วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของภาคเรียนที่สองการเรียนเป็นไปอย่างน่าเบื่อเปิดมาฉันก็ต้องมาปวดหัวกับการบ้าน พวกอาจารย์ทำไมชอบสั่งการบ้านกันจังไม่สงสารพวกนักเรียนบ้างรึยังไงกันนะ บ่นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกเฮ้อ! วันนี้ครูปล่อยให้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ เพราะเปิดเรียนวันแรก ฉันกับเพื่อนอีก 3 คน กำลังนั่งเล่นอยู่บนศาลา ในสนามเด็กเล่นหน้าโรงเรียน ฉันก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ เหลือเวลาอีกตั้งครึ่งชั่วโมง ฉันกับเพื่อน นั่งเล่นกันพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เวลาผ่านไปไม่นาน เพื่อนก็ไปเข้าห้องน้ำในโรงเรียน เพราะหน้าโรงเรียนไม่มีห้องน้ำ เลยอ่ะดิ ทิ้งฉันไว้คนเดียว เฮ้อ กว่าเพื่อนๆจะมา ฉันจึงนั่งเล่นมือถือ เพื่อฆ่าเวลา
"เฮ้!น้องสาว
เสียงเรียก ทำให้ฉันหันขวับ หาต้นตอทันที ภาพตรงหน้าคือพวกรุ่นพี่ 3 คน ซึ่งปล่อยตายเสื้อนักเรียนหลุดลุ่ย ที่ตรงนี้เป็นมุมอับสายตา และไม่ค่อยมีคนด้วยสิ คนจะรอกลับบ้านอย่ามายุ่งได้ไหมยะ
"ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะจ๊ะให้พี่นั่งเป็นเพื่อนมั้ยจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันตอบเสียงนิ่งๆเพื่อไม่ให้รุ่นพี่รู้ว่าไม่สบอารมณ์ ฉันไม่อยากทำตัวเด่นเพราะมาโรงเรียนวันแรก หากมาม้าต้องถูกเข้าห้องปกครอง คงไม่ดีแน่ และปะป๊าเคยสอนว่า ถึงฉัน จะเก่งเรื่องต่อยดีหรือมีพลังเยอะกว่าผู้หญิงรุ่นเดียวกัน แต่ห้ามใช้มั่วซั่วเด็ดขาด ปะป๊าต้องการให้ฉันคุ้มครองตัวเองได้เท่านั้น ดังนั้นหากอีกฝ่ายไม่มารุกราน ก็ต้องนิ่งและอย่าลงไม้ลงมือ
"แต่พี่อยากนั่งกะน้องนี่"
"อย่าเอามือมาโดนแขนฉันนะ"
ฉันสะบัดแขนทางลุกขึ้นพรวด ยืนประจันหน้ากับรุ่นพี่ 3 คนนี้ พร้อมกับตบโต๊ะบนศาลา 1 ครั้ง โอ๊ยเจ็บมือชะมัด หน้าแปลก ทำไมรุ่นพี่ 3 คนนี้สายตา ถึงดูเลื่อนลอยจังเลยล่ะ คล้ายกับว่ามีหมอกบางอย่าง ปกคลุมในตา เอาไว้ หรือฉันคิดไปเองกันแน่นะ ฉันเลิกสงสัยสายตาแปลกประหลาด ของพวกรุ่นพี่ 3 คนนี้ก่อนจะโดนพวกรุ่นพี่เล่นงานเสียก่อน ฉันสมควรมีสมาธิกับการต่อสู้เสมอ หลังจากที่ฉันเคยหักกระดูก ชายแถวข้างถนน ที่คิดจะเข้ามาทำร้ายฉัน ซิงทรัพย์เพื่อจะเอากระเป๋าเงินฉันไป ก็อยาก รู้ซะมัดเลยว่าวิชาใหม่จะส่งประสิทธิภาพรุนแรงแค่ไหนปกติได้แต่ซ้อมหน้ากระจกห้องนอนมาใช้กับชีวิตจริงอาจจะดีไม่หยอกนะ
"พวกนายไปไกลๆเลยนะ"
อย่างที่บอกว่าไม่ได้อยากมีเรื่องตั้งแต่วันแรกแม้จะต้องการลองวิชาก็ตาม ปะป๊าสอนฉันเสมอว่าทักษะการต่อสู้ที่ตัวเองมีนั้นอย่าใช้พร่ำเพื่อหากเจอสถานการณ์รุมเร้าจริงถ้าเห็นได้ก็ให้เผ่นก่อน
"ฮึบ!"
