NovelToon NovelToon

พันธะชะตาร้าย (Omegaverse)

แรกพบ 1/1

“เบลค ซุปล็อบสเตอร์ห้อง VVIP ได้แล้วนะ” เสียงจากพ่อครัวอัลฟ่าที่ดังออกมาจากเคาน์เตอร์ครัวเรียกความสนใจของโอเมก้าตัวเล็กที่กำลังหยิบขวดไวน์ราคาแพงเรียงใส่ชั้นไวน์แทนที่ขวดเก่าหลายขวดที่เขาพึ่งหยิบออกไปเสิร์ฟตามคำสั่งของลูกค้า

หนุ่มหน้าหวานรับคำก่อนจะหันไปหยิบถ้วยซุปที่ถูกจัดแต่งดูสวยงามน่ารับประทานใส่ถาดและรีบเดินขึ้นไปยังห้อง VVIP บนชั้นสองที่มีอยู่เพียงห้องเดียวในร้านอาหารหรูหราแห่งนี้

เด็กหนุ่มเคาะประตูห้องตามมารยาทและเปิดประตูเข้าไป

ลูกค้าที่เป็นผู้สั่งอาหารคือโอเมก้าหนุ่มหน้าตาสวยหยาดเยิ้มคนหนึ่งที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง แม้ว่าบนโต๊ะจะถูกเซ็ตอุปกรณ์ทานอาหารไว้สำหรับสองที่ก็ตาม คาดว่าคนที่นัดไว้อีกคนคงยังมาไม่ถึง

เบลควางถ้วยซุปลงตรงหน้าอีกฝ่าย ทว่าเขากลับได้รับสายตาไม่พอใจตวัดมองกลับมา

“จะรีบเอามาเสิร์ฟทำไม ไม่เห็นเหรอว่าคู่ดินเนอร์ของฉันยังไม่มา” เสียงหวานกล่าวอย่างขุ่นเคือง นั่นทำให้เบลคอดคิดในใจไม่ได้ว่า ‘ถ้าเขายังไม่มาแล้วคุณจะรีบสั่งอาหารเพื่ออะไรล่ะครับ’

“เก็บไปอุ่น รอคุณคาร์ไลล์มาแล้วค่อยยกมาเสิร์ฟใหม่” น้ำเสียงไพเราะที่ค่อนข้างห้วนนั้นยังคงสั่งอย่างเอาแต่ใจ

เบลคกำลังจะอธิบายว่าแม้ว่าห้องนี้จะเป็นห้องระดับเลิศหรูที่สุดในร้านอาหารแห่งนี้ ทว่าช่วงเวลาที่มีคนเข้ามาใช้บริการมากที่สุดของทุกวันแบบนี้ คงจะไม่มีพนักงานว่างมายืนเฝ้าหน้าห้องคอยดูว่าคู่ดินเนอร์ของอีกฝ่ายจะมาตอนไหน เพราะทุกคนต่างต้องคอยบริการทั้งห้อง VIP อีกสิบห้องที่ชั้นสองนี้ และในห้องโต๊ะรวมที่อยู่ชั้นล่างด้วย

ทว่าเขายังไม่ทันได้เปิดปากอธิบาย ประตูห้องก็ถูกเคาะสองครั้ง ก่อนที่มันจะถูกเปิดออกพร้อมกับกลิ่นดอกลิลลีแห่งหุบเขาหอมฟุ้งที่พวยพุ่งเข้ามากระแทกหน้าเบลคอย่างจังจนเขาสติพร่าเบลอไปชั่วครู่ โอเมก้าตัวน้อยรู้สึกตัวร้อนผ่าวคล้ายเหมือนกับจะไข้ขึ้นอย่างปุบปับ

เด็กหนุ่มหันไปมองส่วนสูงและใบหน้าหล่อเหลาของผู้มาใหม่อย่างตกตะลึง จากลักษณะของคนผู้นี้ต่อให้กลิ่นจะหอมเย้ายวนแค่ไหนก็ไม่ใช่โอเมก้าแน่ ๆ เพราะเรือนร่างที่สูงใหญ่ผึ่งผาย ไหล่กว้าง เอวสอบ ช่วงขาเพรียวยาว ทั้งยังดูหล่อเหลาสง่างาม ไม่เหมือนอัลฟ่าที่สามารถพบเจอได้ทั่วไป

อีกฝ่ายมีเรือนผมและคิ้วเข้มดกหนาสีบรอนซ์เงิน ดวงตาคมกริบดูดุดันสีน้ำเงินราวกับไพลิน ลักษณะคล้ายคลึงกับคนรู้จักของเขาคนหนึ่งมากเลยทีเดียว

เบลคคิดว่าลูกค้าอัลฟ่าคนนี้คงเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ถึงได้ตัวสูงใหญ่โดดเด่นมากขนาดนี้ เพราะอัลฟ่าที่ตัวสูงใหญ่แถมยังหล่อเหลางดงามเกินมาตรฐานอัลฟ่าทั่วไป ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยเจอนับครั้งได้

ทว่าเขาไม่กล้ามองลูกค้านานนัก เพราะรู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาท หลังจากพวกเขาทั้งคู่สบตากันแล้วต่างฝ่ายต่างนิ่งค้างกันไปครู่หนึ่ง เบลคก็ก้มหน้าหลบสายตาคมเข้มดุดันคู่นั้นอย่างลนลาน รีบเก็บถาดเสิร์ฟแนบตัวและขอตัวเดินออกจากห้องไปอย่างรู้หน้าที่

เมื่อออกมาจากห้องโอเมก้าตัวน้อยก็ต้องหยุดยืนพักหายใจอยู่ชั่วครู่ เขาตบหน้าอกตัวเองเบา ๆ สองสามครั้งเพื่อเรียกสติ เพราะกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าตัวโตนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้มมาก เขาไม่เคยได้กลิ่นอัลฟ่าคนไหนรุนแรงและหอมมากขนาดนี้มาก่อน หอมจนเกือบจะทำให้เขาฮีทและแทบจะควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ อยากเดินเข้าไปออดอ้อนทิ้งตัวซบหน้าลงกับอกกว้างนั้น อยากให้อัลฟ่ากลิ่นดอกไม้โอบกอดและปลอบประโลมเวลาเขาเหนื่อยล้า และให้เรือนร่างสูงใหญ่นั้นเป็นที่พึ่งยามรู้สึกอ่อนแอ ไม่รู้ทำไมโอเมก้าตัวน้อยถึงได้รู้สึกว่าหากได้อยู่ในอ้อมกอดของคนผู้นั้น เขาจะถูกปกป้องให้ปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง

เบลคนั้นเป็นโอเมก้าที่คล้ายกับเบต้าเสียมากกว่า เขาไม่ค่อยได้กลิ่นฟีโรโมนมากนักไม่ว่าจะเป็นของอัลฟ่าหรือว่าโอเมก้าด้วยกันเองก็ตาม และเขาก็ไม่ได้มีอาการฮีทปกติเหมือนโอเมก้าโดยทั่วไปที่มักจะมีรอบฮีททุกเดือน แต่เด็กหนุ่มจะมีรอบฮีทที่ประมาณสามถึงสี่เดือนครั้ง อีกทั้งระยะเวลาในช่วงฮีทก็สั้นกว่ามาก โอเมก้าคนอื่นอาจจะมีช่วงฮีทหนึ่งถึงสามวัน แต่เขามีช่วงฮีทแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าหากผลตรวจจากโรงพยาบาลไม่ยืนยันว่าเขาเป็นโอเมก้า เด็กหนุ่มก็คงคิดว่าตัวเองเป็นเบต้าไปแล้ว

หมอบอกว่าอาการของเขาเป็นเพราะต่อมฟีโรโมนทำงานผิดปกติ แต่เบลคคิดว่านอกจากมันไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตแล้ว ความบกพร่องในข้อนี้ยังเอื้อประโยชน์ให้เขาใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้นอีกต่างหาก และเพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เด็กหนุ่มจึงไม่ได้ไปเข้ารับการรักษาแต่อย่างใด

แต่วันนี้พอได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าผลสีบรอนซ์เงินแล้ว เขาก็แทบจะควบคุมร่างกายตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ ยังรู้สึกค่อนข้างแปลกใจไม่น้อยที่อัลฟ่าตัวโตจะมีฟีโรโมนกลิ่นดอกไม้หอมหวานเช่นนี้ เพราะส่วนมากมักจะเป็นโอเมก้าที่มีฟีโรโมนกลิ่นหอมหวานเย้ายวนเพื่อดึงดูดเชื้อเชิญอัลฟ่ามาจับคู่ด้วย ทว่าอัลฟ่าหน้าดุที่เขาพึ่งจะเดินผ่านออกมานั้นกลับมีกลิ่นของดอกลิลลีแห่งหุบเขา ซึ่งเขายังไม่เคยได้กลิ่นฟีโรโมนนี้แม้กระทั่งกับโอเมก้าด้วยกันเอง

แต่เบลคกลับคิดว่าฟีโรโมนกลิ่นนี้ก็คงเหมาะกับอัลฟ่าคนนั้นแล้ว

ดอกลิลลีแห่งหุบเขาแม้รูปลักษณ์ของมันจะแลดูอ่อนหวานน่ารักน่าทะนุถนอม แถมกลิ่นยังหอมหวานเย้ายวน ทว่ากลับเป็นดอกไม้ที่อันตราย เพราะทุกส่วนของมันล้วนมีพิษ

บุคลิกของอัลฟ่าผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีไพลินคู่นั้นดูอันตรายไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งโอเมก้าตัวน้อยคิดว่าท่าทางเคร่งขรึมดุดันของอีกฝ่ายน่ากลัวเอามาก ๆ ดังนั้นความเคลิบเคลิ้มอยากพุ่งเข้าใส่อ้อมอกกว้างจึงแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นระคนตื่นกลัวแทนในตอนที่ได้สบตากัน

แต่ถึงอย่างไรอาการเหมือนกำลังจะฮีทนี่ก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เบลคจึงรีบหยิบยาระงับฮีทที่มักจะพกติดตัวขึ้นมากินทันที ก่อนจะรีบลงไปดื่มน้ำที่ด้านล่าง

คาร์ไลล์ได้สติคืนกลับมาเมื่อบริกรตัวน้อยเดินออกจากห้องไปแล้ว หลังจากที่เขาสบตากับเจ้าของดวงตากลมโตสีเขียวมรกตแวววาวคู่นั้น อัลฟ่าหนุ่มก็เหมือนถูกดึงดูดจนไม่อาจละสายตา แม้อีกฝ่ายจะก้มหน้าหลบสายตาไปแล้ว เขาก็ยังไม่อาจเลิกมองใบหน้าหวานละมุนนั้นได้

