...“พี่ข้า ท่านเปรียบเสมือนครอบครัวของข้า”...
...“โตโนวารี เจ้ามันโง่เขลานัก”...
...“โง่เขลาจนมิล่วงรู้ความปรารถนาของข้า”...
ตอนที่ 1 ประสงค์แห่งเอวา
ครื้นนน เสียงของวาโยแรงกระซัด ถาโถมใส่สิ่งก่อสร้างทุกอย่าง ศูนย์วิจัยกลางทะเล'นาสเวีย'กำลังถูกพายุไซโคลนขนาดใหญ่ถาโถมราวกับจะทำลายให้สิ้น ผู้คนในศูนย์วิจัยต่างวิ่งหนีตายไปหาที่หลบภัยที่คาดว่าจะปลอดภัยแต่ไม่มีทางที่จะหนีรอดไปได้แม้แต่น้อย
“ให้ตายเถอะ! ไหนพยากรณ์บอกว่าวันนี้ไม่มีพายุไง! แล้วไอเบื้อกทอนาโดเหี้ยนี่คือเหี้ยไร!!”เสียงสบถคำด่าของหัวหน้าศูนย์วิจัยดังขึ้น อลัน ทิวเจอร์ พยายามเกาะยึดทุกสิ่งในห้องวิจัยที่ห่างจากพายุไม่มากนัก “หัวหน้า! ทำยังไงดีครับ! ถ้าเป็นแบบนี้ทุกคนในสถานวิจัยได้ตายห่าหมดแน่!”หนึ่งในลูกน้องคนสนิทพูดขึ้น มากัส บิวท์ มองหน้าผู้เป็นนายใหญ่ที่ดูแลศูนย์วิจัยกลาฃทะเลด้วยใบหน้าที่กลัวตายสุดขีด
“ฉันเป็นนักวิจัยชีวะทางทะเล! ไม่ใช่ทหารสั่งการรบ!จะไปรู้หรอว่าจะทำยังไงถึงรอด!!”อลันตะโกนด่ามากัส แต่เสียงของพายุดังกว่าทำให้กลบเสียงของอลัน“บัดซบ!! ฉันไม่ได้อยากมาตายห่าเป็นผีแดนศพในมหาสมุทรนะโว้ยยย!!”หัวหน้าศูนย์วิจัยตะโกนโวยวายด้วยความแค้นใจที่กำลังจะตายในไม่ช้า
ตู้มมมมม! และไม่ทันไรพายุไซโคลนลูกใหญ่ก็ได้ทำลายศูนย์วิจัยกลางทะเลจนสิ้น“เหี้ยแล้ว!”สิ่งมีชีวิตในศูนย์วิจัยต่างลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้ามืด พวกเขากำลังจะถูกพระเจ้าลงทัณฑ์จากการกระทำที่เคยพรากชีวิตสัตว์นํ้าเพื่อเป็นการทดลองศึกษา
ดวงตาสีทองอัมพวันหลับตาตํ่ารอรับความตายที่กำลังจะมาเยือนในไม่ช้า จะไปนรกหรือสวรรค์ก็ช่าง อลันขอเพียงแค่ที่ๆจะไปมีสัตว์นํ้าให้เขาได้จ้องมองขณะลงกะทะทองแดง หรือได้ดื่มไวน์รสเลิศพร้อมมองมันบนสวรรค์ก็แล้วกัน
ตู้มมมม! ร่างเล็กตกลงมากระแทกกับพื้นนํ้าทะเลด้วยความสูงหลายพันเมตรทำให้ร่างนั้นกระดูกหัก
กร๊อบบ อลันค่อยๆจมดิ่งสุ่ใต้มหาสมุทรแสนมืดมิดและหนาวเหน็บ ความเงียบใต้ท้องทะเลทำเอาใจดวงนั้นอกสั่น ความเงียบมันน่ากลัวเหลือเกิน อลันพยายามจะตะเกียดตะกายขึ้นจากใต้พื้นนํ้าที่แสนหนาวเหน็ยแต่ความเจ็บปวดจากการกระดูกหัก ทำให้ไม่สามารถว่ายขึ้นไปหาออกซิเจนได้
ร่างบางค่อยๆสำลักนํ้า และขาดอากาศไปอย่างช้าๆภาพจำในอดีตตอนที่เขาเคยทดลองเจ้าปลาตัวเล็กให้มันตกมาจากที่สูงพร้อมกับให้มันขาดอากาศหายใจตายอย่างช้าๆด้ววความทรมานกลืนกลับเข้ามาในเซลล์สมอง
สงสัยมันคงกลับมาเอาคืนเขาเสียมั้ง 'กฎแห่งกรรมมันมีจริงนะ' ดวงตาอัมพันค่อยๆปิดลงสิ่งสุดท้ายที่คิดขึ้นมาในหัวของนักวิจัยที่ศึกษาเรื่องราวสัตว์นํ้ามาตลอด 45 ปีคงไม่พ้นคำว่า
'เอาจริงๆนะ ถ้ายมบาลใจดี ให้โอกาสได้เกิดใหม่ขอให่ได้เกิดเป็นสัตว์นํ้าในพื้นทะเลแสนกว้างใหญ่ก็แล้วกัน'
จบความคิดจบชีวิต
อลันตายเสียแล้ว ร่างนั้นจมไปใต้พื้นอันมืดมิดไร้จุดสิ้นสุด แต่ดูเหมือนฟ้ายังมีตา
แสงสีขาวสว่างวาบทำเอาคนที่ตายไปแล้วกลับฟื้นคืนอย่างไม่มีมูล
'มหาสมุทรกลืนกินกายาของเจ้า แต่ไม่ต้องห่วงมหาสมุทรจักมอบคืนชีวิตใหม่ให้แก่เจ้า ข้าขอประทานพรแด่เจ้า จากเอวา'
สิ้นคำพูดปริศนาแสงรอบตัวก็เจิดจรัสมากกว่าเดิมจนต้องยกมือขึ้นมากัน
“ไม่ใช่โลกไม่ใช่ศูนย์วิจัย แล้วมันคือที่ไหนกัน”
อลันมองสภาพแวดล้อมรอบตัว พื้นใต้ฟ้าสะท้อนแสงแดด หมู่สัตว์แปลกประหลาดแหวกว่ายไปทั่วพื้นนํ้า หมู่ประการังที่สีสันสดใส 'ที่ไหนกัน' อลันตั้งคำถามก่อนจะยกแขนแกร่งที่กำยำของตนแต่ก็ต้องพบกับสิ่งแปลกประหลาดในร่างกาย สัดส่วนที่ใหญ่ขึ้นของลำตัว สิ่งที่ควรเป็นแขนเป็นมือกลับเป็นครีบ ดวงตาที่ควรมีแค่สองกลับมาสี่ 'เด๋วนะซิส นี้มันเรื่องเชี้ยอะไรวะเนี้ย!!'อลันในร่างที่แปลกประหลาดกระวนกระวายใจ เขาไม่เหมือนมนุษย์ แต่กลับคล้ายวาฬ ลักษณะตัวที่ใหญ่กว้างไหนจะครีบ แต่แปลกที่สุดคือสีผิวกับดวงตาที่มีถึงสี่
