NovelToon NovelToon

คำเล่าขานจากเมืองมาร [เซวียเสี่ยว]

บทที่ ๑ เทพหงส์ขาว

สระน้ำตำหนักเฟิ่งเหยา ณ ดินแดนสวรรค์ เป็นที่ประทับของเทพหงส์ขาวผู้ได้ชื่อว่างดงามปานกลืนสามพิภพพระราชนัดดาในเทียนจวินผู้ปกครองสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เสี่ยวซิงเฉิน งามทั้งภายนอกและภายใน เหล่าเทพชั้นผู้น้อยและผู้ใหญ่มักหาเรื่องมาข้องแวะให้ได้เจอหน้าเพียงเสี้ยวก็ยังดี บ้างก็ถามถึงด้ายแดงกับเทพบุพเพว่าตนจะมีวาสนาเป็นคู่ชะตาลิขิตของเทพหงส์ขาวผู้นี้หรือไม่ทว่าก็เซื่องซึมออกมาจากตำหนักบุพเพทุกราย เฒ่าจันทราได้แต่ส่ายหน้าเบื่อหน่าย เหนื่อยใจกับเจ้าพวกนี้เต็มแก่ ถึงแม้จะรู้อยู่ในอกว่าด้ายแดงของเทพเสี่ยวซิงเฉินนั้นผูกกับผู้ใดแต่ปากตาเฒ่าไม่สามารถพูดออกมาได้

รู้มากเท่าใด อย่าได้เอ่ยออกมาเท่านั้น

คลื่นน้ำกระทบแสงดาราจนเกิดเป็นหมู่ดาวขนาดย่อมในบ่อระยิบระยับ อาภรณ์ขาวบริสุทธิ์ไหลลงตามลาดไหล่มนร่วงสู่ข้อเท้าเบื้องล่าง ท่อนขาเรียวก้าวสัมผัสกระแสน้ำถึงครึ่งตัว สองมือลูบไล้ลำคอระหง แผ่นหลังเนียนต้องแสงโคม เส้นเกศาดำขลับสยายบนผืนน้ำ รอยยิ้มพร่างพราวประดับยามว่ายวนในบ่อนทีตามวิสัยของหงส์ เสียงหวานหัวเราะพอใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อร่างกายเปียกชุ่มทั้งตัว

จ๋อม...

"หือ เข่อซิงนั่นเจ้าหรือ?" เข่อซิงชื่อนกแก้วเด็กถูกยกขึ้นมาพูดยามได้ยินเสียงบางอย่างลงมาในบ่อน้ำเบา ๆ โดยที่เสี่ยวซิงเฉินยังไม่ลืมตา เข่อซิงมักชอบแช่น้ำพร้อมกับเขาเกือบทุกวัน มีโขดหินอีกฟากเป็นที่ประจำของเจ้าตัวเลยเชียวล่ะ เทพหงส์ขาวเอนกายหลับตาพริ้มริมขอบสระ ปล่อยลมหายใจแผ่วเบาเข้าสู่ห้วงนิทรา

ดวงตาทับทิมแดงไล่มองกรอบหน้าสวยอย่างหลงใหล กลิ่นกำยานหอมลอยฟุ้งไม่คุ้นเคยหากสูดดมจะลืมตื่นครึ่งชั่วยาม ของวิเศษจากพิภพมาร มิมีผู้ใดกล้าเล่นของโสมมไปกว่าเผ่ามารแล้ว เพื่อให้ได้สิ่งที่ปรารถนามาครอบครองแม้โลหิตเกรอะกรังก็เป็นเพียงคราบฝุ่นเท่านั้น มือหยาบกร้านลูบไล้เส้นผมนิ่มขึ้นมาดอมดมกลิ่นไอสวรรค์จากเทพผู้บริสุทธิ์ทั้งกายใจ ขาวสะอาดราวหิมะเหมันตฤดู มิมีสิ่งใดปนเปื้อนให้หมองมัวได้เลยแม้แต่น้อย เสี่ยวซิงเฉินคู่ควรกับสวรรค์ชั้นฟ้าเป็นที่สุดทั่วหล้าคิดเยี่ยงนั้น

หากแต่หาใช่เซวียหยาง

เสี่ยวซิงเฉินคู่ควรกับวังมารมากที่สุดต่างหาก

ร่างกำยำช้อนอุ้มกายเปลือยท่อนบนไร้สติ พลันปรากฏเป็นหมอกควันทมิฬทุกอณูบริเวณสระน้ำหลังตำหนักเฟิ่งเหยา ไม่นานมันก็หายไปพร้อมมารร้ายที่ลักพาตัวเทพหงส์ขาวลงจากสวรรค์

.

