^^^บทที่ 1^^^
^^^สวยจัง^^^
^^^[มุมมองบุคคลที่สาม]^^^
ในวันแรกของการเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนศิลานรี ผู้ปกครองหลายต่อหลายคนต่างพากันยืนเกาะรั้วโรงเรียนและยืดคอให้ยาวที่สุดเพื่อเฝ้าดูลูกหลานเข้าโรงเรียนประถมในวันแรก
บรรยากาศเย็นสบายน่านอนที่นักเรียนทั้งเด็กและโตต่างมีความรู้สึกง่วงกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"อี๋ สีผมเหมือนอึเลยอ่ะ น่าเกลียดจัง"
เด็กชายอายุประมาณ6ขวบพูดขึ้นเสียงใสในขณะที่ยืนกอดอกอยู่กับกลุ่มเพื่อนผู้ชายอายุเท่าๆ กันในห้องเรียนห้องหนึ่ง
"หน้าเป็นคนไทยแต่ตาสีฟ้าเหมือนพวกฝรั่ง โคตรแปลกอ่ะ"
เสียงของคนอีกผู้พูดขึ้นเช่นเดียวกันสายตาของกลุ่มเด็กชายมองไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กคนนึงที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ที่โต๊ะหลังสุดติดหน้าต่างที่โต๊ะข้างๆ เว้นว่างไว้
"หยุดเดี๋ยวนี้นะพวกเธอ แกล้งเพื่อนแบบนี้โตขึ้นไปจะเป็นเด็กนิสัยเสียเอา"
คุณครูสาวกับชุดยูนิฟอร์มสีเทายาวเหนือเข่ายืนกอดอกอยู่เหนือเด็กทุกคน เธอตะเบ็งเสียงให้ดังจนเด็กๆ เดินหนีกันไปคนละทิศละทางก่อนจะเหลือบไปมองเด็กหญิงที่ยังคงนั่งก้มหน้าอยู่
ครูสาวไม่ได้เอ่ยคำใดและเดินจากไปเมื่อเห็นว่านักเรียนเลิกเสียงดังกันแล้ว
กริ๊งงงง!!
เสียงกริ๊งเริ่มคาบเรียนแรกดังขึ้นทั่วโรงเรียนอย่างพร้อมเพรียงกัน เด็กนักเรียนที่เดินเพ่นพ่านและทำเสียงดังไปทั่วห้องก็กลับมานั่งที่ของตนเองเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ
เมื่อคาบเรียนแรกเริ่มขึ้นได้ไม่นาน เด็กนักเรียนชายที่หายไปจากห้องก็ปรากฏตัว เด็กผู้ชายตัวเล็กผมสั้นใส่ชุดนักเรียนสีขาวกับกางเกงสีน้ำเงินเข้มเดินเข้ามาในห้องทางประตูด้านหน้า
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่เด็กชายที่มาใหม่ด้วยความสงสัย ครูสาวเห็นดังนั้นจึงกล่าวตักเตือนไปเล็กน้อย
"มาเรียนวันแรกใครเค้าสายกัน ไปนั่งตรงนู้นไป"
ครูสาวพูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยและชี้นิ้วไปทางโต๊ะที่ว่างข้างๆ กับเด็กหญิงตาสีฟ้าในตอนแรก เด็กชายเดินไปตามที่ครูบอกอย่างว่าง่ายวางกระเป๋าและจัดที่ทางให้เรียบร้อยและหันไปมองเพื่อนร่วมห้อง
เด็กหญิงพยายามเอามือปิดหน้าปิดตาเพื่อไม่ให้เขาเห็นนัยน์ตาสีฟ้าที่แตกต่างจากคนทั่วไปแบบเธอ
"เธอเอามือปิดหน้าทำไมอ่ะ"
"ไม่มีอะไรหรอกเธอเรียนเลยไม่ต้องสนใจเรา"
เด็กหญิงพูดขึ้นด้วยเสียงใสพร้อมกับหันไปทางอื่น เด็กชายมีสีหน้าสงสัยและค่อยๆ ยกมือขึ้นเพื่อจับมือของเด็กหญิง
เธอปัดมือของเด็กชายออกและขยับเก้าอี้ให้ออกห่างจากเขา
"เธอไม่อยากให้เราเห็นหน้าหรอ ทำไมอ่ะ"
"เพราะเราน่าเกลียด เธออย่าดูเลย"
เด็กหญิงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจและกลัวว่าถ้าเขาเห็นดวงตาของเธอ เขาต้องไม่ชอบและแกล้งเธอแน่ๆ และเธอไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
"แต่เราว่าเธอน่ารักนะ เสียงเธอน่ารัก ขนาดสีผมเธอยังเป็นสีเหมือนคาราเมล แสดงว่าเธอต้องน่ารักมากแน่เลย"
คำพูดนั้นทำเอาเธอนิ่งไปสักพักก่อนจะหันไปมองที่เด็กชายโดยกางนิ้วเล็กๆของตัวเองออกเพื่อให้มองเห็น
'สีผมเราไม่ได้เหมือนอึหรอ?'
เธอคิดในใจด้วยความสงสัยเธอหันไปมองเด็กชายอีกครั้งและครั้งนี้เด็กชายก็สามารถลดกำแพงระหว่างเขาและเธอลงมาได้นิดหน่อย
เขาจับมือของเธอและดึงลงเบาๆ เด็กหญิงลังเลเล็กน้อยและกลัวว่าเมื่อเด็กชายเห็นดวงตาและใบหน้าของเธอ เขาจะรังเกียจและไม่อยากนั่งกับเธอ
แต่ในเมื่อเขาเอ่ยชมสีผมของเธอด้วยความจริงใจแบบนั้น...
