NovelToon NovelToon

The Endless: ปฐมบทสงครามเทพมารนอกรีต

วินเซนต์เทอร์

อากาศเย็นชื้นที่กระทบเข้ากับผิวขาวซีดเผือกบนที่นอนใหญ่โตขนาด 7 ฟุต ภายในถูกตกแต่งด้วยทองคำและอัญมณีราวกับเป็นเพียงของไร้ค่าที่ตั้งโชว์

ภายในมีเด็กชายที่กำลังนอนงีบหลับไม่รู้เดือนรู้ตะวัน เพียงแต่แสงที่กระทบบนหนังตาของเขา มันเป็นส่วนที่ปลุกเขาเมื่อกำลังหลับไหล

ดวงตาสีฟ้าเข้มราวกับผลึกคริสตัลที่หยั่งลึกค่อยๆปรากฎขึ้นเมื่อยามตื่นจากนิทรา เขาสีเงินน่าเกรงขามประกายสีน้ำเงินของน้ำทะเลลึกขยับพร้อมกับร่างกายเด็กผู้นั้นที่ยันตัวเองขึ้นจากที่นอน

" ท่านมังกร... ขอรายงานสถานการณ์ทางเหนือของดินแดน... "

" เดี๋ยว "

เสียงเล็กดังขึ้นพร้อมกับมือที่ยกปรามไว้ ทำให้เจ้าตัวเริ่มเอะใจ น้ำเสียงที่เล็กลง และนิ้วมือขาวเรียวเล็กสีซีดจนพอจะเห็นเส้นเลือด เขาใช้มืออีกข้างจับที่หัวตัวเองก่อนจะสัมผัสกับเขาก่อนจะค่อยๆลูบคลำมันอย่างไคร่รู้

เขาลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับมองซ้ายขวาไปเจอกับหน้าต่างบานหนึ่งที่สะท้อนตัวเขาในกระจกของหน้าต่าง

เด็กผิวขาวซีดเผือก ดวงตากลมโตสีน้ำเงินประกายและเขาบนหัวสีเดียวกับดวงตา

" ...ฉันชื่ออะไร "

เขาถามกับชายที่เขาสามารถมองเห็นผ่านกระจก เป็นคนๆเดียวกับที่เพิ่งพูดกับเขา

" ...เอ่อ ..ท่าน "

" ตอบมา "

น้ำเสียงนิ่งสุขุมทำให้ชายผู้นั้นเงียบไปสักครู่ ท่าทางที่มองเห็นผ่านกระจกหน้าต่าง เขามีท่าทีที่ดูตกใจและสงสัยแต่ก็เก็บสีหน้านั้นไว้รวดเร็ว

" ท่านมีนามว่า วินเซนต์เทอร์ขอรับ "

วินเซนต์เทอร์

เขาย้ำชื่อนั้นในหัวก่อนจะหันกลับไปทางชายที่เพิ่งตอบเขา เป็นชายในชุดสีขาวยาวเหมือนนักรบในนิยายแฟนตาซียุคกลางแถมหูยาวคงเป็นเอล์ฟ ผมสีแดงเหมือนเลือดเป็นสีเดียวกับตาของเขา ท่าทางดูไม่เป็นมิตรเหมือนคำที่ใช้พูด

วินเซนต์คิดกับตัวเองเมื่อประเมินบุคคลตรงหน้าและคนเดียวที่สนทนากับเขาตอนนี้

ดูเหมือนว่าฉันมาอยู่ในโลกอีกโลก เป็นโลกแฟนตาซีทั่วไป สงคราม ครึ่งสัตว์ มังกร เอล์ฟ และฉันที่อยู่ในร่างของเด็ก จากสรรพนามแรกที่เรียกมังกรก็ชี้ชัดว่าเจ้าของร่างนี้ไม่ใช่มนุษย์

วินเซนต์มองไปยังคนอื่นๆที่อยู่นอกประตูแต่มีท่าทางหวาดกลัวทุกครั้งที่วินเซนต์พูด

" ...ถึงจะเจอเรื่องแบบนั้นในโลก แต่มาอยู่ในร่างนี้มัน.."

