“ลูกต้องเป็นคนดีนะ เป็นคนเก่งนะ อย่าให้ใครมาดูถูกลูกได้เพียงเพราะจน”
สาวอายุ 35 ปีให้นมจากเต้าลูกที่อยู่บนอ้อมแขน เธอดีใจที่มีลูกน้อย ๆ เกิดมาจากตัวเธอ ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่าเธอมีแฟนหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เธอไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน เพราะแบบนั้นเธอเลยต้องปิดบัง
เรื่องเกิดขึ้นเมื่อเพื่อน ๆ ที่ทำงานมาอวดแหวนแต่งงานกับเธอ สาวสามสิบไม่ค่อยดีใจแทนเพื่อน เพราะเธอรู้สึกว่าโดนทิ้ง เพื่อนของเธออายุมากกว่าเธอ 2 ปี แต่ตอนนี้จะแต่งงานแล้ว
จะให้ทำหน้าบูดเมื่อเพื่อนมาอวกฝดเรื่องแต่งงานก็ใช่เรื่อง เธอเลยไปกล่าวชม
“ดีใจด้วยนะ เขาคุกเข่าขอแต่งงานรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ เขายื่นแหวนมาให้ในตอนที่กินข้าวเย็นเสร็จ ฉันตกใจมากไม่รู้ว่าต้องทำอะไรตอนนั้น”
“เหลือแค่ฉันสินะที่ยังไม่มีคู่”
“เดี๋ยวก็เข้ามา” พูดจบเพื่อนสาวก็เข้ากระซิบข้างหูของเธอ “ลองไปที่ศาลพระภูมิที่มีข่าวลือดูสิ”
เธอรู้ว่าที่ไหน เพื่อนสาวออกห่างจากสาวสามสิบและพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“ฉันไปขอที่นั่นเมื่อ 3 ปีก่อน และฉันก็สมหวัง”
หลังจากเลิกงานเธอก็ตรงดิ่งไปที่ศาลพระภูมิที่เพื่อนว่า แต่เธอไม่ได้อยากได้ผู้ชาย เธอรักเด็ก เห็นลูกคนอื่นแล้วทำให้เธอมีความสุข
ถ้าเกิดเป็นไปได้ เธออยากขอลูกสักคน
ศาลพระภูมิที่ว่าอยู่ติดกับถนนในซอย รอบ ๆ มีชิ้นส่วนศาลพระภูมิอื่นแตกหักวางกระจายทั่วที่ ด้านหลังมีต้นไม้ดูแล้วหลอนพิกล
เธอยกมือไหว้และพูด
“คือว่า ถ้าเป็นไปได้ข้าน้อยอยากขอลูกจากท่านสักคน ถ้าเกิดข้าน้อยมีลูกจริง ๆ ฉันจะนำของมาเซ่นไหว้ 1 ชุดค่ะ”
เธอไม่รู้หรอกว่าวันนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
1 เดือนผ่านไป เธอเริ่มรู้สึกเหม็นไปสักทุกอย่าง อยากจะอาเจียน เธอค้นหาในอินเทอร์เน็ต แต่ละเว็บก็เอาแต่บอกว่าท้อง ซึ่งสมองของเธอก็เชื่อก่อนนั้นอยู่แล้ว ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตเลยทำให้เธอเชื่อ
สาวสามสิบไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาและฉี่ใส่ รอประมาณ 5 นาทีก็พบว่าขึ้นสองขีด ซึ่งหมายความว่าเธอท้องจริง
เธอดีใจ
เพื่อนในที่ทำงานเกิดสงสัยในตัวของสาวสามสิบห้าว่ามีท่าทางที่แปลกไป
พอเข้าเดือนที่ 4 ท้องเธอก็ปล่อง ตอนนี้เพื่อนในที่ทำงานเกิดสงสัยขึ้นมาว่าเธอป่วยหรือท้องกันแน่
