NovelToon NovelToon

ไออุ่นของภาคินัย

ไออุ่น

“อือ” เสียงครางพึมพำดังมาจากร่างเล็กที่นอนขดเป็นก้อนอยู่ใต้ผ้านวมผืนใหญ่ก่อนที่เจ้าตัวจะปรือเปิดเปลือกตาสีมุกขึ้นมา ดวงตากลมโตกระพริบติดต่อกันหลายครั้งเพื่อประมวลความคิดมากมายในหัวรวมถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

เขาคือไออุ่น เพิ่งจะอายุครบยี่สิบปีไม่กี่วันที่ผ่านมาและเมื่อคืนก็เป็นครั้งแรกที่เขาเดินเข้าไปในคลับสุดหรูแห่งหนึ่งพราะต้องการหาเงินจ่ายหนี้ก้อนใหญ่ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ

พ่อกับแม่ของไออุ่นจากไปตั้งแต่เขายังจำความไม่ได้ ไออุ่นถูกเลี้ยงมาโดยยายที่ก็มาด่วนจากไปเมื่อสองปีก่อนทำให้ตลอดเวลาเด็กหนุ่มใช้ชีวิตและดิ้นรนเอาตัวรอดเพียงลำพังด้วยการทั้งเรียนและทำงาน เดิมทีช่วงบ่ายหลังเลิกเรียนไออุ่นทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารแต่ค่าชั่วโมงของพนักงานพาร์ทไทม์นั้นน้อยแสนน้อยทำให้เงินที่ได้ไม่เพียงพอใช้หนี้สินที่มี ส่วนต้นเหตุที่ทำให้ไออุ่นต้องทำงานหาเงินใช้หนี้งกๆแบบนี้ก็เพราะชายหนุ่มอดีตคนรักที่คบกันได้เพียงสามเดือน

อีกฝ่ายหลอกให้ไออุ่นเซ็นค้ำประกันเงินกู้โดยอ้างว่าจะไปลงทุนทำธุรกิจกับเพื่อนหากไปได้ดีและมีกำไรจะซื้อคอนโดหรูเพื่ออยู่ด้วยกันกับเขา ด้วยความเชื่อใจในตอนนั้นทำให้ไออุ่นไม่ทันฉุกคิดให้รอบคอบ สุดท้ายอีกฝ่ายก็ทิ้งไออุ่นไปปล่อยเขาเผชิญกับความยากลำบากนี้เพียงลำพัง

ขณะที่ไออุ่นกำลังคิดไม่ตกว่าจะทำอย่างไรเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ เพื่อนร่วมคณะที่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันมากนักก็แนะนำสถานที่ทำงานแห่งใหม่ให้ อีกฝ่ายบอกว่าเป็นงานสบายแต่ได้เงินดี เผลอๆ อาจทำให้ไออุ่นมีเงินจ่ายหนี้แถมมีเงินใช้จนไม่ต้องลำบากทำงาน แม้จะแปลกใจแต่เขาก็เลือกที่จะลองเสี่ยง

ไออุ่นมารายงานตัวที่ผับวันแรกหลังยื่นใบสมัครผ่านเน็ตเมื่อกลางวัน ซึ่งก็ถูกตอบรับอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้ามาในคลับผู้จัดการร้านซึ่งเป็นสาวทรานส์คนหยึ่งก็ยัดเสื้อผ้าใส่มือไออุ่นและไล่ให้เขาไปเปลี่ยนในห้องน้ำ มันเป็นชุดเมดผู้หญิงสีขาวสลับดับ ส่วนล่างที่เป็นกระโปรงนั้นสั้นเสียจนขยับตัวทีก็เผยให้เห็นต้นขาขาวเนียน ทำให้ไออุ่นต้องคอยดึงปิดอยู่เรื่อย เขารู้สึกหวั่นใจไม่น้อยที่ต้องใส่ชุดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นแต่เพราะไม่มีทางเลือกจึงจำใจฝืนยิ้มทำงานตามคำสั่งก

กระทั่งถูกเรียกไปเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับแขกวีไอพี ไออุ่นทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่บกพร่องแต่จังหวะที่กำลังจะถอยกลับมานั้นเขาดันถูกใครบางคนฉุดกระชากอย่างแรงจนร่างเล็กๆเซถลาลงบนตักของอีกฝ่าย ไออุ่นเอ่ยขอโทษปากคอสั่นก่อนพยายามจะลุกขึ้นแต่เอวบางถูกรัดแน่น ซ้ำมือหยาบกร้านยังลูบไล้เรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงชุดเมดอย่างจาบจ้วง ท่าทางคุกคามเปิดเผยทำให้เด็กหนุ่มที่เพิ่งบรรลุนิติภาวะตื่นตระหนกก่อนจะ พยายามใช้ท่าทีประนีประนอมเอ่ยบอกให้อีกฝ่ายปล่อยตนแต่ก็ไม่ได้ผลซ้ำร่างกายเขายังถูกบีบจับราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาไร้ชีวิตจิตใจ

ไออุ่นกัดปากแน่นหันมองรอบๆเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นกลับยกยิ้มชอบใจที่เห็นเขาถูกคุกคามล่วงเกิน ในขณะที่พนักงานคนอื่นก็ไม่กล้าเข้ามาช่วยเพราะขึ้นชื่อว่าแขกวีไอพีย่อมต้องมีอิทธิพลคงไม่มีใครอยากเดือดร้อน ไออุ่นพยามเอ่ยขอให้ปล่อยตนแต่อีกฝ่ายกลับตีมึนทั้งยังย่ามใจเลื่อนปลายนิ้วเข้ามาเกี่ยวขอบชั้นในของเขาและทำท่าจะรั้งมันลง

สัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้ไออุ่นสะบัดตัวออกอย่างแรง ท่าทางพยศนั่นสร้างความไม่พอใจ ฝ่ามือของอีกฝ่ายจึงตบเข้าที่ข้างแก้มเนียนของเขาจนเกิดรอยแดงปื้นใหญ่ ไออุ่นหลับตาปี๋เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าจะเข้ามาทำร้ายอีกครั้ง แต่แล้วเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดที่ไม่ใช่เสียงของไออุ่นก็ดังลั่นพร้อมๆกับร่างของคนที่ทำร้ายเขาถูกกระชากจากด้านหลังกระเด็นไปชนโต๊ะอย่างแรง

ข้าวของหล่นแตกกระจายทำให้เสียงเพลงในคลับเงียบลง ทุกคนต่างหันมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมจ้องมองร่างสูงที่ก้าวเข้ามาใหม่อย่างสนใจทั้งหวาดหวั่นกับความน่าเกรงขามที่แผ่อยู่รอบตัวอีกคน แม้แต่ชายที่ทำร้ายไออุ่นเองก็ดูจะกลัวอีกฝ่ายไม่น้อยรีบหันไปมองพรรคพวกที่มาด้วยก่อนจะพากันออกจากคลับไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่ไออุ่นยังคงตะลึงค้างกระทั่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติเดินเข้ามาใกล้ จึงได้แต่หลุบตาลงต่ำเตรียมรับการถูกทำร้ายอีกครั้ง เพราะคิดว่าคนตรงหน้าคงมีอิทธิพลมากและกำลังโกรธที่ไออุ่นมาสร้างความวุ่นวายทำให้หมดสนุก แต่ผ่านไปสักพักร่างกายของเขาก็ไม่ได้รับแรงปะทะใดที่จะสร้างความเจ็บปวด

