ด้วยความชอบในไก่ทอด มีมี่ สาวไทยจึงเดินทางไปรอบโลกเพื่อชิมไก่ทอด และมาหยุดที่เมืองต้าเหลียง ขณะที่นั่งกินไกทอดและดูวิวอยู่บนห้องนั่นเองทุกอย่างก็มืดดับลง
“แม่หนูไก่ทอด ตื่นได้แล้ว”
“อะไรค่ะ อ่าวตายแล้วหรอเนี่ย ท่านตาข้ายังไม่ได้ไปกินที่เกาหลีกับญี่ปุ่ณเลยน่ะ”
“เอาล่ะ ข้าผิดเอง งั้นเอานี่ไประบบไก่ทอดและพลังระดับพื้นฐาน เอาล่ะไปได้ปายยย”
“อ้ากกกกกกก” มีมี่โดนถีบลงมา
“หืมอะไรกานหนายดูดิ เห้ย!”
“อารายกันรึ”
“ท่าน! ตาแก่นี้ให้บอลพลังผิดลูกไปเจ้าค่ะ”
“ก็อีดอกแล้วนิ”
“แต่มันระดับสูงสุดน่ะเจ้าค่ะ”
!!!!!!!
“โอ้ย! เจ็บตัวไปหมดเลยโว้ย ไก่จ้า ไก่ทอด อยู่หนายย หืมเดียวน่ะ" มีมี่พูดกับตัวเองแล้วยันตัวขึ้นนั่ง จากนั้นค่อยๆ มองไปรอบๆ
“ตายล่ะอยู่ไหนกันกันล่ะ หืมกลิ่นอะไรเน่าๆ” มีมี่พยายามดมหาจนมาถึงเสื้อของตัวเอง
“กลิ่นเกินจะทนแล้วไหนจะกองเลือดนี่อีก เจ้าของร่างเดิมไปทำอะไรมาเนี่ย ไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเหม็นมาก”
มีมี่พยายามค้นหาเสื้อผ้าชุดใหม่เพื่อเปลี่ยนหลังจากอาบน้ำเมื่อได้มาแล้วก็รีบตรงไปที่ลำธานหลังบ้านทันทีเพื่อหาบน้ำมาใส่โอ่งที่มีน้ำเพียงน้อยนิด นางขนอยู่นานจนน้ำเต็ม แต่พอเปลืองผ้าออกเตรียมอาบก็ถึงกับผงะไป
“น่ะ นี่มันสาวงามกับภูเขาลูกใหญ่ชัดๆ อืมคงต้องลดหุ่นหน่อยแล้วล่ะ”
มีมี่ตัดสินใจอาบน้ำก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากันเพราะสุดจะทนกับกลิ่นที่เหม็นเกินบรรยาย นางจัดการเอาสบูยาสระผมออกมาจากมิติที่ได้รับการชดเชยมาจากเทพขี้เมา
“เห้อ เสร็จซ่ะทีแล้วเอาไงต่อล่ะทีนี้ ก่อนอื่นต้องทวนความจำก่อนว่าเป็นใคร แล้วอยู่ไหน” เมื่อคิดได้แล้วก็เริ่มทำทันที
"จินเชียง นักฆ่าจากเปอร์เซีย อืม~ เกษียณตัวเองตัวอายุ 25 เพื่อออกมาใช้ชีวิตแบบสบายๆ แล้วใครกันที่ฆ่านาง” มีมี่คิดไปคิดมาก็ได้ข้อสรุปที่ว่านางตายเพราะป่วยด้ววฃพิษไข้ป่า
"เห้อ~ คนเราช่างตายได้ง่ายดายแท้ แต่ไม่ต้องห่วงน่ะ เราจะใช้ชีวิตต่อให้เอง" ในตอนนั้นเองก็มีสายลมพัดผ่านพร้อมเสียงขอบคุณและกระซิบว่าให้ใช้ชีวิตตามสบาย ‘แน่นนอนความแค้นช่างมันซิ’
มีมี่หรือจินเชียง ตัดสินใจรีบทำความสะอาดบ้านก่อน ด้วยร่างนี้เป็นคนที่มีพละกำลังมหาศาลเวลาทำสิ่งใดจึงเป็นเรื่องง่ายไม่ว่าหาบน้ำหรือล่าหมี
