" ฉันหวังว่าวันนี้จะเป็นวันของฉัน " ชายคนนึงกำลังจัดเนคไทของเขาในห้องน้ำของ Los Oceania City Hall เขากำลังแต่งตัวเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมคณะกรรมการและผู้สนับสนุนทางการเมืองที่อาจเป็นผู้ช่วยของเขาในอนาคต ชายหนุ่มมองไปยังกระจกตรงหน้า แววตาและสีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจของเขา
เขาเปิดน้ำในอ่างล้างหน้าก่อนที่จะเริ่มล้างหน้าของตนเสียก่อน เขาพยามทำให้ตนใจเย็นลง มองไปยังกระจกอีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมา " นายทำได้โทมัส.....นายทำได้ " นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญและกดดันสำหรับโทมัส เขาต้องพิสูจน์ว่าตนพร้อมและมีความสามารถมากเพียงพอที่จะนำพาเมืองใต้น้ำแห่งนี้ไปสู่ยุคใหม่ แต่ถึงอย่างงั้นเขายังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสำเร็จของการเลือกตั้งและการเผชิญหน้ากับคู่แข่งทางการเมืองที่น่ากลัวสำหรับเขา
โทมัสมองเข้าไปยังกระจกตรงหน้าของเขาอีกครั้ง มองเห็นถึงภาพผู้คนในเมืองแห่งนี้ เขานึกถึงสิ่งที่เมืองนี้เป็นอยู่ และสิ่งที่เขาต้องการทำให้ผู้คน เขารู้ว่าการเลือกตั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางของเมืองใต้น้ำแห่งนี้
เขาสูดหายใจเข้าลึก พยายามเสริมความมั่นใจให้ตนเอง หลังจากเขาก้าวออกจากห้องนี้ไปจะเป็นการเปิดฉากศึก โทมัสจัดเนคไทของตนให้ตรงพร้อมพูดกับตน " นายทำได้โทมัส เพราะนายต้องทำให้ได้ " เขาออกจากห้องน้ำพร้อมที่จะเผชิญกับทุกอุปสรรคที่อยู่หลังจากก้าวออกจากห้องนี้ไป
โทมัสก้าวออกจากห้องน้ำเดินตรงไปยังห้องประชุม ห้องประชุมที่แสดงถึงความเป็นศูนย์กลางของการเลือกตั้งและการเมือง เขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูสักพักครุ่นคิดบางอย่างภายในหัวของตน ก่อนที่จะเปิดประตูเขาไป เขาถูกต้อนรับด้วยความเงียบสงบของเหล่าคณะกรรมการและผู้สนับสนุน รวมถึงคู่แข่งของเขาด้วยเช่นกัน
ห้องประชุมนั้นเป็นห้องวงกลมขนาดใหญ่ มีที่นั่งเป็นชั้น และมีจุดให้สำหรับการยืนแสดงความคิดเห็นและอย่างอื่นอยู่ที่ตรงกลางห้อง ผู้คนในห้องต่างหันไปคุยกันซุบซิบบางอย่างก่อนที่เสียงของประธานคณะกรรมการและผู้สนับสนุนจะพูดขึ้น
" คุณโทมัส เฟล็ทเชอร์ ทางเราหวังว่าคุณจะเตรียมพร้อมมาแล้ว กรุณาเดินขึ้นมาที่จุดยืนปราศรัยด้วยครับ "
ความเงียบสงบเกิดขึ้นอีกครั้งสายตาของผู้เข้าร่วมประชุมต่างมองไปยังจุดเดียวกัน มองไปยังโทมัส
" ได้ครับ " โทมัสกล่าวพร้อมโน้มตัวตอบรับคำพูดของท่านประธาน เข้าก้าวไปยังจุดยืนปราศรัย เรียบเรียงคำพูดให้หัวของตนก่อนจะพูดออกไป
" เรียนท่านผู้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการและผู้สนับสนุนทางการเมืองทุกท่าน กระผมโทมัส เฟล็ทเชอร์ หลังจากนี้ กระผม จะอธิบายวิสัยทัศน์ของกระผม ต่อสิ่งที่จะทำต่อเมือง Los Oceania "
โทมัสเริ่มด้วยการอธิบายวิสัยทัศน์ของเขาในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและยุติธรรมใน Los Oceania โทมัสเริ่มด้วยการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของเขาในการให้สิทธิและโอกาสเท่าเทียมให้กับทุกคนในเมืองนี้ โดยเขาเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการกระจายอำนาจและการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจ
เขากล่าวถึงการสร้างระบบการศึกษาที่เข้มแข็งและสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคนี้ เขาเสนอแผนการพัฒนาเทคโนโลยีและการฝึกอบรมที่ต้องการในการเติบโตและเติบโตอย่างยั่งยืนของ Los Oceania
นอกจากนี้ โทมัสยังเน้นถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เขาเสนอแนวคิดในการพัฒนาพลังงานที่สะอาดและทรัพยากรทางทะเลเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
โทมัสกล่าวถึงความจำเป็นของการสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและความเป็นศูนย์กลางทางการเมือง โดยเขาเสนอแผนการเสริมสร้างการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและประชาธิปไตยที่มีความเป็นสมดุล
โทมัสเน้นว่าความสำเร็จของ Los Oceania จะขึ้นอยู่กับความร่วมมือและการทำงานร่วมกันของทุกคนในเมือง โดยเขาเชื่อว่าการสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนจะเกิดขึ้นเมื่อทุกคนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและมีส่วนร่วมในการดำเนินงานทางการเมืองและการบริหารราชการ
ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยความสนับสนุนและความปรารถนาที่เหมือนกันจากคณะกรรมการและผู้สนับสนุน โทมัสรู้สึกได้ถึงความกำลังใจและการสนับสนุนที่จะช่วยให้เขาสามารถสร้างอนาคตที่ดีให้กับ Los Oceania และให้ความสำคัญกับบทบาทที่เขาต้องเล่นในการนำเมืองใต้น้ำนี้ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคต
เมื่อโทมัสพูดเสร็จ ประธานก็ให้เขาไปนั่งยังที่นั่งของตน พร้อมเปิดโอกาสให้คู่แข่งของโทมัสแสดงความคิดเห็นและแสดงอ้างอิงว่าตัวเองสามารถให้ความสำคัญกับเรื่องใดบ้างที่เขาคิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่ Los Oceania
คู่แข่งคนแรกคือ อีวาน ไฟร์สโตร์ เขาเป็นผู้จัดการธนาคารรายใหญ่ผู้มีอิทธิพลมากมายทั่วเมือง เขาเริ่มต้นโดยแสดงความเป็นกลางและเสนอแผนการที่เน้นในเรื่องของการเสริมสร้างเศรษฐกิจใน Los Oceania โดยให้ความสำคัญกับการสร้างอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนและสร้างงานที่มีคุณภาพสูง และเขาย้ำถึงความสำคัญของการมีมาตรฐานชีวิตที่ดีสำหรับประชาชนทุกคนในเมือง
คู่แข่งคนที่สองคือ ไลลา เวิร์ดส์ นักกฎหมายและนักวิชาการด้านนโยบายทางสังคม เธอเน้นความยุติธรรมและการเสริมสร้างสังคมที่เท่าเทียมในทุกๆ ด้าน ซึ่งรวมถึงการแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในระบบยุติธรรม และเธอย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นในระบบกฎหมายและความยุติธรรมในสังคม
เหล่าผู้ประชุมต่างปรบมือกันอย่างล้นหลาม ผู้คนต่างแสดงการสนับสนุนความคิดของทั้งสองคน มากกว่าความคิดของโทมัส โทมัสรู้ได้ในทันที่ นี่ไม่ใช้เรื่องที่ดีนี่อาจทำให้เขาเสียผู้สนับสนุน โทมัสไตร่ตรองและเรียบเรียงคำพูดของเขาอย่างมีความรอบคอบและเหมาะสมกับความต้องการและความเป้าหมายของเมืองนี้เพื่อแก้สถานการณ์ในตอนนี้ เขาคิดชั่วครู่ก่อนจะยกมือขึ้น เพื่อใช้สิทธิ์ขอพูดอีกครั้ง
เมื่อโทมัสขอให้สิทธิ์พูดอีกครั้ง ประธานการประชุมตอบคัดค้านคำขอของโทมัสและแสดงความเห็นว่าการปิดการประชุมเป็นสิ่งที่เหมาะสมในตอนนี้ เขาเสนอเหตุผลว่าการปิดประชุมจะช่วยลดความแตกแยกและความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ร่วมประชุม และสามารถให้เวลาในการพิจารณาแผนการต่อไปได้อย่างรอบคอบและตรงประเด็น
โทมัสพยายามที่จะขอใช้สิทธิ์ แต่ในที่สุดประธานก็ตัดสินใจจบการประชุมครั้งนี้ เมื่อประธานการประชุมตัดสินใจเลือกที่จะจบการประชุม การประชุมสิ้นสุดลง นั่นหมายความว่าไม่มีการตัดสินใจหรือการกระทำที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่โทมัสเสียเปรียบได้ตอนนี้ โทมัสและคู่แข่งจะต้องรับผลจากการประชุมที่สิ้นสุดลง และอาจต้องพิจารณาการปรับแผนการของตนเองหรือการวางแผนในอนาคตใหม่สำหรับการประชุมในครั้งต่อไป
ผู้ร่วมประชุมค่อยๆเดินออกไป โทมัสรู้สึกพ่ายแพ้และโกรธตนเองเมื่อต้องเผชิญกับการจบการประชุมที่ไม่ได้ตามที่เขาคาดหวัง เขาเก็บของส่วนตัวและเดินออกจาก City Hall โดยอารมณ์โกรธและผิดหวังเมื่อโทมัสเดินออกจาก City Hall เขาพบกับฉากที่ท้องฟ้าสีทองของเมือง Los Oceania เป็นสีสันและแสงสว่างที่ปกคลุมอยู่ทั่วไป ตัวเมืองนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ทันสมัยและเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แสงสะท้อนบนน้ำทะเลที่เงียบสงบและเป็นกระจกแสงสว่างเพิ่มเติมความงดงามในฉาก
โทมัสสามารถรู้สึกถึงความลึกลับและความเป็นไปได้ของเมืองใต้น้ำนี้ ระบบการปกครองที่ซับซ้อนและอำนาจที่พึ่งพากันของกลุ่มผู้ครอบครองเมืองและต้นทุนที่ค่อนข้างสูงสร้างความเป็นหนึ่งเดียวและเส้นทางการเมืองที่ยากที่จะเข้าถึง
โทมัสรับรู้ว่าเมืองใต้น้ำ Los Oceania เป็นศูนย์กลางของอำนาจและสิ่งที่เขาต้องการคือความสามัคคีและการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมือง โดยเขาจะต้องสำรวจและต่อสู้กับสถานการณ์ทางการเมืองที่ท้าทายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงใน Los Oceania และให้โอกาสแก่ผู้คนในเมืองใต้น้ำที่จะมีชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต โทมัสตัดสินใจที่จะเริ่มเดินเกมในแบบของเขา ก่อนจะหยิบเทปเพลง "Watertown" และใส่เครื่องเล่นเทปพร้อมกับสวมหูฟัง เสียงเพลงของ Frank Sinatra เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และเขารู้สึกว่าเพลงนี้นั้นช่างเข้ากับสภาพอารมณ์ของเขาในขณะนี้ ก่อนเข้าจะตัดสินใจเดินทางไปยังที่แห่งนึง
.
.
.
.
.
Los Oceania คือเมืองใต้น้ำที่มีขนาดใหญ่เกือบที่สุดในโลกตอนนี้ มันถูกสร้างขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 1902 ทำให้พื้นที่โลกส่วนใหญ่ถูกครอบครองไปด้วยน้ำ จึงทำให้มนุษย์ตัดสินใจที่จะสร้างเมืองใต้น้ำเพื่ออาศัยอยู่
Los Oceania คือสัญลักษณ์ของความสามัคคีระหว่างเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและการเมืองที่ซับซ้อน เมื่อไม่นานมานี้เมืองนี้เต็มไปด้วยปัญหาและความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นหลังจากการหมดวาระของประธานาธิบดีคนก่อน
น้ำเป็นทรัพยากรที่สำคัญใน Los Oceania และการจัดการทรัพยากรน้ำเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของเมือง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับน้ำเพื่อการใช้ประโยชน์ทั้งในด้านอุตสาหกรรม การเกษตร และอีกมากมายภายในเมือง
สถานการณ์ทางการเมืองใน Los Oceania เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและความแข่งขัน การเลือกตั้งประธานาธิบดีเป็นเหตุที่สำคัญที่สุดในการเกิดความขัดแย้งและการแต่งตั้งฝ่ายผู้ร่วมประชุมที่แตกต่างกัน ผู้มีอำนาจและผู้สนับสนุนกลุ่มต่างๆ จึงมีการแสดงความเห็นและการแข่งขันอย่างดุเดือดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเอาชนะคู่แข่ง
ระบบการปกครองใน Los Oceania เป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่น โทมัสต้องพบกับการปรับตัวและจัดการกับความขัดแย้งและการท้าทายทางการเมืองที่เกิดขึ้น สถานการณ์เหล่านี้กำลังสร้างเสียงพูดในตัวโทมัสให้เขาต้องพิจารณาและตัดสินใจให้ดีเพื่อการเดินทางของตนเองในโลกการเมืองที่ซับซ้อนนี้
.