วินเซนต์พึมพำกับตัวเองเบาๆ ชายตรงหน้าเขาดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์แต่เก็บมันไว้ได้ดี ดูเหมือนชีวิตเขามันจะเริ่มสะเปะสะปะไปทุกที

" ข้ากำลังจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นจาก... จากคำสั่งที่ผิดพลาดของท่าน "

ผมเงยหน้ามองชายตรงหน้าทันที ลำคอของเขาแสดงให้เห็นถึงการกลืนน้ำลายอึกใหญ่หลังพูดจบ คนอื่นๆนอกห้องที่มองมาก็เหมือนจะเริ่มแสดงความหวาดกลัวมากขึ้น

ดูเหมือนคนในที่นี้ส่วนใหญ่จะไม่ชอบเจ้าของร่างนี้ แต่เพราะเป็นมังกรเลยไม่กล้าจะหืออือ ยกเว้นแต่ชายตรงหน้า

ชายคนนั้นท่าทสงของเขาแปลกไป มองวินเซนต์ด้วยใบหน้าที่สงสัยอยู่เต็มไปหมด

" อธิบายมาทั้งหมด "

เหตุการณ์ถ้าให้เทียบกับมังงะแฟนตาซีต่างโลก คงไม่ต่างจากผู้กล้าที่ได้รับภารกิจคือการต่อสู้กับจอมมาร ในโลกแห่งนี้ถูกพลังความมืดที่เรียกว่า

ดาร์คไพร์ม

เขารุกรานจากสาวกบูชาเทพเจ้าองค์หนึ่งที่ถูกขับไล่ ดูจะมีการเล่นแร่แปรธาตุผสมผสานเวทย์มนต์เพื่อสร้างอุปกรณ์ทำลายล้างคล้ายระเบิดนิวเคลียร์ อาณาจักรมนุษย์ก็มีชายที่เปรียบเสมือความหวังกำลังปกป้องถูกเรียกว่า ปรมาจารย์ดาบ

อาณาจักรที่วินเซนต์เทอร์คนเดิมปกครองถูกเรียกว่าดินแดนที่สาปสูญก่อนจะถูกเผยให้เห็นเป็นครั้งแรกเมื่อ 20 ปีก่อน เขาจะคัดเลือกคนไปสังเวยให้กับพวกลัทธิแลกกับความปลอดภัยของเขาเองและการรุกรานของพวกสาวกเทพนอกรีตนั่น

แต่ก็มีการตอบโต้กันระหว่างดินแดนเหนือ-ใต้ วินเซนต์เทอร์คนเดิมก็ยังคงส่งทหาร ชาวบ้านตาดำๆไปปกป้อง

ผมได้รับข้อมูลคร่าวๆ สาวกเทพนอกรีตกลืนกินไปหลายอาณาจักร เหลือแค่อาณาจักรที่ผมกำลังยืนอยู่และจักรวรรดิของมนุษย์ที่ชื่อ ฟรีกก้า โดยมีมนุษย์ที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์ดาบชื่อ บิล อาศัยอยู่

" เรียกประชุมผู้นำทัพ "

เอล์ฟที่ได้รับคำสั่งมีสีหน้าแปลกและสงสัยมากกว่าเดิม แต่เขาก็ตอบรับมัน ก่อนจะเดินออกไปก็ไม่วายจะหันกลับมามองด้วยหางตาก็เห็นวินเซนต์ที่กำลังยืนคิดอยู่กับตัวเอง เขาจึงเลือกจะเดินออกไป

ฟื้นฟู

" ท่านมันไม่ได้เรื่อง!! "

เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นคนอื่นก็ลุกขึ้นประท้วงตามกันมา ภายในห้องที่มีโต๊ะยาวและที่นั่งของผู้นำอื่นๆ ภายในห้องที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายเดินไม่กี่ก้าวห่างจากที่เขาพักนิดเดียว

วินเซนต์นั่งหัวโต๊ะในชุดกางเกงขาสั้นที่ถูกเตรียมไว้อย่างหรูหรา พร้อมกับนั่งอ่านกองกระดาษที่รายงานพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ที่จะถูกนำไปบรรณาการต่อสาวกเทพมาร คนภายในห้องประชุมมีอยู่ด้วยกันไม่เกินห้าคน ไม่นับตัวเขาและเอล์ฟผมแดงที่ยืนเป็นองครักษ์ด้านหลังอย่างเงียบเชียบ

จากที่สังเกตุไม่ยากเลย เจ้าของร่างนามวินเซนต์เทอร์ที่เขามาสถิตอยู่แบบนี้ คงจะเป็นพวกอารมณ์ร้อนจ๋า ขี้วีนและคงเป็นพวกเน้นใช้กำลังแก้ปัญหาจากรูปร่างต่อให้เหมือนเด็กอายุ15 ปี แต่หุ่นที่เขาเห็นพร้อมแผลเหมือนถูกฟันสองสามจุด นิสัยตรงข้ามกับเขาแทบทั้งสิ้น

เพราะตัวผมจริงๆ ชื่อ พัท ก็แค่คนไทยคนหนึ่งที่มีเรื่องบัดซบกับชีวิตมาทั้งชีวิต ชายอายุ40 ปลายๆที่เจอภัยอันตรายในทุกวันหวังแค่ชีวิตได้นอนขี้เกียจแล้วมีเงินใช้ไม่ขาดมือก็เท่านั้น แต่พอเจอสถานการณ์แบบนี้เดิมในโลกของผมมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไปแล้วล่ะ