'อะไรวะเนี้ย!!!! นี้ตัวฉันหรอ!! ทุเรศสิ้นดี!! ขอเกิดเป็นสัตว์นํ้านะเว้ย! ไม่ใช่ตัวประหลาดแบบนี้!'อลันผู้ปากแจ๋วพูดด้วยนํ้าโห ความทรงจำก่อนตายทั้งหมดไหลเข้ามาในหัว ก่อนตายเขาขอให้เกิดเป็นสัตว์นํ้าแต่ใครจะคิดว่าได้เกิดเป็นตัวประหลาด
อลันมองสำรวจตัวเองอย่างทุลักทุเล เขาไม่เหมือนสัตว์บนโลกด้วยซํ้าไหนจะพวกตัวประหลาดรอบๆตัวเขาอีก จากความฉลาดเป็นกรดของอลันและบวกกับความเป็นติ่งการ์ตูน ก็สรุปง่ายเลยว่า! 'ยินดีต้อนรับสู่ต่างโลก'
'ต่างโลกพ่อมึงงงงงง!!!!!!' อลันหัวเสียอย่างแรงเขาอยู่ต่างโลกเหมือนในการ์ตูน แต่การ์ตูนเรื่องไหนถึงมีตัวทุเรศแบบนี้ มันคือการ์ตูนหรือหนังกันแน่ สมองของอลันครุ่นคิดอย่างรวดเร็วจนเจ้าตัวประหลาดใจ ปกติแล้วสมองของมนุษย์มันไม่น่าจะใช้ความคิดได้รวดเร็วขนาดนี้ ระบบประสาทก็ค่อนข้างจะดีกว่ามนุษย์ด้วยซํ้า
'เด๋วนะเด๋วนะ ไม่สิ!เดี๋ยวๆๆ ตัวใหญ่เหมือนวาฬมีสี่ตามีครีบตัวสีฟ้าหน้าตาประหลาดความคิดฉลาดเป็นกรดกว่ามนุษย์....' คำถามภายในใจได้รับคำตอบแล้วสายคอหนังอย่างอลันเดาไม่ยาก'อวตาร'สีหน้าของอลันนิ่งอึ้งไปสักพักก่อนจะขยับครีบขวาที่คล้ายเป็นมือข้างขวาของมนุษย์ ท่าทางของเขามันดุ๊กดิ๊กจนน่าเอ็นดู
'ก็...ได้มาต่างโลก...แต่โลกที่มาคืออวตาร...โคตตเจ๋งงงง!!!!'จากสายตาตอนแรกที่หงุดหงิดพลันเปลี่ยนเป็นสายตาแห่งความปลื้มปิติ ที่ได้รู้ว่าตนกำลังมาอยู่ในหนังไซไฟแฟนตาซีดัง แถมดูเหมือนจะเกิดเป็นสิ่งมีชีวิตในเรื่องที่มีสติปัญญาเกินกว่ามนุษย์อย่าง โทคูล
โคตรเจ๋งโคตตจ๊าบขอโทษที่ตอนแรกไม่ชอบละกัน อลันเผยสีหน้ายิ้มออกจาก เจ้าโทคูลอลันกำลังดีใจกับชีวิต
ใหม่ที่ตอนแรกไม่ชอบ 'แต่ทำไมมันดูตัวเล็กกว่าตัวอื่นวะบบี้โทคูลหรอคงงั้นแหละมั้งแต่ช่างสิใครสน เรามาสนการเริ่มต้นชีวิตใหม่แบบสไตล์อลันคูลดีกว่า!!!' พูดเองตอบเอง หากเป็นโทคูลจริงคงไม่สมองปัญญาอ่อนแบบนี้
เจ้าเบบี้อลันคูลตัวน้อยกำลังแหวกว่ายไปในท้องมหาสมุทร หางส่ายดุ๊กดิ๊กราวกับลูกเป็ดไร้ฝูง ดวงตาพราวประกายพรางจับจ้องมองรอบๆด้วยความตื่นเต้น'ดาวดวงนี้มันสุดยอดดดด!'เข้าปากตัวน้อยแหวกง่ายด้วยความสุขโดยหารู้ไม่ว่ามันดันหลุดเข้ามาในถิ่นของ อาคุล่า
'สาวสวนแตงแห่งเมืองสุพรรณณณณ' อลันแหวกว่ายพรางร้องเพลงอย่างสุขใจโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีตัวอะไรบ้างอย่างกำลังว่ายมาทางเขา ฟู่วววววว เสียงของพื้นนํ้ากระเพือบอย่างรุนแรง อลันรับรู้ถึงการขยับด้วยความเร็วจากฝั่งซ้ายก่อนจะพบว่ามันคือสัตว์ตัวใหญ่กว่าเขากำลังพุ่งเตรียมจะสวบเขา
'อะ..อะ..อะคุน่าบาทาทะ!!!กรี้ดดดดด'เจ้าอลันรีบส่ายก้นพุ่งตรงออกไปจากจุดตรงนั้นทันทีแต่เจ้าอาคุล่ายังคงไม่ลดลัความพยายามที่จะกินเจ้าอลันเบบี้
เจ้าโทคูลอลันพยายามว่ายหนีแต่เจ้าอาคุล่าก็ยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ'ช่วยข่อยยยยเน๊อิหล่าาาากรี้ดดดดด'ความเป็นชายในตัวจริงๆของอลันได้ตื่นขึ้นซะแล้วสิ
อาคุล่ากำลังจะกัดเข้าที่หางของอลันแต่ อลันนั้นมีไหวพริบกว่าทำให้เบี่ยงตัวและตวัดหางกลับไปฟาหน้าของอาคุล่าก่อนจะว่ายไปทางหุบเขาช่องแคบ ด้วยความที่อลันตัวเล็กกว่าเป็นสองเท่าและว่องไวกว่าอาคุล่าเป็นสองเท่า
เจ้าอาคุล่าชนกับหุบเขาแสนคับแคบอย่างจังจนเกิดแรงสั่นสะเทือน
ตู้มมมม!!