เด็กหญิงลดมือที่ปิดบังใบหน้าของตนเองลงช้าๆและเผยให้เห็นใบหน้าที่น่ารักจิ้มลิ้ม แก้มและปากอมชมพูระเรื่อและนัยน์ตาสีฟ้าสดใสของเด็กหญิง
เขานิ่งไปสักพักเมื่อได้เห็นใบหน้าและดวงตาของเด็กหญิง เธอมีสีหน้ากังวลเมื่อเห็นว่าเด็กชายนิ่งไปนานแต่สีหน้ากังวลของเธอก็แปลเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าดวงตาของเด็กชายเป็นประกายระยิบระยับ
"ตาเธอสวยจังเลย เหมือนท้องฟ้าเลย"
เด็กหญิงหน้าแดงด้วยความประหลาดใจปนเขินอาย ในใจของเธอพลางเต้นตึกตักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เธอยกมือขึ้นมาสัมผัสใต้ดวงตาของตัวเองเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยชมดวงตาของเธอที่ทุกคนต่างมองเป็นสิ่งประหลาด
"เธอชื่ออะไรอ่ะ"
"เราชื่อทิชา"
ทิชาตอบเด็กชายด้วยน้ำเสียงที่แลดูมีความมั่นใจมากขึ้น เธอไม่ก้มหน้าและสบตากับเขาอย่างมั่นใจ
"เราชื่อเธียรนะ เราขอเป็นเพื่อนเธอได้มั้ย"
เธียรแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มที่ดูใสซื่อและไม่มีพิษมีภัย ทิชาที่ไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคนเพราะดวงตาและสีผมของเธอก็ตอบตกลงออกไปอย่างมั่นใจ
"อืม! เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ"
เสียงที่เธอเปล่งออกมา ฟังเพียงไม่นานก็รู้ได้ว่าเธอชื่นชมให้ตัวของเด็กผู้ชายคนนี้มาก แต่ก็ไม่แปลกที่เธอจะชื่นชมเขาเพราะดวงตาและสีผมของเธอที่ทุกคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ประหลาดและแปลกแยกจะถูกเด็กชายหน้ายิ้มชมเอาง่ายๆ
'เหมือนมีผีเสื้อมาบินในท้องเลยแฮะ'
และหลังจากเรื่องวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านไปนาน11ปี และเด็กทั้งคู่ก็ได้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เด็กป.1ในวันนั้นเติบโตเป็นหนุ่มสาวเต็มตัวกันหมด ราวกับเวลา11ปีผ่านไปเพียง1วัน
"ไอ้เธียร! กูอยู่นี่!!"
เสียงของเด็กสาววัย18ปีดังลั่นโถงทางเดินภายในอาคารเรียน เด็กสาวผมสีคาราเมลเรียงเส้นยาวสลวยกับนัยน์สีฟ้าสดใสไม่เหมือนใครของเธอ
เธอนั่งอยู่ตรงที่นั่งติดโถงทางเดินที่ด้านขวาจะเป็นห้องเรียนและด้านซ้ายเป็นระเบียงที่ทอดยาวจนถึงทางลงบันไดที่ยื่นออกมาจากอาคารเล็กน้อย
รูปลักษณ์ที่งดงามจนไม่อาจละสายตาไม่มองใครอื่น ขนตายาวเรียงเป็นแผง รูปหน้าเรียวเล็กเหมือนถูกปั้นด้วยฝีมือเทพเจ้าแห่งความงาม จมูกโด่งเข้ารูปและมีรูปปากอวบอิ่มน่าสัมผัส รอยยิ้มที่สดใสดั่งตะวันสว่างไสวละมุนละไม
เด็กสาวนั่งโบกไม้โบกมือเพื่อแสดงถึงตำแหน่งของตนเองให้เพื่อนชายที่พึ่งเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับถุงที่ใส่กีต้าร์ตัวใหญ่เอาไว้ได้รู้
"ผมรู้แล้วครับบ ไม่ต้องตะโกนก็ได้"
เด็กชายร่างสูงโปร่งเดินมาพร้อมกับสะพายกีตาร์ตัวใหญ่ไว้ด้านหลัง เขามีเส้นผมสไลด์สั้นสีดำขลับและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนเปลือกไม้สนคมดูมีประกายแพรวพราว
ใบหน้าของเขาชัดได้รูปสันกรามคม จมูกโด่งชัดและริมฝีปากบางยกยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก
เขานั่งลงข้างกายเด็กสาวและเปิดถุงที่อยู่ด้านหลังและนำกีตาร์โปร่งตัวใหญ่ออกมาและจัดท่าทางให้เข้าที่
"ทรงได้มาก หล่อเท่สุดๆ"
"แน่นอนอยู่แล้ว คนมันหล่อทำอะไรก็หล่อไปหมดเป็นเรื่องธรรมดา"
เธียรเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้เล่นและยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตั้งสายกีตาร์ให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจึงใช้มือถือของตนเองเปิดคอร์ดเพลงที่ได้เลือกไว้
บทเพลงถูกบรรเลงขึ้นผ่านสายทั้ง6ของกีตาร์โปร่งตัวใหญ่ประสานก็เสียงร้องของเด็กสาวที่ไพเราะจับใจ
ดวงตาของเด็กสาวชำเลืองไปมองใบหน้าของเด็กชายที่นั่งอยู่ข้างกายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความชื่นชมที่เธอมอบให้เขามาตลอด10กว่าปีที่รู้จักกันมา
เขายังคงมีเสน่ห์ทุกครั้งที่เธอมองไป รอยยิ้มอันสดใสประดับบนใบหน้าของเด็กสาวตลอดเวลาที่เธออยู่กับเด็กชายผู้นี้
บทเพลงถูกบรรเลงไปจนจบ เมื่อเด็กชายดีดคอร์ดสุดท้ายจบเขาก็ยกมือขึ้นปรบมือให้เด็กสาวพร้อมกับรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย
"เพราะเหมือนเดิมเลย ถ้ามึงไปร้องเพลงบนเวทีนะ เพื่อนคนนี้จะเป็นคนแรกเลยที่ไปยืนดูมึง"
"ให้มันจริงเถอะเธียร"
ทิชาพูดอย่างขำๆ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงที่ยืนอยู่ริมสนามบอล เธอคนนั้นมีรอยยิ้มที่สดใสดั่งแสงอาทิตย์และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกาย เนื้อตัวสีขาวละมุนจนแม้แต่ผู้หญิงอย่างเธอก็ไม่อาจละสายตา
"เชี้ยย ผู้หญิงคนนั้นสวยจัดเลย"
เธียรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นในขณะที่ก้มหน้าลงไปมองผู้หญิงคนนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
"นั้นสิ คนนั้นสวยจัง"
ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองเธียรที่กำลังจ้องมองผู้หญิงคนนั้นตาไม่กะพริบ
"มึงรู้จักป่ะ เขาชื่อไรแล้วอยู่ม.ไหน"
"เขาชื่อณิชา 6/4 น่ารักนะคนนี้ มีคนตามจีบเพียบ"
ทิชากล่าวยิ้มๆ ก่อนที่จะเหลือบไปมองที่ณิชาอีกครั้ง เมื่อเธียรรู้ดังนั้นจึงเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาจนทิชาสัมผัสได้
"คนนี้ยากนะมึง มีแต่คนท็อปๆ มาจีบนาง"
ทิชาพยายามเบี่ยงเบนเพื่อนชายให้ละสายตาจากผู้หญิงคนนั้น ก่อนที่เสียงกริ๊งเลิกพักเที่ยงจะดังขึ้นขัดจังหวะ
กริ๊งงงง!!