ฉันกระโดดหลบชายคนหนึ่งที่ขึ้นมาบนศาลาแล้วง้างขาขึ้นมาเตะลงบนขอบโต๊ะแบบสิวเฉียดเพราะไม่ทันระวังตัว แปลกหน้าแปลกมากผู้ชายที่ชวนผู้หญิงคุยจะลงไม้ลงมือเลยหรือพอโดนปฏิเสธทั้งที่ฉันไม่ได้พุ่งเข้าไปหาเรื่องก่อนแท้ๆ สาเหตุที่คิดแบบนี้เพราะว่าสายตาประหลาดนะสิมันเหมือนกับเขา 3 คนไม่ใช่มนุษย์ ตายละสงสัยจะดูหนังไซไฟมากไปหน่อยสภาพภายนอกพวกนี้ก็คนธรรมดานี่หว่า Hey ถึงฉันจะสามารถเห็นหายเข้าไปในโรงเรียนตามคำสอนของปะป๊า ว่ามีเรื่องต้องรีบหนีไว้ก่อนเพราะไม่อยากให้ลูกสาวเจ็บตัวแต่ตอนนี้เลือดในตัวฉันพุ่งพล่านชะมัดเลยแหละจะลองดูไหมว่าถ้า หากกระดูกจะสวยขนาดไหน (แต่คิดไปคิดมาฉันคงจะต้องยั้งมือกับพวกนี้มันไม่คุ้มค่าหรอกหากกระดูกแขนของมันทำให้มาม้าต้องมาโรงเรียน ฉันยังไม่อยากถูกไล่ออกก่อนจบม. 3 หรอกนะ)
"หาเรื่องฉันก่อนเองนะยะ!"
ฉันชี้หน้าด่าไอ้พวกรุ่นพี่ซึ่งมันอาจเข้ามาทำร้ายผู้หญิงก่อน น้อยไม่เห็นฤทธิ์แม่ซะแล้ว ฉันจะจับคนไหนตึ๊บล้างเท้าดีนะมันสั่งดุ๊กดิ๊กอยากทำร้ายคนไม่ยอมหยุดเลยล่ะ ขณะที่คิดฉันก็ต้องตั้งกะทันหัน เพราะ พวกมัน 3 คนเล่นรุมเข้ามาครั้งเดียว!!! เฮ้เอาเปรียบกันมากไปหรือเปล่ายะ ฉันคันหางคิ้วยุกยิกเลยล่ะ
"ตุ้บ!!"
รุ่นพี่คนนึงใช้ท่อนแขนปะฟาดมาหมายจะให้โดนหน้า แต่ว่าฉันกระโดดหลบทัน เสียงแขนกระทบกับพื้นค่อนข้างดังเพราะว่าไม่มีใครได้ยิน เพราะไม่มีคนอยู่แถวนี้เลย หน้าของรุ่นพี่ไม่เปลี่ยนสีแม้แต่น้อยขนาดโดนพื้นจังๆไม่มีความเจ็บปวดเลยสักนิดเป็นซอมบี้หรือไง เห็นทีว่าถ้าไม่ตอบโต้บ้างคงจะโดนรุกอยู่ฝ่ายเดียวแน่เพราะรุ่นพี่ 3 คนนี้เอาจริงนะสิ ฉันยกแขนปาดหน้า 1 ครั้งพร้อมกับต่อยรุ่นพี่คนแรกด้วยหมัด 2 ครั้ง รุ่นพี่เซถอยหลัง ฉันจึงวิ่งไปที่รุ่นพี่คนหนึ่งครั้งและใช้เท้าเตะเข้าที่ต้นคอของรุ่นพี่คนนั้นจนล้มลงไปกองกับพื้นเลยล่ะกระจอกชะมัด!
