...แค้นนี้ฝากท่านชำระด้วย...
...ติ่ง~...
...ติ่ง~...
"ล....เลือด!! ฉะ..ฉันกำลังจะตาย " สาวน้อยผู้น่าสงสารลืมตาตื่นขึ้นกับภาพตรงหน้าที่มีคราบเลือดเกลอะเกลื้อนอยู่ทั่วตามร่างกาย เธอดูอิดโรยและเหมือนคนใกล้จะตายอยู่รอมร่อแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังมีแรงฮึดที่จะลืมตามองดูโลกโสมมแห่งนี้ก่อนจะได้รู้ว่า..........
"พะ...พวกท่าน"
"พวกท่านล้วนหลอกลวงข้า พวกท่านมันน่ารังเกียจยิ่งกว่าข้าด้วยซ้ำ"
"ใครน่ารังเกียจ เจ้าพูดใหม่สิ!!!"
เสียงหญิงสาวพูดคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดหวาดระแวงและชิงชังอยู่ในน้ำเสียง เธอนั่งกอดร่างหญิงชราที่ตอนนี้เป็นแค่ร่างไร้วิญญาณอยู่พร้อมกับน้ำตาที่เอ่อล้นจนดวงตาแดงก่ำ ก่อนจะกวาดสายตามองและตะวาดเสียงดังลั่นใส่พวกคนผู้น่ารังเกียจที่ทำให้หญิงในอ้อมกอดเธอหมดลมหายใจกำลังยืนยิ้มอย่างไม่รู้สึกผิดสักนิดที่ทำคนตาย
"ได้ ในเมื่อพวกท่านสนุกกันถึงเพียงนี้ ข้าก็จะสนองให้พวกท่านได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ไปด้วยละกัน" ว่าพลางหญิงสาวผู้น่าสงสารก็คล้ามีดเล่มเล็กใต้เท้าขึ้นมาหมายจะเอาไปแทงคนที่อยู่เบื้องหน้าแต่ก็ช้าไปนิด เพราะมีใครมิรู้ได้เดินมายังหลังของเธอก่อนจะจ้วงมีดเข้ากลางหลัง "อั๊ก"
"พะ..พวกท่าน พวกท่านมันคือสัตว์เดรัจฉาน" เธอรู้สึกชาวาปไปทั่วทั้งตัว ด้วยไม่คิดว่าฝั่งพวกน่ารังเกียจนั้นจะเล่นสกปรกกับบ่าวหลังเรือนที่วันๆทำแต่งานในจวนให้กับพวกเค้า แต่สิ่งที่มันตอบแทนกลับเป็นความตายที่ไม่สนแม้แต่ชีวิตของคนๆหนึ่ง ที่ทำงานเช็ดเรือนดูแลความเรียบร้อยในจวนทั้งนอกทั้งในจนวันๆแทบไม่มีเวลามาพบหน้ามารดาเลยสักนิด 'ถ้าข้ารู้เช่นนี้ มิสู้หอบผ้าหนีไปแต่แรกยังดีกว่า'
"เจ้ามันก็แค่บ่าว เป็นของเล่นของพวกข้าก็ถือว่ามีบุญนักแล้ว นี่ยังจะมาว่าพวกข้าว่าเป็นสัตว์เดรัจฉานอีกรึ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ" พวกคนปากเน่าพูดดูถูกดูหยามบ่าวตรงหน้าที่ตอนนี้ได้ล้มลงไปนอนกองกับพื้นเรือน บาดแผลที่ถูกทิ่มแทงข้างหลังถูกดึงมีดออกทำให้เห็นเลือดสีแดงกระฉุดปูดๆขึ้นไหลไปตามแผ่นหลัง
"ข้าสัญญา ว่าถ้าเกิดใหม่ชาติหน้าข้าจะต้องล้างแค้นพวกท่านให้จงได้ เอาให้สาสมกับความแค้นที่ข้ามีต่อพวกท่านในตอนนี้เป็นร้อยเท่าพันเท่า"
"เจ้านะรึ จะมาแก้แค้นข้า ก่อนจะเกิดใหม่ตอนนี้เจ้าเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อนเถอะ..ข้าเกรงว่าชาติหน้าจะไม่มีให้เจ้าแล้วหล่ะสิ"ว่าพลางก็ใช้เท้าเหยียบไปยังแผลสดใหม่ที่พึ่งถูกแทงก่อนหน้านี้แรงๆจนเลือดไหลเพิ่มพูนหนักกว่าเดิมหลายเท่า
ซูเซียวตะเกียดตะกายที่จะเอามีดในมือกรีดไปยังเส้นเอ็นข้อเท้าของผู้เหยียบ หมายจะทำให้พิการเดินไม่ได้ อย่างน้อยชาตินี้ข้าก็ขอให้ได้แก้แค้นก่อนจะสิ้นชีวิต
...ปั๊ก...
