มินาโตซากิ ซานะ นักเรียนมัธยมต้นชาวญี่ปุ่นเดินเที่ยวห้างแห่งหนึ่งในจังหวัดโอซาก้า บ้านเกิดของตัวเอง
ในวันนั้นเธอสะดุดตาแมวมองของ JYP จึงถูกชวนไปออดิชั่นที่บริษัทสาขาญี่ปุ่น
ซานะรักการเต้นกับการร้องเพลงเป็นทุนเดิม หลังจากที่ครอบครัวอนุญาต เธอก็ไปออดิชั่นทันที
เธอออดิชั่นด้วยเพลง Mr. Taxi ของ Girls Generation และได้กลายเป็นเด็กฝึกของที่นี่
ฮิราอิ โมโมะคือเด็กฝึกชาวญี่ปุ่นจากจังหวัดเกียวโตที่ซานะสนิทมากที่สุด เธอคนนี้เต้นเก่งเหมือนเกิดมาเพื่อเต้นโดยเฉพาะ หน้าตากับนิสัยโดยรวมก็คล้ายกับซานะอย่างกับเป็นฝาแฝด เหมือนกันยิ่งกว่าฮิราอิ ฮานะที่เป็นพี่สาวแท้ๆ ของโมโมะ แม้แต่เสียงพูดก็แทบจะเหมือนกัน
แต่ความจริงแล้ว MBTI ของทั้งคู่ตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว
ซานะเป็น E(Extrovert) หรือก็คือกลุ่มคนที่รับพลังงานจากโลกภายนอก ชาร์ตพลังจากการได้อยู่กับผู้คน ส่วนโมโมะ I(Introvert) กลุ่มคนที่รับพลังงานจากโลกภายใน ชาร์ตพลังเมื่อได้อยู่กับตัวเอง แต่ถ้ามองจากภายนอกก็แยกพวกเธอออกในทันทีไม่ได้อยู่ดี
บ่อยครั้งที่เด็กฝึกในบริษัทเจอหน้าแล้วต้องถามให้แน่ใจก่อนว่าคนที่เห็นตรงหน้าคือซานะหรือโมโมะ ทั้งสองคนจึงเคยชินกับการตอบเรื่องแบบนี้ไปแล้ว
จนกระทั่งได้ย้ายไปเป็นเด็กฝึกอยู่บริษัทสาขากรุงโซล เกาหลีใต้ เด็กฝึกที่นั่นหรือแม้แต่พวกรุ่นพี่กับพีดีก็ยังแยกพวกเธอสองคนไม่ออกอีกตามเคย
ในตอนแรกซานะกับโมโมะยังพูดภาษาเกาหลีไม่ค่อยได้ ทำให้อีกฝ่ายมักจะเข้ามาพูดคุยด้วยเป็นภาษาอังกฤษ
คำถามยอดฮิตที่พวกเธอถูกถามก็คือ "Are you Sana?" และ "Are you Momo?"
ซึ่งเวลาตอบคำถาม โมโมะจะตอบแค่ "No." พร้อมส่ายหน้าและเดินหนีเพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษ แต่ถ้าเป็นซานะ เธอจะตอบว่า "Yes, I'm Sana." หรือ "No, I'm Sana." จากนั้นก็จะชวนอีกฝ่ายคุยด้วยภาษาอังกฤษที่พอจะรู้อยู่บ้าง
ตั้งแต่ได้มาเป็นเด็กฝึกที่กรุงโซล ไม่มีใครที่เจอหน้าพวกเธอและไม่ถามคำถามนี้ เว้นแต่เพียง"โจวจื่อวี"
โจวจื่อวีเป็นเด็กฝึกจากไต้หวันที่ส่งข้อความไลน์มาถามเธอเรื่องจดหมายรักที่ได้มาในวันแรกที่ได้มาเป็นเด็กฝึกของที่นี่ ซึ่งเธอคนนี้เป็นเด็กสาวปริศนาที่ซานะเคยสะกดรอยตามมาตลอดครึ่งเดือน
ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ ซานะเจอจื่อวีในรถไฟฟ้าระหว่างมาฝึกซ้อมที่บริษัท
วันนั้นจื่อวีมาที่โซลเพื่อออดิชั่น ซานะที่แอบมองเพราะหลงใบหน้าสวยของอีกฝ่ายตามมาจนถึงบริษัทและรู้ว่าเธอคนนี้ก็เป็นเด็กฝึกเหมือนกัน
ที่จริงแล้ววันนั้นซานะขึ้นรถไฟฟ้าเพราะเหตุจำเป็น แต่หลังจากที่มั่นใจว่าจื่อวีขึ้นรถไฟฟ้าทุกวัน เธอก็มักจะแยกกับโมโมะเพื่อติดตามเด็กสาวปริศนาคนนี้จนถึงที่พัก จนจื่อวีออดิชั่นผ่านและย้ายมาอยู่หอพักชาวต่างชาติหอเดียวกันเธอถึงได้หยุดพฤติกรรมนี้