“บ้านไม่ใหญ่มาก 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 1 ห้องนั่งเล่น ถึงดูแล้วจะเป็นแค่กระท่อมก็เถอะแต่ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับอยู่คนเดียว” และเสียงท้องเจ้ากรรมก็ดังขึ้น ของกินก็ไม่มีเงินก็โดนเอาไปจนหมด
นางจึงตัดสินใจเดินไปลำธารหลังบ้านเพื่อจับปลามาทำอาหาร
‘ติ้ง จับปลา 5 ตัว มาทำปลาย่างแสนอร่อย ระบมีเกลือและพริกไทยให้ยืม’
“ปลาย่างก็ปลาย่าง”
นางเดินไปที่ลำธารหลังบ้างที่เต็มไปด้วยกุ้ง หอย ปู ปลา มีมี่เริ่มจากหาอุปกรณ์ก่อนแต่ที่หาได้มีเพียงธนูที่ตกอยู่ในบ้านเท่านั้น
“เจ้าป่าเจ้าเขาขอให้ลูกยิงธนูได้ด้วยเถิดดด” และมีเสียงลอยตามลมมา ‘ก็ยิงเป็นอยู่แล้วขอทำไม’
“……..”
สุดท้ายก็ขี้เกียดทะเลาะกับลมจึงรีบเดินไปที่ลำธาร มองหาปลาอยู่ไม่นานก็ยกธนูขึ้นมาง้าง ‘ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ’ เข้าทุกลูกโดนทุกดอก ปลาตัวใหญ่ๆ ทีดูแลใกล้หมดอายุขัย
"ปลาตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย" จินเซียงรีบเก็บปลาไปทำความสะอาดเพื่อที่จะเอามาทำอาหาร และตอนนั้นเอง "ทำไมล้างเท่าไหร่เลือดก็ไม่หมดซักทีน่ะ" จินเซียงก็ออกแรงล้างต่อไป
"หืม" จินเซียงมองไปที่ต้นทางของเลือดที่ไหลมา "เวรแล้วนี่มันเลือดคน"
นางเก็บปลาลงมิติก่อนจะเดินตามลอยเลือดไป ปลายทางที่จินเซียงเดินมาถึงนั้นเต็มไปด้วยซากศพที่เกิดจากการต่อสู้และดูเหมือนจะมีบางคนที่ยังไม่ตาย คนผู้นั้นสวมหมวกปิดบังใบหน้าและมีหญิงสาวอีกคนอยู่ด้านหลัง
"เฮ้! พวกท่าน" จินเซียงเดินเข้าไปหาทั้งสอง
"ฝากคุณหนูด้วย ฟุบ!" คนผู้นั้นก็ล้มลง
"เช่นนั้นไปบ้านข้าก่อน อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้"
"แล้วนางตายแล้วรึ" หญิงสาวถาม จินเซียงก็เลยจับชีพจรดู
"ยังไม่ตาย แต่ต้องรีบรักษา มาเถอะรีบไปจากที่นี่กัน"
"อืม" หญิงสาวรีบเก็บข้าวของจำเป็นแล้ววิ่งตามหญิงสาวชาวบ้านที่เอาคนคุ้มกันที่บาดเจ็บขึ้นพาดบ่าแล้วเดินนำออกไปก่อน
จินเซียงเดินลงไปในลำธารเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย เดินไม่นานก็มาถึงบ้านหลังน้อยใกล้ลำธารที่มีอุปกรณ์จับปลาวางอยู่หน้าบ้าน
จินซียงพาทั้งคู่เข้าไปในบ้านก่อนจะทำแผลและเปลี่ยนผ้าให้คนเจ็บรวมถึงตรวจดูอาการให้หญิงสาวที่มาด้วยกัน
"ท่านเป็นใครกัน เหตุใดถึงรู้วิชาแพทย์ได้"
"เจ้าควรแนะนำตัวก่อนที่จะถามคนอื่นน่ะ"
"แซ่ถัง ชื่ออี้ ชื่อรองหลัน ถังอี้หลัน ส่วนนางเป็นคนสนิทข้าเองถิงถิง"
"จินเซียง พวกเจ้าพักก่อน ข้าทำแผลให้แล้วเดี๋ยวขอตัวไปย่างปลาก่อนมีอะไรก็เรียกน่ะ"
