ในคราวที่บ้านเมืองติดพันภาระสงครามมาอย่างยาวนานฮ่องเต้องค์ปัจจุบันล่มป่วย ประสกนิกร และ ข้าหลวงในพระราชสำนักต่างท้อแท้เต็มที แต่ในเวลาต่อมาก็สงครามก็ได้ยุติลงหลังจากนั้นพระมเหสีทรงประสูติพระราชโอรสเป็นองค์ชายรัชทายาทอันดับที่หนึ่ง หลังจากพระมเหสีมีพระราชโอรส ผ่านไปเป็นเวลา7ปีฮ่องเต้ทรงสวรรค์คต

พระมเหสีทรงขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทรงสถาปนาองค์ชายรัชทายาท ขึ้นครองราชย์ปกครองแผ่นดินในวัยเพียง8ปี พระองค์ทรงมีแววในการเป็นผู้นำตั้งแต่เยาว์วัย เรียนรู้ตำราปราชญ์ พิชัยสงคราม พงศาวดาร วรรณกรรมงานเขียน เกษตร โยธา

รวมไปถึงศาสตร์ การพยากรณ์ และการแพทยศาสตร์อีกด้วย ในเวลาต่อมาพระองค์ทรงมีพระชนมายุ21ปี ถูกขนานนามจากประชาชนว่าเป็นฮ่องเต้ที่เฉลียวฉลาดที่สุดบนผืนแผ่นดิน

   เรื่องราวต่างๆเป็นไปได้ด้วยดีมาโดยตลอดการปกครองแผ่นดินของพระองค์ แต่แล้วเรื่องราวกับไม่เป็นเช่นนั้นตลอดไป

ทหารข่าวจากเมืองจีมยอน ควบม้าเข้าเมืองหลวงพร้อมชูธงแดง(ธงแดงหมายถึงเหตุด่วนที่สุด เช่นข้าศึกบุก หรือเจ้าเมืองเสียชีวิต) มุ่งหน้าเข้าไปยังวังหลวง

และมุ่งไปยังท้องพระโรง ทหารส่งสารกล่าว "รายงาน ข่าวด่วนจากเมืองจีนมยอน ตอนนี้ที่จีมยอนเกิดโรคระบาดขึ้น ผู้คนที่ติดโรคมีอาการคลุ้มคลั่ง ไล่กัดกันเอง ส่วนผู้คนที่โดนกัดนั้นก็จะติดเชื้อแล้วไล่กัดผู้อื่นไปทั่ว"

ขุนนางกรมพิธีการ บอนยงกรู พูดแทรกขึ้นมา "เหลวไหลน่า จะมีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร

กล้ากล่าวความเท็จต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทเจ้ารู้ความผิดหรือไม่ว่ามีโทษสถานใด"

ฮ่องเต้ "ท....ที่เจ้าพูดมา เป็นเรื่องจริงหรือ"

ทหารส่งข่าว "จริงทุกประการขอรับฝ่าบาท"พร้อมกับยื่นตาประทับของเจ้าเมืองมยองจินให้ดู"

ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางราชสำนักตัดสินใจ ส่งกองกำลังไปปราบอยู่หลายครั้งแต่กองกำลังที่มั่งหน้าเข้าเขตมยองจินต่างไม่มีชีวิตรอดกลับมาและกลายเป็นพวกติดเชื้อไปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฮ่องเต้ทรงกังวลหนักมากจนล้มป่วย อยู่นาน การติดเชื้อเเพร่กระจายอย่างรวดเร็ว จากจีมยอนไปถึง ซูริม ด่านทางตอนใต้ของประเทศตกอยู่ใสสภาวะอัมพาตอย่างยาวนาน ราชสำนักจึงตัดสินใจปิดประตูเมืองด่านใต้และสร้างกำแพงล้อมเขตแดนไว้ เขตแดนหลังกำแพงภายหลังถูกเรียกว่าดินแดนคนตาย พร้อมทั้งมีการอารักขากำแพงอย่างแน่นหนาคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้าปิดตายประตูทุกบาน

20ปีต่อมาหอคอยพยากรณ์ ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งท้องฟ้าให้การคุ้มครองชาวบ้านและเหล่าขุนนาง แต่แล้วฮ่องเต้ก็ได้สวรรคตไปในวันที่หอคอยสร้างเสร็จ วันนั้นดาวกษัตริย์เผยขึ้นบนท้องฟ้ากลางวันดุจกลางคืนน้ำดุจโลหิต สัตว์ที่เลี้ยงไว้ต่างล้มตาย ท้องฟ้าประกายแสงสีทองทั่วแผ่นดินโชซอล ผู้คนส่วนหนึ่งสลบไป และมีเด็กทารกเกิดขึ้นมาพร้อมกับหอพยากรณ์

