเมีย
รูเมีย: ครับ..
คุโรโกะ: ฮิฮิ..ว่าแล้วเชียวลูกคนนี้ช่างกล้ากว่าใครเสียจริง...ถึงตอนที่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตายแต่ก็พาออกมาให้เห็นสิ่งที่สวยงามเพื่อให้สงบใจในช่วงชีวิตสุดท้าย....
รูเมีย: ตะ...ตะ...ตาย!?...
คุโรโกะ: เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องวังวนไร้ที่สิ้นสุด.....ถึงจะเกิดอีกสักกี่ครา ก็จะจบลงด้วยหยดน้ำตาแห่งความเสียใจ....แต่สิ่งที่เราได้ทำไป มันเพื่อปกป้องหัวใจของใครสักคน....
(หลังพูดจบ คุโรโกะก็เอานิ้วแตะที่หน้าอกของรูเมียและสิ้นใจไปคาออบอ้อมอารีของคนที่เป็นลูก....และรูเมียก็กอดแม่ตนและร้องไห้ออกมาสุดหัวใจก่อนที่เขาจะทำใจแล้วฝังแม่ตนเองที่ยอดเขาเฟลริสเพื่อแสดงความกตัญญูที่มี)
รูเมีย: ขอบคุณจริงๆที่คอยดูแลผมตลอดมาน่ะครับ บุณคุณนี้จะไม่มีวันลืมเด็ดขาดและถ้าหากสักวันหนึ่งเราได้พบกันอีก ถึงตอนนั้นผมคงจะได้มีเรื่องคุยอีกเยอะน่าดู แต่ต่อจากนี้ผมคงต้องเติบโตด้วยตัวเองและผจญภัยต่อไปจนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงด้วยดี...
(รูเมียได้เตรียมกระเป๋า แผนที่ และชุดหนังเดินทาง)
รูเมีย: เอาล่ะ ถึงจะยากที่จะผจญภัยแต่ถ้าตั้งใจก็จะไปต่อได้เอง แบบนี้สิน่ะที่เรียกว่าตื่นเต้น!
รูเมีย: (เอาแต่พำเพ้อจนลืมมองข้างหน้าและจนกับต้นไม้) อั๊ก...
รูเมีย: เจ็บๆๆ
รูเมีย:งั้นที่ๆแรกที่เราจะไปก็คงเป็นภูเขาไฟแห่งชีวิตล่ะกัน...
(อธิบายระหว่างที่พระเอกเดินทาง)
(ภูเขาไฟแห่งชีวิตเป็นที่ที่เหล่าสัตว์นั้นรวมตัวเพื่อพักผ่อนและนั่งสมาธิรวมถึงแช่น้ำร้อนที่บำรุงผืวพรรณ์ แต่ด้วยข้อจำกัดที่ภูเขานั้นสูงมากๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึง และคนที่จะไปได้นั้นมีแต่นักปีนเขามืออาชีพไม่ก็พวกสัตว์ตำนานอย่าง เพกาซัสที่ทนความร้อนเท่านั้น)
(ณ หน้าทางปีนเขาแห่งชีวิต)
รูเมีย:ขั้นแรกก็ต้องปีนเพื่อฝึกความแข็งแรงและอดทนเพื่อสิ่งที่ล่ำลือว่าจุดสูงสุดมีพวกหินหายากอยู่...(รูเมียเชื่อข้อมูลสมุดเดินทางที่พกมา)
รูเมีย: แต่ว่าจะไปไงล่ะ...
???: นายหน่ะ...จะให้ยืมตะขอปีน ก็ได้น่ะ..
รูเมีย: อะ...ขอบคุณน่ะครับ ว่าแต่คุณดูเหมือน
???: เผ่ามนุษย์...นายไม่จำเป็นต้องกังวล..
รูเมีย: นั้นสิน่ะครับ แต่ว่าสำหรับผู้หญิงแบบคุณที่เป็นมนุษย์มาโลกแล่นในแผ่นดินสัตว์กับตำนานแบบนี้มันอันตรายมากเลยน่ะขอรับ
???: แล้วถ้าอันตราย...จะเจอคนอย่างนายรึไงกัน
(รูเมียอ้ำอึ้ง)
โรเซ่: เอาเป็นว่า ฉันชื่อ โรเซ่ เกรเชอร์เป็นนักผจญภัยหญิง
รูเมีย: ผมชื่อ รูเมีย ซิมโฟโรคัส เป็นนักผจญภัยไม่นานขอรับ
โรเซ่: แบบนี้นี้เอง เป็นนักผจญภัยเหมือนกันสิน่ะ อ่ะ นี้ตะขอ (ยื่นตะขอให้อีกฝ่าย)
รูเมีย: (หยิบตะขอจากอีกฝ่าย) ขอบคุณน่ะ โรเซ่จัง
โรเซ่: โรเซ่จัง...ก็ไม่ได้ดูแย่สักเท่าไหร่ ตามใจที่จะเรียกเถอะ งั้นฉันขอนำหน้าไปก่อนก็แล้วกันน่ะ ไว้ตามมาล่ะ
รูเมีย: ครับ!
(โรเซ่นั้นได้ขึ้นไปถึงก่อนรูเมีย15นาทีก่อนที่รูเมียจะขึ้นตามมาด้วยอาการหอบ)
โรเซ่: นี้รูเมีย...
รูเมีย: ครับ....
โรเซ่: นายคิดมาที่นี้เพื่ออะไร...
รูเมีย: ก็เห็นว่าแร่ที่ปร่องภูเขาไฟมันมีคุณสมบัติคงทนไหนๆต้องใช่ความอดทนปีนขึ้นมา เลยคิดว่านี้น่าจะเป็นบทเรียนแรกสำหรับนักผจญภัยน่ะครับ
โรเซ่: งั้นสิน่ะ...สำหรับฉันแล้ว...ฉันมาก็แค่อยากจะให้ร่างกายพักผ่อนและลืมเรื่องสงครามบ้าๆนั้นไปเท่านั้นเอง
รูเมีย: สงคราม...คืออะไรงั้นหรอครับ..
โรเซ่: หึ่ม...ไม่ใช่ว่านายรู้งั้นหรอ...สงครามสำหรับฉันคือการฆ่าฟันกันจนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้อำนาจไป
โรเซ่: แน่นอนว่าตอนนี้..โลกเราที่หลอมรวมเข้าด้วยกันดันอยู่ด้วยกันไม่ได้เพราะความเห็นแก่ตัวและอำนาจ น่าเบื่อจริงๆ
รูเมีย: ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่รู้สึกเหมือนมันเกี่ยวกับการที่แม่ผมตายยังไงเลย
โรเซ่: งั้นหรอ...สงครามนี้ เมื่อไหร่จะจบกันน่ะ
รูเมีย: ผมคงจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน..แต่ถ้าเอาแต่ทุกข์ใจก็ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม เพราะงั้นมาช่วยกันหยุดไอ้อาหารที่ชื่อสงครามกันเถอะ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วก็จะไม่มีอะไรที่ต้องเสียไปอีกถูกไหมล่ะครับ
โรเซ่: รูเมีย....
โรเซ่: เข้าใจแล้วๆ...ถ้างั้นฉันขอไปแช่ตัวที่อีกฝั่งสักพักน่ะ..ถ้าเสร็จเดี๋ยวจะลงไปรอก่อนน่ะแล้วก็อย่านานนักล่ะ
รูเมีย: ไม่นานหรอกครับ จะพยายามเอามาแต่แร่สำคัญๆ
โรเซ่: งั้นโชคดีล่ะ
รูเมีย: ครับ..
(ช่วงเวลานำพาทั้งสองที่พักผ่อนและขุดแร่ไปพร้อมกับบทเพลงที่สายลมนำพาจวนเสร็จธุระ)
รูเมีย: อึ้บ...เท่านี้ก็น่าจะเอาไปทำได้หลายอย่าง..เหลือแค่ไปหาโรเซ่เท่านั้น
รูเมีย: คุณโรเซ่ขอรับ...ผมมาแล้วครับขอโทษที่ให้รอนาน
(ไร้วี้แววใครจะรอหรือคน)
รูเมีย: คุณโรเซ่ครับ!