รุ่นพี่ 2 คนตรงปี่เข้ามาเหมือนไม่เกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้นทั้งที่เพื่อนเพิ่งถูกเล่นงานจนหมอบกับพื้น ฉันก็จนเหยียบหน้าขาของรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งย่อตัวลงไปสำรวจเพื่อน และเตะเข้าไปที่หน้าอกของรุ่นพี่ที่อยู่ด้านหลัง แทน จนกระเด็นติดกับกำแพงตรงมุมใกล้ๆศาลา
"เอาล่ะเหลือนายคนสุดท้ายแล้วนะ"
หนีไปสิวะฉันเริ่มปวดแขนขาแล้วนะเมื่อวานดังเล่นแบดมินตันกับเพื่อน 3 ชั่วโมงต่อด้วยวิ่งแข่งกันอีก 1 แล้วก็แข่งกระโดดไกลกับเพื่อนเล่นเอากล้ามเนื้อฉลาดจนถึงวันนี้เลยล่ะใครจะคิดหรอว่าต้องมาซกต่อยตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอม
"เตรียมตัวเดี่ยงได้เลย!"
ฉันต่อยหน้ารุ่นพี่ไป 3 ครั้งจนปากแตกแล้วก็กระโดดถีบหน้าอกของรุ่นพี่จนล้มลงจากนั้นฉันจึงเตะไปที่ต้นคอของรุ่นพี่ จนรุ่นพี่หมอบลงกับพื้น
โอเคครบตามแล้วสินะนอนเล่นกับพื้นหมด เลยน่ะสิ ฉันไม่ได้โหดนะแค่ป้องกันตัวตามปะป๊าสอนเท่านั้น เฮ้อฉันถอนหายใจยาวพรางปาดเหงื่อ เล่นเอาฉันหมดแรงเลยดีนะไม่เป็นลมกับการใช้พลังงานมากเกินไป ฉันเลือกจ้องสภาพไอ้รุ่นพี่ 3 คนซึ่งกลายเป็นเสือสิ้นลาย แตกทำไมต้องมาเจอนักเลง 3 คนมากลั่นแกล้งด้วย ปกติ ผู้ชาย ชวนสาวคุยด้วยแล้วโดนปฏิเสธอย่างมากก็เดินคอตกจากไปไม่ใช่เหรอ
" เฮ้ยเกิดอะไรขึ้นเนี่ยลิลิน" พวกเธอกลับมาได้จังหวะเหมาะชะมัดเลยล่ะไม่รอให้ฉันถูกตบชักฉาดก่อนล่ะ
" รุ่นพี่พวกนี้ชวนฉันคุยมาหาเรื่องแล้วฉันฉันปฏิเสธผลก็เลยออกมาเป็นงี้" ฉันเล่าเรื่องย่อๆให้พวกเธอฟังแต่ตัดพวกสายตาแปลกประหลาดหรือลักษณะผิดมนุษย์ซึ่งดูเหมือนไม่มีความเจ็บปวดแม้แต่น้อยออกเพราะกลัวพวกเพื่อนจะหาว่าฉันเป็นบ้ามากกว่า
" บ้าวันหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะอันตรายแล้วเจ็บตรงไหนไหม?" เฮ้ฉันปกป้องตัวเองได้นะไม่ต้องให้ใครมาช่วยหรอก อีกอย่างนึงนานครั้งได้ใช้แรงก็รู้สึกสดชื่นไม่น้อยเลยล่ะ ฉันพยักหน้า รับทำพร้อมกับสายหัวแทนคำตอบ
" แล้วจะจัดการ 3 คนนี้ยังไงดี"
" ฉันว่าน่าจะเอาไปพิงกับกำแพงดีกว่าไหมจะได้ดูเหมือนนอนพิงกำแพงอยู่ดีกว่านอนเหมาะกับอยู่กับพื้นแบบนี้" ฉันเป็นฝ่ายเสนอความคิดซึ่งเพื่อนๆทุกคนก็เห็นด้วยจึงช่วยกันพยุงพวกรุ่นพี่ 3 คนนี้พิงกับกำแพง