ตอนที่เจอหน้าซานะครั้งแรก จื่อวีก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคือซานะ เธอเดินตรงเข้ามาทักทายซานะกับโมโมะที่เดินมาด้วยกันและมองหน้าเรียกพวกเธอว่า "ซานะออนนี่กับโมโมะออนนี่" อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
คนอื่นในบริษัทแยกสองคนนี้ในทันทีไม่ได้ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าพวกเธอเหมือนกันมาก มีแค่โจวจื่อวี เด็กใหม่จากไต้หวันที่ตอบอย่างใสซื่อว่าพวกเธอสองคนไม่ได้เหมือนกันมากขนาดนั้น
ถึงจะมีกำแพงภาษาระหว่างพวกเธอ แต่รุ่นน้องคนนี้ทำให้ซานะรู้สึกประทับใจในหลายๆ เรื่อง ซานะคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอคนนี้เป็นผู้ฟังที่ดีและเป็นคนต่างชาติเหมือนกัน ก็เลยรู้สึกเอ็นดูรุ่นน้องคนนี้มากเป็นพิเศษ
จื่อวีก็รู้ตัวมาสักพักแล้วว่าตัวเองพยายามเข้าหาอีกฝ่ายผิดปกติเฉพาะเวลาที่อยู่กับซานะ
เธอไม่เคยแม้แต่จะกล้าชวนใครคุยก่อนเลยสักครั้ง อย่างมากเวลาสวนกับรุ่นพี่คนอื่นก็แค่พูดทักทายและโค้งคำนับให้ แต่สำหรับซานะ เธอกลับพยายามหาเรื่องคุยให้มากกว่าสามประโยค
เพราะการเข้าหากันและกันทำให้เธอสนิทกับสองสาวจากญี่ปุ่นมากขึ้น
จื่อวีไม่เคยคิดแทนที่โมโมะ เพียงแต่อยากรู้จัก"พี่สาว"คนนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ไม่กี่ปีต่อมาพวกเธอสามคนเข้าร่วมรายการซิกทีนเพื่อคัดเลือกเด็กฝึก 16 คนมาเดบิวต์เป็นเกิร์ลกรุ๊ปวงใหม่
ซานะเป็นคนอัธยาศัยดีและมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาผู้คน ตั้งแต่ที่รายการซิกทีนออกอากาศ เธอก็เริ่มฮ็อตทั้งในหมู่ผู้ชายและผู้หญิง
จื่อวีหน้าตาสวยเกินวัย หุ่นดีและน่าหลงใหล มีคะแนนโหวตเป็นอันดับต้นๆ ของรายการตั้งแต่ที่เริ่มโหวตครั้งแรก
ตลอดหลายเดือนที่ฝ่าฝันอุปสรรคกันมา ในที่สุดพวกเธอสามคนก็ได้เดบิวต์ในเกิร์ลกรุ๊ปวงเดียวกันภายใต้ชื่อว่า "ทไวซ์"
หลังจากที่เดบิวต์ ความฮ็อตของซานะที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณก็มาพร้อมกับจำนวนแอนตี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
ความน่ารักไร้เดียงสาและเฟรนด์ลี่ของเธอทำให้คนไม่ชอบ แต่เวลาผ่านไปสิ่งนี้กลับทำให้แอนตี้ส่วนมากกลับกลายเป็นแฟนคลับของเธอเสียเอง
ทุกครั้งที่ต้องขึ้นสเตจ จากตอนแรกที่มีเสียงแฟนบอยโห่ร้องแฟนชานท์เหมือนอยู่ค่ายทหาร เสียงกรี้ดของแฟนคลับผู้หญิงก็เริ่มดังกลบ
กระแส "Marry me, Sana" เริ่มขึ้นเพราะมีแฟนคลับผู้หญิงขอเธอแต่งงานกลางแฟนไซน์ นับตั้งแต่นั้นมาก็มีแฟนคลับผู้หญิงขอเธอแต่งงานอยู่ตลอด
โดยที่...แฟนคลับไม่รู้กันเลยว่าแฟนตัวจริงของ "มินาโตซากิ ซานะ" นั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลตอนที่เธอถูกแฟนคลับผู้หญิงรุมล้อม
มีเรื่องหนึ่งที่ซานะปิดบังมาตลอด เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกเธอรู้กันเพียงสองคน...
แฟนตัวจริงของซานะไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคนนั้นก็คือ "โจวจื่อวี" หรือก็คือสมาชิกน้องเล็กในวงเดียวกันของเธอ
...----------------...
* เรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงของศิลปินเพียงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ปี 2012
อีกสองวันข้างหน้าเป็นวันเกิดของฮิราอิ โมโมะ เพื่อนรักร่วมชะตากรรมของซานะ
พวกเธอสองคนตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา หาโอกาสปลีกตัวออกไปรับของขวัญสำหรับโมโมะไม่ได้ ทำให้ซานะตัดสินใจว่าเช้าวันนั้นจะหลอกโมโมะว่าตื่นสาย เพื่อที่ได้มีเวลาไปหาซื้อของขวัญที่ร้านขายของในละแวกนั้น
หลังจากที่มั่นใจว่าโมโมะออกไปแล้ว ซานะก็ต่อรถเมล์หน้าหอพักต่างชาติและเดินทางไปย่านขายของแถวนั้น
ร้านที่ซานะตั้งใจจะไปเป็นร้านที่อยู่ในซอยลึก และเพราะซานะยังไม่ค่อยมั่นใจในทักษะการใช้ภาษาเกาหลี ถึงจะฟังรู้เรื่องแต่สุดท้ายก็ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารอยู่ดี กว่าจะเดินหาร้านเจอก็ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมง
แต่ซานะได้ทำการหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้ว พอไปถึงก็เปิดรูปให้เจ้าของร้านดู ทำให้ได้ของมาอย่างรวดเร็ว
ของขวัญที่ซานะเตรียมไว้ให้โมโมะก็คือสร้อยข้อมือลายแรคคูนที่เธอเห็นโมโมะบ่นว่าอยากได้มาสักพักแล้ว
เธอจ่ายเงินและเก็บของขวัญใส่กระเป๋าไว้อย่างดี แต่ทันทีที่ก้าวขาออกจากร้าน ฝนก็ดันตกในวันที่เธอไม่ได้พกร่ม ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ เพราะกลัวว่าขึ้นรถเมล์แล้วรถจะติดจนทำให้เสียเวลาฝึกซ้อม
ซานะกับโมโมะไม่ค่อยไปบริษัทด้วยรถไฟฟ้าสักเท่าไหร่ เพราะอยากประหยัดเงินไว้ใช้จ่ายค่าอาหารมากกว่า ถ้าไม่จำเป็นพวกเธอก็จะไม่ใช้บริการของรถไฟฟ้าหรือรถแท็กซี่เลย
ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็เป็นวันที่โจวจื่อวีเดินทางไปบริษัทเจวายพีเพื่อทำการออดิชั่นรอบสุดท้ายพอดิบพอดี ทำให้ซานะขึ้นรถไฟฟ้ามาก็เจอจื่อวีที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่
รถไฟฟ้ามีคนไม่มาก แต่ที่นั่งก็เต็มทุกที่ ทำให้ซานะจำเป็นต้องยืนทั้งที่เพิ่งวิ่งเต็มสปีดมาตลอดห้านาที
ทันทีที่ประตูรถไฟฟ้าปิด โมโมะก็โทรมาถามไถ่ว่าเมื่อไหร่จะไปถึง ซานะสูดหายใจเข้าปอดแล้วตอบกลับเพื่อนรักเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าใกล้จะถึงแล้ว หลังจากที่สางสายและเงยหน้าขึ้นมา เธอถึงได้เห็นใบหน้าสวยของเด็กสาวชาวไต้หวันที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหน้าจอมือถือ
คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน กรอบหน้าเรียวเล็ก เวลายิ้มก็มีลักยิ้มผุดที่แก้ม ถึงจะดูเป็นคนคูลๆ แต่ตอนยิ้มก็ดูอ่อนโยนและเป็นมิตรจนทำให้คนอื่นพาลใจสั่น แม้แต่ซานะที่เป็นผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังชอบจนละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้ราวกับมีอย่างอย่างดึงดูด
ซานะไม่คิดว่าตนจะมีโอกาสได้เจอผู้หญิงที่ทั้งสวยและน่ารักแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สอง ก็เลยถือวิสาสะยกมือถือขึ้นมาเล็กน้อยและกดถ่ายภาพสาวสวยตรงหน้า แต่มือถือของเธอไม่ได้ปิดเสียงชัตเตอร์ ทำให้เสียงแชะดังขึ้นท่ามกลางรถไฟฟ้าที่เงียบสงัด
ผู้โดยสารหลายคนเงยหน้ามองชิบะตัวน้อยที่กำลังลนลาน รวมถึงสาวชาวไต้หวันที่ถูกเธอแอบถ่าย
โชคดีที่เธอมีไหวพริบและทักษะในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นอย่างดี เธอบิดองศาข้อมือขึ้นเล็กน้อยให้เหมือนกับว่ากำลังเซลฟี่และทำทีตกใจกับสายตาผู้คนที่จับจ้องจนก้มหัวขอโทษอย่างเงอะงะได้อย่างทันท่วงที
คนอื่นอาจไม่คิดอะไรเพราะเห็นเป็นเด็กสาวท่าทางไร้เดียงสา เว้นแต่จื่อวีที่รู้สึกได้ว่าพี่สาวคนสวยคนนี้แอบมองเธอมาสักพักแล้ว
ในตอนนั้นรถไฟฟ้าจอดที่สถานทีถัดไปพอดี คนที่นั่งข้างจื่อวีและคนอื่นๆ บริเวณนั้นก็ลุกออกไป แต่ซานะที่ยังขาสั่นเพราะใช้พลังในการวิ่งจนหมดก็แย่งที่นั่นไม่ทันจนเหลือที่นั่งอยู่เพียงที่เดียว ทำให้เธอจำเป็นต้องเดินไปด้านหน้าที่นั่งที่ว่างข้างจื่อวีอย่างไม่มีทางเลือก
"Do you mind if I sit here?"
ซานะเพิ่งได้รู้ประโยคนี้มาจากเพจสอนภาษาอังกฤษในเฟซบุ๊ก เธอไม่ได้คิดถือโอกาสลองใช้กับชาวต่างชาติ จุดประสงค์ที่ถามจื่อวีก็แค่เพราะอยากหาเรื่องพูดคุยกับเด็กสาวหน้าตาสะสวยคนนี้ก็เท่านั้น
ที่จริงเธอสามารถนั่งได้เลยโดยไม่ต้องถามไถ่คนที่อยู่ข้างๆ เพราะนี่เป็นรถสาธารณะ ถ้าไม่ได้ต้องการให้เขาลุกให้นั่ง ก็ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับคนแปลกหน้าเพื่อขอที่ ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้จื่อวีรู้สึกไม่ค่อยสนิทใจกับเธอ
แต่เนื้อแท้แล้วจื่อวีไม่ใช่คนคิดมาก ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยดีที่ถูกแอบถ่ายแต่เธอก็ยิ้มอ่อนให้อีกฝ่ายตามมารยามและก้มหัวให้เล็กน้อย
จื่อวีรู้สึกสับสนว่าควรตอบกลับไปว่า yes หรือ no เพราะอีกฝ่ายถามด้วยคำว่า Do you mind if I... ที่หมายความว่าคุณจะรังเกียจมั้ยถ้าฉัน...