(ไร้เสียงตอบกลับ)
รูเมีย: แปลกจัง..คุณโรเซ่บอกจะรออยู่ตรงนี้ไม่ใช่หรอไงกันน่ะ
(ภูเขาไฟเริ่มสั่น)
รูเมีย: อ่ะ...แย่แล้วสิ..ถ้าคุณโรเซ่ยังอยู่ที่บ่อน้ำร้อนล่ะ...
(ภูเขาไฟค่อยๆร้อนขึ้นเพราะอะไรบางอย่าง)
รูเมีย: อัก..ร้อนๆ
(ทันใดโรเซ่ก็พุ่งเข้ามาช่วยรูเมียกระโดดขึ้นไปบนฟ้าและบินอยู่สักพักก่อนที่จะมีแสงทะบุออกมาจากความร้อนนั้นแต่บางอย่างก็ทำให้โรเซ่ตกลงไปคนละที่กับรูเมียและสลบลงก่อนจะตื่นขึ้นมา)
รูเมีย: อัก...
รูเมีย: เจ็บจัง....(รูเมียจับท้องที่ถูกพันด้วยผ้าบางอย่าง)
รูเมีย: ว่าแต่ตอนนั้น..ทำไมคุณโรเซ่ถึงได้...
???: เอ๋...ตื่นแล้วหรอจ้ะ...หนุ่มน้อย
(จบ)
[เมื่อ20นาทีก่อนหลังจากแยกย้ายกันไปพักที่ภูเขา แห่งชีวิต]
โรเซ่: (นั่งอยู่ในบ่อน้ำร้อน)
โรเซ่: ...
โรเซ่: ฉันไม่ได้อยากจะว่าหรอกน่ะว่านายเป็นพวกโรคจิต แต่ให้เกียรติผู้หญิงบ้างก็ดี ถ้ารู้แล้วก็ออกมาจากหลังหินนั้นส่ะ ไม่ว่าใครก็ตาม...
[มหาจอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: หึๆ..แหม๋ๆ เห็นด้วยงั้นหรอ หรือว่าจะเป็นพวกที่ใช้สัญชาตญาณสัมผัสกันน่ะ
โรเซ่: นายเป็นใครกันแน่...
[มหาจอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ข้างั้นหรอ...สำหรับเจ้า..ข้ามีนามว่าลูซิเฟอร์ผู้ที่หล่อเท่ห์ที่สุดและเป็นเผ่าตำนานหายาก..อย่างสายเลือดพระเจ้ายังไงล่ะ..
โรเซ่: สายเลือดพระเจ้างั้นหรอ...เหมือนจะเคยได้ยินว่าจะมีแต่คนที่อยู่ในตระกูลสูงๆหรือผู้ที่ใช่อำนาจให้ตัวเองเป็นผู้นำของคนอื่น..แบบนั้นสิน่ะ
[มหาจอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ก็ถูกต้องตามที่เจ้าพูดมาแป๊ะเลย..แต่ว่าข้าเองก็สนใจในตัวเจ้ามากไม่ว่าจะความคิด..ความกล้า..ร่างกาย..ข้าอยากได้เจ้ามาเป็นของๆข้าใจจะขาดอยู่แล้วรู้ไหมหรือถ้าไม่งั้นก็ตายในฐานะผู้บุกรุกประเทศและเตรียมตัวโดนแขวนประจานได้เลย...(ลูซิเฟอร์ยิ้มอย่างสะใจ)
โรเซ่: คำตอบของฉันง่ายนิดเดียว...ไม่มีทาง...ฉันเลือกทางเดินชีวิตฉันแล้วว่าจะไปทางไหน..จะไม่มีวันมืดมนเป็นทางตันเพราะแสงคุณธรรมบ้าๆนั้นเด็ดขาด
โรเซ่: และอีกอย่าง....ฉันหน่ะแข็งแกร่งกว่าที่แกคิด..
[มหาจอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: เจ้าช่างหัวแข็งเหลือเกินทน...ถือว่าเจ้าเลือกเอง..ข้าจะทำตามสิ่งที่เจ้าเลือกละกัน...
โรเซ่: งั้นก็....จะเริ่มจากตรงไหนดีล่ะ...ไอ้หน้านรก
[มหาจอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: นั้นก็เรื่องขึ้นอยู่กับข้า!!...
(ลูซิเฟอร์ได้สร้างศรแห่งแสงขึ้นมาโดยเรียกกันว่า"โคโรน่า"ซึ่งจะเป็นลักษณะคล้ายๆยอรน์ในArena of value แต่ตามตำนานของโลกเทพเจ้านี้จะเป็นลูกศรที่ครั้งหนึ่งลูซิเฟอร์เคยได้รับจากความเย่อหยิ่งและขโมยมาโดยปกปิดมาตลอด และเล็งเป้าไปที่อีกฝ่าย)
โรเซ่: นั้นมัน....
(โรเซ่ใช่ไหวพริบในการหลบและควักดาบตนพยายามปัดลูกศรออกแต่ก็ทำให้ดาบนั้นค่อยๆบิ่นออกทีล่ะนิดจนน่ากลัวด้วยลูกศรแห่งแสงที่ยิงมาอย่างบ้าบิ่น)
โรเซ่: นึกไม่ถึงว่าตำนานนั้นจะจริงด้วยสิ....ผู้น่าสงสัยในการขโมยธนูและศรแห่งแสงโคโรน่า...จะเป็นคนอย่างนายจริงๆ...ลูซิเฟอร์จอมเย่อหยิ่ง..ตัวตนแบบนายสวรรค์ยังไม่รับเลยด้วยซ้ำ...
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: แล้วไงล่ะว่ะ!!..ผู้หญิงแบบแกจะรู้ดีไปเพื่ออะไร...ตามปกติผู้หญิงจะต้องเข้าหาคนมีเสน่ห์และโดนหลอก แกมันผิดจากหลักการเสียจริงน่ะ..พวกลิงโสโครกเอ้ย!!
โรเซ่: ถามตัวเองก่อนไหมว่าทำเพื่ออะไร...หลอกคนอื่นด้วยหน้าปกและฆ่าทิ้งด้วยเนื้อหา..สำหรับฉันนายไม่มีแม้แต่เสน่ห์เลยสักนิดเป็นแค่สวะในสายตาของฉันเท่านั้นแหละ!!
(เนื้อเรื่องจะบอกถึงความหลังของลูซิเฟอร์ที่เย่อหยิ่งและเจ้าชู้เกินคำบรรยาย ซึ่งจะสรุปได้ว่าในโลกใบนี้ตัวแทนของ7บาป แต่ละองค์จะต้องทำยังไงก็ได้ให้ตัวเองแข็งแกร่งไม่ว่าจะหลอกคนมาฆ่าเพื่อถวายวิญญาณให้หรือการสร้างภัยพิบัติพรากชีวิตผู้คนไป ซึ่งลูซิเฟอร์ในนิยายนี้นั้นได้หลอกผู้หญิงให้มารักเขาตลอดพันปี โดยแต่ละคนจะเจอการฆ่าเหมือนๆกันอย่างไร้เยื้อใย นั้นคือการจะมีลูกด้วยกันก่อนที่จะฆ่าพวกเขาพร้อมกัน เรียกได้ว่า ได้รับพร้อมกัน2วิญญาณและไม่โดนสงสัยจากเทพใดๆแม้แต่หลอกตาเทพความรักด้วยการทำตัวเป็นคนดี)
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ผู้หญิงแบบแกเนี้ย....รีบๆฆ่าให้ตายไม่ให้เหลือเลยดีกว่า....ฮ่าฮะๆๆ~...