ไออุ่นกำลังจะเงยหน้าขึ้นมอง ความอบอุ่นและกลิ่นหอมชวนคลิ้มก็พลันเคลื่อนเข้ามาโอบล้อมเอาไว้ ก่อนจะถูกสูทสีเข้มคลุมทับกายสั่นเทาตามด้วยเจ้าของสูทที่ช้อนตัวไออุ่นขึ้นอุ้มแนบอกและเดินออกไปท่ามกลางสายตาสงสัยและเสียงกระซิบถามกันของคนในคลับว่า

เด็กหนุ่มคนนี้คือใคร เป็นอะไรกับคุณภาคินัย ไตรวิริยะ เจ้าของคลับแห่งนี้กัน

เพราะยังคงตื่นตระหนกไออุ่นจึงซุกหน้ากับแผ่นอกแกร่งที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาดทั้งๆที่เพิ่งเจอกัน แถมเขายังไม่ทันได้มองใบหน้าของคนตัวสูงอย่างเต็มตาเลยด้วยซ้ำรู้แต่ว่าอีกคนนั้นหล่อมากทีเดียว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่เผชิญอยู่ตลอดหรือเพราะหวาดกลัวที่เพิ่งถูกคุกคามทำร้ายมา ทำให้ไออุ่นไม่ยอมผละห่างจากความอบอุ่นที่ได้รับ แม้จะถูกจับนั่งตักตลอดที่อยู่บนรถคนตัวเล็กก็ยอมนั่งนิ่งแต่โดยดี ระหว่างทางมีแต่ความเงียบไร้ซึ่งบทสนทนาใดๆเพราะคนที่กอดไออุ่นอยู่นั้นไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมาจนเด็กหนุ่มเองก็ไม่กล้าเปิดปากถาม ใบหน้าที่ขึ้นรอยมือข้างหนึ่งขยับเอียงซบบนลาดไหล่แข็งแรง เหม่อมองด้านข้างรถที่ไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดมิดก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับชีวิตที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดบนโลกกว้างใหญ่ใบนี้เพียงลำพัง ไม่มีใครคอยเป็นกำลังใจ อ่อนแอแค่ไหนก็ทำได้เพียงกอดตัวเองร้องไห้เงียบๆคนเดียว ไออุ่นไม่ได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดแบบนี้มานานมากแล้ว

ดวงตาที่ปรือหลับสั่นไหวระริก เพราะกำลังกลั้นหยดน้ำตาและดูเหมือนว่าคนที่เป็นเบาะให้ไออุ่นพิงซบจะรับรู้ แผ่นหลังผอมบางจึงถูกลูบไปมาเบาๆพร้อมกับอ้อมแขนที่กระชับแน่นขึ้นคล้ายปลอบโยน ทำให้ไออุ่นละทิ้งทุกความคิดเรื่องเหตุและผลในหัวที่ว่าเขากับคนตรงหน้าเพิ่งเจอและไม่รู้จักกัน ได้แต่ปล่อยกายและใจรับความอบอุ่นจากอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้น กระทั่งข้อมือเล็กถูกจับจูงเข้ามาในเพนท์เฮ้าส์สุดหรูถึงได้รู้สึกตัวแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

ไออุ่นมองร่างสูงเจ้าของห้องที่เดินเข้ามาใกล้หลังจากบานประตูถูกปิดลง เด็กหนุ่มทำตัวไม่ถูก มือทั้งสองข้างกำชายกระโปรงชุดเมดเอาไว้แน่น บนร่างกายยังมีเสื้อสูทของอีกคนคลุมทับอยู่

“เอ่อ…”

“เธอหิวหรือเปล่า หรืออยากจะอาบน้ำให้สบายตัวก่อน”

“ครับ?” ไออุ่นมองคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ เห็นเขาปลดกระดุมแขนเสื้อและเนคไทของตัวเองออกก่อนจะทิ้งตัวนั่งบนโซฟากลางห้องด้วยท่าทางสบายๆ

“ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ ผะ...ผมคงต้องกลับแล้ว”

คนตรงหน้ายกมุมปากขึ้นเมื่อได้ยินไออุ่นพูดแบบนั้นไออุ่นเองก็รู้สึกกระดากอายไม่น้อยเช่นกันทั้งๆที่นั่งซุกอยู่กับอกของเขามาตั้งนานเพิ่งจะมาร้องกลับบ้านเอาตอนนี้

“ดึกแล้ว เธอนอนที่นี่เถอะ” เจ้าของดวงตาสีนิลเอ่ยบอกนั่นยิ่งทำให้ไออุ่นไม่เข้าใจไปใหญ่

“คือผม…”

“ทำไมเธอถึงไปอยู่ที่นั่นได้ล่ะ”

คนตรงหน้าถามออกมาทำให้ไออุ่นนิ่งไป เด็กหนุ่มขยุ้มชายกระโปรงจนมันเกิดรอยยับ

“ผมไปทำงานครับ”

“ลำบากมากหรือ”

“…” ตากลมโตกระพริบไล่ของเหลวอุ่นร้อนที่กำลังเอ่อล้น แม้มันจะไม่ไหลออกมาแต่ก็คลอเต็มหน่วยทำไออุ่นตาพร่า จนภาพคนตรงหน้าถูกม่านน้ำตาบดบัง 

แม้ไออุ่นจะไม่ได้เอ่ยพูดอะไรตอบกลับอีกฝ่าย หากแต่ภายในใจกำลังกู่ร้องบอกความจริงว่าชีวิตของเขาตอนนี้โคตรจะลำบากเลย

“ถ้าลำบาก มาให้ฉันเลี้ยงดูเอาไหม”

ไออุ่นนิ่งงันเมื่อได้ยินแบบนั้น ในหัวกำลังประมวลความหมายของประโยคที่อีกคนพูด

เลี้ยงดูเขา…แบบไหนกัน?

“มานี่มา”

เขาเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างว่าง่ายเพราะกำลังมึนงง ก่อนจะถูกแขนแกร่งกอดรวบเอวและดันให้นั่งลงบนหน้าตัก เหตุการณ์เดจาวูเหมือนในคลับเมื่อชั่วโมงก่อน แต่ต่างกันตรงอ้อมกอดของคุณคนนี้ไม่ได้รุนแรงจาบจ้วงหรือมีท่าทีคุกคามที่ทำให้ไออุ่นรู้สึกหวาดกลัว

เขาปล่อยให้นิ้วเรียวยาวของคนตัวสูงเลื่อนขึ้นมาสัมผัสบนแก้มเนียนที่มีร่องรอยจากการโดนทำร้าย อีกคนลูบไล้ไปมาแผ่วเบาให้ความรู้สึกคันยุบยิบบนผิวเนื้อ

“เจ็บไหม”

“…” ไออุ่นพยักหน้าตอบรับ

“ขอโทษที่ฉันมาช้า”

ประโยคนี้ของอีกคนไออุ่นไม่เข้าใจเลยสักนิด เขาหันไปสบตาตรงๆกับร่างสูง รู้สึกคุ้นเคยกับนัยย์ตาสีนิลคู่นั้นอย่างน่าประหลาด 

“ตกลงว่ายังไง สนใจข้อเสนอของฉันหรือเปล่า”

“ผมต้องทำอะไรหรือครับ”

“อยู่กับฉัน อยากทำอะไรก็ทำอยากได้อะไรฉันให้เธอได้ทั้งหมด”

ประโยคคำพูดชวนฝันทำให้ไออุ่นใจสั่นไหวพลางคิดว่าตัวเองจะถูกหลอกอีกหรือไม่ หากแต่ดูแล้วฐานะของอีกฝ่ายแล้วคงไม่ได้ต้องการเงินจากคนอย่างเขา ซึ่งตอนนี้ไออุ่นพอจะเข้าใจแล้วว่า ‘เลี้ยงดู’ ที่ร่างสูงหมายถึงนั้นคืออะไร