"ขอบใจเจ้ามากน่ะ"
"อืม" พูดจบจินเซียงก็เดินออกไป
จินเซียงเดินไปที่กองกิ่งไม้ที่เตรียมไว้ก่อนจะจุดไฟและปรุงรสปลานิดหน่อยก่อนจะเสียบไม้ที่เตรียมไว้แล้วเอาไปปักไว้รอบๆ กองไฟ
กลิ่นปลาย่างอ่อนๆ ลอยตามสายลมไปในอากาศ มันได้ปลุกคนเจ็บที่เกือบตายให้ฟื้นขึ้นมาได้ ถิงถิงที่รู้สึกตัวเพราะความหิวก็ลืมตาจึ้นก่อนจะมองสำรวจไปรอบๆ
"คุณหนู พวกเราอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ"
"บ้านสตรีชาวบ้านน่ะ ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าพักเถอะเดี๋ยวถ้าปลาย่างเสร็จแล้วนางก็คงมาเรียกเอง"
"เจ้าค่ะ"
'ก๊อก ก๊อก' เสียงจินเซียงเคาะประตู
"เข้ามาเถอะ" อี้หลันบอกคนหลังประตู
"ข้ามาตามพวกเจ้าไปกินข้าว"
"ขอบใจมากน่ะ"
จินเซียงเอาอาหารจัดวางบนโต๊ะกลางห้อง สองนายบ่าวที่เห็นอาหารก็พากันกลื่นน้ำลายเพราะกลิ่นของมัน และเพียงไม่นานอาหารก็หมดลง
"จินเซียง เจ้าย่างปลาได้อร่อยยิ่งนัก"
"ขอบคุณที่ชม แล้วพวกเจ้าทำอย่างไรต่อล่ะ"
"คงจะพักซักระยะแล้วค่อยกลับตระกูล"
"อืม เช่นนั้นก็พักเถอะ เดี๋ยวเก็บของแล้วข้าจะไปอาบน้ำและจะกลับมานอน"
"จินเซียงนี่ยังไม่เย็นเลยนะ"
"อี้หลันดูนอกหน้าต่างด้วย พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว" อี้หลันมองไปนอกหน้าต่างก็เห็นจริงดังว่า
"แล้วบ้านเจ้ามีกี่ห้องกัน" อี้หลันถาม
"หนึ่ง" พูดจบก็ยกอาหารที่ทานหมดแล้วออกไป
ไม่นานจินเซียงก็กลับมาพร้อมผ้าสำหรับปูนอน สองสาวมองเจ้าของบ้านเอาผ้าปูบนพื้นพร้อมจัดที่หลับที่นอนและล้มตัวลงนอน
"พวกเจ้าไม่นอนหรอ นี่ก็ดึกมากแล้วน่ะรีบนอนเถอะข้าคิดว่าอีกไม่กี่วันพวกนักฆ่าจะต้องหาที่นี่เจอแน่"
"นั่นซิน่ะ แล้วที่นี่คือที่ไหน"
"นอนเถอะ ฝันดี" จินเซียงไม่ตอบแต่หลับแทน
"อย่างงี้ก็ได้หรอ" สองสาวมองหน้ากันแล้วก็หลับพักผ่อน
เจ็ดวันต่อมา
"เร็วๆ พวกมันตามมาอีกแล้ว"
"จินเซียงพวกข้าพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บน่ะ"
"อย่าบ่นอี้หลันพวกเราขี่ม้าไม่ได้วิ่ง"
"ย่ะ!"
ทั้งสามต่างแรงความเร็วม้าขึ้นอีกเพื่อหวังที่จะสลัดพวกคนที่ตามล่าให้หลุด
"ทำไมพวกมันจมูกไวแบบนี้" อิงอิงหันไปมองพวกนักฆ่าที่ไล่ตามมา
"พวกแม่งเผาบ้านหลังน้อยของข้า อ้ากกกก โมโหโว้ยยยย ขอหน่อยเถอะ"
"จินเซียงเดี๋ยวเจ้าจะไปไหนกลับมาก่อน" อี้หลันพยายามเรียกเพื่อนแต่ไม่ทันแล้ว
"ตายยยย" จินเซียงควบม้าเข้าหาพวกนักฆ่าพร้อมดาบใหญ่
"ไม่กลัวตายก็เข้ามา!"