.

.

ข่าวการหายตัวไปของเทพหงส์ขาวแพร่สะพัดสะเทือนทั้งแดนดิน องค์เทียนจวินพิโรธลั่นวาจาสั่งกองทัพสวรรค์ให้กระจายกำลังออกตามหานัดดาผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจแม้พลิกแผ่นดินหาก็อย่าได้เกี่ยง กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตให้เหล่าเทพกลัดกลุ้มวุ่นวายใจกันไปหมด เข้าเฝ้าผู้ปกครองสวรรค์ในท้องพระโรงทีไรก็เกรงกลัวไฟโทสะอยู่หวั่น ๆ ยังดีที่มีเทียนโฮ่วคอยดับความคุกรุ่นให้เทพชั้นผู้น้อยรอดปลอดภัยไปได้หลายครั้ง

ซ่งจื่อเชิน เทพมังกรดำสหายร่วมสาบานของเสี่ยวซิงเฉิน ร้อนใจไม่แพ้กันถึงขั้นนำทัพทหารสวรรค์ออกตามหาสหายรักด้วยตนเอง ตั้งปณิธานแน่วแน่ว่าหากไม่พบเทพหงส์ขาวก็จักตามหาจนพบไม่กลับขึ้นสวรรค์เด็ดขาด ด้วยเหตุนี้เทียนจวินจึงเอ็นดูและไว้ใจจื่อเชินให้คอยอยู่เคียงข้างหลานชายตลอดมา

เป็นนัยยะสื่อบางอย่างชัดเจน

ลึกลงมายังภูเขาไฟดับสนิททว่ายังคงความน่าเกรงขาม เบื้องล่างเป็นที่ตั้งของวังราชามารไร้เมตตา หมอกหนาปกคลุมหนาวเหน็บ แมลงเรไรเงียบสงัดไม่กล้าแผดเสียงร้อง น่าหวั่นกลัวบางคราช่างอ้างว้าง หัวกะโหลกเรียงรายตามทางเดินเปรียบเสมือนกระถางต้นไม้ในเมืองมนุษย์ เสาทุกต้นแขวนธงตราสัญลักษณ์เผ่ามารอย่างภาคภูมิใจ โถงกว้างประดับผ้าสีดำระย้าเฉกเช่นงานอัปมงคล ที่แห่งนี้แสงตะวันส่องมาไม่ถึงส่งผลให้บรรยากาศอึมครึมแยกกลางวันกลางคืนไม่ออก

ทว่าตอนนี้มีแสงจันทร์บริสุทธิ์แทรกขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด

"ที่ใดกัน" ร่างโปร่งในชุดคลุมเนื้อผ้าบางแหวกลึกสีขาวยันกายนั่งพิงตั่งไม้แกะสลักหรูหรา ม่านดำบดบังทัศนียภาพภาพนอกแต่ก็ยังรับรู้ว่ามีคนยืนเฝ้าอยู่สองสามคน ครั้นจะลุกเดินข้อเท้าพลันกระตุกเกิดเสียงเคร้งคร้างเพราะโซ่ที่หลอมมาล่ามตนโดยเฉพาะ ขยับไปไหนไม่ได้นอกจากนั่งนอนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เสี่ยวซิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนคลายออกเมื่อรู้ว่าที่นี่คือที่ใด แค่เพียงอยากรู้เหตุผลว่าทำไมจึงต้องจับตนมาขังไว้

เสียงหัวเราะในลำคอใครบางคนดังแว่วมา ควันขมุกขมัวสีดำเกิดขึ้นอยู่นอกม่านก่อนจะกลายเป็นร่างบุรุษหนุ่มยืนไขว้หลัง เอียงคอเลิกคิ้วข้างหนึ่งจดจ้องใบหน้าหยกหลังผ้าม่านเท่านี้ก็รู้ว่าอีกคนทำหน้าฉงนเพียงใด แม้อยู่ในสถานการณ์แปลกประหลาดทว่าเสี่ยวซิงเฉินหาได้แหกปากโวยวายอย่างที่ควรเป็น หลายครั้งจิตใจของเทพหงส์ขาวนั้นยากแท้หยั่งถึงกว่ามนุษย์ยิ่ง