ตามหลักความเป็นจริง ถ้าไม่รังเกียจก็ต้องตอบว่า no แต่เธอกลัวตัวเองจะจำผิดเลยเลี่ยงไม่คุยกับอีกฝ่ายและใช้ภาษากายในการสื่อสารแทน
ซานะแอบเสียดายที่อดได้ยินเสียงของสาวสวยตรงหนี่ แต่เธอก็อมยิ้มและนั่งลงข้างๆ สาวชาวไต้หวันผิวสีน้ำผึ้ง
ด้วยความที่ตัวของซานะสูงกว่าเล็กน้อย ทำให้เธอมองเห็นหน้าจอมือถือของจื่อวีด้วยหางตาอย่างไม่ทันระวัง
จื่อวีกำลังแชตกับใครสักคนด้วยภาษาจีนตัวเต็ม ซานะอ่านออกแค่บางตัวเพราะเคยเรียนคันจิมาบ้าง แต่ความหมายก็ไม่ได้ตรงกันเลยสักนิด ทำให้เธออ่านไม่รู้เรื่อง
คนที่จื่อวีแชตด้วยในตตอนนี้คือพี่ชายแท้ๆ ที่เดินทางมาโซลพร้อมกับแม่เพื่อรอลุ้นให้เธอผ่านการออดิชั่น
ที่จริงวันนี้สอฃแม่ลูกจะตามเธอมาถึงบริษัทเพราะอยากให้กำลังใจ แต่แม่ของเธอเป็นคนดังในไต้หวัน จื่อวีกลัวว่าจะเป็นข่าวใหญ่โตทั้งที่ยังไม่ได้ผ่านการออดิชั่นรอบสุดท้ายและอาจทำให้แม่เสียหน้าถ้าออดิชั่นไม่ผ่าน กว่าจะเกลี้ยกล่อมจนทั้งสองยอมปล่อยให้เธอออกมาคนเดียวก็ไม่ง่ายเลย
พี่ชายตัวแสบเอาแต่ส่งข้อความเสียงมาในวันที่เธอลืมหยิบหูฟังมาเสียด้วย เธอย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้พิมพ์เป็นข้อความมา แต่เขาก็ลืมตัวส่งข้อความเสียงมาด้วยความเคยชินจนเธอเริ่มเหนื่อยที่จะเตือน
ซานะแอบมองหน้าจอของสาวสวยที่อยู่ทางขวามือและเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองคอพับคออ่อนจนหัวเอนไปพิงไหล่กว้างของสาวชาวไต้หวันที่นั่งอยู่ข้างๆ ตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าจื่อวีที่อยู่ทางขวามือของเธอในตอนแรกยืนรอประตูรถเปิดเพื่อลงสถานีเดียวกันกับเธอ
ชิบะโอซาก้าลุกพรวดจากที่นั่ง ทันทีที่ประตูเปิด เธอก็เดินตามอยู่ห่างๆ เพราะอยากรู้ว่าสาวสวยคนนั้นจะไปที่ไหน
มีความเป็นไปได้ว่าเธอคนนั้นจะลงที่เดียวกันกับเธอเพราะวันนี้เป็นวันออดิชั่นเด็กใหม่รอบสุดท้ายด้วยพอดี พอคิดแบบนั้นซานะก็แอบคาดหวังเอาไว้ว่าตนจะได้เจอกับคนแปลกหน้าคนนั้นอีกครั้งที่บริษัท
แต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ซานะก็ไม่เจอสาวสวยคนนั้นอีกจนคิดท้อใจว่าโชคชะตาลิขิตไว้ให้พวกเธอได้เจอกันได้แค่ครั้งเดียว
ซึ่งเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าในเย็นวันที่ 10 พฤศจิกายนจะได้เจอกับจื่อวีอีกครั้งที่หน้าหอพักเด็กฝึกชาวต่างชาติ
ในตอนนั้นจื่อวีกำลังขนของอยู่กับผู้หญิงแต่งตัวภูมิฐานที่น่าจะเป็นแม่ของเธอ โดยที่มียูจองยอน รูมเมทรุ่นพี่คอยช่วยยกกระเป๋าอีกแรง
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีนัดไปร้องคาราโอเกะกับโมโมะ ก็อาจเข้าไปช่วยเหลือพวกเธอแล้ว
ในตอนที่ซานะวิ่งขึ้นรถเมล์ไปกับโมโมะ จื่อวีได้ยินเสียงของซานะที่ร้องบอกให้รอเธอด้วย เธอก็จำได้และหันขวับไปมองในทันที
พวกเธอสองคนต่างคิดว่าอีกฝ่ายจำตนไม่ได้ ทั้งที่จริงแล้วต่างฝ่ายต่างเฝ้ารอวันที่จะได้เจอหน้ากันอีกครั้งมาโดยตลอด
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ซานะกับจื่อวีมาที่สถานีรถไฟฟ้าโดยหวังจะเจออีกฝ่าย แต่กลับคลาดกันทุกครั้ง
แค่คิดว่าจากนี้ไปเธออาจได้เจอพี่สาวคนสวยคนนี้บ่อยขึ้น จื่อวีก็อมยิ้มอย่างเก็บอาการดีใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
...----------------...
* เรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงของศิลปินเพียงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
บริษัทเจวายพีเชิญผู้ปกครองของจื่อวีให้มาหาที่บริษัทในวันที่ 15 พฤศจิกายนในปีเดียวกันเพราะตอนนั้นเธอมีอายุได้แค่ 13 ปีเพื่อพูดคุยเรื่องข้อตกลงต่างๆ ของการเป็นเด็กฝึก
จื่อวีผ่านการออดิชั่นรอบสุดท้ายและได้กลายเป็นเด็กฝึกของเจวายพีตามที่ตนตั้งใจไว้
ตอนที่กรอกใบสมัครเธอใช้ชื่อว่าโจวจื่อวี แต่ตอนออดิชั่น พัคจินยองพีดีแนะให้ใช้ชื่อว่า โจจูฮี เพื่อให้คนที่นี่สะดวกในการอ่าน ทำให้จื่อวีใช้ชื่อว่าโจจูฮีระหว่างที่เป็นเด็กฝึก
ในกลุ่มแชตเด็กฝึกเจวายพีวันนี่คึกคักเป็นพิเศษเพราะมีเด็กฝึกใหม่เพิ่มเข้ามา พัคจีซูซึ่งปัจจุบันก็คือพัคจีฮโย หัวหน้าวงทไวซ์ในปัจจุบันเป็นเด็กฝึกที่อยู่บริษัทนี้มานานที่สุด เธอจึงอาสาไปรับน้องใหม่และพาทัวร์ชมห้องฝึกซ้อมในบริษัท
ความสวยของโจจูฮี เด็กใหม่จากไต้หวันเลื่องลือไปทั่วจนคนต่างพากันถามหาว่าคือคนไหน ไม่ต่างกับช่วงแรกที่ซานะกับโมโมะเพิ่งที่มาเป็นเด็กฝึกของที่นี่
ตอนนั้นพวกเธอสองคนก็ฮ็อตมาก โดยเฉพาะซานะที่ถูกพีดีเรียกตัวไปพบตั้งแต่วันแรกที่มาโซลเพราะอยากจะให้เธออยู่ในวง 6mix แทนสองคนที่ออกไปก่อนหน้านี้ แต่สุดท้ายแพลนที่จะเดบิวต์วงใหม่นี้กลับล่มกลางคันโดยไม่ทราบสาเหตุ
ช่วงนั้นสองสาววุ่นกันใหญ่เพราะคนในบริษัททักผิดทักถูกเป็นว่าเล่น กว่าจะเดินไปมาในบริษัทได้โดยไม่มีเป็นเป้าสายตาของคนอื่นก็ใช้เวลาเกือบปี ซึ่งคราวนี้ถึงคิวของโจจูฮีที่ต้องรับช่วงต่อการเป็นเด็กฝึกสุดฮ็อตแล้ว
คิมดาฮยอนตื่นเต้นกับการได้เจอจูฮีเพราะนอกจากรุ่นพี่เฟยกัยแจ็กสันและรุ่นน้องข่งเสว่เอ้อร์ ในบริษัทก็ไม่มีใครที่มีจากจีนหรือไต้หวันอีกเลย
ตั้งแต่ที่ได้รู้ว่าจูฮีจะมาวันนี้ เธอก็คิดจะฉุดลากซนแชยอง รุ่นน้องที่สนิทที่สุดไปยลโฉมเด็กใหม่ที่สวยจนคณะกรรมการตกตะลึง แถมยังคิดแกล้งเธอด้วยการส่งจดหมายรักแบบง่ายๆ ด้วยภาษาจีนให้หนึ่งฉบับ
เนื้อหาในจดหมายมีแค่คำว่า หว่ออ้ายหนี่ ตามด้วยชื่อโจจูฮี เป็นภาษาเกาหลี พอเขียนเสร็จเธอก็ใส่ซองจดหมายและเอาไปใส่ในล็อกเกอร์ที่ติดชื่อไว้ว่าโจจูฮี
พัคจีซูดึงน้องใหม่ทุกคนเข้ากลุ่มแชตและแนะนำตัวกันพอเป็นพิธี จากนั้นก็แยกย้ายไปซ้อม
ทุกเดือนจะมีการประเมินผล เด็กฝึกไม่ว่าใหม่หรือเก่า หรือแม้แต่ศิลปินที่เดบิวต์ไปแล้วก็ต้องฝึกฝนอย่างจริงจังทุกวัน
เก้าโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นคือเวลาซ้อมบังคับ ใครจะมาก่อนและเลิกทีหลังก็แล้วแต่ความสมัครใจ