อาคุล่าชนกับหุบเขาแคบอย่างจัง อลันโทคูลเบบี้วัยแจ๋วหันไปมองผลงานของตนก่อนจะทำท่าแสยะยิ้มในร่างของโทคูล
'ฮะ! สมนํ้าหน้าไอปลาหน้าตู่!' อดีตหัวหน้าศูนย์วิจัยทำท่าขำหัวกลิ้งแต่ดูเหมือนอลันจะขำมากไปจนไม่ได้เห็นเลยว่า เจ้าอาคุล่ามันว่ายขึ้นเหนือนํ้าและกำลังดิ่งตรงมาหาเขา
แรงสั่นกระเพื่อมทำให้อลันต้องหยุดขำและมองไปยังด้านบน ดวงตาทั้งสี่เห็นกับฮารุล่าที่กำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ปากของมันอ้าออกจนน่าหวาดกลัวและกำลังจะสวยหัวของอลัน 'กรี้ดดดดด!แม่จ๋าาาาา!!' ดูเหมือนชีวิตชาติที่สองจะจบซะแล้ว...
ฉึก! เสียงแทงดังขึ้นของเหลวสีแดงกระจายเต็มไปทั่ว ดวงตาสีฟ้าหม่นของอลันเบิกโพรง เจ้าอาคุล่าถูกหอกแหลมพุ่งเสียบทะลุดวงตา มันดิ้นด้วยความเจ็บปวดส่งเสียงแห่งความโศกา อลันในร่างของโทคูนนิ่งอึ้งราวกับหยุดหายใจ
'รีบไปซะ!' เสียงแหลมเล็กดังมาจากเหนือหัวของอลัน เจ้าเด็กน้อยชาวนาวีสีฟ้าแกรมเขียวผมยาวเจ้าของหอกกำลังตะโกนบอกให้อลันรีบหนีไป
อลันที่สบโอกาสก็กำลังจะหนีแต่ก็คิดได้หากหนีเอาตัวรอดคนเดียวเจ้าเด็กนาวีสีฟ้าแกรมเขียวนั้นจะรอดได้เยี่ยงไร ไม่ทันให้ใช้ความคิดวางแผน เจ้าเบบี้อลันพุ่งตัวไปใส่อาคุล่าที่มีความใหญ่กว่าตัวของมัน
ตัวของฮารุล่ากระเด็นไปตามแรงผลักของอลัน ทำให้ร่างของมันกระเด็นไปชนกับโขดหิน ปั้ก! เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของอาคุล่าดังกึกก้องไปทั่วผืนนํ้า ชาวนาวีฟ้าแกรมเขียวพุ่งตัวลงมาใกล้เจ้าอาคุล่า มือเล็กดึงหอกที่ปั้กตาในตอนแรกก่อนจะแทงมันลงไปที่หัวใจของอาคุล่าอย่างทุลักทุเล 'ย้ากกกกก!'