"ท่านต้องการสิ่งใดจากข้างั้นหรือ?" เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามไม่มีท่าทีตื่นตระหนก

"ตัวเจ้า"

"ท่านหมายความว่าอย่าง--" เสี่ยวซิงเฉินเซล้มเมื่อบุรุษข้างนอกพุ่งเข้ามาประชิดตัว เทพหงส์ขาวตอนนี้อยู่ภายใต้ร่างมารร้าย อีกฝ่ายมีใบหน้าคมคายติดเจ้าเล่ห์หลายส่วน กายสมส่วนดูมีพละกำลังมากกว่ามารทั่วไปพร้อมทั้งแผ่ไอรังสีชวนอึดอัดที่หากว่าเป็นมนุษย์ธรรมดาเขาคงดิ้นทุรนทุรายเจียนตาย

"ข้าพูดอย่างไรก็หมายความว่าอย่างนั้น เสี่ยวซิงเฉิน" บุรุษอาภรณ์ดำสนิทโน้มกระซิบข้างใบหูเทพหงส์ขาว เสี่ยวซิงเฉินคิดเขยิบหนีทว่ามือหนาก็พลันจับต้นแขนเล็กไว้แม่นมั่น จมูกโด่งสูดดมกลิ่นหอมจากข้อมือไล้ถึงหัวไหล่มนที่โผล่พ้นเสื้อตัวบางเล็กน้อย นัดดาเทียนจวินนั่งแข็งค้างไม่รู้จะทำตัวเช่นไรในเมื่อทั้งชีวิตนี้ไม่เคยมีใครกล้าใกล้ชิดทำรุ่มร่ามเชิงชู้สาวกับเขามาก่อน เหตุเพราะเทียนจวินกับจื่อเชินที่คอยกันท่าให้

"อย่าหันหน้าหนีข้า อยู่ที่นี่จงทำตัวให้ดีข้าอาจจะใจเย็นกับเจ้า"

"ขออภัย ข้าไม่อาจทำตามความประสงค์ของท่านได้ โปรดปล่อยข้ากลับตำหนักเฟิ่งเหยาเถิด" เสี่ยวซิงเฉินสะอึกยามข้อมือถูกบีบแรงขึ้น ดวงตาแดงก่ำเผยรอยโทสะจ้องเทพดื้อรั้นเขม็ง เซวียหยางผลักร่างบอบบางกระแทกตั่งนอนพลันเกิดเสียงโซ่กระทบพื้นเหมือนนักโทษถูกจองจำ ความวูบไหวผ่านสายตาแข็งกร้าวอยู่วูบหนึ่งก่อนมารร้ายจะลุกยืนเต็มความสูงหันหลังให้เสี่ยวซิงเฉิน

"หากเจ้าบำเรอข้าสักคืนสองคืน คำขอของเจ้าข้าจะเก็บไปคิดอีกที"

...- บทที่ ๑ -...

บทที่ ๒ ประหลาด

ผ่านมาหลายสัปดาห์แล้วที่เสี่ยวซิงเฉินนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในห้อง ช่วงใกล้ค่ำของทุกวันก็มักจะมีใครบางคนเข้ามารบเร้าตนเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่เสมอทว่าหาได้มีท่าทีคุกคามใด เทพหงส์ขาวจึงวางใจนักหากตัดนิสัยเจ้าอารมณ์ออกเซวียหยางนับว่าเป็นคนดีต่อเขามากเลยทีเดียว ข้าวปลาอาหารอาภรณ์เครื่องนุ่งห่มไม่ขาดพร่อง ดูแลประดุจเขาเป็นธิดาเผ่ามารอย่างไรอย่างนั้น

"ฮูหยิน อาจิงเตรียมน้ำเรียบร้อยแล้วท่านจะอาบเลยหรือไม่เจ้าคะ" ติดตรงนี้อีกข้อ ข้ารับใช้ทุกคนในที่แห่งนี้มักเรียกเทพหงส์ขาวว่า ฮูหยิน เขาไม่ได้ถือสาเอาความเหตุเพราะคงถูกเซวียหยางบังคับให้เรียกเขาเช่นนี้น่ะสิ