“เธอเป็นอะไรกันแน่นะนิสา”
นิสาวัยสามสิบห้านึกหาคำพูดตายในด่านหน้าขึ้นมา
“ฉันท้องน่ะ พ่อของลูกเขาไม่เอา”
“โห”
ใครที่ได้ยินถึงกับตกใจกันหมด
“มันเกิดอะไรขึ้นสา”
นิสาพึ่งนึกได้ว่าเรื่องท้องมันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
“ใครเหรอสา”
นิสาส่ายหัว “เรามีอะไรกันแค่ครั้งเดียว ฉันโทรไปหาเขา ๆ บอกว่าให้ทำแท้ง แต่ฉันกลัวบาป ฉันจะเลี้ยงลูกของฉัน”
หลังจากที่เธอพูดแบบนั้น ทุกคนในที่ทำงานก็ทำตัวกับเธอดีมากกว่าทุกที เธอคิดว่าเพราะลูกในท้องจึงทำให้ทุกคนรักเธอยิ่งกว่าเดิม แบบนั้นนิสาเลยปลื้มลูกเอามาก ๆ
แต่เพราะรายได้ที่ต้องใช้ในการเลี้ยงลูกในครรภ์มันสูง นิสาจึงคิดว่าจะลาออกจากงาน เธอมีงานเขียนที่ทำเป็นอดิเรกอยู่ รายได้ก็เกือบเท่างานหลัก ที่เธอคิดไว้คือพึ่งเงินเลี้ยงดูบตรจากภาครัฐ และหาเงินจากงานเขียนและไปอยู่ที่บ้านกับแม่ เธอคิดว่าเธอเลี้ยงดูลูกให้ดีได้
ลูกไม่จำเป็นต้องเรียนสูง ขอแค่รู้วิธีทำธุรกิจก็พอแล้ว เธอจะสอนสิ่งนั้นให้ลูกเอง จะไม่มีใครมาดูถูกลูกของเธอได้แน่นอน
เวลาผ่านไป เธอกลับมาที่บ้านที่เธอเกิดพร้อมกับลูกชายที่มีอายุได้ 1 ขวบกว่า ๆ แล้ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ มีเรื่องอะไรเหรอที่กลับมาก่อนกำหนด”
นิสาสัญญากับแม่ไว้ว่าจะกลับมาตอนอายุ 40 ปี นี่เร็วกว่ากำหนดอยู่ 4 ปี
“แม่ค่ะ” นิสาโยกลูกไปมาให้แม่ตนเองดู
“แล้วพ่อของเด็กล่ะ” แม่นิสาขมวดคิ้ว
“เขาให้หนูทำแท้ง แต่หนูอยากเก็บไว้”
แม่ของนิสาเห็นใจเลยไม่กล่าวโทษลูกตนเอง
“เข้าบ้านกันเถอะ อยู่ด้านนอกมันร้อน”
นิสาอุ้มลูกเข้าไปในบ้าน ส่วนแม่ของเธอเอากระเป๋าสัมภาระมาเก็บ หลังจากที่จัดการตนเองในบ้านได้ แม่นิสาก็เดินมาคุย
“ตั้งชื่อให้ลูกรึยัง จะไปหาพระรึเปล่า”
“ไม่ค่ะ หนูตั้งชื่อไว้แล้ว ชื่อ ชานน ชื่อเล่น บิ๊ก”
“อ๋อ ขออุ้มหน่อย”
“ระวังด้วยนะแม่”
แม่นิสารับเด็กทารกมาไว้ในอ้อมกอด เธอยิ้มเมื่อเห็นหน้าเด็ก แม้ตายังปิดสนิท แต่ด้วยที่เป็นเด็กเลยทำให้คนที่มีลูกอย่างเธอ ชอบเด็กคนนี้ไปกันใหญ่
ทุกอย่างที่ทำให้ชานนเติบโตและปลอดภัย นิสาพร้อมทำทุกอย่าง เพราะเธอรู้สึกได้ว่ามีสิ่งคุ้มครองเธอกับลูกอยู่รอบตัวเธอ ตลอดที่คลอดลูกออกมา ทุกอย่างก็ผ่านไปราบรื่นไร้ที่ติ
“แง แง” เสียงเด็กน้อยร้องเรียกหานม
นิสารับลูกจากแม่ เธอเปิดเสื้อขึ้นและให้นมลูก
“เต้ามีน้ำนมรึเปล่า” แม่นิสาถาม
“มี เยอะด้วย คงไม่ต้องกินนมผงหรอก ลูกหนูเลี้ยงงาน ร้องตอนไหนคือหิวนม”