และ...เธอทำได้ คนผู้นั้นไม่ทันได้ตั้งตัวมัวแต่มองไปยังใบหน้าหญิงสาวใต้เท้าจนไม่ทันได้ระวัง เส้นเอ็นข้อเท้าของเค้าถูกของมีคมกรีดแทงจนชาวาปไปทั้งขา
"เจ้า!! ใกล้จะตายแล้วยังเหิมเหริมอีก"
"เป็นไง รสชาติของความเจ็บปวดไงเล่า ท่านมิชอบรือ" เธอทำหน้ายิ้มกริ่มพอใจกับผลงานตัวเองก่อนตาย เส้นเลือดที่ข้อเท้าทำให้เลือดทะลักออกมา เส้นเอ็นที่รวมเส้นกันนั้นก็ยื่นออกมากับเลือดที่กระฉูดไหลเป็นทาง ภาพนั้นหากเป็นเมื่อก่อนเธอคงยิ่วหน้าและหลบเลี่ยงที่จะมอง แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันสวยงามยิ่งนัก "ข้าไม่ชอบเลือด แต่วันนี้ยิ่งเห็นข้าก็รู้สึกหลงไหลมันยิ่งนัก"
...พรึ่บ...
"เฮือก!!! ฉะ....ฉันยังไม่ตาย ฉันยังรอด"เสียงหอบหายใจถี่กระชั้นของคนผู้หนึ่งดังขึ้นกลางป่า เธอดูเหมือนศพเน่าที่คล้ายจะไร้วิญญาณเพราะด้วยรูปร่างที่เปรอะเปรื้อนและรอยคราบเลือดทั่วทั้งตัวที่โชยกลิ่นเน่าไม่พึงประสง
ซูจินหญิงสาวที่ถูกทารุณกรรมจนเสียชีวิตเนื่องด้วยสาเหตุอะไรนั้น เธอได้ตื่นขึ้นมาถ่ามกลางป่าทึบที่มีแต่เสียงสัตว์กลางคืนร้องดังกึ่งก้องทั่วทั้งป่าไพร เธอเหลือบมองรอบๆด้วยความหวาดระแวงอย่างหนัก ก่อนจะยืนขึ้นเพื่อหลบหนีจากที่แห่งนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้เดินไปหนึ่งก้าวก็เกิดเสียงปริสนาขึ้นมา
"เจ้าจงช่วยข้า ฮึก ฮือ เจ้าต้องช่วยข้า "จู่ๆ ป่าไพรที่เงียบสงบก็มีเสียงหญิงสาวปริศนาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร้องไห้ คล้ายว่าเธอกำลังจะโกรธ แค้น เคือง ด้วยน้ำเสียงนั้นของหญิงสาวปริสนาบ่งบอกทุกอย่างว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไรและทรมานเพียงใด
"ฉัน...จะช่วยอะไรเธอได้" ถึงแม้ว่าจะกลัวสุดขีด แต่ด้วยนิสัยขี้เป็นห่วงติดอยู่ในสันดารทำให้เธอต้องกลั้นใจถามออกไป ถ้ามีอะไรที่เธอพอจะช่วยเหลือได้ เธอก็จะช่วยถึงแม้ว่าสภาพเธอจะไม่ไหวก็ตาม
"ช่วยข้าล้างแค้นพวกมัน พวกตระกูลซู ฆ่าพวกมันให้หมด"ทันไดที่ได้รับคำวิงวอนนั้น ตัวเธอก็เหมือนจะชาแปร๊บไปทั้งตัว ไม่ใช่ว่าเป็นตะคริวหรือโดนอะไรกัน แต่เพราะว่าเธอพึ่งจะผ่านความเป็นความตายมาจากพวกตระกูลซูได้นั่นเอง ถ้าจะให้กลับไปก็คงมีแต่ตายกับตาย