********

ผมมองไปที่พวกโวยวายในห้องที่พากันชี้ตราหน้าผมเรียงตัว พวกเขาส่วนใหญ่จากที่อ่านรายงานทีาแนบติดมาทั้งๆที่ไม่ได้ขอ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำทัพภายใต้คำสั่งของวินเซนต์เทอร์ที่ต่างก็สูญเสียลูกน้องและเขตปกครองไปบางส่วน ดวงตาที่คับแค้นก็เต็มประดา

" กองกำลังทิศเหนือที่ท่านสั่งการก็ฉิบหายไปหมดแล้ว!! "

" จะต้องส่งประชาชนไปอีกมากแค่ไหน ท่านถึงจะทวงความรุ่งโรจน์กลับมาเสียที!! "

ผมนั่งฟังก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียด

' ฆ่าแม่งเลยดีไหม '

ดวงตาสีน้ำเงินจ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่คุ้นเคยราวกับจะเขมือบเข้าไป จนคนที่ลุกๆอยู่ก็รุดกลับไปนั่งเงียบทันที บรรยากาศสงบลงเพียงเพราะแค่การลืมตาของผมทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก

เอี๊ยดดด

เสียงลากเก้าอี้ดังขึ้นพร้อมๆกับร่างของผมที่ยืนอยู่ ก่อนจะเดินออกไปยืนมองด้านนอกหน้าต่าง ที่นี่เปรียบเสมือนเมืองหลวงแห่งธรรมชาติ ดอกไม้ วิวทิวทัศน์มันสวยงามมาก แม้ผมก็ละสายตาไม่ได้ แต่ผู้คนกลับมีใบหน้าที่ตึงเคลียดไร้ความสุข สิ้นหวังเหมือนที่ผมเห็นมาตลอดชีวิต ผมหันกลับไปมองคนอื่นๆในห้องที่มองผมด้วยความงงปนสงสัย

" การตอบโต้จะยังไม่ใช่ตอนนี้ อพยพคนดินแดนนั้นมาที่เมืองหลวงนี้ซะ สละดินแดนบางส่วน "

" อะไรนะ!? "

" ท่านพูดอะไรออกมา! "

ผมถอนหายใจอีกครั้ง

" ไม่ได้ยินที่พูดรึไงวะ สละดินแดนแล้วอพยพคนมาที่เมืองหลวง "

คำหยาบที่ทุกคนคุ้นชินปรากฎพร้อมกับใบหน้าเหยเกที่เต็มไปด้วยอารมณ์พร้อมปะทุ บรรยากาศจากที่เสียงดังกลับมาสงบก่อนที่จะมีเสียงทักท้วง ตอนนี้ความเย็นจากภายนอกเริ่มกัดเซาะเข้ากระดูกดำพวกเขาไปพร้อมๆกับแรงกดดันที่หนักอึ้ง

เอล์ฟผมแดงที่ยืนเงียบมานานก็กลับเดินออกมาพูด

" ท่านมีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น "

ผมมองเขาก่อนจะยิ้มมุมปากช้าๆ

" ฉันมีเหตุผลของฉัน อ้อ แล้วก็ ไปตามหาช่างฝีมือดีๆ พ่อครัวแม่ครัวดีๆ คนที่มีความสามารถอะไรก็ตามนอกเหนือจากนี้ก็เอามาซะ ทำได้ใช่ไหม ? "

เอล์ฟผมแดงที่สงสัยเขาก็เหมือนจะฉุดคิดอะไรบางอย่าง จึงโค้งคำนับก่อนจะเดินออกไปทันที

" ส่วนพวกเจ้าในนี้ ตอนอยู่ต่อหน้าข้าก็รักประชาชนปานจะกลืนกิน แต่เบื้องหลังก็ถลุงเงินประเทศจนใช้ไม่หวาดไม่ไหว ส่งเงินไปให้พวกมารอะไรนั่นอีกด้วย คิดว่าฉันโง่รึไง "