ความสัมพันธ์ทางกายเพื่อแลกกับการที่จะทำให้ไออุ่นหลุดพ้นจากความยากลำบาก

เด็กหนุ่มมองสบดวงตาสีนิลอีกครั้งรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าไปในความล้ำลึกนั้น ที่ผ่านมาไออุ่นต่อสู้กับชีวิตขัดสนเพียงลำพัง ความปรารถนาในใจคือการมีใครสักคนที่รักเขาอย่างแท้จริงและช่วยเป็นความอบอุ่นยามอ่อนล้า ซึ่งตอนนี้คนตรงหน้าเขากำลังหยิบยื่นให้ เพียงแต่ไม่ใช่เพราะความรัก

“อยู่กับฉัน ตกลงไหม”

ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น เนิ่นนานถึงเริ่มขยับ ไออุ่นยืดตัวขึ้นประทับรอยจุมพิตบนข้างแก้มของอีกคนเบาๆแทนคำตอบ ขณะกำลังผละออกก็ถูกมือหนารั้งใบหน้าเอาไว้ก่อนที่ปากหยักร้อนจะโน้มเข้าหา บดเบียดเนื้อนิ่มบนริมฝีปากป้อนจูบหนักหน่วงที่ทำเอาเขาพร่าเบลอและอุ่นซ่านไปทั้งใจ

...........................

...TBC....

talk with muxii

ชีวิตจริงเราก็อยากมีคนมาเสนอเลี้ยงดูแบบไออุ่นบ้างจัง555555555 เปิดประเดิมตอนแรกด้วยชีวิตน่าสงสารของนายเอก หวังว่าจะเอ็นดูน้องไออุ่นกันเยอะๆนะคะ 

^^^ฝากคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้มู่ซีหน่อยน๊า🥺^^^

...#ไออุ่นของภาคินัย...

​​​​​​

สถานะเลี้ยงดู

เด็กหนุ่มตัวบางขยับลุกขึ้นพิงหัวเตียงทำให้ผ้าห่มหล่นไปกองอยู่ที่เอว ไออุ่นอยู่ในชุดนอนเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาว มันหลวมโพรกจนเผยให้เห็นช่วงไหล่บริเวณไหปลาร้าเนียนละเอียดเพราะขนาดร่างกายที่ต่างกันของเขากับเจ้าของห้อง

เมื่อคืนหลังจากถูกจับจูบจนปากเจ่อเขาก็ถูกอุ้มเข้าห้องน้ำ ไออุ่นเตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะโดนทำเรื่องแบบนั้นแต่ร่างสูงกลับทำให้เขาแปลกใจทั้งสบายใจไปพร้อมๆกัน เพราะอีกคนแค่อาบน้ำแต่งตัวให้ทำอย่างกับไออุ่นเป็นเด็กสามขวบก่อนจะอุ้มเขามานอนที่เตียงและรวบร่างเล็กเข้าไปกอดไว้แนบอกตลอดทั้งคืน แม้ตอนแรกไออุ่นจะแข็งทื่อไปทั้งตัวด้วยความไม่คุ้นชินแต่ผ่านไปสักพักก็เป็นฝ่ายขยับซุกเข้าหาความอบอุ่นและหลับตาลงอย่างว่าง่าย ยอมอยู่ในอ้อมกอดของคนที่เขาไม่ได้รู้จักแม้แต่ชื่อด้วยซ้ำ

“ตื่นแล้วหรือ” เสียงเอ่ยทักทำให้คนบนเตียงสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะขานรับ

“ครับ” เด็กหนุ่มเสมองไปทางอื่นเพราะร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูอยู่นั้นเล่นเปลือยท่อนบนอวดร่างกายกำยำ ตอนนี้ไออุ่นถึงได้เพิ่งสังเกตเห็นว่าเสื้อที่ตัวเองใส่อยู่นั้นเป็นชุดเดียวกันกับกางเกงที่อีกคนสวมอยู่

“งั้นไปอาบน้ำจะได้กินข้าวเช้ากัน”

ไออุ่นยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ ทำร่างสูงเลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจก่อนที่เด็กหนุ่มจะกล้าบอกออกมาเสียงอ้อมแอ้ม

“ผะ ผมไม่มีเสื้อผ้าใส่ครับ” เพราะถูกเจ้าของห้องจับแต่งตัวเมื่อคืน และอีกคนก็ใส่ให้แค่เสื้อตัวเดียว ดังนั้นท่อนล่างของไออุ่นจึงโล่งโจ่งทำให้ไม่กล้าขยับตัว แม้เสื้อของอีกคนจะยาวพอปกปิดแต่เขายังรู้สึกอายอยู่ดี

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นท่าทางแบบนั้นของไออุ่นก็พอเข้าใจ เขายกยิ้มก่อนจะเดินมายังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ปลายเตียง หยิบถุงกระดาษที่วางอยู่บนนั้นพร้อมกับยื่นส่งให้

“ฉันเตรียมไว้ให้แล้ว”

ไออุ่นเปิดดูก็พบว่าเป็นเสืัอผ้าชุดใหม่หนึ่งชุด

“ไปอาบน้ำเถอะ”

“ขอบคุณครับ” ไออุ่นเอ่ยขอบคุณพลางขยับออกจากเตียงและตรงเข้าห้องน้ำ เผลอลืมว่าตัวเองไม่ได้สวมกางเกงทำเอาคนที่ยืนมองอยู่ตาลุกวาวเมื่อเห็นก้นกลมๆโผล่ออกมาวับแวม

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จไออุ่นก็เดินออกมาข้างนอก สายตาพลันมองเห็นบางสิ่งที่วางพิงอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่นใบหน้าน่ารักฉายแววดีใจออกมา มันคือกระเป๋าสะพายของเขาที่ทิ้งไว้ในคลับเมื่อคืน เดิมทีไออุ่นยังกังวลเพราะนอกจากบัตรประจำตัวต่างแล้วในกระเป๋ายังมีเงินอยู่เกือบห้าร้อย

ตั้งห้าร้อยเชียวนะ! ต่อชีวิตไออุ่นได้หลายมื้อทีเดียว

เด็กหนุ่มรีบเข้ามาเปิดดูทันทีเมื่อเห็นว่าทุกอย่างอยู่ครบก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ฉันให้คนไปเอามาให้ของน่าจะอยู่ครบนะ”

ชายหนุ่มที่ถือแก้วกาแฟออกมาจากเคาน์เตอร์ในห้องครัวเอ่ยบอกเมื่อเห็นไออุ่นถือกระเป๋าเอาไว้ ขณะที่ไออุ่นกำลังครุ่นคิดในใจว่าคนๆนี้ต้องมีอิทธิพลขนาดไหนถึงขนาดกัน ดูเขาจัดการทุกอย่างได้ง่ายดายไปหมด

“มากินข้าวมา สายมากแล้วเดี๋ยวปวดท้อง”

“ครับ”

ไออุ่นวางกระเป๋าในมือก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าว เด็กหนุ่มมองอาหารตรงหน้าพลางกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อย ข้าวต้มรวมมิตรทะเลกำลังส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำย่อยในกระเพาะไออุ่นไม่ได้กินมื้อเช้าที่ดีแบบนี้มานานแล้ว ปกติมื้อเช้าของเขาถ้าไม่เป็นมาม่าคัพก็เป็นข้าวเหนียวหมูปิ้ง หรือบางวันก็ไม่ได้กินเลยสักมื้อเพราะเงินไม่พอทำให้ไออุ่นมักจะปวดท้องอยู่บ่อยๆ