อัลฟ่าหนุ่มตระกูลแบล็กเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อพบว่ากลิ่นฟีโรโมนของคนตัวเล็กที่พึ่งจะเดินหลบออกไปนั้นมีกลิ่นหอมสะอาด ลุ่มลึก และสดชื่นละมุนละไมชวนเคลิบเคลิ้ม จนรู้สึกได้ว่าร่างกายท่อนล่างของตัวเองร้อนผ่าวและตื่นตัวขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม

เขาอยากจะขยับเข้าไปคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดแล้วจรดจมูกซุกซบลงบนผิวขาวนั่นอย่างแนบชิด อยากกัดขย้ำหลังคอขาวเนียนนั่นให้จมเขี้ยวตีตราสลักความเป็นเจ้าของเพื่อไม่ให้ใครได้กลิ่นหอมสะอาดนั้นอีก ทั้งที่ตอนนี้เขายังมีสติครบถ้วนดีไม่ได้อยู่ในสภาวะรัทแต่อย่างใด ชายหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์อย่างเต็มที่เพื่อกดความต้องการของตัวเองลงไป จนดวงตาสีน้ำเงินของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเพราะความต้องการแวบหนึ่ง

คาร์ไลล์ไม่เคยชอบกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้ามาตลอด ไม่ว่าจะกลิ่นขนมหวาน กลิ่นดอกไม้ หรือกลิ่นผลไม้ต่าง ๆ แค่ได้กลิ่นก็รู้สึกไม่ดีแล้ว บางคนอาจจะแค่กลิ่นฉุน แต่บางคนกลับชวนให้รู้สึกคลื่นไส้วิงเวียน ยิ่งถ้าโอเมก้าคนไหนใช้กลิ่นของตัวเองมาพยายามยั่วยวนเขา มันชวนให้อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกสะอิดสะเอียนมากกว่าทำให้คาร์ไลล์ลุ่มหลงกระสันอยาก และเขาไม่เคยเกิดอาการรัทเพราะกลิ่นฟีโรโมนยามฮีทของโอเมก้าพวกนั้น

ทว่ากลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าตัวน้อยที่พึ่งเดินผ่านเขาออกไปนั่นกลับให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป มันเป็นกลิ่นไม้หอมที่ทำให้เขารู้สึกดีมากและผ่อนคลายจนอยากคว้าร่างบอบบางนั้นเข้ามากอดไว้ในอกไม่ให้ห่างไปไหน สัญชาตญาณบางอย่างของอัลฟ่าบอกเขาว่าโอเมก้าที่พึ่งเดินออกไปจากห้องเกิดมาเพื่อเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

คาร์ไลล์มั่นใจว่ากลิ่นของอีกฝ่ายเป็นกลิ่นไม้หอม ไม่ใช่กลิ่นดอกไม้ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเป็นไม้หอมชนิดใดเพราะไม่ค่อยได้ใส่ใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่

อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง เพราะหายากมากที่โอเมก้าจะมีฟีโรโมนเป็นกลิ่นไม้หอม แต่พอนึกว่าเขาที่เป็นอัลฟ่าแต่กลับมีฟีโรโมนกลิ่นดอกไม้ก็ได้แต่คิดว่า บางทีเด็กคนนั้นอาจจะเป็นพวกหนึ่งในล้านเหมือนกันกับเขาก็ได้

“คุณคาร์ไลล์มาแล้ว” เสียงอ่อนหวานนุ่มนวลดังขึ้นเรียกสติทำให้คาร์ไลล์เลิกสนใจเด็กหนุ่มโอเมก้าดวงตาสีเขียวมรกตคนนั้น เขาถอดโอเวอร์โค้ตออกแขวนไว้ ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

“กรุณาเรียกผมว่าแบล็ก เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” หลังจากนั่งลงเรียบร้อยชายหนุ่มก็เอ่ยเสียงเรียบ เขาไม่ชอบให้คนอื่นมาเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมแบบนั้น โดยเฉพาะพวกคนที่มีจุดประสงค์แอบแฝง ยิ่งเป็นโอเมก้ายิ่งไม่ชอบจนถึงขั้นรู้สึกรังเกียจ

มิเกลหน้าเจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เจ้าตัวก็ยังพยายามปั้นยิ้มให้สวยที่สุดส่งให้อัลฟ่าหล่อเหลาตรงหน้าก่อนจะเอ่ยรับคล้อยตามอย่างเอาใจ

“ครับคุณแบล็ก” มิเกลเรียกนามสกุลของอีกฝ่ายเสียงอ่อนอย่างต้องการเอาใจ

“มีธุระอะไรจะคุยกับผมก็ว่ามาเถอะ” คาร์ไลล์ไม่สนใจใบหน้าสวยหวานของอีกฝ่ายที่พยายามคลี่รอยยิ้มหวานหยดชวนมองมาให้เขาอยู่ตลอดเวลา รีบชวนเข้าเรื่องเพราะเขารู้ความต้องการของอีกฝ่ายดีว่าเชิญเขามาวันนี้เพราะอะไร

“สั่งอาหารก่อนดีไหมครับแล้วเราค่อยเริ่มคุยกัน ผมพึ่งสั่งไปแค่ซุปกับสลัด ไม่ทราบว่าคุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า เลยรอคุณมาช่วยกันเลือกอีกทีจะได้ถูกใจ” เสียงหวานใสนั้นกล่าวอย่างประจบเอาใจ ก่อนจะเลื่อนเมนูที่ออกแบบอย่างหรูหราให้คนตัวโตตรงหน้า

ร่างบอบบางของโอเมก้าโน้มตัวเข้าหาโต๊ะ เพื่อให้ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองคนขยับเข้ามาใกล้กันมากขึ้นอีกนิด ทั้งยังจงใจปล่อยฟีโรโมนกลิ่นวานิลลาหอมหวานออกมาบาง ๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์และเรียกร้องความสนใจจากอัลฟ่าหนุ่ม

คาร์ไลล์หยิบเมนูมาเปิดดูผ่าน ๆ โดยไม่สนใจจะช่วยกันเลือกตามที่โอเมก้ากลิ่นวานิลลาบอกแต่อย่างใด เมื่อตัดสินใจได้ว่าจะทานอะไรก็กดปุ่มที่ซ่อนอยู่ข้างโต๊ะเพื่อเรียกบริกรขึ้นมารับรายการอาหาร

หลังจากเขากดปุ่มไปเพียงไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น จากนั้นโอเมก้าหน้าหวานที่พึ่งจะเดินสวนเขาออกไปก็เปิดเข้ามา และเดินมาหยุดยืนเว้นระยะห่างอยู่ด้านข้างเพื่อรอรับคำสั่ง

อัลฟ่าหนุ่มมุ่นคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าฟีโรโมนกลิ่นหอมลุ่มลึกของไม้หอมที่เขายังไม่ทราบชื่อนั้นช่างรบกวนเขาอย่างน่าหงุดหงิด กลิ่นมันหอมเย้ายวนชวนให้รู้สึกอยากลากอีกฝ่ายขึ้นเตียงเสียเดี๋ยวนี้ ทำให้อีกฝ่ายเป็นของเขาแค่คนเดียว และอยากกัดขย้ำตีตราแสดงความเป็นเจ้าของที่ลำคอบอบบางนั้นให้จมเขี้ยวใจแทบขาด

แม้ว่าตอนนี้ภายในห้องอาหารจะฟุ้งไปด้วยกลิ่นวานิลลาน่าสะอิดสะเอียนที่โอเมก้าบางคนจงใจปล่อยออกมาล่อลวงเขาอย่างไร้มารยาท ทว่าประสาทสัมผัสของคาร์ไลล์กลับตอบรับแต่กลิ่นไม้หอมจาง ๆ ของบริกรโอเมก้าตัวน้อยที่พยายามเก็บซ่อนกลิ่นของตัวเองอย่างเต็มที่เพื่อรักษามารยาททางสังคม นั่นทำให้อัลฟ่าตัวโตหงุดหงิดไม่น้อยที่ฟีโรโมนของอีกฝ่ายมีผลกับเขามากขนาดที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

“ถอยออกไปไกล ๆ หน่อย” คาร์ไลล์สั่งเสียงเข้มทำเอาคนพึ่งเข้ามาใหม่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะถอยออกห่างไปจากเขาสองก้าวยาว ๆ จนเกือบจะชิดผนังห้องด้านหลัง

เบลคไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า เมื่อครู่ตอนที่อัลฟ่าตัวโตหันหน้ามาพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดุดันนั้น เด็กหนุ่มเหมือนจะเห็นว่าดวงตาสีไพลินของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปเป็นสีแดงฉานวาววับแวบหนึ่ง และมันค่อนข้างน่ากลัวอยู่ไม่น้อย

โอเมก้าตัวน้อยกระพริบตาเพื่อมองให้ชัดกลับพบว่าดวงตาอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นสีน้ำเงินกระจ่างดุจห้วงมหาสมุทรดังเดิม สงสัยว่าเขาอาจจะหิวหรือนอนน้อยจนหน้ามืดตาลายไปหมดแล้ว

“สเต๊กแกะสุกปานกลางกับไวน์แดง...” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่ออาหารเรียบง่ายออกมาจานเดียวพร้อมกับไวน์แดงยี่ห้อดังราคาแพงอีกขวดเพียงเท่านั้น จากนั้นฝ่ามือใหญ่ทว่าเรียวสวยก็วางเมนูลงบนโต๊ะเพื่อตัดจบการสนทนา แม้ใจจริงจะชอบอาหารไทยของร้านนี้มาก แต่เขาไม่มีอารมณ์จะนั่งรับประทานอาหารร่วมกับโอเมก้าไร้ยางอายบางคนนาน ๆ ไม่สู้เลือกทานอาหารง่าย ๆ แล้วรีบกลับจะดีกว่า

“สเต๊กแซลมอน อ้อ อย่าให้สุกมากจนเนื้อกระด้างเกินไปล่ะ” เสียงหวานใสดังมาจากโอเมก้าหนุ่มหน้าสวย เบลคตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อยและขอตัวเดินออกจากห้องเมื่อหมดหน้าที่ ทว่ายังไม่ทันได้ดึงประตูเปิดออก น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาที่ไม่ชวนให้อยากเข้าใกล้นั้นก็เอ่ยคำพูดประโยคหนึ่ง

“ให้เบต้าหรืออัลฟ่ามาเสิร์ฟ”

“ครับ” โอเมก้าตัวน้อยตอบรับสั้น ๆ ก่อนจะออกจากห้องไป

เบลคแจ้งรายการอาหารแก่พ่อครัว และแจ้งความต้องการของลูกค้าให้ผู้จัดการทราบ

คุณแฮริสันมองหน้าเขาอย่างขอลุแก่โทษที่วันนี้ปล่อยให้เขาไปรับออเดอร์จากห้องนั้น โดยที่ไม่ทันได้ดูให้ดีว่าผู้มาใช้บริการคือใคร เพราะห้องนั้นจองมาในชื่อของมิเกล เขาจึงไม่รู้ว่ามีทายาทตระกูลแบล็กมาร่วมด้วย