โรเซ่: ทำได้ก็ลองดูสิ...เวทย์ไม้ตายเฉพาะบุคคลจงอุบัติออกมา "คามิโน่ะ-เมะ"
<("คามิโน่ะ-เมะ หรือ Kamino me"คือคาถาเวทย์เฉพาะบุคคลที่ต้องฝึกและค้นหามันด้วยตัวเองจนกว่าจะใช่มันได้ ซึ่งคล้ายๆกับการกางอาณาเขตในJJKที่ปล่อยพลังออกไปและจะเสริมพลังให้กับเจ้าของแต่จะมีผลข้างเขียงของคาถาคืออีกฝ่ายจะสามารถทำลายคาถานี้ได้ถ้าอีกฝ่ายมีเวทย์ที่เหนือกว่าแต่บางกรณีที่เวทย์อีกฝ่ายเป็นการลบล้างมนทินหรือเพิ่มสกายภาพ คนที่ใช่เวทย์ไม้ตายจะเป็นถูกนับเป็นศูนย์ทันทีและส่วนเสริมคือคาถานี้จะมีศูนย์กลางคือผู้ใช่เพราะฉะนั้นคาถาจึงสามารถเคลื่อนที่ตามเจ้าของได้อิสระ จะเรียกถ้าไม้ตายได้หลายแบบอาจจะเรียกก่อนก็ได้ว่า ชิโน่ะ-โพสุ ตามด้วยคามิโน่ะ-เม่ะ แล้วแต่ช่วงเวลา)>
<(กล่าวเสริมอีกครั้ง: การใช่ท่าไม้ตายเพื่อเสริมความสามารถตนเองจะไม่มีข้อผูกมัดในการใช่ แต่ต้องเข้าใจถึงหลักการของเวทย์มนต์และดูดมันเข้ามาในร่างกาย ในช่วงเวลานั้นจะต้องควบคุมอย่างมีสมาธิและเล็งจุดที่จะเสริมตรงนั้นเอาไว้และเน้นเวทย์ไปที่จุดนั้นในครั้งเดียว
[ถ้าพลาด: เวทย์ที่ถูกดูดเข้ามาจะทำความเสียหายกับคนนั้นๆแบบสุ่มโดยจะคำนึงว่าเวทย์ที่ดูดมาเป็นเวทย์จากธรรมชาติ] และส่วนต่างๆของร่างกายก็สามารถที่จะเสริมได้เช่นกัน เช่น กล้ามเนื้อ,ประสาท,การรักษาบาดแผล และการยกเลิกนั้นจะต้องคืนค่าเวทย์จากจุดที่เน้นไว้ให้กลับมาที่ตรงกลางตัวและต้องใช่เวลาสักพักร่วมกับการเผาผลาญที่จะระบายเวทย์ออกไปและมีน้อยคนคิดเป็น1/500,000ที่จะเข้าถึงหลักการมัน)>
โรเซ่: เนรตจันทรา!!... (เผื่อใครจะสงสัยว่าจะต้องใช่เวลาในการดูดเวทย์สิ แล้วเธอใช่ทันทีได้ไง มันก็มีคำตอบง่ายๆถ้าเป็นใครที่ไม่ว่าจะคนแปลกหน้าหรือคู่อริ ก็ต้องเตรียมใจและทุกอย่างให้พร้อมเสมอจะให้เผลอไม่ได้แม้จะพักก็ตามและในบ่อน้ำพุเองก็มีเวทย์อ่อนๆนั้นคือคำตอบ)
[ดวงตาของโรเซ่ได้มืดทมิฬและเส้นเลือดที่ตาก็เกร็งจนแทบแตกเพราะการเน้นเวทย์ไปจุดนั้นนานพอควรแต่ก็ทำให้เธอเองก็ได้มองเห็นโลกที่สีน้ำเงินอมดำโดยเมื่อตามองกระทบกับเวทย์อีกฝ่ายจะเหมือนเครื่องแสกนความร้อนที่ทะลุได้ทุกอย่าง และอีกความสามารถหนึ่งคือการมองเห็นอนาคตด้วยตาเพียง3วินาทีและระยะใช่อีกทีคือ25วินาทีหรือถ้าจะลดให้เร็วขึ้นก็แค่เน้นเวทย์เข้าเพิ่มแต่จะเกิดผลเสียมากขึ้นอาจจะไม่ใช่เส้นเลือดที่แตก ดวงตาอาจจะแตกได้ด้วยเช่นกัน]
โรเซ่: (โรเซ่ได้ตั้งหลักและกระโดดหลบการโจมตีของธนูได้แต่ไม่ง่ายจากเหตุผลที่อีกฝ่ายดันเป็นแสงที่ล้างมนทินได้โรเซ่จึงไม่พยายามเข้าใกล้ลูซิเฟอร์ก่อนจะตอบโต้ด้วยกับดักโซ่ตรวนที่เธอใช่การมองเห็นอนาคตสังเกตุและวางกับดักโดย เหมือนระเบิดติดกำแพง การวางศูนย์กลางการดูดเวทย์ไว้ที่ตำแหน่งอีกฝ่ายและเมื่อมันได้รับเวทย์เพียงพอมันก็จะปลดเงื่อนไขออกและรอศัตรูมาติดกับ)
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ให้ตายสิว่ะ!!...แกนี้มัน....
โรเซ่: (ในขณะที่อีกฝ่ายสนใจแต่กับดักที่ติดอยู่โรเซ่ก็พุ่งตรงเข้ามาด้วยดาบสั้นของเธอที่ทำขึ้นพิเศษจากหินต้านทานเวทย์ และดูดเวทย์)
โรเซ่: คนหลอกลวงอย่างแก...ถ้าไม่ตกนรกก็มีแต่ฉันที่จะส่งแกไปเองงงน่ะ!!!!(โรเซ่ง้างมีดสั้นของเธอมาโดยภาพจะค่อยๆสโลว์ไปทีล่ะนิด)
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ถ้าฉันจะตกนรกเพราะเธอ....ฉันก็ยินดี..แต่จะไปคนเดียวก็ไม่ได้เพราะแบบนั้น...แกเองน่ะ....(ลูซิเฟอร์ชารจ์พลังแสงในกำมือและด้วยความสามารถของโรเซ่ที่อ่านอนาคตได้ก็ไหวตัวก่อนที่จะนึกขึ้นได้ถึงพระเอกที่อยู่อีกฝั่งแต่นั้นก็ทำให้เธอถูกเตะไป)
โรเซ่: เฮือก...อัก......(โรเซ่ตกลงที่พื้นอย่างจังแต่นั้นก็ไม่ทำให้ลูซิเฟอร์หันลำแสงมาหาเธอ เพราะเขาก็น่าจะสัทผัสตัวตนของคนที่สามอย่างพระเอกได้ และเลือกที่จะเล็งต่อ)
โรเซ่: อย่าบอกน่ะ...เจ้านั้น...(โรเซ่ได้ตระหนักและมั่นใจก่อนที่จะวิ่งไปหาพระเอกโดยแข่งกับเวลาและชีวิของคนๆหนึ่ง)
[จอมเวทย์ซิเฟอร์]: ถ้าไม่ขัดใจตอนนั้นฉันก็น่าจะฆ่าเธอได้แล้วแท้ๆ....เพราะเจ้านั้น...เจ้าสิ่งมีชีวิตหลังภูเขานั้น!!!....
โรเซ่: (โรเซ่ได้เปลี่ยนจุดเน้นไปที่ขาเพื่อเสริมความเร็วมากขึ้นและพยายามกระโดดไปหาพระเอกในขณะที่ลูซิเฟอร์เล็งลำแสง)
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: ถึงจะไม่รู้อะก็จริงแต่ที่ใยนั้นวิ่งไปหาคงเป็นคนที่สำคัญงั้นสิน่ะ ถ้างั้นก็ตายแทนใยนั้นแล้วค่อยบ่นในนรกก็แล้วกันน่ะ...เพราะตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วเหมือนกัน....
(...)
โรเซ่: (ทางโรเซ่ใกล้ถึงตัวของพระเอกไม่ไกลและทันใดลูซิเฟอร์ก็ยิงลำแสงออกมาโดยกะจะให้ผู้เขาหายไปด้วยเลย)
โรเซ่: (ทางโรเซ่ที่ขึ้นมาหาพระเอกได้สำเร็จก็จับเอวพระเอกกระโดดหลบไปที่อื่น)
(โรเซ่ที่ลอยอยู่บนอากาศก็ตกพื้นเพราะขีดจำกัดและตกลงมาคนละที่)
[จอมเวทย์ลูซิเฟอร์]: คงไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้เห็นแน่ๆ...ผู้หญิงอย่างใยนั้นเอาใจยากจริงๆ ยังไงก็ต้องกลับไปที่ฐานก่อนแล้วหลังจากนั้นจะมาดูอีกทีดีกว่า(ลูซิเฟอร์ได้หายไปในประตูแสง)
(และถึงแบบนั้นเวลาก็ผ่านไปในขณะที่ทั้งคู่สงบ แต่สงครามไม่เคยยุติ)
(5ชั่วโมงหลังจากนั้น)
รูเมีย: อัก...(รูเมียตื่นอยูาภายในถ้ำของใครสักคน
รูเมีย: เจ็บจัง....