ฉวกกกก! หอกแหลมได้ปักกลางหัวใจของอาคุล่า อาคุล่าดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดก่อนจะจากไปอย่างช้าๆ ชาวนาวีฟ้าแกรมเขียวคล้ายจะหมดอากาศหายใจ ร่างนาวีสีฟ้าแกรมเขียวพยายามดิ้นรนตะเกียดตะกายขึ้นไปบนผิวนํ้า แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว ร่างนั้นค่อยๆขาดอากาศหายใจและกระตุก อลันที่เห็นว่าเริ่มไม่ดีเสียแล้วจึงรีบว่ายและใช้แผ่นหลังของตนดันตัวของชาวนาวีฟ้าแกรมเขียวขึ้นไปยังด้านบนผิวนํ้า
พึ่บบบ!! “เฮือก!!!”ชาวนาวีร่างฟ้าแกรมเขียวกอบโกยลมเข้าสู่ปอดให้มากที่สุดราวว่ามันจะหายไป“แค่กๆ! ค่กๆ”เสียงกระอักไอดังขึ้น อลันทำเพียงเหลือบตามองอีกฝ่ายที่อยู่บนหลัง
ผ่านไปไม่นานนัก ชาวนาวีฟ้าแกรมเขียวจึงหยุดกระอักไอและนอนนิ่งบนหลังของอลัน “เห้อ..เกือบตายซะแล้ว ขอบคุณนะโทคูล”ชาวนาวีบนหลังอลันพูดพร้อมรอยยิ้มหวานดวงตาสระอิ อลันเพียงส่ายตัวเล็กน้อยเป็นการตอบรับ
“ไหนฝูงเจ้าละ หรือเจ้าอยู่ตัวคนเดียวหรอ?”เจ้าหนูน้อยนาวีสีฟ้าแกรมเขียวถาม อลันเพียงตีหน้าเศร้าเขาไร้ฝูง ไร้พ่อแม่ ตัวคนเดียวเหมือนในตอนที่ยังไม่เป็นโทคูล เจ้าหนูน้อยนาวีสีฟ้าแกรมเขียวเห็นสีหน้าของอลันก็ใช้มืออันน้อยลูบหลังอลันเป็นการปลอบ มือเล็กแสนอ่อนโยนของเจ้านาวีน้อยมันทำให้อลันพอมีกำลังใจขี้นมาบ้าง
“งั้นให้ข้าได้เป็นเพื่อนเจ้าละกันนะ ข้าเองก็ไร้เพื่อน”เจ้านาวีน้อยยิ้ม อลันที่เห็นก็ไม่ได้ขัดอะไรอย่างไงซะเขาก็ควรทำความรู้จักกับคนอื่นๆบ้าง ไม่งั้นคงไม่มีเพื่อนคุยแน่
“ข้าโตโนวารี เจ้ามีชื่อว่าอะไรเหรอ”ดวงตาของอลันเบิกโพรงเมื่อได้ยินชื่อของเจ้านาวีน้อย'โตโนวารี!หัวหน้าเผ่าเม็ตคายีน่าน่ะหรอ! เห้ย!!' สีหน้าของอลันค่อนข้างแปลกใจ เพราะไอเด็กนาวีตรงหน้าในอนาคตคือหัวหน้าของเผ่าเม็ตคายีน่า
โตโนวารีเอียงคอเล็กน้อยพร้อมมองอลัน“มีอะไรรึโทคูล'โตโนวารีน้อยยิ้ม อลันส่ายหัวเบาๆพร้อมส่งเสียงคำรามในคอคล้ายการสื่อสาร“ข้าอลัน ยินดีที่ได้พบโตโนวารี”มันน่าแปลกที่เจ้าเด็กหนุ่มนาวีน้อยฟังออกโดยปกติแล้วถ้าหากยังไม่มีการซาเฮย์ลูกันระหว่างโทคูนและชาวนาวีหรือไม่ได้เป็นคู่ที่เอวาประสงค์ให้ได้เป็นพี่ร้องรวมจิตวิญญาณ มันจะไม่มีทางรับรู้หรือได้ยินเสียงของโทคูน
นั้นก็แสดงว่าโตโนวารีและอลันคงถูกพระแม่ผู้ยิ่งใหญ่ประสงค์ให้เป็นพี่น้องรวมสาบานกันแน่....
ตอนที่ 2 จนกว่าจะพบกัน
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกันพอสมควรโตโนวารีจึงได้เล่าเรื่องส่วนตัวให้อลันฟัง 'อลันเจ้ารู้ไหมข้าน่ะเป็นลูกของหัวหน้าเผ่าเม็ตคายีน่า มักจะถูกกดดันจากผู้เป็นบิดา ด้วยภาระที่ต้องปกป้องคนทั้งเผ่า'โตโนวารีพูด อลันเพียงฟังเงียบๆให้อีกฝ่ายระบายความในใจ'ข้าอายุแค่ 10 ปีแต่กลับเก่งสุดในเผ่า มีความสามารถโดดเด่นกว่าผู้อื่น...เห้อ...แต่ความเก่งและความสามารถนั้นแลกมากับการไร้เพื่อน'สีหน้าแห่งความเศร้าปรากฏบนใบหน้าอลันเกิดเห็นใจอีกฝ่ายเพราะมันคับคล้ายคับคาเหมือนกับเขาในวัยเด็กชัดๆ
“เจ้าอย่าไปใส่ใจมันเลย พวกมันแค่อิจฉาที่เจ้าเก่งและโดดเด่นกว่า พวกแบบนั้นมันไม่น่าคบด้วยหรอก”อลันพูดปลอบ โตโนวารีครุ่นคิดสักพักก่อนจะพูดต่อ “แต่ข้าอยากมีเพื่อน”เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังคํ่า ต่อให้เก่งกาจเพียงใดแต่สุดท้ายก็อยากมีเพื่อนมีฝูง “งั้นข้าจะเป็นเพื่อนให้แก่เจ้า”อลันพูด ยังไงซะเขาก็เป็นโทคูนที่ไม่ฝูงไม่สิไม่มีใครเลยต่างหาก
โตโนวารีที่ได้ยินก็คลี่ยิ้มก่อนจะใช้แขนเล็กกอดหลังของอลัน“ขอบคุณนะอลัน!”รอยยิ้มราวกับแสงตะวันฉายมันช่างงดงามจริงๆ
