ความรักถ้าไม่ "มากขึ้น" ก็ "น้อยลง" เสมอ
เมื่อคนสองคนตัดสินใจที่จะ "คบกัน" อย่างจริงจังย่อมเป็นความรักที่ไม่ต้องการแค่ "เพื่อนคุยโทรศัพท์ตอนดึก"หรือคนที่เอาไว้ควงไปดูหนัง หรือเดินเล่นตามห้างในเวลาที่เหงา
คนเป็นแฟนกัน ความสัมพันธ์ย่อมลงลึกในรายละเอียด"เกินกว่าที่จะคบกันแบบเด็กๆ เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้วหมายความว่า นอกจากจะรู้สึกผูกพันกันมากกว่าเดิมแล้วคนที่รักกันก็เริ่ม "ใส่ใจ" กันมากขึ้นด้วย"
แน่นอนว่าเมื่อมีความรักที่มั่นคงและจริงจังมากขึ้น
การ "ปรับ" และ"เปลี่ยน" ตัวตนและนิสัยบางอย่างก็เริ่มมีบทบาทเพิ่มเข้ามา
คนที่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ก็จะเริ่มรู้สึกว่าไม่มีความสุข เพราะตัวเองต้องปรับนิสัยบางอย่าง
เพื่อ "อีกคนหนึ่ง" โดยในหัวก็เฝ้าคิดว่า
"ทำไมฉันเป็นฝ่ายปรับเข้าหา"
"ทำไมอีกฝ่ายไม่ทำอะไรเพื่อฉันเลย"
"ทำแบบนี้ หมายความว่าไม่คิดจะใส่ใจกันแล้วใช่มั้ย"
เมื่อคิดแต่แบบนี้...แน่นอนว่ามันไม่ทำให้ภาพรวมของความรักระหว่างคนสองคนดูดีขึ้นได้
ฉันว่าเพราะเราคิดแต่จะ "ได้รับประโยชน์" ใส่ตัวเพียงอย่างเดียว
ทำให้การ "ทำอะไรเพื่อคนที่เรารัก" กลายเป็นการกระทำที่ "ฝืน"คนเราเมื่อต้องฝืนทำอะไรสักอย่างแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์คือ "ไม่มีความสุขหรอก"สิ่งหนึ่งที่คนเราจะเข้าใจคือ...
ระดับของความรักมันแปรปรวนเสมอนั่นแหละถ้าเขาไม่รักเรา "มากขึ้น" มันก็คง "น้อยลง" เท่านั้นเอง
แต่ถ้าลองมานั่งคุยกันจริงๆ การปรับและเปลี่ยน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยคนเราจำเป็นต้องปรับตัวเองให้เข้ากับทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเรา เป็นธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว
ไม่มีใครอยู่ในโลกใบนี้อย่างมีความสุข หากจะยึดเอาตัวเองเป็นที่ตั้งของทุกอย่างเพราะฉะนั้นจงกล้าที่จะกำจัดความรู้สึกแง่ลบออกไปจากสมองของเราแล้วพยายามมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทางที่ดีหัวใจเราจะเย็นลง ความร้อนที่เผาใจอยู่ก็จะเบาบางลงด้วย~
ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไป "แอบน้อยใจ" ถ้ารู้สึกว่ามีแค่เราที่ปรับตัวเข้าหาคนรักเพียงฝ่ายเดียวมันเป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ที่จะทำอย่างนั้นจงเปิดตา เปิดใจ และรับรู้ไว้ว่ามนุษย์กับการปรับเปลี่ยน มันคือธรรมดาที่เกิดขึ้นเสมอๆไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน จะอยู่กับใคร จะรักใคร เราก็ต้องปรับอยู่ดี
ลองมองเรื่องเล็ก ให้เป็นเรื่องที่เล็กกว่า