พอเวลาผ่านไปประมาณ 5 นาทีก็จะถึงเวลากลับบ้านแล้ว ฉันกับเพื่อนจึงนั่งเล่น ด้วยกันเหมือนเดิมโดยเปลี่ยนจากนั่งพ้นศาลามานั่งตรง ม้านั่งข้างฟุตบาทแทน ผ่านไปสักพักฉันก็เห็นคนคนนึงมาหยุดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันงงมากว่าทำไมถึงมีคนมายืนอยู่ตรงหน้าฉันแถมยังเป็นคนที่ฉันไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ (แต่ฉันรู้สึกแปลกๆเวลาที่ได้มองผู้ชายคนนี้ มันรู้สึกอบอุ่นอย่าง อย่างบอกไม่ถูก) ผู้ชายคนนั้นมองฉันอยู่นานจนปะป๊าเดินเข้ามาหาฉัน ผู้ชายคนนั้นจึงเลิกมอง เพื่อนๆฉันตอนนี้กลับบ้านกันหมดแล้ว ฉันเดินไปหาปะป๊าแล้วยืนข้างๆท่าน แล้วป๊าก็มองผู้ชายคนนั้น แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เอ๊ะ ทำไมปะป๊าถึงถอนหายใจ ฉันหัดมองผู้ชายคนนั้นอย่างไว และตอนนี้แววตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นหวั่นไหวไปแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ...
" ป๊ามีอะไรหรือเปล่าคะ" เมื่อทนความสงสัยไม่ได้ฉันก็ถามออกไป ปะป๊าหันมามองฉันแล้วถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และหันไปหาผู้ชายคนนั้นแล้วฉันก็สังเกตเห็นผู้ชายคนนั้นก็ถอนหายใจเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย ปะป๊ามีเรื่องอะไรปิดบังฉันอีกแล้วใช่ไหม ฉันเกลียดการโกหกและปิดบังมากที่สุด แค่เรื่องที่ปิดบังว่าปะป๊าไปแวมไพร์ ก็เล่นเอาฉันเกือบหยุดหายใจเลยล่ะ
" ป๊ามีอะไรปิดบังลินอีกแล้วใช่ไหมคะ" ฉันถามออกไปโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเพราะฉันต้องการรู้คำตอบ
" ใช่... ลิลินจำได้ไหมว่าป๊าเคยบอกว่าลิลินมีพี่ชาย" ฉันจำได้เป็นอย่างดีเลยล่ะจำได้ไม่เคยลืมและอยากรู้ด้วยว่าพี่ชายฉันคือใคร
" ลิลินจำได้ค่ะทำไมหรอคะ"
" พี่ชายลิลินคือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าลิลิน"
หลังจากที่ปะป๊าพูดจบฉันก็หัน ขวับ หาผู้ชายคนนั้นทันที หมายความว่าไง ผู้ชายคนนี้เป็นพี่ชายฉันหรอ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เจอพี่ดิวพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนาน ตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ ซึ่งฉันฝันถึงอยู่ตลอดกับผู้ชายคนหนึ่งมีรูปร่างคล้ายกันกับผู้ชายที่ยืนตรงหน้าฉัน ฉันเคยถามว่าเขาเป็นใครแต่เขาไม่ตอบเขาบอกเขาว่าเขาชื่อดิวแล้วเขาก็หายไป ซึ่งฉันไม่นึกเลยว่าความฝันจะเป็นลางบอกกับฉันเรื่องพี่ชาย พี่ชายฉันมีชื่อว่าดิวเหมือนอย่างที่ฉันฝันเลย
พี่ดิวค่อยๆเดินเข้ามาหาฉันช้าๆ แล้วค่อยๆเอื้อมมือมาจับแก้มของฉันเหมือนอยากให้ฉันยิ้มฉันมองหน้าพี่ดิวแล้วยิ้มตามที่เขาอยากให้ยิ้ม
" พี่ขอโทษนะที่พี่กับป๊าปิดบังเรื่องนี้" ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปากนิดหน่อยก่อนจะเงยหน้ามองพี่ดิวที่สูงกว่าฉันมาก แล้วเห็นพี่ดิวยิ้มกลับมา
" ลิลินไม่โกรธเลยค่ะดีใจมากที่รู้ความจริง"