[ 5 ปีต่อมา]
พึ่บบ พึ่บบบ เสียงคลื่นนํ้าซัดเข้าสู่ชายฝั่ง นาวีสีฟ้าแกรมเขียวในวัยหนุ่มในมือกำหอกแหลมไว้แน่น ก่อนจะกระโดดลงไปสู่ในพื้นนํ้า
ซ่าา ซ่าาา เสียงนํ้าดังขึ้นเมื่อนาวีหนุ่มกระโจนลงนํ้า ก่อนจะดันตัวขึ้นมาสู่พื้นผิวด้านบน นาวีหนุ่มว่ายนํ้าลัดเลาะไปตามโขดหินจนมาพบกับมหาสมุทรแสนกว้างใหญ่หลังเกาะ
“พี่ข้า! ข้ามาแล้วท่านพี่!”เสียงของนาวีหนุ่มตะโกนขึ้นเพื่อเรียกพี่ชายรวมจิตวิญญาญ ไม่ทันให้ต้องรอเสียเวลาพี่น้องร่วมจิตวิญญาญก็ได้โผล่ขึ้นมาจากใต้ผิวนํ้า โทคูนขนาดใหญ่ในวัยหนุ่มจ้องมองน้องร่วมจิตวิญญาญ อลัน เติมโตเป็นโทคูนหนุ่ม และนาวีตนนั้นคือ โตโนวารี
“ใจเย็นๆโตโนวารี รีบร้อนเช่นนี้มีเรื่องอะไรรึ”อลันมองท่าทางรีบร้อนของนาวีหนุ่มที่ปีนขึ้นมาบนหลังเขา“ไม่มีอะไรหรอก! ข้าแค่คิดถึงท่าน”เขาพูดพร้อมกอดแผ่นหลังของผู้เป็นพี่ร่วมจิตวิญญาญ
เจ้าโทคูนอลันนิ่งไปสักพักกับคำพูดของผู้เป็นน้อง'คิดถึง? คิดถึงงั้นหรอ...เห้อ..'อลันถอนหายใจด้วยการพ่นนํ้าออกมา “ท่านพี่วันพรุ่งนี้ที่เผ่าข้าจะได้ขึ้นรับตำแหน่งเป็นหัวหน้าเผ่า”เจ้านาวีหนุ่มพูด“แล้วมันมีอะไรน่าตื่นเต้นนักละถึงรีบร้อนมาหาข้า”อลันดูเหมือนจะเดาออก
“ก็...ในพิธีข้าจะมีการหมั้นหมายกับโรนัล”อลันราวกับหยุดหายใจเซลล์ประสานทั้งหมดหยุดนิ่ง โรนัล นางผู้เป็นคล้ายคนที่โตโนวารีแอบชอบมานานนับแรมปี บัดนี้จะได้ครองคู่หมั้นกันซะแล้ว “ยินดีด้วยละ”คำโกหกออกมาจากปากของอลัน เขาไม่ได้ยินดีสักนิด ในตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา อลันหลงรักเจ้าคนน้องมาโดยตลอดแต่ดูเหมือนคนน้องจะโง่เขลาเกินจะรับรู้ความรู้สึกของคนพี่
“พรุ่งนี้ท่านจะมาได้ไหม ข้าอยากจะให้ท่านเห็นวินาทีที่ข้าได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าโอโลเอทานแห่งเม็ตคายีน่าและเป็นคู่หมั้นหมายกับโรนัล”ราวกับมีดนับพันทิ่มแทงกลางใจ อลันราวกับร้องไห้ในมหาสมุทร นํ้าตาไหลออกมาลอยทั่วนํ้าสีฟ้าใส คนน้องเชิญชวนด้วยตนเองขนาดนี้มันไม่ผิดหรอกที่จะเจ็บ“ได้ข้าจะไปยังไงซะมันก็เป็นวันที่ดีในชีวิตเจ้า”โกหก อลันกัดฟันพูดนํ้าเสียงสั่นคลอนของเขากำลังร้องไห้ แต่เจ้าเด็กโง่โตโนวารีกลับไม่รู้เลยสักนิด 'ให้ตายเถอะเจ็บชมัด'
ยิ่งพูดยิ่งคิดยิ่งเจ็บ
วันรุ่งขึ้นได้มาถึง พิธีการมอบตำแหน่งโอโลเอทานคนต่อไปของเผ่าขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เสียงเชียร์ดังขึ้นรอบทั่วเกาะ ชาวเผ่าเม็ตคายีน่าต่างดีใจต้อนรับผู้นำคนใหม่ โตโนวารี คลี่ยิ้มแห่งความสุขในที่สุดวันที่เขาจะขึ้นเป็นหัวหน้าก็มาถึงความเพียรพยายามทั้งหมดที่ทำมาไม่เคยศูนย์เปล่า
อลัน มองคนน้องจากที่ไกลๆ รอยยิ้มนั้นทำให้อลันอยากจะเห็นมันเพียงคนเดียวจริงๆ
เมื่อพิธีการมอบตำแหน่งจบลง ก็ถึงเวลาแห่งการหมั้นหมาย โตโนวารีได้ถูกหมั้นหมายกับโรนัล เสียงโห่ร้องยินดีดังไปทั่วเผ่า ทุกคนต่างมีความสุขในวันดีเช่นนี้
งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นเพื่อต้อนรับโอโลเอทานคนใหม่และว่าที่ซาฮิก เสียงกลองและเสียงเพลงดังขึ้น ชาวเผ่าต่างออกมาเต้นระบำที่ชายหาด กลิ่นของอาหารรสเลิศลอยไปทั่วเกาะ สุราถูกยกกระดกดื่มอย่างเชิดชู
โตโนวารี มีความสุขเป็นอย่างมากราวกับวันนี้เอวาประทานพร ในขณะที่เขากำลังดื่มด่ำกับสุรามึนเมา โรนัล ว่าที่ซาฮิกและคู่หมั้นหมายของโอโลเอทานหนุ่มเดินเข้ามาก่อนจะเชิญชวนผู้เป็นว่าที่สวามีออกมาเต้นรำท่ามกลางเสียงเชียร์