แล้วจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรที่ "มันยากไป" สำหรับเราเลย
แต่เมื่อไหร่ที่เรามองเรื่องเล็กๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่
ปัญหาจุกจิกมากมาย
ก็จะแปลงร่างเป็นปัญหาใหญ่โตตามไปด้วย
ดังนั้นก่อนที่จะจริงจังกับใคร
ต้องแน่ใจให้มากๆว่า
เราพร้อมที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้าได้
ถ้าเราพร้อม "ปรับ" และ "เปลี่ยน" ได้จริง
เราจะเป็นอีกคนหนึ่งที่มีความสุขกับการได้มีความรัก
ความรัก...มักจะหวือหวาในตอนแรก
แต่เมื่อคนสองคนได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
ระดับความตื่นเต้นก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
พอเป็นแบบนี้ หลายคนเริ่มมีคำถามโผล่ขึ้นมาในใจว่า
"เขายังรักเราอยู่หรือเปล่า"
เริ่มรู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ค่อยมีความสำคัญ" สำหรับเขาเหมือนเดิมแล้ว
เมื่อคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองได้รับความเอาใจใส่จากคนรักน้อยลง
มักจะคิดว่าความรักที่เขามีต่อตัวเองก็ "น้อยลง" ตามไปด้วย
ฉันคิดว่าคนเราไม่จำเป็นต้องแสดงออกตลอดเวลาว่ารักมากหรือรักน้อยเพราะถ้าความรักยังอยู่กับเราเหมือนเดิม ก็ไม่เห็นจะมรอะไรน่าเป็นห่วง
ลองคิดดูสิว่า หากเขาดูนิ่ง ไม่ค่อยใส่ใจ
แตาเขาก็ไม่ได้นอกใจเราแม้แต่นาทีเดียว
กับการที่เขามีเรื่องเซอร์ไพรส์ให้เราตื่นเต้น
และคอยเอาใจเราเป็นอย่างดี
แต่เอาแอบคบคนอื่นไปพร้อมๆกันอีกสามคนถ้าให้เลือกเราจะเลือแบบไหนล่ะ ก็ต้องเป็นคนที่ "รักเราคนเดียว" อยู่ดีนั่นแหละถูกมั้ย ดังนั้นกาารที่เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาแสดงออกแล้วตัดสินใจว่สเขารักน้อยลง เพราะทำดีกับเราน้อยลงอาจทำร้ายจิตใจกันและกันทั้งสองฝ่าย
แต่ถ้าเรายอมรับความจริงจุดนี้ได้
แต่เขาก็ยังเอาใจใส่เราน้อยลงอยู่ดี
ก็เป็นหน้าที่ของเราที่ต้องกล้าพูดในสิ่งที่เราค้างคาใจ
ก่อนจะเปิดใจคุยกัน เราต้องรู้เสียก่อนว่า "เราต้องการอะไร"
แล้วพูดออกไปตามความรู้สึก
ฉันมั่นใจว่าเขาต้องยอมรับฟัง และเก็บไปแก้ไขปรับปรุงแน่
ไม่มีอะไรที่คนรักกันจะทำให้กันไม่ได้หากเรื่องที่ร้องขอ,...ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากอะไรเขาอาจโทร.หาเราบ่อยขึ้น หากเขารู้ว่าเราจะไม่สบายใจถ้าเขาหายไปทั้งวันโดยไม่บอกกล่าวหรือเขาคงเลือกที่จะอยู่กับเราให้มากกว่าเดิมหากรู้ว่าเราน้อยใจ ที่เขาเอาแต่ออกจากบ้านไปเจอเพื่อนฝูง