“ฉันต้องขอโทษด้วยนะเบลค อัลฟ่าคนที่มาคือหลานชายตระกูลแบล็กคนนั้นนั่นแหละ เธอก็เคยได้ยินมาแล้วว่าเขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับโอเมก้าสักเท่าไหร่ ปกติถ้าเขามาฉันจะไม่ได้ให้พวกเราที่เป็นโอเมก้าไปดูแลอยู่แล้ว แต่วันนี้เพราะมัวแต่ยุ่ง ๆ ก็เลยลืมดูไปเสียสนิท” แฮริสันหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่า ‘เกลียดโอเมก้า’

ในสังคมชนชั้นสูงไม่มีใครไม่รู้จักตระกูลแบล็ก และคาร์ไลล์ก็เป็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูลแบล็กในตอนนี้ เขาขึ้นชื่อว่าไม่ชอบโอเมก้าเป็นอย่างมาก หรืออาจจะเข้าขั้นเกลียดด้วยซ้ำถ้าจะให้พูดตามตรง คนที่เคยมีข่าวคราวด้วยทั้งชายและหญิงล้วนไม่เคยปรากฏว่ามีเพศรองเป็นโอเมก้ามาก่อน เหล่าตระกูลดังที่หวังจะใช้ลูกหลานโอเมก้าหน้าตางดงามและมีฟีโรโมนกลิ่นหอมเย้ายวนมาเป็นสะพานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลแบล็กรุ่นหลานล้วนถูกอัลฟ่าหนุ่มปฏิเสธอย่างไม่ถนอมน้ำใจ ไม่รู้ว่าเขาทำโอเมก้าตัวน้อย ๆ เสียน้ำตาไปกี่คนแล้ว

แต่เรื่องนี้จะโทษคาร์ไลล์คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะสิ่งที่เขาต้องพบเจอตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทำให้อัลฟ่าหนุ่มฝังใจจนไม่คิดพิศวาสโอเมก้ามาจนถึงตอนนี้

เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในวงกว้างแต่กลับถูกกล่าวถึงอย่างเงียบ ๆ เพราะคงไม่มีใครอยากพูดอะไรให้คนตระกูลแบล็กไม่พอใจนัก เพราะมันจะเป็นผลร้ายกับตัวคนพูดมากกว่าผลดี

แต่คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหลานชายตระกูลแบล็กก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ตัวอย่างก็เช่น เบลค บุตเชอร์ คนนี้นั่นเอง

เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับปากท้องของตัวเอง โอเมก้าตัวน้อยจึงไม่ค่อยมีเวลามาใส่ใจเรื่องชาวบ้านสักเท่าไหร่ คนหาเช้ากินค่ำอย่างเขาแค่เอาตัวรอดไปวัน ๆ ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเด็กหนุ่มก็ยังตอบรับผู้เป็นเจ้านายอย่างเข้าอกเข้าใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดมากอะไร” เบลคกล่าวยิ้ม ๆ

แน่นอนว่าเขาโกหก

แม้ว่าทุกวันนี้โอเมก้าจะมีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ไม่ถูกกดขี่เป็นชนชั้นล่างเหมือนเช่นในอดีต มีกฎหมายเกี่ยวกับการถูกทำพันธะโดยไม่เต็มใจออกมาคุ้มครองอย่างจริงจัง แต่ความเท่าเทียมนี้มันก็เกิดขึ้นกับคนแค่บางกลุ่มเท่านั้น

โอเมก้าที่มีฐานะและชาติตระกูลดีจะได้รับการปฏิบัติอย่างยกย่องให้เกียรติราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ แต่โอเมก้าที่ไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองก็ยังถูกคนบางคนมองว่าเป็นชนชั้นต่ำต้อยอยู่ดี และหากไม่ระมัดระวังดูแลตัวเองให้ดีก็อาจถูกบังคับหรือลักพาตัวไปขายให้คนมีเงินที่อยากมีโอเมก้าไว้เป็นเครื่องมือบำบัดความใคร่บนเตียงเอาได้ง่าย ๆ เพราะในบรรดาเพศรองทั้งหมด โอเมก้ามีจำนวนประชากรน้อยที่สุด เป็นเพศที่อ่อนแอที่สุด แต่นอกจากจะไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมแล้ว บางคนยังคงดูถูกกดขี่ข่มเหงและเหยียดหยาม เพราะเรื่องความเท่าเทียมของทุกเพศในโลกนี้ยังเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่สวนกับการกระทำโดยสิ้นเชิง

ตั้งแต่เริ่มออกมาทำงานหน้าร้าน มีบางครั้งที่เขากับเพื่อนร่วมงานที่เป็นโอเมก้าถูกผู้จัดการสั่งห้ามรับรายการอาหารจากห้องพิเศษ โดยได้ยินมาว่าผู้มาใช้บริการคือหลานชายตระกูลแบล็ก

แม้จะรู้สึกคุ้นเคยกับนามสกุลนี้อยู่บ้างแต่เบลคก็คิดว่าคงเป็นเรื่องบังเอิญที่คนรู้จักของเขากับอัลฟ่าหน้าดุคนนี้มีนามสกุลเดียวกัน ตอนนั้นเขาไม่ได้สนใจจะไปสอดส่องว่าอัลฟ่าคนนั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ถูกสั่งห้ามก็ไม่เคยไปเดินเฉียดผ่านให้วุ่นวาย แค่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเท่านั้น

วันนี้เขาพึ่งได้เห็นกับตาตัวเอง และก็คงจะอย่างที่ได้ยินมา คาร์ไลล์ แบล็ก ดูท่าทางจะไม่ชอบโอเมก้าจริง ๆ ขนาดคู่เดตที่เป็นโอเมก้าหน้าตาสวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นเขายังจงใจนั่งเสียห่าง แม้แต่หน้าก็ดูเหมือนไม่ได้อยากจะมองสักเท่าใดนัก

เบลคนำอาหารที่ออกมาจากครัวไปเสิร์ฟที่โถงรวมด้านนอก และรับออเดอร์จากลูกค้าที่เข้ามาใหม่เอาไปส่งในครัว ออกไปช่วยเก็บและทำความสะอาดโต๊ะที่ลูกค้ากลับไปแล้วอย่างไม่เกี่ยงงาน

คาร์ไลล์ทานสเต๊กแกะสลับกับดื่มไวน์แดงขึ้นชื่อราคาแพงที่สั่งมาด้วยตัวเองจนหมดไปสองแก้ว เขาใช้เวลาไม่เร็วไม่ช้าเกินไปในทานอาหารมื้อนี้ และการพูดคุยเรื่องงานที่ถูกอ้างให้ออกมาพบก็ไม่ได้มีอะไรสลักสำคัญเลยสักนิด

อัลฟ่าหนุ่มปฏิเสธที่จะรับของหวาน เพราะเขาไม่ได้ชื่นชอบสักเท่าไหร่ บริกรอัลฟ่าที่เข้ามาเสิร์ฟของหวานขึ้นชื่อของภัตตาคารแห่งนี้จึงต้องถือกลับออกไปหนึ่งจาน

ก่อนออกจากห้องเขาหันไปสบตากับโอเมก้ากลิ่นวานิลลาที่เป็นคนสั่งเมนูนี้เงียบ ๆ คล้ายกับจะสื่อสารบางอย่างก่อนจะก้าวออกจากห้องไป ทว่าเจ้าตัวไม่ได้เดินลงไปข้างล่าง กลับยืนเฝ้าห่างออกไปจากหน้าห้องเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ใครมารบกวนคนด้านใน

เพียงไม่นานนักในห้อง VVIP ก็มีเสียงวัตถุบางอย่างตกกระทบพื้นและแตกออกเป็นเสี่ยง ตามด้วยเสียงร้องครวญครางด้วยความทรมาน กลิ่นหอมฟุ้งหวานเลี่ยนของวานิลลาที่โชยตลบภายในห้องอาหารที่กั้นเป็นส่วนตัวมิดชิดแห่งนี้ไม่ได้ทำให้อัลฟ่าเพียงคนเดียวในห้องนั้นไหวติงเลยสักนิด

ชายหนุ่มทำเพียงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางกอดอกมองโอเมก้าตัวเล็กที่กำลังฮีทด้วยสายตาเย็นเยียบราวกับว่าคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้น

คาร์ไลล์หยิบเข็มฉีดยาเล็ก ๆ สีเงินอันหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อสูท เขาโยนมันลงไปตรงหน้าร่างบอบบางที่กำลังทุรนทุรายด้วยความกระสันและคลานเข้ามากอดขาเขาพลางดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองอย่างยั่วยวนเชิญชวน

“คุณคาร์ไลล์ ช่วยด้วย...ช่วยผมด้วย ผมทรมานมากเลย” น้ำเสียงอ่อนหวานนั้นเรียกชื่อคาร์ไลล์อย่างออดอ้อนชวนให้เคลิบเคลิ้มเป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากมีอัลฟ่าสักคนนั่งแทนที่เขาในตอนนี้ คงถูกน้ำเสียงกระเส่า ฟีโรโมนยามฮีท และท่าทางร่านสวาทนี้ปลุกเร้าจนเตลิด ฉุดรั้งให้จับโอเมก้าตัวเล็กเปลื้องผ้าเพื่อตอบสนองตัณหาไปแล้ว

ทว่าเสียดายที่คนที่นั่งอยู่ตรงนี้เป็นเขา

“ฉีดยาระงับไป ไม่อย่างนั้นจะมาหาว่าฉันใจร้ายไม่ได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำสุดแสนเย็นชาดังออกมาจากริมฝีปากได้รูปของอัลฟ่าหนุ่ม

“ได้โปรด ผมต้องการคุณ” อีกฝ่ายยังคงคืบคลานมาใกล้เขา มือเรียวเล็กบอบบางตามแบบฉบับของโอเมก้าลูกผู้ดีพยายามเอื้อมมาลูบไล้บริเวณหว่างขาของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยังคงสงบนิ่ง ต่างจากอัลฟ่าทั่วไปที่แค่ได้กลิ่นโอเมก้าฮีทคงมีปฏิกิริยาตอบสนองและพุ่งเข้าหาเจ้าตัวแล้ว

“อยากเป็นสะใภ้ตระกูลแบล็กจนตัวสั่นเลยสินะ” คาร์ไลล์ถามพลางปัดมือนุ่มนิ่มนั้นออกให้พ้นส่วนสำคัญของตน ดวงตาสีไพลินจ้องมองใบหน้าสวยหวานที่แดงก่ำดูเย้ายวนด้วยความดูแคลน มือแกร่งข้างหนึ่งออกแรงเบา ๆ ก็สามารถผลักให้ร่างบอบบางนั้นถอยห่างจากตัวเขา ก่อนจะยกขาขึ้นไขว่ห้างมองภาพตรงหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน

“อยากได้ของคุณ เข้ามาในตัวผม คาร์ไลล์...ผมต้องการคุณ...ได้โปรด” โอเมก้าตัวเล็กพูดพลางปลดปลอกคอหนังสีน้ำตาลอ่อนราคาแพงออกจากลำคอบอบบางขาวเนียนของเจ้าตัว และพยายามหยัดกายขึ้นขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่มอีกครั้ง หวังปีนป่ายไปนั่งบนตักกว้างเพื่อเชื้อเชิญให้อัลฟ่าตัวโตสัมผัสเรือนร่างและร่วมมีความสัมพันธ์กับเขา

“ในเมื่อนายไม่ฉีดยาระงับก็โทษความโง่เง่าของตัวเองเถอะ” คาร์ไลล์พูดพลางผลักร่างบอบบางออกห่าง ขยับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง และก้าวไปหยิบโอเวอร์โค้ตที่แขวนไว้ข้างประตูมาสวม ก่อนจะเปิดประตูเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจว่าด้านนอกมีพนักงานที่เป็นอัลฟ่ายืนเฝ้าอยู่

ในทีแรกอีกฝ่ายไม่กล้าเข้ามายืนใกล้ประตูเพราะฟีโรโมนกดข่มของเขาที่แผ่ออกมาข่มขู่กดดัน

ทว่าหลังจากที่คาร์ไลล์เดินออกจากห้องชายหนุ่มก็เก็บฟีโรโมนของตัวเองกลับไปทันที ในเมื่อเขาเสนอทางรอดให้กลับใจแต่คนในห้องกลับไม่ยอมรับน้ำใจ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

คาร์ไลล์หันไปมองอัลฟ่าที่ร่วมมือกับแผนการน่ารังเกียจนี้ด้วยสายตาเย็นชาจนน่าขนลุกราวกับว่าจดจำหน้าตาของอีกฝ่ายไว้แล้ว ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่สนใจความวุ่นวายด้านหลัง ซึ่งหลังจากที่เขาเก็บฟีโรโมน อัลฟ่าคนนั้นก็เหมือนจะอยู่ไม่สุข รีบเปิดประตูพุ่งตัวเข้าไปในห้องนั้นทันที

อัลฟ่าหนุ่มเดินลงมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง แฮริสันที่เห็นอีกฝ่ายลงมาเพียงคนเดียวก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว เขาไม่ได้ยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีโอเมก้ามาฮีทในร้านของเขาไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ

พอลับหลังอัลฟ่าตระกูลแบล็ก เขาก็เกณฑ์พนักงานชายที่เป็นเบต้าแข็งแรงบึกบึนสองสามคนขึ้นไปที่ห้อง VVIP และให้ทุกคนเฝ้าอยู่จนกว่าสถานการณ์ด้านในจะคลี่คลาย

หลังออกจากร้านอาหารแห่งนั้น คาร์ไลล์ก็ขับรถมุ่งตรงกลับเพนต์เฮาส์ด้วยความหงุดหงิด แม้พอจะเดาได้ก็ตามทีว่ามันอาจจะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีนัดทานข้าวกับคู่ค้าหรือว่าไปงานเลี้ยงแล้วมีโอเมก้า ‘บังเอิญ’ มาฮีทต่อหน้าเขาขณะที่อยู่ตามลำพัง ช่างประจวบเหมาะเสียจนน่ารังเกียจ

มือเรียวยาวทว่าแข็งแกร่งทรงพลังของชายหนุ่มกดโทรออกหาเลขานุการสาวซึ่งเป็นเบต้า เพื่อให้จัดการเตรียมเอกสารยกเลิกสัญญากับบริษัทแปรรูปอาหารแช่แข็งแห่งหนึ่งทันที

[ค่ะคุณแบล็ก] น้ำเสียงหวานที่แฝงไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมตอบรับมาเพียงสั้น ๆ เพราะลอร่ารู้ว่าเจ้านายของเธอไม่ชอบคำตอบยืดเยื้อ และพรุ่งนี้เช้างานที่ลอร่าควรจัดการเป็นอย่างแรกก็คือเอกสารชุดนี้

เมื่อกลับถึงเพนต์เฮาส์หรูชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปยังส่วนของวอล์คอินคลอเซ็ต ถอดโอเวอร์โค้ตใส่ไม้แขวน ตามด้วยถอดสูทตัวนอกออก ถอดนาฬิกาข้อมือราคาเจ็ดหลัก จากนั้นปลดกระดุมเสื้อตัวในเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำพักผ่อน

ทว่าเพียงกระดุมหลุดไปแค่สองเม็ด โทรศัพท์มือถือของเผาก็แผดเสียงร้อง ดวงตาคู่คมเหลือบไปมองมือถือราคาแพงลิบที่วางอยู่บนโต๊ะแต่งตัวหน้ากระจกบานใหญ่ พอเห็นว่าเป็นใครโทรมาจึงยอมกดรับสาย

[ได้ข่าวว่าวันนี้เนื้อหอมอีกแล้วสินะหลานรัก] ไม่รอให้เขาได้อ้าปากทางต้นสายก็ทักทายมาก่อน น้ำเสียงทุ้มต่ำนุ่มนวลแฝงไปด้วยความหยอกล้อจนน่าต่อยให้สักหมัดแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากน้าชายที่มีอายุห่างจากเขาแค่เพียงสามปีเท่านั้น

“หุบปากไปเลยอลัน” เขาตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย พลางลงมือแกะกระดุมเม็ดที่เหลือออกจนหมดด้วยมือเพียงข้างเดียว

[นายโอเคใช่ไหม ไม่ได้เป็นอะไรใช่หรือเปล่า]

“ไม่ได้เป็นอะไร กลับถึงบ้านแล้ว” แม้ตอนแรกอีกฝ่ายจะใช้น้ำเสียงหยอกเย้าน่าโมโหไปสักหน่อย แต่ในประโยคหลังกลับฟังดูจริงจังมากขึ้นจนรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่อลันมีให้เขาจากใจจริง คาร์ไลล์จึงไม่ได้ใช้น้ำเสียงระอาใจตอบกลับไปเหมือนอย่างตอนแรก

คนที่วางแผนปล่อยฮีทใส่เขานั้นคงจะคิดไม่ถึงกันละสิว่า ฟีโรโมนหอมหวานร่านราคะชวนสะอิดสะเอียนของโอเมก้าในยามฮีทไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลยสักนิด เพราะความพิเศษที่เขาได้รับมาแต่กำเนิด แค่เป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ก็เหนือกว่าอัลฟ่าทั่วไปอยู่แล้ว แต่มีเพียงแค่คนในครอบครัวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่แพ้ฟีโรโมน ไม่ว่าจะเป็นฟีโรโมนของโอเมก้าตอนฮีทหรือฟีโรโมนกดข่มของอัลฟ่าด้วยกันเอง แม้กระทั่งอีนิกม่าอย่างอลันก็ยังไม่อาจสู้เขาได้ในเรื่องนี้

[นายไม่พลาดท่าเสียทีก็ดีแล้ว พักผ่อนเถอะ]

“อืม” คาร์ไลล์ตอบรับเบา ๆ ก่อนจะกดวางสาย

เขาหยิบเสื้อสูทที่พาดอยู่บนพนักเก้าอี้ไปใส่ไม้แขวนเพื่อรอส่งซัก จากนั้นถอดเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมออกจนหมดแล้วโยนลงตะกร้าผ้า ปลดเข็มขัดออกจากเอว ตามด้วยกางเกงผ้าเนื้อดีราคาแพง และชิ้นสุดท้ายเป็นกางเกงชั้นในยี่ห้อดัง หยิบผ้าขนหนูสีขาวขึ้นมาพันเอวที่มีกล้ามเนื้อเรียงตัวเป็นลอนสวยงามที่ได้มาจากวินัยในการดูแลตัวเอง จากนั้นเรือนร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งก็เดินเข้าห้องน้ำไปจัดการชำระร่างกายเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนเสียที

ทว่าหลังจากขึ้นเตียงแล้วอัลฟ่าหนุ่มกลับนอนไม่หลับ เพราะความรู้สึกกระวนกระวายบางอย่างรบกวนจิตใจเขาอยู่ตลอดเวลา

ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาถูกกลิ่นหอมสะอาดลุ่มลึกของโอเมก้าบางคนก่อกวนจนหลับไม่ลง ทั้งที่พึ่งได้กลิ่นเพียงแค่ครั้งสองครั้ง แต่กลิ่นนั้นกลับตราตรึงอยู่ในประสาทสัมผัสราวกับสิ่งมอมเมาให้ละเมอลุ่มหลง

ปกติเขาไม่เคยนึกชอบกลิ่นโอเมก้ามาก่อนไม่ว่าจะหอมเย้ายวนเพียงใดก็ตาม นั่นทำให้คาร์ไลล์หงุดหงิดงุ่นง่านจนแทบจะไม่สามารถหลับตาลงได้ และเมื่อนึกถึงใบหน้าสวยหวานและดวงตากลมโตสีเขียวมรกตคู่นั้น แกนกลางลำตัวแข็งขืนร้อนผ่าวจนต้องใช้มือช่วยปลดปล่อยให้มันสงบอยู่หลายครั้ง กว่าเขาจะได้นอนหลับจริง ๆ ฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว

#พันธะชะตาร้าย

แรกพบ 1/2

เช้าวันต่อมาคาร์ไลล์ยังคงเข้าบริษัทตามปกติแม้เมื่อคืนแทบจะไม่ได้นอนเลยก็ตาม แต่เพราะเขาชินแล้วเลยไม่ได้มีปัญหาในเรื่องนี้มากนัก

บริษัทที่เข้ามาทำงานนี้เขาถูกผู้เป็นปู่ดึงตัวให้เข้ามาช่วยคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเขาบริหารดูแล ด้วยถ้อยคำโน้มน้าวชักชวนที่ว่าต้องการชดเชยให้คาร์ไลล์กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตที่ชายหนุ่มไม่ได้อยากจะนึกถึงมันนัก

และก็เหมือนกับว่าการก้าวเข้ามาของคาร์ไลล์ทำให้บริษัทขนส่งที่แสนจะซบเซาและขาดทุนอย่างหนักจนรอวันล่มสลายกลับมาแข็งแกร่งขึ้นอีกครั้ง จากการวางแผนและนำเสนอความคิดอย่างชาญฉลาดจากลูกชายของอดีตภรรยาของท่านประธานคนปัจจุบัน