“ก็ดีแล้ว ตอนเด็กแกร้องอยู่ทุกเช้าเย็น แทบจะไม่มีเวลานอนเลยนะ”
“หนูก็เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่มีภาระเท่าเมื่อก่อนแล้ว”
1 ปีผ่านไป บิ๊กเห็นอะไรก็เล่นไปเสียหมด เขามีความสนใจในทุกอย่าง แม้แต่นิสายังทึ่งและหัวเราะในความไร้เดียงสาของลูก
บิ๊กยังทำได้แค่อยู่ในบ้าน ถ้านิสาบอกว่าอย่า บิ๊กจะไม่ทำ เป็นเด็กที่เชื่อฟังเธอสุด ๆ ไปเลย
ตลอดเวลาในขณะที่ท่องอินเทอร์เน็ตหรือคิดอะไรอยู่ นิสาก็มักจะเห็นหรือรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างชี้ทางให้เธอเลือก เหมือนตอนที่คลอดลูก ไม่รู้อะไรดลใจทำให้เธอคิดว่าตัวเองกำลังป่วยเลยไปที่โรงพยาบาล ผลปรากฏว่าเธอเกิดเจ็บท้องจะคลอดลูกในตอนที่ไปถึง เป็นความบังเอิญ หรือมีอะไรศักดิ์สิทธิ์ช่วยเธออยู่
“แม่ ๆ !” บิ๊กตะโกนเรียกนิสาด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเขา นิสารู้ว่าบิ๊กอยากกินนม เธอเลยต้องทำตามสิ่งที่เป็นอยู่ขณะนี้
นิสาลุกขึ้นยืนจะไปดูโน้ตบุ๊กเช็กยอดวิวสักหน่อย แต่เธอก็พลาดท่าสะดุดขาเก้าอี้ แต่ในระหว่างที่จะล้มลงกองกับพื้น เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงร่างของเธอกลับ จนนิสาถึงกับตกใจ
เธอคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเธอไม่ให้เธอล้ม นี่คงเป็นเพราะเจ้าที่เจ้าทางแถวนี้แน่ ๆ ที่ช่วยเธอไว้
นิสากล่อมลูกให้นอนและเดินมาหาของกิน ในตู้กับข้าวมีไข่เจียวน่าอร่อย ๆ ตั้งอยู่ นิสาคิดว่าแม่เป็นคนทำ ปกติแม่ของเธอจะทำให้กินเป็นเวลา แต่ตอนนี้บ่าย 2 โมงแล้ว นิสากินข้าวเที่ยงไปแล้วแต่หิวอีกเลยมากินอีก
นิสามาเขียนนิยายต่อเมื่อว่าง เธอเขียนนิยายแนวความรัก ไม่ว่าจะชายหญิง ชายชาย หรือหญิงหญิงเธอก็เขียนหมด ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยนิยายที่มีความรักเป็นแก่นหลักมันก็ได้รับความนิยมทุกครั้ง
แม่นิสาเดินเข้ามา เธอนำขนมมาให้กับลูก
“นี่ น้อย กินอะไรหน่อยนะ เดี๋ยวไม่มีน้ำนมให้ลูก”
“กินข้าวไปเมื่อกี๊”
“กินกับอะไร”
“ก็กินกับไข่ไงแม่”
แม่นิสาไม่สงสัยอะไร เพราะคิดว่าน้อยหรือนิสาคงจะทอดไข้กินเอง
“เอ่อ บิ๊กนอนเหรอ”
“นอนหลับแล้ว”
“แม่ขอตัวไปพักก่อนนะ ดีนะที่บิ๊กเป็นเด็กไม่ดื้อ”
“อืม” นิสาไม่รู้หรอกว่าลูกคนอื่นมีอะไรที่ยากต่อการเลี้ยงหรือเปล่า
แต่บิ๊กเป็นเด็กที่อยากกินนมมาก อาจเรียกได้ว่าชั่วโมงสองชั่วโมงกินครั้งเลยด้วยซ้ำ แต่ถึงอย่างนั้นนิสาก็เต็มใจและมีความสุขที่บิ๊กดื่มนมเธออย่างอร่อย