.
.
.
.
โทมัสตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังบาร์แห่งนึง ที่อยู่ใกล้ๆเพื่อหาที่สงบและเข้ากันได้กับอารมณ์ของเขาในตอนนี้ และคงไม่มีที่ใดจะเหมาะสมไปมากกว่า "Harmony's Haven" (เฮอร์โมนีส์ เฮเว่น) บาร์ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมของชาวเมืองใต้น้ำ Los Oceania
Harmony's Haven เป็นบาร์ที่มีลักษณะที่ร่มเย็นเหมาะแก่การมานั่งดื่ม มีการตกแต่งด้วยเครื่องดนตรีและภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์ มีโต๊ะที่สะดวกสบายและมีพื้นที่สำหรับนั่งเล่นและพูดคุยกันอย่างอารยชน
โทมัสเข้าไปด้านในพร้อมถอดหูฟังและเก็บมันเข้าไปในกระเป๋า โทมัสเดินไปนั่งอยู่ที่โต๊ะบาร์และฟังเพลงแจ๊สในร้านเพื่อรับความผ่อนคลายจากความกดดันในการประชุม แต่เขายังรู้สึกถึงความหงุดหงิดและความโกรธที่ยังคงอยู่ในใจ เขามองไปยังบาร์เทนเดอร์ก่อนจะสั่ง "Long Island" มันเป็นเครื่องดื่มที่มีความเข้มข้นและรสชาติที่หลากหลาย นั่นอาจทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น เขามองไปยังบาร์เทนเดอร์ที่กำลังทำเครื่องดื่ม ก่อนจะหันมองไปรอบๆ
เขาสังเกตคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เขา บางคนกำลังจับจ่ายตังค์ออกจากกระเป๋าเพื่อชำระเงิน และคนอื่นกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน เป็นภาพที่เหมาะสมเป็นบาร์เพียงแต่ว่านี่ยังเช้าอยู่ เมืองนี้ช่างมีสีสันถึงแม้เบื้องหลังจะดำมืดก็ตาม
โทมัส เฟล็ทเชอร์เป็นนักการเมือง ผู้มีความคิดที่เป็นระเบียบและมุ่งมั่นในการวางแผนและแก้ไขสถานการณ์ เขาสามารถอ่านและวิเคราะห์สภาพการณ์ได้อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการต่อไป
โทมัสเป็นคนที่ตั้งใจฟังคนอื่นและให้ความสำคัญกับความคิดและเสียงของผู้อื่น โดยเขาเชื่อว่าการฟังคนอื่นจะช่วยให้เขาได้รับข้อมูลและมุมมองที่แตกต่างเพื่อที่จะประเมินสถานการณ์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้เขายังเชื่อในความร่วมมือและการทำงานเป็นทีม เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์และพัฒนาการเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โทมัสมีอายุ 35 ปี เป็นคนผมสีน้ำตาล ส่วนสูง 177 เซนติเมตร โดยมีลักษณะการแต่งตัวเรียบร้อยและดูน่าเชื่อถือ เขาก็เหมือนคนอื่นทั่วไป ก็แค่ชายธรรมดาคนนึง
เขานั่งรอที่โต๊ะบาร์ไปสักพักก่อนเครื่องดื่มจะเสิร์ฟให้ โทมัสหยิบแก้วแล้วจ่ายตังค์ ก่อนเดินออกจากโต๊ะบาร์เพื่อไปหาที่นั่งตรงอื่น
โทมัสเลือกที่นั่งข้างหน้าต่าง ที่ชั้น2ของบาร์แห่งนี้ บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความร่มรื่นไม่เหมือนบาร์อื่นทั่วไป รวมกับเพลงแจ๊สที่กำลังเปิดบรรเลงก็ทำให้เกิดอารมณ์สุนทรีย์ยิ่ง เพลงที่บรรเลงอยู่คือ "D & E" ของ Oscar Peterson Trio จังหวะที่บรรเลงของเสียงเปียโนและกลองทำให้โทมัสเริ่มโยกตามเพลงเล็กน้อย
ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะอยู่ เขาก็ถูกขัดจังหวะจากคำกล่าวทักทายจากใครบางคน
" กล่าวสวัสดียามบ่ายคุณโทมัส เฟล็ทเชอร์ ไม่คิดว่าเราจะเจอกันที่ " เสียงกล่าวทักทายจากชายคนนึง เขาสวมชุดสูทสีเทาดูเป็นระเบียบและทางการ มีผมสีทอง ดวงดาสีฟ้า สูงประมาณ 181 นั่นไม่ใช่ใครอื่นใด เขาคืออีวาน ไฟร์สโตร์ ผู้จัดการธนาคารรายใหญ่ และคู่แข่งทางการเมืองของโทมัส
โทมัสมองไปยังอีวานด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ เพียงมองตาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น
อีวานเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของโทมัส ก็เริ่มแสดงท่าทีเป็นมิตรมากขึ้น " อย่ามองผมแบบนั้นสิโทมัส ผมมาด้วยเจตนาดี " เมื่อเขากล่าวเสร็จ เขาก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามกับโทมัส แล้วยื่นซองเอกสารบางอย่างให้เขา
โทมัสรู้สึกลังเลใจเล็กน้อยกับซองเอกสารตรงหน้าของเขา เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านและอ่านเอกสารทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน สาระสำคัญของเอกสารเหล่านี้คือความต้องการให้โทมัสร่วมมือกับเขา เพื่อให้อีวานสามารถหาเสียงและผู้สนับสนุนให้กับเขามากขึ้นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้
โทมัสรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าวิธีการในการหาเสียงและผู้สนับสนุนของอีวานนั้นเลวร้ายและไม่ถูกต้องตามหลักการทางการเมืองที่เขายึดถือ
โทมัสเห็นว่าการร่วมมือกับคู่แข่งอาจทำให้เขาสูญเสียการสนับสนุนและความเชื่อมั่นจากผู้สนับสนุนของตนเอง ซึ่งนั่นไม่เป็นผลดีสำหรับเขาเลย แม้ข้อเสนอจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่โทมัสก็เลือกที่จะปฏิเสธและจะเดินเกมการเมืองในแบบของเขาเอง
" ผมเสียใจด้วยอีวาน...แต่ผมคงรับขอเสนอนี้ไว้ไม่ได้ " โทมัสเก็บเอกสารเข้าซองแล้วยื่นคืนให้กับอีวานในทันที อีวานรู้สึกตกใจเล็กน้อยกับการตัดสินใจของโทมัส
" คุณคิดดีแล้วเหรอโทมัส ผมเข้าใจว่าคุณยึดถือในหลักของความถูกต้องทางการเมือง แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ แนวคิดของคุณไม่ได้รับการสนับสนุนมากเท่าที่ควรนะ " อีวานหยุดพูดก่อนหันไปดื่มกาแฟร้อนของเขา
" แล้วคุณจะสู้ต่อทำไมหล่ะในเมื่อให้ผมสู้ต่อดีว่า " เขามองไปหาโทมัส ใบหน้าของเขายังคงเปื้อนด้วยรอยยิ้มจอมปลอม
" สนับสนุนหรอ อย่าทำให้ผมขำไปหน่อยเลยอีวาน พวกนั้นไม่คิดจะสนับสนุนคุณด้วยซ้ำ เพราะคุณจ่ายพวกเขามากกว่า นั่นแหละคือเหตุผลที่พวกเขาสนับสนุนคุณ จริงมั้ยอีวาน? "
สีหน้าของอีวานตกใจเป็นอย่างมากหลังจากได้ยินคำตอบของโทมัส " นี่คุณรู้หรอ? " เขาถามโทมัสไป แค่มองก็รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
" ทำไมผมจะไม่รู้หล่ะ นี่เกมการเมือง เรื่องเงินใต้โต๊ะมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วเสียด้วยซ้ำ " โทมัสยังคงแสดงท่าทีสุขุมถึงแม้ภายในใจของเขาจะรู้สึกประหม่ามากก็ตาม
อีวานนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดขึ้น " ผมเข้าใจแล้วหล่ะโทมัส ผมเข้าใจแล้ว " อีวานเก็บซองเอกสารไปวางไว้ข้างๆตัวของเขา ก่อนจะหยิบบางอย่างขึ้นมา
เปรี้ยง!!
"Smith & Wesson Model 36" ปืนพกสำหรับใช้งานในระยะใกล้ ใช้กระสุนขนาด .38 Special ซึ่งมีการออกแบบที่เล็กกระทัดรัดและสะดวกต่อการถือใช้งาน
อีวานหยิบปืนขึ้นมายิงหวังจะจัดการกับโทมัส โชคยังดีที่โทมัสยังหลบมันทัน เขารีบตั้งสติก่อนจะหันไปหยิบ Long Island ของเขาขว้างใส่อีวานจนเขาหยุดชะงักไป
โทมัสวิ่งตรงไปยังบันไดเพื่อลงไปชั้นแรก ด้วยเสียงการยิงของ Smith & Wesson Model 36 ทำให้ผู้คนในร้านแตกตื่นและพยายามหนีออกไปจากร้านกัน โทมัสที่พยายามวิ่งหนีลงไปชั้นล่างถูกแขกคนนึงวิ่งใส่จนล้มกลิ้งตกบันไดไป
โทมัสล้มลงนอนไปกลับพื้น มองไปยังบันไดเห็นอีวานกำลังเช็คหน้าของเขาอยู่ โทมัสรีบพยายามลุกขึ้นแล้วรีบหาที่หลบแต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันการ
เปรี้ยง!!