ปกติซานะกับโมโมะจะมาห้องซ้อมด้วยกัน แต่วันนี้เป็นวันแรกที่มาก่อนเพื่อนรักเพราะอีกฝ่ายมัวแต่ต่อคิวซื้อน้ำร้านเปิดใหม่ ตอนที่จื่อวีเดินอยู่กับพัคจีซู ซานะก็อยู่ในห้องซ้อมแล้ว ช่วงเที่ยงก็ไปกินข้าวไม่พร้อมกัน ช่วงเย็น ก็กลับไม่พร้อมกัน ทำให้พวกเธอไม่ได้เจอกันสักที
เย็นวันนั้นจื่อวีเปิดตู้ล็อกเกอร์เพื่อลองกุญแจและได้พบกับจดหมายปริศนาที่ดาฮยอนเป็นคนใส่เอาไว้
ดาฮยอนหยิบกระดาษโน้ตแผ่นนั้นมาจากตู้ล็อกเกอร์ของแชยอง เธอไม่รู้เลยว่าก่อนหน้านี้แชยองเคยใช้สมุดเล่มเดียวกันนี้ขอไอจีซานะกับโมโมะ ซึ่งซานะกดปากกาแรงมากทำให้ตัวอักษรฝังลึกไปยังหน้าถัดไป เพราะเหตุนี้จดหมายรักที่จื่อวีได้ไปถึงได้มีชื่อไอจีของซานะติดอยู่
จื่อวีมองเห็นตัวอักษรคำว่า sanapomu จากกระดาษแผ่นนั้นและลองแอดไลน์ด้วยไอดีจนเจอคนใช้ชื่อว่า SANA แถมเธอคนนี้ก็อยู่ในห้องแชตกลุ่มเด็กฝึก เธอจึงคิดว่าไม่ผิดตัวแน่
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน สุดท้ายสาวน้อยวัยสิบสามปีใช้แอปแปลภาษาทักไปหาคนแปลกหน้าที่เคยเจอหันแค่ครั้งเดียวด้วยความสงสัยปนอยากรู้อยากเห็น
ส่งข้อความไปแล้วเธอถึงได้เอะใจกดรูปโปรไฟล์ของอีกฝ่ายดู พอเห็นว่าไลน์ที่ใช้ชื่อว่าซานะที่เธอเพิ่งทักไปคือพี่สาวคนสวยที่เธออยากเจอมาตลอด เหงื่อก็แตกพลั่ก ใจเต้นรัว มือสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ซานะตอบกลับข้อความของจื่อวีแทบจะทันทีเพราะจำรูปโปรได้
พวกเธอคุยกันในแชตไลน์ จนได้รู้ว่าคนส่งจดหมายไม่ใช่เธอ จื่อวีก็แอบผิดหวังเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ดีใจที่อย่างน้อยก็ได้ไลน์ของพี่สาวคนนั้นมา
จื่อวีใช้แอปแปลภาษาทำให้ภาษาเกาหลีที่เธอใช้ดูอ่านยากเล็กน้อย แต่ซานะเข้าใจดีเพราะเธอเคยผ่านจุดนี้มาแล้ว เธอจึงคุยกับอีกฝ่ายเป็นภาษาเกาหลีผ่านข้อความเสียงอยู่พักใหญ่
ความรู้สึกไม่สนิทใจของจื่อวีหายไปตั้งแต่ตอนที่พี่สาวคนสวยเอนมาซบไหล่เธอในวันนั้นแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ใบหน้าสวยที่ยังตราตรึงอยู่ในใจของเธอมาตลอด
ทั้งสองคนแชตกันเป็นประจำ แต่ผ่านไปเกือบสัปดาห์ก็ยังไม่เคยได้เจอหน้ากันอย่างเป็นทางการ
ที่จริงซานะขึ้นรถเมล์ไปกลับรอบเดียวกันกับจื่อวีแทบทุกวันตั้งแต่วันที่รู้ว่าอยู่หอพักหอเดียวกัน วันแรกที่จื่อวีไปซ้อมที่บริษัท ซานะตื่นเช้าแล้วเห็นจื่อวีขึ้นรถเมล์พอดี วันถัดมาเธอก็ตื่นให้เช้าขึ้นเพื่อให้ได้ขึ้นรอบเดียวกัน ส่วนขากลับก็บังเอิญสุ่มเวลาออกจากห้องซ้อมแล้วเจอจื่อวี ทำให้ปลีกตัวจากโมโมะเพราะอยากส่งเธอกลับถึงหอพัก
