จีนกำลังเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจดั่งเช่นทุกวัน ชีวิตวัยม.ปลายที่สนุกสนานกำลังรอเขาอยู่ วันปฐมนิเทศน์วันนี้ก็มีเพื่อนเยอะเสียด้วย นับจากนี้ไปรั้วชีวิตม.ปลายของเขาจะต้องสดใสอย่างแน่นอนเลยล่ะ ดวงตากลมโตมองเห็นร้านเก่าๆ ร้านนึงซึ่งทางเดินเส้นนี้ก็ถูกใช้ในการกลับบ้านเป็นประจำอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเลยนะ ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน มือขาวผลักประตูเข้าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"สวัสดีครับ มีใครอยู่ไหมครับ" เสียงทุ้มหวานเอ่ยถาม
"มีครับ สวัสดีครับหนุ่มน้อย" ผู้อยู่ด้านในเอ่ยสนทนาโต้ตอบกลับไป
"หมายถึงผมเหรอครับ" ไม่ถามเปล่ายังคงชี้นิ้วมาทางตนเองอีกด้วย นับว่าเป็นท่าทางว่าน่ารักทีเดียว
"ใช่ครับ ไม่ทราบว่าจะมาดูดวงหรือครับหนุ่มน้อย"
"เปล่าครับ พอดีผมไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อนเลยมาถามดูครับ"
"งั้นลองมาดูดวงสักหน่อยไหมครับ ไหนๆ ก็แวะเข้ามาในร้านของผมแล้ว" เสียงทุ้มถามพลางสับไพ่ยิปซีในมือรอ
"ลองดูก็ได้นะครับ"
จีนฟังคำอธิบายจากหมอดูหนุ่มด้วยความตั้งใจ มือขาวทั้งสองแนบอกตนเองพลางอธิฐานด้วยความซื่อสัตย์และหยิบไพ่ใบต่าง ๆ ออกมาจากใจที่ตนเองได้คิดดีและตัดสินใจเอาไว้ทั้งหมดแล้ว สีหน้าของหมอดูหนุ่มมีท่าทีหนักใจไม่น้อยเลยทีเดียว เขาเงียบไปนานจนจีนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับไพ่ของเขากันแน่นะ ชักจะใจไม่ดีเสียแล้วสิ
"มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นคุณเงียบไปนานมากแล้ว" ดวงตากลมโตมีแววสั่นระริกด้วยความไม่มั่นคงทางอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
"ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงหยิบสัญลักษณ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความหมายโดยรวมแปลว่าเธอจะต้องเดินทางไกลแสนไกล เดินทางไปในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักเธอและเธอก็ไม่รู้จักเขา ที่นั่นจะเต็มไปด้วยภยันอันตรายต่าง ๆ รออยู่มากมาย แต่จะมีคนมาคอยช่วยให้เธอปลอดภัยและเป็นคนสูงศักดิ์ นอกนั้นผมไม่สามารถทำนายให้ได้อีกแล้ว ถือว่าเป็นดวงที่ประหลาดมากจริงๆ ครับ"
"ครับ งั้นผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ"
เป็นไปไม่ได้หรอกนะที่เขาะจะต้องเดินทางไปไหนไกลแบบนั้น หรือว่าเขาอยากจะเป็นนักบินอวกาศงั้นรึ ไม่หรอก! เขาตั้งใจจะเป็นนักเขียนต่างหาก ยิ่งไม่มีทางเลยที่จะต้องเดินทางไกลมากขนาดนั้นหรือว่ามันมีความหมายอะไรมากกว่านั้นกันแน่นะ จีนยังไม่มีเวลาใช้ความคิดมากขนาดนั้นก็พลันเห็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเสียแล้ว
มันคือสิ่งที่เห็นเหมือนจะชินตา...
แต่ครั้งนี้มันคือการปล้นชัดๆ
แบบนี้ต้องเข้าไปช่วยซะแล้ว
ไวเท่าความคิดด้วยความสูงที่มีมากถึงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร ทำให้การวิ่งไปถึงเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีอุปสวรรคอะไรมากนัก หมัดขวาถูกชกเข้าหน้าคนร้ายอย่างจัง ถึงชื่อของจีนจะเหมือนผู้หญิงแต่ยังไงเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาเสียด้วย.....เพราะเป็นถึงกัปตันชมรมคาราเต้สายดำ เหตุการณ์แบบนี้เขาควรจะต้องแจ้งตำรวจให้มาจับคนร้ายเหล่านี้ไปรับโทษเสียให้เข็ด
"เก่งนักนะแก" มือข้างที่ว่างของคนร้ายหยิบปืนกระบอกสั้นขึ้นมา ปลดล็อคเซฟตี้แล้วลั่นไกยิงใส่ร่างของจีนกะทันที ถึงแม้ว่าจะหลบหลีกได้ทันแต่ด้วยจำนวนที่มากกว่าทำให้ไม่สามารถหลบได้ทุกนัดดั่งเช่นในละครหรือภาพยนตร์ที่เขาเคยดูอยู่ทุกวัน
"ช่วยด้วยค่ะ! มีคนถูกยิง! " เสียงหญิงสาวตะโกนขอความช่วยเหลือ ซึ่งเธอก็คือคนเดียวกับที่โดนโจรปล้นนั่นเอง ขาข้างหนึ่งก้าวพลาดส่งผลให้ร่างสูงโปร่งตกลงแม่น้ำทันที
ตูม!