"ไปมึง เข้าห้องเรียนเดี๋ยวนิภาด่าเอา"
"เออๆ รู้แล้วๆ"
เธียรตอบปัดๆ และเดินนำทางทิชาไปที่ห้องเรียนที่ต้องลงไปอีกชั้นนึง ร่างสูงหันหลังไปมองเพื่อนสาวที่ตามมาข้างหลังแล้วยิ้มออกมาอย่างนึกสนุก
เขาเดินให้ช้าลงและรอให้ทิชามาเดินข้างๆ เขา เมื่อร่างเล็กมาเดินเคียงข้างกับเขา มือนึงก็เอื้อมไปหยิบกระเป๋าสตางค์สีเขียวแก่ที่ใส่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเด็กสาวและวิ่งออกไปด้วยความเร็วจนเธอไม่ทันตั้งตัว
"เฮ้ย! ขโมยนี่หว่า!"
ทิชาพูดออกมาเสียงดังด้วยความตกใจและวิ่งตามเธียรไป แต่ตอนที่เขาวิ่งลงมาจากบันไดเพราะความประมาทที่มัวแต่หันหลังไปมองเด็กสาวที่วิ่งตามมาทางด้านหลังจนเขาเกือบชนกับคนผู้หนึ่งที่เดินสวนทางมาพอดีโดยที่ไม่ทันมอง
"อุ้ยพ่อมึง!!"
เขาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเขากำลังจะชนกับเด็กสาวตัวเล็กด้านหน้าของเขา แต่โชคยังดีที่เขาหยุดทันไม่งั้นเขาคงชนเธอเต็มๆ
"ข-ขอโทษครับ"
เมื่อเขาได้สติก็รีบกล่าวขอโทษคนผู้นั้นในทันที แต่ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือพรหมลิขิตที่สาวที่เขาชอบมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
"อ่อ ไม่เป็นไรค่ะ"
ณิชาเอ่ยเสียงหวานก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ให้เธียรและทำท่าจะเดินจากไป เมื่อเห็นสาวที่ชอบมาอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ก็ไม่มีทางที่คนอย่างเธียรจะปล่อยให้โอกาสลอยหลุดมือไปแน่ๆ
"เอ่อ เรา..ขอไอจีหน่อยได้มั้ยอ่ะ"
"ได้สิ เอามือถือมาสิ"
เด็กสาวตอบทันควันเมื่อเขาเอ่ยถามเธอเหมือนเป็นสิ่งที่เธอต้องการตั้งแต่แรก ร่างสูงยืนมือถือให้คนตัวเล็กอย่างว่าง่ายจนทิชาที่ยืนมองอยู่ไกลๆ ถึงกับกุมขมับ
หลังจากที่ณิชาพิมพ์ชื่อไอจีในมือถือและคืนให้เขาแล้ว เธอก็ยิ้มอ่อนๆให้เขาและเดินจากไป เธียรมองตามเด็กสาวไปจนเธอลับตาก่อนที่ทิชาจะเดินมาหาเธียรหลังจากที่ยืนมองมานาน
"มองตาละห้อยเชียวนะมึง ไปเรียนได้แล้ว! สายขนาดนี้นิภาด่าตายเลย"
"น่ารักจัง"
เธียรก้มหน้าลงมองทิชาด้วยสายตาที่เป็นประกายระยิบระยับ อาการแบบนั้นของเขาทำเอาเธอหน้าแดงและหันไปมองทางอื่นทันที
"พ-พูดบ้าๆ เพ้อไรของมึงเนี่ย"
ทิชาเอ่ยเสียงตะกุกตะกักและยกมือขึ้นถูของคอของตัวเองไปมาเพื่อแก้เขิน หลังจากที่เธอคิดว่าคนที่เธอชอบเอ่ยชมเธอ
"ณิชาน่ารักจังเลยอ่ะมึงงง"
เธียรพูดขึ้นและบิดไปมาจนทิชาที่เข้าใจผิดในทีแรกหน้าแตกละเอียด เธอถอนหายใจก่อนจะจับมือหนาของเพื่อนชายที่ยืนบิดไปมาและลากไปที่ห้องเรียนอย่างยากลำบาก
'แกคงชอบเขามากเลยสินะ ถึงได้เสียอาการขนาดนี้'
[1คอมเม้น\=1กำลังใจ]
:]
อมก.ปล่อยตอนแรกไปแล้ว ตอนแรกมาสั้นๆ แต่ได้ใจความ รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถึงมากที่สุด จังหวะตกหลุมรักเว่อร์อ่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเรื่องราวเล็กๆน้อยๆในชีวิตไรท์คนนี้นะฮ้าฟฟู่ว ช่วยเพิ่มเรื่องนี้ลงชั้นหนังสือด้วยนะคะ จุ๊บ
^^^บทที่ 3^^^
^^^ผมโหวตชนิตรา^^^
^^^[มุมมองบุคคลที่สาม]^^^
"เดินเร็วๆ ดิ๊ ถ้านิภาหักคะแนนกูจะโทษมึงคนเดียว"
น้ำเสียงของทิชาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดในขณะที่มือเล็กๆ ทั้งสองข้างกำลังจับลำแขนของร่างสูงและฉุดกระชากลากเข่นให้เขาก้าวเร็วๆ
เมื่อทั้งคู่ถึงห้องเรียนเด็กทั้งสองก้มโค้งตัวลงให้เตี้ยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะได้เข้าห้องเรียนโดยที่ครูไม่สังเกตเห็น
แต่เหมือนโชคจะไม่เข้าข้างทั้งคู่เมื่อให้คนขายาวมาเดินย่อจนแทบจะติดพื้นแบบนี้
"เบาๆ สิอีส-"
โครมม!!