ยังไม่ทันที่คาร์ไลล์จะได้นั่งโต๊ะของตำแหน่งรองประธาน ลอร่าก็รีบร้อนเคาะประตูตามเข้ามาแจ้งว่ามีคนมาขอพบกับเขา ชายหนุ่มพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย แผ่นหลังกว้างเอนพิงเก้าอี้หนังตัวใหญ่ สองมือเรียวยาวประสานกันอยู่บนตัก แม้ท่วงท่านั่งพิงเก้าอี้เช่นนี้จะดูผ่อนคลาย แต่ด้วยบุคลิกของคาร์ไลล์กลับทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกถึงอำนาจที่แผ่กระจายจากร่างกายสูงใหญ่นี้จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นเกรง

เพียงแค่คนที่นั่งอยู่ในห้องเงยขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาและดวงตาสีน้ำเงินดุจไพลินคู่นั้นจ้องมองมาก็ทำเอามาร์คัสรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว แต่ในเมื่อวางแผนมาขนาดนี้ แม้จะหวั่นเกรงอัลฟ่าหนุ่มรุ่นลูกคนนี้ขนาดไหนเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไป

“คุณแบล็ก เมื่อคืนมิเกลไปทานข้าวกับคุณแล้วหลังจากนั้นเขาไม่ได้กลับบ้าน ถ้ามีใครรู้ว่าลูกชายผมหายไปกับคุณทั้งคืน มิเกลที่เป็นโอเมก้าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดไหน ผมเลี้ยงดูลูกชายปกป้องทะนุถนอมมาเป็นอย่างดี แต่คุณทำให้ลูกผมต้องอับอายขายหน้าคนอื่นแบบนี้จะรับผิดชอบชีวิตเขายังไง” ยังไม่ทันได้นั่งลง มาร์คัสก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นสนทนาที่เตรียมท่องมาทั้งคืนทันที

หนุ่มหล่อที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาขยับแผ่นหลังกว้างของเจ้าตัวออกห่างจากเก้าอี้ สองมือที่ประสานอยู่บนตักคลายออก มือข้างขวายกขึ้นมาวางบนโต๊ะ ปลายนิ้วชี้เรียวยาวเคาะกับโต๊ะทำงานเป็นจังหวะเนิบช้าเบา ๆ ริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่ายยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาดุดันสีไพลินคู่นั้นจับจ้องอยู่ที่หน้าของเขาทำเอามาร์คัสที่พึ่งนั่งลงหลั่งเหงื่อเย็นออกมาทั่วแผ่นหลัง ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นเพื่อระงับความกดดันและหวาดกลัว ทั้งที่ตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่ได้ปล่อยฟีโรโมนออกมากดดันกันเลยแม้แต่น้อย

“ยังไม่ทันรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นก็มาเรียกร้องหาความรับผิดชอบจากผมเสียแล้ว จะมีแต่ความโลภอย่างเดียวไม่ได้นะครับคุณมาร์คัส คุณต้องมีสมองด้วย” คาร์ไลล์พูดพลางมองอัลฟ่าสูงวัยตรงหน้าด้วยสายตาเยาะหยัน

“ลูกผมหายไปกับคุณทั้งคืนมันจะเกิดอะไรขึ้นได้อีก ถ้าไม่ใช่ว่า.....”

“ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญฮีทพอดี แล้วผมที่เป็นอัลฟ่าก็เกิดหน้ามืดควบคุมสัญชาตญานอยากผสมพันธุ์ของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่”

“อะไรนะ!!! ลูกชายผมฮีท” มาร์คัสพูดด้วยท่าทางตกใจที่แม้กระทั่งคนโง่ยังดูออกว่าเสแสร้ง

“จะต้องตกใจอะไรขนาดนั้น ก็วางแผนกันมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” เจ้าของห้องพูดด้วยน้ำเสียงดูแคลน

“ผมไม่รู้ว่าคุณพูดเหลวไหลอะไร แต่เขาเสียตัวให้คุณไปแล้วคุณต้องรับผิดชอบ” มาร์คัสที่มั่นใจเหลือเกินว่าถ้ายาเร่งฮีทของลูกชายได้ผลจริง คาร์ไลล์ที่เป็นอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ที่มักจะมีปฏิกิริยารุนแรงกับฟีโรโมนของโอเมก้ามากกว่าอัลฟ่าธรรมดาทั่วไป ย่อมไม่มีทางหลีกหนีฟีโรโมนของโอเมก้าในยามฮีทพ้นแน่นอน

“ไม่สู้คุณโทรไปถามลูกชายคุณว่าเสียตัวไปหรือยัง และที่สำคัญคือ...เสียให้ใคร” คาร์ไลล์พูดจบก็กดอินเตอร์คอมหาเลขาฯ ของตัวเองทันที

“คุณลอร่า เอกสารที่ผมบอกให้เตรียมไว้เมื่อวานเรียบร้อยหรือยัง”

[เรียบร้อยแล้วค่ะ]

“เอาเข้ามาได้เลย” หลังจากตัดการสนทนาไปเพียงไม่นาน ลอร่าก็นำเอกสารเข้ามาวางให้เจ้านายของเธอบนโต๊ะก่อนจะเดินออกไปเงียบ ๆ ส่วนคาร์ไลล์ก็นั่งเซ็นเอกสารรอคนที่กำลังติดต่อหาลูกชายโอเมก้าของเจ้าตัวอย่างใจเย็น

“ลูกอยู่ที่ไหนมิเกล .... ว่าไงนะ!! .... นี่มันเรื่องบ้าอะไร ... ไอ้ลูกโง่เอ๊ย!!!” มาร์คัสวางสายด้วยความโมโห เขาแทบจะปาโทรศัพท์มือถือในมือทิ้ง เพราะเจ้าลูกโอเมก้าที่ไม่เอาไหนนั่นทำให้แผนทุกอย่างพังไม่เป็นท่า ไหนมั่นใจนักหนาว่าฟีโรโมนตอนฮีทของเจ้าตัวจะสามารถผูกมัดและควบคุม คาร์ไลล์ แบล็ก ที่เป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์เอาไว้ได้แน่นอนอย่างไรเล่า

เพราะตอนนี้กฎหมายคุ้มครองโอเมก้าระบุไว้ชัดเจนว่า หากโอเมก้าถูกอัลฟ่าที่ไม่ใช่คู่ครองกัดทำพันธะ ฝ่ายอัลฟ่าจะต้องจดทะเบียนสมรสตบแต่งคู่พันธะที่ถูกกัดเป็นภรรยาให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือหากอัลฟ่าคนนั้นมีภรรยาอยู่แล้ว ก็ต้องแต่งคนที่ถูกผูกพันธะเข้าตระกูลไปยกย่องเลี้ยงดูเป็นภรรยารอง

แต่ถ้าอัลฟ่าไม่คิดจะรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ก็ต้องมอบทรัพย์สินที่ตัวเองเป็นเจ้าของจำนวนอย่างน้อยหนึ่งในสามหรือมากหน่อยก็ครึ่งหนึ่งของมูลค่าทรัพย์สินที่ถือครองให้กับฝ่ายที่ถูกกัด เพื่อให้โอเมก้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไม่ยากลำบาก

เพราะว่าแม้การแพทย์ปัจจุบันจะก้าวหน้ามากจนสามารถทำการผ่าตัดสลายพันธะที่ไม่พึงประสงค์ให้กับโอเมก้าได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่พวกเขาจะไม่สามารถตั้งภรรค์ได้อีกตลอดชีวิต เป็นโอเมก้าที่ไม่สามารถมีลูกได้ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากแต่งไปเป็นภรรยา และอาจจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออย่างโดดเดี่ยวไปจนตาย

มิเกลเคยเห็นคาร์ไลล์ที่งานเลี้ยงวันเกิดของ เควิน แบล็ก ครั้งหนึ่ง และโอเมก้าหนุ่มก็ตกหลุมเสน่ห์ของหลานชายตระกูลแบล็กทันที

ตอนที่มาร์คัสบอกจะให้เขาแต่งเป็นภรรยารองของอัลฟ่าตระกูลวิลเลียมส์ที่เป็นตระกูลใหญ่และร่ำรวยตระกูลหนึ่ง เพื่อหวังให้อีกฝ่ายช่วยเหลือเรื่องเงิน มิเกลก็ปฏิเสธบิดาทันควัน เพราะเขาไม่อยากแต่งเป็นเมียรองของอัลฟ่าแก่คราวพ่อ แต่กลับเสนอรายชื่อของหลานชายตระกูลแบล็กขึ้นมาแทน

ในสังคมชนชั้นสูงไม่มีใครไม่รู้ว่าลูกชายตระกูลแบล็กเป็นอีนิกม่า และหลานชายตระกูลแบล็กเป็นอัลฟ่าสายเลือดบริสุทธิ์ อีกทั้งตระกูลแบล็กยังร่ำรวยมหาศาล นอกจากนั้นชายหนุ่มทั้งสองของตระกูลนี้ก็หล่อเหลาและเฉลียวฉลาดถึงขั้นถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะแห่งยุคด้วยซ้ำ และพวกเลือดบริสุทธิ์นี่แหละที่มีผลกับฟีโรโมนของโอเมก้ามากกว่าอัลฟ่าทั่วไป พวกเขาพ่อลูกจึงช่วยกันวางแผนนี้ขึ้นมา เพราะมิเกลมั่นใจว่าคาร์ไลล์ไม่มีทางหนีเงื้อมมือของตัวเองพ้น

หากคาร์ไลล์มีความรับผิดชอบมากพอย่อมต้องแต่งเขาเข้าตระกูลแบล็ก หรือถ้าไม่ยอมแต่งกับเขา ทรัพย์สมบัติจำนวนไม่น้อยก็ต้องตกเป็นของเขา โอเมก้าหนุ่มมั่นใจว่าส่วนที่เขาจะได้รับจากตระกูลที่รวยติดอันดับหนึ่งในห้าของประเทศจะต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลแบบที่เขาสามารถใช้จ่ายโดยไม่ต้องกลัวหมด นั่งกินนอนกินได้ตลอดชีวิตอย่างแน่นอน และถ้าเขามีเงินก็ยังสามารถหาอัลฟ่าหรือเบต้าหน้าตาดีมาปรนเปรอตัวเองได้นี่นา

มาร์คัสจึงจัดการนัดพบกับคาร์ไลล์ตามแผนที่ตกลงไว้กับลูกชาย ส่วนมิเกลจะใช้ยาเร่งฮีทขณะทานอาหารกับอีกฝ่ายในห้องอาหารมิดชิดเป็นส่วนตัว แล้วหลังจากนั้นเขาก็เพียงแค่เข้ามาโวยวายเรียกร้องความรับผิดชอบแบบที่กำลังทำอยู่ในตอนนี้