นักรบหนุ่มไม่ปฏิเสธเขาจับมือนางพากันออกไปเต้นระบำท่ามกลางแสงไฟท่ามกลางเม็ดทรายท่ามกลางเสียงของคนในเผ่า
คํ่าคืนนี้ช่างสนุกเสียจริง
แต่ในคํ่าคืนนี้มีใครคนหนึ่งที่ไม่สนุกกับมันเอาเสียเลย โทคูนอลันว่ายนํ้าหน้าเศร้าวนไปวนมาเกือบชั่วโมง น้องร่วมจิตวิญญาณญาณีคนแอบรักแอบชอบมานานแรมปี กลับไปมีคู่หมั้นหมายที่สาวอึ๋ม มันช่างน่าสังเวชจริงๆ อลันเหมือนกับคนอกหักแต่ตอนนี้เขาเป็นปลาก็คงต้องเป็น ปลาอกหัก แล้วละมั้ง
เสียงนํ้าทะเลรอบตัวดังขึ้นอย่างเบาหู อลันนอนหงายท้อง ถ้าตรอมใจได้คงทำไปแล้ว 'กูรักของกูเป็นปีๆ ฮืออออออ” เจ้าโทคูนอลันตัดพ้อ พลางใช้เวลาในยามคํ่าคืนที่มีเพียงแสงจากดวงจันทราครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ
จนผลสรุปก็ได้คำตอบที่แสนจะทำวจได้ยากเขาต้องการหนีไปจากที่แห่งนี้แค่อยู่ดูคนที่รักหมั้นหมายมันก็เจ็บปวดพอแล้ว ถ้าให้อยู่ดูยันเขาแต่งงานมีบุตรก็คงขาดใจตายจริงๆ เพราะฉะนั้นทางออกสำหรับอลันไม่ให้ดวงใจเล็กๆต้องเจ็บอีก
'เอาวะโตโนวารีข้าขอโทษเจ้าด้วยที่ต้องทำแบบนี้ แต่หากข้ายังอยู่ข้าก็คงเจ็บปวดกว่าเดิม'
ณ เผ่าเม็ตคายีน่า ทุกคนในเผ่าต่างเมามึนในฤทธิ์สุรา โตโนวารีเองก็ดื่มไปพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงขั้นจะมานอนวูบบนพื้น โอโลเอทานหนุ่มค่อยๆพาสังขารตัวเองกลับไปที่มารุยที่ๆโรนัลได้กลับไปก่อนแล้ว ในขณะที่กำลังจะเดินออกไปจากหาด พี่ชายรวมจิตวิญญาณก็ได้ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน
“โตโนวารี”เสียงเรียกทำให้โตโนวารีสางเมาทันที เขาหันไปตามเสียงก็พบกับพี่ชายรวมจิตวิญญาณ“ท่านพี่!”โอโลเอทานหนุ่มรีบวิ่งไปหาอลันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฤทธิ์ของสุราหมดไปเสียแล้ว
“ท่านพี่ข้าได้เป็นโอโลเอทานแล้ว! ดูสิๆ! แถมได้หมั้นกับโรนัลแล้วด้วย”โอโลเอทานหนุ่มพูดโอ้อวดด้วยความสุขแต่หารู้ไม่ว่าพี่ชายขอบเขากำลังทุกข์ใจ
“ใช่..ข้าเห็นแล้ว”รอยยิ้มบางๆของโทคูนอลันปรากฏขึ้น โตโนวารีรู้สึกถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีนักจึงถามอลัน“ท่านพี่..ท่านมีอะไรงั้นหรือ..”อลันเงียบไปสักพักมองดูท่าทางของเจ้านาวีหนุ่มที่ตอนนี้กลายเป็นโอโลเอทานเต็มตัว
“โตโนวารี ข้ากำลัง..จะย้ายถิ่นไปอยู่ที่อื่น”คำพูดของอลันทำเอาโอโลเอทานหนุ่มนิ่งอึ้ง“ท่านพี่ว่าไงนะ”สีหน้าตกใจเผยออกมาอย่างชัดเจน “ข้าจะไปจากที่นี้”
“ทำไม”โอโลเอทานหนุ่มถามสีหน้าของเขาเริ่มออกอาการจะร้องไห้“โตโนวารีเจ้าเติบโตจนได้เป็นโอโลเอทานแล้ว เด็กน้อยคนนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญแข็งแกร่ง”อลันพยายามจะสื่อให้โตโนวารีรู้ว่า เขาหมดหน้าที่ของพี่เลี้ยงแล้ว
“เราเป็นพี่ชายรวมจิตวิญญาญนะท่านพี่”โตโนวารีพยายามพูดแต่อลันก็คิดคำตอบไว้แล้ว“โตโนวารีเรายังไม่ได้ซาเฮย์ลูกัน เจ้ากับข้าเป็นเพียงคนรู้จัก”เป็นดั่งคำพูดแทงใจ โตโนวารีนิ่งอึ้งเขาไม่รู้ว่าอะไรทำให่อลันคิดแบบนั้น ลมหายใจติดขัดของโตโน่วารีดังชัดเจนจนอลันรู้สึกได้
“ข้าขอโทษด้วยโตโนวารี แต่ข้าต้องไปแล้ว”อลันพูดพร้อมกำลังจะจากไป แต่โตโนวารีก็ยื้อเขาไว้
“ท่านพี่ได้โปรดอย่าจากข้าไป”เสียงสะอืนของโอโลเอทานหนุ่มดังขึ้น อลันแทบอยากจะหันไปปลอบผู้เป็นน้องแต่เขาทำไม่ได้ด้วยคติที่ว่า เมื่อเลือกจะทำแล้วก็ห้ามหันหลังกลับ
“ข้าขอโทษด้วยโตโนวารีไว้หากเอวาประสงค์ให้เรากลัลมาพบกันอีก ข้าจะไม่ไปจากเจ้า”สิ้นคำพูดสุดท้ายร่างของอลันก็ค่อยๆดำดิ่งสู่มหาสมุทรก่อนจะว่ายจากเผ่าเม็ตคายีน่าทิ้งไว้เพียงคำพูดที่แสนเจ็บปวด