เสียงการยิงครั้งที่สองดังขึ้นสนั่นไปทั่วพื้นที่ แต่เหมือนจะเป็นโชคดีอีกครั้งของโทมัส เป็นอีกครั้งที่อีวานยังคงยิงไม่โดนเขา โทมัสรีบลุกขึ้นวิ่งไปหลบหลังโต๊ะที่ล้มอยู่
" หลบไปก็ไร้ความหมายโทมัส แกคิดหรอว่าแกจะหลบหลังโต๊ะแล้วรอดฮะ!! ไร้ประโยชน์ รีบออกมาแล้วให้ฉันยิงๆแกตายไปซะจะดีกว่า "
อีวานเล็งปืนไปยังโต๊ะนั้นไม่ละสายตาแม้แต่น้อย เขาค่อยๆก้าวลงมาช้า สายตายังคงจับจ้องไปยังโต๊ะนั้นอยู่ ไร้การตอบรับจากโทมัส มีเพียงความเงียบ ตอนนี้ทั้งร้านเหลือแค่โทมัสและอีวานเท่านั้น ไม่มีใครจะช่วยโทมัสนอกจากตัวเขาได้ นอกจากตัวของเขาเอง
" แล้วใครบอกว่าฉันจะเอาแต่หลบหล่ะ " โทมัสพูดขึ้นก่อนจะออกโผล่ออกมาพร้อมเก้าอี้ไม้ตัวนึง เขาโยนมันใส่อีวานจนเขาเสียหลักล้มลง โทมัสรีบอาศัยจังหวะนี้วิ่งเข้าไปหาอีวานที่นอนอยู่กับพื้นอยู่ โทมัสวิ่งเข้าไปนั่งบนตัวของอีวาน แล้วต่อยเขาไม่พักจนหน้าของอีวานตอนนี้ถูกอาบไปด้วยเลือด จนทุกอย่างเริ่มดูสงบลง
โทมัสตอนนี้หยุดนิ่ง มองดูอีวานที่นอนสลบกับพื้นไปแล้วตอนนี้ เขาลุกขึ้นก่อนจะขึ้นไปหยิบกระเป๋าของเขาที่วางไว้บนโต๊ะชั้นบน โทมัสเดินลงมาชั้นล่างหลังเก็บกระเป๋าของเขาเสร็จ เขาเห็นบาร์เทนเดอร์ที่นั่งหลบอยู่ใต้โต๊ะบาร์ บาร์เทนเดอร์หนุ่มมองมายังโทมัส ก่อนจะเอ่ยปากถามโทมัส
" ทุกอย่างจบแล้วใช่มั้ย? " โทมัสมองไปยังเด็กหนุ่มตัวของเขาสั่น แววตาหวาดระแวง
" จบแล้วหล่ะ " โทมัสตอบไปก่อนที่จะเดินตรงไปยังประตูร้าน
" แล้วไอ้เวรนี่....จะทำยังไงดี " บาร์เทนเดอร์หนุ่มเอ่ยถามก่อนโทมัสจะจากไป
" ไอ้เวรนี่หรอ " โทมัสมองไปยังอีวานที่นอนอยู่กับพื้นก่อนจะเงียบไปสักพัก " จะโยนมันทิ้งข้างถังขยะหรือจะโยนมันเข้าถังขยะก็ได้ ช่างหัวมันเถอะ " เมื่อพูดเสร็จโทมัสก็เดินตรงไปยังประตู
เขาเดินเข้าสู่แสงอาทิตย์ที่ส่องอยู่บนถนนกำลังค่อยๆจางเมื่อเขาออกจากบาร์ โทมัสมองดูรอบๆ เขาเห็นเมืองใต้น้ำที่ชื่อ Los Oceania เต็มไปด้วยสิ่งสวยงามและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า แต่เขารู้ว่าภายในยังมีเงื่อนไขทางการเมืองและอำนาจที่เข้มงวด
เมื่อเดินไปสักพักเมืองทั้งเมืองก็เริ่มสั่น โทมัสก็มองดูนาฬิกาที่ข้อมือของตน เมืองที่อยู่บนน้ำ ตอนนี้ค่อยๆลงน้ำลงเรื่อยๆ นั่นเป็นกลไกของเมืองใต้น้ำ เมื่อถึงตอนเช้าเมืองก็ขึ้นจากน้ำรับแสงอาทิตย์และสายลม เมื่อถึงเวลาใกล้ค่ำเมืองก็เคลื่อนตัวลงไปในน้ำเพื่อป้องกันคลื่น พายุ และอื่นๆที่อาจทำลายเมืองได้
ถนนด้านหน้าของโมมัสค่อยๆมืดลง โทมัสสัมผัสอากาศเย็นๆ และร่มเงาเล็กๆ เริ่มปรากฏขึ้นตามทางเดินเท้าที่เขากำลังเดินอยู่ เมื่อเมืองเข้าสู่ยามค่ำคืนบรรยากาศก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเมืองธรรมดาๆเปลี่ยนไปเป็นเมืองแห่งแสงสีและเสียงดนตรี บรรยากาศในยามค่ำคืนนั้นแตกต่างจากยามเช้าอย่างสิ้นเชิง
โทมัสเดินอยู่ที่ข้างถนน กวาดสายตาไปทั่วทุกที่ตามหาบางอย่าง เขามองไปยังไปตู้โทรศัพท์สีแดงที่ตั้งอยู่ ด้านบนของตู้มีป้ายบอกวันที่อยู่ [ 10/2/1975 ] เขาเดินตรงไปยังตู้เข้าไปด้านใน หยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วกดไปยังเบอร์โทร เบอร์นึง เขารอสายอยู่สักพักใหญ่ๆก่อนจะได้รับการตอบรับจากปลายสาย
" สวัสดีครับ นั่นใครพูด? "
" ฉันเองจอห์น "
" โทมัส! มีเรื่องอะไรหล่ะ? "
" มารับฉันที ฉันอยู่เขต 7 "
" ได้เลยรอฉันแปปนึง "
เมื่อบทสนทนาจบโทมัสก็เก็บโทรศัพท์ลงที่เดิมแล้วเดินออกมา เขามองไปทั่วหาที่สำหรับนั่งรอเพื่อนของเขา เขาเดินตรงไปที่ม้านั่งใกล้แล้วนั่งลงถอนหายใจเฮือกใหญ่กับสิ่งที่เจอมาทั้งวัน
เขาเปิดกระเป๋าของตัวเองหาเครื่องเล่นเทป ก่อนจะค้นหาเทปสำหรับเปิดฟัง เขาหาสักพักจนหยิบได้เทปที่อยากฟัง "Velvet Moon" ของ Tommy Flanagan Trio แต่เมื่อเขากำลังจะหยิบมันใส่เครื่องเล่นเทป ก็มีรถแท็กซี่มาจอดตรงหน้าของเขา
" ฉันมาช้ารึป่าว? " จอห์นเอ่ยถามโทมัส
" ไม่ มาเร็วเหมือนเคยจอห์น " โทมัสตอบไปก่อนจะเริ่มเก็บเครื่องเล่นเทปใส่กระเป๋าและเอาเทปเพลงใส่ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ เมื่อโทมัสก้าวขึ้นรถ รถก็เริ่มออกตัวไป
โทมัสนั่งอยู่ด้านหลัง จอห์นรู้ในทันทีมาโทมัสคงเจอมาหลายอย่างวันนี้ เขาจึงเลือกจะไม่ถามอะไรกับจอห์น
รถเคลื่อนตัวไป สองข้างทางเต็มไปด้วยแสงสีและผู้คน โทมัสมองออกมาไร้ความคิดใดๆภายในหัว เขามองดูผู้คนที่เดินไปมา ร้านค้าต่างๆ มองดูรอบๆอย่างไร้จุดหมายภายในใจ
ใช้เวลาสักพักใหญ่ รถก็มาจอดที่หน้าอพาร์ทเมนแห่งนึง ตึกอพาร์ทเมน 7 ชั้น โทมัสพักอยู่ที่ชั้นบนสุด จอห์นอาสาเดินไปส่งโทมัสถึงห้อง
ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินขึ้นบันไดไปด้วยกัน ก็เริ่มจะพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆตามภาษาเพื่อนที่สนิทกัน ทั้งคู่พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆในชีวิต เรื่องดีๆเรื่องแย่ๆที่เจอมา หวนคืนนึงถึงวันเก่าๆที่เคยมีร่วมกันจนถึงหน้าห้องของโทมัส
" ขอบคุณนายมากนะจอห์นที่มาส่งฉัน " เมื่อมาถึงหน้าห้องโทมัสก็กล่าวขอบคุณจอห์น
" ได้เสมอ " ทั้งคู่กล่าวลากันแล้วเดินจากกันไป
โทมัสยืนอยู่หน้าห้อง มองดูประตูด้านหน้า เขาหยุดอยู่ ไร้ความคิดใดๆ แล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องเดินเข้าไป ในห้องมืดสนิท ความรู้สึกสบายใจเข้าสู่ภายในใจของโทมัส เขาเปิดไฟในห้อง เดินเข้าไปถอดสูทและเนคไทออกโยนไปยังโซฟาในห้องนั่งเล่น โทมัสเดินตรงไปหาตู้เย็นในทันที หยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะหันไปเดินตรงไปที่เตียงของเขา เขาเดินตรงไปนั่งที่ข้างเตียงมองผ่านกระจกไปดูเมืองด้านนอก
จินตนาการและคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาต้องการทำในวันถัดไป ในขณะเดียวกันก็วางแผนเกี่ยวกับการเล่นเกมทางการเมืองของเขา โทมัสเพลิดเพลินกับวิวที่มองเห็นผ่านหน้าต่าง ก่อนจะหันไปมองเครื่องเล่นเทปที่วางไว้ข้างเตียงของเขา นึงถึงเทปเพลงที่เขาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขา และใส่มันลงไปในเครื่องเล่นเทป เสียงเพลงของ "Velvet Moon" เสริมสร้างบรรยากาศอันเงียบสงบในห้องของเขา เขามองไปยังกระป๋องเบียร์ในมือของตน เปิดแล้วดื่มมันสละความคิดทุกอย่างภายในหัวของเขา
ในตอนนี้มีแค่ความเงียบสงบ และความเพลิดเพลินจากเสียงดนตรีให้เขาดื่มด่ำไปในบรรยากาศเหล่านี้และมองไปยังดวงจันทร์สละความคิดทั้งหมดไปเพื่อการเริ่มต้นใหม่สำหรับวันพรุ่งนี้
Episode 1 - End
แสงแดดอ่อนๆส่องเข้าผ่านหน้าต่าง เข้าสู่ห้องโทมัส ด้วยแสงนั้นทำให้โทมัสตื่นขึ้นจากการหลับของเขา เขาค่อยๆลืมตามองดูเพดานและพัดลมติดเพดานเก่าๆของเขาที่ค่อยๆหมุนอยู่ด้านบน โทมัสพยายามทำสมองให้โล่งเข้าไว้รับเช้าวันใหม่เพื่อเตรียมเดินแผนของเขา
เขาเริ่มมองไปทั่วหาวิทยุ ก่อนจะหันไปเจอวิทยุที่วางไว้ข้างๆเครื่องเล่นเทปของเขา โทมัสลุกขึ้นไปนั่งที่ข้างเตียง ก่อนจะหันไปเปิดวิทยุเพื่อฟังข่าว เขาหาสักพักกว่าจะเจอคลื่นข่าว แต่ในทีสุดก็เจอ ในข่าวไม่มีอะไรมากมายนัก ยกเว้นการรายงานข่าวที่พูดถึงเหตุการณ์ยิงกันที่บาร์ดังแห่งนึงในเขต 7 แค่ฟังก็รู้ว่าร้านนั่นคือ Harmony's Haven ไม่ผิดแน่นอน แล้วใครคนที่ถูกพูดถึงในข่าวก็ไม่ใช่ใครก็โทมัสนี่แหละ
โทมัสตั้งใจฟังข่าวนี้อย่างดี แล้วก็ไม่มีการพูดถึงเขาหรืออีวานเลยในข่าวนั้น โทมัสไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะอีวานเป็นผู้จัดการธนาคาร เรื่องการปิดปากนักข่าวคงไม่ใช่เรื่องยากนัก เขาสละความคิดทั้งหมดออกจากหัวนึกถึงการเริ่มแผนของเขา โทมัสตัดสินใจที่จะเดินแผนในตอนนี้นั่นคือการหาผู้สนับสนุนเพิ่มเติม เขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มการเจรจากับ ริชาร์ด วิลเลียมส์ หนึ่งในผู้สนับสนุนจาก157เขตและเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเขต 9
โทมัสลุกขึ้นมาจากเตียงและเริ่มต้นการเตรียมตัวเพื่อเดินออกไปข้างนอก โทมัสเริ่มด้วยการสวมเสื้อเชิ้ตสุภาพและรัดเข็มขัดให้เข้ากับรองเท้าสีดำ คำนึงถึงแผนที่ในใจของเขาและกำหนดวิธีการเดินทางที่เหมาะสมสำหรับวันนี้
โทมัสเดินไปหากระเป๋าเอกสารของเขาที่วางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาเอากระเป๋าเอกสารออกมาและใส่อุปกรณ์สำคัญต่างๆเช่น แผนที่เมือง และบัตรประชาชน โดยระมัดระวังที่จะไม่ลืมของสำคัญใด ๆ ซึ่งอาจมีประโยชน์ในการเผชิญหน้ากับคู่แข่งหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ และที่สำคัญที่สุดที่ไม่ควรจะลืมหยิบไป เทปเพลงและเครื่องเล่นเทปของเขา
โทมัสตรวจสอบตัวเองในกระจกและปรับแต่งลำตัวให้เรียบร้อย ก่อนจะโทรหาจอห์นให้มารับเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปหาบุคคลผู้มีอิทธิพล โทมัสอธิบายถึงสถานที่ที่จะพบกันและขอให้จอห์นมาพร้อมกับข้อมูลและเอกสารที่อาจเป็นประโยชน์ในการเจรจาและพูดคุยกับบุคคลนั้น จอห์นเข้าใจแล้วบอกจะไปพร้อมข้อมูลที่จำเป็นต้องใช้ทั้งหมด เมื่อลงบันไดลงมายังชั้นล่างสุดของอพาร์ทเมน โทมัสก็นั่งรอจอห์นให้มารับเขาเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังเขต 9