หลังจากนั้นมาซานะเจอจื่อวีที่โรงอาหาร บนรถเมล์และรถไฟฟ้าทุกวัน แต่อีกฝ่ายกลับมองไม่เห็นเธอ ส่วนโมโมะก็ไม่เคยเอะใจที่ช่วงนี้เพื่อนรักไม่ยอมไปกลับพร้อมเธออย่างเมื่อก่อน
ผ่านไปได้เจ็ดวันนับจากที่เป็นเด็กฝึกอย่างเป็นทางการ จื่อวีก็แกล้งบ่นๆ ในแชตว่าผ่านมาเจ็ดวันแล้วไม่ได้เจอหน้ากันสักที สุดท้ายพวกเธอก็ได้เจอกันบนรถไฟฟ้า เพราะซานะตามมาส่งเจ้าเด็กขี้เซาที่ชอบหลับจนเอนซบคนข้างๆ
ที่ซานะกล้าเรียกจื่อวีว่าเด็กขี้เซาได้เต็มปากก็เพราะเธอพลังงานเหลือล้นมาก ถ้าไม่ได้ออกกำลังกายอย่างหนักหรือใช้พลังงานมากเกินไป เธอก็ไม่เคยเผลอหลับระหว่างทางไปกลับหอพักเลยสักครั้ง ที่จำได้ก็มีแค่วันนั้นวันเดียว
พวกเธอเจอกันระหว่างทางไปกลับอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยเจอกันในบริษัท ในครั้งแรกที่เจอกัน โมโมะก็อยู่ด้วย แถมยังแต่งตัวคล้ายเธอมาก แต่จื่อวีก็ยังเข้ามาทักทายซานะได้ถูกคน ต่างจากคนอื่นที่ยังคงแยกไม่ออกว่านี่คือซานะหรือโมโมะ
ในปีต่อมา พวกเธอเหล่าเด็กฝึกถูกเรียกตัวให้ไปเป็นตัวประกอบในเอ็มวีเพลงของรุ่นพี่วงก็อตเซเว่น มีแค่ซานะกับดาฮยอนที่ได้เป็นนางเอกเอ็มวีตัวเป็นๆ ทำให้กระแสจากแฟนคลับวงนั้นที่มีต่อของพวกเธอค่อนข้างแรง
พอเริ่มเข้าแข่งขันรายการซิกทีนในปีถัดมา กระแสคู่จิ้นภายในรายการก็มีหลายคู่ ที่มาแรงที่สุดคงหนีไม่พ้นทูยอนกับซาจื่อ
หลังจากที่ได้เดบิวต์กลายเป็นทไวซ์ จองยอนกับนายอนขำน้ำตาเล็ดกับการได้กลายเป็นคู่จิ้นยอดฮิต ส่วนซานะกับจื่อวีที่ก็แอบเขินนิดหน่อย แต่พวกเธอทั้งเก้าคนก็เข้าใจดีและเล่นกันถึงเนื้อถึงตัวมากขึ้นเพื่อความสุขของแฟนคลับอย่างไม่คิดอะไรมาก ซึ่งนั่นทำให้ซานะที่เคมีเข้ากับทุกคนถูกจิ้นคู่กับสมาชิกทุกคนในวง ลามไปถึงนอกวงทั้งหญิงและชาย
จื่อวีที่รู้สึกกับซานะมาตั้งแต่แรกรู้ดีว่าการใกล้ชิดนี้อาจเป็นแค่สิ่งที่สร้างขึ้นมาเอาใจแฟนคลับ แต่ลึกๆ เธอกลับรู้สึกว่าสิ่งที่ซานะทำให้เธอไม่เหมือนเมมเบอร์คนอื่น
ทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นในเดือนธันวาคมปี 2016
เพราะจื่อวีกับซานะ...ตกลงเป็นแฟนกันอย่างลับๆ ในที่สุด
...----------------...
* เรื่องนี้แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน มีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุการณ์จริงของศิลปินเพียงเล็กน้อย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!