แล้วนี่มันอะไร นอกจากจะทำไม่สำเร็จแล้วยังถูกคาร์ไลล์เปิดโปงแผนขึ้นมาอีก แถมเจ้าลูกโง่นั่นก็ยังจะถูกอัลฟ่าชั้นต่ำที่ไหนก็ไม่รู้กัดคอทำพันธะไปแล้ว โอเมก้าต่อให้สวยหยาดเยิ้มสักแค่ไหนแต่ถ้าถูกกัดคอไปแล้วยังเอาไปหาประโยชน์อะไรได้อีก

“ทีนี้ก็มาคุยเรื่องของเรากันเถอะครับ” คาร์ไลล์พูดพลางดันเอกสารยกเลิกสัญญาไปตรงหน้าผู้มาเยือน

“คุณแบล็ก นี่มันหมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าบริษัทดีทีโลจิสติกส์ขอยกเลิกสัญญาการจัดส่งสินค้าให้กับบริษัทของคุณนะสิ”

“คุณทำแบบนี้ไม่ได้ คุณไม่ใช่เจ้าของบริษัทโดยตรงสักหน่อย ทำอย่างนี้แล้วธุรกิจของผมจะทำยังไง”

“คุณก็ส่งลูกโอเมก้าของคุณไปอ่อยเหยื่อรายอื่นสิ ถ้าเขายังไม่ถูกตีตราน่ะนะ”

“ผม...เรื่องเมื่อวานผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ มิเกลเขาก็แค่ชอบคุณมากเลยอาสาไปคุยเรื่องงานแทนผมก็เท่านั้น นอกนั้นผมไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยจริง ๆ ”

“ถึงผมจะทำงานที่บริษัทดีที แต่นามสกุลของผมคือ ‘แบล็ก’ ไม่ใช่ ‘เคลย์ตัน’ อย่าเหมารวมว่าผมจะโง่และไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจเหมือนอัลฟ่าตระกูลเคลย์ตันบางคน” ชายหนุ่มพูดจบก็ยื่นมือไปเลื่อนเอกสารให้ถึงหน้าของอีกฝ่าย พร้อมวางปากกาด้ามสวยลงไปด้านบน

“ถ้าไม่อยากเสียอะไรไปมากกว่านี้ก็ยอมเซ็นดี ๆ เถอะ อย่าบังคับให้ผมต้องทำอะไรที่ไม่อยากทำเลย” คาร์ไลล์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ สายตาดุดันแข็งกร้าวสีไพลินมองอีกฝ่ายอย่างไร้ซึ่งความปราณี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังดื้อดึงไม่ยอมเซ็นเอกสาร คาร์ไลล์ก็ปล่อยฟีโรโมนข่มขู่ออกมาอย่างไม่ชอบใจนัก

เมื่อถูกฟีโรโมนเข้มข้นของคาร์ไลล์ แบล็ก จู่โจมอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มาร์คัสต้องปล่อยฟีโรโมนออกมาต้านกลับ ทว่าแม้ว่าเขาจะเป็นอัลฟ่ากลับไม่สามารถต้านทานฟีโรโมนกดข่มของอีกฝ่ายได้เลยแม้แต่น้อย

กลิ่นดอกลิลลีแห่งหุบเขาที่หอมฟุ้งแต่เข้มข้นเสียจนทำให้เขาคลื่นไส้วิงเวียน ทั้งหน้ามืดตาลาย และใจสั่น ในที่สุดก็อึดอัดจนหายใจไม่ออก มือไม้และร่างกายอ่อนแรงจนแทบพยุงตัวไว้ไม่อยู่

เขาฝืนต้านจนแทบจะหมดสติไป เหงื่อกาฬเปียกชุ่มแผ่นหลังจนซึมออกมานอกเสื้อสูทตัวหนา ทั้งที่ตอนนี้เป็นหน้าหนาว จนในที่สุดก็ต้องฝืนใจยื่นมือสั่นเทาของตัวเองเซ็นเอกสารฉบับนั้นอย่างไม่เต็มใจ

“คราวหน้าอย่าหาทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้กับผมอีก เพราะคุณอาจจะไม่ได้เสียแค่ลูกชายโอเมก้าและโอกาสทางธุรกิจของคุณ” หลังจากกล่าวจบเขาก็ยื่นเอกสารฉบับหนึ่งให้คนตรงหน้า ส่วนอีกฉบับดึงกลับมาไว้กับตัวก่อนจะเอ่ยปากไล่เสียงเรียบ

“เชิญ” สิ้นเสียงนั้นมาร์คัสก็เดินออกจากห้องอย่างตัวสั่นงันงกต่างจากตอนเข้ามาที่ดูยิ่งใหญ่ฮึกเหิมโดยสิ้นเชิง

หลังประตูห้องปิดลง คาร์ไลล์ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะกฎหมายคุ้มครองโอเมก้าฉบับนั้น เขาถึงถูกโอเมก้าไร้ยางอายบางคนมาฮีทใส่เป็นประจำ จะคุ้มครองโอเมก้าก็ช่วยดูเจตนาของโอเมก้าหน้าด้านพวกนั้นบ้างเถอะ บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นก็ตรวจสอบและคุ้มครองกันไป แต่โอเมก้าบางคนก็ตั้งใจจะจับอัลฟ่าอย่างจริงจัง

โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นกับเขานี่แหละ ถูกโอเมก้าหน้าเงินพวกนั้นจ้องจะโดดจับตาเป็นมัน ถือว่าเขาตกเป็นเหยื่อของกฎหมายข้อนี้แท้ ๆ เชียว หากคาร์ไลล์ไม่มีความพิเศษบางอย่างติดตัวมา ป่านนี้เขาคงมีเมียโอเมก้าเป็นโขยงแล้ว

#พันธะชะตาร้าย

ผู้ดูแลบ้านคนใหม่ 2/1

คาร์ไลล์เข้ามาทำงานที่บริษัทดีทีโลจิสติกส์ได้เกือบสามปีแล้ว

หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาตรีสาขาการบริหารธุรกิจเมื่อตอนอายุเพียงสิบเก้าปี อัลฟ่าหนุ่มก็เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านตระกูลแบล็ก เขาไม่ยอมเข้าไปทำงานที่บริษัทของตระกูล ทั้งที่เรียนจบมาด้วยผลการเรียนดีเลิศ ยิ่งไม่คิดจะเข้ามาเหยียบที่บริษัทนี้ ถ้าผู้เป็นปู่ไม่ขอร้องให้ลองเข้ามาช่วยงาน

ดเวย์น เคลย์ตัน เกลี้ยกล่อมให้เขาเข้ามาทำงานที่บริษัทขนส่งแห่งนี้ตอนที่คาร์ไลล์อายุยี่สิบปี เหตุผลของดเวย์นก็คือ หุ้นทั้งหมดที่อีกฝ่ายมีจะยกให้เป็นของเขาครึ่งหนึ่ง จึงอยากให้เขามาเรียนรู้การบริหารไว้บ้างเพื่ออนาคต ทั้งยังบอกว่าเขาคงจะไม่ได้รับสืบทอดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของตระกูลแบล็ก เนื่องจากคุณตาของเขายังมีลูกชายแท้ ๆ วัยไล่เลี่ยกับคาร์ไลล์อยู่อีกคนซึ่งก็คือ อลัน แบล็ก ที่ตอนนั้นกำลังเตรียมตัวรับช่วงต่อ

คาร์ไลล์ไม่แก้ไขความเข้าใจผิดเรื่องที่ใครจะมองว่า เขาเอาแต่นั่งกินนอนกินใช้ชีวิตสุขสบายไปวัน ๆ โดยไม่ทำงานทำการอะไร เพราะความมั่งคั่งของตระกูลแบล็กที่กลับมาผงาดอย่างยิ่งใหญ่จนถึงขนาดที่ว่า แม้เขาจะเอาแต่เที่ยวเล่นผลาญเงินไปวัน ๆ ก็ยังมีเหลือกินเหลือใช้ไปอีกหลายชาติ มีเพียงแค่คนในครอบครัวและผู้เกี่ยวข้องคนสำคัญเท่านั้นที่รู้ว่าช่วงที่เก็บตัวอยู่ในบ้านตระกูลแบล็กชายหนุ่มไม่ได้อยู่เฉย ๆ

แม้ความจริงจะไม่ได้อยากมาข้องเกี่ยวกับคนตระกูลเคลย์ตันอีก แต่ในเมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปู่อุตส่าห์ลงทุนยอมบากหน้ามาขอร้องด้วยตัวเองทั้งที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมาเกือบยี่สิบปี ถ้าเขาไม่รู้ว่าภายใต้เหตุผลที่อีกฝ่ายแสดงความเป็นห่วงเป็นใยและหวังดีนั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่ก็โง่งมเต็มที

แต่เพราะชายหนุ่มยังอยากเห็นใครหลาย ๆ คนเต้นผางในเรื่องที่ ดเวย์น เคลย์ตัน บอกว่าจะยกหุ้นให้กับเขาครึ่งหนึ่ง คาร์ไลล์จึงยอมเหยียบเท้าเข้าบริษัทดีทีโลจิสติกส์อย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้อยากได้มันเลยสักนิดก็ตาม

อัลฟ่าหนุ่มเข้ามาในบริษัทวันแรกในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดที่พึ่งว่างลงด้วยวัยเพียงยี่สิบปี เพราะผู้จัดการคนเก่าลาออกไปทำงานกับบริษัทอื่นที่มั่นคงและดูมีอนาคตมากกว่าบริษัทที่ใกล้ล้มละลายเพราะการบริหารที่ล้มเหลวเช่นนี้

แม้ว่าคาร์ไลล์จะถูกพวกคนเก่าและคนแก่บางคนที่คิดว่าตัวเองควรจะได้ตำแหน่งนี้มากกว่าเขาคัดค้านด้วยเหตุผลที่ว่ามาถึงตำแหน่งนี้เพียงเพราะเป็นหลานนอกสกุลของประธานใหญ่ แต่เวลาผ่านไปเพียงแค่สามเดือน คาร์ไลล์ก็ใช้ความสามารถของตัวเองตบหน้าทุกคนที่เคยคัดค้าน อัลฟ่าหนุ่มตระกูลแบล็กพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขาคู่ควร

บริษัทที่ใกล้ตายค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง คนแก่ ๆ พวกนั้นจึงไม่มีใครกล้าสอดปากอีก เพราะพวกเขาก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าตัวเองจะทำได้ดีเท่าเด็กหนุ่มคนนี้หรือไม่ ที่อยากได้ตำแหน่งตอนนั้นก็ใช่ว่าจะมีความสามารถมากมายอะไร เพียงแค่หวังกอบโกยให้ได้มากที่สุดในวินาทีสุดท้ายก็เท่านั้น

อัลฟ่าหนุ่มตระกูลแบล็กรับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดได้เพียงปีเดียว บริษัทที่ทำท่าจะว่าล้มมิล้มแหล่ก็กลับมาผงาดในวงการธุรกิจขนส่งอีกครั้งจนชื่อเสียงของคาร์ไลล์ แบล็ก ดังไปทั่วโลกและเป็นที่จับตามองของกลุ่มชนชั้นสูง