เขามือสั่นเล็กน้อยขณะตักข้าวต้มเข้าปาก ความรู้สึกยามได้กินของอร่อยทำให้ตากลมโตเป็นประกายระยิบระยับ ก่อนจะเงยหน้ามองร่างสูงที่เลื่อนแก้วนมมาวางข้างๆให้ด้วยความขอบคุณ

ไออุ่นนั่งทานข้าวไปเหลือบมองคนตรงหน้าไปเพราะมีเรื่องอยากจะถามแต่เกรงว่าจะขัดการทานมื้อเช้าของอีกฝ่ายจึงเงียบไว้

“มีอะไรอยากถามหรือเปล่า”

“ขะ ขอโทษครับ ผมเสียมารยาท” ประโยคจากร่างสูงทำไออุ่นเบิกตากว้างก่อนจะรีบเอ่ยขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองคงมองจนอีกคนไม่พอใจ

“ไม่เป็นไร ถามมาเถอะ”

“คุณ…ชื่ออะไรหรือครับ” ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ไออุ่นยังไม่รู้จักชื่อเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับพระเอกในม่านฮวา*เลยด้วยซ้ำ

“ฉันภาคินัย เธอจะเรียกว่าภาคเฉยๆก็ได้”

อีกฝ่ายเอ่ยบอกทำไออุ่นนิ่งงันไปเล็กน้อย ‘ภาคินัย’ ชื่อเดียวกับคลับที่ไออุ่นเข้าไปทำงานเมื่อคืน ไม่ใช่ว่า…

“ฉันเป็นเจ้าของคลับนั่นเอง” ภาคินัยเอ่ยบอกขณะตักเอากุ้งตัวโตในถ้วยของตัวเองมาใส่ถ้วยของเด็กหนุ่มตรงหน้า

“คุณ…”

“หือ” ชายหนุ่มขานรับเมื่อเห็นว่าไออุ่นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง

“ผะ…ผมขอโทษครับที่สร้างความวุ่นวายในคลับของคุณเมื่อคืน” ไออุ่นว่าพร้อมกับก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด เพราะเกิดเรื่องขึ้นไม่รู้ว่าอีกคนจะเสียรายได้ไปเท่าไหร่ แถมคนที่ทำร้ายไออุ่นยังเป็นแขกวีไอพีถ้าเกิดมีผลกระทบเขาจะเอาเงินที่ไหนไปชดใช้

ไออุ่นคิดด้วยความกระวนกระวายใจ ภาคินัยที่เห็นแบบนั้นก็เดาได้จึงเอ่ยบอก

“อย่าคิดมากเธอไม่ได้ทำอะไรผิด จริงอยู่ที่ในคลับอาจมีเรื่องแบบนั้นบ้างแต่มันต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของสองฝ่ายและเท่าที่ฉันเห็นเมื่อคืนเธอไม่ได้เต็มใจ อีกอย่างฉันเป็นเจ้าของคลับก็ต้องปกป้องพนักงานตัวเองใช่ไหมล่ะ”

“ขอบคุณนะครับคุณภาค” ไออุ่นเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความซึ้งใจ 

ภาคินัยมองคนตรงหน้าซึ่งเอ่ยขอบคุณเขาเสร็จก็หันไปก้มมองกุ้งในถ้วยของตัวเองด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กดีใจที่ได้ขนม

‘ชอบกินกุ้งสินะ’

หลังกินข้าวไออุ่นก็อาสาล้างจานซึ่งภาคินัยก็ไม่ได้ขัดอะไร เรียกว่าไม่ทันได้ขัดก็ได้เพราะอีกคนดูกระตือรือร้นที่จะทำงานเสียจริง เขาจึงเดินเลี่ยงออกมายังห้องนั่งเล่นพร้อมกับโทรสั่งงานชรัณซึ่งเป็นทั้งเลขาและบอดิการ์ดส่วนตัว เพิ่งวางสายจากชรัณคนตัวเล็กก็เดินออกมาพอดี ท่าทางดูระแวดระวังไปหมดราวกับกลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด

“มาคุยกันหน่อย” เขาเอ่ยเรียกก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาว ไออุ่นขยับเข้ามาใกล้แต่ทิ้งระยะห่างเอาไว้จนชายหนุ่มต้องให้สัญญาณด้วยการตบลงบนที่ว่างข้างตัวเป็นการบอกใบ้ให้คนตัวเล็กมานั่งข้างๆ เด็กหนุ่มจึงค่อยกล้าเดินเข้ามา จังหวะที่ไออุ่นจะทิ้งตัวลงบนโซฟาแขนแข็งแรงก็ตวัดรัดเอวบางรั้งให้นั่งแหมะอยู่บนตักแทน

“อ้ะ!” ไออุ่นอุทานด้วยความตกใจเนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัวแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ขยับหนี ยอมนั่งนิ่งอยู่บนตักของเขาแบบที่เกร็งไปทั้งตัวจนภาคินัยสัมผัสได้ ร่างสูงคลายอ้อมกอดลงเล็กน้อยให้คนบนตักผ่อนคลายก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยแก้มนวลข้างที่ยังหลงเหลือรอยช้ำเอาไว้เบาๆ

“ยังเจ็บอยู่ไหม” เขาเอ่ยถามพลางทอดมองใบหน้าอ่อนเยาว์ และเพราะไออุ่นเอาแต่หลุบตาต่ำจึงไม่ได้สังเกตเห็นว่าแววตาสีนิลคู่นั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย

“ไม่เจ็บแล้วครับ”

“วันนี้ฉันจะพาไปเก็บของ ต่อไปย้ายมาอยู่กับฉันที่นี่”

เมื่อภาคินัยพูดประโยคนี้ คนที่เอาแต่หลบตาก็เงยหน้าขึ้นมาเสียทีพร้อมกับมองเขาด้วยสีหน้าสับสน

“ให้ผม…ย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอครับ”

“อืม”

“แล้วคนที่บ้านของคุณ…” ไออุ่นกัดปากตัวเองอย่างครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยถามออกมา เพราะคิดว่าคนอย่างคุณภาคินัยคงมีพันธะผูกพันอยู่แล้ว หากเขาย้ายมาอยู่กับอีกคนคงไม่ใช่เรื่องดี แค่ตกลงเป็นเด็กอยู่ในสถานะเลี้ยงดูก็ผิดศีลธรรมมากพอแล้ว 

ขณะที่ไออุ่นกำลังรู้สึกแย่ในใจว่าตัวเองทำผิดเพราะคิดว่าอีกคนมีครอบครัวอยู่แล้ว ภาคินัยที่สังเกตเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของคนบนตักจึงพอจะเดาได้ว่าคนอายุน้อยกว่ากำลังคิดอะไร มือหนายกเชยคางเล็กให้ใบหน้าของไออุ่นเงยขึ้นหาเขา

“ถ้าหมายถึงพ่อกับแม่ของฉันเขาไม่ว่าอะไรหรอก ฉันอายุตั้งสามสิบแล้วคงไม่ต้องให้ใครมาจำกัดการใช้ชีวิต แต่ถ้าเธอหมายถึงเมียฉันล่ะก็…”

ภาคินัยเว้นประโยคคำพูดเอาไว้พลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนบนตักจนปลายจมูกจรดชิดกันก่อนจะพูดต่อ

“ยังไม่มี” แม้น้ำเสียงที่เอ่ยบอกจะคล้ายหยอกล้อแต่ทว่าดวงตาสีนิลกลับฉายแววจริงจัง จนไออุ่นทำตัวไม่ถูกได้แต่ผินมองไปด้านข้างเพื่อหลบสายตาล้ำลึกของอีกฝ่าย

“ละ แล้วผมต้องอยู่กับคุณนานแค่ไหนครับ”