ถึงแม้ว่าจะมีเสียงโหวกเหวกดังแค่ไหน ก็ไม่สามารถเข้าหูของเขาได้อีกแล้วในเวลานี้ ร่างสูงโปร่งถูกดูดเข้าฟองน้ำที่รวมตัวกันเป็นจำนวนมากในส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำสายนี้ โดยที่เจ้าตัวนั้นไม่ได้สติเลยแม้แต่น้อย หากจีนยังคงอยู่ในแม่น้ำนานกว่านี้...อีกไม่ช้าเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน แสงสว่างขนาดใหญ่กำลังล้อมรอบร่างกายของเขาเอาไว้จนมันหายไปจากแม่น้ำแห่งนั้น
"แค่กๆๆ " ร่างกายของจีนมีปฏิกิริยาทันทีที่รู้สึกตัว เขากระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตาว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ไหน
"ฟื้นแล้วหรือพะยะค่ะ ทานอาหารเสียหน่อย ท่านสลบไปหลายวันเลยทีเดียว" ร่างของชายที่ดูจากรูปลักษณ์แล้วอายุไม่ได้ต่างกับเขานั้นบอกด้วยท่าทางใจดี แต่เขาจะไว้ใจได้หรือไม่ ในเมื่อตอนนี้อยู่ที่ไหนยังไม่รู้เลย
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังไม่ไว้ใจพวกข้าสินะ" ชายอีกคนหนึ่งที่ตัวสูงกว่าเดินเข้ามาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แสดงว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน นี่เขาถูกพลัดมาไกลถึงต่างประเทศเลยเหรอ ทำไมถึงมีแต่คนสีผมแปลกตาเช่นนี้
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้พูดด้วยวาจาหยาบคายหรือล่วงเกินแต่ท่าทีของจีนเองก็มีอาการสั่นเกร็งและหวาดระแวงอย่างชัดเจน เขาเข้าใจที่อีกฝ่ายพูดทุกคำแต่ไม่สามารถไว้ใจอีกฝ่ายได้เลย เขาเป็นใคร แล้วนี่มันที่ไหน แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่
"ไม่ต้องกลัวนะ กระรอกน้อยของข้า" ร่างสูงเดินมาใกล้ขอบเตียงแล้ววางมือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มด้วยความอ่อนโยน มืออีกข้างที่ยังว่างดึงร่างสูงโปร่งเข้ามากอดไว้หลวมๆ เพื่อปลอบไม่ให้ตกใจกับสิ่งที่เห็นอยู่ตอนนี้ คีย์ใช้เวลาปลอบอีกคนเป็นเวลานานทีเดียวกว่าจะยอมกินข้าวและนอนพักนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดเดียว
"นอนนะ กระรอกน้อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันนะ" จีนพยักหน้าอย่างว่าง่ายแล้วยอมนอนแต่โดยดี
แกร๊ก!
"รัชทายาทไม่คิดจะบอกความจริงกับคุณชายเหรอ ปล่อยไว้นานแบบนี้ไม่ดีนะพะยะค่ะ" คนสนิทของคีย์เอ่ยเร่ง
"ข้ารู้ว่าควรทำยังไง ตอนนี้กระรอกน้อยเพิ่งมาถึงที่นี่และดูท่าว่าจะยังตกใจ รอพรุ่งนี้เช้าแล้วค่อยคุยกันดีกว่านะ"
"แต่ว่า..."
"เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก ด้วยอำนาจของข้าแล้ว...ไม่มีใครพากระรอกน้อยไปไหนได้ทั้งนั้น กระรอกน้อยจะต้องเป็นของข้าแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น"
ร่างสูงเดินออกมาจากห้องขอจีนอารมณ์ที่แสดงไปเมื่อกี้ก็พลันเปลี่ยนทันทีแววตาขี้เล่นจริงจังขึ้นมาในทันที ยังไม่น่าจะมีใครล่วงรู้ว่าเด็กน้อยที่นอนอยู่ในห้องนั้นเป็นใคร จากคำทำนายที่บอกไว้ว่าเนื้อคู่ของเขาจะไม่ใช่คนในอาณาจักรนี้ดูท่าว่าจะเป็นจริงขึ้นมาเสียแล้ว ตอนแรกที่เขาได้ยินเมื่อหลายร้อยปีก่อนจะให้เชื่อคงจะเป็นไปไม่ได้ แต่การบอกรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจนแบบนี้ ท่าทางว่าเรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องหลอกเด็กอีกต่อไปเสียแล้ว
"รัชทายาทจะทำยังไงต่อไปพะยะค่ะ" เมล์ คนสนิทขององค์รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเขารู้ว่าผู้เป็นนายในตอนนี้เชื่อคำทำนายนั่นเสียแล้ว จะไม่ให้เชื่อได้ยังไงล่ะ....ในเมื่อหลักฐานนอนอยู่ในห้องรับรองแบบนั้นน่ะ
"รอถามวันพรุ่งนี้แล้วกัน แต่เหมือนว่าจะมีแขกไม่ได้รับเชิญมาถึงที่นี่หลายคนเลยนะ" คีย์บอกด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์พลางมองไปยังผู้ที่ไม่ได้รับเชิญมาด้วยความไม่พอใจ
"อะไรกันพี่คีย์ คิดจะเก็บไว้เล่นคนเดียวหรือยังไง" คลาส น้องชายคนแรกของเขานั้นมีนิสัยมองเห็นคนอื่นเป็นของเล่นตลอดเวลา ยิ่งอะไรแปลกใหม่จะชอบมาวุ่นวายเสมอ
"เป็นพี่ชายคนโตที่นิสัยไม่ดีเอาเสียเลย แบบนี้พวกผมก็ไม่ได้สนุกด้วย" ครอส แฝดคนน้องและเป็นน้องชายคนที่สาม นิสัยไม่ได้แตกต่างจากแฝดพี่นักแต่ติดที่ว่าถ้าติดใจแล้วจะรับเลี้ยงเป็นอย่างดี
"กลิ่นเลือดหอมหวานมันดึงดูดขนาดนี้ นี่ข้าใจเย็นไม่บุกเข้าไปในห้องก็ดีเท่าไหร่แล้วครับ" คลาสพูดพลางแยกเขี้ยวไปด้วยแสงนวลจันทร์ตกกระทบนั้นส่งผลให้เขี้ยวดูน่ากลัวและน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน น่าตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว
"เขาไม่ใช่เหยื่อของพวกแฝดนรกแบบพวกแกหรอกนะ จากที่เห็นแล้วเขามีอะไรที่พิเศษกว่านั้น ซึ่งข้าเองก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร" เสียงทุ้มต่ำบอกแฝงความนัยทำให้แฝดทั้งสองหันมามองด้วยความไม่เข้าใจ