จนเมื่อปลายปีที่แล้วดเวย์น เคลย์ตัน ก็ประกาศว่าจะเกษียณตัวเอง และให้ดีแลน เคลย์ตัน ลูกชายคนเดียวขึ้นมารับตำแหน่งประธานบริษัท โดยมีเงื่อนไขเดียวที่ลูกชายของเขาจะรับสืบทอดบริษัทได้ก็คือต้องยกให้คาร์ไลล์ขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งรองประธานเพียงเท่านั้น ช่างเป็นคนใจกว้างเสียเหลือเกิน แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมโอนหุ้นที่เคยรับปากว่าจะให้เขาแม้เวลาจะผ่านมาเกือบสามปีแล้วก็ตาม

เรื่องนี้ถูกคัดค้านจากดีแลน ผู้ชายที่ได้ชื่อว่า ‘เคย’ เป็นพ่อของเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าคาร์ไลล์ไม่ได้ใช้นามสกุลเคลย์ตัน

แต่คำคัดค้านเขาในเรื่องการรับตำแหน่งรองประธานของดีแลนไม่เป็นผล เพราะดเวย์น เคลย์ตัน บอกว่าด้วยผลงานที่โดดเด่นของเขา และแม้จะไม่ได้ใช้นามสกุลเคลย์ตันแต่สายเลือดอีกครึ่งหนึ่งในตัวเขาก็ใช่ ราวกับจะย้ำถึงความสัมพันธ์ที่ต่อให้คาร์ไลล์อยากเปลี่ยนแปลงแค่ไหนก็ทำไม่ได้ เพื่อให้เขาเห็นว่าอีกฝ่ายมีเมตตาต่อเขามากมายขนาดไหน

ดีแลนและมิเคลล่าจึงต้องยอมรับคำตัดสินอย่างไม่เต็มใจ แม้ว่าอยากเก็บตำแหน่งสำคัญในบริษัทไว้ให้กับลูกชายสุดที่รักของตัวเองที่กำลังจะเรียนจบในไม่ช้ามากเพียงใดก็ตาม เพราะไม่อย่างนั้นดเวย์นขู่ว่าจะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้กับพี่น้องตระกูลเคลย์ตันคนอื่นของเจ้าตัว

ทั้งที่ดีแลน มิเคลล่า และดาร์เรนคงพากันอิจฉาจนตัวสั่น แต่ทำไมคาร์ไลล์จะไม่รู้ว่าเขาถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรองประธานเพราะอะไร

คนภายนอกอาจจะมองว่าดเวย์นใจกว้างและมีเมตตา กระทั่งหลานชายนอกตระกูลที่ตัดขาดไม่ได้เกี่ยวข้องกันมานานแล้วก็ยังยกตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงให้เพราะเห็นถึงความสามารถของเขา

แต่ความจริงแล้วจิ้งจอกเฒ่านั่นยกคาร์ไลล์ขึ้นมาเพราะเบื้องหลังของเขาที่มีตระกูลแบล็กต่างหาก เพราะหากอีกฝ่ายจริงใจต่อเขาจริง ๆ หุ้นที่บอกว่าจะยกให้ครึ่งหนึ่งคงไม่ยืดเยื้อมาจนเกือบสามปีก็ยังไม่ยอมให้สักที จากหุ้นที่แทบไม่มีค่าอะไรจนถึงตอนนี้ราคาสูงลิบ หากคนเห็นแก่ตัวแบบนั้นกล้ายกให้เขาก็คงเลอะเลือนเต็มทีแล้ว

หลังจากขึ้นตำแหน่งรองประธานแล้ว คาร์ไลล์ยิ่งเนื้อหอมมากกว่าเดิม นอกจากเขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสง่างามเป็นเลิศแล้ว อัลฟ่าหนุ่มยังมีความรู้ความสามารถที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ เขาขึ้นรับตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงด้วยวัยเพียงแค่ยี่สิบสองปี และนามสกุลเบื้องหลังของอัลฟ่าหนุ่มยังเป็นแรงดึงดูดชั้นดีให้หลาย ๆ ตระกูลอยากสนิทสนมเกี่ยวดอง

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ค่อยชอบออกงานสังคมสักเท่าไหร่นัก และรับนัดพบลูกค้าสำคัญเท่าที่จำเป็น เพราะเบื่อหน่ายที่คนเหล่านั้นมักจะมีลูกหลานหน้าตางดงามไม่ว่าจะเพศรองใดติดสอยห้อยตามมาด้วยเสมอ และยิ่งหากบางคนเป็นโอเมก้าก็ยิ่งไม่รู้จักรักษามารยาททางสังคมของพวกมีฟีโรโมน ปล่อยฟีโรโมนเรียกคู่ล่อลวงเขาอยู่แทบจะตลอดเวลา ไม่รู้หรือไงว่ามันเหม็นจนชวนให้คลื่นไส้สะอิดสะเอียน

วันนี้เป็นวันประชุมผู้บริหารประจำเดือน แม้จะไม่อยากเห็นหน้าใครบางคนขนาดไหน แต่ด้วยตำแหน่งรองประธานบริษัท คาร์ไลล์ก็จำเป็นต้องเข้าประชุมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

และก็เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ วันนี้นอกจากมีการประชุมสรุปปัญหาต่าง ๆ รวมไปถึงยอดของรายได้กำไรขาดทุนต่อเดือนของบริษัท และแผนการดำเนินงานในเดือนต่อไปแล้ว ยังมีการแนะนำพนักงานใหม่ผู้สูงส่งอีกด้วย

พนักงานใหม่คนนั้นก็ไม่ใช่ใครเลยนอกจาก ดาร์เรน เคลย์ตัน ลูกชายอัลฟ่าหัวแก้วหัวแหวนของดีแลนและมิเคลล่า เคลย์ตัน นั่นเอง

ดาร์เรน อายุยี่สิบสองปี พึ่งเรียนจบสาขาบริหารธุรกิจจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศนี้ ถ้าจะว่ากันตามจริงอีกฝ่ายก็เป็นรุ่นน้องเขานั่นแหละนะ

ในวันที่ดาร์เรนเข้าเรียนชั้นปีที่หนึ่ง คาร์ไลล์ก็เรียนจบชั้นปีที่สี่พอดี ทั้งที่เขาและอีกฝ่ายอายุห่างกันเพียงแค่ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่น้องชายต่างแม่พยายามแข่งขันเพื่อเอาชนะเขาในทุกเรื่อง เพราะไม่อยากถูกเอาไปเปรียบเทียบกับคาร์ไลล์แล้วเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

ลำพังแค่ตัวเองเป็นลูกชู้ก็คงจะอับอายขายหน้าแย่แล้ว ถึงชู้ที่ว่านั่นจะปีนป่ายเหยียบแม่เขาลงไปจนได้กอดทะเบียนสมรสของดีแลน เคลย์ตัน ไปแล้วก็ตาม

คนมาทีหลังลักกินขโมยกินต้องหน้าด้านไร้ยางอายแค่ไหนกันถึงยังยืนเชิดหน้าออกงานสังคมได้อย่างไม่รู้สึกรู้สา แถมยังดูจะภาคภูมิใจด้วยซ้ำที่แย่งสามีของคนอื่นมาได้ ครอบครัวฮันเตอร์ก็ช่างสนับสนุนให้ลูกสาวเป็นชู้กับสามีชาวบ้าน

แต่เรื่องนี้จะโทษผู้หญิงฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะฝ่ายชายมักมากไม่รู้จักพอและยังให้ท้ายเชิดชูชู้รัก ดังนั้นเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ก็ไม่แปลกแล้ว

แค่จะเรียนให้จบปริญญาตรีภายในสองปีเหมือนกับเขายังทำไม่ได้ และที่สำคัญนอกจากคนในตระกูลแบล็กและผู้เกี่ยวข้องบางคนในมหาวิทยาลัย ไม่มีใครรู้ว่าหลานชายตระกูลแบล็กเรียนจบด้วยปริญญาสองสาขาในเวลาเดียวกัน คาร์ไลล์จึงไม่คิดที่จะลดตัวลงไปแข่งขันกับอีกฝ่ายสักนิด เพราะดาร์เรนไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่แข่งของเขาเลยแม้แต่น้อย

จะมีเรื่องที่อีกฝ่ายชนะเขาก็เพียงเรื่องเดียวเท่านั้นคือความรักที่ดีแลน เคลย์ตัน มอบให้ ซึ่งเขาไม่เคยได้รับ แต่คาร์ไลล์ไม่ได้รู้สึกเสียใจ เพราะเขามีอเลชา เควิน และอลัน ที่รักและหวังดีกับเขาอย่างสุดหัวใจ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ความรักจากคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อเขาและแม่ ชายหนุ่มไม่ต้องการ

“ดาร์เรนจะเข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาด” สิ้นคำแนะนำของประธานบริษัท ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนปัจจุบันก็อดขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ เด็กพึ่งเรียนจบใหม่ก็จะเข้ามาตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการเลยหรือ ต่อให้เป็นลูกชายท่านประธานก็เถอะนะ

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคุณวิลสัน” เสียงของดีแลนดังขึ้นเมื่อเห็นท่าทางไม่ค่อยยินดีนักของผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทดีทีโลจิสติกส์คนปัจจุบัน

“ตามที่ผมแจ้งไปว่าอยากได้ผู้ช่วยที่มีประสบการณ์อย่างน้อยสักสองปี ก็เลยไม่คิดว่าคุณจะให้คุณดาร์เรนมารับตำแหน่งนี้น่ะครับ” วิลสันกล่าวไปตามตรง

“ผมว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่ครับ ก่อนหน้าที่คุณวิลสันจะเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดคนเก่าก็เข้ามาในบริษัทในฐานะเด็กใหม่ไร้ประสบการณ์เหมือนกัน” ดาร์เรนพูดพลางเหลือบสายตาไปมองพี่ชายต่างสายเลือดที่เขาไม่เคยคิดจะนับญาติและรังเกียจชิงชังเสียยิ่งกว่าสิ่งใด

“ต่างกันก็ตรงที่ฉันเข้ามาในฐานะผู้จัดการ ไม่ใช่ผู้ช่วยผู้จัดการ และฉันก็ทำหน้าที่ได้ดีเสียด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่เหลือบริษัทที่จะล้มไม่ล้มแหล่ในวันนั้นไว้ให้นายเดินเข้ามาเชิดหน้าชูคอในวันนี้” คาร์ไลล์ตอบโต้ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นชาและวาจาเชือดเฉือนอย่างไม่รักษาน้ำใจ