เมื่อโล่งใจที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กลายเป็นมือที่สามของครอบครัวใครไออุ่นจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุยให้บรรยากาศคลุมเครือเมื่อครู่จางหาย หากแต่คำถามนั้นก็เป็นการถามเพื่อให้คำตอบกับตัวเองเช่นกัน

“นานแค่ไหนงั้นเหรอ…” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคล้ายครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจากนั้นจึงตอบด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง

“จนกว่าฉันจะแต่งงานล่ะมั้ง”

‘ถ้างั้นคงไม่นาน’ ไออุ่นคิดในใจพลางหลุบตาลง 

คนตรงหน้าเขานั้นสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฐานะ หากจะหาใครสักคนเป็นคู่ชีวิตคงไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ก็น่าแปลกใจที่อีกคนยังใช้ชีวิตโสดมาจนถึงตอนนี้

‘หรือคุณภาคจะเป็นประเภทรักอิสระไม่อยากผูกพันกับใครกันนะ’

“คิดอะไรอยู่น่ะ”

“ปะ…เปล่าครับ!” ไออุ่นสะดุ้งหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อน้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามชิดใบหู ก่อนจะรีบบอกปฏิเสธด้วยความเลิ่กลั่กชนิดที่มองแล้วคล้ายเด็กที่ทำอะไรบางอย่างแล้วกลัวถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น

“หึๆ” ท่าทางแบบนั้นเรียกเสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอจากภาคินัย เขาชอบใจที่ได้เห็นสีหน้าท่าทางเสียอาการของไออุ่นมากกว่าความเศร้าที่มาจากดวงตาหม่นแสงคู่นั้น

เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาในตอนนี้ไม่สดใสเหมือนกับเด็กชายที่เขาเจอเมื่อห้าปีก่อนแล้ว

เมื่อถึงช่วงบ่ายภาคินัยก็พาไออุ่นกลับมาเก็บของที่ห้องเช่าหลังเก่า เขาให้ไออุ่นเอาไปเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นส่วนที่เหลือให้เด็กหนุ่มตัดสินใจซึ่งไออุ่นก็ขอให้บริจาคกับคนยากไร้หรือสถานเด็กกำพร้า ภาคินัยจึงสั่งให้ชรัณหาคนมาจัดการ

เมื่อก้าวเข้ามาในห้องความรู้สึกตีบตันในลำคอของชายหนุ่มผู้ไม่เคยต้องพบเจอกับความยากลำบากใดตั้งแต่เด็กจนโตก็ปรากฎขึ้น ห้องของไออุ่นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก มีเพียงฟูกนอนและโต๊ะเตี้ยๆสำหรับไว้วางของเท่านั้น เสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราวก็มีแค่ไม่กี่ชุด ภาคินัยขบกรามแน่นเมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ของคนตัวเล็กนึกโกรธตัวเองที่ตอนนั้นเขาน่าจะทำอะไรมากกว่าแค่มองอีกคนเดินจากไป อย่างน้อยถ้ามีช่องทางติดต่อกันเด็กหนุ่มตรงหน้าอาจจะไม่ต้องเผชิญกับความยากลำบากขนาดนี้

ขณะที่ไออุ่นเมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองก็เดินไปยังโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ข้างฟูกนอน เด็กหนุ่มหยิบเอารูปถ่ายพ่อกับแม่และยายที่วางไว้บนโต๊ะเก็บใส่กระเป๋า พลันสายตาก็เหลือบมองไปเห็นตุ๊กตากระต่ายที่วางอยู่บนหมอน

ไออุ่นหยิบมันขึ้นมาอย่างเบามือ จ้องมองสิ่งนี้พร้อมกับนึกถึงความเจ็บปวดจากการหลอกลวงของคนที่ให้ตุ๊กตาตัวนี้กับเขา

“จะเอาไปด้วยหรือเปล่า” ภาคินัยเห็นไออุ่นยืนเหม่อมองตุ๊กตาจึงก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยถาม 

“ไม่ครับ ไม่เอาแล้ว” ไออุ่นหันมามองสบดวงตาสีนิลก่อนจะเอ่ยตอบช้าๆจากนั้นจึงวางมันไว้ทีเดิม

“ผมเก็บของเสร็จแล้วครับ”

“อืม งั้นไปกันเถอะที่เหลือเดี๋ยวให้คนมาจัดการ”

ไออุ่นพยักหน้ารับจากนั้นจึงเดินตามหลังร่างสูงออกไป

เมื่อออกมาจากห้องเช่าไออุ่นก็นั่งเงียบมาตลอดทาง ภาคินัยที่มองดูอีกคนอยู่ตลอดจึงขยับไปดึงรั้งให้เด็กหนุ่มขึ้นมานั่งคร่อมบนตักโดยหันหน้าเข้าหาตัวก่อนจะเอ่ยถามเสียงนุ่ม

“เธอเป็นอะไร”

“เปล่าครับ” ไออุ่นเอ่ยตอบแต่ไม่ยอมมองหน้าอีกคน กลัวว่าดวงตาล้ำลึกคู่นั้นจะมองทะลุไปถึงความรู้สึกภายในใจของตัวเอง

เมื่อเด็กหนุ่มไม่ยอมบอกภาคินัยเองก็ไม่อยากซักไซร้ เขาเพียงแค่กอดกระชับแผ่นหลังบางพลางจ้องมองดวงตาหม่นหมองของคนบนตักก่อนจะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ต้องกลัว อยู่กับฉันเธอจะไม่เป็นอะไร”

ประโยคนั้นให้ความรู้สึกปลอดภัยในใจกับไออุ่น เขาจึงเอนศีรษะพิงซบไหล่แกร่งพร้อมทั้งขยับซุกหาความอบอุ่นอย่างจงใจออดอ้อน

ตอนนี้ไออุ่นเป็นเด็กของคุณภาคินัยและอยู่ในการปกครองของเขาแล้ว แม้สถานะเด็กเลี้ยงดูคงจะอยู่ได้ไม่นานเพราะหากว่าอีกคนเจอใครที่รักจริงและจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยไออุ่นเองก็คงต้องจากไป

แต่ระหว่างนี้ที่ยังได้อยู่ในอ้อมกอดของคุณเขาไออุ่นก็ขอตักตวงความอบอุ่นที่ปรารถนามาตลอดชีวิต แค่เพียงสักนิดก็ยังดี

..............................

...TBC....

talk with muxii:

แงงงงง ยัยน้องอุ่นน่าสงสารจังเลยลูกไม่รู้ว่าเจออะไรมาบ้าง หอมหัวยัยน้องของแม่😭

สปอย~ เรื่องนี้นายเอกเราเคยมีแฟนมาก่อนนะคะแต่ยังเคยไม่มีอะไรกัน มีแค่ใช้มือใช้ปากช่วยเพราะแฟนเก่าน้องเป็นชายแท้ชอบผู้หญิง มันแค่มาหลอกน้องเราเท่านั้น คิดล่ะก็โมโหแทนจริง แฟนที่ดีคือแฟนใหม่นะคะน้องไออุ่น โดยเฉพาะคนมีอายุนี่ของดีเลย 😂

*ม่านฮวา คือคำที่ใช้เรียกการ์ตูนในภาษาจีน คิดว่าสายอ่านนิยาย/การ์ตูนคงคุ้นเคยคำนี้กันดีนะคะ 😆

...#ไออุ่นของภาคินัย...