ถ้าไม่มี คาร์ค ก็ไม่รู้เลยว่ามีเรื่องแบบนี้

คาร์คเป็นกลุ่มเรียกที่วินเซนต์เทอร์คนเดิมเหมือนจะสร้างขึ้นมาลับๆ เป็นภูติตัวเล็กที่มีความสามารถสะกดรอยและปกปิด เป็นภูติที่ไม่มีพลังเวทย์อะไรนอกจากสะกดลอยและปกปิดจริงๆจึงถูกเผ่าเดียวกันขับไล่ แต่ดูเหมือนวินเซนต์เทอร์จะชอบภูติพวกนี้มากเพราะดูพูดเล่นหยอกล้อแค่กลุ่มเดียวจากที่สังเกตุ วินเซนต์เทอร์คงจะเป็นพวกบ้าเงินพอๆกับเขาแต่คงจะหนักกว่าเพราะเขารู้ได้แม้แตาเศษเงินที่หายไปเล็กน้อย ภูติกลุ่มคาร์คจึงได้รับหน้าที่สะกดรอยทุกคนในประเทศจากความขี้ระแวงของเขาส่วนหนึ่ง ระหว่างที่ผมยืนครุ่นคิดคนเดียวในห้อง เหล่าภูติก็เข้ามารายงานและขโมบเอกสารที่ยักยอกเงิน รวมถึงสัญญาระหว่างพวกนี้กับสาวกมาร

ผมยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกถึงใบหู ก่อนจะหักนิ้วตัวเองดัง

" ทะ..ท่านมีหลักฐานอะไร! "

ผมเอียงคอเล็กน้อยแต่ก็ใจดีตอบด้วยเหตุผล

" ช่างแม่งหลักฐาน กูรู้ก็พอแล้ว "

**************************************

" ท่านฟารัส! "

เสียงหญิงสาวคนใช้ในคฤหาสน์ดังขึ้น เธอวิ่งมาหาเอล์ฟหัวแดงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุมมาไม่นาน ก่อนจะหยุดลงเมื่อเขาตอบรับเสียงเรียก

" ท่านวินเซนต์ไม่ได้ทำอะไรท่านใช่ไหมคะ ? "

ผมสีน้ำตาลเหมือนสีเกาลัด ดวงตาโตสีเดียวกับผมของเธอเปร่งกระกายเมื่อมองเขา ฟารัสยิ้มให้ก่อนที่จะส่ายหัว

" เธอมาก็ดีเรน ข้าอยากให้เจ้าช่วย "

ฟารัสพูดขึ้นเป็นช่วงเวลาที่หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ก่อนเดินไปข้างๆเขา

พลั๊กๆๆๆ!!! โคล้ม!!!!

" อ๊ากกกกกก!! "

เสียงจากห้องประชุมที่เหมือนกำลังถูกถล่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องที่น่าสงสาร ทั้งฟารัสและเรนหันไปมองต้นเสียงก่อนพวกเขาทั้งคู่จะเดินจากไปโดยไม่เข้าไปดูหรือสนใจมันอีก

" ดูเหมือนท่านวินเซนต์จะได้ข้อมูลการโกงเลยค่ะ "

ฟารัสพยักหน้าหนักๆ เขาเองก็สงสัยมานาน บางเรื่องที่เขาไม่รู้และคิดว่าคนอย่างวินเซนต์ที่ขี้โมโห ขี้ขลาดและหวาดระแวงสงครามคนนั้นจะรู้เรื่องสำคัญได้ก่อนเขา

" ท่านวินเซนต์เปลี่ยนไป หลังจากไปโบสถ์เทพเฮอร์รัส ทั้งๆที่เขาเกลียดเทพ "

เรนที่ได้ฟังก็เห็นด้วย ระหว่างที่เดินเธอก็คิดกับสิ่งที่ฟารัสพูด

" เป็นไปได้ไหมคะ ว่าท่านวินเซนต์จะได้รับสาน์สจากเทพ "

" เหอะ! ก็แค่มังกรเด็กที่บ้าอำนาจ มันไม่มีทางที่เทพจะสนใจหรอก "

ฟารัสพูดพร้อมๆกับหลี่ตาไปทางหน้าต่างด้านซ้ายของเขาที่ว่างเปล่า มีเพียงแค่แจกันดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินกระหนุงกระหนิงไป

" ตั้งใจสบถให้ได้ยินเหรอ "

ผมพูดขึ้นพร้อมๆกับภูติคาร์คหนึ่งตัวที่อยู่ด้วยแต่แรกและไม่ยอมตามฝูงไป เวทย์ที่เขาทดลองใช้คือเวทย์มายา ลบตัวตนของเขาก่อนจะได้ยินอะไรที่เขาก็คิดว่าไม่แปลก

" เจ้าไม่ยอมฆ่าเขาไปเลย เขาจองหองเกินไป! "

ผมส่ายหน้าเมื่อภูติตัวนั้นเสนอความเห็น

" เขามีประโยชน์ "

และร่างกายของผมดูเหมือนพลังเดิมที่มีจะติดมาด้วยและคงประสิทธิภาพแต่ดูเหมือนจะแลกมากับร่างที่อ่อนแอลงกว่าเดิมอย่างมาก ผมถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปที่ๆคาร์คให้ข้อมูลมา