รูเมีย: นั้นสิ..ว่าแต่คุณโรเซ่ทำไมถึง...
???: ตื่นแล้วหรอ...หนุ่มน้อย
รูเมีย: หึ!?...ใครน่ะครับ
???: แหม๋ๆ...ไม่เห็นต้องตกใจขนาดนั้นก็ได้ งั้นให้ฉันแนะนำตัวน่ะ ฉันชื่อ...
เรย์: สาเรย์ แกรสันเรียกสั้นๆว่า เรย์จังก็ได้น่ะแต่จะบอกให้ฉันอายุมากกว่านายหลายเท่าเลยล่ะ
รูเมีย: หรือว่าจะเป็นเผ่า....
เรย์: เอลฟ์น่ะจ้ะ...ทำไมหรอ
รูเมีย: เอลฟ์??....งั้นก็เป็นเผ่าพันธุ์ที่มีหูยาวอายุหลายหมื่นปี...แบบที่ท่านแม่เคยเล่าให้ผมฟังแต่ก็คุณจะไม่ทำอะไรผมใช่ไหม...
เรย์: แหม๋ๆ..มีหนุ่มน้อยที่บาดเจ็บอยู่กลางป่าคนเดียวฉันเองก็เป็นเจ๊น่ะจ้ะ...ไม่ทำอะไรหรอกแค่เก็บไว้เล่นสนุกนิดหน่อยเอง...ฮิฮิฮิ(ทำหน้าหิวโหย)
รูเมีย: เดี๋ยวน่ะครับที่บอกว่าอยู่กลาป่าคนเดียวไม่ใช่ว่ามีผู้หญิงที่ตกใกล้ๆแถวนั้นเลยหรอครับ...
เรย์: ปกติฉันจะรู้สิ่งมีชีวิตด้วยการสัมผัสพลังเวทย์แต่ก็ไม่เห็นน่ะจ้ะ...
(จะเชื่อมโยงที่โรเซ่ถึงขีดจำกัดและเวทย์ก็ไม่เหลือให้ใช่แม้แต่ปลายนิ้วเรย์จึงสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนเธอที่นอนอยู่ไม่ไกล)
รูเมีย: ถ้างั้นผมจะไปตามหาเองครับ....(พยายามลูกจากเตียงแต่ก็ล้มลงเพราะกระดูกซี่โครงที่หักและขาที่หัก)
รูเมีย: อัก....อั้ก...ผมต้องไปตามหาเธอ
เรย์: เอาเถอะหนุ่มน้อย...ยังไงก็ห้ามขยับจนกว่าจะถึงเวลา..ช่วงที่เธอพัก...ผู้หญิงคนนั้นคงจะมีชีวิตอยู่เพื่อเธอแน่ๆจ้ะ
เรย์: แต่หลังหายเสร็จถ้าเปลี่ยนใจก็จะลองชิมเอลฟ์ก็ได้น่ะจ้ะ
รูเมีย: ครับ..ขอบคุณเรย์จริงๆน่ะครับ...ผมจะเชื่อแบลคุณจะพักให้เต็มที่ล่ะกัน
เรย์: (เรย์คิดในใจและอดใจที่อยากขย้ำอีกฝ่ายทุกวินาทีและกัดลิ้นก่อนจะออกจากห้องไปด้วยตัวที่บิดไปมา)
รูเมีย: โรเซ่จะเป็นไงมั้งน่ะ...ลางสังหรมันรู้สึกไม่ดีเลยแหะ....
(ตัดมาที่ฝั่งโรเซ่)
โรเซ่: (โรเซ่ที่เดินลากขาที่หักและแขนที่พังก็ไถลไปตามทางในขณะที่ข้างหน้าก็มีหน่วยลาดตะเวนของเผ่าพันธุ์อื่น)
โรเซ่: อย่า.....มา.......ขวาง....(โรเซ่เงยหน้าด้วยแววตาที่ไม่ต่างจากคนตายและต้องเผชิญหน้ากับหน่วยลาดตะเวนที่มาไม่หยุดยั้ง)
(ช่วงเวลานั้นเองโรเซ่ก็ควักดาบตวัดด้วยแขนอีกข้างหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง จนเหมือนกับปีศาจที่ตรีตราศัตรูให้ตายอย่างทรมาน)
โรเซ่: ฮ่าๆๆๆ!!!.....(เสียงหัวเราะดังไปทั่วป่าและก็มีแต่กองเลือดที่นองเต็มไปหมดและตอนนั้นเองตัวของเธอก็เสียสติจนไม่มีทางกลับ)
(แต่ในตอนนั้นเองก็มีเหมือนหัวหน้าของหน่วยเดินเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าที่จริงจังและกดดัน)
???: จงยินดีที่ได้ข้ามาปริดชีพเจ้า.....
(จบ)
[ก่อนหน้าการรวมแมนชั่นทั้งหมดเข้าด้วยกัน]
[โลกที่สงบสุขก็ราบรื่นดีแม้จะเกิดอาชญากรรมก็ตามแต่ ความจริงที่จะเข้าใจต่อจากนี้ด้วยหลักทฤษฎี....]
[เวลา 07:39 นาฬิกา]
[ณ ร้านขายหนังสือ]
[ตัวละครหลักในตอนนี้คือ *เสบาส*กับ*วารมีน*ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่เข้าหากันตั้งแต่เด็กๆจนโตพอเรียนจบก็มาทำงานที่ร้านหนังสือเล็กไกลเมือง]
เสบาส: เห้ย!วารมีน...นายอย่าเอาแต่อู้สิ...ไม่แปลกใจที่ปู่ ชางเฉิน(จริงๆแค่ฉายาที่แกชอบอ่านแต่หนังสือจีนโบราณจนเบียว) ลดเงินเดือนแกจริงๆ
วารมีน: โถ่...ฉันเองก็คนน่ะไม่ใช่สัตว์ประหลาดบ้าพลังแบบแกสักหน่อย...แค่พักแปปเดียวเอง
เสบาส: พักแปปเดียว...แต่นี้มัน20นาทีได้มั้ง!!
วารมีน: ฮึ่บ...(ลุกขึ้น)...ถ้าแกอยากทำก็ทำเองสิ...ฉันก็พักตรงนี้จนกว่าจะหลับ..ส่วนเรื่องเงินๆทองๆฉันก็ค่อยไปเล่นปาจิงโกะเอาก็ได้นี้นา
เสบาส: โถ่เว้ย...แกไม่เข้าใจอะไรเลยรึไงกันน่ะ....เจ้าบ้า!!(ตบหน้าอีกฝ่ายจนหมุนไปบนท้องฟ้า)
วารมีน: เออ...เห้อ...อั้ก(ร่วงลงมาที่พื้น)...ดาวหมุนติ้วๆหมุนสะดิ้วๆ..เอ้ามะติ้วมะติ้วมะติ้วกิ้วกิ้ว~(อาการมึนศรีษะเล็กน้อยมั้ง)
ปู่นาโยตะ: พวกแกสองคนมาอู้อะไรตรงนี้อีกล่ะ...ถ้าลูกค้าเลือกหนังสือไม่ถูกถือว่าเป็นความผิดพงกเอ็งน่ะ(เสียงคนแก่แหบๆ)
เสบาส: ก็ปู่นั้นแหละถ้าไม่เอาแต่อ่านหนังจีนจะอาหมวยมั้งมวยจีนมั้งอาหารจีนมั้งก็หมกอยู่แต่ในห้องน้ำ..แล้วก็ทิ้งรอยเอาไว้...ผมไม่ทนแล้วน่ะ
ปู่นาโยตะ: หน็อยไอ้พ่อแม่ไม่สั่งสอนเถียงคำไม่ตกฟาก....ถ้างั้นพวกแกก็ไปส่งหนังสือกองใหญ่ที่แพ็กไว้นั้นได้แล้วไป๊...แล้วถ้าทางที่ดีอย่ากลับมาเลยดีกว่าเข้าพวกเด็กจัยรัง...