เขต 9 เป็นศูนย์กลางของการประชุมและการเจริญเติบโตทางธุรกิจในเมือง มีห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ โครงการพัฒนาที่ใหญ่และเข้ากันได้เสมอ และมีพื้นที่สำหรับการจัดงานแสดงสินค้า การประชุม และกิจกรรมทางธุรกิจอื่นๆ
นอกจากนี้ เขต 9 ยังมีความสำคัญทางการเมือง โดยเฉพาะในการตัดสินใจทางการเมืองที่มีผลต่อเมืองใหญ่อย่างทั่วไป และมีอำนาจในการมีส่วนร่วมและส่งเสริมการดำเนินงานของเมืองใหญ่ในหลายด้าน
โทมัสเดินทางไปถึงบริษัทที่ริชาร์ดอยู่ ริชาร์ดเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ของ Los Oceania และเป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในเมือง
โทมัสและจอห์นเดินทางมาถึงบริษัทของริชาร์ด โทมัสตัดสินใจที่จะเข้าไปคุยกับริชาร์ดเพียงคนเดียวและให้จอห์นรออยู่ด้านล่าง จอห์นเข้าใจและจะรออยู่ด้านล่างตามที่โทมัสบอก
โทมัสเดินขึ้นมาถึงหน้าห้องของริชาร์ด เขายืนอยู่หน้าห้องสักพัก สูดหายใจเข้าลึกพยายามเสริมความมั่นใจของตน ก่อนเคาะประตูห้อง มีเสียงออกมาจากด้านในเชิญให้เขาเข้าไป
เมื่อโทมัสเปิดประตูเข้าไป เขาถูกต้อนรับด้วยท่วงทำนองเพลง "Trouble" ของ Elvis Presley ซึ่งเขาเข้ามาในช่วงที่เริ่มต้นพอดี เหมือนเพลงเปิดตัวและสื่อถึงสิ่งที่เขาอาจเจอในที่แห่งนี้
ด้านหน้าของโทมัส คือชายแก่คนนึง อายุประมาณ 56 ผมสีขาวประกายสวมชุดสูทสีน้ำตาลดูเป็นเอกลักษณ์ เขายืนมองไปด้านนอกผ่านกระจกใบใหญ่ภายในห้องพร้อมแก้ว Rock ในมือที่มีวิสกี้อยู่เกือบครึ่งแก้ว เมื่อโทมัสเปิดประตูเข้ามา ริชาร์ดก็บอกให้โทมัสไปนั่งที่โซฟากลางห้อง เมื่อโทมัสนั่งลงก็มีคนของริชาร์ดนำน้ำดื่มมาให้โทมัส ริชาร์ดเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม ก่อนจะหยิบซองบุหรี่ออกมาจากชุดสูทของเขา
" นายสูบบุหรี่มั้ยโทมัส? " ริชาร์ดถามพร้อมยื่นซองบุหรี่มาให้โทมัส
" เอิ่ม...ไม่ครับ ผมเลิกมาหลายปีแล้ว " โทมัสตอบปฏิเสธก่อนจะหันไปหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม แสดงให้เห็นถึงท่าทีและสีหน้าที่ค่อนข้างประหม่าของเขา
" ไม่หรอ โอเคร " ริชาร์ดเก็บซ่องบุหรี่ก่อนหยิบ Zippo ออกมาจุดบุหรี่แล้วเริ่มสูบมัน เขาหันไปมองโทมัสแล้วถามขึ้น " มาเรื่องผู้สนับสนุนใช่มั้ยหล่ะ รีบว่ามาเลยเจ้าหนู " ริชาร์ดดูไม่ค่อยสนใจโทมัสมากนัก เพราะริชาร์ดตั้งใจจะให้การสนับสนุนไลล่า คู่แข่งอีกคนที่สมัครเลือกตั้งในครั้งนี้
โทมัสอธิบายแผนทางการเมืองของเขาที่มุ่งหวังสร้างสรรค์และพัฒนาเมืองให้เติบโตและยั่งยืนขึ้น โทมัสเน้นว่าการร่วมมือและการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญ เขาได้กล่าวถึงแผนการเพิ่มโรงงานและธุรกิจในเขตของริชาร์ดเพื่อสร้างงานและเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่
โทมัสย้ำว่าการประชาสัมพันธ์และการสร้างความเข้าใจกันก็เป็นสิ่งสำคัญในการบริหารจัดการทางการเมือง โทมัสเสนอให้สร้างแพล็ตฟอร์มและช่องทางการสื่อสารที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจและแสดงความคิดเห็น เขาเชื่อว่าการมีประชาธิปไตยแท้จริงจะช่วยกระตุ้นการเติบโตและสร้างความเจริญก้าวหน้าในเมือง
ริชาร์ดขอฟังข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการที่โทมัสมีในแผนการเมือง โทมัสให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างสถานที่การศึกษาที่มีคุณภาพและการพัฒนาส่งเสริมการเรียนรู้ การสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมในเมือง และแผนการสร้างพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ริชาร์ดเริ่มเห็นความตั้งใจและความมุ่งมั่นของโทมัสในการพัฒนาและเสริมสร้างเมืองให้ดียิ่งกว่าเดิม เมื่อเห็นถึงความตั้งใจจริงของโทมัส ริชาร์ดเลยบอกกับโทมัส
" ซื้อใจฉันสิ "
โทมัสฟังการพูดของริชาร์ดและรับรู้ถึงความตั้งใจและความรู้สึกของเขา โทมัสตอบกลับ
" ผมไม่มีเจตนาซื้อใจใคร แต่ผมมาที่นี่เพื่อแสดงความจริงใจและเข้าใจความสำคัญของความร่วมมือและความเชื่อมั่น "
โทมัสอธิบายแผนที่เขามีในการเมืองและวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างขึ้นในเมืองนี้ โทมัสให้เหตุผลว่าการร่วมมือกันจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานทางการเมืองและธุรกิจ ริชาร์ดเริ่มเห็นความเชื่อมั่นและความมุ่งมั่นของโทมัส และกล่าวว่า
" ถ้านักการเมืองอย่างนายแสดงความจริงใจในการบริหารจัดการและเพิ่มพูนสิ่งดีๆให้กับเมือง ฉันก็พร้อมจะสนับสนุนนายโทมัส "
ริชาร์ดเสนอให้นัดพบในวันถัดไปเพื่อพูดคุยและกำหนดข้อตกลงที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย โทมัสยินยอมและแสดงความยินดีในการมีโอกาสพูดคุยต่อกันอีกครั้ง โทมัสตกลงกับความคิดนี้ก่อนลุกขึ้นจากโซฟา
ทั้งสองจับมือกันแสดงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองคน โทมัสกล่าวขอบคุณริชาร์ดที่ให้โอกาสกับเขาและหวังว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะดียิ่งขึ้น
ก่อนจะออกจากห้องไป โทมัสได้หยิบบางอย่างออกมาและวางมันไว้บนโต๊ะของริชาร์ดหลังจากวางของเสร็จโทมัสก็เดินออกไป เมื่อโทมัสออกไปริชาร์ดก็เดินเข้ามาดูของที่โทมัสวางไว้ มันคือเทปเพลงของ Elvis Presley ริชาร์ดหยิบมันขึ้นมาพร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อยกับของชิ้นนี้
โทมัสเดินลงมาถึงหน้าทางเข้าตึก พบกับจอห์นที่กำลังนั่งรออยู่บนฝากระโปรงรถและสูบบุหรี่อยู่ เมื่อจอห์นเห็นโทมัสก็ดับบุหรี่ในมือแล้วโยนทิ้งใส่ถังขยะใกล้ๆนั้น ก่อนจะหยิบลูกอมรสมิ้นต์ออกมา ทั้งสองขึ้นรถแล้วจอห์นก็ถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โทมัสเล่าทุกอย่างให้เพื่อนของเขาฟังก่อนที่จอห์นจะถามถึงสถานที่ต่อไป ที่ทั้งคู่จะเดินทางไป
โทมัสบอกจอห์นว่าจะเดินทางไปที่เขต 14 เพื่อไปพบกับโซเฟียผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุด และเป็นผู้สนับสนุนทางการเมืองของเขต14 เพื่อเข้าไปพูดคุยและทำข้อตกลงกันในการให้ความสนับสนุนและการร่วมมือกันในเรื่องทางการเมือง
เขต 14 เป็นเขตในเมืองที่มีความสำคัญทางการเมืองและเป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางการเมืองในพื้นที่นั้น มีลักษณะทางธรรมชาติและทางสังคมที่หลากหลาย โดยประชากรในเขต 14 มีความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรม ภาษา และกลุ่มชาติพันธุ์
อีกทั้งเขต 14 ยังเป็นอีกพื้นที่ที่มีอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุดอีกเขตนึง โดยเฉพาะบุคคลที่มีอิทธิพลสูง ซึ่งรวมถึงโซเฟียซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนในเขตนี้
Los Oceania เป็นเมืองใต้น้ำขนาดกลางค่อนใหญ่ เพราะมีเขตทั้งหมด 157 เขต และในทุกเขตจะมีผู้สนับสนุนทางการเมืองเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น
เมื่อเดินทางไปถึงตึกที่โซเฟียเป็นผู้จัดการอยู่ โทมัสก็เดินตรงขึ้นไปหาโซเฟีย โซเฟียและโทมัสนัดพบกันในห้องประชุมส่วนตัว เมื่อโทมัสเข้ามาในห้อง โซเฟียกับเขาทักทายและแสดงความยินดีที่ได้พบกัน
โทมัสเริ่มต้นการพูดคุยด้วยการบอกถึงความสำคัญของการร่วมมือและการสนับสนุนทางการเมืองในเขต 14 โทมัสเน้นให้เหตุผลว่าการร่วมมือกันในเรื่องทางการเมืองจะมีประโยชน์สูงสุดในการสร้างสังคมที่เจริญรุ่งเรืองและมีความยั่งยืน
โซเฟียฟังและตอบกลับโดยสอดคล้องกับความเห็นของโทมัส และเขาเสนอให้โทมัสมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองของเขต 14 โดยเขาเสนอให้โทมัสมีบทบาทในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในเขต 14 และสนับสนุนนโยบายที่เขามุ่งหวัง
โทมัสรับรู้และขอบคุณโซเฟียสำหรับการพูดคุยที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขา โทมัสเข้าใจความสำคัญของความร่วมมือและการสนับสนุนทางการเมืองจากบุคคลอย่างโซเฟีย และเขายืนยันว่าจะร่วมมือกับโซเฟียในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีและยั่งยืนในเขต 14
พวกเขาตกลงกันในข้อตกลงที่จะสนับสนุนและร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาและสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สร้างประโยชน์ให้กับเขต 14 โทมัสและโซเฟียเป็นกันเองในเรื่องของความพร้อมที่จะทำสิ่งที่จำเป็นเพื่อการพัฒนาและความเจริญของเขต 14 ทั้งคู่ลุกขึ้นจับมือกันเป็นสัญญาณอันดีในการคุยกันครั้งนี้
โซเฟียบอกโทมัสว่าเธอจะติดต่อไปหาผู้สนับสนุนเขตอื่นที่เธอรู้จักให้ เพื่อให้พวกเขามาสนับสนุนโทมัส โทมัสกล่าวขอบคุณเธอกับสิ่งที่เธอจะทำให้เรา ก่อนจะบอกลากัน
โทมัสเดินลงมาจากตึกมาพบจอห์น เขากล่าวชวนจอห์นหาบาร์เพื่อนั่งดื่มผ่อนคลายกัน จอห์นแปลกใจกับคำชวนเล็กน้อย เพราะคิดว่าจะเดินทางไปที่อื่นต่อ จอห์นเลยถามว่าเขาจะไม่ไปหาผู้สนับสนุนคนอื่นหรอ
โทมัสเข้าใจคำถามของจอห์นและอธิบายว่าการชวนเพื่อนไปดื่มเป็นเพียงการผ่อนคลายและสนุกสนานเท่านั้น โทมัสยังอธิบายว่าการไปเรียกผู้สนับสนุนคนอื่นไม่จำเป็นในตอนนี้ เนื่องจากโซเฟียและริชาร์ดเป็นผู้สนับสนุนที่มีเส้นสายและเครือข่ายมากมาย และหากทั้งสองสนับสนุนโทมัส คนที่ได้รับการสนับสนุนจากโซเฟียและริชาร์ดก็จะมีโอกาสสนับสนุนโทมัสเช่นกัน