สมาชิกใหม่

พระราชวังใหญ่สีขาวแซมด้วยอัญมณีสีฟ้าอ่อนระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์อ่อนๆ ประติมากรรมดูหรูหราและดูมีมนขลังเมื่อมันอยู่ท่ามกลางความเขียวขจี ภายในเต็มไปด้วยเหล่าอัศวินในชุดเกราะขาวบริสุทธิ์ยืนเรียงกระดานประจำเสาแต่ละจุด พร้อมกับผู้หญิง ผู้ชายที่คอยดูแลเป็นผู้รับใช้กว่าหลาบร้อยชีวิตยืนต่หน้าวินเซนต์ที่นั่งบนบัลลังก์ตั๋งแก้วที่สลักลวดลายวิจิตร

วินเซนต์ใช้เวลาครู่ใหญ่กับการจดจ่อเอกสารมากมายตั้งแต่เขาทุบตีเหล่าขุนนางไม่รักดีไป เอกสารในมือคือข้อมูลคร่าวของเหล่าผู้มีความสามารถที่วินเซนต์ต้องการ บรรยาการก็เงียบเชียบเต็มไปด้วยแรงกดดันบางอย่างจนเรนที่ยืนอยู่ข้างๆฟารัสที่แหงนมองก็อดจะสะกิดคนข้างๆไม่ได้

" ท่านฟารัส ท่านวินเซนต์ดูสงบเสงี่ยมชั่วข้ามคืนเลยนะคะ"

ฟารัสพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับขมวดคิ้วสงสัยเป็นระยะก่อนจะมองไปยังผู้มาเยือน

" โดโรเรส ไอกา โดโรเรส ไคอา พี่น้องเผ่าวิหค"

ผมพูดขึ้นหลังหยิบกระดาษสีน้ำตาลอ่อนสองใบขึ้นมาอ่าน หญิงสาวและชายหนุ่มผมสีผมพูดั่งดอกซากุระก็ก้าวออกมา ปีกสีดำตัดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่อ่อนโยนแต่ก็สวยงามไม่แพ้กัน หญิงสาวเก็บขาข้างหนึ่งก่อนจะย่อลงเหมือนท่าถอนสายบัวที่ต่ำจนเข่าแทบจะแตะกับพื้น ในชุดเดรสกระโปรงสีขาวระบายแต่งแต้มไปด้วยลายปักดอกไม้ ชาบหนุ่มโค้งคำนับแสดงให้เห็นถึงเครื่องดนตรีชนิดเครื่องสายที่เขาติดมาด้วย ทั้งคู่มีดวงตากลมโตสีชมพูอ่อนรับกับสีผมเป็นอย่างดี เรียกสายตาคนได้ไม่ยาก

" หม่อมฉัน ไกอา มีความสามารถขับร้องเพคะ "

" กระหม่อม ไคอา เป็นนักกวีพะยะค่ะฝ่าบาท "

ผมหันไปมองฟารัสแต่ดูเหมือนสาวใช้อย่างเรนจะสะดุ้งแทนแล้วก้มหน้าหนี

" เอลิเกออส ลักซ์ เผ่าจิ้งจอก "

ชายวัยกลางคนที่มีผมสีขาวแซมเล็กน้อยก้าวออกมาด้วยท่าทีมั่นคง ยืดอกแสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เขายกมือข้างหนึ่งประทับบนอกพร้อมกับโค้งคำนับทุกกระบวนท่าดูทางการเสียจนวินเซนต์ก็อดจะมองอากัปกิริยานั้นไม่ได้

" เป็นเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้ที่ข้าพเจ้าผู้ต่ำต้อยจะได้ถวายงานรับใช้ท่านมังกรผู้หญิงใหญ่อีกครั้ง ลูกชายกระหม่อมเป็นนักเวทย์แปรธาตุแต่เขาไม่ได้มา ข้าพเจ้ารู้สึกละอายยิ่งนัก "

" พอเถอะ "

วินเซนต์เบือนหน้าหนีกับคำพูดร้อยแปดที่สรรเสริญราวกับเขายิ่งใหญ่จนขนลุกแทบนั่งไม่อยู่กับที่ ความสามารถของเขาที่ปรากฎหลักๆคือ เป็นคนที่สร้างบ้านและออกแบบที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง ยังเป็นหนึ่งในคนที่ออกแบบราชวังก่อนจะถูกวินเซนต์คนเก่าระเบิดอารมณ์จนโดนไล่ออกไปเพียงเพราะอัญมณีเบี้ยวไปสองเม็ด เป็นคนที่ผมระแวงเล็กน้อยเพราะจากที่ดูหน่วยก้านเขาไม่ใช่แค่เก่งในการใช้สมอง

" อีก3 ค--"