"หมายความว่ายังไงครับ / ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่"
"หึ เดี๋ยวก็รู้เอง" เขาตัดสินใจตอบคำตอบด้วยคำถามแทน
แสงแดดยามเช้าตรู่เป็นสัญญาณของวันใหม่ของมนุษย์ทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับแวมไพร์อย่างคีย์เท่าไหร่นัก เขารู้ว่ากระรอกน้อยจะต้องตื่นกลางวันมากกว่ากลางคืนแน่นอน เลยเลือกที่จะไม่นอนแล้วรออีกฝ่ายตื่นเสียดีกว่า ท่าทางว่าเขาจะเหนื่อยเกินไป ท่าทางจะต้องพักผ่อนเสียหน่อยแล้ว
จีนกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตา ดวงตากลมโตมองมายังบุคคลที่หล่อเหลาและความสูงที่น่าจะมากกว่าเขาพอสมควร เพราะเขาสูงร้อยแปดสิบห้าก็ถือว่าสูงมากแล้วนะแต่ยังมีคนสูงกว่านี้อีก ไม่ใช่สูงเกือบสองเมตรกันเหรอนั่น ร่างสูงโปร่งเดินลงมายังชั้นล่างแล้วเดินดูรอบบริเวณว่ามีลักษณะเป็นยังไง ถือว่าโชคยังดีที่เขาเปิดเข้ามาห้องแรกก็เจอห้องครัวเลย ขออนุญาตเจ้าของบ้านในการทำอาหารหน่อยนะครับ
มือขาวหยิบจับของกินที่คิดว่าทำกินได้ง่ายที่สุด ท่าทางทะมัดทะแมงนั่นน่าหลงใหลได้ไม่ยากเลยทีเดียว การจัดจานและการแกะสลักที่ได้รูปบ่งบอกถึงความตั้งใจเรียนในห้องเรียนเป็นอย่างดีว่ามีความสามารถรอบตัวสมกับเป็นกัปตันชมรมคาราเต้
"หอมจังเลย กระรอกน้อยทำอาหารเป็นด้วยรึ" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความหลงใหลอย่างปิดไม่มิด ดวงตาคมจ้องมองมาด้วยความประทับใจที่ปิดไม่มิดส่งผลให้คนถูกถามรู้สึกแปลกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
"ครับ ผมเป็นกัปตันชมรมคาราเต้เลยต้องทำอาหารให้คนในสมาชิกกันครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนครองโลกได้ทั้งใบ
"ชมรม? กัปตัน? กระรอกน้อยหมายถึงอะไรรึ"
"ขอโทษนะครับ ที่นี่ที่ไหนเหรอครับ" ดวงตากลมโตสั่นระริกด้วยความกลัวแตกต่างจากตอนทำอาหารเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง เหมือนคีย์จะมาผิดเวลาหรือเปล่านะ
"เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังเองนะ กระรอกน้อยกินข้าวก่อนนะ" มือหนาลูบกลุ่มผมนิ่มเป็นการปลอบโยนไม่ให้กลัวและสงบใจลงกว่านี้ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย
สายตาคมมองคนตัวเล็กกว่ากินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เกิดมาเพิ่งจะเคยเห็นคนกินไปยิ้มไปก็วันนี้แหละ รอยยิ้มดูเหมือนจะทำให้โลกทั้งใบสดใส ซึ่งเขาเองก็ปรารถนาจะให้จีนได้รับการปกป้องและถนอมไว้อย่างดีที่สุด
"ผมอิ่มแล้วครับ ผมขอแนะนำตัว ผมชื่อ จิรายุ ไพศาล ชื่อเล่นชื่อจีนครับ"
"ทีนี้จะเล่าเรื่องที่คุณจะบอกให้ผมฟังได้หรือยังครับ"
"ได้สิ กระรอกน้อย"
"ผมขอถามหน่อยนะครับ"
"ว่ายังไงครับ" รัชทายาทลองพูดตามอีกฝ่าย ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นวัฒนธรรมทางนั้น
"ใครคือกระรอกน้อยครับ"
"เจ้าไง กระรอกน้อย" ใบหน้าหวานขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
"ตอนเจอกันครั้งแรกนายตัวสั่นเกร็ง แววตาสั่นระริกเหมือนกระรอก ข้าเลยบอกว่าเจ้าเหมือนกระรอกน้อย" เหตุผลที่ว่ามานั้นไม่รู้ว่าจะดูสมเหตุสมผลหรือเปล่าแต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเข้าใจมากขึ้นแล้ว
"ข้าเจอเจ้าที่แม่น้ำตอนจะกลับบ้าน จู่ๆ เจ้าก็ตกลงมาจากท้องฟ้าแล้วร่วงลงมาที่แม่น้ำ ก็เลยพากลับมาที่บ้านแล้วให้คนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยจนกระทั่งตื่นขึ้นมาแล้วข้าบอกว่าให้เจ้านอนต่อแล้วตื่นมาเช้าวันใหม่อีกรอบนี่ล่ะครับ" คีย์พยายามเล่าให้ฟังแม้ว่าเขาอยากจะนอนมากก็ตามที วิสัยของแวมไพร์ตื่นตอนกลางวันที่ไหนกันล่ะ! แล้วเล่นถามแบบนี้จะไม่ตอบก็คงจะไม่ได้สินะ
"ผมตกลงมาจากท้องฟ้าเหรอครับ" จีนทวนคำตอบพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วคีย์ก็พยักหน้ารับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มันทำให้เขาหวนนึกถึงคำทำนายของหมอดูคนนั้นขึ้นมาเลย
'ผมไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงหยิบสัญลักษณ์เหล่านี้ขึ้นมา แต่ความหมายโดยรวมแปลว่าเธอจะต้องเดินทางไกลแสนไกล เดินทางไปในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จักเธอและเธอก็ไม่รู้จักเขา ที่นั่นจะเต็มไปด้วยภยันอันตรายต่าง ๆ รออยู่มากมาย แต่จะมีคนมาคอยช่วยให้เธอปลอดภัยและเป็นคนสูงศักดิ์ นอกนั้นผมไม่สามารถทำนายให้ได้อีกแล้ว ถือว่าเป็นดวงที่ประหลาดมากจริงๆ ครับ'
"มีอะไรหรือเปล่ากระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความเป็นห่วง เพราะว่าใบหน้าหวานได้รูปของอีกฝ่ายดูมีอาการสับสนอย่างเห็นได้ชัด
เดินทางมาไกลแสนไกล...