เสบาส: (เสบาสเหยียบเท้าวารมีนและดึงมือขึ้นมาก่อนที่จะอุ้มขึ้นหลังและเดินต่อไป) ถ้าไม่กลับ...เงินก็ไม่ได้น่ะตาแก่ตำใส่หัวโล้นๆเอาไว้มั้งน่ะ
ปู่นาโยตะ: หน็อย....พวกเด็กเวร
[ภายในห้องเก็บหนังสือ]
เสบาส: (เสบาสปล่อยอีกฝ่ายลงและไอเล็กน้อยจากฝุ่น) แคกๆ...เจ้าตาแก่เฉินนั้นขี้เกียจถึงขั้นนี้เลยหรอเนี้ย ถึงจะแพ็กไว้แล้วแต่ฝุ่นเกาะเต็มยังไงก็ต้องไม่พยายามให้ลูกค้าเคลมกลับมาและขอตังคืน
วารมีน: ติ้วติ้วติ้วปิ้วปิ้ว...ปู้นปู้น(ยังคงมึนหัวเล็กน้อย)
เสบาส: (เสบาสได้ปัดกวาดเช็ดถูห้องและเอะใจกับหนังสือเล่มหนึ่งจึงหยิบมาดู)
[ชื่อปกหนังสือ: ทฤษฎีแรงดึงดูดความตาย]
เสบาส: ดึงดูดความตาย??
เสบาส: (เสบาสได้สงสัยและเปิดอ่านข้างในแต่กลับว่างเปล่าและไม่มีล่องลอยใดๆเขียนหรือบรรยายให้อ่าน)
เสบาส: อะไรของเจ้านี้เนี้ย...หรือแค่เจ้าตาแก่นั้นโดนหลอกซื้อต่อมา...
(พื้นดินเริ่มสั่นไหวเป็นจังหวะและมาขาดตอนและไปมา)
เสบาส: นี้มันอะไรกันแน่ว่ะ....
เสบาส: เห้ยเจ้าวารมีน....(กำลังหันไปมอง)
(ภาพอันหน้าหดหู่ใจเกิดขึ้นตรงหน้าของเสบาสที่เห็นเพื่อนตัวเองดูไม่ใช่มนุษย์จากการผิดรูปผิดร่างไม่เป็นคน)
เสบาส: อะ....ฮึก...(ร่างกายของเสบาสสั่นและกลัวภาพตรงหน้าก่อนจะวิ่งหนีและปล่อยให้เพื่อนแท้ๆอยู่ข้างหลัง)
เสบาส: ปู่นาโยะตา...เจ้าวารมีนมัน....
(ปู่ไปก่อนวารมีนอีกด้วยซ้ำและทั้งห้องน้ำที่แกอยู่ก็มีแต่เลือดที่กระจายไปทั่วและซ้ำเติมให้เสบาสต้องเพนิคขึ้นไปอีก)
เสบาส: อะ...อะ....อั้ย!!..(เสบาสวิ่งไปทั่วบริเวณโดยหาผู้คนแต่ทั้งหมดที่เขาเห็นก็มีแต่เลือดที่นองและศพที่ไม่ใช่คน)
เสบาส: เห้อ....เห้อ...เห้อ!!!(เสบาสเพนิคอย่างหนักและพึงรู้ตัวว่าตัวเองหลับโดยถือหนังสือเล่มนั้นอยู่ โดยมีปู่นาโยตะที่ตามมาดูพอดีเลยมาปลุกเสบาสที่หลับอยู่ด้วยเงื่อนไข)
เสบาส: อะ.....อืม...ตาแก่..(ลุกขึ้นมาสลึมสลือ)
ปู่นาโยตะ: ฉันเป็นห่วงแทบแย่...ไอ้หนังสือที่แกอ่านคือหนังสือที่เป็นคำสาปผูกติดโดยต้องแก้ด้วยเงื่อนไขเหมือนล็อคประตูแล้วไขกุญแจ
ปู่นาโยตะ: แต่สิ่งที่แกเห็นล้วนแล้วจะดิ่งลงไปเรื่อยๆจนกัดกินจิตใจแล้วก็ตายลง...ส่วนเงื่อนไขที่จะปลดล็อคมันก็มีแค่ในตระกูลไม่กี่ตระกูล
ปู่นาโยตะ: ถ้านับตระกูลที่ไม่เป็นทางการอย่าง มาชิเมะก็จะปลดล็อคได้เช่นกัน หรือจะเป็น สามามุชิและทาเงริว 3ตระกูลที่ฉันก็เคยเป็ยหนึ่งในนั้น...แต่ด้วยเรื่องความสัมพันธุ์ฉันก็บอกไม่ถูก...แค่อยากใช่ชีวิตบั้นปลายเหมือนคนแก่ปกติบ้างน่ะ....
เสบาส: ถึงตาแก่จะพูดถึงขั้นนั้นก็แล้วเถอะ...แต่ว่าเรื่องคำสาปมั้งเรื่องตระกูลมั้งเงื่อนไขมั้ง ตาแก่คิดว่ามันน่าเชื่อหรอ
ปู่นาโยตะ: ถ้าบอกว่านายหนังสือนั้นต่อให้นายใช่แรงหรือรถชนหรือมีดหั่น มั้นก็จะสะบั้นออกหรือถ้าโดนก็ฮิลล์ตัวเองได้...ฉันที่ไม่อยากให้ใครต้องแตะต้องมันก็เลยเก็บไว้ที่นี้โดยตลอด...แต่ฉันเองก็มั่นใจว่าเก็บไว้ดีแล้วน่ะ
เสบาส: งั้นตาแก่พิสูจน์สิ่งที่พูดสิ..
ปู่นาโยตะ: (ปู่เฉินใช่กุญแจแห่งเงื่อนไขที่เป็นพลังในตระกูบเสียบที่ใจกลางสมุดเพื่อลบล้างมลทินที่ส่งผ่าต่อวิญญาณแต่จะไม่ปกป้องกายยา )
เสบาส: (เสบาสตาค้างกับเรื่องต่างๆทีล่ะเล็กน้อยปรับความรู้สึกไม่ทันกับใครเขาเลย)
ปู่นาโยตะ: แบบนี้ก็จะอ่านถึงคาถาที่ใช่ในการทำให้ใครสักคนหลับแบบของมัน เหมือนการดูความสามารถของอีกฝ่ายได้โดยจะไม่ขัดขืนและคาถานี้ยังมองจากระยะไกลได้ในแต่ล่ะบุคคล
ปู่นาโยตะ: จะว่าไป...เชื่อรึยังล่ะเรื่องบ้าๆบอๆที่แกคิด
เสบาส: ...ถึงจะไม่เข้าใจ100%แต่ก็เห็นตัวอย่างแล้ว...ผมก็เถียงไม่ได้หรอกตาแก่เฉินโล้น
ปู่นาโยตะ: เรียกดีๆหน่อยสิว่ะเจ้าเด็กบ้าบอคอหอยเป็นมะเร็ง!!....
เสบาส: แต่แบบนี้ก็ไม่ต่างจากคนที่มีพลังวิเศษทำไมไม่เอาไปช่วยคนล่ะตาแก่...
ปู่นาโยตะ: คำตอบง่ายนิดเดียว....ถึงจะบอกไป...จะมีคนเชื่อสักกี่คน...ฉันเองก็แก่แล้วด้วย...พลังจำพวกนี้ทีแค่ผนึกไม่ก็ดูเนื้อความจดหมายที่ปลดล็อคด้วยเงื่อนไขได้แค่เท่านั้น...
ปู่นาโยตะ: ..แต่ใจจริงตอนสมัยฉันหนุ่มๆพลังนี้ก็เคยถูกใช่ในเมืองเหมือนกัน ตอนนั้นพวกฉันเป็นแค่กลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า "ธารทมิฬ" เป็นพวกที่แปลกกว่าชาวบ้านโดยมีพลังเวทย์กันอยู่...แต่พวกเราก็เอามาใช่ไม่ได้หรอกน่ะ...เพราะถูกบีบบังคับให้เงียบๆจากรัฐบาล..แต่ว่าตอนนั้นฉันเผลอใช่ไปก็เลยส่งกระทบจนกลุ่มต้องแตกออกจากกัน....
เสบาส: ...แบบนั้นมันไม่แฟร์หนิตาแก่ คนที่มีพลังก็ควรช่วยผู้คนไม่ใช่หรอ...แล้วอีกอย่างอะไรเป็นชนวนให้ตาแก่ใช่มันล่ะ...