จอห์นเข้าใจในความคิดของโทมัสในทันที่ เมื่อได้รับคำตอบ เขาจึงเสนอจะพาไปหาบาร์เจ๋งๆในเขต 14 เอง ด้วยความที่จอห์นเป็นคนขับแท็กซี่นั่นทำให้เขาได้ไปในหลายๆเขต และรู้จักที่เจ๋งๆมากมาย
จอห์นพาโทมัสไปยังบาร์แห่งนึงชื่อของบาร์แห่งนี้คือ " Groovy Vibes Bar " บาร์นี้เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศเป็นเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งทุกสิ่งอย่างอันเป็นเอกลักษณ์ของยุค 70's นี้โดยมีเพลงและดนตรีที่ทำให้ได้รับสัมผัสกับความเป็นเจ้าของยุคดังเดิมอีกครั้ง สามารถสนุกกับเพลงดนตรีเก่าแก่ที่เล่นอยู่ในบาร์ และมีโอกาสได้พบกับผู้คนที่มีความชื่นชอบและความทรงจำที่แชร์ความคิดต่อกันในความชอบแนวนี้
โทมัสและจอห์นเดินเข้าสู่บาร์ที่มีเสียงดนตรีและคนเต็มไปด้วย กลิ่นของเครื่องดื่มและบรรยากาศเบาะแสงสร้างบรรยากาศที่เร้าใจ พวกเขาหาที่ว่างนั่งลงและสั่งเครื่องดื่มจากพนักงานบาร์ โทมัสอยากทำให้จอห์นเพลิดเพลิน จึงคิดว่าเป็นไอเดียที่ดีที่จะขอให้วงดนตรีเล่นเพลงที่จอห์นชื่นชอบ
โทมัสเลือกเพลง "Stairway to Heaven" ของ Led Zeppelin เพลงที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคดนตรีในช่วงนั้นและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย พวกเขาร่วมร้องเพลงด้วยเสียงร้องและการกระทบจับจ่ายกันในทันที บรรยากาศในบาร์เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แม้จะยังเป็นช่วงเช้าอยู่แต่ภายในบาร์ก็เต็มไปด้วยสีสันและผู้คนเหมือนบาร์อื่นๆภายในเมือง
ขณะที่โทมัสกำลังเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีและการสนทนากับจอห์น ก็ถูกขัดจังหวะจากใครบางคน เสียงอันไพเราะและอ่อนหวานอันคุ้นเคย เธอมีผมสีบรอนสั้นถึงบ่า สวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อนๆเข้ากับสีผมไฮไลต์ของเธอที่ทำเป็นสีฟ้าอ่อนเช่นกัน อายุประมาณเท่าๆกับโทมัส ดูสูงไม่เกิน 168 ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคือไลล่าคู่แข่งอีกคนของโทมัส โทมัสแปลกใจเมื่อได้พบกับเธอที่นี่
ไลล่าเดินเข้ามาใกล้ๆโทมัส ก่อนเอ่ยขออนุญาตจอห์นที่อยู่ข้างๆ ขอตัวโทมัสไปคุยกับเธอข้างนอก จอห์นไม่ได้กล่าวปฏิเสธและให้ทั้งคู่ไปคุยกันด้านนอก ทั้งคู่ก้าวออกมาจากบาร์ เสียงดนตรีและเสียงสนทนาจากบาร์ก็ซ่อนหายไป เขาออกจากบาร์พร้อมกับไลล่าเพื่อหาสถานที่ที่เงียบสงบขึ้น สำหรับการพูดคุยในครั้งนี้
" คุณมาทำอะไรที่เขต 14 โทมัส? "
ไลล่าเอ่ยถามโทมัสด้วยสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปแม้เธอจะหันมองไปยังเมืองและไม่ได้มองเขาก็ถาม โทมัสก็รับรู้ถึงมันได้
" ผมหรอ ? "
โทมัสเดินเข้าไปยืนข้างเธอ มองไปยังไลล่าที่สายตาของเธอเพียงจับจ้องไปยังเมืองในเขต 14 อย่างไร้จุดหมายสายตาแต่อย่างใด
" ผมก็แค่มาหาผู้สนับสนุนและคนรองรับในการแข่งขันการเมืองของผม "
โทมัสอธิบายถึงแผนการทางการเมืองของเขาในเขต 14 และความสำคัญของการสร้างฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่งในพื้นที่นี้ เขาอธิบายถึงวิสัยทัศน์และนโยบายที่เขาต้องการส่งเสริมในเขตนี้ เพื่อให้ได้รับความสนับสนุนและเข้าใจความต้องการของผู้คนในเขต 14
ไลล่าฟังโดยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก รู้ได้ด้วยแววตาของเธอที่หันมามองเขา
" คุณรู้มั้ยโทมัส ตำแหน่งนี้สำคัญกับฉันมาก "
โทมัสประหลาดใจที่ไลล่ากล่าวถึงความสำคัญของตำแหน่งประธานาธิบดี หลังเธอพูดเสร็จเธอก็เงียบไป เธอเป็นนักกฎหมายที่ไม่ค่อยพูดนักแม้แต่ตอนอยู่ในหอประชุมเธอก็ไม่ค่อยพูดอะไรมากมายนัก
โทมัสเข้าใจว่าไลลามีความทะเยอทะยานและมีแรงบันดาลใจที่แข็งแกร่ง เธอไม่ใช่คนที่จะสู้ได้ง่ายๆหากไม่วางแผนให้ดี สำหรับโทมัส เธอเป็นศัตรูที่นำเขาอยู่หนึ่งก้าวเสมอ
" เพราะตำแหน่งนั้นสำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้คุณมาสนับสนับสนุนฉันโทมัส แต่หลังจากสิ่งที่คุณเจอที่เขต 7 ฉันว่าคุณคงไม่ยอมออกจากเกมนี้ง่ายๆแน่ ใช่มั้ยหล่ะ? "
เธอพูดออกมาด้วยสีหน้าอันนิ่งเฉยพร้อมสายตาที่หันมามองโทมัสอย่างมีอะไรภายในใจไลลากล่าวถึงเหตุการณ์ในเขต 7 ที่โทมัสถูกโจมตีโดยอีวาน นั่นทำให้โทมัสตกใจและรู้สึกว่าเธอมีข้อมูลที่ไม่คาดคิดเกี่ยวกับเขา
ไลล่ายิ้มออกมากับสีหน้าที่แสดงออกของโทมัสก่อนจะพูดขึ้น
" อีวานอาจใช้เงินแก้ปัญหาได้ดี แต่ฉัน...ฉันมีเครือข่ายสายข่าวอยู่ทุกที่โทมัส ไม่ว่าคุณจะคิดจะทำอะไรฉันจะรู้เสมอ และฉัน จะใช้ข้อมูลพวกนั้นจัดการคุณโทมัส ไม่ทางใด....ก็ทางหนึ่ง "
เมื่อพูดจบประโยคเธอก็เดินเชิดออกไป โดยไม่สนใจหันกลับมามองโทมัสแม้แต่น้อย นี่คือการแสดงให้เห็นถึงแผนและจุดยืนของเธอในเกมการเมืองในครั้งนี้ และนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับโทมัสกับการมีศัตรูเพิ่มขึ้น
.
.
.
.
.
.
ณ หอประชุมประจำเมืองในเขต 7 ( Los Oceania City Hall )
" วันนี้จะเป็นวันของฉัน มันจะไม่เหมือนรอบที่แล้ว " โทมัสกำลังจัดเนคไทของเขาในห้องน้ำของ Los Oceania City Hall เขากำลังจัดชุดสูทเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมคณะกรรมการและผู้สนับสนุนทางการเมืองที่อาจเป็นผู้ช่วยของเขาในอนาคต โทมัสมองไปยังกระจกตรงหน้า แววตาและสีหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเขา
เขาหยิบน้ำหอมที่เก็บไว้ในกระเป๋าสูทของเขาออกมาฉีด น้ำหอมของโทมัสเป็นกลิ่นอ่อนๆที่มีเสน่ห์ ไม่เข้มข้นจนเกินไป มีส่วนผสมของกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมะนาว พร้อมกับกลิ่นไม้อ่อนๆที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย น้ำหอมเหล่านี้ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและเชื่อมโยงกับบรรยากาศสงบและมั่นใจที่โทมัสกำลังสร้างขึ้นให้กับตน
โทมัสมองตัวเองในกระจกด้านหน้าและมองใบหน้าของตนเองอย่างเห็นชัดเจน ความมั่นใจและความกังวลที่ปกปิดอยู่ในใจของเขาเกิดขึ้นสะท้อนในสีหน้าของเขา และเตรียมพร้อมเพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
โทมัสก้าวออกจากห้องน้ำเดินตรงไปยังห้องประชุม ห้องประชุมที่แสดงถึงความเป็นศูนย์กลางของการเลือกตั้งและการเมือง เขาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ข้างๆเขาก็มีใครบางคนยืนอยู่เช่นกัน คนๆนั้นคืออีวาน อีวานกำลังเช็ดแว่นของตนอยู่
โทมัสมองไปยังอีวานก่อนจะกล่าวทักทายอย่างไม่เต็มใจมากนัก ไร้เสียงตอบกลับใด อีวานหันมามองยังโทมัส ใบหน้าของเขายังมีร่องรอยบาดแผลจากเหตุการณ์ในครั้งก่อนอยู่ อีวานมองโทมัสสักพักก่อนกล่าวทักทายเพียงสั้นๆ
" ไงโทมัส " เมื่อกล่าวจบอีวานก็ไม่ตอบโต้ใดๆอีกก่อนจะสวมแว่นของเขา โทมัสมองมายังอีวานก่อนจะพูดขึ้น
" หน้าตานายดูดีนี่ " เขาพูดพร้อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย อีวานไร้ซึ่งการโต้ตอบใด เขาเพียงมองมายังโทมัส และเดินเข้าห้องประชุมไป
โทมัสเข้าไปในห้องประชุม เขาเริ่มเตรียมตัวและวางแผนการประชุมให้เป็นที่เรียบร้อย โทมัสใส่ใจในการจัดระเบียบและการนำเสนอข้อมูลให้ชัดเจนแก่คณะกรรมการและผู้สนับสนุน โดยเขาเตรียมเอกสารและข้อมูลที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนแผนการที่เสนอให้กับคณะกรรมการ เขาใส่ใจในการจัดระเบียบและเตรียมเอกสารและข้อมูลที่จำเป็น โดยเขาเช็คข้อมูลให้แม่นยำและเตรียมตัวให้พร้อมในการนำเสนอแผนการที่มีความชัดเจนให้กับคณะกรรมการและผู้สนับสนุน โทมัสแน่ใจว่าข้อมูลที่เสนอจะสามารถสนับสนุนแผนการที่เขาต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โทมัสใส่ใจในรายละเอียดและการนำเสนออย่างเป็นระเบียบเพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจและรับรู้แผนการอย่างชัดเจน
โทมัสเริ่มอธิบายแผนทางการเมืองรูปใหม่ที่ต้องการนำเสนอในการประชุมครั้ง แผนนี้มุ่งเน้นการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและฟื้นฟูสภาพของ Los Oceania โดยโทมัสเสนอว่าจำเป็นต้องมีการปฏิรูปทางการเมืองเพื่อสร้างระบบที่โปร่งใสและมีความยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและสร้างงานที่มีคุณภาพสำหรับประชาชนทั้งในด้านการจ้างงานและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
โทมัสเชื่อว่าการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือกับประเทศต่างๆ จะเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าของ Los Oceania โดยการเครือข่ายและความร่วมมือทางการศึกษา การพัฒนาเทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมจะเป็นตัวช่วยในการสร้างการเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมใน Los Oceania อย่างยั่งยืน
โทมัสเตรียมข้อมูลและข้อเสนอให้ครบถ้วนเพื่อประชุมกับคณะกรรมการและผู้สนับสนุน โดยหวังว่าแผนการนี้จะได้รับการสนับสนุนและมีผลการตัดสินใจที่ดีเพื่อการพัฒนาและเจริญของประเทศ Los Oceania ในระยะยาว
ไลล่าคัดค้านแนวคิดของโทมัสเนื่องจากความเห็นต่างกันในทางการเมืองและแผนการปฏิรูปที่โทมัสนำเสนอ ไลล่าอาจมีเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยกันหรือมีวิจารณ์ว่าแผนการของโทมัสอาจมีผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ต่อประชาชนหรือองค์กรที่เธอสนับสนุนอยู่ ความขัดแย้งนี้อาจส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างโทมัสและไลล่าในการเลือกตั้งและการเมืองของ Los Oceania
