ตามความเชื่อของคนรุ่นก่อนกระสือ ไม่ใช่ผีแต่คือพูดชนิดหนึ่งเมื่อตอนเป็นคนก่อร่างสร้างกรรมเอาไว้เช่นหากินในทางมิชอบหลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่น อยากได้ทรัพย์ของเขา พอตายไป เปรตเมื่อพ้นจากภาพเสร็จแล้วหากกำยังไม่หมดก็จะมีมาเกิดเป็นพูด หิวหอยแต่กินอะไรไม่ได้นอกจากของสกปรกของคาว พูดดังกล่าวจะเข้าสิงคนที่มีวิบากกรรมเหมือนตัวเอง (ไม่ใช่ นึกอยากจะเข้าสิง ก็ทำได้อย่างที่เข้าใจกัน )แม่พูดจะมีรูปรักลักษณะคล้ายผี แต่ มากกว่า สามารถแปลงกายเป็นสัตว์ได้ แต่งเป็นหมา หนูเป็นต้น ได้หลากหลายชนิด ตั้งตน 2-3 อย่างเท่านั้น ที่ผีแปลงกายไม่ได้ (ดังนั้นที่เข้าใจว่าถูกผีหลอกโดยเห็นเป็นสัตว์หรืออื่นๆนั้น แท้จริงแล้วอาจเป็นพูดนั่นเอง )พูดแต่สิ่งสู่อยู่ในตัวคนเหมือนกาฝาก ที่เกาะติดอยู่ตามต้นไม้อยู่นานไปก็ยึดทั้งร่างกายและจิตใจของผู้คนนั้นไป นี้จะชอบอยู่ในที่มืดๆไม่ชอบแสงสว่าง ออกมาหากินยำค่ำคืน การถอดจิตเจ้าของร่างออกมาขณะนอนหลับ ถอดแล้วร่างของผู้นั้นจะนอนนิ่งสงบเหมือนคนตายไปในไม่ได้ เป็นดวงไฟสว่างเป็นสีเหลืองสีแดงสีส้ม เขียวร่องรอยขึ้นลงอยู่ตามท้องทุ่งคันนา ตามแนวป่าเพื่อหาอาหารกิน ไฟนี้ก็คือตรงจิตของคนที่มีวิบากกรรมที่ถูกบังคับให้ออกจากร่าง พูดควบคุมดวงจิตนี้ อยู่แต่คนธรรมดาจะมองเห็นเพียงดวงไฟเท่านั้น ไม่เห็นตัวภูตพูดหรือเราเรียกว่ากระสือนี่ เลือกสิ่งสู่ในตัวผู้หญิง กลางวันก็ดูเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป เพียงแต่จะมีพฤติกรรมคล้ายๆผู้ป่วยนอนโทรมอยู่ใน ทั้งวันตกดึกวิญญาณที่สิงอยู่ในจิตใจจะเบียดแค้นให้ศีรษะ อวัยวะภายในเช่นหัวใจ ตับไตไส้พุงหลุดออกมาจากล่าง แล้วล่องลอยออกไปหาเหยื่อ สัตว์น้อย เขียดโดยเฉพาะ ของ อย่างพวกเครื่องใน คนหรือสัตว์ ของเน่าเหม็นจะชอบมาก กระสือตลก แย่งผู้คนไม่ ชอบทำร้ายคน นอกจากตัวเองจะถูกไล่ล่าจนมุมเท่านั้น จะออกหากินก็ต้องแปลงร่างเป็นพูดก่อนมีรูปร่างคล้ายคนผอมๆดำๆไม่นุ่งผ้า มองเป็นดวงไฟ เบลอๆ อยากกึ่งละเอียด กินของสกปรกสำเร็จแล้ว จะเช็ดปากกับเสื้อผ้าที่ชาวบ้าน ค้างคืนทิ้งไว้ ภาพสกปรกดำๆดังๆ ให้เห็น มีความเชื่อกันว่าถ้าเอาผ้าที่มีรอยเปื้อนนั้นไปฟาดกับบันไดจะทำให้ป่าของคนที่เป็นกระสือปมพ่อขึ้นมายิ่งถ้าเอาผ้าไปต้มน้ำเดือดจะทำให้ผู้ที่ถูกสิงสู่เจ็บปวดจนทนไม่ได้เลยทีเดียว กระสือจะมีดวงไฟพูดวาบอยู่ที่หัวใจเชื่อกันว่านั่นคือวิญญาณที่สิงสู่อยู่ในตัวของผู้เคราะห์ร้ายผู้คนที่ได้เจอมักเห็นเป็นดวงไฟที่ล่องลอยวูบวาบอยู่ในความมืดกระสือมีความรอบคอบพอตัวก่อนออกหากิน