ตกค่ำ ประสาเด็กตื่นขึ้นก็เล่น ของเล่นส่วนใหญ่ที่อยู่ในบ้านเป็นของเล่นที่ซื้อมาเพื่อบิ๊กโดยเฉพาะ ไม่ว่าบิ๊กสนใจอะไร นิสาจะพร้อมสนับสนุนทุกอย่าง ลูกของเธอต้องเป็นเด็กที่เก่งและฉลาดกว่าใคร ๆ
ด้วยความเหนื่อยล้า นิสาเลยผล็อยหลับไป
“แม่ ๆ” ชานนร้องเรียกแม่
นิสาตั้งสติและเดินไปอุ้มบิ๊กขึ้นมา
“ดูนั่น” บิ๊กชี้นิ้วเล็ก ๆ ไปด้านหน้า
พวกเขาเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์เหตุการณ์หนึ่ง ผู้หญิงที่นั่งด้านหน้าชายที่น่าจะทำคุณไสย นิสารู้สึกว่าเป็นแม่เธอช่วงวัยรุ่น นิสาเคยเห็นภาพถ่ายที่ถ่ายกับพ่ออยู่
บิ๊กดื่มนมจากเต้าของนิสา นิสามองคนที่หน้าคล้ายแม่ตนกำลังคุยกับผู้มีวิชา
“คุณทำมาแล้ว ทั้งหุ้น ทั้งน้ำมัน ยังต้องการอะไรอีก”
“คุณพ่อ มันแทบไม่ได้ผลกับเขาเลยนะคะ เขายังหนีไปจากฉันอยู่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น คงต้อง”
หลังจากนั้นนิสาก็สะดุ้งตื่นเพราะเสียงของลูกเธอ
นิสารีบให้นมแก่บุตรตนเอง
แม่ของนิสามาดูและพูด
“นึกว่าจะไม่ตื่น ไอ้บิ๊กมันร้องตั้งนานแล้ว ลูกต้องการพักผ่อนนะ ลองชงน้ำให้ลูกกินดูไหม”
“ไม่ค่ะแม่ นมจากแม่จะช่วยให้ลูกฉลาดกว่านมผง หนูอยากให้ลูกฉลาด”
“แม่อยากแบ่งภาระเลี้ยงดูหลานให้ลูกนะ รู้นะว่ายังมีแม่อยู่”
“ค่ะ ขอบใจค่ะ แต่หนูตั้งมั่นมานานแล้วค่ะว่าจะเลี้ยงลูกแบบนี้”
เช้าในวันหนึ่ง ขณะที่บิ๊กฝึกเดินนิสาก็เห็นเพื่อนบ้านเดินเข้ามาทักทาย
“สวัสดีค่ะ พอดีได้ยินเสียงเด็กอยู่ตลอด เลยอยากจะเห็น”
“รบกวนคุณเหรอคะ” นิสาตอบไปอย่างร้อนรน
“เปล่าหรอกค่ะ คือฉันมีลูกอายุได้ 5 ขวบ เขาเล่นแต่มือถือ ฉันเลยอยากให้เขาเล่นกับเด็กคนอื่นบ้านน่ะค่ะ”
นิสาเข้าใจความหมายของหญิงตรงหน้า
“ลูกฉันพึ่ง 1 ขวบกว่า ๆ เองค่ะ อาจจะเล่นกับคนอื่นไม่ค่อยได้หรอกนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่มาถามเผื่อลูกคุณอยากเล่น”
พอได้ยินคำว่าเล่นชานนก็กระโดดดีใจให้แม่ตนเองเห็น
“ถ้าอยากให้ลูกคุณมีเพื่อนเล่น เชิญที่บ้านฉันได้นะคะ”
“ค่ะ” นิสาอยากให้บิ๊กโตกว่านี้หน่อย เล่นกับเด็ก 5 ขวบ อาจจะถูกกลั่นแกล้งก็ได้
เพื่อนบ้านเดินออกไป บิ๊กรีบวิ่งตามแต่ก็สะดุดล้ม เขายังไม่ลดละความพยายามวิ่งจะออกไปหน้าบ้านต่อ นิสาเห็นรีบอุ้มบิ๊กมาอุ้ม
“เล่น เล่น !” บิ๊กส่งเสียงดัง นิสาคิดว่าบิ๊กคงอยากจะเล่นกับคนอื่นที่นอกจากเธอและแม่ของเธอเมื่อเพื่อนบ้านมาคุย
“เล่น เล่น !”