"ฉิบหาย"คือคำคำเดียวที่พุดขึ้นมาในหัวของทั้งคู่ในเวลานี้ โต๊ะที่ตั้งของมันอยู่เฉยๆ เธียรมันก็ล้มไปโดนมันจะเกิดเสียงดังสนั่นลั่นห้อง
เพื่อนทั้งห้องและครูต่างพากันหันหลังมามองหลังห้องด้วยความสงสัยและสุดท้ายทั้งคู่ก็เกม
"อะไรกันเนี่ยพวกเธอ เข้าห้องสายและยังทำเสียงดังอีก พวกเธอชื่ออะไร"
ครูสาวตัวใหญ่กับผมสั้นติ่งหูกล่าวเสียงดังเพื่อตำหนิเด็กทั้งสองที่เข้าคาบเรียนของเธอสายและทำสีหน้าไม่พอใจในขณะที่เธอถามชื่อของพวกเขา
"หนูชื่อชนิตราค่ะ"
"ผมรัชชานนท์ไงครู จำผมไม่ได้หรอ"
ความกวนตีนของมันทำให้เพื่อนหลายต่อหลายคนหันไปซุบซิบและหัวเราะกันเบาๆแต่นั่นไม่รวมทิชาที่ตอนนี้พร้อมจะเตะเพื่อนชายให้ตายลงไปเสียตรงนี้
"หัก2คะแนนทั้งคู่ ไปนั่งที่ได้แล้ว!"
'โอ้ยไอ้เวรรร คะแนนที่เหลือน้อยนิดของกู'
ทิชาใช้ขาเตะที่หน้าแข้งของเธียรทีสองทีก่อนจะเดินไปนั่งที่ของตัวเองพร้อมกับเพื่อนเจ้าปัญหาคนนี้
การเรียนในคาบสังคมผ่านไปได้ด้วยดีจนใกล้หมดคาบ นักเรียนต่างพากันเก็บกระเป๋าเตรียมออกจากห้องกันเป็นแถวๆ แต่ทุกคนต้องหยุดชะงักเพื่อเห็นว่าครูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
"อีก2อาทิตย์ ทางโรงเรียนของเราจะจัดงานครบรอบ90ปีของโรงเรียนและมอบหน้าที่ให้คุณครูประจำรายวิชาสัมคมคัดเลือกตัวแทนนักเรียนหญิงห้องละสองคนเพื่อมารำในวันงานค่ะ"
คุณครูนิภาร่ายยาวตามที่กระดาษประชาสัมพันธ์ที่เธอติดมาด้วยได้เขียนไว้ เพื่อนในห้องต่างพากันฮือฮาและสงสัยว่าใครจะเป็นคนได้รับเลือก
"เดี๋ยวครูจะให้โหวตกันนะว่าจะเลือกใครเป็นตัวแทน"
"หนูโหวตลอออรค่ะ เพื่อนรำเก่ง"
ทิชายกมือขึ้นสูงก่อนจะโหวตให้เพื่อนสาวเป็นตัวแทนห้องเพื่อไปรำในวันงาน เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มและนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมีท่าทีกระวนกระวายเมื่อตนเองได้รับเลือกอย่างน่าเอ็นดู
"งั้นหนูโหวตชนิตราเป็นตัวแทนกับหนูค่ะ"
'แย่และกู'
ทิชาได้แต่คิดในใจและภาวนาขอให้เพื่อนคนอื่นแย้งไม่ให้เธอเป็นตัวแทน
"ผมโหวตชนิตราเหมือนกันครับ"
เพื่อนที่แสนดียกมือขึ้นและกล่าวเสียงดังเหมือนต้องการให้คนทั้งโลกรู้ เด็กสาวได้แต่นั่งก้มหน้ากุมขมับอยู่บนโต๊ะของตนเองและถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
"มีใครจะโหวตคนอื่นอีกมั้ยคะ ไม่งั้นจะได้เอาสองคนนี้เลย"
ทั้งห้องต่างพากันเงียบกันอย่างไม่ได้นัดหมาย จนการโหวตเป็นเอกฉันท์ได้อย่างรวดเร็ว
"งั้นก็ตามนี้นะนักเรียน เจอกันคาบหน้า นักเรียนที่เป็นตัวแทนไปฝึกรำเพลงที่ส่งไปให้ในไลน์กลุ่มด้วย"
พูดจบคุณครูก็ออกจากห้องเรียนไป นักเรียนหลายคนต่างพากันลุกออกจากที่เพื่อไปเรียนในวิชาถัดไปที่อาคารหลังโรงเรียน
ในขณะที่ทุกคนเก็บข้าวของและเดินออกไปจากห้อง ทิชาก็ยังคงนั่งกุมขมับอยู่บนโต๊ะตัวเดิมในตอนแรก พร้อมกับทำสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก
"ทำกันได้ลงคอนะเพื่อนรัก"
"กูหวังดีนะเว้ย เพื่อนจะได้เฉิดฉายไง"
เธียรพูดขึ้นปนขำก่อนจะเก็บข้าวของของตนเองและเพื่อนสาวเพื่อไปเรียนวิชาต่อไป เขาเก็บเก้าอี้และปิดไฟเสร็จแล้วแต่ทิชาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม
"ไปได้แล้วว อีทิชาาาา"
เด็กชายพยายามยกร่างของเด็กสาวขึ้นอย่างทุลักทุเลในขณะที่เธอไม่ให้ความร่วมมือเลยแม้แต่นิดเดียว
'ปล่อยช้านปายยย อยากอยู่โคนเดวว ฮืออ'
สุดท้ายทั้งคู่ก็เดินไปเรียนวิชาต่อไปจนได้ คาบเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เริ่มขึ้นในช่วงบ่ายของวัน คุณครูและนักเรียนหลายต่อหลายคนต่างพากันพกพัดไม่ก็พัดลมขนาดเล็กเพื่อคลายร้อนในฤดูร้อนเดือนมีนาคม
"ทิชาๆ กูถามอะไรมึงหน่อย"
เสียงทุ้มต่ำของเธียรพูดขึ้นในขณะที่เจ้าของชื่อกำลังฟุบหลับสบายในคาบเรียนที่น่าเบื่อ
"มึงค่อยถามไม่ได้รึไง เห็นมั้ยว่ากูนอนอยู่"
ทิชาพูดตอบด้วยน้ำเสียงงัวเงียปนหงุดหงิดและยังคงนอนฟุบกับโต๊ะอยู่อย่างนั้น
"มึงชอบดอกไม้ไรอ่ะ"
"ห้ะ"
คำถามของเธียรทำให้เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะและหันไปมองใบหน้าของคนข้างกาย
"มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ จะจีบกูรึไง"
ทิชาถามด้วยน้ำเสียงปนขำและเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเธียรเธอก็ยอมบอกดีๆ
"กูชอบดอกทิวลิป ถามทำไม"
"กูว่าจะเอาไปให้ณิชา ถ้ามึงชอบณิชาก็อาจจะชอบเหมือนกัน"
คำตอบของเธียรทำให้เธอนิ่งไปสักพักก่อนที่เธอจะก้มตัวลงนอนฟุบกับโต๊ะเหมือนเดิม
'ณิชาโชคดีจัง'