ก็ได้ ที่ไร้ เอาไว้แล้วร่างนั้น จะสามารถ ขยับเขยื้อน เคลื่อนย้ายไปไหน คือจะนอนเป็นศพอยู่ตรง จนกว่าศรีษะและ จะกลับมาเข้าร่างเดิม สื่อบันทึกไว้ว่ารัศมี มาตั้งแต่โบราณเป็นผู้หญิง ยามปกติจะใช้ชีวิต ผลกับผู้คนในสังคมไม่ชอบ ความสว่าง จะ ให้ออกไปหากิน แตกใบสีเขียวๆล่องลอยไปตาม ยามค่ำคืน ของกระสือคือของเน่า คนต่างๆโดยเฉพาะ จะชอบมาเป็นพิเศษ สมัยก่อนบ้านที่มีหญิง ระวังกันมากเพราะเชื่อว่า มีกระสือแวะเวียนมาเพื่อ รกเด็กจึงมัก แหลมๆ มีคมต่างๆมาวางไว้ ทอมรอบบ้านทำให้กระสือ เข้าไปใกล้โพสต์ท่าน้ำแหลม ขอมีคมนิดเดียว ระโยงระยาง ของมันเข้า ระยะที่จะแกะออกได้ง่าย สืบของกระสือ ทำได้ด้วยการให้ผู้เป็นทายาทกลืนกินน้ำลายของตนที่ละนิด ทรัพย์ความเป็นกระสือไปทีละน้อยเพราะนานวันเข้าทายาทก็จะกลายเป็นกระสือ ทุกวันนี้จะซื้อห่างหายไปจากสังคมนึง แทบหมดสิ้น แต่วัฒนธรรมภายนอกที่ห่มเข้ามาจนวิถีชีวิตของคนในสังคมเดิมเปลี่ยนแปลงไปแทบไม่เหลือ แบบเดิมอีกแล้ว
"กระหัง"ผีตะโกนเดียวกับกระสือขณะที่กระสือเป็นผู้หญิง หนังเป็นผู้ชาย ซึ่งมีลักษณะแปลกประหลาดอย่างมาก ตอนกลางวันกระหังจะดูเหมื่อนผู้ชายธรรมดาทั่วไป อยู่่ร่วมกับคนอื่นอย่างยากที่จะแยกแยะออกได้(แต่พอจะสังเกตได้จากดวงตาเมื่อต้องแสงไฟจะสะท้อนเป็นสีแดงซึ่งต่างจากสัตว์ป่าที่เป็นที่เป็นสีเขียวหรือสีฟ้า)กระหังจึงกลัวแสงจ้าและมักปิดบังส่วนก้นไว้เพราะมี"หาง"งอกออกมาสั้นๆกลัวคนจะรู้ พอตกตอนกลางคืนจะกลางยร่างเดิมเป็นภูตพราย มีรูปร่างหน้าตาหมือนคน แต่มีกระด้ง อันใหญ่ติดอยู่ที่แขนทั้ง2ข้างกระด้งนี้ทำให้กระหังมีฤทธิ์เดชขึ้นมาสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนได้ นอกจากนี้มันยังมีอาวุธประจำกาย คือ"สากตำข้าว...ว่ากันว่ายามที่กระหังไม่ต้องการใช้สาก ก็จะเอาเหน็บไว้ตรงระหว่างขาน้ันเอง สรุปว่า"ผีกระหัว"ตามความเชื่อของคนโบราณเป็นผู้ชาย มีปีกเป็นกระด้งฝัดข้าว มีสากเป็นอาวุธ ชอบกินของโสโครกเช่นเดียวกับกระสือ กระหังเกิดครูบาอาจารย์! การสืบทอดกระหังไม่มีคำบอกเล่าไว้อย่างแน่ชัดอาจเป็นไปได้ว่าเป็นวิธีสืบทายาทเช่นเดียวกับกระสือก็เป็นได้ เพราะเหตุที่เป็นผีอยู่ในตระกูลเดียวกันอนึ่ง ไม่ปรากฏว่ากระหังเคยเคยทำร้ายคนเป็นๆ ให้ได้รับอันตรายมาก่อนปัจจุบันกระหังหายไปจากไปจากสังคมเเล้วเช่นเดียวกับกระสือ แอดขออภัยโดยนะค่ะหากพิมพ์ผิดนะค่ะและขอไลน์เยอะๆนะค่ะขอบคุณคะมะต่อเรื่ิองต่อไปคือคือคือ:ผีกองกอยกองกอย เป็นผีป่าชนิดหนึ่งเพราะมักถูกพบเห็นโดยพรานป่าหรือผู้เข้าป่าล่าสัตว์เสียเป็นส่วนใหญ่มีอยู่ทางภาคอีสาน ฟังประเทศลาว ชื่อของมันฟังดูแปลกๆอย่างนี้ ผู้คนเรียกเอาตามรูปร่างลักษณะของมันนั่นเองกล่าวคือ"กองกอย "มีรูปร่างผอมเล็กเหมือนคนแก่คนเฒ่าและน่่าเกลียดแกลมเหี่ยวย่นดูเหมื่อนคนแก่คนเฒ่าและน่าเกลียดน่ากลัว มีปากเป็นหลอดเหมือนแมลงวันมีขาเดียวส้นเท้าหันไปข้างหน้าส่วรปลายเท้าจะหันกลับไปข้างหลังดังนั้นรอยเท้าของมันจึงเหมือน ดังเดินกลับหลัง พูดตามแกะรอยสับสน หาเสี่ยนักต่อนักแล้วคงคอยมี หัวเข่ามันจึงปีนต้นไม้ไม่ได้ ไปไหนมาไหนจะใช้วิธีกระโดด เขย่งเข้ารอบๆกับส่งเสียงร้องว่า "กองกอย กองกอย "พี่ก้องก้อยมักจะแอบดูดเลือดคนเดินป่าที่นอนหลับครั้งแรมอยู่จากหัวแม่เท้าผู้เคราะห์ร้ายวิธีป้องกันก็คือให้นอนไข้ไขว้ขาไว้ หรือชิดท้าทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน ว่าด้วยการนอนในลักษณะนี้จะทำให้กองกอยทำอะไรไม่ได้ที่แปลกประหลาดอย่างนี้ 1 ในบุคลิกของผีกองกอยคือมันจะพูดเป็นความหมายตรงข้ามกับที่มันต้องการอย่างเช่นถ้าพูดทั่วไป หมายความว่ามาถ้าพูดว่าดำก็หมายถึงขาวนั่นเอง แม้จะไม่มีขา ขาเดียวที่อย่าประมาทมันเด็ดขาดเพราะมันสามารถวิ่ง ได้เร็วปานลมพัดแถมยังมีเรี่ยวแรงพละกำลังแข็งแกร่งเหนือมนุษย์หลาย 10 เท่าอีกด้วย ความเชื่อเรื่องผีกองกอยกระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาและมาเลเซีย เชื่อเรื่องนี้เช่นเดียวกันประเทศลาวเชื่อกันว่าเพลงกองกอยหรือผีก้องก๋อยอาศัยอยู่ในป่าทึบ ปลาชะโดจะออกหากินในเวลาดึกดื่นค่อนคืนยามที่ผู้คนหลับนอนกันหมดแล้วเนื่องจากปลอดภัยจากการดูถูกผู้ค้นพบเห็น ไปหาอาหารให้ง่ายอย่างพวกกุ้งหอยปูปลาได้เขียดหรือหมาแมว กินไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเล็กเด็กแดงในยามดึกทราเวลเสียง กั้งไก่ ก็ใหม่ถึงผีกองกอยออกหาอาหารกินแล้วถ้ามีเสียง มีเสียงก็ต่อท้าย หมายถึง หิวสุดขีดแล้ว หยุดต้องระมัดระวัง ตัวให้พร้อมเข้าไว้ ส่วนในประเทศมาเลเซียชื่อกันว่ามีคนปลาเผา ครั้งเดียวและไม่มีสะบ้าหัวเข่า ซึ่งก็เป็น ผีกองกอยนั่นเอง