พูดจบฉันก็โผล่เข้ากอดพี่ดิวไว้แน่น ด้วยความดีใจที่ได้เจอพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันนาน แล้วน้ำตาที่ฉันกั้นเอาไว้ก็ไหลลงมาไม่หยุด แล้วพี่ดิวที่ยืนนิ่งอยู่นานก็เอื้อมมือมากอดฉันเอาไว้ ฉันกับพี่ดิวกอดกันอยู่นานพอฉันกอดพี่ดิวจนพอใจแล้วฉันก็เงยหน้ามองพี่ดิวซึ่งยิ้มให้ฉันแล้วปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบา
" พี่อยู่ตรงหน้าแล้วนะน้องสาวสุดสวยของพี่" ฉันยิ้มรับคำพูดของพี่ดิวแล้วพยักหน้าขึ้นลงเบาๆ
" กลับบ้านกันได้แล้ว" ปะป๊าที่ยืนเงียบไปนานพูดขึ้นมา เอาจริงๆนะถ้าปะป๊าไม่พูดขึ้นมาฉันก็เกือบคิดว่าปะป๊าไม่ได้อยู่ตรงนี้ ฉันรู้ว่าท่านจงใจให้ฉันกับพี่ดิว ได้คุยกันแบบส่วนตัว ป๊าจึงไม่พูดอะไร พอเห็นฉันกับพี่ดิวยืนอยู่นาน ท่านก็เลยพูดขึ้นมา
" ครับ/ค่ะ" ฉันกับพี่ดิวพูดขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับหันหน้าไปหาปะป๊า พี่ดิวหันมามองฉันแล้วลูบหัว ฉันเบาๆด้วยความเอ็นดูแล้วก็พากันกลับบ้าน
วันต่อมา...
ฉันลุกขึ้นจากเตียงนอนแล้วตรงดิ่งเข้าห้องอาบน้ำ แต่งตัวเสร็จเรียบร้อย แล้วฉันก็คว้ากระเป๋านักเรียนและโทรศัพท์มือถือ เพื่อลงไปทานข้าวเช้ากลิ่นหอมฉุยของมาม๊า พอฉันเปิดมือถือเพื่อนดูเวลาก็พบว่ามัน 7 โมงครึ่งแล้ว นะสิ ฉันจึงรีบออกมาจากห้องนอนแล้วรีบไปที่ชั้นล่างทันที พอเดินลงมาถึงชั้นล่างก็เข้าไปในส่วนของห้องครัวเพื่อทานข้าวเช้า พอเดินเข้าไปถึงฉันก็เห็นพี่ดิวป๊าและม๊ากำลังนั่งทางเข้าเช้าอยู่ ฉันเดินไปหยุดๆตรงโต๊ะอาหารกำลังจะนั่งมาม้าก็พูดขึ้นทันที
" ทำไมวันนี้ตื่นสายจังล่ะลิลิน"
" ขอโทษค่ะม๊าพอดีลินนอนดึกไปหน่อย"
มาม๊าพยักหน้ารับคำฉันจึงนั่งทานข้าวเช้า ต่อจากนั้นก็นั่งทานขนมปังต่อโดยหูก็เงียบฟังบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร
" ฟรานซ์คุณว่าวันนี้ฉันจะลองทำขนมอะไรดีระหว่างทาร์ตไข่กับคุกกี้"
" มันต่างกันตรงไหนเนี่ยเฟิร์น"
ปะป๊ากับมาม๊าคุยกันฉันก็นั่งฟัง จริงๆอาหารมื้อนี้มาม๊าแค่จัดจานเท่านั้นนะ นอกนั้นปะป๊าจัดการปรุงรสหมด เพราะท่านไม่ค่อยอยากให้มาม้า ทำอะไรหรอกมักจะเสนอตัวปรนนิบัติแทนทุกครั้ง โอ๊ยน่าอิจฉามาม๊าจังมีสามีสุดแสนน่ารักขนาดนี้
" ก็ทาร์ตไข่ทำจากไข่กับเนยส่วนคุกกี้ทำจากแป้งกับนมยังไงล่ะ"
" กินอะไรก็ได้ลิลินล่ะลูกอยากกินอะไร"
" ทาร์ตไข่ค่ะ" ฉันสะดุดกึกน้อยยามเห็นปะป๊าพยักหน้ารับคำ
ตอนนี้ฉันเดินออกมากับพี่ดิว 2 คนแล้ว เราเดินไปโรงเรียนด้วยกัน พี่ดิวอาสาถือกระเป๋าให้ฉัน พุ่มไม้สีเขียวอ่อนสลับกับดอกกุหลาบสีแดงสด เตียงลายตามทางเดินออกนอกหมู่บ้าน พี่ดิวก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือแล้วคว้ามือฉันวิ่งทันที....