"ฉันก็พึ่งจะโดนพวกมันเล่นงาน เรื่องนี้คงช่วยอะไรเธอไม่ได้หรอก"
"ได้สิ มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่ช่วยข้าได้ เวลาของข้าใกล้หมดลงแล้ว แค้นนี้...ฝากท่านชำระด้วย"ว่ากล่าวจบเสียงนั้นก็เหมือนจัหายไปกลางป่าทึบนี้
ซูจินพยายามเรียก พยายามหาต้นตอที่มาของเสียง แต่ก็คว้าน้ำเหลวจนตอนนี้จวบจนใกล้รุ่งสางเธอถึงได้พึ่งรู้ตัว ว่าตัวเองผมยาว และได้สวมใส่ชุดที่ดูแปลกตาอยู่
"นี่...ทำไมผมฉันถึงยาวหล่ะ แล้วพวกเสื้อผ้าแปลกตานี้ คงไม่ใช่ว่าไอคนพวกนั้นจับฉันแต่งตัวก่อนจะโยนมาในป่าแห่งนี้หรอกนะ"
ว่าพลางตัวเธอก็รีบหาแอ่งน้ำเพื่อจะทอดมองตัวเองว่าตอนนี้เป็นยังไง แต่ติดตรงที่ว่าร่างกายของเธอบาดเจ็บอย่างหนัก โดยเฉพาะช่วงกลางหลังที่คล้ายว่าจะถูกของมีคมทิ่มแทง
ทั้งที่เธอแค่ถูกทุบตีจากลูกน้องของตระกูลซู แถมตอนที่ถูกลากออกมาเหมือนจะได้ยินคนพวกนั้นพูดกำชับว่าห้ามใช้ของมีคมทำร้ายเธอเด็ดขาด นอกจากจะให้ตบหรือทุบจนตาย แต่ทำไมแผลข้างหลังถึงได้รู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้หล่ะ "อั๊ก"
...ข้ามภพ...
"นี่ ๆ...เจ้านอนในป่าแบบนี้เดี๋ยวก็โดนพวกสัตว์ป่าคาบไปกินหรอก" เสียงหญิงสาวทุ้มๆพูดเข้ามาในโสตประสาทของซูจิน เสมือนว่านี่เธอกำลังฝันถึงพี่สาวผู้หนึ่งที่กำลังกล่าวกับเธอด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แต่ดูเหมือนว่าร่างกายคล้ายจะถูกของแหลมๆทิ่มแทงอยู่ตรงส่วนหลังเบาๆ
"ขอนอนต่ออีกสักหน่อย"
"นี่...ข้ามาเตือนเจ้านะ หากยังจะนอนต่อมีหวังได้เป็นพวกอาหารเสือแถวนี้เป็นแน่"
"เสือเหร๋อ???....เสือ!!! "ซูจินจากที่นอนสะลึมสะลือคุยกับพี่สาวในฝันอยู่เมื่อได้ยินคำว่าเสือเธอก็รีบลืมตาขึ้นด้วยความรวดเร็ว เพราะกลัวจะเป็นอาหารเสือดังคำที่พี่สาวในฝันพูด แต่เมื่อลืมขึ้น ภาพตรงหน้าก็ปรากฏเป็นร่างหญิงสาวที่...แต่งตัวประหลาด
"อะไรของเจ้าเนี่ย บาดเจ็บหรอกรือ ไหน....ขอข้าดูหน่อย"ว่าจบก็ขอดูแผลที่แผ่นหลังเพราะเห็นคราบเลือดที่ไหลลงเป็นทางตรงสู่พื้นเป็นสาย ตอนแรกก็นึกว่าเพราะตัวหญิงสาวผู้นี้มอมแมมไปเล่นซนจนเปื้อนดินโครนจึงมานอนพักอยู่ตรงนี้ ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วจะโดนทำร้ายมา