คาบเรียนช่วงบ่ายผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนเป็นช่วงเวลาที่ครึกครื้นไม่ต่างจากเวลาพักเที่ยงปกติแต่ที่อาจจะต่างกันหน่อยคือเด็กนักเรียนจากโรงเรียนอื่นจะมาหาแฟนหรือเพื่อนของตัวเองกันอย่างมากมาย
"กูกลับแล้วนะโชคดี"
"เออๆ โชคดี"
ทิชาโบกมือลาเพื่อนสนิทก่อนจะเดินขึ้นไปบนรถสองแถวที่ผู้คนต่างแย่งกันขึ้นอย่างแออัด
เมื่อรถสองแถวขับออกไปได้ไม่นานเด็กสาวก็ย้อนไปคิดถึงต้องที่เธียรถามเรื่องดอกไม้ที่เธอชอบและแอบน้อยใจเล็กน้อยที่เขาจะเอาดอกไม้นั้นไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
'มันจะให้ใครก็ไม่เกี่ยวกับเราสักหน่อย'
ผ่านไป2อาทิตย์วันครบรอบ9ปีของโรงเรียนก็มาถึง ผู้คนจากทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนต่างพากันมารวมที่โรงเรียนนี้โรงเรียนเดียว
เด็กนักเรียนที่ต้องขึ้นรำในวันงานก็ต่างเร่งรีบแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อให้ทันพิธีเปิดในอีก30นาที
"แตมมึงแต่งหน้าเสร็จยัง"
"เสร็จแล้วๆ"
เฌอแตมหรือลอออรในตอนแรกพูดตอบเพื่อนในขณะที่เจ้าตัวกำลังทาปากอยู่หน้ากระจกขนาดใหญ่
"ทิชาๆ กูมาแล้ว"
เสียงของเธียรดังขึ้นจากหน้าประตูก่อนที่เจ้าของเสียงจะเดินเข้ามาให้ห้องแต่งหน้าของนางรำ
"มึงง ช่วยกูด้วยตอนนี้กูตื่นเต้นฉิบหายเลยอ่ะ กูจะตายป่าววะ"
"มึงไม่ตายหรอกทิชา หายใจลึกๆ กูอยู่นี่"
ร่างสูงกุมมือทั้งสองข้างของเธอไว้และเขย่าเล็กน้อยเพื่อให้เธอใจเย็นลง
"มึงจะอยู่กับกูจนกว่าจะขึ้นรำใช่ป่ะ"
"ใช่ กูจะอยู่ตรงนี้แหละไม่ไปไหนหรอก"
ทิชาหายใจเข้าลึกมากๆ ก่อนจะปล่อยออกมาและเดินไปหาเฌอแตมที่ตอนนี้กำลังใส่เครื่องหัวของตนเองอยู่
"มาเดี๋ยวกูช่วย"
ทิชาสวมเครื่องหัวสีทองไว้บนหัวของเพื่อนสาวก่อนที่จะเดินไปส่องกระจกพลางหันซ้ายหันขวาอย่างกังวล
"กูสวยยังอ่ะมึง มันดูเป็นไง"
"หน้าเหมือนหมาเลยอ่ะเพื่อน"
ทั้งทีที่เธียรพูดจบกำปั้นขนาดเล็กก็ต่อยเข้าไปที่ไหล่ของเขาอย่างแรงจนเขาเซไปเล็กน้อย
"สวยแล้ว สวยมาก สวยสัสๆ สวยที่สุดในสามโลกเลย"
เธียรพูดปนขำเล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้สำหรับช่างแต่งหน้าที่ว่างอยู่
"ขณะนี้ก็เป็นเวลาอันสมควรแล้วที่พิธีเปิดจะได้เริ่มขึ้น ขอเชิญนางรำทั้ง10คนขึ้นไปบนเวทีครับ"
เสียงประกาศดังขึ้นทั่วโรงเรียน นางรำทุกคนต่างรีบไปต่อแถวขึ้นเวทีกันอย่างเร่งรีบ
"กูเชื่อว่ามึงทำได้เว้ย สู้ๆ"
เธียรกล่าวให้กำลังใจเพื่อนสาวก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนเวที เมื่อเขาเห็นว่าทิชาขึ้นเวทีไปแล้วเขาก็รีบไปที่หน้าเวทีเพื่อดูการแสดงของเพื่อนสนิท
เมื่อเพลงเริ่มบรรเลง แขนขาเรียวยาวของเด็กสาวขยับไปตามจังหวะเพลง ท่าทางอ่อนช้อยที่ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ทุกท่วงท่างดงามเหมือนนางในวรรณคดี
เรือนร่างเล็กห่มสไบสีทองปักสายสวยงามสะท้อนกับแสงตะวัน แม้มีนางรำคนอื่นๆ อยู่รอบข้างแต่ก็ไม่มีผุ้ใดเจิดจรัสได้เท่ากับเด็กหญิงผู้นี้
ทุกการเคลื่อนไหวงดงามจนไม่อาจละสายตาไปมองใครอื่น ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มเล็กๆ ไว้ตลอดเวลาทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต่างจดจ้องเป็นสายตาเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"สวยมาก สวยมากๆ"
เธียรเอ่ยขึ้นเบาๆ กลางฝูงชนที่ยืนอยู่หน้าเวที เพื่อนสาวที่มักจะทำตัวแปลกๆ และดูไม่เป็นผู้หญิงกลับดูน่าหลงใหลและงดงาม
เมื่อเพลงจบลง เสียงปรบมือจากผู้ชมเสียงดังจนกลบเสียงของพิธีกรจนหายไปจนหมด ร่างสูงรีบวิ่งไปที่ห้องแต่งหน้าพร้อมกับของที่อยู่ในมือ
เด็กชายร่างสูงเดินเข้าไปในห้องแต่งหน้าพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างไว้ข้างหลัง เด็กสาวรีบเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มที่สดใส
"เป็นไงบ้างออกมาดูดีมั้ย"
"อืม สวยมาก"
"แล้วนี่เอาอะไรไว้ข้างหลังอ่ะ"
ดอกทิวลิปสีชมพูถูกยื่นออกมาด้านหน้า เมื่อเธอได้เห็นดอกไม้สีสันสดใสตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าสดใสเป็นประกายขึ้นมาทันทีก่อนที่เจ้าตัวจะเงยหน้าไปมองคนตรงหน้า
"ให้กูหรอ"
เธียรพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหลังคอและหันหน้าไปทางอื่น
"ตอนกูกำลังจะกลับบ้าน กูเห็นยายคนนึงเขามาซื้อแล้วกูสงสารกูเลยซื้อมาให้มึง"
"ขอบใจนะ"
ทิชารับดอกไม้จากมือของเธียรและก้มมองดูมันด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าละมุน
'จะไม่ให้กูรักมึงได้ยังไงวะไอ้เธียร'
...[1คอมเม้น\=1กำลังใจ]...