เขาพยักหน้าตอบรับคำสาวใช้ตัวน้อย นางมีนามว่าอาจิง หญิงสาวผมดำขลับหน้าตาจิ้มลิ้มที่เซวียหยางส่งมาอยู่ข้างกายเขา อาจิงจึงกลายเป็นเพื่อนคุยเล่นแก้เหงาไปโดยปริยาย จะว่าดีก็ดีไม่สุดเมื่อเสี่ยวซิงเฉินแสดงความสนิทสนมกับอาจิงเยี่ยงพี่น้องรู้ใจเซวียหยางจำต้องมีปากเสียงกับนางทุกครั้งอย่างคนหวงของ

"สบายตัวหรือไม่เจ้าคะ"

เสี่ยวซิงเฉินหลับตาพริ้มในอ่างน้ำที่โปรดด้วยกลีบบุปผานานาชนิดโดยมีอาจิงนวดขมับให้เบา ๆ มือเรียวเอื้อมสัมผัสข้อเท้าขึ้นรอยแดงจากการถูกโซ่รัดมานาน บัดนี้เซวียหยางเริ่มไว้ใจว่าเทพหงส์ขาวจะไม่หนีไปไหนได้หรือคิดหนีก็ไม่พ้นประตูวังมารจึงปลดโซ่ออก

ไม่รู้ว่าท่านปู่กับสหายรักกำลังตามหาเขาอยู่หรือเปล่าหากตามหาจนเจอแล้วเซวียหยางจะยินยอมให้เขากลับไปแต่โดยดีหรือไม่ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกนานเพียงนี้เสี่ยวซิงเฉินก็อดมีความคิดอยากออกไปเปิดหูเปิดตาไม่ได้

"ท่าน!?" เสี่ยวซิงเฉินอุทานตกใจเมื่อร่างที่ควรเป็นสาวน้อยอาจิงเปลี่ยนเป็นร่างบุรุษไม่เหลือเค้าอ่อนหวานสักนิด เซวียหยางยกยิ้มจนเห็นเขี้ยวซี่เล็ก มือหยาบกร้านบรรจงวักน้ำลูบผิวเนียนละเอียด กลีบบุปผชาติสีแดงแต่งแต้มบนร่องไหปลาร้าขับผิวกายให้สว่างน่าพิศดูขึ้น เสี่ยวซิงเฉินนิ่งค้างแทบหยุดหายใจ ก้มมองร่างกายตนที่มีเพียงเสื้อบาง ๆ และกางเกงส่วนล่างเท่านั้น ความเก้อเขินมียางอายส่งผลให้ใบหน้าหวานแดงระเรื่อมือจับขอบอ่างสะเปะสะปะไม่รู้จักวางไว้ตรงไหน

"จะลุกไปไหน" เซวียหยางเลิกคิ้วถาเมื่อเทพหงส์ขาวตั้งท่าลุกจากอ่างยามเขาก้าวขาลงมานั่งได้ครู่หนึ่ง

"อ่างเล็กนิดเดียว หากท่านอยากอาบท่านก็อาบก่อนเถิด อ๊ะ--" 

เสี่ยวซิงเฉินล้มตามแรงดึงคนเอาแต่ใจ ตอนนี้กลายเป็นว่าร่างขาวสะอาดทับบนตักของราชามาร สองแขนแกร่งเกี่ยวรอบเอวให้อยู่ในอาณัติ พอจะขัดขืนก็ถูกกดศีรษะให้แนบอกเสียอย่างนั้น เทพหงส์ขาวคุดคู้อิงแอบในอ้อมกอดอีกฝ่ายอย่างไม่เต็มใจนัก อ่างน้ำก็แคบนิดเดียวอากาศภายนอกก็เริ่มหนาวเย็น เจ้าตัวนี้ยังทำรุ่มร่ามใส่อีก คิ้วงามเริ่มขมวดเข้าหากันบ้างแล้ว

"แค่ข้าอยากอาบด้วยเจ้าก็รังเกียจรึ งั้นข้าจะมาอาบกับเจ้าบ่อย ๆ ละกันคนงาม" ปากที่ชอบยิ้มเจ้าเล่ห์มีเลศนัยประทับจุมพิตลงบนกลุ่มผมดำขลับของเสี่ยวซิงเฉิน 