เดินทางไปในดินแดนที่ไม่มีใครรู้จัก...
เต็มไปด้วยอันตราย...
เป็นคนสูงศักดิ์...
ไม่สามารถทำนายได้อีกแล้ว...
"หรือว่า! "
"หรือว่าอะไรเหรอ กระรอกน้อย"
"ผมเดินทางข้ามเวลามาจริงๆ อย่างที่หมอดูคนนั้นบอก" มือขาวทึ้งหัวตนเองด้วยความสับสนแต่มันก็มีแต่ให้คิดแบบนี้แล้วล่ะนะ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วล่ะ
"คุณชายพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไงครับ" เมล์ถามเสียงเข้มทันที
"อย่าพูดจาแบบนั้นกับกระรอกน้อยนะเมล์" คีย์เตือนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำกว่าปกติ
"ขอโทษพะยะค่ะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ" เมล์รีบขอโทษขอโพยอีกฝ่ายทันที
"ข้าจะพากระรอกน้อยงานเลี้ยงคืนนี้นะ ไปกับข้าไหม" มือหนากุมมือขาวเอาไว้แล้วรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
"ค... ครับ" จีนไม่อาจทนสายตาออดอ้อนแบบนั้นได้เลยตอบตกลงไปแบบอย่างเสียไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาทำท่าทางแบบนี้กับเขาเลยสักคนนะ แต่ทำไมอีกคนถึงแบบนี้กันนะ
"คุณยังไม่ได้บอกชื่อผมเลยนะครับ"
"ขอโทษนะกระรอกน้อย ข้า บีเลอ คีย์ จะเรียกว่าคีย์ก็ได้นะ"
บรรยากาศงานเลี้ยงถูกจัดแบบสมัยยุโรปตอนกลางชวนให้พิศวงยิ่งนัก แถมงานเลี้ยงยังเป็นตอนกลางคืนอีก ทำให้รู้เลยว่าเขาข้ามเวลามาที่โลกคู่ขนานอีกจริงๆ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ข้ามเวลาแต่มันคือที่ไหนมากกว่าต่างหากล่ะ
"ที่นี่สามารถกินอาหารทุกอย่างได้ตามที่ต้องการเลยนะ กระรอกน้อยไม่ต้องกังวลไป"
"ครับ คุณคีย์"
"จุ๊ๆๆ ไหนลองเรียกท่านพี่สิ" มีใครเคยบอกเขาไหมว่าทำท่าทางแบบนั้นโคตรจะเซ็กซี่เลย ใจมันเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเลย หน้าเขาจะต้องแดงมากแน่ๆ
"ท... ท่าน... ท่านพี่" เสียงหวานเอ่ยออกมาด้วยความยากลำบาก ดวงตาทั้งสองข้างปิดแน่นด้วยความเขินอาย เขาแทบอยากจะหนีหายไปจากตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
"เก่งมาก ลืมตาขึ้นสิ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก" เสียงทุ้มต่ำกระซิบใกล้ใบหูจนจีนเขยิบหนีด้วยความตกใจ
"เดี๋ยวข้าจะไปคุยธุระ กระรอกน้อยอยู่แถวนี้ไปก่อนนะ"
"ครับ"
อาหารและของคาวหวานมากมายถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม สวยจนดวงตากลมโตละสายตาไปไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ร่างสูงโปร่งเดินชมความงามในการจัดเรียงอาหารเอาไว้และคิดว่าถ้ามีเวลาก็จะลองทำอาหารและจัดแบบนี้ดูบ้างก็คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
"ไม่ทราบว่าคุณชายมาจากตระกูลไหนเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าเลย" เสียงทุ้มหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ใบหน้าหล่อเหลาราวกับอัญมณีชั้นดี รูปร่างสูงใหญ่รวมทั้งท่าทางสง่างามเช่นนี้ น่าจะเป็นคนสูงศักดิ์ไม่น้อยเลยทีเดียว
"ค... คือว่า..." ใบหน้าหวานมีท่าทีอึกอัก เขาไม่รู้จะตอบคนตรงหน้าว่าอย่างไรดี เพราะว่าตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าอยู่ในฐานะอะไร แล้วอยู่ที่ไหน
"ขอโทษที่เสียมารยาท ข้ามาร์แชล บลัฟเฟอร์ เรียกว่าบลัฟก็ได้"
"ครับ ผม จิรายุ ไพศาล ชื่อเล่นจีนครับ เรียกจีนก็ได้ครับ" ใบหน้าหวานยิ้มตอบด้วยความสดใส เจ้าตัวไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มของตนเองเหมือนมนต์สะกดให้ใครต่อใครหลงรักได้ไม่ยากเลย
"ชื่อแปลกดีนะครับ น่าหลงใหลมาก" เสียงทุ้มหวานเอ่ยชมไม่ขาดปาก ดวงตาจับจ้องอย่างชื่นชมอย่างปิดไม่มิด สูทสีขาวนั้นขับผิวของจีนให้ดูอมชมพูน่าสัมผัสมากกว่าเดิมและน่าปกป้องเพิ่มมากขึ้นไปอีก
"ถือว่าเป็นคำชมใช่ไหมครับ" จีนถามพลางหัวเราะไปด้วย จู่ๆ ร่างกายของมาร์แชลก็เหมือนโดนยึดให้ตกอยู่ในห้วงรอยยิ้มไม่สามารถหนีจากไปไหนได้ ทั้งที่เป็นผู้ชายแต่ทำไมกลับน่าหลงใหลแบบนี้กันนะ
พรึ่บ!