...:]...
ตอนนี้มาพิเศษหน่อย งานที่บ้านรัดตัวมาก กลัวไม่มีเวลา สำหรับตอนทิวลิปคงเป็นตอนที่เราชอบตอนนึงเลยเพราะว่าได้บรรยายว่าลูกสาวเพราะสวยแค่ไหน แถมมีซีนหวานด้วยนิดๆ หน่อยๆ
^^^บทที่ 5^^^
^^^หายไปไหน^^^
^^^[มุมมองบุคคลที่สาม]^^^
"มึงไปเปลี่ยนเสื้อไป กูเห็นแล้วแสบตาแม่งทองมาแต่ไกล"
เธียรพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะดันตัวของเพื่อนสาวให้เข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ ทิชาทำเพียงพยักหน้าเบาๆ และเข้าไปในห้องแต่งตัว
"งั้นกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เสื้อเปลี่ยนกูจะวางไว้ตรงเก้าอี้หน้าห้องนะ"
พูดจบร่างสูงก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัวและไปเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไป
ผ่านไปไม่นานนักเด็กชายออกมาจากห้องน้ำและกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องแต่งตัว
แต่ในขณะที่เขากำลังเดินกลับไป เขาได้มองเห็นเด็กสาวผมเปียเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพร้อมกับถุงใบหนึ่งในมือ
'ณิชา?'
ไม่มีเหตุผลอื่นใดที่ณิชาจะไปที่ห้องแต่งตัวเพราะเธอไม่ได้เป็นนางรำ แต่ถ้าเธอมาหาเพื่อนที่เป็นนางรำก็ว่าไปอย่างแต่ตอนนี้นอกจากทิชาแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นอยู่ในห้องแต่งตัวเลย
ขาเรียวยาวก้าวเข้าไปข้างในห้องแต่งตัวก่อนที่เสียงเรียกที่คุ้นเคยจะดังออกมาจากหลังม่านสีดำสนิท
"เธียร! เสื้อกูหายไปไหน!"
"เอ้ากูวางไว้ตอนนี้นะ มันหายไปไหนอ่ะ"
เด็กชายพูดด้วยความสงสัยเมื่อเขาเห็นถุงใส่เสื้อหายไปจากเก้าอี้ที่อยู่หน้าห้องเปลี่ยนเสื้อ
"แล้วกูจะเอาเสื้อที่ไหนเปลี่ยนอ่ะ! ใครเอาไปไว้ไหน!"
'นั้นสิ ใครเอาไปไว้ที่ไหน?'
เธียรยืนคิดอยู่สักพักก่อนจะที่สมองของเขาจะคิดอะไรขึ้นมาได้
"มึงรออยู่ในนี้ก่อน เดี๋ยวกูมา"
"ห้ะ"
พูดจบร่างสูงก็ก้าวออกไปจากห้องแต่งตัวและปล่อยให้ทิชายืนงงอยู่ในห้องแต่งตัวอยู่แบบนั้น
ผ่านไปเพียงอึดใจเดียว เธียรก้าวเข้ามาในห้องแต่งตัวพร้อมกับถุงพลาสติกสีเขียวที่ข้างในมีเสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดและกระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินเข้มอยู่ข้างใน
เขาหันหน้าไปทางอื่นและยื่นมือเข้าไปหลังม่าน ทิชารับถุงพลาสติกให้มือของเธียรมาก่อนที่เขาจะเอามือกลับไป
"ขอบใจเว้ยเธียร"
"เออ"
รอยยิ้มเล็กๆ ประดับบนใบหน้าละมุน สีชมพูระเรื่อปรากฏบนแก้มของเด็กสาว ก่อนที่เจ้าตัวจะแต่งตัวให้เรียบร้อยและเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อ
"เดี๋ยวกูไปส่งบ้าน"
"มึงรู้บ้านกูหรอ"
"มึงก็บอกกูสิ"
"ถ้ากูไม่บอก?"