ปู่นาโยตะ: ..อืม..จะขอเล่าไปตอนที่ยังเป็นหนุ่มๆอยู่ล่ะกัน...ตอนนั้นฉันเองกับเพื่อนๆคุยกันในวันหิมะตกและทุกคนเล่นรำทำเพลงกันสนุกสนานยกเว้น...ใครบางคนที่เอาเวลาที่พวกเราสนุกกันไปฆ่าคนแล้วบอกว่ามันคืออุบัติเหตุ...
เสบาส: (กลืนน้ำลาย) ...ว่าแต่เจ้านั้นเป็นใครกันหรอตาแก่...
ปู่นาโยตะ: มุซาชิ ทาโมโกจิ หรือ ไอ้มุซาชินั้น จะบอกว่าอยู่ๆก็ไปฆ่าก็ไม่ใช่หรอก...ฉันเองในตอนนั้น..พอรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็รีบเผ่นไปหาเขาทันทีเพื่อถามความจริงทั้งหมด...แต่สิ่งที่ได้ไปเจอก็เป็นคนในกลุ่มบางคนที่ถูกเขาฆ่าอย่างเลือดเย็น....
ปู่นาโยตะ: ...ตอนนั้นฉันเลยถามเขาออกไปตรงๆเกี่ยวกับสิ่งทำ...แต่ก็...
(ภาพรีเพลย์)
นาโยตะ: เห้ย!!...นี้แกเสียสติไปแล้วหรอว่ะ!!..ถึงได้ฆ่าเพื่อนตัวเองได้ลงคอ...
มุซาชิ: ....แล้วมายุ่งกับปัญหาส่วนตัวฉันทำแป๊ะอะไรว่ะ...
นาโยตะ: บอกมาหน่อยเถอะ อะไรทำให้ทำแบบนี้กันแน่!!
มุซาชิ: หึ...ถามฉันแล้วถ้าได้คำตอบมันยังไงต่อล่ะ...ให้พูดว่าอยู่ใต้ขอบเขตเหมือนเด็กอนุบาลโดยมีรัฐบาลคลุมหัวงั้นหรอ....จะบอกว่าพลังที่พวกเรามีมันจะไม่ได้ใช่เลยงั้นหรอ....พวกมนุษย์เป็นอะไรกันไปหมดล่ะห๊ะ!!!
นาโยตะ: ...ก็เพราะการที่ได้อยู่ร่วมกันและสนุกสนานไปด้วยกัน...ถึงจะไม่ได้ใช่พลังแต่อย่างน้อยก็ได้อยู่กับทุกๆคน...กลับมาคิดสิว่ะ!!...ต่อให้พวกเราไม่ได้อะไรมากแต่ก็ปกป้องรอยยิ้มผู้คนได้น่ะเว้ย!!!
มุซาชิ: ...นั้นก็เรื่องของแก...ทั้งเรื่องความสุขและรอยยิ้มฉันไม่เคยว่าอะไร..แต่เราจะทำไปทำไมถ้าพวกมันยังคงเห็นแก่ตัวและใช่อำนาจบอกว่าตัวเองเป็นฮีโร่และเอาผลงานเราไปดื้อๆ..ฉันไม่ทนแล้วว่ะ....ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป...ฉันก็จะใช่พลังเวทย์นี้ปกครองโลกทั้งใบเหมือนที่พวกมันทำและจะฆ่าพวกมันให้จมดินไปให้หมดแต่จะเว้นไว้แค่แกก็ได้ว่ะ...เห็นว่าน่าจะทรมานสนุกดี...
(เวทย์ของมุซาชิตามกำเนิดคือ: หมอกสีดำ
:เป็นเวทย์ที่จะปล่อยออกมาเพื่อล่อศัตรูหรือใช่ควบคู่กับดาบเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการต่อสู้)
นาโยตะ: ...แม่เจ้าเว้ย!!...ถ้าแกคิดจะเป็นแบบนั้นจริงๆ..ฉันก็จะหยุดแก...ถึงแม้จะต้องตายก็ตาม!!...
(เวทย์ตามกำเนิดสมัยหนุ่มๆของนาโยตะคือ: การกักขังและปลดล็อคสิ่งต่างๆได้แม้กระทั้งเวทย์ของใครสักคนที่ปล่อยมาแต่จะใช่ไม่ได้กับหมอกที่จับตัวยากเกินไป...ถึงแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเก็บอะไรเข้าไปเลย)
นาโยตะ: ...ถ้างั้นก็จงสำนึก...ประตูแห่งสวรรค์จงเปิดออก....สัตว์เทพอสูรในแดนกักขังพิเศษ....เทพทวารบาลจงเสด็จ!!!!
(กล่าวเสริม:เทพทวารบาลคือเทพของจีนที่จะเฝ้าประตูหน้าห้องพระบรรทมจากองค์ฮ้องเต้ โดยปกติจะมี2องค์ที่เฝ้าอยู่ด้วยกันแต่ปู่แกดันพลังเวทย์หมดตั้งแต่จับตนแรกจึงทำให้อีกตนนั้นหนีไปได้)
นาโยตะ: ..เอาล่ะ..ถ้างั้น...เหนือฟ้ามีตา เดินสี่ขากะเพ้กกะเพ๊ก...ไปเลย..ทวารบาล!...
(เทพอสูรทวารบาลจะจับพลังเวทย์ที่อยู่ใกล้ได้อย่างแม่นยำแต่หนำซ้ำหมอกที่ปกคลุม...ทำให้เวทย์ที่จะจับนั้นหาได้ยาก นาโยตะจึงร่ายเวทย์รอบตัวทวารบาล...โดยเสมือนแสงสว่างในความมืดที่ไม่ให้ภัยอันตรายเข้าใกล้ตัว)
(งานเผาสุดๆ)
(แต่ด้วยหมอกที่พุ่งตรงมารุนแรงขึ้นเรื่อยๆจึงทำให้ต้องเสริมพลังเวทย์มากขึ้น)
นาโยตะ: โถ่เว้ยยย!!!
(ทันใดนั้นเองทวารบาลจับถึงตำแหน่งมุซาชิได้...ก่อนที่มันก็พุ่งเขาหามุซาชิอย่างรวดเร็วและฟาดทวนที่ถือจนพื้นแตกออกแต่ก็ไม่โดนตัวเขาเลย)
มุซาชิ: ...ฮ่าๆน่าสนใจดีนี้หว่า..แต่ว่าจะหยุดฉันได้ก็มีแค่ตัดคอฉันเท่านั้น..ถือว่าบอกให้เอาบุญล่ะกัน...
นาโยตะ: ...ถ้าเป็นงั้นจริง...ก็ลุยในครั้งเดียวเลยทวารบาล...โจมตีโดยอย่าหยุดไปเลย...พอหลังจากนั้นฉันจะปลดปล่อยแกตามข้อผูกมัดที่เคยให้ไว้...และเพื่ออิสระภาพแล้ว...สู้จนตัวตายยังไงก็ห้ามยอมแพ้!!!!
(หลังจากที่ทวารบาลได้รับคำสั่งสุดท้ายที่จะปลดล็อคตนจากกรงขัง มันก็ได้ถอดชุดเกราะและพุ่งเข้าโจมตีมุซาชิอย่างบ้าคลั่งจนตึกหลายตึกก็พากันถล่มและทำให้ผู้คนในระแวกนั้นตายไปเป็นเบือ)
นาโยตะ: (ในตอนนี้นาโยตะพนันกับทวารบาลด้วยสิ่งที่มีก่อนจะล้มลงไปนอนที่พื้นและหอบหนัก)
มุซาชิ: ...ฮ่าๆแม่งโครตหนุกจริงๆว่ะ...แกเองก็มีของดีเหมือนกันดีหว่า!!(มุซาชิเริ่มโต้กลับด้วยการฟันแขนทวารบาลออกแต่มันกลับมาฟื้นฟูใหม่...ก่อนที่ทวารบาลจะเตะมุซาชิกลับไปจนอาการปางตาย)
มุซาชิ: ..อั๊ก...อ้วก...(มุซาชิติดอยู่ที่กำแพงหลังจากถูกเตะปริวมาและกระอักเลือดนองเต็มพื้น)
มุซาชิ: หึ...แกนี้....แข็งแกร่งเป็นบ้า....ถ้างั้นจะขอดูหน่อยล่ะกัน...ว่าจะทนได้อีกสักกี่น้ำเชียว!!..