"หยุดนะ พวกคุณเป็นใคร ไอตระกูลซูส่งพวกคุณให้มากำจัดฉันหรอ"
"เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าก็แค่คนเดินผ่านไปผ่านมาและบังเอิญเดินมาพบท่านเฉยๆ ตอนนี้ท่านกำลังบาดเจ็บ ให้ข้าดูแผลท่านก่อนเถิด"พี่สาวเมื่อเห็นว่าคนตื่นตระหนกเช่นนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ดูเป็นมิตรทันที หญิงสาวผู้นี้ผ่านอะไรมานะทำไมถึงได้ตระหนกและหวาดกลัวเช่นนี้ "ฟึ๊บ"
"ทำได้ดีมากองค์ชาย"ว่าพลางก็ขยิบตาให้น้องสหายไปทีที่ชิงพับคอหญิงสาวตรงหน้าให้สลบลงเพื่อจะได้พาไปรักษา ใจจริงก็อยากจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ แต่เมื่อได้สบตาดูแล้วเหมือนจะถูกชะตาแปลกๆจึงส่งท่าทางให้น้องสหายที่ทำให้หญิงสาวตรงหน้าสลบลง
หมู่มวลเมฆขาวลอยบินว่อนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า "แต่...ทำไมตอนนี้ถึงมาอยู่ใต้เท้าฉันได้หล่ะ"ซูจินหลังจากที่สลบลงเธอได้เข้ามาอยู่ในห้วงฝัน ที่ดูเหมือนจะเป็นห้วงมิติซะมากกว่า สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยมวลเมฆล้อมรอบอยู่ใกล้ตัวเธอ ไม่นานก็มีร่างหญิงสาวปรากฏขึ้นตรงหน้า เธอคนนั้นก็คือ ซูเซียว
"คุณคือใครคะ"
"ข้าคือซูเซียว เจ้าของร่างที่เจ้าใช้อยู่"
"แล้วทำไมถึงต้องมอบร่างให้กับฉัน"
"เพราะว่าเจ้าสามารถช่วยข้าล้างแค้นพวกมันได้"นางเกริ่นด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเมื่อพูดถึงคนพวกนั้น น่ารังเกียจยิ่งนัก
"แล้วทำไมต้องเป็นฉัน"
"เพราะดวงจิตเราคือคนเดียวกัน"พูดถึงตรงนี้ จะว่าซูเซียวคือซูจินในอดีตก็เป็นได้ แต่ความจริงมันมีอะไรที่ลึกล้ำกว่านั้น เพียงแต่ว่ามันเป็นความลับของบรรพบุรุษ
"ฉันคือเธอ และเธอก็คือฉัน"
"ใช่!! "
ซูจินขบคิดรวบรวมความคิดชั่วขณะ อันที่จริงก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ตอนแรกเธอคิดว่าพวกคนตระกูลซูเป็นคนจับเธอไปแต่งตัวแล้วมาปล่อยทิ้งไว้กลางป่าด้วยคิดว่าเธอตายไปแล้ว ไม่คิดว่าแท้จริงแล้วเธอข้ามภพมาในยุคจีนโบราณเหมือนนิยายที่เธอเคยอ่านในห้องเก็บหนังสือตัวเอง 'บ้าหน่า นี่จริงเหรอเนี่ย!!'