จู่ๆ ไฟในงานเลี้ยงก็ดับลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ วันนี้เป็นคืนที่พระจันทร์ส่องแสงมากเป็นพิเศษทำให้ดวงตากลมโตมองเห็นบางอย่างที่กำลังเข้าใกล้มาร์แชลโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ดาบขนาดใหญ่กำลังจะฟันเข้าที่ร่างของคนตัวสูงกว่า มือขาวออกหมัดสวนกลับไปทันทีเพื่อโต้ตอบคนร้าย ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันในความมืดไม่มีใครยอมใคร แต่แล้วไฟในงานก็เกิดสว่างขึ้นมาเหมือนเป็นใจยังไงยังงั้น มือขาวดึงเนคไทออกมาแล้วเอาห่วงของเนคไทคล้องแขนคนร้ายแล้วกระตุกปมจนสุด ส่งผลให้ดาบร่วงหล่นสู่พื้นทันที
เคร้ง!
"เจ้าเป็นใครกัน ทำไมถึงมีวิชาการต่อสู้ที่ไม่ต้องใช้อายุก็สามารถสู้ได้อยู่ด้วย" นายทหารคนหนึ่งถามออกมาด้วยเสียงมีอำนาจแล้วชักดาบออกมาระยะประชิดใบหน้าหวานทันที
"ข้าถามไม่ได้ยินเหรอหนุ่มน้อย"
นี่มันอะไรกัน.....
เขาช่วยมาร์แชลไว้แท้ๆ แต่ทำไมถึงกลับโดนกล่าวหาว่าเป็นผู้ร้ายแบบนี้ล่ะ
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
รอบนี้อาจจะไม่รอดแล้วก็ได้นะ
หมับ!
ร่างสูงโปร่งสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว เมื่อมีมือปริศนามาจับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้แล้วพยุงให้เขาลุกขึ้น สายตาคมมองนายทหารคนนั้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเข้าไปทั้งตัวแล้ว
"ขอความกรุณาอย่าเอาดาบมาจ่อที่คู่หมั้นของข้าจะได้ไหม สารวัตรเรเวล"
"นี่เจ้าชายหรือจะเรียกว่าองค์รัชทายาทจะมาขวางการจับกลุ่มครั้งนี้ของข้ารึ"
"จากที่ข้าดูคือเด็กคนนี้ช่วยจับคนร้ายไว้แต่ทำไมถึงทำเหมือนถูกกล่าวหาแทนแบบนี้ กรุณาอย่ามองคู่หมั้นของข้าด้วยสายตาแบบนั้นอีก" จากน้ำเสียงของคีย์แล้วไม่ใช่การบอกด้วยความกรุณาแต่เป็นคำสั่งจากผู้เป็นนายมากกว่า
"ค... คู่หมั้น... ของท่านพี่..." เสียงหวานเอ่ยทวนคำของอีกฝ่ายด้วยความเคอะเขิน เขาทำตัวไม่ถูกที่คีย์เรียกแบบนี้ หมายความอย่างที่พูดจริงๆ เหรอ
"ใช่ คู่หมั้นของข้า" มือหนาจับแก้มอมพูระเรื่อทั้งสองด้วยความเอ็นดู
"ไม่ได้เหรอ กระรอกน้อย"
"แต่สำหรับข้าแล้ว ข้าคิดว่าได้นะ กระรอกน้อยของข้า"
"อะไรนะ! เด็กคนนั้นเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาท"
"หมายความว่ายังไงกัน"
"ยังงี้ลูกสาวของฉันก็อดตำแหน่งจักรพรรดินีสินะ"
"แล้วเป็นลูกตระกูลไหนกันถึงได้ครองหัวใจของรัชทายาทได้นะ"
เสียงซุบซิบนินทาต่างๆ นานาถูกพูดถึงเป็นอย่างมากในงานเลี้ยงภายในวันนี้ แล้วมันเรื่องอะไรกันแน่
ดาบจ่อหน้า
คู่หมั้น
รัชทายาท
จักรพรรดินี
หรือว่า!
"ท่านพี่เป็นลูกขององค์จักรพรรดิใช่ไหมครับ" เสียงหวานถามออกมาด้วยน้ำเสียงก่ำกึ่ง ดวงตากลมโตมีแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด
"ใช่ แต่ว่ายังไม่มีเวลาเล่าเลยก็เกิดเรื่องซะแล้วสิ" น้ำเสียงของคีย์แลดูไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเหตุการณ์นี้มากนัก
"พี่ชายของข้าถึงกับออกโรงปกป้องแบบนี้ มันต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็นอย่างแน่นอน" คลาสพูดพลางมองร่างของจีนด้วยความสงสัย
"นั่นสิ ปกติพี่ชายของพวกข้าไม่มาทำอะไรแบบนี้หรอกนะ" ครอสมีท่าทีเห็นด้วยพลางมองตามพี่ชายฝาแฝดของตนเอง
"ท่าทางว่ารัชทายาทจะต้องอธิบายท่านจักรพรรดิและจักรพรรดินีภายในวันพรุ่งนี้นะ พรุ่งนี้เช้ารบกวนเข้าเฝ้าที่วังหลวงด้วยพะยะค่ะ" มีเทน คนสนิทของจักรพรรดิบอกตามคำสั่งที่ได้รับมา เป็นอันรู้ดีในหมู่ของคนรับใช้ว่าแม้เขาจะเป็นคนรับใช้เหมือนตระกูลอื่นๆ แต่เขามีเส้นสายและอำนาจมากพอที่จะทำให้บางตระกูลหายไปได้เลยทีเดียว
"อึ๋ย! แค่ฟังเสียงก็น่ากลัวอะ / สยองขวัญชัดๆ เลย" สองแฝดพากันขนลุกซู่ในขณะที่พี่ชายคนโตทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้นเอง
นี่เขากำลังทำให้คีย์ลำบากใจหรือเปล่านะ ทั้งที่แค่จะช่วยคุณบลัฟเฟอร์แล้วทำไมกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้แบบนี้ โลกนี้มันยังไงกันแน่เนี่ย โลกนี้ถูกหล่อหลอมมากแบบไหนทำไมถึงเกิดสงครามแบบนี้
"ขอโทษนะ แต่คุณชายจีนน่าสนใจมากจริงๆ มาถึงที่นี่ก็ได้พบกับท่านจักรพรรดิแล้ว ข้าเองก็ทำงานรับใช้มานานยังไม่เคยได้รับการเรียกส่วนตัวเช่นนี้เลย" มาร์เเชลบอกด้วยสีหน้าชื่นชมซึ่งคีย์ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายให้ความสนใจกระรอกน้อยของเขาแน่นอน