" โย่! กษัตย์มังกร ท่านไม่ได้ดูโตขึ้นเลย ฮ่าๆๆ "

หญิงสาวผมแดงเหมือนเพลิงนัยตาสีแดงเหมือนเลือดพูดออกมากับท่าทียียวนและไม่เคารพอย่างเห็นได้ชัด การแต่งกายของเธออยู่ในชุดเกราะหนังเข้ารูปพร้อมกับดาบสองเล่มเหน็บข้าง เธอเป็นหนึ่งในวาคีรีที่ก็ถูกวินเซนต์ไล่ออกเพราะความโผงผางของเธอเช่นกัน

" อารีเน่ ไปกวนส้นตีนท่านมังกรขนาดนั้น ระวังโดนวีนนะสาว "

หนุ่มเผ่าแมวผมบลอนด์ร่างกายสูงโปร่งแต่งหน้าแดรกควีนสุดปังพร้อมชุดขนเฟอร์พูดแซวจนบรรยากาศตึงเคลียดเริ่มกลายเป็นคณะตลกซุปเปอร์โจ๊กไป

" หม่อมฉันมีชื่อว่า บิลลี่ เพคะฝ่าบาทอย่าถือสาหม่อมฉันเลยเพคะ ปากหมาอมฉันมันไว๊ไว~ "

ผมสนใจหญิงสาวที่สวมแว่นแทนบิลลี่ขนเฟอร์ เธออยู่ในชุดกระโปรงใหญ่เพราะรูปลักษณ์ของเธอ เผ่าเซนทอร์ที่แข็งแกร่ง

" หม่อมฉัน พาราตรี เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพคะฝ่าบาท "

เธอมีท่าทางเหมือนเอลิเกออส แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่นคงจะเพราะความเป็นแม่ในตัวของเธอ

หลังจากที่วันก่อนได้เฉดหัวขุนนางไปในเหมืองแรงงานของอาณาจักร ผมได้เขียนหน้าที่และการปฎิบัติงานที่ผมอยากจะได้อย่างละเอียดรวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรกราเซียแห่งนี้ ผมเดินลงไปพร้อมกับยื่นม้วนเอกสารด้วยตัวเองแม้พวกเขาจะรับมันอย่างงงๆ ก็ตาม

" เอลิเกออส พาราตรี ทั้งสองคนไปกับฉันที่ห้องประชุมส่วนตัว "

ผมพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไป แต่บิลลี่ขนเฟอร์ก็รีบรุดมากอดขาไว้แน่นจนฟารัสและอัศวินคนอื่นๆก็ชักดาบขึ้นมาพร้อมกัน

" กรี๊ดดดดด!! "

เสียงปรอทแตกดังพร้อมกับมือข้างหนึ่งที่ผมยกห้ามคนอื่นๆไว้ บิลลี่ขนเฟอร์มองซ้ายขวาก่อนจะมองผมด้วยสีหน้าอ้อนวอนจนทำให้รู้สึกอยากจะวิ่งหนีออกจากเขาไปไวๆ

" ฝ่าบาทเพคะ ให้หม่อมฉันพบเป็นการส่งนตัวด้วยเพคะ หม่อมฉันเก่งหลายอย่าง ยังเคยต่อรองทองกับพวกมนุษย์ได้ฟรีมาแล้วยังเคยนะเพคะ ได้โปรดดด ฮรือออ "

" ...อะไรเนี้ย "

ผมรู้สึกว่าเพียงแค่การเอาเขาไปมันจะเป็นอะไรที่วุ่นวายมากกว่าเดิม แต่เขากลับไม่ยอมลดละที่จะปล่อยแขนออกจากขาผม

" จะไปก็ไป "

ผมพูดตัดบทก่อนจะพาร่างตัวเองเดินออกไปพร้อมกับฟารัสและคนอื่นๆที่ผมกล่าวไป บิลลี่ขนเฟอร์ก็เดินเทียบข้างทำให้คนอื่นๆมองเป็นตาเขียว

" หม่อมฉันซาบซึ้งจนอยากจะจัดงายฉลองเลยเพคะฝ่าบาท~ อ่ะหริ อ่ะหริ "

ผมถอนหายใจเฮือกแล้วเดินออกไปปล่อยให้บิลลี่ขนเฟอร์พูดแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในเร็ววันนี้

' เหมือนพี่ฉันเลย '

วินเซนต์คิดในใจและรีบสาวเท้าไวกว่าเดิม

เรนที่เห็นหลังฟารัสไกลออกไปจนลับสายตา เธอจึงมาหาคนอื่นๆที่ไม่ได้ถูกเรียก

" ฉันจะพาพวกท่านไปยังที่พักเองค่ะ "

************************************************************************

" ระบบเงินตราหรือขอรับ "