ในเหตุผลข้อนี้ก็ไม่มีใครโต้แย้งได้แม้กระทั่งดีแลน เพราะทุกอย่างที่คาร์ไลล์พูดคือความจริง

บุตรชายคนโตที่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนอื่นไปแล้วทำในเรื่องที่แม้แต่พ่อของเขาหรือตัวเขาเองก็ไม่สามารถทำได้ แต่ยังไงเขายังต้องออกหน้าปกป้องลูกชายที่ตัวเองรัก เพราะไม่อยากให้ดาร์เรนรู้สึกเสียหน้ามากไปกว่านี้

“จะทะเลาะกันไปทำไมกับเรื่องแค่นี้ คาร์ไลล์ก็พูดดี ๆ กับน้องหน่อย”

“ถ้าอย่างนั้นก็บอกลูกชายสุดที่รักของคุณให้เก็บปากอยู่ในที่ของตัวเองดี ๆ อย่าปากยื่นปากยาวออกมาหาเรื่องกัดคนอื่นให้โดนฟาดกลับจนหน้าหงาย และเรื่องสำคัญอีกอย่างที่อยากให้คุณจดจำให้ขึ้นใจคือ ผมไม่มีทั้งน้องชายและพ่อ คุณเป็นใครถึงได้คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์มาสั่งผมให้พูดอย่างไรกับใคร คนไหนควรจะพูดดีด้วยผมคิดเองได้ อีกอย่างเราไม่ได้สนิทชิดเชื้อจนสามารถเรียกชื่อกันได้ กรุณาเรียกผมว่าแบล็ก” คนเดียวที่คาร์ไลล์คิดจะไว้หน้าอยู่สักเล็กน้อยยามอยู่ต่อหน้าคนอื่นก็คือดเวย์น เคลย์ตัน ในเมื่อคนผู้นั้นไม่ได้นั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น

จบคำพูดตัดญาติยาวเหยียดนั่น บรรยากาศในห้องก็ยิ่งอึมครึมมากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า

คาร์ไลล์เอนหลังนั่งพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทางผ่อนคลาย มือสองประสานบนตักด้วยมาดผู้นำสมกับที่เป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์

หลังจากถูกคำพูดเหล่านั้นกระแทกหน้าเข้าไป ดาร์เรนได้แต่กำฝ่ามือแน่นด้วยความโมโห ในหัวทั้งสาปแช่งด่าทอและคิดวุ่นวายหาวิธีกำจัดอีกฝ่ายไปให้พ้นทาง

ส่วนดีแลนนั้นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แม้อีกฝ่ายจะขึ้นชื่อว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา แต่คนที่ไม่เคยคิดจะรักถนอมดูแลเด็กคนนี้ตั้งแต่ยังอยู่ในท้องก็คือเขาเองไม่ใช่หรือ ลูกที่ตั้งแต่เกิดมาเขาอุ้มนับครั้งได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียวยังเหลือ แต่ละครั้งก็อุ้มด้วยความจำเป็นทั้งนั้น ไม่มีครั้งไหนที่เต็มใจจะเข้าหา

จนตอนนี้คาร์ไลล์อายุยี่สิบสามปีเข้าไปแล้ว ตัดขาดจากตระกูลเคลย์ตันไปตั้งแต่ยังแบเบาะ ทั้งยังใช้นามสกุลของฝั่งแม่ตั้งแต่เกิด เขาที่ไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดูตั้งแต่อีกฝ่ายเกิดมาจะไปอ้างสิทธิ์ในตัวชายหนุ่มได้อย่างไร จะไปชี้นิ้วสั่งอะไรอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์คนนี้ได้

ส่วนบอร์ดบริหารที่เหลือในห้องต่างก็ได้แต่รับชมความสนุกกันอยู่เงียบ ๆ อดคิดในใจไม่ได้ว่า หากในอดีตดีแลนยอมยื่นมือให้ความช่วยเหลือตระกูลแบล็กสักหน่อย ตอนนี้ตระกูลเคลย์ตันอาจจะได้รับผลตอบแทนเกื้อกูลผลักดันให้ยิ่งใหญ่และร่ำรวยจนติดอันดับต้น ๆ ของประเทศตามหลังตระกูลแบล็กแล้วก็เป็นได้ แต่ถึงจะไม่ติดอันดับก็ไม่มีทางตกต่ำจะล้มมิล้มแหล่อย่างเมื่อสามปีก่อนอย่างแน่นอน

และถ้าหากไม่มีคาร์ไลล์เข้ามาช่วย ตอนนี้พวกเขาทุกคนอาจจะไม่ได้ทำงานอยู่ที่แล้ว เพราะมันคงไม่เหลืออะไรแล้วนอกจากภาระหนี้สิน

นี่อะไร พอบ้านของฝั่งภรรยาประสบปัญหาทางธุรกิจ นอกจากดีแลนไม่คิดจะช่วยเหลือแล้วยังพาโอเมก้าตระกูลฮันเตอร์ที่แอบลักลอบเป็นชู้อยู่กินกันจนตั้งท้องลูกชายอายุไล่เลี่ยกับลูกเมียหลวงเข้าบ้านอย่างออกหน้าออกตา ทั้งรักทั้งหลงปรนเปรอเมียน้อยและลูกชู้จนละเลยผู้เป็นภรรยาที่ตบแต่งเข้าตระกูลมาอย่างถูกต้อง

วันที่สามีพาชู้เข้าบ้านและประกาศว่าจะรับเป็นภรรยารอง อเลชาก็ตัดสินใจเซ็นใบหย่าอย่างเด็ดเดี่ยว เลี้ยงดูทั้งลูกชายแบเบาะและน้องชายด้วยตัวเอง เพราะตอนนั้นแอนเดรียน่าแม่ของเธอพึ่งเสียชีวิตไปไม่นานเนื่องจากสุขภาพไม่สู้ดี ทั้งยังตั้งครรภ์อลันตอนอายุมากแล้ว ส่วนเควินพ่อของเธอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อพยุงบริษัทของตระกูลแบล็กที่กำลังย่ำแย่

ที่น่ารังเกียจก็คือหลังจากเซ็นใบหย่ากับภรรยาในช่วงเช้า ดีแลนก็จดทะเบียนสมรสกับชู้รักตระกูลฮันเตอร์ที่กำลังมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์ในบ่ายวันเดียวกัน ไม่หลงเหลือความรักความอาวรณ์ให้อัลฟ่าสาวตระกูลแบล็กเลยสักนิด ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในตอนนั้น ทว่าตระกูลเคลย์ตันและฮันเตอร์กลับไม่ได้รู้สึกละอายใจเลยแม้แต่น้อย ยังคงควงคู่ออกงานสังคมอย่างสง่าผ่าเผย

ในตอนนี้ตระกูลแบล็กกลับมาผงาดอีกครั้ง การที่ผู้นำตระกูลแบล็กไม่คิดกำจัดตระกูลเคลย์ตันทิ้งโทษฐานทอดทิ้งลูกสาวคนเดียวและหลานชายของเขา ไหนจะตระกูลฮันเตอร์ที่ปล่อยให้ลูกสาวเข้ามาทำให้ครอบครัวของอเลชาแตกแยกก็ถือว่ามีเมตตามากแล้ว เพราะถ้าเกิดจะทำขึ้นมาจริง ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลยสักนิด

และถ้าตอนนี้ถามทุกคนว่าระหว่างคาร์ไลล์กับดาร์เรน ใครจะทำให้อนาคตของบริษัทดีทีโลจิสติกส์รุ่งโรจน์ได้มากกว่ากัน ร้อยทั้งร้อยตอบแบบไม่ต้องคิดเลยว่าคาร์ไลล์ แบล็ก อย่างแน่นอน

ไม่รู้ว่าดีแลนจะรู้สึกเสียดายที่ทิ้งขว้างผลผลิตอันดีเยี่ยมของตัวเองขึ้นมาบ้างไหม เพราะแม้กระทั่งเขาเองเมื่ออยู่ในบริษัทยังต้องเชื่อฟังคำพูดและข้อคิดเห็นจากสมองอันฉลาดปราดเปรื่องของคาร์ไลล์ แม้ว่าตัวเองจะเป็นประธานบริษัทก็ตาม

จะเพราะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่ว่าหลานชายตระกูลแบล็กคนนี้เป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่มีสติปัญญาล้ำเลิศไม่เป็นรองใคร และเพราะความอัจฉริยะของเขานี่แหละที่ทำให้บริษัทดีทีโลจิสติกส์ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน แถมยังมีทีท่าว่าจะเติบโตยิ่งใหญ่กว่าในอดีตเสียอีก

“คุณวิลสันสรุปมาเลยครับว่าตกลงหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องเอาแต่เงียบกันหมด คาร์ไลล์ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่สบาย ๆ ที่สุดในห้องประชุมจึงเป็นฝ่ายถามผู้จัดการฝ่ายการตลาดเสียงเรียบ เพราะเขาอยากให้ประชุมในครั้งนี้จบลงเต็มทีแล้ว

“ลองดูก็ได้ครับ เพราะยังไงก็ไม่มีใครทำงานเป็นมาตั้งแต่เกิด ถ้าไม่เริ่มต้นก็คงไม่มีประสบการณ์” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากปากของวิลสันคล้ายว่าจะทดท้ออยู่นิด ๆ

“มีเรื่องอะไรอีกไหมครับ วันนี้ผมมีธุระต่อ คงอยู่เย็นมากไม่ได้” เมื่อวิลสันตอบรับผู้ร่วมงานคนใหม่แล้ว คาร์ไลล์ก็รีบถามอีกครั้งเพื่อสรุปจบ เพราะเขาไม่อยากจะหายใจร่วมกับพ่อลูกตระกูลเคลย์ตันในห้องนี้นานเกินไปนัก

เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องไม่มีอะไรจะเสนอแนะ และดีแลนก็ยังรู้สึกย่ำแย่กับสถานการณ์ก่อนหน้านี้อยู่บ้าง อัลฟ่าสูงวัยตระกูลเคลย์ตันจึงตัดสินใจกล่าวปิดประชุม และคนแรกที่ลุกเดินออกจากห้องก็คือคาร์ไลล์

“คุณลอร่าวันนี้ผมไม่มีอะไรสำคัญแล้วใช่ไหม” หลังจากกลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง คาร์ไลล์ก็ถามเลขานุการเบต้าสาวสวยที่นั่งอยู่หน้าห้อง

“ไม่มีค่ะคุณแบล็ก พรุ่งนี้มีนัดทานข้าวกับคุณดเวย์นตอนเที่ยงที่ร้าน...ค่ะ” คาร์ไลล์เพียงพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

วันนี้คุณตานัดเขาไปทานข้าวเย็นที่บ้านเพื่อคุยเรื่องคนทำความสะอาดบ้านคนเดิมที่พึ่งลาพักไป เพราะเธอถึงวัยเกษียณแล้ว

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!