"แล้ว..ฉันต้องทำยังไง"
"ช่วยข้าแก้แค้นพวกตระกูลซู" กลับมายังคำถาม เหมือนว่าเธอจะไปกระตุกอารมณ์โกรธของซูเซียวอีกแล้ว
"แล้วฉันจะช่วยเธอยังไง ที่นั่นคือที่ไหนฉันยังไม่รู้เลย"
"หลับตาเถิด เวลาของข้าหมดแล้ว"
ทันใดนั้นคล้ายกับว่าคำพูดของซูเซียวจะเป็นคำสั่ง ดวงตาของซูจินหลับลงทันใดถึงแม้ว่าปากยังอยากจะถามต่อ
เธอหลับลงและเริ่มมีความทรงจำของใครบางคนไหลเข้ามายังโสตประสาท จนทำให้เธอต้องร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดตรงศรีษะ ความทรงจำมากมายไม่ว่าจะยามสุขยายทุกข์ของซูเซียวถูกระลึกจดจำไว้ในเซลล์ประสาทส่วนลึกของความทรงจำจนหมด และดูเหมือนว่าความทรงจำสุดท้ายก่อนที่เธอจะสิ้นใจ มันน่าเศร้าจนตัวซูจินเองก็แค้นด้วยไม่แพ้กัน
"ไอพวกตระกูลซู ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด"
"เจ้า...ตื่นแล้วรือ ทานน้ำดับกระหายก่อนสิ"หญิงสาวก่อนหน้านี้ได้เดินเข้ามาในซุ้งและเห็นว่าซูเซียวมีอาการแปลกๆก่อนที่เธอจะลืมตาตื่นสบดคำออกมาก็รีบยื่นน้ำให้คนที่นอนอยู่บนตั่งดับกระหาย หลังจากที่หลับครึ่งค่อนวัน
หลังจากตื่นซูจินก็หยิบน้ำจากมือพี่สาวข้างหน้าเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาท แต่เมื่อได้จิบนั้นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นทันใดเหมือนน้ำนี่จะเป็นน้ำวิเศษยังไงยังงั้น ก่อนจะรีบขอบคุณพี่สาวเสียยกใหญ่เพื่อไม่ให้เสียมารยาทอีกครา
จะว่าไปตอนที่เจอกันครั้งแรกซูจินไม่ได้มองพี่สาวคนนี้เลยสักนิด จิตใจตอนนั้นมันหวาดระแวงไปหมดจนสติฟั้นเฟือน แต่พอตอนนี้ได้มาสังเกตุพี่สาวคนนี้ก็ดูไม่เลว เค้ามีรูปร่างที่สูงเป็นสตรีแต่มีความกำยำเหมือนชายชาตรี ไหนจะใบหน้าที่คมคายไร้ที่ติและสายตาดุจเหยี่ยวร้ายนั่นอีก ถ้าเป็นเหมือนในนิยายก็คงจะเป็นลูกศิษย์จากสำนักใดสำนักหนึ่งละมั้ง และคงจะเป็นตัวหลักด้วย นางเอกตัวแม่เลยนะเนี่ย
"เจ้าชื่ออะไรรือ ครั้งก่อนข้าถามเจ้าแต่เจ้าก็ตะวาดใส่พวกข้าซะขวัญเสียหมด ครั้งนี้ข้าถามดีๆ เจ้าก็จงตอบดีๆเถิด"
"ข้ามีนามว่าซูเซียวเจ้าค่ะ เป็นบ่าวจากตระกูลซู"
"บ่าวรือ แล้วทำไมถึงใช้แซ่เดียวกับนายหล่ะ"
"ข้าเป็นลูกของนายท่านเจ้าค่ะ แต่แม่ข้าเป็นแค่บ่าวท้ายจวน ตัวข้าที่เกิดมาจึงต้องทำงานเป็นทาสในเรือนนั้นตามท่นแม่เจ้าค่ะ"พูดถึงตระกูลนี้ซูจินก็แทบอยากจะกลับไปชำระแค้นซะเหลือเกิน ยิ่งชื่อตระกูลและสถานะในครอบครัวที่คล้ายกัน มันก็ยิ่งสร้างความคับแค้นอยู่ในอกของซูจินมากมายจนตอนนี้สามารถไปกระชากวิญญาณของคนได้เลยทีเดียว
"อ๋อ แต่แบบนี้มันก็มิควรไม่ใช่รือ ตัวเจ้าเป็นลูกก็ควรจะดูแลเลี้ยงดูให้เหมือนกับลูกคนอื่นๆสิ มาแบ่งชนชั้นกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน"เมื่อได้ฟังเรื่องราวของน้องสาวตัวน้อยก็คล้ายจะยั่วโทษะของพี่สาวขึ้นมาทันใด ด้วยเพราะว่าไม่เคยเห็นใครทำแบบนี้กับลูก แถมตระกูลนั้รยังเป็นตระกูลซู ขุนนางที่มียศสูงเกือบเทียบเท่าราชวงค์ ใช่ว่าจะไม่มีเงินมีทองมาเลี้ยงดูลูก นอกเสียจากว่าจงใจปล่อยปละละเลยให้มันเป็นแบบนี้