ภายในห้องที่ตกแต่งใหม่ให้เรียบ เครื่องประดับที่เคยอยู่ก็ถูกเอาออกเหลือเพียงฟอร์นิเจอร์ไม้ออกแนวนิมิมอล มันคือห้องเดียวกันกับที่ทุบตีเหล่าขุนนางไปเมื่อหลายวันก่อน

ผมคิดจะใช้สิ่งที่โลกเดิมเราคุ้นเคยแต่ที่นี่ยังไม่มี คือระบบเงินตรา ใช้เงินบริสุทธิ์ประทับตราเพื่อใช้แลกเปลี่ยนสินค้าแทนที่จะใช้สิ่งของแลกกัน

" หม่อมฉันก็เห็นด้วยเพคะ บางครั้งการแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งของก็ไม่คุ้มค่าแต่ก็ไม่มีทางเลือก "

พาราตรรพูดขึ้นขณะที่เธอยืนคิดไปด้วยพลางๆ

" ระบบเงินตราข้าคิดจะใช้สถานที่ที่บ่งบอกถึงอาณาจักรกราเซียประทับลงไป ชื่อสกุลเงินเซียร่าห์ มีทั้งเหรียญและแบบกระดาษ "

ผมพูดขึ้นพร้อมกับกระดาษที่วาดและออกแบบเงินเอาไว้เป็นชุดทั้งแบบเหรียญและแบบแบงค์ ทุกคนต่างดูและตื่นเต้น แต่ดูเหมือนจะมีหนึ่งคนที่เหมือนจะไม่จริงจังในตอนแรกก๋เปลี่ยนเป็นคนละคน

" ไหนๆก็พูดข้อดีไปหมด หม่อมฉันขอถามในส่วนที่หม่อมฉันยังสงสัยเพคะฝ่าบาท "

บิลลี่ขนเฟอร์พูดขึ้นพร้อมกับกระแอ่มในลำคอพร้อมสะบัดผมบลอนด์ของเขา

" ชาวบ้ายยังไม่คุ้นชินกับการแลกเปลี่ยนด้วยเงินตราแบบมนุษย์ การจะบังคับใช้จะเอาเงินจากไหน ถ้าต้องให้เกิดการหมุนเวียนต้องมีการลงทุนที่ต้องใช้สกุลเงินมนุษย์รึเปล่า การกำหนดขอบเขตหรือข้อจำกัด มีอะไรมารองรับได้หรือเพคะ อีกอย่างสกุลเงินที่เพิ่งตั้งต่อให้มีราคาในอาณาจักรแต่นอกอาณาจักรจะเปลี่ยนสกุลเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อขายกับอาณาจักรอื่นๆได้ "

ผมเบิกตากว้างกับคำถามของบิลลี่ขนเฟอร์ แต่เอลิเกออสพูดแทรกขึ้นมาก่อน

" เจ้าสงสัยในความสามารถของฝ่าบาทงั้นรึ "

เขายิ้มก่อนจะนิ้วชี้ไปมาเป็นการปฎิเสธ

" โนวๆๆ ฉันไม่ได้สงสัยในความสามารถของฝ่าบาทตัวน้อยของข้า ข้ากำลังชี้ให้เห็นถึงช่องโหว่ของงานที่ตำเป็นต้องปิดรอยรั่ว "

คิ้วเอลิเกออสกระกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดของบิลลี่

" ไร้มารยาท! กล้าพูดเช่นนั้นต่อฝ่าบาทได้ยังไง!! "

" ช่างเถอะ. บิลลี่ จริงอย่างที่เจ้าพูด "

ความวุ่นวายจบลงพร้อมกับหมัดของเอลิเกออสที่กำลังจะสาวเข้าหน้าบิลลี่ ทุกคนมองวินเซนต์เป็นสายตาเดียว

ผมนั่งมองเอกสารที่ออกแบบเงินใหม่ก่อนจะมองที่บิลลี่เพื่อตอบคำถามของเขา

" บังคับใช้กฎหมาย ให้สกุลเงินที่จะกำลังจะเกิดขึ้นใช้ชำระหนี้สินได้ สามารถใช้สกุลเงินนี้ว่าจ้างแรงงานได้และให้พวกคนรับใช้นำของที่ได้จากสวนนั้นส่วนหนึ่งไปตั้งขายในราคาที่ถูก สร้างพื้นฐานด้วยการแจกเงินชาวบ้านที่มีคนชราอายุตามที่กำหนดในวงเงินทีาเหมาะสม สนับสนุนเด็กๆที่เพิ่งเกิดจนกระทั่งเรียนจบสถาบันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ข้าอยากจะสร้างเช่นกันแต่เดี๋ยวค่อยพูดเรื่องนั้น สนับสนุนเงินให้ผู้หญิงที่มีลูกตามจำนวนบุตรและหญิงที่ตั้งครรภ์จนถึงคลอด ส่วนการลงทุนเราจะสนับสนุนนายทุนที่เข้ามาในวงเงินที่กำหนดรวมถึงระยะเวลา และเรียกเก็บภาษีจากประชาชนผ่านพื้นฐานรายได้ต่อปี รวมถึงเก็บภาษีนายทุนจากรายได้ต่อปี นี่คือคร่าวๆทีาฉันคิดได้ในตอนนี้ "