"งั้นมึงก็นอนนี่แหละ อีสัส"
ทิชาถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อต่อล้อต่อเถียงกับเธียรเสร็จก่อนที่เธอเดินหนีออกไปจากห้องแต่งตัวและตรงไปที่ลานจอดรถ
ร่างสูงรีบเดินตามคนตัวเล็กออกไปจากห้องแต่งตัวและคอยแหย่เธอเล่นตลอดทางที่เดินไปที่ลานจอดมอเตอร์ไซค์ที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าวเดิน
"ตัวมึงเหมือนลูกหมาเลย หน้าก็เหมือนหมา"
"ถ้ากูเป็นหมา มึงก็หมาเหมือนกันแหละอีสัส"
เธียรหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของเพื่อนสาว เขาขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์สีดำคันเก่งของตัวเองและสตาร์ทรถและจัดที่ทางให้เรียบร้อยก่อนจะตบที่เบาะหลัง
"มามะสาวน้อย"
"มามะแม่มึง"
พูดจบเด็กสาวก็ขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนชายก่อนที่เขาจะถอยหลังและขับออกไปจากโรงเรียนและตรงไปที่บ้านของทิชาตามคำบอกของเธอ
"โชคดีเว้ย"
"อือๆ"
เสียงหวานพูดขึ้นก่อนจะโบกมือลาและทำท่าเดินเข้าบ้านของตัวเองไป เธียรยังคงยืนคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยบางคำออกมา
"ทิชา"
เสียงทุ้มต่ำขานชื่อของเพื่อนสนิทออกมาก่อนที่เจ้าของชื่อจะหันหลังกลับมามองคนด้านหลัง
"พรุ่งนี้กูว่าจะไปเลือกของขวัญให้ณิชา มึงจะไปกับกูมั้ย"
ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเล็กๆอยู่ตลอดเวลาก็แปลงเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่งและก้มลงมองต่ำ
"อืม เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน เจอกันตอนเก้าโมง"
เธียรพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบก่อนจะขับรถออกไป ทิชามองตามรถของเธียรจนลับตาก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เด็กสาวก็เดินบ้านไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยและก้าวเท้ากำลังจะเดินขึ้นบรรไดไป
"ใครมาส่งหรอลูกแล้วเป็นอะไรทำไมหน้าเศร้าเชียว"
น้ำเสียงอบอุ่นของหญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้นหลังจากที่เห็นใบหน้าและท่าทางของลูกสาวที่ดูหงอยเป็นพิเศษ
"เพื่อนมาส่งค่ะแม่ เพื่อนที่เป็นได้แค่เพื่อน"
ทิชาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆตอบแม่ของเธอ ผู้เป็นแม่หัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้ลูกสาวขึ้นห้องไป
'คงเป็นได้แค่เพื่อนจริงๆสินะ'
"มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ยเธียร กูรอมา20นาทีแล้วนะ"
เสียงหวานของเด็กสาวดังขึ้นผ่านโทรศัพท์เครื่องเล็กของเด็กชาย เธอบ่นเพื่อนสนิทหลังจากที่เขาสายในนัดที่เขาเป็นคนออกปากเอง
"กูกำลังจะถึงแล้วเนี้ย กูเข้าห้างและ"
น้ำเสียงทุ้มต่ำของเธียรมีเสียงหอบแทรกเข้ามาในสายเล็กน้อย ทิชานั่งรออยู่ในร้านกาแฟชื่อดังพลางยกแก้วมอคค่าร้อนขึ้นมาดื่มระหว่างที่รอ
ผ่านไปไม่กี่นาทีร่างสูงที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเด็กสาวพลางก้มตัวลงหอบด้วยความเหนื่อยหลังจากที่วิ่งมาแต่ไกล
"กูวิ่งมาเลยนะเนี่ย เหนื่อยชิบ"
"สมควรวิ่งแล้วมึงอ่ะ เสือกมาสายเอง"
ทิชาต่อว่าเธียรเมื่อเขาปล่อยให้เธอรอนาน คนตัวเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางมองร่างสูงที่เริ่มหายเหนื่อย
"ไปโมชิก่อนเลยอย่างแรก"
เด็กสาวพูดขึ้นก่อนจะเดินออกไปด้านนอกร้านกาแฟโดยมีเธียรเดินตามหลังเธอออกไป
ร้านค้าตกแต่งสีชมพูพาสเทลตัดกับสีขาวดูสดใส สิ่งของในร้านมีทั้งของใช้เครื่องเขียนและเครื่องสำอาง
ทิชาเดินนำหน้าเธียรไปตามชั้นวางสินค้าต่างๆ พลางหยิบนู้นหยิบนี้ขึ้นมาดู
"แค่เลือกๆ มาสักอันเอง มึงจะทำให้ดูยากเพื่อ"
คนตัวเล็กหันไปมองแรงให้ร่างสูงที่พูดจาไม่น่าฟัง เธอใช้ข้อศอกกระทุ้งเอวของเขาเบาๆ และหยิบลิปสติกทั้งสองแท่งขึ้นมาให้เขาดู
"ลิปสองสีนี้เหมือนกันมั้ย"
"เหมือนดิ ก็สีแดงเหมือนกัน"
สิ้นเสียง เด็กสาวกุมขมับในทันทีและพยายามอธิบายให้เพื่อนสนิทฟังถึงความแตกต่าง
"ไม่มึง สีนี้แดงก่ำส่วนสีนี้แดงอิฐ"
เด็กชายทำสีหน้าสงสัยและหยิบลิปสติกทั้งสองแท่งขึ้นมาดูใกล้ๆ
"กูดูยังไง ก็ไม่เห็นว่ามันจะต่างกันตรงไหน"
"กูขี้เกียจเถียงกับมึงและ อ่ะ กูว่าเขาน่าจะชอบกำไรอันนี้"
ทิชายื่นกำไรลูกปัดใสสีฟ้าขาวให้เธียร เขารับกำไรจากมือของเด็กสาวและมองดูมันใกล้ๆ
"สวยดี เดี๋ยวกูซื้อให้มึงด้วยอีกอันนึง"
"มึงจะ ซื้อให้กูทำไม"
ทิชาหันไปสบตากับเธียรครู่นึงก่อนที่เธียรจะหยิบกำไรลูกปัดใสสีชมพูขาวที่ห้อยตัวการ์ตูนขนาดเล็กน่ารักขึ้นมาอันนึง
เขาเดินไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกับกำไรทั้งสองอันก่อนจะควักเงินในกระเป๋าตังออกมาจ่ายและเดินกลับไปหาเพื่อนสาวที่ยืนสับสนอยู่ที่เดิม