หลังจากเหตุการในครั้งนั้นกำเนิดพลังงานฟ้าดิน ผู้คนมีพลังเวทย์ มีพละกำลังแข่งแกร่ง หลังจากนั้นได้ไม่นานราชสำนักทรงเเต่งตั้งฮ่องเต้องใหม่ซึ่งสะเทือนทั้งแผ่นดิน เพราะฮ่องเต้องค์นี้เป็นผู้ที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ทรงเป็นลูกลับๆที่ถูกส่งไปส่งไปฝึ่กฝนบนเขากับอาริยปราชหลายท่าน และถูกฝึกฝนวิชาการต่อสู้ทุกแขนง

เหตุการณ์ท้องฟ้าสีทองประตูสรรค์เปิดถูกชาวบ้านเล่าปากต่อปากว่าเป็นเพราะเทพแห่งท้องนภาลงโทษบ้าง ประตูสวรรค์เปิดมารับวิญญาณฮ่องเต้บ้าง แต่ความจริงไม่มีผู้ใดอาจร่วงรู้ได้ และเหตุการณ์นั้นไม่เพียงทำให้มนุษย์แข็งแกร่งขึ้นแต่ยังทำให้ผู้ติดเชื้อกลายพันธ์ุ ในดินแดนหลังกำแพงเต็มไปด้วยภูตผีวิญญาณร้าย และเหล่าสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์รวมถึงพวกติดเชื้อที่ดูดทรัพพลังฟ้าดินเข้าไปในตัวปริมาณมากทำให้มีสติปัญญา และเวทย์มนต์ แบ่งเป็นหลายขั้นได้แก่

ขั้น1 น้ำค้าง หมายถึง พวกธรรมดาที่ไม่มีพลังเวทย์ ไม่มีสติปัญญา

ขั้น2 ม่านหมอก หมายถึง พวกที่พอมีสติปัญญามีอาวุธใช้อาวุธเป็น

ขั้น3 สายธาร หมายถึง พวกที่มีพลังเวทย์ มีสติปัญญา

ขั้น4 พิรุณ หมายถึงปีศาจ พวกกลายพันธุ์ พวกระดับสูง ที่มีความคิดและสติปัญญาระดับสูง มีเวทย์มนต์ รวมถึงขึ้นจอมทัพปีศาจ

และยังมีเหล่าปีศาจที่ยังไม่ถูกระบุขั้นอีกมากมายและการที่มีปีศาจหรือสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น อาวุธวิเศษ สมบัติมากมาย ต่างเกิดขึ้นตามมา

1ในนั้นที่หาง่ายคือมุกวิญณาน ที่ดรอปจากการฆ่าพวกผู้ติดเชื้อและปีศาจภูตผี ยิ่งระดับสูงพลังฟ้าดินในมุกยิ่งมีมากมหาศาลขึ้น มุกเหล่านั้นเป็นที่ต้องการของตลาดเพราะสามารถนำไปกลั่นเป็นพลังฟ้าดินบริสุทธิ์ ใช้เพิ่มขั้นของเหล่ามนุษย์ได้

ฝั่งเหล่ามนุษย์นั้นหลังจากได้รับรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลังกำแพงครั้งใหญ่จึงได้ก่อตั้งเป็นหลากหลายสมาคม และได้ทำการเปิดประตูล่าพวกปีศาจและนำมุกมาขาย เป็นอาชีพใหม่ ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำเกิดสำนัก สมาคม ขึ้นมากมาย

มนุษย์นั้นแบ่งขั้นออกได้ดังนี้

ขั้น1 พื้นดิน รวบรวมพลังฟ้าดิน มาใช้ในการต่อสู้ใด้

ขั้น2 สายน้ำ ใช้พลังพื้นดินควบคุมการไหลของกระแสพลัง เปลี่ยนรูปร่างของกระพลัง

ขั้น3 เมฆา ใช้พลังเวทย์ควบคุมอาวุธได้ มีพลังเฉพาะตัว และมีพละกำลังมากขึ้น

ขั้น4 สุริยัน ร่ายเวทย์ออกจากร่างกายได้ สร้างเวทย์เป็นรูปร่างต่างๆ

ขั้น5 จันทรา เคลื่อนที่บนอากาศได้

ขั้น6 ดาวตก เป็นระดับขั้นของปรมจารย์ ที่บนโลกนี้มีเพียง5คนเท่านั้นที่บรรลุขั้นนี้