มุซาชิ: ...ชิโน่ะ-โพสุ-คามิโน่ะ-เมะ ราตรีที่เย้ายวนจงเชิดฉายใต้แสงจันทร์...
(การใช่ท่าไม้ตายส่วนตัวครั้งแรกของโลกถูกใช่โดยมุซาชิ...โดยเป็นท่าไม้ตายที่เกิดขึ้นจากการตรงเงื่อนไขบางอย่างจนเวทย์ตามกำเนิดนั้นแผร่หมอกสีดำออกมาปกคลุมขยายไปทั่วเมืองส่วนความสามารถของมันคือการทำให้คนหลับภายในความฝันที่ไม่เป็นจริง...ถ้าเราตายในความฝันในชีวิตจริงก็จะตาย..ความฝันเหล่านั้นจะเป็นฝันจากความรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตที่จะกลับมาแทงจิตใจให้เจ็บ...แต่ข้อเสียคือจะไม่มีผลกับทวารบาลที่ยังคงมีข้อผูกมัดโดยไม่ว่าอะไรก็ไม่สามารถตัดมันออกได้จนกว่าจะชนะและปลดล็อค แต่ก็ยังพอทำให้ผู้คนที่ตายจากความฝันมารุมกัดกินทวารบาลทุกส่วนโดยขัดขืนไม่ได้)
มุซาชิ: เอาเถอะๆ...ขอบคุณที่เป็นเพื่อนเล่นให้..แต่สุดท้ายนี้แล้วก็...จงหายไปสู้ดินแดนมรณะชั่วนิรันดร์ส่ะ...
(ร่างกายของทวารบาลถูกหมอกสีดำดูดวิญญาณไปสู่แดนมรณะและหมอกนั้นก็ได้หายไปสุดท้ายฝ่ายที่ชนะคือมุซาชิที่ยืนตงาดอย่างเลือดเย็น)
มุซาชิ: หึ....จะฆ่าแกไปตอนนี้มันยังเร็วเกินไป..เอาเป็นว่าขอให้สนุกกับภาพตรงหน้าที่มีแต่คนตายกับตึกพังๆก็แล้วกันน่ะ..ซียูอินเน็ททาม...
(เมื่อมุซาชิพูดเสร็จเขาก็หายไปโดยทิ้งให้ปู่นาโยตะอยู่คนเดียวกับพื้น)
(ตัดมาในปัจจุบัน)
เสบาส: you are my spec....
(ตาแก่ตบหัวเสบาสลั่นกระบาน)
ปู่นาโยตะ: ไอ้เด็กเวรบรรไล...ดีน่ะที่ฉันรอดมาได้..เพราะพวกคนในกลุ่มหรือเพื่อนๆฉันตามหาฉันจนเจอและพาไปส่งที่โรงบาลทัน..ก่อนฉันจะตื่นขึ้นมาและบอกทุกๆเรื่องราวไปให้ทุกๆคนฟัง...
เสบาส: อึ้ก...แล้วตอนนี้เจ้านั้นล่ะเป็นยังไง...
ปู่นาโยตะ: ...จะบอกว่าสร้างสมาคมต่อต้านฮีโร่แบบนั้นก็ได้..ไม่ก็กะจะยึดครองโลกตามแบบของมัน...แล้วแกล่ะจะทำยังไงถ้ามันเริ่มเคลื่อนไหวในขณะที่ฉันอ่อนแอลง...
เสบาส: ...ถ้ามันจำเป็นผมจะหยุดเจ้านั้นต่อจากตาแก่เอง...แบบนั้นจะได้หายขาดกันไป...
ปู่นาโยตะ: เข้าใจแล้วล่ะ...ถ้าเลือกแบบนั้นเราคงต้องฝึกยาว...อีกสัก7ปี..
เสบาส: เมื่อกี้ว่าอะไรน่ะตาแก่...
ปู่นาโยตะ: 7ปี...สั้นจะตาย...ไม่ต้องบ่นอะไรแล้ว...มาๆ...มาฝึกกันดีกว่าแบบไม่มีวันหยุดเลย....
เสบาส: ดะ...เดี๋ยวก่อนสิตาแก่....ขอเตรียมตัวให้พร้อมก๊อนนนน!...(เสบาสค่อยๆถูกลากเข้าห้องฝึกหลังร้าน)
(หลังจากเวลาผ่านไปเสบาสและปู่เฉินโล้นได้ฝึกเวทย์ด้วยกันแม้จะทำได้แย่สุดๆแต่ก็ไม่เลิกพยายาม ด้วยเหตุนั้นเวทย์ตามกำเนิดของเขาจึงถูกเก็บไว้ในใจแต่ยังไม่ตื่นจากเงื่อนไขที่ตกลง ถว่าก็สามารถใช่ได้บางครั้งจากการปลดล็อคของตาแก่ที่เป็นแค่ชั่วคราวและจะส่งผลกระทบระยะยาวที่นอนติดเตียง..จนเมื่อครบ7ปีเสบาสก็มีพลังเวทย์ตามกำเนิดที่ถึงแม้จะไม่ตื่นแต่ก็สามารถใช่เวทย์ทั่วไปได้...ก่อนที่จะจากลากันปู่เฉินนั้นมอบเสื้อตอนหนุ่มๆให้เสบาส...แล้วเขาก็บอกลาวารมีนกับตาแก่ให้อยู่อย่างสงบสุขแต่เรื่องราวกลับพลิกพัน..ในวันที่เขานั้นกำลังเดินอยู่ใต้สะพาน...โลกก็ดันสั่นไหวราวกับจะแตกหรือแยกออกจากกันโดยมีสิ่งที่น่าประหลาดคือภาพต้นไม้ยักษ์ที่เขาเห็นจากต่างเผ่าพันธุ์และสายลมแห่งทองคำที่พัดผ่านให้เขาต้องเผชิญ)
(ช่วงเวลานั้นผ่านไปหลังจากที่เสบาสจากปู่มาได้16ปี...ตอนนี้เสบาสได้เป็นหนุ่มร่างใหญ่มีเคราและเป็นสมาชิกในกลุ่มต่อต้านเผ่าพันธุ์ไม่สนับสนุนใครอื่นนอกจากมนุษย์และในอนาคตสปอยไว้ว่าจะได้เจอกับพระเอกแน่ๆ แต่ถึงจะดูเหมือนจบสวยงามแต่ลืมอะไรไปบางอย่างเหมือนกัน...)
มุซาชิ: เมื่อไหร่เจ้านาโยตะนั้นจะมาให้เล่นอีกล่ะ...หลังจากมีเผ่าพันธุ์อื่นที่น่าสนใจกว่าก็ลืมเรื่องของฉันไปเลยงั้นหรอว่ะ....
มุซาชิ: (มุซาชิในตอนนี้อยู่ในกองทัพของเผ่าพันธุ์อื่นโดยเป็นแค่หัวหน้าหน่วยลาดตะเวนเพราะด้วยเรื่องเวทย์ที่ถึงจะแข็งแกร่งมากแต่ก็แพ้ให้กับผู้ปกครองของเผ่าพันธุ์(เอลฟ์)จนต้องตกอับรับใช่คำสั่งแต่ก็พอจะช่วยให้เขาเป็นคนปกติที่อาจจะไม่ดีแต่ก็ไม่บ้าบอ)
(ก่อนที่โรเซ่ที่สะบักสะบอมจะเดินมา..เธอเองก็กำจัดหน่วยลาดตะเวนไปทั้งหมดเพียงไม่กี่นาที..จนเหลือแค่มุซาชิที่ยืนอึ้งอยู่ไกลๆแต่เขาก็ได้แค่ทำใจเพราะถ้าหนีก็ตายไม่หนีก็ตายเขาจึงเลือกเดินเข้าไปหาโรเซ่ตรงๆแม้จะกลัวฉี่รดกางเกง)
มุซาชิ: ...จงยินที่ได้ข้ามาปริดชีพเจ้า...
โรเซ่: ...งั้นหรอ...ปริดชีพสิน่ะ...ฮึๆ.....ตื่นจากฝันรึยังล่ะ...ไอ้ขี้แพ้...
มุซาชิ: ปากดีจังน่ะ..แบบนี้ก็ขอดูหน่อยล่ะกันว่าแกร่งพอให้ข้าสนุกเหมือนตอนนั้นไหม...
โรเซ่: ถ้างั้นก็ตามสบายเลยน้าาาา....