โทมัสพูดขึ้นว่าแนวคิดของไลลาก็ไม่ต่างจากของเขาเอง โทมัสเชื่อว่าทั้งสองกำลังมุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเพิ่มคุณค่าให้กับประชาชนของ Los Oceania แม้ว่าวิธีและแนวทางที่ใช้ในการปฏิบัติสามารถแตกต่างกันได้ แต่ความหวังและเป้าหมายที่ใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศยังคล้ายคลึงกันอยู่ โทมัสยืนยันว่าการมีการเสียสละและการร่วมมือกันจะเป็นประโยชน์ในการสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนสำหรับประชาชนทั้งสอง
ไลล่ายังคงคัดค้านแนวคิดของโทมัสและทำให้มีความขัดแย้งกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในการประชุม การมีปากเสียงกันแสดงถึงความแตกต่างในมุมมองและวิธีการที่แตกต่างกันของทั้งสองฝ่ายในการเมือง แม้ว่าการมีความขัดแย้งอาจก่อให้เกิดความไม่พอใจและความขัดแย้งในที่สุด แต่ก็เป็นสิ่งที่ธรรมดาในกระบวนการการเมืองที่ผ่านมา การแสดงความเห็นและการโต้แย้งทางการเมืองเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินการและการตัดสินใจในระดับสูง
การความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นในการโต้แย้งระหว่างโทมัสและไลล่าเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์และสามารถส่งผลกระทบที่ไม่ดีให้กับการประชุมและการเมืองทั้งหมดได้ การมีปากเสียงรุนแรงส่งผลให้สังคมและการแก้ไขปัญหาทางการเมืองเสียเปรียบ การโต้แย้งและการโต้เถียงที่รุนแรงอาจก่อให้เกิดการแบ่งแยกและความขัดแย้งที่มีผลกระทบในระยะยาว สำหรับการประชุมที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งและการร่วมมือ ความรุนแรงทางการเมืองอาจสร้างความยากลำบากในการเชื่อมโยงและร่วมมือกันเพื่อประสบความสำเร็จในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในประเทศ
ในการประชุมและการโต้แย้งที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อประธานการประชุมเห็นความไม่เหมาะสมและความสำคัญของการสงบสติและการเผยแพร่บรรยากาศที่เป็นสันติภาพ ประธานการประชุมอาจขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติการมีปากเสียงและเรียกร้องให้สงบสติอารมณ์ และเน้นความสำคัญของการเจรจาและการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์และสันติภาพ เพื่อให้การประชุมสามารถดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์และเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกฝ่าย
ก่อนที่ประธานจะถามผู้สมัครเลือกตั้งอีกคนอย่างอีวานว่ามีความคิดหรือแผนอย่างไร แต่คำตอบของอีวานเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาสนับสนุนแผนของโทมัสและกล่าวว่าแผนของโทมัสมีประสิทธิภาพอย่างไร
เมื่ออีวานแสดงการสนับสนุนแผนของโทมัสและต้องการทราบถึงประสิทธิภาพของแผนนั้น ประธานการประชุมสามารถให้โทมัสมีโอกาสอธิบายและนำเสนอแผนของเขาให้กับอีวานและคณะกรรมการ โทมัสสามารถอธิบายถึงขั้นตอนและวิธีการที่จะนำแผนของเขาไปสู่การปฏิบัติงาน นอกจากนี้เขายังสามารถเสนอข้อมูลหรือการวิเคราะห์ที่มีความเป็นรูปธรรมเพื่อเป็นหลักฐานที่สนับสนุนแผนของเขา คณะกรรมการสามารถตั้งคำถามหรือแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของแผนได้ โดยการเสริมสร้างการสนับสนุนและการวิเคราะห์แบบมีเหตุผลสามารถช่วยให้โทมัสได้รับการยอมรับและการสนับสนุนเพิ่มเติมจากคณะกรรมการและผู้เข้าร่วมประชุม
เมื่อโทมัสได้รับโอกาสในการอธิบายและนำเสนอแผนของเขาให้กับอีวานและคณะกรรมการ อาจมีข้อมูลเพิ่มเติมที่เขาสามารถเสนอเพื่อสนับสนุนการประสบความสำเร็จของแผน อาจเป็นการนำเสนอข้อมูลเชิงสถิติที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจหรือสังคมที่เกิดจากแผนการนี้ หรือการอ้างอิงตัวชี้วัดที่ได้รับการยอมรับเช่นการเพิ่มอัตราการจ้างงาน การเพิ่มรายได้ของประชาชน หรือการลดความยากลำบากในชีวิตประจำวัน เมื่อโทมัสสามารถเสริมสร้างและบ่งชี้ความสำเร็จและประสิทธิภาพของแผนได้อย่างชัดเจน อาจช่วยให้ไลล่าและคณะกรรมการเห็นภาพรวมและความคุ้นเคยกับแนวคิดของโทมัสมากขึ้น และอาจลดระดับความรุนแรงของปากเสียงระหว่างทั้งสองฝ่ายให้น้อยลง
ไลล่ายังคงยืนยันในการคัดค้านแผนของโทมัส แต่ประธานไม่ต้องการให้มีปากเสียงกันอีกต่อไป จึงตัดสินใจให้ทั้งสองฝ่ายโหวตเพื่อตัดสินผลแผนการที่ได้รับคัดค้าน การให้โหวตคะแนนเสียงเป็นวิธีที่ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถแสดงความเห็นและเสียงสนับสนุนหรือคัดค้านได้ โดยโหวตเพื่อตัดสินว่าแผนของอีวานจะได้รับการรับรองหรือไม่ โหวตคะแนนเสียงที่สูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะในการตัดสินใจ การให้โหวตเป็นวิธีที่ให้สิทธิเสียงแก่ทุกคนเพื่อให้มีการตัดสินที่เป็นอิสระและยอมรับได้ในกระบวนการประชุม หลังจากที่โหวตคะแนนเสียงสิ้นสุดลงแล้ว คำตัดสินจะถูกปฏิบัติตามผลโหวตและแผนของอีวานจะได้รับการยอมรับหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลโหวตของสมาชิกในการประชุม
คะแนนสนับสนุนของไลล่าเยอะกว่าโทมัสมากแม้จะได้รับการสนับสนุนจากอีวาน โทมัสรับรู้ได้ในทันที ว่าเขาไม่มีทางชนะได้ทั้งแต่แรก การประชุมนี้จบลงที่ชัยชนะของไล่ลา โทมัสเกิดความรู้สึกผิดหวังภายในใจของเขา เขาไม่ได้คิดถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาเก็บของและเดินออกไปจากห้องประชุม ริชาร์ดและโซเฟียเข้ามาให้กำลังใจแก่โทมัสและบอกว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น แม้ว่าในคราวนี้จะไม่สามารถชนะได้ แต่ยังมีโอกาสในอนาคตอยู่ สิ่งสำคัญคือที่สองคนนี้ยังอยู่เคียงข้างและสนับสนุนโทมัส การเป็นแขนกำลังใจและการมอบคำปรึกษาให้โทมัสต่อไปอาจช่วยให้เขากลับมาสู่สภาวะที่ดีขึ้นและมองเห็นโอกาสในอนาคตที่อยู่ข้างหน้า ก่อนที่ทั้งสองจะเดินจากไป
โทมัสเดินตรงไปยังทางออกจากหอประชุมเมื่อโทมัสเดินตรงไปที่ทางออกและมาถึงม้านั่งแถวนั้น เขาก็นั่งลงและเริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ ในชีวิตของเขา ความล้มเหลวในการประชุมนั้นกลายเป็นความสำเร็จที่พลังแรงในหัวใจของเขา คิดถึงความตั้งใจที่เขาได้ใส่ในการเตรียมตัวและนำเสนอแผนของเขาให้คณะกรรมการและผู้สนับสนุน แม้จะไม่ได้ผลตามที่เขาคาดหวัง
โทมัสหยิบเครื่องเล่นเทปออกมาและเริ่มเล่นเพลง "That's Life" ซึ่งเป็นเพลงที่เขาชื่นชอบ ผ่านเสียงเพลงที่ออกมา เขารู้สึกว่าชีวิตเป็นอย่างนั้น ความสำเร็จและความล้มเหลวเป็นส่วนประกอบที่ไม่แยกตัวกันในชีวิต เขายอมรับว่าการประชุมนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการผจญภัยที่สมบูรณ์แบบของชีวิต
"นี้แหละชีวิต" แสดงถึงความเข้มแข็งและความตั้งใจของเขาที่จะยอมรับและเดินต่อในชีวิตไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลว โทมัสพร้อมที่จะต่อสู้ต่อไปและสร้างชีวิตที่เต็มไปด้วยความหมายและความสำเร็จ
Episode 2 - End
ณ ตึกสูงระฟ้าสุดสายตาในเขต 7 มันคือโรงแรมที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครๆที่ผ่านมาแวะเวียนเขตนี้ก็ต่างจับจ้องที่จะพักที่นี่กัน
อีวานยืนที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมที่อยู่ในเขต 7 นั่งมองออกไปที่เมืองที่แสงไฟส่องสว่างและความรู้สึกเงียบสงบภายในใจ เขาคลานแก้วแชมเปญในมือที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของความสำเร็จและความสนุกสนาน
เสียงดนตรีที่เล่นอยู่ในพื้นที่ก็ทำให้เขามีความรู้สึกอบอุ่นและตื่นเต้น นักดนตรีกลุ่มหนึ่งกำลังเล่นเพลงที่สร้างบรรยากาศโรแมนติกอันโดดเด่น และเสียงร้องที่สวยงามเข้ากับบรรยากาศของเมืองได้อย่างลงตัว อีวานชมความงดงามแห่งเมือง ความคลาสสิคและเพลิดเพลินของที่นี่ ใจของเขาเต้นรำไปกับเสียงดนตรี "Unchained Melody" ของ The Righteous Brother
ในขณะที่อีวานกำลังดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันแสนลงตัวนี้ เขาก็ถูกทักทายจากใครบางคน อีวานมองไปยังต้นเสียง ไม่ใช่ใครอื่นเธอคือไลล่า เธอเดินเข้ามายืนข้างๆอีวานแล้วกล่าวทักทายเขา เธอมาจากไหนก็ไม่อาจทราบได้ เธอดื่มเครื่องดื่มในมือ "Lynchburg Lemonade"
" คุณมาทำอะไรที่นี่ไลล่า? " อีวานถามเธอออกมา แม้จะรู้อยู่แล้วว่าเธอจะตอบอะไรก็ตาม
" นี่คุณถามฉันทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วหรออีวาน " ทั้งคู่มองตากันและกัน สายตาของไลล่าแสดงออกถึงความไม่พอใจในใจของเธอ อีวานนิ่งเฉยกับท่าทีเหล่านั้นแล้วตอบออกไปอย่างใจเย็น
" ผมมีแผนไลล่า " อีวานแค่ตอบไปสั้นๆ ด้วยสีหน้าอันแสนมั่นใจและไร้ความกังวล สายตาของเขาบ่งบอกถึงความใจเย็นในการตอบคำถามของเขา
ไลล่าแม้จะไม่พอใจกับคำตอบของอีวานมากนัก แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้นัก ต่อให้เธอถามถึงแผนนั้นอีวานคงไม่ตอบคำถามของเธอมากกว่าเดิม เธอจึงหยุดการถามไถ่ของเธอแค่นั้น แล้วเลือกที่จะยืนดื่มด่ำไปกับบรรยากาศอันแสนไพเราะและแสนลงตัวนี้ไปกับอีวาน
.
.
.
.
.