"ไอพวกลูกหมา!"
เคร้ง ฟัง ฉึกๆๆๆๆ
เพียงแค่การลงดาบครั้งแรกก็คร่าชีวิตพวกนักฆ่าไปหลายสิบคน
"เงามายา" พรึบๆ
ตามชื่อของท่า พวกนักฆ่ามองเห็นแต่เงาของหญิงสาวที่พาดผ่านไปมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำ พวกมันค่อยๆ ตกตายลงไปทีล่ะคน จนในที่สุดนักฆ่ากว่า 30 คนก็ตายลงไป
"เห้อ~ ถุ้ย! ไอพวกชั่วไอพวกเลว บังอาจเผาบ้านคนอื่นฝีมือแค่ขี้เล็บถุ้ย!" จินเซียงด่าใสร่างพวกนักฆ่า แล้วรีบกลับขึ้นม้าเพื่อเดินทางต่อ
"ทำไมไม่สู้แต่แรกหนีทำไม" อี้หลันถาม
"คนนอนอยู่แล้วบ้านไฟไหม้กับใครไม่รู้ยิงธนูใส่ เป็นเจ้าจะอยู่ให้พวกมันเชือดหรอ"
"ก็จริง เรารีบไปต่อเถอะอีกไกลกว่าจะถึงเมือง"
"อืม พวกเรารีบไปกันเถอะ"
ตกเย็นก็เดินทางมาถึงเมืองใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างรอยต่อของแม่น้ำสายใหญ่แต่ทั้งชื่อเมืองและแม่น้ำนั้นดันจำไม่ได้เพราะเจ้าของร่างไม่เคยออกจากหมู่บ้านกลางป่าเลย แม้แต่ภาษาก็ยังพูดไม่คล่อง อ่านเขียนพอได้
"จินเซียงถามจริงเหอะ"
"ว่าไงคุณหนูอี้หลัน"
"เจ้าอ่านกับเขียนไม่คล่องหรอ"
"พอได้แต่ไม่ดีมาก ข้ามาจากเปอร์เซียน่ะพูดได้บ้างก็ดีแล้ว"
"แล้วบัตรประจำตัวเจ้าล่ะอยู่ไหน"
"อาอิงมันหายไปกับกองไฟแล้ว มีเงินติดตัวบ้างก็ดีนักหนาแล้วคืนนี้จ่ายค่าที่พักให้ด้วยน่ะ"
"เอ่อ คือว่าพวกเราเหลือแค่ 20 ตำลึง"
"ตำลึงทองหรอ"
"ฮึ ตำลึงเงิน" อี้หลันตอบแบบไม่เต็มเสียง
"....." หมดคำพูด
พวกเราเอาเงินมานับรวมกัน ผลที่ออกมาคือพักได้แค่โรงเตี๊ยมธรรมดากับจ่ายค่าอาหารอีกเล็กน้อย แต่ค่าที่พักไม่ถูกเลย
"ห่ะ เถ้าแก่พวกเราสามคนจองห้องพักหนึ่งห้องพร้อมอาหารทำไมถึงแพงแบบนี้ ตั้ง 15 ตำลึง ท่านจะเก็บไปสร้างตึกรึไง"
"ฮัยย้า ลื้อจายเย็นๆ ก่อน อั้วไม่ได้โกงน่า พวกลื้อดูรอบๆ ดี ตอนนี้บ้านเมืองไม่สงบข้าวยากหมากแพง อะไรๆ ก็ขึ้น ราคานี้ถูกสุดเลี้ยว"
"เถ้าแก่ มันถูกตรงไหน!"