เธียรจับมือของทิชาขึ้นมาก่อนจะใส่กำไรลูกปัดสีชมพูขาวให้เธออย่างรวดเร็วก่อนจะมองหน้าของเธอ
ใบหน้าละมุนมีสีแดงระเรื่อประดับที่หน้าแก้มและใบหูทั้งสองข้างก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นไปมองร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้มจางๆ
"สีตอแหลเหมาะกับมึงดี"
รอยยิ้มหุบลงทั้งที คนตัวเล็กถอนหายใจก่อนจะหันหลังและเดินออกจากร้านโดยมีร่างสูงเดินตามอยู่ด้านหลัง
"เที่ยงแดกไรดี"
"เอาพิซซ่าแมะ ไม่ได้กินนานและ"
ทิชาพยักหน้าเมื่อได้ยินคำตอบ ทั้งคู่เดินไปตามทางจนเจอกับหน้าร้านพิซซ่าชื่อดังที่พวกเขาไม่ได้มากินเสียนาน
ทั้งคู่นั่งลงตรงข้ามกันบนโต๊ะที่ติดกับกระจกหน้าร้าน พนักงานสาวกับชุดยูนิฟอร์มสีขาวกับกระโปรงสั้นสีเขียวแก่เดินมารับออเดอร์ของทั้งคู่
"พิซซ่าดับเบิ้ลชีสเพิ่มขอบชีสถาดใหญ่ค่ะ"
"แนะนำเป็นถาดกลางน่าจะเหมาะกับทานสองคนมากกว่านะคะ"
ทิชาหันหน้าไปสบตากับเธียรอีกครั้งเหมือนเป็นการขอความคิดเห็นจากเขา
"เอาถาดใหญ่นี่แหละคับ พวกผมกินเยอะ"
พนักงานสาวพยักหน้าก่อนจะกดรับออเดอร์และเดินจากไป
"กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ มึงรออยู่ตรงนี้แหละ"
เธียรพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากร้านและตรงไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
คนตัวเล็กเดินมาถึงห้องน้ำแถวลิฟต์ที่ไม่มีคนเข้า ระหว่างทางที่เธอเดินไปเข้าห้องน้ำกลุ่มเด็กผู้ชายอายุเท่าๆ กันกับเธอต่างพากันมองตามเธอเป็นแถวๆ
แม้เธอจะไม่ได้หันไปมองตรงๆ แต่เธอก็สัมผัสได้ว่ามีสายตาหลายคู่ตามมาที่เธอ
เด็กสาวพยายามไม่สนใจคนพวกนั้นและเข้าไปทำธุระในห้องน้ำตามปกติ
หลังจากที่เธอทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เด็กสาวก็เดินออกมาจากห้องน้ำก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นกลุ่มเด็กผู้ชายในตอนแรกมายืนรออยู่ไม่ไกลจากประตูห้องน้ำสักเท่าไหร่
:มึง มีกลุ่มผู้ชายยืนอยู่หน้าห้องน้ำอ่ะ กูควรออกไปดีป่าววะ
เธอส่งข้อความไปหาเธียรที่รออยู่ในร้านพิซซ่า ก่อนที่จะชะโงกหน้าไปมองกลุ่มเด็กผู้ชายจากมุมหนึ่ง
ไม่มีการตอบรับใดๆ จากเธียรแม้แต่ข้อความเดียว ทิชายืนลังเลอยู่ในห้องน้ำสักพักก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าและเดินออกไปจากห้องน้ำด้วยท่าทางไม่เกรงกลัว
เพราะเป็นที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านไปผ่านมามากนัก ทั้งทีที่กลุ่มของเด็กชายเห็นว่าเธอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้ว
เด็กชายหลายคนต่างพากันเดินมาขวางหน้าเธอไว้และมองเธออย่างคุกคาม
"ขอทางหน่อยค่ะ"
เสียงหวานพูดขึ้นอย่างเป็นมิตรและพยายามเดินเลี่ยงไปอีกทางแต่คนหนึ่งในกลุ่มก็เดินมาขวางหน้าเธอไว้โดยที่ไม่เอ่ยคำใดออกมา
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ความรู้สึกกลัวเริ่มปรากฏขึ้นในใจของเด็กสาวเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพยายามเดินออกมาอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ร่างสูงที่ยืนใกล้เธออยู่แล้วก็เดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้นกว่าเดินจนเธอจำต้องถอยหลังออกไป
'ขอร้องล่ะ ใครก็ได้มาช่วยฉันที'
ทิชาคิดในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้าที่จดจ้องเธอด้วยสายตาที่คุกคามเธอมากขึ้นกว่าเดิม
"ทิชา!"
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังของคนตรงหน้าเธอ ทิชาชะโงกหน้าไปมองก็พบกับเธียรที่รีบวิ่งมาทางเธอ
เขาจับมือของเธอและกำลังจะพาเธอเดินออกไปให้ไกลจากคนพวกนี้แต่ดูเหมือนมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
หนึ่งในนั้นเดินมาขวางหน้าทั้งคู่ไว้ เธียรกับชายคนนั้นสบตากันเหมือนจะพุ่งเข้าไปต่อยกันได้ทุกเมื่อ
ทิชาเห็นดังนั้นก็กำมือของเธียรเล็กน้อยเมื่อเรียกสติของเพื่อนสนิท ทางด้านของกลุ่มผู้ชายก็พยายามดึงเพื่อนของตนเองออกเช่นเดียวกัน
ทำให้เธียรพาทิชาเดินหนีออกมาได้โดยที่ไม่ต้องใช้กำลัง
เมื่อทั้งคู่เดินหนีมาไกลแล้ว เธียรก็หยุดเดินและก้มลงไปมองมือของทิชาที่ยังคงกุมมือของเขาไว้อยู่
"ปล่อยได้แล้วอีสัส"
ทิชาก้มลงมองมือของทั้งคู่ก่อนจะปล่อยของของตนเองออกจากมือของเขา
"มึงไม่เป็นไรใช่มั้ย พวกแม่งทำอะไรมึงรึป่าว"
ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่เขามองไปด้านหลังเพื่อตรวจดูว่าพวกนั้นได้ตามหลังมาหรือไม่พลางเอามือยกขึ้นไปลูบที่หลังคอเบาๆ
"กูไม่เป็นไร ขอบใจมึงมากที่มาช่วยกู"
"ไป...แดกพิซซ่ากัน"
ทิชาพยักหน้าก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปที่ร้านพิซซ่าโดยเด็กสาวเอาแต่ก้มหน้ามองพื้น
'มือใหญ่จังเลยเนอะ'
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!