"ข้าหนาว รีบขึ้นจากอ่างกันเถิด"

"หนาว? อยู่ในอ้อมกอดข้าไม่หนาวหรอก ฮ่า ๆ" เสียงกวนประสาทของใครหลายคนกำลังเปล่งหัวเราะข้างหูเขา เซวียหยางกระชับแขนกอดหวังคลายหนาวให้ว่าที่ฮูหยินตน คิ้วขมวดเป็นปมเล็ก ๆ คล้ายคนด่าทอออกเสียงกรีดร้องในใจของเสี่ยวซิงเฉินช่างน่าเอ็นดูในสายตานัก พระโพธิสัตว์ก็ยังมีความอดทนจำกัดอย่างนั้นสินะ

"รีบอาบเสีย เดี๋ยวจะมืดค่ำ"

.

.

.

จื่นเชิน ฝากบอกเทียนจวินและทุกคนด้วยว่า

ข้าสบายดี อยู่ที่นี่มิได้ลำบาก อีกไม่นานก็จะกลับไป

ไม่ต้องห่วง

เทพหงส์ขาวพัดตัวอักษรลอยระยิบระยับขึ้นไปนอกหน้าต่างด้านบนหวังให้คนในจดหมายได้อ่านและหายกังวล ชีวิตอันแสนยาวนานของเขาค่อนข้างน่าเบื่อหน่ายหากมีคนอย่างเซวียหยางเข้ามาก่อความวุ่นวายก็น่าตื่นเต้นไม่น้อย เขาจะยอมอยู่เล่นด้วยสักตั้งติดแต่เพียงว่าราชามารคิดจริงจังอยากได้เขาบำเรอตนนี่สิ ช่างหน้าไม่อายกระไรเยี่ยงนี้

"เสี่ยวซิงเฉิน ใครอนุญาตให้เจ้าส่งจดหมาย" เซวียหยางยืนกอดอกพิงเสาเตียงด้วยสีหน้าแฝงโทสะ

"ข้าเพียงแจ้งสารทุกข์สุกดิบแก่ท่านปู่เท่านั้น มิได้คิดหนี" 

"เจ้าไม่หนีแต่มีหรือมันจะปล่อยเจ้าไว้ที่นี่ อย่าคิดน้อยไปหน่อยเลยคนงาม" บุรุษอาภรณ์ทมิฬเข้าใกล้คนนั่งติดหน้าต่าง เส้นผมที่สยายยาวเกือบถึงบั้นท้ายไม่ได้จัดทรงเรียบร้อยเหมือนครั้งอยู่บนสวรรค์ถูกลมโกรกพัดปลิวสัมผัสใบหน้างามดั่งหยก ข้อเท้าเปลือยเปล่าโผล่พ้นชายผ้าขาวออกมายิ่งดูน่าทนุถนอมกว่าสิ่งใดแต่ก็น่าครอบครองในเวลาเดียวกัน

"หากว่า...หากว่าเจ้าเป็นของข้าเสียตอนนี้ พวกมันก็จะปฏิเสธข้าไม่ได้แล้ว"

"ข้าไม่อยากเป็นของท่าน" เสี่ยวซิงเฉินหลบสายตาคมกริบนั้น มุมปากราชามารพลันยกขึ้นก่อนจะระเบิดหัวร่อ มือแกร่งกระชากแขนเทพหงส์ขาวจนถลาตามแรง ร่างสมส่วนขึ้นคร่อมทับกลางตัวคนงามปล่อยไอมารโอบล้อมรอบกายสะกดพลังเทพสวรรค์ เซวียหยางมองคนใต้ร่างที่เอาแต่หันหน้าหนีเขา เมื่อก่อนเขาคงจะไม่แตะต้องหยกขาวให้ร้าวทว่าจิตใจดำมืดถูกกัดกร่อนเกินครึ่งเสียแล้ว 