โตโนวารีทำได้เพียงยืนมองผู้เป็นพี่ชายจากไปอย่างช้าๆและอาจไม่หวนคืนกลับมา“ข้าจะรอวันที่เรากลับมาพบกัน ท่านพี่”
ตอนที่ 3 ป่าฝน
ผ่านมานานหลายวัน โทคูนอลันก็เร่ร่อนไปทั่วพื้นนํ้ามหาสมุทรอย่างไร้จุดหมาย เขาต้องการที่อยู่ไม่ต้องเป็นหลักแหล่งขอแค่พักอยู่ได้ชั่วคราวแล้วค่อยอพยพไปที่อื่น และดูเหมือนเอวาจะประทานที่พักให้ อลันพบกับชายหาดสวยที่ติดกับป่าและดูเหมือนจะไม่มีใครอาศัยอยู่ ในใต้นํ้าแถวนั้นก็มีปลาอุดมสมบูรณ์ไหนจะแหล่งปะการัง ในฐานะโทคูนตัวบักใหญ่แล้วขอบอกเลยว่านี้คือของขวัญจากฟ้าชัดๆ
อลันตัดใจอาศัยอยู่ที่นี้เจ้าโทคูนว่ายออกไปสำรวจบริเวณรอบๆให้แน่ใจก่อนว่าจะปลอดภัย เมื่อออกสำรวจบริเวณรอบจนหมดก็พบว่าที่นี่คือป่าฝน แถวเขตเผ่าโอมาติกายาหรือเผ่าขลุ่ยสีฟ้า
'ถ้าพักอยู่ที่นี้ก็คงไม่เป็นอะไรแล้วละอยู่ใกล้เผ่าโอมาติกายา แบบนี้จะมีโอกาสเจอเจค ซัลลี่ในอนาคตไหมนะ'อลันคิดในใจก่อนจะเริ่มหาที่นอนพักใต้นํ้า
เมื่อได้ที่ๆเหมาะสมเป็นเหมือนเตียงนอน อลันก็ค่อยๆขบตาลงก่อนจะหลับใหล แต่ดูเหมือนเอวาจะทรงไม่ปลื้มนักหาเจ้าโทคํนตนนี้ไม่ประสบพบเจอเรื่องเลวร้ายเสียก่อน
เปรี้ยง!! สายฟ้าจากท้องนภาตกลงกระทบกับร่างของโทคูลอลันจนส่งเสียงกึกก้องดังไปทั่วพื้นนํ้าพื้นดินและพื้นฟ้า “อร้ากกก!” ไม่มีโอกาสที่อลันจะรู้ตัวสายฟ้าก็ได้ฟาดใส่เขาจนสลบไป
ไม่มีสัญญาณเตือนด้วยหามฝน ไม่มีเสียงฟ้าร้องระงมมีเพียงสายฟ้าฟาดลงมาโดยตรง เอวาช่างประสงค์ร้ายต่ออลันจริงๆ
“เห้ย!เชี้ยไรเนี่ย!!”นาวีร่างฟ้าตื่นตระหนกก่อนจะพบว่าตนนอนอยู่บนพื้นทรายขาวนวล นี้มันเรื่องบ้าอะไรกัน อลัน ในร่างนาวีสีฟ้าที่คล้ายกับเผ่าโอมาติกายาตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าตนไม่ใช่โทคูน
“นี้มันเรื่องเชี้ยไรวะ!มีมือมีตีนเฉยเลย!!”อลันรีบเดินไปมองหน้าตัวเองในเงาสะท้อนของสายนํ้า ก่อนจะพบกับนาวีรูปหล่อแต่ไม่รวย ร่างกายกำยำมีนิ้วเท้านิ้วมือห้านิ้วเหมือนร่างอวตาร แต่แปลกตรงลายบนตัวที่คล้ายๆไปทางโทคูนและยังมีรอยฟ้าผ่าคล้ายเส้นเลือดไปครึ่งตัวอีก
“หล่อชิบหายเลยนี้ฉันหรอวะ”อลันยอมรับเลยว่าร่างนาวีนี้มันหล่อจนเทพบุตรเรียกพ่อ อลันสำรวจร่างกายของตัวเองพร้อมครุ่นคิดว่าทำไมตนถึงมาอยู่ในร่างนาวีได้
นั่งครุ่นคิดไปสักพักก็ำด้คำตอบจากการตั้งสมมุติฐาน “หรือบางทีตอนนี้คือความฝัน”เป็นความคิดที่ไม่เหมือนนักวิจัยหัวกะทิเลยสักนิด งี่เง่าสิ้นดี
อลันนั่งหาข้อเท็จจริงใหม่อีกครั้ง หัวคิดหางแกว่ง จนพอได้คำตอบที่ค่อนข้างจะดีกว่าตอนแรก“หรือเพราะสายฟ้ากันวะ...”อลันคิดอย่างน้อยๆมันคงมีความเป็นไปได้มากกว่าความคิดแรก
“แล้วสายฟ้ามันผ่าลงมาได้ไงวะ...”อลันคิด สมองเขาโล่งโปร่งไปหมดให้ตายเถอะ ขึ้นชื่อว่าเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยกลางทะเลระดับหน่วยสืบราชการลับของโลกยังไม่รู้ว่ามีอยู่เชียวนะ เรื่องแค่นี้ก็คิดไม่ได้
อลันคิดไปคิดมาก็หมดหนทางจึงยอมรับการใช้ชีวิตในร่างนาวี อย่างน้อยก็คงจะดีกว่าโทคูนที่อยู่ได้แต่ในนํ้าละนะ
ภารกิจแรกของนาซีอลันคือการหาเสื้อผ้ามาสวมใส่เสียก่อนเพราะตอนนี้เขาไม่มีอาภรณ์สวมใส่สักชิ้น ทำให้เจ้าลำล่องต้องห้อยโตงเตงไปมาอย่าน่าอาย
อลันหาสิ่งที่จะมาปิดเจ้าน้องชายไปได้สักพักก็พบกับสิ่งที่ไม่คิดว่าจะมีอยู่ “เห้ย!มีในป่าได้ไงวะ?”อลันเอื้อมมือไปคว้าสิ่งนั้น เสื้อของทหารที่เปื้อนเลือด อลันมองดูมันสักพักก่อนจะพบว่ามันพอดีกับตัวเขา อลันสวมใส่เสื้อของทหารที่เปื้อนเลือดก่อนจะคิด'ทำไมมันมีเสื้อทหารอยู่ที่นี้ได้ แถมเปื้อนเลือดอีก...คนจากฟ้างั้นเหรอ..งั้นแสดงว่าใกล้ๆแถวนี้คงเป็นพื้นที่ของเผ่าโอมาติกายา'อลันไม่รอช้ารีบหาอาวุธจากกองซากศพคนจากฟ้าที่นอนตายเรียงรายกันอยู่