“ไว้พรุ่งนี้นะบิ๊ก วันนี้ลูกต้องพักเอาแรง” นิสาพูดไปเรื่อยอยากให้บิ๊กสงบ
หลังจากที่บิ๊กเงียบเขาก็ร้องเรียกหานม
“กลายเป็นว่าลูกฉันติดมือถือกับลูกคุณไปแล้ว” นิสาหรือน้อยกล่าว เธอมองเด็กชายสองคนที่เล่นมือถือด้วยกัน พวกเขาสนิทกันไวมาก
ตลอด 1 ปีที่บิ๊กเติบโต นิสาไม่เคยให้ลูกเล่นมือถือเลยสักครั้ง ตอนนี้กังวลขึ้นมาว่าบิ๊กจะติดมือถือไปอีกคน
“ตอนแรกก็เล่นของเล่นนะคะ แต่พอเหนื่อยก็จับมือถือ” เพื่อนบ้านพูดกล่าวเสริม
เสียงเด็กร้องด้วยความสนุกอยู่บนพื้น สองแม่ไม่รู้ว่าทั้งสองดูอะไร เพื่อนบ้านที่เป็นแม่ไม่ค่อยขัดใจลูกเลย เลยทำให้ลูกค่อนข้างมีนิสัยที่เอาแต่ใจ แต่กลับเข้ากันได้กับบิ๊กอย่างน่าแปลก ตอนแรกคิดว่าลูกของเธอไม่ยอมให้ลูกเพื่อนบ้านเล่นของเล่นด้วยกันเสียแล้ว
“คุณทำงานอะไรคะ เป็นแม่บ้านอย่างเดียวรึเปล่า” เพื่อนบ้านถามนิสา ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้ถามเรื่องพ่อเด็ก
“ขายนิยายออนไลน์ค่ะ ได้เงินหลัก ๆ จากตรงนั้น แต่ก่อนทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง พอคลอดลูกออกมาก็เดินทางกลับมาที่บ้านเกิด”
“ฉันเป็นแม่บ้านอย่างเดียว มีหน้าที่ทำงานบ้านและเลี้ยงลูก วัน ๆ เหงามากนะคะ ฉันรู้สึกดีที่คุณมาคุยกับฉันที่บ้านพร้อมกับลูกของคุณ”
“ลูกฉันถ้าถึงชั่วโมงเมื่อไหร่เขาจะร้องหิวนม แต่ตอนนี้เกือบ 3 ชั่วโมงแล้ว ฉันคิดว่าเขาคงอดทนกับการอดนมแลกกับการต้องดูมือถือแน่ ๆ ค่ะ”
“เป็นเรื่องปกติของเด็กค่ะ ถ้าได้สนใจอะไรแล้วพวกเขาจะทำมันได้นาน”
เด็ก ๆ เงียบลง นิสาหาเรื่องคุย
“อีก 2 ปีลูกฉันก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว ฉันกังวลนะคะ ไม่เคยอยู่ห่างลูกมาก่อน”
“ตอนลูกฉันอายุครบเกณฑ์ฉันก็กังวลค่ะ แต่ได้สามีนี่แหละค่ะ ฉันเลยกังวลน้อยลง”
“ค่ะ”
“ตอนที่ไม่ได้ดูลูก ฉันว่าฉันมีอิสระเยอะขึ้นนะคะ พอ ๆ กับตอนที่ยังโสดอยู่เลย”
ส่วนน้อยรู้สึกว่ามีลูกเข้ามาในชีวิตช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาด เธอไม่อยากจะห่างจากลูกเลย แต่ก็เข้าใจว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องโต
ทั้งสองแม่คุยกันเรื่อยเปื่อยจนเวลาผ่านไป น้อยคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องกลับบ้านแล้ว เธอเลยเรียกลูกตนเอง
“บิ๊ก กลับบ้านได้แล้ว”
บิ๊กพอได้ยินชื่อก็เหลียวมองแม่ตนเองแต่ก็เฉยเมยมองดูมือถือที่ตั้งอยู่
“ฉันคิดว่าคงจะถึงเวลาเหมือนกันค่ะ อลัน อยากกินขนมหรือเปล่าลุก” เพื่อนบ้านหญิงลุกไปหาลูกที่ชื่ออลัน เธอแตะลูก แต่พบว่าอลันตัวแข็งตาค้างเป็นที่เรียบร้อย
“อลัน ๆ”
น้อยตกใจเหมือนกัน ลุกออกจากที่นั่งเดินมาหาลูกตนเองและอุ้ม