ปากอวบอิ่มโดนมารร้ายช่วงชิงความหอมหวานจนเจ่อบวม ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดซึ่งกันและกันบังเกิดน้ำสีใสเชื่อมระหว่างพวกเขา สองมือกำแน่นหอบหายใจถี่หน่วงมิเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ปรางแก้มร้อนผ่าวขึ้นสีแดงตำลึงดั่งคนเมาสุราขณะราชามารปลดสายคาดเอวเทพใต้อาณัติออกไม่ไยดี เรียวขาชันเข่าเสียดสีกันเสี่ยวซิงเฉินรู้สึกแปลกประหลาด ร่างกายตอบสนองต่อสัมผัสอย่างน่าประหลาด

"พอก่อน พอ" ใช้ศอกดันหน้าอกอีกคน เซวียหยางกระฟัดกระเฟียดผลักร่างเล็กให้ห่างตน เทพหงส์ขาวยังนอนเสื้อผ้าหลุดรุ่ยค้างอยู่เช่นเดิม มือยังกำไว้แน่นไม่กล้าแม้ขยับตัว ราชามารยันขอบประตูลูบหน้าลูบตาตัวเองคล้ายเรียกสติ 

"นอนซะ ข้าจะไปจัดการตัวเอง" เซวียหยางดึงผ้าห่มจากปลายเท้ามาปกคลุมร่างขาว ก่อนจะกลายเป็นกลุ่มควันหายไปในอากาศ เสี่ยวซิงเฉินแตะแผลบนปากตัวเองครั้งหนึ่งกระชับผ้าห่มคลุมตัวอีกครั้งหนึ่ง ไม่สามารถสลัดความรู้สึกแปลกประหลาดนี้ออกไปได้

มันไม่จืดชืดเหมือนความรู้สึกที่ผ่านมา

เขากำลังตื่นเต้น

...- บทที่ ๒ -...

บทที่ ๓ เด็กดี

เซวียหยางหลบหน้าเขาตลอดสามวันที่ผ่านมา ไม่ใช่วิสัยของเจ้าตัวสักนิด ทว่าเพิ่มตาข่ายอาคมมิให้ส่งข่าวไปไหนได้อีก ทหารอสูรเฝ้ายามข้างนอกแน่นหนาปิดล้อมทางเข้าทางออกมิให้เหลือช่องว่าง เสี่ยวซิงเฉินแทบจะกลายเป็นนักโทษเต็มตัวแล้ว

"อาจิง แท้จริงแล้วเขาขี้เขินรึ?" 'เขา' ที่หมายถึงคงไม่พ้นเซวียหยางเจ้านายของอาจิง

"ไม่น่าเป็นเช่นนั้นเขาหน้าด้านหน้าทนมากกว่าเจ้าค่ะ" สาวน้อยหาได้โป้ปด เจ้านายสารเลวของตนชอบทำตามอำเภอใจใครด่าใครแช่งหาได้สะทกสะท้าน เจ้าตัวทำแค่ยักคิ้วแยกเขี้ยวมีความสุขที่ได้รังแกคนอื่นนักหนา ไม่นับรวมกับที่ลักลอบขึ้นสวรรค์แล้วยังหาญกล้าขโมยแก้วตาดวงใจจากเทียนตี้ผู้เป็นใหญ่อีก ไม่พอยังกักขังมิให้ส่งจดหมายหรือพบหน้าผู้ใดด้านนอกสักคน อันธพาลชั่วมิมีใครเกิน

เสี่ยวซิงเฉินส่ายหน้าเล็กน้อยยิ้มบางเบาเอ็นดูท่าทางกระฟัดกระเฟียดนั้น อาจิงแสดงออกเช่นนี้แต่ใจจริงนางยึดติดเซวียหยางเป็นดั่งที่พึ่งพิงสุดท้ายของนางเหมือนพี่น้องที่แม้จะตีหน้าบึ้งขยะแขยงกันทว่ากลับกลมเกลียวกว่าสิ่งใด

ปัง!