"ตัวข้าก็คิดเช่นท่าน แต่ลำพังตัวข้าคนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้ ชีวิตข้ากับแม่ก็ต้องมาจบลงเพราะพวกมันทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านแม่ขอไว้ ข้าคงหอบผ้หอบผ่อนหนีออกจากจวนนั้นไปนานแล้ว"ทุกพยางค์ทุกคำพูดถูกเกริ่นออกมารอดไรฟันเพราะอดกลั้นความโกรธที่สุมอยู่ในอก
ยิ่งนึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้นของซูเซียว ซูจินก็ยิ่งคับแค้น อย่างน้อยร่างนี้ก็มอบชีวิตใหม่ให้ฉัน ฉันก็ต้องล้างแค้นให้เจ้าของร่างให้ได้
"น้ำเสียงน้องสาวดูโกรธเคืองนัก เจ้าแค้นพวกเค้ารือ"
"ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าน้อยสติฟั่งเฟือนไปชั่วขณะ"
"ข้าน้อยอะไรกันเล่า ข้าก็เหมือนเจ้านั่นแหล่ะ เป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา จะว่าไปข้าลืมบอกชื่อเจ้าหน่ะ ข้าชื่อ..หนิงเทียน เป็นศิษย์จากสำนักไห่ฉาง"
"ท่านมีสำนักด้วยรือ ตัวข้าก็อยากจะเข้าสำนักด้วยคน ไม่ทราบว่าสำนักท่านยังรับคนอยู่รือไม่"
"เอ่อ....สำนักข้า...."พูดไปไม่ทันได้คิด ตัวหนิงเทียนไม่ทันได้เข้าสำนักไหนก็พูดอวดซะแล้ว แท้จริงแล้วสำนักนี้เป็นแค่ชื่อที่แต่งขึ้นมาเล่นๆของหนิงเทียนเฉยๆ เพราะเจ้าตัวหวังจะเอาไปคุยโอ้อวดกับสหายในวัง ว่าตนได้เข้าสำนักหนึ่งแล้ว เมื่อครู่เผลอไปคิดเรื่องนั้นขึ้น ปากก็เลยพูดออกมาโดยไม่ทันได้คิด
แต่เมื่อเห็นสายตาน้องสาวตัวน้อยที่ดูเหมือนอยากจะเข้าสำนักนั้นแล้ว ตัวหนิงเทียนก็เหมือนจะจำใจพูดความจริงไม่ลง จนต้องโกหกว่าสำนักตนรับศิษย์น้อยนักก่อนจะคิดหาอาจารย์ที่จะรับตนเป็นศิษย์ปลอมๆ และ...สหายของข้านั่นเอง ที่จะมาเป็นอาจารย์ของข้า
"ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เข้าสำนักข้าโดยตรง แต่เจ้ามาฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ข้าก็ได้นะ มีข้าเป็นศิษย์ผู้เดียว เหงาจะแย่แล้ว ถ้าเกิดมีศิษย์น้องแบบเจ้าเข้ามาอีกคน ตัวข้าคงจะไม่เหงาแล้วหล่ะ" คำพูดของพี่สาวตรงหน้าคล้ายจะจุดประกายทางออกให้แก่ซูจิน เพราะการที่ได้รำเรียนฝึกวิชา อย่างน้อยก็ใช้ป้องกันตัวได้ก็ดี แต่มันจะดีมากถ้เค้าใช้แก้แค้นได้
"จริงรือ ข้าอยากฝากตัวเป็นศิษย์แล้วสิ" ด้วยนิสัยของซูจินดังเดิมเธอเป็นคนที่สดใสและเข้ากับคนง่ายสุดๆ จึงไม่แปลกที่ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วยามก็เขื่อใจคนได้มากถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อทั้งหมด คนเราก็ต้องกรองข้อมูลก่อนคบเจอตัวจริงสิ....ใช่มั้ย
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!