"ลื้อจะเสียงดังเรียกเตี่ยหรอ ฮั้วให้ทั้งอาหารเย็ง ที่พักม้า ห้องนอนใหญ่สำหรับ 3-4 คน และอาหารเช้า ราคานี้ดีสุดเลี้ยว"
"ได้ตกลง" สรุปได้บริการเพิ่มเติมมาอีก 2 อย่าง นั่นคือน้ำสำหรับอาบและขนมว่างพร้อมน้ำชา
"จินเซียงไหนว่าเจ้าพูดไม่เก่งไงทำไมถึงต่อรองได้ดีขนาดนี้"
"อี้หลัน อย่าถามเยอะข้าอยากอาบน้ำแล้ว ง่วงด้วย"
"อาเซียงเจ้านี่มัน"
"พวกเจ้ากินก่อนเลยข้าอาบน้ำก่อน"
"อ่าวนางเดินไปอาบน้ำจริงๆ หรอเนี่ย"
"คุณหนูท่านอาหารเถอะเจ้าค่ะ"
"อืม"
เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางต่อทันที เป้าหมายของเราคือเซียโจวที่อยู่ปากแม่น้ำ รอยต่อระหว่าทะเลและแม่น้ำ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของแคว้น
"อีกนานไหมกว่าจะถึงบ้านเจ้า"
"บ้านตระกูลถังของข้าใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในเมืองเซียโจว ข้าคิดว่าคงจะอีกประมาณ 2-3 วัน แต่หลังจากนี้อาจต้องนอนป่า"
"คุณหนูท่านว่า บิดาท่านจะส่งคนตามหาพวกเราไหมเจ้าค่ะ"
"ถ้าท่านอาจารย์รู้อาจจะส่งข่าวให้บิดาข้า"
"อืม ข้าหวังว่าบ้านเจ้าจะไม่ส่งนักฆ่ามาเพิ่มน่ะ"
"รีบไปกันเถอะถึงบ้านแล้วจะรู้เอง"
"อาเซียงแล้วเจ้าจะไปทำอะไรต่อ"
"ข้าคงเกาะเจ้าไปก่อน"
"ข้าเลี้ยงเจ้าได้สบายอยู่แล้ว"
"ฮ่าฮ่าฮ่า อิงอิงนายเจ้ารับปากข้าแล้วน่ะ"
"ไปๆ เดี๋ยวจะหาที่พักคืนนี้ไม่ได้อีก"
"ได้ๆ"
ทั้งสามมาถึงจุดพักม้าตอนหัวค่ำ และได้เข้าพักที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ ในคืนนั้น เช้าวันต่อมาหลังจากทานอาหารเช้าเสร็จทั้งสามก็ขึ้นมาและออกเดินทางต่อ
วิวธรรมชาติที่ไม่สามารถหาได้ในโลกก่อนทำให้จินเซียงไม่ค่อยอยากเดินทางรีบเร่งนักแต่เพราะเกรงว่าจะมีพวกนักฆ่าตามมาอีก
"เห็นเมืองแล้ว!" อี้หลันชี้ไปที่เมืองที่อยู่ไม่ไกล
"ว้าว มีท่าเรือด้วยหรอ แบบนี้ก็ต้องมีพวกโพ้นทะเลด้วยซิ"
"ก็มีน่ะแต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจ้าใกล้ท่าเรือเพราะพูดภาษาไม่ได้" จินเซียงหันมองคุณหนูบรหลังม้า
"อย่ามองข้าแบบนั้น"
"คุณหนูนั่นใช่ธงของตระกูลรึเปล่าเจ้าค่ะ" อี้หลันมองไปด้านหน้าก็เห็นเป็นจริงดังว่า
กองทหารม้าวิ่งตรงมาทางทั้งสามคน ชายวัยกลางคนผู้เป็นผู้นำสั่งให้กองทหารหนุดทันทีที่ได้พบคนที่ตามหา
"นายกองหลี่"
"คุณหนู! ขอบคุณสวรรค์ที่ท่านยังปลอดภัย"
"พวกท่านกำลังไปไหนกัน"
"พวกเราพึ่งได้รับจดหมายจากอาจารย์ของท่าน ว่าท่านได้หายตัวไปหลังจากเดินทางกลับจากสำนักศึกษาขอรับ"