"ผมว่ายังไงมันก็แปลกนะครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบไปด้วยความสงสัย ที่นี่มีแต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจสักอย่าง แถมความทรงจำของเขามันก็ค่อนข้างที่จะเลื่อนลางเสียด้วย
"หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคุณชายจีน" ไม่พูดเปล่ามือหนายังเอื้อมมาจับมือขาวพลางกดจูบเบาๆ ก่อนจากไปอีกต่างหาก
"เอ๋! " เขาขยับตัวหนีทันทีด้วยความตกใจแต่ปฏิกิริยาแบบนี้ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปมากกว่าเดิมอีก กระรอกน้อยของคีย์ดูท่าว่าจะเนื้อหอมมากว่าที่คิดไว้เสียแล้ว
"ข้าคิดว่ากลับกันดีกว่าครับกระรอกน้อย พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก"
"ครับ"
มือหนากุมมือขาวเอาไว้ไม่ยอมปล่อยแม้ว่าจะพาเดินออกมาจากงานเลี้ยงแล้วก็ตามที เขาตั้งใจมาประกาศว่ากระรอกน้อยเป็นของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ดูสายตาของพวกแวมไพร์กระหายเลือดเหล่านั้นสิ ดูก็รู้ว่าอยากดื่มเลือดมากแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด
จีนนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะไม่รู้ว่าสีหน้าครุ่นคิดของคีย์นั้นหมายถึงอะไร ดวงตากลมโตพยายามมองหาว่าที่นี่คือที่ไหน มันคือดินแดนอะไร ทำไมทุกคนถึงมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเข้าไปได้ทั้งตัวแบบนั้นด้วย ไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว แล้วทำไมคีย์ต้องโมโหขนาดนั้น มีแต่เรื่องให้งงไปหมดเลยวันนี้
"กระรอกน้อย" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียก หลังจากพากันเงียบอยู่นาน
"ที่นี่คือดินแดนที่แวมไพร์อาศัยอยู่ กระรอกน้อยเป็นมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่แปลกที่จะมีแต่คนสนใจเพราะว่ากลิ่นเลือดมันหอมหวานเชิญชวนให้อยากดื่มตลอดเวลาขนาดนี้ แต่ข้ามีความอดทนมากพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น...ถ้ากระรอกน้อยไม่เต็มใจ"
ที่แท้ก็มาอยู่โลกของแวมไพร์นั่นเอง เขาก็นึกว่าที่ไหน
เดี๋ยวนะ!
แวมไพร์!
แวมไพร์!
ดื่มเลือด!
ร่างสูงโปร่งเขยิบหนีโดยอัตโนมัติเมื่อรู้ว่าเผ่าพันธ์ของพวกเรานั้นแตกต่างกันมากแค่ไหน ส่งผลให้อีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู เพราะถ้าหากว่าเขาต้องการจะดื่มเลือดใครขึ้นมาแล้วล่ะก็...สำหรับเลือดบริสุทธิ์อย่างเขาแล้ว มันไม่ยากเกินความสามารถหรอก แต่ที่เลือกจะไม่ทำเพราะต้องการถนอมอีกฝ่ายไว้ให้นานที่สุดมากกว่า และเลือดของอีกฝ่ายมันไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
"กระรอกน้อยเคยเห็นหน้าพ่อไหม" เสียงทุ้มต่ำถามเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ดีขึ้น
"อย่ากลัวไปเลย ข้าไม่เลือกคนที่ไม่เต็มใจหรอกนะ ที่นี่มีวิวัฒนาการที่ให้มนุษย์บริจาคเลือดให้แวมไพร์อย่างพวกข้าเพราะฉะนั้นไม่ต้องไปปล้นกินก็มีให้ดื่มกินตามต้องการ"
"ท่านพี่เหมือนบุคคลในหนังสือของคุณตา" ดวงตากลมโตกรอกไปมาเพื่อใช้ความคิด
"เหมือนยังไง" เสียงทุ้มต่ำถามด้วยความใคร่อยากรู้
"มันเป็นสมุดบันทึกของคุณตา ท่านบันทึกไว้ว่าเคยไปยังสถานที่แห่งหนึ่งโดยคิดว่าไม่อาจจะกลับไปได้อีกแล้ว เป็นดินแดนที่มนุษย์กับแวมไพร์อาศัยอยู่ด้วยกัน..." เขาเริ่มรู้ตัวแล้วว่าพูดมากเกินไปเลยหยุดพูดเสียดื้อๆ
"ไม่ต้องคิดมากค่ะ พูดต่อเลย ข้าอยากฟัง"
"เป็นสถานที่โลกของพวกเราไม่มี เพราะพวกเรามีเพียงมนุษย์เท่านั้น และมีเพื่อนชื่อว่าคีย์ที่ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้ เขาอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายเพราะไม่มีวิธีที่จะกลับมายังโลกเดิมของตนเองได้ แต่อยู่มาวันหนึ่งสมุดบันทึกที่เขาเคยจดก็หายไปแล้วมาอยู่ที่บ้านของผมครับ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนเอามาให้ครับ" เขาเล่าตามที่ได้ยินมาแต่ฟังดูแล้วมันดูขัดกันไปเสียหมด ไม่เข้ากันเลยสักอย่าง
"กระรอกน้อยก็รู้สึกใช่ไหมครับว่ามันไม่เข้ากันอย่างแรง" ใบหน้าหวานพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะมันไม่เข้ากันจริงๆ
"ข้าคิดว่ากระรอกน้อยไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นลูกครึ่งเทพเพราะว่ากลิ่นเลือดมนุษย์มันยังอยู่ในตัว"
"เอ๋!!! "