ณ Harmony's Haven
โทมัสและจอห์นกำลังนั่งดื่มและพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆในชีวิตที่ผ่านมา มีทั้งเรื่องดีไม่ดีแต่ทั้งสองก็แบ่งปันกันและพูดคุยกันอย่างเข้าใจ
" นายยังจำตอนที่เราไปสวนลอยที่เมือง "Vandortle" กันได้มั้ย สมัยเรายังเรียนมหาวิทยาลัยกันอยู่ที่นั่น ตอนนั้นมันเจ๋งสุดๆเลยเมืองนั่นอากาศอบอุ่นดีมากๆ "Tequila" ที่นั่นก็ไม่เหมือนที่อื่น " จอห์นเริ่มพูดถึงตอนที่เขาและโทมัสยังเป็นนักศึกษากันอยู่ ในเมืองที่ชื่อว่า Vandortle เป็นเมืองที่มีความคล้าย "Mexico"และขึ้นชื่อในด้านการศึกษา เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากที่ใครๆก็อยากไป
" ใช่ ที่นั่นเยี่ยมมาก " โทมัสตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มเล็กๆของเขาแล้วยกเบียร์ในมือขึ้นดื่ม
เสียงดนตรีสง่างามของเพลง "The Way You Look Tonight" กำลังบรรเลงในร้าน Harmony's Haven ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเกิดความเอาใจใส่ในบรรยากาศ แนวเพลงนี้ดึงดูดและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ฟังที่เอาใจใส่ในเนื้อหาและความรู้สึกของเนื้อเพลง
เสียงร้องที่สวยงามและอารมณ์อันลึกลับได้ออกมาจากนักร้องอย่างเทพธิดา ทำให้ผู้คนติดตามเนื้อเพลงที่รับฟังอย่างมีความสุขและคาดหวังเพื่อที่จะฟังคำถามในเนื้อเพลงและสัมผัสความรู้สึกที่ถูกเล่าไว้ในเพลงอย่างใกล้ชิด
ทั้งโทมัสและจอห์นค่อยๆเริ่มร้องเพลงตามนักร้องเบาๆและเริ่มขยับตามเสียงของดนตรีที่กำลังบรรเลง
" ช่วงนี้เราค่อนข้างมาที่บาร์กันบ่อยนะว่ามั้ยจอห์น? " โทมัสเริ่มพูดกับจอห์นเกี่ยวกับเรื่องที่ช่วงนี้พวกเขาต้องมาบาร์บ่อยขึ้นกว่าแต่ก่อน
" นั่นก็ดีแล้วนิ นายจะได้ผ่อนคลายกับหลายๆเรื่อง เรื่องวันนี้ก็ด้วย ใช่มั้ยหล่ะ " จอห์นยังคงตอบไปอย่างใจเย็นเขาไม่ได้คิดเรื่องไรมากนักเหมือนคนอื่นๆในกลุ่ม ถึงแม้เขาจะเป็นคนสืบข้อมูลก็ตาม เขาพูดไปและยกแก้วขึ้นหาโทมัส
โทมัสยกแก้วขึ้นเช่นกัน ทั้งสองแก้วชนกันแล้วดื่มเบียร์ในแก้วในทีเดียว ก่อนจะเปิดขวดใหม่เติมเข้าไป
" เรื่องในวันนี้อาจไม่ได้เป็นอย่างที่นายคาดหวังโทมัส แต่ของจริงหน่ะพึ่งจะเริ่มเท่านั้น การเมืองไม่ได้ตัดสินจากคะแนนในหอประชุม แต่มาจากประชาชนต่างหากหล่ะ "
โทมัสเข้าใจในคำพูดของเพื่อนของเขา แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากเขาชนะการโหวตในหอประชุมนั่นอาจทำให้เขาได้เปรียบมากขึ้น แต่ก็จริงอย่างที่จอห์นพูดกับเขา เกมจริงพึ่งเริ่มเท่านั้น เขาควรหาทางเอาชนะเสียงจากประชาชนซึ่งโทมัสก็คิดแผนเตรียมไว้แล้ว จากนี้อยู่ที่กระแสทางการเมืองเท่านั้น
" นี่จอห์นนายสืบเรื่องนั้นไปถึงไหนแล้วหล่ะ " โทมัสเอ่ยถามเรื่องๆนึงกับจอห์น จอห์นหันมามองโทมัสแล้วตอบไป
" ยังไม่ได้อะไรมากนัก ไม่รู้หรอกนะว่ามันซ่อนข้อมูลมากมายขนาดนี้ได้ยังไง แต่ตอนนี้ยังไม่คืบเท่าไหร่ " สีหน้าของจอห์นบ่งบอกถึงความยุ่งยากของเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน
" งั้นหรอ ฉันคิดว่าอาจเป็นฝีมือของอีวาน แต่มันคงไม่ใช่แล้วหล่ะ " โทมัสตอบกลับแสดงสีหน้ากังวลกับเรื่องนี้
" ใช่ฉันก็เคยคิดแบบนั้น แต่ไม่ใช่หมอนั่นหรอก อยู่ใกล้ขนาดนั้นมันยังยิงไม่โดนเลย เพราะงั้นคนที่วางแผนฆาตกรรมผู้สมัคร 3 คนนั้นไม่ใช่อีวานแน่นอน ยิ่งยัยผู้หญิงคนนั้นแล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้ " จอห์นยังคงแสดงท่าทีสุขุมไร้ความกังวล
" ไม่แน่จอห์นอาจจะเป็นไลล่าก็ได้ แต่ฉันก็ไม่มีหลักฐานอะไร เพราะงั้นคงพูดอะไรได้ไม่มากนัก "
ทั้งคู่พูดถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับผู้สมัครเลือกตั้งคนอื่นๆ ความจริงแล้วนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ลงสมัครถึง 6 คนแต่สามคนได้ตายอย่างปริศนา แม้แต่พวกตำรวจเองก็หาอะไรไม่ได้ หรือไม่ก็ไม่คิดจะหามากกว่า
" ช่างเรื่องพวกนั้นก่อนเถอะโทมัสเรามาดื่มพักผ่อนกันนะ " จอห์นตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยกันกับโมมัส ด้วยเหตุผลบางอย่าง
" นั่นสินะ " โทมัสตอบกลับไป แต่ภายในใจของเขาก็ยังนึกถึงเรื่องนี้อยู่เต็มอก ก่อนที่สายตาของเขาจะถูก สะกดไว้จากหญิงสาวคนนึง พร้อมกับเสียงดนตรีที่ถูกบรรเลงขึ้น
[ You're just too good to be true
Can't take my eyes off of you ]
ท่อนแรกของเพลงถูกร้องขึ้นมา โทมัสไม่ได้ละสายตาจากเธอเลย เสียงร้องที่สวยงามกำลังผสมเข้ากับเพลงอย่างลงตัว สร้างความรักและความอบอุ่นในอากาศ มนต์ของเพลงชวนให้โทมัสรู้สึกถึงความอบอุ่นใจของเขา เขาลุกจากเก้าอี้โดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
[ You'd be like Heaven to touch
I wanna hold you so much ]
ทุกอย่างรอบตัวของเขาเหมือนต้องมนต์ ทุกอย่างรอบตัวเริ่มขยับช้าลง เขาถูกดึงดูดจากหญิงสาวคนนั้นที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะบาร์ เธอสวมชุดเดรสสีแดง มีผมสีขาวเงินเป็นประกายชวนนึกถึงดวงจันทร์
[ At long last, love has arrived
And I thank God I'm alive ]
เสียงดนตรีบรรเลงอันไพเราะและเย้ายวน และบรรยากาศอันแสนลงตัว ผสมผสานกันอย่างงดงามไม่ต้องสงสัย โทมัสเดินเข้าไปใกล้ๆตัวเธอขึ้นเรื่อยๆ แต่กว่าเขาจะรู้ตัวเขาก็นั่งอยู่ข้างๆธอเสียแล้ว
[ You're just too good to be true
Can't take my eyes off of you ]
โทมัสนั่งอยู่ข้างๆเธอ สายตาเพียงแต่จับจ้องแค่หญิงสาวคนนั้นจนเธอรู้ตัว เธอหันมามองโทมัส สายตาของทั้งคู่จ้องเข้าหากัน
" เฮ้...คุณมีอะไรรึป่าวคุณผู้ชาย? " เธอกล่าวถามต่อโทมัส เสียงของเธอช่างอ่อนหวานไพเราะจับใจ
[ Pardon the way that I stare
There's nothin' else to compare ]
เธอมองมายังโทมัสด้วยความสงสัย แต่ก็ดูมีความสนอกสนใจในตัวเขาไม่น้อย
" นี่ ฉันถามคุณอยู่นะ? " หญิงสาวยังคงถามโมมัสต่อไป โทมัสในหัวเขาตอนนี้ไม่มีคำพูดใดๆอยู่เลย
[ The sight of you leaves me weak
There are no words left to speak ]
" หวัดดีผม.....ผมโทมัส โทมัส เฟล็ทเชอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก " โทมัสกล่าวทักทายต่อเธอ พร้อมยื่นมือออกไปแสดงความอยากรู้จักตัวเธอ เธอยิ้มให้เล็กน้อยกับการกระทำนั้น ก่อนจะยื่นมือออกมาจับมือกับโทมัสและแนะนะตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของเธอ ทำให้โทมัสเคลิ้มได้ไม่ยากนัก กลิ่นของมะลิและดอกซากุระอ่อนๆ พร้อมกับกลิ่นของดอกกุหลาบขาวช่างเป็นกลิ่นที่ผสมกันได้อย่างน่าหลงใหล
[ But if you feel like I feel
Please let me know that it's real ]
" ฉันชื่อโมนิก้า วัสสัน ยินดีที่ได้รู้จัก " เธอจับมือของโทมัสพร้อมส่งยิ้มหวานให้กับเขา หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นอยู่ภายในอธิบายไม่ถูก
" คุณรู้มั้ย คุณทำให้ผมรู้สึกเหมือนฤดูร้อนบานสะพรั่ง " โมนิก้าเธอยิ้มและขำเล็กน้อยกับคำพูดของโทมัส เธอรู้สึกดีกับเขา และก็รู้สึกดีที่ได้คุยกับโทมัสในคืนนี้ เหมือนทั้งคู่จะพูดกันถูกคอเป็นอย่างดี และนั่นเป็นสัญญาณอันดี
[ You're just too good to be true
Can't take my eyes off of you ]
" คุณอยากเต้นรำมั้ย? " โทมัสยืนขึ้นยื่นมือไปหาโมนิก้า เธอยิ้มให้กับโทมัสจับมือเขาลุกขึ้นยืน
" แน่นอนค่ะโทมัส นั่นคือสิ่งที่ฉันต้องการ " เธอตอบอย่างไม่ลังเล ก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่ตรงกลางร้าน ที่ลานเต้นรำ พร้อมกับเพลงที่เล่นไปถึงท่อน PRE-HOOK เพื่อเตรียมให้ทั้งคู่พร้อมกับการเต้นรำกันในท่อนฮุกของเพลง
[ I love you, baby
And if it's quite alright ]
เมื่อท่อนฮุกเริ่มขึ้น ทั้งคู่เริ่มเต้นรำในท่าที่เข้ากันได้อย่างลงตัว บรรยากาศภายในร้านช่วยเสริมสร้างบรรยากาศอันโรแมนติกและมีเสน่ห์ ด้วยการตกแต่งที่มีแสงไฟสว่างที่สร้างเงามนต์ลงในพื้นที่ และการใช้เครื่องประดับแสงสีสันที่สวยงามบนลานเต้นรำ
เพลง "Can't Take My Eyes Off You" ที่กำลังบรรเลงในนี้เป็นจุดเด่นที่สร้างความโรแมนติกและเพลิดเพลินให้กับทั้งคู่ เหล่านักดนตรีเล่นดนตรีอย่างไพเราะ โดยเครื่องดนตรีทั้งกีตาร์, เปียโน, และตู้กลองเข้ามาเสริมเพลงให้เกิดจังหวะการเต้นรำที่ยากจะลืม
[ I need you, baby
To warm the lonely night
I love you, baby
Trust in me when I say ]
เสียงร้องจากนักร้องที่มีเสียงสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดช่วยสร้างบรรยากาศอันโรแมนติกให้กับฉาก โทมัสและโมนิก้าเต้นรำอย่างสม่ำเสมอในท่าที่ผสมผสานความน่ารักและความเพลิดเพลิน การเต้นรำของพวกเขาแสดงถึงความประทับใจและความหลงใหลในกันและกัน ทั้งคู่จับมือกันและมองกันไม่ละสายตา
[ Oh, pretty baby
Don't bring me down, I pray
Oh, pretty baby
Now that I've found you, stay ]
บรรยากาศภายในร้านอ้อมล้อมไปด้วยความอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความรักที่กำลังเติบโตอย่างช้าภายในใจของทั้งคู่ สถานที่และบรรยากาศเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างพื้นที่ที่น่าทึ่งและเป็นใจให้กับโทมัสและโมนิก้าในการเต้นรำอันโรแมนติก ทั้งคู่ค่อยๆเข้าใกล้กันอย่างช้าๆ สายตายังคงไม่ละจากกัน
[ And let me love you, baby
Let me love you ]
เมื่อเพลงค่อยๆใกล้จะจบลง ทั้งสองก็เข้าใกล้ชิดกันและสวมจูบกันด้วยความรู้สึกอันผลิบานภายในใจ
" คุณคงไม่ว่าใช่มั้ย ที่ผมขโมยจูบคุณ? "
" จะเรียกขโมยได้ไง? ถ้าฉันตั้งใจยกให้คุณ "
ทั้งคู่สวมกอดและจูบกัน ท่ามกลางเสียงเพลงและแสงไฟที่ค่อยๆเบาลง บรรยากาศในตอนนี้เต็มไปด้วยความรักอันบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นในบทเพลงที่บรรเลง
เมื่อเต้นรำเสร็จทั้งคู่ก็กลับไปนั่งด้วยกันที่เก้าอี้หน้าบาร์ กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำหอมของโมนิก้ายังคงเป็นสิ่งที่ทำให้โทมัสเคลิ้มอยู่ น้ำหอมกลิ่นซากุระเป็นกลิ่นที่หาได้ยากใน Los Oceania ซึ่งโทมัสก็รู้ดีเรื่องนั้น
โทมัสและโมนิก้าแลกเปลี่ยนกลับมานั่งคุยอย่างใกล้ชิด แลกเสียงหัวเราะและกำลังใจกัน เพลงที่เพิ่งจบให้พวกเขาความรู้สึกดีและเป็นกำลังใจในเรื่องราวของชีวิต
" ผมไม่คุ้นหน้าคุณเลย คุณคงไม่ใช่คนแถวนี้หรือเมืองนี้ใช่รึป่าว? " โทมัสเอ่ยถามโมนิก้าทันทีเมื่อนั้งลงเพื่อคลายข้อสงสัยของตน
" ใช่! คุณรู้ได้ไง ฉันพึ่งย้ายมาเมืองนี้ไม่นาน " เธอดูตกใจอย่างมากกับคำถามของโทมัส แต่ก็ยังคงตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม
" กลิ่นน้ำหอมของคุณ มันมีกลิ่นของซากุระอ่อนๆ ที่เดียวที่หาได้ก็มีแค่ที่ "Neo Tokyo" แต่คุณดูไม่เหมือนคนที่นั้นเลยดูเป็นคนจาก "Moren" ไม่ก็ "Noelle" มากกว่า "
" คุณรู้เยอะเหมือนกันนะ ใช่ฉันไม่ใช่คนจาก "Neo Tokyo" แต่ฉันเคยอยู่ที่นั่นช่วงนึง ฉันมาจาก "Noelle" คุณรู้เรื่องน้ำหอมฉันด้วย คุณเคยไป "Neo Tokyo" หรอ? "
" ใช่ๆ ผมเคยไปที่นั่นอยู่ช่วงนึงเป็นเวลาที่ดี " โทมัสตอบไป เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยแสดงถึงความทรงจำดีๆผ่านสีหน้าของเขา
" งั้นหรอ " โมนิก้ามองดูท่าทีของโทมัสอย่างตั้งอกตั้ง เธอดูจะสนใจเขามากเป็นพิเศษ รวมถึงเรื่องราวของเขาด้วยเช่นกัน
" เฮ้โทมัส " เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง โทมัสรีบหันไปที่ต้นเสียงทันที่นั่นคือจอห์น
" โทมัส ฉันคงต้องไปก่อนมีเรื่องต้องไปจัดการนิดหน่อย " จอห์นบอกกับโทมัสว่าเขาต้องรีบไปทำธุระบางอย่าง
" แต่เรามาด้วยกันนะจอห์น มาด้วยกัน ก็ต้องกลับด้วยกัน " โทมัสกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเตรียมตัวเก็บของออกไปกับจอห์น แต่จอห์นก็ใช้มือของเขาจับไหล่ของโทมัสแล้วดันเขากลับลงไปนั่ง
" ไม่เป็นไรโทมัสนายควรพักผ่อน คืนนี้นายอยู่กับแม่สาวคนนี้ไปเลย " เมื่อจอห์นพูดเสร็จก็หันไปมองยังโมนิก้า เธอนั่งอยู่ข้างๆกับโทมัส
" เฮ้คุณผู้หญิง คืนนี้ผมยกหมอนี่ให้ดูแลเขาด้วย " เมื่อพูดจบเขาก็รีบเดินออกไปในทันที โทมัสรู้ดีเรื่องนี้ต้องสำคัญมากแน่ๆ แต่เขาคงทำอะไรไม่ได้หากจอห์นบอกว่าเขาจะไปคนเดียว โทมัสรู้จักจอห์นดีและเรื่องนี้มีบางอย่างแน่นอน
" ดูแลตัวเองด้วยจอห์น " เขาได้แต่พูดเบาๆกับตัวเอง
.