บรรยากาศเงียบไปครู่ใหญ่จนทำให้ผมเริ่มชีกไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ตอบนั้นมันดีพอแล้วรึยัง แต่ก็มีเสียงปรบมือจากบิลลี่ขนเฟอร์มาช่วยไว้ ด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่ผมรู้สึกกังวลในใจก่อนจะผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ

" ปังมากจ้าฝ่าบาท เรื่องที่ฝ่าบาทกล่าวมาหม่อมฉันถนัด ยกหน้าที่นี่ให้หม่อมฉันจัดเถอะเพคะ หม่อมฉันเองก็เคยไปอาณาจักรมนุษย์พอจะเข้าใจและหากมีฝ่าบาทตัวน้อยอยู่ด้วยสบายมากเพคะ อ่ะหริ ๆ "

เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นและสนุกสนานในเวลาเดียวกัน ก่อนจะดี้ด้าอยู่คนเดียว

" ฝ่าบาท. หม่อมฉันนำบุตรมาอยู่ด้วยได้ไหมเพคะ "

พาราตรีที่ยืนฟังอยู่นาน ดูเหมือนเธอจะไม่มีข้องกังขาอีกต่อไป ผมมองหน้าเธอที่ตอนนี้แตกต่างจากตอนแรกอยู่มาก จึงพยักหน้าเป็นการตอบกลับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกลับไป

" ขอบพระทัยเพคะ "

เมื่อการประชุมหมดลงทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ๆได้รับ ทำให้ระหว่างทางเดินไปสำรวจแหล่งน้ำที่ชาวบ้านจะใช้กันส่วนใหญ่มีแค่ผมและฟารัสเท่านั้น เขานิ่งเงียบไม่ได้พูดอะไรมาสักพักตั้งแต่ในราชวังแก้วขาวๆนั่น เอาแต่จ้องผมอย่างเดียวจนรู้สึกว่าไม่ผลอดภัยอยู่เหมือนกัน คาร์คเองก็ไม่อยู่เลยไม่มีคนแอบบรรยายสรหน้าฟารัส ท่าทางของเขาข้างหู

" ท่านคือวินเซนต์เทอร์ตัวจริงหรือขอรับ "

ผมชะงักไปชั่วครู่และรับรู้ว่าฟารัสก็รับรู้ได้เช่นกัน ผมไม่ได้ตอบโต้อะไรได้แต่เพีบงเดินต่อไปอีก แต่ในใจกลับคิดเพียงแต่ว่า ถ้าวินเซนต์ตัวจริงเป็นคนอย่างที่ได้ยินในข่าวลือมาจริง เขาดุร้ายราวกับมังกรที่ตกมันในทุกๆวัน มีเหตุผลอะไรที่ฟารัสดูจะฉลาดถึงมารับใช้คนอย่างวินเซนต์ แต่ทางเดียวจะรู้ได้คือวินเซนต์เทอร์ตัวจริง ไม่ก็จากปากฟารัสเอง แต่ผมก็เลือกจะหันกลับไปมองฟารัสทีาเดินตามมาอยู่ อากาศครึ้มราวฝนกำลังตก เมฆดำลอยมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆบนพื้นดินล้อมไปด้วยหญ้าที่ถูกทำให้เป็นเส้นทางพร้อมกับอากาศหนาวๆชื้นๆมาปะทะกับใบหน้าและลำตัว สายตาฟารัสจ้องมองผมนิ่งๆแม้จะไม่ได้พูดอะไร

" ..เจ้าคิดว่าไง? "

" ห้ะ.. "

ผมยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันหลังเดินต่อไป ทิ้งให้ฟารัสยืนสับสนอยู่

' เราไม่เนียนเหรอวะ '

ผมคิดในใจพร้อมกับหัวใจที่เต้นเร็วมากขึ้นไม่เป็นจังหวะ พร้อมคิดว่าเขาควรจะทำตัวขี้โมโหเป็นบ้าตามข่าวลือ แต่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยโมโหระเบิดแบบที่ฟังๆมา จนไม่รู้ต้องทำยังไง ก่อนจะรีบเดินไวๆเพราะมีแต่เรื่องบ้าๆบอๆเต็มหัวไปหมด

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!