กุมารทอง คือวิญญาณเด็กผู้ชายที่ญี่ปุ่น มาจากการมารดาที่ตายทั้งกลม เลิกงานพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ อวัยวะใช้งานตามแต่ผู้เดียวจะบงการด้วยวิธีการเดียวกันนี้หากเด็กผู้ชายหญิงจะเรียกว่าห่มคลายพฤติกรรมคณะวิญญาณที่ออกมาจากท้องแม่ที่ตายทั้งกลมนี้ประการแรกต้องหาศพหญิงที่ตายทั้งกลมก่อนเดินทางมาประกอบพิธีผ่าศพทารกออกมาจแท่งไฟแห่งอารมณ์รักปิดทองให้ทั่วทั้งตัวได้ชื่อว่ากุมารทองการสำคัญต้องทำให้แล้วเสร็จก่อนรุ่งเช้าเท่านั้นฉันจะถือว่าสำเร็จผลคะแนนกุมารทองก็เช่นเดียวกับเล่มแดงโดยทั่วไปเราคือนอกจากการเซ่นไหว้ด้วยวิธีทางเศรษฐศาสตร์แล้วก็ต้องหา ขนมนมเนย ผลไม้ต่างๆและที่สำคัญขาดไม่ได้ต้องมีต้องมี'น้ำแดง'เรตียมเอาไว้ให้ด้วย....เหมือนเด็กๆ ชอบกินขนมและน้ำหวานสีแดงนั้นเอง จุดประสงค์ในการเลี้ยงกุมารทองส่วนใหญ่ก็เพื่อหวังทางโชคลาภ ค้าขายได้กำไรงาม หรือเฝ้าดูแลรักษาบ้านช้องเป็นหลัก ถ้าเลี้ยงดูถูกวิธี กุมารทองก็'มห้คุณ'แก่ผู้เลี้ยง เพราะฤทธิ์ เดชของกุมารทองมีอยู่ไม้น้อย(แต่อาจไม่เท่าเทียมกันทุกตน)ยางเตัวแปลงกายได้บางตัวก็ไม่ได้ บางตัวเก่งทางดลใจผู้คน....กุมารทองชนิดนี้ชั่วยทางทำมาค้าขายได้ดี เช่นเข้าไปฉุดมือจะไม่รู้ตัว เพียงรู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในร้านเฉยๆหรือถูกกระซิบข้างหู(แน่นนอนคนถูกกระซิบจะไม่ได้ยิน)แต่จะเกิดความรู้สึกอยากเข้าไปซื้อของในร้านเองเรื่องอื่นๆก็เช่น ช่วยหาหวย ดูดวง ตามหาของที่สูญหาย เป็นต้นการสื่อสารระหว่างผู้เลี้ยงกับกุมารทอง คือผู้เลี้ยงจะใช้วิธี 'จิตอธิษฐาน'บอกความต้องการ ตัวกุมารทองจะกระซิบข้างหู ค่ะเรื่องตอไปเป็นเรื่องของแอดน่ะค่ะหัวข้อเรื่องคืนลูกเสือหลอนวันเป็นวันเข้าค้ายพักเเลมปกติค่ะก็จ่ะมีโรงเรียนอื่นมาเข่าค่ายด้วยซึ่งร.รแอดเป็นร.รแห่งหนึ่งในจ.เชียงใหม่คะแอดได้เข่าค้ายประมาณ2คืน3วันวันแลกก็ทำกิจกรรมปกติพอตอนกลางคืนมาพวกเพื่อนๆของแอดได้ชวนแอดไปนอนคืนแรกเเอดหลับไม้ค่อยได้จึงได้เกิดเหตุนี้คึ่นคือแอดนั้งวาดรูปอยู่แล้วก็กินขนมไปด้วยตอนแรกแอดก็งงนะค่ะว่าเแาสมุดมาทำไมแต่นั้นแหละค่ะแอดไม่สนใจหลอกทุกคนก็รู้ไหมค่ะแอดกินอะไรอยู่เพื่อนแอดก็สะดุ้ง!ตื่นขึ้นมาค่ะขอให้นามสมหมุดว่านาแบ้วกันค่ะนางก็เลยตืนขึ่นมานั้งกินขนมด้วยกินไปกินมานางก็อยากนอนก็เลยให้นอนพอนางนอนไปไม่กี่นาทีหรือกี่ชั้วโมงไม่รู้เำราะไม่ได้เอาโทรศัพร์มาแอดได้ยินเสียงเดินรอบๆเต็นแต่เราคิดว่าเป็นครูแหละแต่เอาไปเอามาถ้าเป็นครูก็ต้องมีสิแอดคิดอะไรไม่รู้เลยแงมดูตรงด้านล้างเต็นเพราะเต็นมุนมีซิบสองชั้นค่ะมีผ้าใบมุ้งใช้ไหมค่ะดูแล้วแต่ไม่มีอะไรค่ะพอแค่นีก่อนัต่ะเดี่ยวมาต่อคืนสองค่ะ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!