ทุกปัญหาล้วนมีทางออก แต่เราต้องค้นให้เจอก่อนว่าอะไรคือปัญหาผู้หญิงจะชอบคิดว่า "เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมทำให้กันไม่ได้" ผู้ชายจะคิดว่า"เขาก็เป็นของเขาแบบนี้แหละ" บางทีผู้ชายก็เบื่อที่จะเอาอกเอาใจแฟนตัวเอง เพราะเจอกันทุกวันบางคนก็อยู่ด้วยกันทุกวัน เขาอาจจะคิดว่า"ทุกอย่างก็ดีอยู่แล้ว" ยิ่งเราไปโวยวายจะให้เขาเป็นอย่างโน้นอย่างนี้เขาก็จะเริ่มรู้สึกว่าถูกออกคำสั่งซึ่งผู้ชายจะ"เกลียดที่สุด" ถ้าผู้หญิงมาสั่งให้เขาทำโน้นทำนี่ตามใจชอบ
ตราบใดที่ความรักเคลื่อนไหวอยู่ในหะวใจของคนสองคนก็ไม่ต้องกังวลหรอกว่ามันจะ "มาก" หรือ "น้อย" แต่เราควรทร่ใจที่ได้รู้ว่าในหัวใจของเรายังมี "ความรัก" ให้กันและกันนอยู่เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอ
ถ้าการเอาชนะกัน มันไม่ได้ลงเอยด้วย
"ความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย"
ก็อย่าคิดว่า "เธอทำได้ ฉันก็ทำได้"
เพื่อประชดกันให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บปวด
เพราะมันคงไม่มีค่าอะไร หากการประชดกัน
ไม่ได้ทำให้ความรักประสานรอยร้าวได้เร็วขึ้น
คนที่ "ยอมแพ้ก่อน" ต่างหาก คือผู้ชนะที่แท้จริง
ยอมแพ้ เพราะแคร์ความรัก ไม่ใช่ยอมแพ้เพราะเป็นคนขี้แพ้
คู่ไหนที่บ้าศักดิ์ศรี มั่นทำตัวเป็น "คู่รบ" มากกว่า "คู่รัก" วันๆ ไม่เป็นอันทำอะไร รบกันอยู่นั่นแหละ ถ้าแฟนสร้างปัญหาให้ต้องเสียใจ แทนที่จะปรับความเข้าใจกลับสวมชุดออกรบพร้อมจะเอาคืนให้สาสม เมื่อเราไม่สามารถประคับประคองความสัมพันธ์ให้สงบสุขได้วันหนึ่ง...สงครามนั่นแหละเป็นตัวทำลายล้างทุกอย่างจนพังพินาศไม่เหลือชิ้นดี
**ความรู้สึก เป็นเรื่อง "สำคัญ"
แค่ความรู้สึกเปลี่ยนนิดเดียว ชีวิตก็สมมารถเดินผิดทางได้**
หากเราเผลอทำร้ายความรู้สึกกันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น บางคนเลลือกใช้วิธี "ควงคนอื่น" เพื่อให้แฟนตัวเองรู้สึกเจ็บปวดกับภาพที่เห็นเมื่อแฟนเที่ยวหนัก กลับบ้านดึก ก็ลงทุนย่ำราตรีประชดกันว่าฉันก็มีสิทธิ์ทำอะไรได้เหมือนที่เธอทำยิ่งยั่วกัน...ความรุนแรงก็ยิ่งก็ตัวเพิ่มขึ้น
บางครั้งฝึกมองเรื่องยากๆให้เป็นเรื่องง่ายๆบ้างก็ดีอย่าไหลไปตามกระแส หากโกรธกันหรือมีอะไรที่ไม่พอใจกันก็ "ปรับความเข้าใจกัน"
ยอมแพ้ดีกว่า ถ้าชนะแล้วเจ็บปวด
ยอมแพ้ดีกว่า ถ้าชนะแล้วมีอีกคนต้องร้องให้
ถ้าการเป็นผู้ชนะ มีรางวัลเป็นความโดดเดี่ยวเป็นใครก็คงไม่ต้องการ อย่าเสี่ยงที่จะเสียความรักไปง่ายๆเพียงเพราะศักดิ์ศรีที่ "ที่ไม่มีใครยอมใคร" อีกต่อไปเลย "ศักดิ์ศรี" ใช้ได้กับบางเรื่อง แต่ถ้าจะใช้ศักดิ์ศรีมาเอสชนะกัน เท่ากับได้รางวัลเป็นความพ่ายแพ้
แค่เปลี่ยนความรู้สึก...ชีวิตก็เปลี่ยน
เปลี่ยนจากผู้ชนะ มาเป็นผู้แพ้ อาจมีความสุขกว่าหลายเท่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!