" สายแล้ว"
พี่ดิวบอกแค่นั้นแล้วพาฉันวิ่งเร็วมาก จนฉันจะเซล้มเลยโอ๊ย ทำไมพี่ดิววิ่งเร็วแบบนี้เนี่ย ฉันวิ่งตามแทบไม่ทันเลย พอมาถึงหน้าโรงเรียนพี่ดิวก็พาฉันหยุดวิ่งแล้วปล่อยมือฉันที่พาวิ่งมาตลอดทาง โอ๊ยเหนื่อยเป็นบ้าเลย ฉันกำลังจะอ้าปากต่อว่าพี่ดิวโทษฐานพี่พี่ดิวพาฉันวิ่งแบบไม่ได้ตั้งตัว จนฉันหายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะ แต่สายตาของฉันก็ไปสะดุดกับคนที่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสายตาที่ผิดหวังมาก เฮ้ฉันทำอะไรผิดงั้นหรอ
" นาวินเป็นไรหน้างอเชียว"
ฉันถามพร้อมยื่นมือไปหยิกแก้มเขาเพราะอยากให้เขายิ้ม แต่นายนี่ไม่ยอมยิ้มเลย แถมแววตาผิดหวังยังมองมาทางฉันอีกต่างหาก
" มาสายนะแล้วนี่มากับใคร" โถ่!ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง แต่น้ำเสียงของเขามัน....
" ขอโทษที่ตายนะเรามากับพี่ชายเราเองไม่ต้องคิดมากหรอก" นาวินพยักหน้ารับคำนิดหน่อยก่อนจะพาฉันไปเข้าแถวก่อนไปฉันก็หันไปบอกลาพี่ดิวทันที
" ไว้เจอกันนะคะพี่ดิวบายค่ะ" พี่ดิวหันมายิ้มให้ฉันแล้วโบกมือให้
ฉันหันหน้ามามองคนตรงหน้าที่จับมือฉันเอาไว้แน่นเลย นาวินยิ้มไม่ฉันแล้วพาฉันวิ่งไปแถว โอ๊ย ฉันยังไม่หายเหนื่อยจากที่พี่ดิวพาวิ่งเลย ยังต้องมาเจอไอ้นาวินพาวิ่งอีก พอมาถึงแถวฉันก็หายใจหอบถี่ไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เพื่อนๆหันมามองฉันและถามฉันทันทีทุกคนหันมาที่ ฉันคนเดียวหมดเลย
" ทำไมสายจัง"
" ขอโทษนะ... พอดีตื่นสายนิดหน่อยน่ะ"
ฉันตอบแล้วเพื่อนๆก็พากันพยักหน้ารับคำ แล้วหันไปที่หน้าเสาธงเพื่อเตรียมเคารพธงชาติ วันนี้อาจารย์ปล่อยให้นักเรียนขึ้นห้องเร็ว เพราะแดดมันร้อนมากๆเลยน่ะสิ ฉันเกลียดสภาพรอบตัวแบบนี้ที่สุด เพราะไม่ชอบให้ใครมาโดนตัว โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่เหงื่อไหลไคย้อย เพราะเพิ่งเล่นกีฬากันมาแบบนี้ แต่ฉันทำยังไงได้ นอกจากถอนหายใจออกมาเท่านั้น
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!