มุซาชิ: (สิ้นเสียงโรเซ่พูด มุซาชิก็พุ่งเข้าไปโจมตีและปล่อยหมอกเพื่อบังตาเธอแต่นั้นก็ไม่ทำให้โรเซ่มองไม่เห็น...โดยกลับกันเป็นทางด้านมุซาชิที่จับพลังเวทย์ของโรเซ่ไม่ได้...จึงเผลอตัวโดนตัดขาจากผู้หญิงที่บ้าคลั่ง)
มุซาชิ: เห๊อ...เอือก....อั๊ก...(มุซาชิล้มลงและจับขาแน่นก่อนที่โรเซ่ที่อยู่ตรงหน้าจะค่อยๆเดินเข้ามา)
มุซาชิ: แกเป็นตัวอะไรกันแน่ว่ะ....
โรเซ่: เอ๋....ก็ผู้หญิงธรรมดาไง....
มุซาชิ: ชิโน่ะ-โพสุ...
โรเซ่: (โรเซ่ตัดมือ2ข้างของมุซาชิออกและค่อยๆเผยเวทย์ตามกำเนิดของตัวเองออกมา)
(เวทย์ตามกำเนิดอย่างแท้จริงของโรเซ่เป็นเวทย์ที่หายากและมีข้อผูกมัดเยอะ นั้นคือการตีตราบาปทั้งชีวิตว่าคุณค่าแก่การฆ่าไหม ถ้าเป็นคนดีก็จะแค่ถูกตีตราให้สิ่งเลวร้ายเข้ามาหา ส่วนการฆ่าคนก็จะถูกตรีตราให้ชดใช่กรรมในอเวจีนิรันดร์...นั้นคือเวทย์ตามกำเนิดของโรเซ่ แต่จะต้องทำให้คนๆนั้นพูดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นว่าฆ่าคนไปจริงหรือเปล่าถ้าโกหกจะมีโทษหนักแต่ก็ข้อเสียคือมันจะใช่ได้ครั้งหนึ่งก็20ปี จะใช่มั่วๆไม่ได้และยังตัดพลังชีวิตไปตามการตีตราว่าให้มากแค่ไหนชีวิตก็จะลดลงไปตาม...เท่ากับว่าโรเซ่มีชีวิตได้อีกแค่40-50ปีข้างหน้า ส่วนที่ไม่ใช่กับลูซิเฟอร์ก็เพราะตามบริบทลูซิเฟอร์เป็นเหมือนตัวแทนบาปที่เมื่อตีตราก็ถูกแก้ต่างและอาจจะถูกใช่ใส่เองส่ะแทน และก็ต้องอยู่ในสภาวะที่จิตใจตกต่ำสุดๆด้วยเช่นกันถึงจะใช่ได้)
โรเซ่: เอาล่ะ.....ขอถามหน่อยสิ....แกเคยฆ่าคนไปเท่าไหร่งั้นหรอ....
มุซาชิ: ....ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็หลายโขเป็นเบือเลยดีกว่า แล้วจะทำไมล่ะคนแบบแกรู้แล้วจะเอาไปทำอะไรว่ะ!!
โรเซ่: นั้นสิน่ะ...ผู้หญิงแบบฉันจะเอาไปตีตราหน้าแกให้จมดินล่ะมั้ง..แต่ถึงยังไงก็ขอให้โชคดีกับอเวจีสีแดงล่ะกัน...(โรเซ่ได้ตีตราแก่มุซาชิก่อนที่โซ่จะตรึงเขาลงไปสู่แดนมรณะ)
มุซาชิ: ....หึๆ...ฮ่าๆ...ไม่เคยรู้สึกสิ้นหวังแบบนี้มาก่อนเลยแหะเธอช่วยบอกชื่อของเธอมาหน่อยสิ...
โรเซ่: โรเซ่....เรียกแค่นั้นก็พอ...แต่คงไม่ได้เรียกแล้วล่ะ...
มุซาชิ: (ทันใดที่โรเซ่ไม่ทันตั้งตัว...ก็มีใครบางคนที่ใส่ผ้าคลุมเข้ามาช่วยมุซาชิและปลดการตีตราได้อย่างน่าตกใจก่อนที่โรเซ่ก็ถูกซัดจนสลบไปและภาพก็จมลงสู่ความมืดทมิฬ)
(ตัดมาที่ฝั่งเสบาส)
เคล: (เคลเป็นคนในสมาคมกับเสบาสเช่นเดียวกันและกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุม)
เสบาส: หาว~....ได้ข่าวหรืออะไรบางอย่างจากผู้ลี้ภัยบ้างไหม...
เคล: ถ้าจะบอกว่ามีก็ใช่แต่อยู่สะไกลเลย...จริงสิมีข้อความส่งมาจากเรย์จังด้วยล่ะ..
เสบาส: ..ข้อความจากเธอหายากไม่น้อย...ถ้าไม่ใช่คำเชิญไปที่บ้านอีกล่ะก็คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ..
เคล: ก็ถูกต้องเป๊ะ....ใยนั้นเองก็เคยอยู่กับสมาคมพวกเรามาก่อนในฐานะที่เป็นผู้ที่ให้เจรจาชั่วคราว...ถ้างั้นนายก็ไปหาอ่านเอาเองล่ะกันฉันเองก็มีนัดกับสาวฮอตที่ร้านคาเฟ่ขอตัวล่ะ..(ลืมบอกไปน่ะครับเคลเป็นผู้หญิง)
เสบาส: อืม....จะอ่านล่ะกัน
(เคลออกจากห้องไป)
(เสบาสได้เปิดเอกสารดูและเจอเข้ากับแผนที่ตั้งของอะไรบางอย่างและคำที่เขียนมาบอกว่า"แผนที่แรกจะเป็นฐานทัพของเผ่าพันธุ์อื่นส่วน แผนที่ที่2คือบ้านฉันเอง ตอนนี้กำลังดูแลเด็กหนุ่มมนุษย์น่ารักอยู่หน่ะจ้ะ ไม่ต้องมาเร็วก็ได้น่ะ...")
(หลังจากที่เสบาสเปิดอ่านเขาก็ปิดและรีบวิ่งไปเตรียมของก่อนจะออกเดินทางด้วยเวทย์ตามกำเนิดตัวเอง)
(เวทย์ตามกำเนิดของเขาตื่นขึ้นจากการต่อสู้กับสมาคมต่อต้านฮีโร่บางส่วนที่หลงเหลืออยู่จนได้ปลดล็อคเงื่อนไขมาและชื่อมันก็คือ Explosivesหรือวัตถุระเบิด ที่จะมีหลากหลายประเภทแต่โดยส่วนใหญ่ที่เสบาสใช่จะเป็นแก๊สกับชนวนติดไฟจากเสื้อผ้าสั่งทำเนื้อพิเศษ)
เสบาส: เจ้าหนูอย่าพึ่งเป็นอะไรไปน่ะ...เดี๋ยวไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว...(ที่เสบาสรีบขนาดนี้เพราะเขาก็รู้นิสัยของเรย์ดีว่าเธอชอบเด็กหนุ่มมากแค่ไหนและนึกไม่ออกว่าสภาพหลังจากนั้นจะเป็นยังไง)
[ตัดมาที่ฝั่งพระเอก]
(ณ ห้องนอน)
รูเมีย: อื้มม...(พึ่งตื่น)
รูเมีย: หื้มมม...เมี๊ยววว...(ยืดเส้นยืดสายที่เตียง)
เรย์: (เรย์จังได้มองอยู่ที่ขอบประตูลับๆและมีหน้าที่หิวกระโหยและดูเหมือนเธอจะทนไม่ได้จะสิ้นใจประตูจึงเปิดออกเผยเรย์จังที่ดูอ่อยๆเดินเข้ามา)
รูเมีย: หึ...คุณเรย์ตื่นแล้วหรอครับ..อรุณสวัสดิ์น่ะครับ
เรย์: (เรย์จังเดินเข้ามาและกดแขนรูเมีย) อื้ม.....ขอหม่ำแล้วน้าา...
รูเมีย: เดี๋ยวก่อนสิครับคุณเรย์!!@#฿.....(รูเมียหน้าแดงปริ้น)
(บนอากาศที่ทะเล)
เสบาส: หนุ่มน้อยอย่าพึ่งแห้งตายน่ะ!!!!
[จบ]
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!