"ไม่ได้สังเกตเลยเหรอคะ ปีนี้กระรอกน้อยอายุเท่าไหร่"
"กำลังจะสิบแปดครับ"
"อีกไม่นานเลือดในตัวของกระรอกน้อยจะเป็นคนบอกเอง ที่ข้าพูดแบบนี้เพราะว่าปู่ของกระรอกน้อยก็คือเพื่อนของข้า และมีกลิ่นเลือดแบบเดียวกัน"
"อะไรนะครับ! นี่ท่านพี่อายุเท่าไหร่ครับเนี่ย! " ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ นี่มันสามรุ่นมาแล้วนะ คีย์อายุเท่าไหร่กันแน่
"เอาเป็นว่าเก็บเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัวเข้าวังหลวงกันวันพรุ่งนี้ดีกว่านะ ท่าทางจะต้องโดนสอบสวนอีกเยอะแน่ๆ และยังต้องเจอมาร์แชลด้วยเพราะว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้น"
"ครับ"
ร่างสูงโปร่งถูกปลุกตั้งเช้าตรู่และยังไม่ได้กินอาหารเช้าด้วยซ้ำ โดนที่เจ้าคฤหาสน์ให้เหตุผลว่าไปกินที่วังหลวงเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา มือขาวเลยเตรียมอาหารแบบลวกๆ อย่างแซนวิชมาเพื่อพกกินระหว่างทาง เมื่อก้าวเข้ามาในรถม้าแล้วก็ไม่ลังเลที่จะหยิบขึ้นมากินในทันที ดวงตาคมมองด้วยความสงสัยและเอ่ยปากถามในทันที
"กระรอกน้อย ที่กินเข้าไปคืออะไรเหรอ" เสียงทุ้มต่ำถามพลางเอียงคอมองไปมาด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะอายุมากแล้วแต่การกระทำแบบนั้นน่ารักไม่น้อยเลยทีเดียว
"แซนวิชครับ คือการนำขนมปังมาตัดเป็นแผ่นแล้วใส่ผัก และเนื้อที่ต้องการกินแล้วใส่น้ำที่ทำขึ้นมาแล้วลงไปครับ โดยน้ำเหล่านี้แล้วแต่ว่าจะเป็นน้ำสลัดหรือว่าน้ำผักหรือจะเป็นแยมหรือเนยก็ได้ทั้งหมดครับ แต่ผมเห็นว่าในตู้เย็นมีเพียงเนยเลยทาด้วยเนยสดครับ"
"วิเศษมากเลย กระรอกน้อยมีให้ข้าลองกินไหมคะ"
"มีครับ ผมทำเผื่อไว้สองอัน"
"แล้วทำไมถึงต้องกินระหว่างเดินทาง ในเมื่อก็ใกล้จะถึงวังหลวงแล้ว"
"แซนวิชคืออาหารว่างหรืออาหารกินเล่นครับ ไม่ใช่อาหารหลักในการกิน ถือเป็นมื้อระหว่างวันครับ สำหรับโลกของผมมันเป็นแบบนี้ครับ"
"สุดยอดเลย ถ้างั้นลองทำอาหารว่างให้ข้ากินแบบนี้ระหว่างวันได้ทุกวันไหม"
"ได้ครับ ยังไงผมก็ชอบทำอาหารอยู่แล้วครับ"
"กระรอกน้อยจะทำให้ข้าประทับใจไปถึงไหนกันนะ ข้าไม่รู้จะเริ่มชมจากตรงไหนก่อนแล้วนะ"
เหมือนได้รับคำชมมากมายเริ่มทำให้ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อขึ้นมาดื้อๆ ถึงแม้ว่าอากาศจะเย็นสบายแต่เหมือนมีไฟมาสุมรวมกันอยู่ที่แก้มนวลทั้งสองข้างเลย
"ขอบคุณครับ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ท่านพี่พึงพอใจครับ" เสียงหวานเอ่ยตอบกลับไปไม่เต็มเสียงนัก เขาหลีกเลี่ยงที่จะสนทนาด้วยการมองไปที่วิวด้านนอกแทน ทุกอย่างเป็นอย่างที่ถูกเขียนไว้ในบันทึก บรรยากาศเหมือนยุโรปกลางชัดๆ ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในบางเรื่องแต่เรื่องวัฒนธรรมบางอย่างก็ไม่มีสินะ
รถม้ายังคงเดินทางออกไปตามเส้นทางหลักของหัวเมืองทางตะวันออก ถ้าเทียบกับทิศทางของใจกลางจักรวรรดิแล้ว เส้นทางของตะวันออกถือว่าเดินทางได้ง่ายที่สุดแล้ว และมีของที่ค่อนข้างสะดวกสบายกว่าหัวเมืองอื่นมากนัก
"ถึงแล้วพะยะค่ะ หม่อมฉันขอตัวไปเก็บรถม้าก่อน"
"อืม อย่าลืมขนของเข้ามาด้วยล่ะ"
"พะยะค่ะ รัชทายาท"
วังหลวงถูกดีไซน์ด้วยสีโทนดำเกือบทั้งหมดตัดกับสีขาวบางส่วนคงความเก่าแก่และน่าสะพรึ่งกลัวไว้ในคราวเดียวกัน สมแล้วที่เป็นวังของแวมไพร์น่ากลัวได้ดีเลยทีเดียว เหมือนกับว่าสามารถประกาศศักดาและข่มขวัญคู่ต่อสู้ได้ดีเลยทีเดียว ร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปโดยไม่มีท่าทีหวั่นไหวอะไรเลยทำให้อีกฝ่ายประหลาดใจไม่น้อย
ที่นี่ถ้าเปรียบกับโลกมนุษย์แล้วก็เหมือนบ้านผีสิงขนาดใหญ่เท่านั้นเอง แล้วเขาไม่ได้กลัวผีจะทำท่าตื่นกลัวไปทำไมกัน เดินไปด้วยท่าทีสบายๆ มันก็ไม่มีอะไรแล้ว อีกอย่างสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เรื่องที่ผิด คนไม่ผิดไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว
"มากันแล้วเหรอ" องค์จักรพรรดิทักทายลูกชายและคู่หมั้นที่ลูกชายไปประกาศไว้ในงานเลี้ยงของบ้านมาร์แชล ทำไมถึงทำแบบนั้น มีเหตุผลอะไรกันแน่ ลูกของเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนจะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน
"ครับ ท่านพ่อ" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยตอบกลับไป
"ครับ ท่านจักรพรรดิ"