เจ้าพวกนี้คงหลงป่าแล้วมาเจอกับสัตว์ในป่าเข้า เหอะสมนํ้าหน้าพวกสเก๊าว์
อลันที่หามีดสั้นได้ก็กำมันไว้แน่นก่อนจะเริ่มมุ่งหน้าไปตามทางด้วยสัญชาตญาณความเป็นนาวี ลัดเลาะป่าข้ามลำธารหลีกหนีสัตว์ อลันทำทั้งเพื่อเอาตัวรอด จนกระทั่งอลันเข้ามาสู่เขตป่าของเผ่าโอมาติกายาเสียแล้ว
เสียงผืนป่าร้องดังระงมเมื่อมีผู้มาเยือนใหม่ สัตว์ในป่าต่างจ้องมองอลันราวกับสงสัย อลันไม่ได้ใส่ใจพวกมันมากนักหากมันไม่เข้ามาทำร้ายเขา เขาก็ไม่ทำร้ายมัน ต่างคนต่างอยู่
อลันเดินไปเรื่อยๆก็พบกับเสียงประหลาดดังมาจากหลังพุ่มไม้ ก่อนจะมีเสียงเหยียบยํ่าพื้นหญ้าราวสัตว์ป่า แต่ในฐานะคนที่เคยมีประสบการณ์การสะกดรอยอย่างอลันก็เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์ป่าแน่นอน
“อ่า..ข้ามาดีไม่ได้มาทำร้ายผู้ใด! ข้าเป็นนาวีที่เผ่าถูกคนจากฟ้าทำลาย ข้าเหลือเพียงตัวคนเดียวและเร่ร่อนจนมาที่นี่ ท่าน..อย่าทำร้ายเราเลย”อลันงัดวิธีการโกหกทุกรูปแบบเพื่อให้ตัวเองรอด และดูเหมือนคนที่หลบหลังต้นไม้ใหญ่ในตอนนี้จะยอมฟัง ก่อนจะก้าวเท้าออกมาหาเขา
“เจ้าสวมเสื้อคนจากฟ้า”นาวีหญิงตนนั้นพูด อลันถึงกับหายใจไม่ทั่วท้องก่อนจะหาคำแก้ตัวได้“ข้าเพียงหามาเพื่อปกปิดร่างกายที่เป็นบาดแผล”อลันถอดเสื้อออกเผยให้เห็นบาดแผลที่โดนฟ้าผ่า นาวีหญิงมีสีหน้าประหลาดใจอยู่มาก
“เจ้าช่างประหลาด”นางพูด“ข้ารู้”อลันตอบ
“ตามข้ามาเจ้าสเก๊าว์”นาวีหญิงพูดพร้อมกระชากแขนของอลันและวิ่งเข้าไปในป่า “โว้ๆ!ใจเย็นก่อนแม่เสือสาว!” “เนย์ทีรี”นางพูดตอบทันทีเมื่ออลันเรียกเธอว่าเสือสาว
“อ่าๆเข้าใจแล้วๆ เนย์ทีรี-” 'ห้ะ'อลันหยุดชะงักความคิด
เนย์ทีรี..นางเอกเมียเจค ซัลลี่ โอ้พระเจ้าเขาเจอลูกสาวหัวหน้าเผ่าที่เป็นเมียโทรุกมัคโตในอนาคต เอวาช่างประทานความโชคดีที่เขาพบนางจริงๆ
ผ่านไปไม่กี่ก้าวเนย์ทีรีพาอลันมาถึงยังต้นไม้ยักษ์ที่อาศัยของเผ่าโอมาติกายา ที่เรียกมันว่า โฮมทรี เนย์ทีรีพาอลันเข้ามายังด้านในโฮมทรี
ด้านใน ชาวโอมาติกายาต่างอยู่กันพร้อหน้าพร้อมตา “เนย์ทีรีเจ้าพาใครมา”เอทูคาน โอโลเอทานแห่งเผ่าโอมาติกายา ผู้เป็นบิดาของเนย์ทีรี
“ข้าไปพบเขาในป่า หมู่บ้านของเขาถูกทำลายโดยพวกคนจากฟ้า”นางตอบผู้เป็นพ่อ เอทูคานมอวไปยังอลันก่อนจะแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เขาเป็นคนจากฟ้าสวมชุดก็ของคนจากฟ้า”
“ท่านโอโลเอทาน ข้าเพียงนำเสื้อจากศพพวกมันมาสวมใส่เพื่อปกปิดบาดแผลของข้า”อลันตอบพร้อมถอดเสื้อออกเผยให้เห็นบาดแผลสายฟ้าอีกครั้ง ชาวนาวีทุกตนที่เห็นก็ต่างมึนงงและแตกตื่น
“เอวาได้ประทานชีวิตใหม่ให้ข้า..ข้าเกือบตายแล้วคราหนึ่ง มันคือประสงค์ของเอวาที่ทำให้ข้าได้มาที่นี้ ได้โปรดท่านโอโลเอทาน ให้ข้าได้อยู่ที่นี้”อลันพูดพร้อมมองใบหน้าของเอทูคาน
เอทูคานครุ่นคิดสักพักก่อนจะมองอลัน“นามของเจ้า” “อิกซูเต อลัน”อลันตั้งชื่อใหม่ให้กับตนเอง
“ข้าเห็นเจ้าอลัน ยินดีต้อนรับสู่เผ่า”ในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็ยอมรับเขา
“ข้าเห็นท่าน เอทูคานโอโลเอทานผู้ยิ่งใหญ่”อลันพูดพร้อมเคารพผู้เป็นหัวหน้าเผ่า
...ต่อจากนี้อิกซูเต อลัน จะต้องใช้ชีวิตแบบชาวนาวี...
...กินแบบนาวี อยู่แบบนาวี คิดแบบนาวี...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!