เสียงบางอย่างกระแทกบานประตูอย่างแรงทำเอาคนทั้งสองในห้องเผลอสะดุ้งตกใจ เซวียหยาง? ราชามารร้ายเห็นได้ชัดว่าใช้เท้าถีบเข้ามา สายตาหลุกหลิกแสร้งมองผ่านเทพหงส์ขาวไปทางอื่น นิ้วมือข้างหนึ่งลูบถูสันจมูกเก้กัง อีกมือหนึ่งไพล่หลังบรรเทาความประหม่า ร่างสันทัดเดินซ้ายทีขวาทีพลางเหลือบมองเสี่ยวซิงเฉินเป็นระยะจนอาจิงจิปากรำคาญ

นัยตาสุกใสมองตามคนอยู่ไม่เป็นสุขที่เข้ามาแล้วไม่ยอมพูดยอมจาสักคำ เอาแต่เดินวนรอบห้องมุมโน้นทีมุมนี้ทีประเดี๋ยวก็มองเขาประเดี๋ยวถอนหายใจ เสี่ยวซิงเฉินได้เพียงนั่งนิ่งหารู้ความคิดในหัวราชามารไม่ พลันเซวียหยางสะบัดมือไล่ให้อาจิงออกไปรข้างนอก แม่นางน้อยคิ้วขมวดเดินกระแทกเท้าปิดประตูสะเทือนถึงเพดาน นี่ไม่คล้ายคลึงกันเกินไปหน่อยกระมัง

"ท่านมีสิ่งใดจะพูดกับข้าหรือ?" เซวียหยางหยุดยืนเบื้องหน้าคนงาม เสี่ยวซิงเฉินเงยหน้าเพื่อเผชิญกับอีกฝ่ายตรง ๆ กลายเป็นราชามารที่หายใจติดขัดคิดผิดว่าซิงเฉินช้อนสายตามองตนราวมีประกายระยิบระยับลอยฟุ้งรอบด้าน ใบหน้าคมคายเสหลบเป็นครั้งที่สองด้วยมิอาจต้านทานพลังอำนาจชวนให้ลืมเลือนทุกสิ่งของเทพหงส์ขาวนี้ได้เลย

"หากท่านเหนื่อยล้ามิสู้นอนพักสักงีบแล้วค่อยสนทนากัน" คมงามเอ่ยปากพูดทำลายความฟุ้งซ่าน เซวียหยางละล่ำละลักก้าวสะดุดขาตนเองบ้าง ท้ายสุดก็ยิ้มกว้างทิ้งศีรษะหนุนทับตักนิ่มของเสี่ยวซิงเฉิน เทพหงส์ขาวเบิกตาเล็กน้อยแต่ยังคงรักษาภาพลักษณ์พระราชนัดดาผู้ปกครองสวรรค์ได้ดี แม้ลำบากใจคนงามอย่างไรก็คือคนงามเมตตาต่อทุกสรรพสิ่งมิกล้าผลักไสผู้ใดนักหรอก

คล้ายอยากจะพูดให้เขาไปนอนหนุนหมอนดี ๆ ก็เก็บงำไว้ มือขาวพิสุทธิ์วางบนกลุ่มผมเล่นศีรษะราชามารผู้อันธพาลกระนั้นหนึ่งในสองมิมีใครโกรธเคืองกัน เปลือกตาปิดพักสายตาชั่วครู่เผลอเคลิบเคลิ้มในสัมผัสอันอ่อนโยน เซวียหยางที่คราแรกหลงใหลความพริ้งเพราขาวสะอาดของอีกคนทว่า ณ ครานี้เขาหลงใหลไปทั้งกายใจในความสุขุมมีแววใสซื่อแฝงนิสัยซุกซนเอาไว้เพียงนิดรวมแล้วเป็นเสน่ห์มิอาจเทียม

จึงปรารถนาเก็บซ่อนไว้ดูชมเพียงผู้เดียว

เสี่ยวซิงเฉินสูดอากาศเข้าปอด ไม่อาจยอมรับว่ากระอักกระอ่วนเพียงใดเมื่อเซวียหยางเอนกายลงมาพร้อมกลิ่นคาวโลหิตถึงแม้จะชำระล้างให้ดูสะอาดแล้วก็ตาม ข่าวคราวการฆ่าล้างตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งถูกปีศาจชั้นผู้น้อยในวังมารนำมาสนทนาอย่างตลกขบขันและตัวละครหลักคือราชามารของพวกตน น้ำเสียงภูมิอกภูมิใจทำเอาจิตใต้สำนึกเต็มเปี่ยมด้วยคุณธรรมบีบรัดและหดหู่ เทพหงส์ขาวยึดมั่นในความดีงามมิอาจหลับหูหลับตาเพิกเฉยแลคิดว่าหากแสดงความจริงใจต่ออันธพาลน้อยผู้นี้ได้ไม่แน่ว่าเจ้าตัวจะชดใช้ความผิด เลือกเดินทางที่ถูกที่ควรได้ในสักวัน