แทนคำขอบคุณ

ไออุ่นเดินตามหลังร่างสูงเข้ามายังห้างสรรพสินค้าสุดหรูแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันได้เอ่ยถามอะไรก็ถูกคนโตกว่าดันให้ไปลองเสื้อผ้าในร้านแบรนด์ดัง จากนั้นเจ้าของบัตรเครดิตแบบแบล็คการ์ดก็รูดซื้อทุกอย่างที่ต้องการและดันมันมาให้ไออุ่นชนิดที่คัดค้านอะไรไม่ทัน ทำเอาเด็กหนุ่มตื่นตะลึงทั้งยังรู้สึกเกร็งเมื่อต้องถือข้าวของแสนแพงพวกนี้เอาไว้ในมือ

ท่าทางของคนเด็กกว่าทำให้ภาคินัยนึกขำด้วยความเอ็นดูเมื่อเห็นไออุ่นหอบถุงพวกนี้แนบอกราวกับกลัวจะทำให้มันเสียหาย ชายหนุ่มจึงหันไปบอกให้ชรัณเอาไปเก็บที่รถและสั่งให้อีกฝ่ายแยกไปจัดการบางอย่างให้จากนั้นจึงพาไออุ่นเดินเลือกซื้อของต่อ

ระหว่างนั้นไออุ่นก็สังเกตเห็นว่าพนักงานในห้างต่างพากันโค้งศีรษะทักทายทุกครั้งที่ร่างสูงข้างกายเขาเดินผ่าน

“คุณภาคินัยเป็นเจ้าของที่นี่น่ะครับ” ชรัณที่เพิ่งกลับมาคอยดูแลเจ้านายของตนเอ่ยบอกเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตัวเล็กมองด้วยความสงสัย

“…” ไออุ่นนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับชะลอฝีเท้าลง

“ผมชรัณครับเป็นเลขาของคุณภาค”

“สวัสดีครับ ผม…”

“คุณไออุ่น แน่นอนว่าผมรู้ครับ” ชรัณเอ่ยบอกพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมาหยิบถุงในมือไออุ่นไปถือแทน

“เรียกผมว่าอุ่นเฉยๆก็ได้นะครับ” ไออุ่นว่าเพราะรู้สึกกระอักกระอ่วนยามถูกให้เกียรติจากเลขาส่วนตัวของร่างสูงที่เป็นถึงเจ้าของห้างชื่อดัง

ไออุ่นหันไปมองร่างสูงซึ่งกำลังเลือกซื้อเครื่องประดับ ก่อนจะหันกลับมาก้มมองการแต่งกายของตัวเองด้วยสีหน้าหม่นเศร้า

เขาไม่คู่ควรกับอีกคนเลยสักนิด…

และเพราะกลัวว่าจะทำอีกคนถูกมองไม่ดี ไออุ่นจึงเลือกที่จะเดินช้าๆรั้งท้ายคนอายุมากกว่าพร้อมกับชรัณแทน เมื่อภาคินัยหันมาเห็นแบบนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

เขามองเลขาของตัวเองซึ่งกำลังทำสีหน้าคล้ายจะบอกว่า ‘ผมเปล่าทำอะไรนะเขามาเอง’ ด้วยแววตานิ่งๆก่อนจะตรงดิ่งเข้ามาคว้าข้อมือเล็กของคนที่เอาแต่ยืนก้มหน้าเอาไว้และดึงให้มายืนข้างตัว

“ทำไมไปเดินตรงนั้น”

“ผมกลัวจะทำให้คุณถูกมองไม่ดี ดูผม…”

ไออุ่นก้มมองตัวเองให้ร่างสูงเห็นว่าสภาพของเขาไม่เหมาะสมถ้าจะเดินเสมอคนที่เป็นถึงเจ้าของห้าง

“ฉันไม่สนใจใคร แค่เธอที่อยู่ข้างๆก็พอ”

ภาคินัยเอ่ยบอกพร้อมกับกระชับมือคนเด็กกว่าให้เดินอยู่ข้างกาย บางครั้งก็โอบเอวเล็กเอาไว้อย่างแสดงความเป็นเจ้าของเมื่อเห็นผู้ชายคนอื่นจ้องมองไออุ่นตาไม่กระพริบ ตอนแรกไออุ่นก็รู้สึกเกร็งอยู่บ้างแต่ผ่านไปสักพักจึงผ่อนคลายลงเพราะถึงแม้จะมีพนักงานมองมาที่เขาด้วยความสนใจแต่ก็ไม่ได้มีใครแสดงท่าทางดูถูกอะไรกลับยิ้มต้อนรับเขาอย่างดีซึ่งก็แน่นอนว่าเพราะพนักงานทุกคนที่นี่ถูกเทรนเรื่องการให้เกียรติคนเท่ากันเป็นอย่างดีจากเจ้านายอย่างภาคินัยนั่นเอง

ไออุ่นปล่อยให้คนโตกว่าจับจูงขณะที่ภายในใจยังคงติดอยู่กับประโยคก่อนหน้าที่อีกคนเอ่ยพูดออกมาก่อนจะแอบยกมือข้างที่เป็นอิสระลูบหน้าอกด้านซ้ายเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองกำลังเต้นแรงจนเกินไป

อีกด้านภายในห้างสรรพสินค้า หญิงวัยกลางคนๆหนึ่งก็กำลังเลือกดูเครื่องประดับอยู่เช่นกัน เธอหยิบสร้อยคอซึ่งรายล้อมด้วยเพชรแวววาวขึ้นมามองใกล้ๆ ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ฉายแววพึงพอใจ ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดคลี่ยิ้มหวานก่อนจะเอ่ยพูดกับพนักงานที่ยืนอยู่

“เมื่อครู่ภาคินัยก็มาซื้อเครื่องประดับหรือจ้ะ”

“ค่ะคุณหญิง”

“เขามากับใครบ้าง”

“เอ่อ…มีคุณชรัณแล้วก็เด็กหนุ่มคนหนึ่งค่ะ”

พนักงานสาวเอ่ยบอกเพราะเธอนั้นรู้จักชรัณเลขาเจ้าของห้างที่นี่ดี แต่เด็กหนุ่มอีกคนเธอเพิ่งเคยเห็นครั้งแรก ยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่าอีกฝ่ายเป็นใครถึงมาเดินเคียงข้างกับคนที่เป็นถึงรองประธานไตรวิริยะได้

“เด็กหนุ่ม?” หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจแต่ใบหน้านั้นยังคงประดับด้วยรอยยิ้ม เธอวางสร้อยไว้ในกล่องตามเดิมจากนั้นจึงเอ่ยต่อ

“ฉันเอาเส้นนี้จ้ะ”

เมื่อพนักงานได้ยินแบบนั้นก็รีบกุลีกุจอจัดสร้อยราคาแพงที่มีเพียงสามเส้นในประเทศไทยบรรจุลงกล่องกำมะหยี่อย่างระมัดระวัง เธอจึงถือโอกาสหันมาเอ่ยบอกกับคนติดตามของตัวเองด้วยท่าทางใจดี

“คุณสาวิตรี ฉันอยากรู้จังว่าเด็กหนุ่มที่มากับตาภาคเป็นใคร”

หลังซื้อของเสร็จทั้งสองคนก็กลับมาที่พัก  และนั่นทำให้ไออุ่นรู้ว่าโรงแรมราคาแพงซึ่งมีเพนท์เฮ้าส์อยู่ชั้นบนสุดและจับจองพื้นที่ทั้งชั้นนั้นเป็นของใครจากคำบอกเล่าของเลขาส่วนตัวอย่างชรัณซึ่งช่วยเขาหอบหิ้วข้าวของเข้ามาภายในห้อง ส่วนคนเป็นเจ้าของนั้นแยกตัวไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่อีกด้านภายในชั้นเดียวกัน

“มือถือของคุณอุ่นครับ” ชรัณยื่นมือถือยี่ห้อดังเครื่องใหม่เอี่ยมมาตรงหน้าไออุ่น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำหน้างงจึงเอ่ยต่อ