"10 วันเนี่ยน่ะ เอาเถอะรีบกลับจวนกันก่อน สหายข้าคงหิวแล้ว"
"ข้าน้อยนามว่าจินเซียง คารวะผู้อาวุโสเจ้าค่ะ"
"ดีๆ รู้จักเคารพผู้ใหญ่ ต่อไปตามคุณหนูเจ้าจะโชคคีฝีเอง"
"เจ้าค่ะ" ประสานมือคารวะทำให้นายกองหลี่นิ้มออกมาอย่างพอใจ
"คุณหนู พวกเราตะคุ้มกันที่งานกลับจวนน่ะขอรับ"
"ขอบคุณท่านมาก"
ไม่นานก็มาถึงเมือง ทหารหน้าประตูเมืองเมื่อเห็นป้ายหยกก็รีบเปิดทางให้ทันที เมืองเซียโจวเป็นเมืองที่มีกำแพงสูงและแข็งแกร่ง ภายในเมืองมีหลายหลายวัฒนธรรมปะปนกันไปดูแปลกตาสำหรับคนที่ดูหนังจีนบ่อยอย่างนาง
"อ่าวๆ มีหนุ่มมารอรับด้วย"
"อย่ามาเยอะจินเซียง นั่นคู่หมั้นข้าแต่ข้าไม่ค่อยชอบเลยข้ายกให้เจ้าดีไหม"
"อะ ฮึม คุณหนูถ้าคนอื่นได้ยินจะไม่ดีน่ะขอรับ"
"เหอะ! ข้าเกือบตายมาหลายรอบเพราะชายคนนั้น ท่านจะให้ข้าชอบได้เช่นไร" อี้หลันเถียงกลับ
"หยุดเลย อย่ามาทำให้เสียบรรยากาศ รีบเข้าจวนเถอะข้าอยากอาบน้ำแล้ว"
"แม่นางเพียงเลี้ยวหัวมุมถนนก็ถึงแล้ว ป่านนี้บ่าวคงจะรายงานให้นายท่านทราบแล้ว"
"ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ"
แต่เมื่อมาถึงหน้าจวนชายคนนั้นก็เดินเข้ามาหาอี้หลันพร้อมทั้งพูดจาต่างๆ นาๆ มีทั้งคำหวานและของขวัญมันจึงง่ายที่อี้หลันจะยอมใจอ่อน
"อย่าเกะกะทาง ถ้าไม่เข้าก็หลยไปคุยกันตรงนู้น"
"จินเซียงเบาๆ หน่อยเดี๋ยวจะเดือดร้อนน่ะ"
"อิงอิง นี่ก็เย็นแล้วน่ะ ข้าหิวแล้ว"
"ฮ่าฮ่าฮ่า คุณหนูขอรับดูท่าท่านคงต้องรีบแล้วก่อนที่สหายของท่านจะเชือดคู่หมั้นท่านทิ้ง" พูดไม่ผิดหรอกข้าสัมผัสได้ ดูจากหน้านางก็รู้
อี้หลันทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ "ห่ะ อ้อๆ มาๆ เข้าจวนกันเถอะป่านนี้ท่านพ่อคงรอแล้ว"
"อะไรกันหลันเอ้อ เจ้าเห็นนางสำคัญกว่าขอข้าหรอ" คนอื่นๆ ที่ฟังได้แต่กรอกตาไปมา
"พี่จางหมิง นางเป็นสหายข้า นางช่วยข้ามาเยอะเหตุใดจะให้ความสำคัญมิได้เล่า"
"หึ ดูการแต่งตัวแล้วคงเป็นพวกนอกด่านกระมั้ง กล้าดีอย่างไรมาตีสนิทกับคู่หมั้นข้า"
"เห้อ~ น่าเบื่อ"
"เจ้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร"
"ถ้าเจ้าไม่เลอะเลือนถึงขนาดจำไม่ได้ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว อิงอิงมาเถอะปล่อยนายเจ้าไว้กับคนบ้าแล้วเรารีบไปพักกันเถอะ" จินเซียงขี่ม้าผ่านจางหมิงที่ยืนค้างเป็นรูปปั้นเข้าไปในจวน
"รอข้าด้วยอาเซียง!" อี้หลันรีบจูงม้าเข้าจวน ทิ้งชายคนนั้นไว้ที่นอกจวนอย่างไม่ใยดีหรืออาจลืม
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!