“บิ๊ก”
เธอมองมือถือที่ด้านล่างผลปรากฏว่าไม่มีภาพอะไรเลย เป็นจอสีดำเหมือนยังไม่ได้เปิดเครื่อง
เพื่อนบ้านหญิงเขย่าตัวลูกแรง ๆ จนแขนขาลูกอ่อนปวกเปียก เธอเห็นท่าไม่ดีรีบโทรหารถพยาบาลเพื่อที่จะนำลูกของเธอไปรักษา
น้อยทำอะไรไม่ถูก เห็นบิ๊กยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“บิ๊ก รู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กที่เล่นด้วย”
“เล่น ๆ”
บิ๊กยังพูดเป็นประโยคยาว ๆ ไม่ค่อยได้ แต่บิ๊กเป็นเด็กที่เรียนรู้ได้เร็ว ฉลาด สามารถคัดลายมือภาษาไทยได้ตั้งแต่ 11 เดือน
เพื่อนบ้านคุยสายเสร็จก็พูดกับน้อย
“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อลันยังหายใจอยู่ ยังกับผีเข้าเลย”
“เล่น ๆ” บิ๊กส่งเสียงอยู่นั่นแหละ มันมีความหมายรึเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ หนูเล่นอยู่กับอลันใช่ไหม ทำไมอลันถึงเป็นแบบนี้”
“เล่นกับคายะ”
“คายะคือใคร”
บิ๊กหัวเราะคิกคัก นิสาไม่เคยเห็นชานนสนุกขนาดนี้มาก่อน สองแม่ไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กน้อยพูด อลันลุกขึ้นนั่ง หน้าตางังเงีย
“อลัน เป็นอะไรลูก” แม่เขาน้ำตาซึม อลันดูไม่ได้เจ็บปวด เธอเห็นแบบนั้นดีใจเป็นอย่างมาก
“ฉันว่าไปตรวจดูน่าจะดีกว่านะคะ” นิสาเสนอความคิด
“ฉันก็คิดแบบนั้นแหละ อลันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่รู้เป็นโรคร้ายแรงรึเปล่า”
รถพยาบาลมารับอลันและแม่เดินทางไปที่โรงพยาบาล เธอโทรบอกสามีแล้ว นิสาทำได้แค่ให้กำลังใจ แต่ถ้ามันเกิดขึ้นกับบิ๊กละก็ เธอคงจะเป็นบ้ากว่านี้
สองแม่ลูกกลับบ้าน ชานนพอเห็นโลกภายนอกเขาก็วิ่งยกใหญ่ บางครั้งนิสาก็รู้สึกว่าชานนเล่นอยู่กับใคร แต่มองไม่เห็นตัว เธออาจคิดมากเกินไปก็ได้
วันต่อมาน้อยได้รับข่าวว่าลูกเพื่อนบ้านคงง่วงนอนมากไป แต่มันน่ากลัวมากนะนอนในขณะที่ตาลืมอยู่
อลันไปโรงเรียน ได้เล่นกับชานนอีกทีก็ตอนค่ำ ๆ บางวันไม่ได้เล่นกันเลย
บอกตามตรงว่าบิ๊กเป็นเด็กที่สุขภาพแข็งแรง ไม่เคยมีโรคภัยให้เห็นสักครั้ง นิสารู้สึกดีที่ลูกแข็งแรงตลอดเวลา เธอเลยไม่เหนื่อยมากนัก แถมตอนที่เขียนนิยาย บิ๊กยังไม่ซนอีก
‘คายะ’ ชื่อนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่ออลันกับบิ๊กเล่นวาดอะไรอยู่บนพื้นและพูดเสียงดังว่า “สวยไหมคายะ”
นิสาเริ่มรู้สึกไม่ดี ที่เธอไปขอลูกจากศาลพระภูมิและเกิดท้องขึ้นมาจริง นี่ก็เหลือเชื่อมากแล้ว ไม่แน่คายะที่บิ๊กพูดถึงอาจหมายถึงอะไรสักอย่างที่มองไม่เห็น ไม่รู้แหละว่ามาดีหรือมาร้าย แต่ในตอนนี้ทุกอย่างไม่แย่เหมือนกับที่กังวล
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!