“คุณภาคให้ผมไปซื้อมาให้น่ะครับ”

“แต่ผมมีอยู่แล้วนะครับ” ไออุ่นว่าเพราะเขาเองก็มีโทรศัพท์อยู่แล้วแม้มันจะเป็นรุ่นเก่าแถมหน้าจอแตกจนแทบมองอะไรไม่เห็นแต่ก็ยังพอใช้งานได้

“เป็นคำสั่งของคุณภาคครับ”

เมื่อชรัณเอ่ยพูดประโยคนี้ไออุ่นก็ไม่อาจแย้งอะไรได้อีกเพราะก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่บนรถระหว่างทางกลับมายังเพนท์เฮ้าส์ ใครอีกคนได้ทำข้อตกลงกับไออุ่นว่าห้ามปฏิเสธของหรืออะไรก็ตามที่เขามอบให้ ไออุ่นจึงจำต้องยื่นมือไปรับโทรศัพท์เครื่องนั้นมา

“ผมบันทึกเบอร์ส่วนตัวของคุณภาครวมถึงเบอร์โทรของผมเอาไว้ในเครื่องเรียบร้อยแล้วถ้าคุณอุ่นต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกผมได้เลยนะครับ”

“ขอบคุณนะครับ”

“ยินดีครับ” ชรัณดันแว่นตาที่สวมใส่ขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยบอกจากนั้นก็ขอตัวแยกออกไป ไออุ่นจึงได้รู้ว่าที่แท้อีกฝ่ายก็อาศัยอยู่ที่นี่ถัดจากชั้นที่เขาอยู่ไปหนึ่งชั้นด้วยเช่นกัน

เมื่อชรัณกลับออกไปแล้วไออุ่นก็จัดการเก็บข้าวของที่เยอะจนทำเอาตาลาย เด็กหนุ่มก็ยืนนิ่งพร้อมกับมองไปรอบๆห้อง พลางใช้มือหยิกแขนตัวเองเบาๆเพื่อยืนยันว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นคือเรื่องจริงเพราะมันรวดเร็วเสียจนดูเหมือนกับว่าไออุ่นแค่ฝันไปเท่านั้น

ทั้งๆที่เมื่อวานก่อนเขายังอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ต้องทำงานงกๆเพื่อหาเงินมาใช้หนี้อยู่เลย แต่ว่าตอนนี้กลับอยู่ในเพนเฮ้าส์แสนหรูกว้างใหญ่มีเตียงนอนนุ่มและสิ่งต่างๆครบครันรวมถึงเสื้อผ้าและอื่นๆที่ไออุ่นเพิ่งได้มาวันนี้ก็ล้วนแต่เป็นของราคาแพงทั้งนั้น

‘คุณภาคจัดการทุกเรื่องให้เขาทั้งซื้อข้าวของให้ตั้งมากมายแต่ดูเหมือนว่าไออุ่นยังไม่ได้ทำอะไรเพื่อเป็นการขอบคุณเลยด้วยซ้ำ’

ไออุ่นครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องนอนเพื่อไปหาใครอีกคน เพิ่งเปิดประตูเขาก็เจอกับคนเป็นเลขาที่ถือไอแพดออกมาจากห้องๆหนึ่ง อีกฝ่ายเดินมาหาเขาพร้อมกับเอ่ยขึ้น

“พอดีเลยครับ มื้อเย็นคุณอุ่นอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับผมจะได้จัดการให้”

เมื่อได้ยินแบบนั้นไออุ่นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้จึงลองถามขึ้นมา

“ผมทำเองได้ไหมครับ”

“ทำเอง?” ชรัณเลิกคิ้วเขิงแปลกใจก่อนจะยกยิ้มและเอ่ยตอบ

“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นคุณอุ่นอยากได้วัตถุดิบอะไรบอกได้เลยครับเดี๋ยวผมให้คนไปจัดเตรียม”

ไออุ่นยิ้มกว้างเพราะรู้แล้วว่าตัวเองจะทำอะไรเพื่อแทนคำขอบคุณให้ใครอีกคน ก่อนจะจัดการบอกวัตถุดิบและเครื่องปรุงสำหรับทำหารที่ต้องการ

“รบกวนด้วยนะครับ” ไออุ่นว่าหลังจากชรัณจดรายการที่ต้องซื้อเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเรียกอีกฝ่ายเอาไว้

“คุณชรัณครับ”

“ครับ?”

“เอ่อ…คุณภาคยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ” ไออุ่นเอ่ยถามพลางหันมองไปยังห้องทำงานที่มีร่างสูงเจ้าของนัยย์ตาสีนิลอยู่ในนั้น

“เข้าไปเถอะครับดูเหมือนคุณภาคเองมีเรื่องจะคุยกับคุณอุ่นอยู่พอดี” ชรัณเอ่ยบอกจากนั้นจึงยืนมองเด็กหนุ่มร่างบางที่เดินราวกับแมวย่องค่อยๆเข้าไปหาเจ้านายของเขา ชายหนุ่มยิ้มด้วยความเอ็นดูพลางขยับขาแว่นให้เข้าที่ก่อนจะหันหลังเดินออกไป

‘ดูเหมือนห้องของคุณภาคจะไม่มีผ้ากันเปื้อนถ้าอย่างนั้นคงต้องซื้อสักหน่อย สีชมพูก็ดูน่ารักดี’ คนเป็นเลขาคิดในใจขณะลงลิฟต์เพื่อไปเตรียมหาวัตถุดิบมาให้เด็กหนุ่มของเจ้านายทำอาหาร

ชายหนุ่มทำงานให้ภาคินัยมานานหลายปีทำให้รู้ความคิดของคนเป็นเจ้านายตัวเองได้เป็นอย่างดี และเขาก็รู้อีกว่าคนที่เป็นเด็กของคุณภาคินัยตอนนี้ต่อไปจะอยู่ในฐานะอะไรของครอบครัวไตรวิริยะ

ไออุ่นเข้ามาในห้องทำงานของคุณภาคินัยก็เห็นร่างสูงนั่งเอนหลังหลับตาอยู่บนเก้าอี้ เด็กหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้จากทางด้านหลังก่อนจะถือวิสาสะใช้มือนวดเบาๆบริเวณขมับทั้งสองข้างของอีกคน

“อืม” ภาคินัยครางรับในลำคอด้วยความพอใจ ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองคนเด็กกว่า

ไออุ่นถูกเจ้าของนัยย์ตาสีนิลจับจ้องเสียจนทำตัวไม่ถูกจึงทำทีเป็นตั้งอกตั้งใจนวดให้อีกคน ภาคินัยปล่อยให้ไออุ่นนวดอยู่สักพักก่อนจะเอื้อมมาจับมือผอมเรียวและออกแรงดึงให้มานั่งบนตักเขาแทน

“นวดเก่งจัง ไว้ฉันจ้างเธอนวดทั้งตัวเลยดีไหม”

“ผมแค่นวดไปเรื่อยครับ” ไออุ่นว่าพลางหลบสายตาร้อนแรงของคนตรงหน้า

“ทำไมถึงนวดให้ฉันล่ะ” ภาคินัยเอ่ยถามขณะที่มือข้างหนึ่งยื่นไปหยิบเอกสารบางอย่าง

“ผมอยากทำอะไรตอบแทนคุณภาคบ้าง”

“หือ?” คนอายุมากกว่าแกล้งทำเสียงแปลกใจ รอให้คนบนตักพูดต่อ

“ตอบแทนที่คุณภาคให้ผมมาอยู่ด้วยแถมซื้อของแพงๆพวกนั้นให้อีก”

“ถ้าอย่างนั้นอันนี้คงต้องได้ค่าตอบแทนมากกว่าแค่การนวดหรือเปล่า” ภาคินัยว่าพลางยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาตรงหน้าไออุ่น