"ข้าแค่คิดถึงน่ะ"

คิดถึง คำนี้ออกจากปากเขาเป็นครั้งแรกของชีวิต สามวันเหมือนสามปีไม่ได้พบหน้าคนงามแล้วจะขาดใจตายทว่าก็ทำเรื่องเลวทรามไว้จึงหลบเลี่ยงเรื่อยมาแต่พิษรักมากเกินไปจนทนไม่ไหวดังนั้นสองเท้าเร่งวิ่งพาร่างตนเองมาอยู่ที่นี่

เทพหงส์ขาวสะอึกแม้เคยได้ยินคำนี้บ่อยพอมันมาจากปากราชามารก็อดคันยิบในอกไม่ได้ เขาเลือกจะมิโต้ตอบคนหลับตาพลางอมยิ้มน้อย ๆ ให้ดูน่าหยิก นัดดาแห่งสวรรค์เคลื่อนมือมาบีบจมูกดื้อรั้นอย่างไม่เกรงกลัว เซวียหยางลืมตาขึ้นทันใดยิ้มกว้างกว่าเก่าปล่อยอีกฝ่ายกระทำอยู่แบบนั้น มารร้ายเบิกบานใจยิ่งที่ความสัมพันธ์ระหว่างเทพหงส์ขาวใกล้ชิดกันมิเหมือนตอนแรก

"เป็นเด็กดีได้หรือไม่" เจ้าของอาภรณ์ไร้มลทินเอ่ยแผ่วเบา

เด็กดี?

หมายถึงอย่างไหนกัน

"มารอย่างข้ามันเกินเยียวยาแล้ว แต่หากเจ้าอยากให้ข้าเป็นเด็กดีข้าก็...จะเป็นให้เจ้าผู้เดียว" มือเรียวถูกยึดมาดอมดมเหลือบมองเทพสูงศักดิ์ผู้มีแววตาจริงจังมิได้ติดเล่นเหมือนตน เซวียหยางรู้แจ้งดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เลิกทำเรื่องต่ำช้าทั้งหลายแล้วกลับตัวเป็นคนดี แต่จักให้ทำเช่นไรได้ในเมื่อกมลสันดานนี้ติดตัวเขามาตั้งแต่ยังเด็ก

เสี่ยวซิงเฉินไม่อยากจุกจิกมากรอให้เวลาผ่านไปแล้วค่อยปลูกฝังสิ่งดีงามให้ราชามารเรื่อย ๆ คงจะเห็นผลสักวัน 

"คืนนี้ข้าจะนอนกอดเจ้า คืนต่อ ๆ ไปข้าก็จะทำเช่นเดิม" อาจจะไม่ใช่วันนี้ เซวียหยางยิ้มตาปิดซ่อนเร้นไออำมหิตในส่วนลึก ละครปาหี่กำลังจะเปิดฉากผู้ร้ายได้รับบทบาทไร้เดียงสาเพื่อให้ผู้ชมพึงพอใจ เสี่ยวซิงเฉินกับเขากลายเป็นเช่นนั้น จะยอมเสแสร้งกดทับตัวตนเพียงเพราะคำขอจากเทพสวรรค์ที่ไม่เคยใช้ชีวิตท่ามกลางความแก่งแย่ง ณ สถานที่อันมืดมนและร้อนระอุดั่งขุมนรก

"มิได้หรอก" มิได้เหนือความคาดหมาย เทพหงส์ขาวปฏิเสธทันควัน มือไม้สะเปะสะปะด้วยไม่รู้จะวางตัวอย่างไรจึงจะสุภาพ เสี่ยวซิงเฉินมิเคยนอนกอดก่ายผู้ใดและถูกพร่ำสอนเสมอว่าคนมิใช่ครอบครัวห้ามใกล้ชิดกอดเกยเป็นเขนยเด็ดขาด ยิ่งเป็นเซวียหยางยิ่งแล้วใหญ่ จิตใจเขาไม่สงบเลย

"หากข้าเป็นคนดีแล้ว เจ้าจะไม่กลัวข้าใช่ไหม"

หากเป็นคนดีแล้ว

จะรักข้าใช่หรือไม่

...- บทที่ ๓ -...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!