"ที่รัก ทำไมเจ้าทำให้เด็กคนนั้นเกร็งล่ะ"
"โธ่! ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ"
"ข้าคิดว่าท่านพ่อคงไม่ได้เรียกมาจากงานที่ยังค้างคาเพื่อมาดูท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกันใช่ไหม" เสียงทุ้มต่ำเริ่มขุ่นมัวตามอารมณ์เพราะว่างานของเขายังมีอยู่มากแต่ถูกลากตัวมาแบบนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยจำใจต้องมายังวังหลวงแห่งนี้
"อรุณสวัสดิ์ คุณชายจีน" มาร์แชลเอ่ยทักทายด้วยท่าทีเป็นมิตรแต่เหมือนว่าคีย์จะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ ก็อย่างว่า...ใครจะพอใจที่มาถูกใจคนที่ตัวเองชอบแบบนี้กันนะ
"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณบลัฟ" ประเด็นมันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่รู้ว่าใครหลงรักตัวเองเข้าแล้วต่างหากล่ะ
"จะเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ ทำไมเจ้าถึงได้สามารถต่อสู้กับคนที่จะมาปองร้ายกับมาร์แชลได้ ทั้งจักรวรรดิเรียนรู้การต่อสู้ด้วยการใช้ดาบและอาวุธต่างๆ นานา ไม่ได้ถูกสอนมาแบบนั้น เจ้าเป็นคนที่ไหนกันแน่ เจ้าอยู่ตระกูลไหน" จักรพรรดิรัวคำถามที่อยากรู้มากมายใส่จีนโดยที่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากนัก มันเหมือนกับสถานการณ์เข้าห้องเย็นในห้องปกครองในโรงเรียนไม่มีผิด การแก้ไขสถานการณ์คือการบอกความจริงไปต่างหาก
"การต่อสู้นี้เรียกว่าคาราเต้ครับ คือการใช้ร่างกายเตะต่อยออกไปในระยะสั้นด้วยความว่องไวและตัดกำลังคู่ต่อสู้ แม้ว่าจะไม่มีอาวุธแต่สามารถต่อสู้กับอีกฝ่ายได้ ผมถูกสอนมาแบบนั้นมากกว่าการใช้อาวุธเพราะว่าการใช้อาวุธเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับที่บ้านผม คนที่ไม่ได้ทำงานด้านนั้นโดยตรงห้ามใช้ครับ
ส่วนเรื่องที่ว่าเป็นคนที่ไหนเป็นคนที่ตกลงมาจากท้องฟ้าครับ ตระกูลไหนนี่ต้องมีตระกูลด้วยเหรอครับ พอดีว่าบ้านผมนับเป็นชื่อกับนามสกุลปกติ เรื่องนี้ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ครับ ส่วนเรื่องอาวุธแล้วล่ะก็...มีวิชากระบี่กระบองตอนม.ต้นผมเองก็ได้เกรด 4 ซะด้วย ใช้ได้สบายแน่นอนครับไม่ว่าจะท่าไม้ตายไหนคือเฉียบขาดมาก"
"มาร์แชล เจ้าออกไปก่อน"
"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดินี" ถึงแม้ว่ามาร์แชลจะสงสัยมากเพียงใดแต่ก็ไม่อาจขัดกับอำนาจขององค์จักรพรรดินีได้ เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายในหมู่แวมไพร์แล้วเลือดต่างหากที่เป็นตัวบ่งบอกว่าใครมีพละกำลังมากกว่าเรื่องเพศ
"ตัวการไปแล้วนะลูกจีน เล่าต่อเลยลูก"
"วิชากระบี่กระบองที่ลูกจีนพูดหมายถึงอะไร" จักรพรรดิถามด้วยความสงสัย
"มันก็คือวิชาการใช้ดาบรูปแบบหนึ่งครับแต่มันเรียกว่ากระบี่กระบองเพราะว่าเป็นการใช้อุปกรณ์จำลองในการต่อสู้ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ครับ" เสียงหวานอธิบายและมีท่าทางประกอบไปด้วย
"ลูกจีนคือคนในคำทำนายของท่านโหราจารย์ใช่หรือไหมคีย์" จักรพรรดินีเอ่ยถามและมั่นใจมากว่าจะต้องใช่
"พะยะค่ะ ท่านแม่"
"ขอประทานอภัยพะยะค่ะ ข้าพาท่านโหราจารย์มาพบแล้ว" เมล์บอกพลางผายมือไปด้วย
"คุณชายหนูจีนจริงๆ ด้วย หน้าตาเหมือนปู่ของท่านมากเลยนะ" สตุฟเฟลบอกด้วยท่าทีสบายๆ ขัดกับตำแหน่งที่ได้ แต่ทำให้คนทั้งท้องพระโรงทราบกันหมดแล้วว่าจีนมาจากโลกอื่นไม่ใช่โลกนี้ เพราะคำทานายระบุไว้ว่า
'คู่ของรัชทายาทไม่ใช่แวมไพร์จากโลกนี้'
'รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาน่ารักเรียกว่าสะสวยเลยก็ว่าได้'
'เป็นคนที่จะตกลงมาจากบนฟ้าเหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อนที่พบเจอมนุษย์คนนั้นนั่นเอง'
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ เงียบกันหมดแบบนี้" เขาเอ่ยถามออกด้วยความสงสัย ทำไมทุกคนมีท่าทีแปลกไปมีทั้งชื่นชมตกใจสับสน ความรู้สึกมันหลาดหลายเกินไปหรือเปล่านะ แล้วแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอที่จะรู้สึกแบบนั้น
"กระรอกน้อย"
"ครับ"
"จากคำทำนายของท่านโหราจารย์ กระรอกน้อยคือมนุษย์ครึ่งเทพ พ่อเป็นเทพ แม่เป็นมนุษย์"
"เอ๋! "
"และที่สำคัญกว่าเลยก็คือ...กระรอกน้อยคือคนในคำทำนาย"
"ครับ? "
"คำทำนายสุดท้ายคือกระรอกน้อยคือเนื้อคู่ของข้า"
"ว่าไงนะครับ!!! "
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!