เด็กหนุ่มหยิบมันขึ้นมากวาดสายตาอ่านทุกบรรทัดอย่างตั้งใจ ขณะที่ปากอิ่มก็เริ่มอ้าค้าง ทั้งตากลมยังเบิกกว้างขึ้นเมื่อเข้าใจสิ่งที่อยู่ในนั้น

ใบแจ้งหนี้ที่ไออุ่นติดค้างเอาไว้กว่าห้าแสนบาท ตอนนี้ขึ้นสถานะว่าชำระเต็มจำนวนครบเรียบร้อยแล้ว

“คุณ…”

“ขอโทษที่เสียมารยาทจัดการเรื่องนี้โดยไม่ได้บอกเธอก่อน ฉันแค่อยากให้เธอรู้สึกสบายใจไม่ต้องคอยกังวลอะไรอีก”

“ฮึก...อุ่น อุ่นขอบคุณครับ!” ไออุ่นเอ่ยขอบคุณทั้งน้ำตาก่อนจะพนมมือกราบลงบนอกของคนอายุมากกว่า

ภาคินัยชะงักไปเล็กน้อยเมื่อถูกคนเด็กกว่ากราบแนบอก ท่าทางแบบนี้เหมือนเขาเป็นพวกเสี่ยใหญ่ที่ชอบให้เด็กกราบเอาใจเวลาให้เงินอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ต้องร้อง” เขาเอ่ยปลอบคนบนตักเสียงนุ่มพลางยกมือช่วยเช็ดน้ำตาให้

ไออุ่นมองเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาพลางครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ รอจนกระทั่งคนโตกว่าหันมาสบตากันเขาจึงขยับโน้มลงไปจุ้บเบาๆบนปากหยักก่อนจะผละออก

“อะ อุ่นไม่รู้ต้องทำยังไงเพื่อตอบแทนคุณ”

เด็กหนุ่มกลอกตาไปมาอย่างเก้อเขินหลังทำใจกล้าเป็นฝ่ายสัมผัสอีกคนก่อนเพราะอยากขอบคุณ

“แค่นี้หรือ”

“ละ…แล้วคุณภาคอยากให้ผมทำอะไรครับ”

“อยากให้เธอเรียกแทนตัวเองว่าอุ่นแบบเมื่อกี้แล้วก็…” ภาคินัยยื่นใบหน้าเข้าไปหาคนบนตักก่อนจะเอ่ยพูดเสียงพร่า

“จูบฉันอีก”

ไออุ่นกัดริมฝีปากตัวเองน้อยๆก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจุ้บคนโตกว่าอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยบอกเสียงเบา

“อุ่นจูบแล้ว”

“แบบนี้เรียกว่าจูบที่ไหนกันเด็กน้อย”

ไออุ่นหน้าแดงซ่านก่อนจะขยับเข้าไปหาร่างสูงอีกครั้ง มือเล็กถูกยกขึ้นมาเกาะไหล่แกร่งทั้งสองข้างพร้อมกับริมฝีปากที่ทาบทับลงไปบนอวัยวะเดียวกันของคนตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ ขยับดุนดันเม้มริมฝีปากหยักไปมาสักพัก จากนั้นจึงส่งปลายลิ้นอุ่นชื้นแตะสัมผัสซึ่งภาคินัยเองก็เปิดปากออกอย่างง่ายดาย ยอมให้ลิ้นเล็กเข้ามาเล่นซุกซนอยู่ภายใน

ไออุ่นจูบเป็นแต่ไม่ได้เก่งขนาดนั้นเพราะเจ้าตัวเอาแต่แตะไปมาบนลิ้นของเขา จนในที่สุดความอดกลั้นที่สั่งสมมาของภาคินัยก็สิ้นสุดลง เขาเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะการจูบเสียเอง มือหนากระชับเอวเล็กเข้าหาตัวก่อนจะเริ่มดูดดุนลิ้นเล็กที่ยังอยู่ในปากของเขาจนได้ยินเสียงครางอืออึงจากคนเด็กกว่า

“อะ…อือ”

จากนั้นจึงผละออกมาดูดเม้มริมฝีปากนุ่มนิ่ม และขบมันเบาๆด้วยความมันเขี้ยวก่อนจะเริ่มซอกซอนเข้าไปหาความหวานหอมภายในอีกครั้ง ลิ้นหนาสำรวจไปทั่วจากนั้นจึงเกี่ยวต้อนลิ้นเล็กเข้ามาพัวพัน

คนตัวเล็กบนตักจูบตอบเขาอย่างเงอะงะเพราะตามจังหวะไม่ทัน ได้ยินเสียงลมหายใจที่เริ่มหอบกระชั้นถี่พร้อมกับแรงบีบจากมือเล็กบริเวณไหล่ภาคินัยจึงค่อยๆผละออก

“ฮะ แฮ่กๆ!” ไออุ่นหอบหายใจ ใบหน้าขาวเนียนย้อมแดงไปทั่วทั้งหน้าโดยเฉพาะปากอิ่มที่บวมฉ่ำวับวาว

ภาพตรงหน้าล่อตาล่อใจจนภาคินัยไม่ยอมเสียเวลา เขาประคองกรอบหน้าของไออุ่นให้แหงนเชิดและโน้มลงไปป้อนจูบร้อนแรงอีกครั้ง

“อึก อือ”

“อืม”

เสียงครางดังคลอเสียงจูบเฉอะแฉะฟังดูลามกทำไออุ่นรู้สึกวูบวาบในอก กระทั่งได้ยินความเคลื่อนไหวจากนอกห้อง คนเด็กกว่าจึงดันอกแกร่งเป็นสัญญาณให้ผละออก

ภาคินัยยอมถอนจูบแต่ยังไม่ถอยห่าง เขาใช้ปลายจมูกดุนดันแก้มนิ่มพร้อมสูดดมความหอมเข้าเต็มปอดจนเกิดเสียง

ฟอด!

“อะ--อื้อ! คะ…คุณชรัณกลับมาแล้วนะครับ”

ไออุ่นร้องบอกพลางเอนหน้าหลบเพราะถูกลมหายใจร้อนผ่าวจากคนตรงหน้ารินรดผิวเนื้อพาให้ขนลุกซู่ไปทั้งตัว

“อืม” ชายหนุ่มขานรับแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้ร่างเล็กเป็นอิสระเอาแต่ฟ่อนฟัดแก้มกลมจนมันแดงก่ำทั้งสองข้าง

“อื้อ! คุณภาคครับอุ่นต้องไปทำมื้อเย็น”

“ตอนนี้ฉันไม่อยากกินข้าวแล้ว” ภาคินัยบอกเสียงแหบพร่า ดวงตาสีนิลที่จ้องมองไออุ่นเต็มไปด้วยความต้องการเปี่ยมล้น

“…”

“อยากกินอุ่นมากกว่า”

..............................

...TBC....

Talk with muxii:

​​​​​​คุณภาคินัยมีอีกสักคนมั้ยคะ ไรท์เองก็อยากได้แบบนี้บ้าง5555555😂 

ชอบน้องแทนตัวเองว่าอุ่นอะ ดูอ้อนดีขนาดเขียนเองยังเอ็นดูเลย แล้วคุณภาคินัย ไตรวิริยะเขาจะอดใจไหวได้ยังไง มาลุ้นกันค่ะว่าตอนหน้าพี่แกจะได้กินข้าวหรือกินน้องอุ่น 🤭

ฝากคอมเม้นท์เป็นกำลังใจน้อยๆให้มู่มู่กันหน่อยนะคะ~ ❤️

...#ไออุ่นของภาคินัย...

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!