.
.
"Neo Tokyo" เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เป็นเมืองที่มีบรรยากาศที่เย็นสบาย ปลอดโปร่งของกินก็ขึ้นชื่อและอื่นๆอีกมากมาย
"Moren" และ "Noelle" เป็นเมืองที่มีลักษณะวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบรัสเซีย เป็นเมืองที่มาอากาศค่อนข้างเย็นและสงบ ไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมากมายนัก
.
.
.
เขต 28 พื้นที่ที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายอันดับต้นๆของเมือง แต่ก็มีผู้อาศัยหนาแน่นมากเช่นกัน มักใช้เป็นที่กบดานหรือไม่ก็ซ่อนตัวของพวกที่ทำบาปไว้ หากจะหาข้อมูล ที่นี่ก็เป็นที่ที่เหมาะสม แต่ก็อันตรายในเวลาเดียวกัน
" อะไรนะ!!! เวนโต้!! ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ย!! ว่างานนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด แกไม่เข้าใจรึไงวะ ไอ้สมองน้อยเอ้ย!!! มึงรู้มั้ยว่ากูต้องเสียเงินในเรื่องนี้มากแค่ไหน ถ้ามึงไปเอาเงินมาคืนกูไม่ได้มึงก็อย่างอยู่ให้รกเมืองเถอะว่ะ!! " ชายรูปร่างอ้วนท้วมวางโทรศัพท์ในมือของเขาลงด้วยอารมณ์ที่ขุ่นเคือง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าพับแขนเสื้อไว้ และสวมเสื้อกั๊กสีดำ เขาอยู่บนชั้น6ของตึกแห่งนึงในเขต 28 เขาในห้องโดยที่แทบไม่เปิดไฟในห้องเลย ทำให้ในห้องค่อนข้างมืด เขาไม่รู้ตัวเลยว่า ในห้องตอนนี้มีบางอย่างซ่อนอยู่
ชายคนนั้นเดินไปมารอบห้อง ก่อนจะไปหยุดที่หน้าต่าง เขาเปิดผ้าม่านออกก่อนมองออกไปภายนอกในห้องอันมืดสนิท ไร้เสียงรบกวน เขาหยิบซิการ์ออกมาแล้วจุดมันสูบ แสงจากการเปิดผ้าม่านทำให้เห็นใครบางจนจางๆในมุมมืด เขาคนนั้นค่อยๆเดินออกมาจากเงาอย่างเงียบงันไร้เสียงของฝีเท้าในทุกๆก้าวที่เดินไป ชายคนนั้นไม่รู้ตัวแต่น้อย ว่าอันตรายเข้าใกล้เขาเพียงใด
"สวัสดี" เสียงกระซิบข้างหูด้านชายพูดเข้ามาด้วยเสียงอันเย็นยะเยือกไร้อารมณ์
"เฮ้ย!!! เชี่ยไรวะ........!!!! เสียงดังกรุกกรักดังขึ้นภายในห้องอันมือหม่นกับแสงไฟที่มีในห้องเพียงจางๆ
ชายอ้วนท้วมคนนั้นถูกจับกดกับพื้นอย่างง่ายดาย เขาพยายามสลัดตัวเองให้หลุดแต่ก็ยากที่จะทำได้ แสงไฟจากผ้าม่านส่องเข้าหน้าบุคคลปริศนาเผยให้เห็นใบหน้าของเขา เขาคือจอห์น
" แองเจอโล่ อาบีมิเอล เกิดวันที่ 9 เดือน 3 ปี 1928 เคยทำงานเป็นหมอในเขต 3 ก่อนหายตัวไปวันที่ 5 เดือน 8 ปี 1974 สองวันก่อน เจสัน วอสตินผู้สมัครเลือกตั้ง ตายอย่างปริศนา " จอห์นกดชายคนนี้แนบกับพื้นได้อย่างง่ายดาย เขาพูดอะไรบางอย่างออกมาทำให้แองเจอโล่ตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง
" มึงเป็นใครวะ!!! ตำรวจ นักสืบ เชี่ยไวะ!! ใครส่งมึงมา!! โอ้ยยแม่ง....!!!
จอห์นต่อยเข้าไปที่หน้าของแองเจอโล่จนเขาหยุดโวยวาย สายตาของแองเจอโล่แสดงให้เห็นถึงความกลัวที่แทบจะล้นออกมาของเขา
" เกือบถูก อดีตตำรวจ แล้วก็เงียบได้แล้ว แค่ตอบคำถามฉันก็พอ " จอห์นเอามือล้วงเข้าไปในเสื้อของเขาก่อนจะหยิบบางอย่างออกมา แล้วโยนมันไปที่พื้น
" ใบสั่งซื้อยา แถมเป็นยาผิดกฎหมาย สั่งซื้อวันที่ 4 เดือน 8 ปี 1974 ไม่มีชื่อผู้รับ แกสั่งมันให้ใคร "
" นี่มึงคิดหรอว่ากูจะตอบคำถามมึงหน่ะไอ้ลูกหมา โง่รึป่าว "
" ไม่แน่แองเจอโล่ ไม่แน่ " จอห์นหันไปหยิบซิการ์ที่ตกอยู่บนพื้นของแองเจอโล่ขึ้นมา แล้วใช้มันจี้ไปที่แก้มของแองเจอโล่
" อ้าาาาา!!! แม่งเอ้ย!! "
" ฉันจะหยุดไม่หยุด ก็อยู่ที่แกจะพูดหรือไม่ "
เสียงความตกใจและความกลัวของแองเจอโล่กลายเป็นเสียงร้องของเขาที่ถูกจี้ด้วยซิการ์ แองเจอโล่รีบปิดปากของเขาด้วยมือ แต่ก็ยังมีคำพูดของเขาที่ออกมาไม่ได้ยางอย่างเต็มที่
"ฉัน...ฉันไม่รู้อะไร...ฉันไม่ได้สั่งซื้อยาพิษ...ฉันไม่ได้กระทำอะไรผิด..." แองเจอโล่พยายามอธิบายด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว แม้แต่จอห์นก็รู้
จอห์นยกซิการ์ออกจากหน้าของแองเจอโล่ แองเจอโล่ทำได้แค่ร้องโอดโอยเบาๆจากความเจ็บปวดบนใบหน้า
"ใคร...ใครเอาแกมา...ทำไม...ทำไมถึงมาหาฉัน..."
"คำตอบคือคุณ...เพราะคุณ...คุณสร้างปัญหามาหาตัวเอง..." จอห์นยังคงพูดด้วยเสียงนิ่งสงบไร้อารมณ์
แองเจอโล่มองเขาด้วยสายตาที่อึดอัด คำพูดของจอห์นทำให้เขารู้สึกกลัวต่อชายคนนี้เป็นอย่างมากจนเกือบจะร้องไห้ออกมา
" แกเล่นผิดคนแล้ว!!....ดูแค่ชุดแกก็รู้...แกมันก็แค่คนขับแท็กซี่ธรรมดาๆ แกไม่รู้หรอกว่าแกต้องชดใช้เรื่องนี้มากแค่ไหน!!! "
จอห์นไม่ตอบโต้ใดกับคำพูดของแองเจอโล่ เขามองไปยังแองเจอโล่ด้วยสายตาอันสมเพชในความคิดอันโง่เขลาของชายคนนี้
" น่าสมเพช " จอห์นพูดออกมา
จอห์นใช้แขนทั้งสองข้างของเขาจับไปยังคอเสื้อของแองเจอโล่ ดึงไอ้โง่นี่ขึ้นมา แล้วใช้แขนขวาต่อยใส่แองเจอโล่โดยไม่ได้ยั้งกำลังของตนเลยแต่นิด เขาต่อยแองเจอโล่จนหน้าของมันนองไปด้วยเลือด เลือดของมันกระเด็นไปทั่ว เลอะแม้แต่ชุดของจอห์น จอห์นเบื่อที่จะคุยกับไอ้เลวนี่แล้ว เขาจึงโยนแองเจอโล่ลงกับพื้น ก่อนจะหันไปหาอะไรที่มีประโยชน์มากกว่าเสียเวลาคุยกับแองเจอโล่
แองเจอโล่พยายามคลานไปช้าโดยไม่ให้ส่งเสียง เขาคลานเข้าไปใกล้ๆโต๊ะทำงานของตนหยิบปืนที่ซ่อนไว้ออกมาเล็งไปยังจอห์นที่กำลังหาข้อมูลอยู่
ปั้ง!!!
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วในห้องอันมืดสนิท ความว่างเปล่าเกิดขึ้นภายในห้องแห่งนี้
จอห์นยิงแองเจอโล่ก่อนที่เขาจะสามารถยิงได้ แองเจอโล่เสียชีวิตทันที เลือดไหลออกมาจากหน้าผากที่ถูกยิง ตกลงมายังพื้นอย่างไม่มีเสียงร้องไห้หรือเสียงร้องหาความช่วยเหลือแม้แต่น้อย
"ฉันให้โอกาสนายแล้ว" จอห์นพูดออกมาโดยมีความเย็นชาในเสียง จอห์นไม่ได้สนใจอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาหันไปหาข้อมูลต่อ ค้นไปทั่วทั้งห้อง หาทุกอย่างที่เขาจะหาได้ เขาเจอแฟ้มเอกสารและก็ได้พบ เอกสารสั่งซื้อยา บนชื่อผู้สั่งมีตัวอักษรที่แม้แต่จอห์นก็ไม่รู้จัก "судья" จอห์นรู้สึกว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เขาหาคำตอบและความลับของเหตุการณ์นี้ เขาเริ่มเชื่อว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับอดีตและความลับที่เขาพยายามตามหา
จอห์นเก็บเอกสารทั้งหมดที่เขาคิดว่าอาจเป็นจำเป็นสำหรับเขา เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าสะพายของตน ก่อนเดินไปยังโต๊ะของแองเจอโล่หยิบขวดวิสกี้ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมา และโยนมันลงพื้น เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ จุดไฟด้วย Zippo โยนมันลงใส่วิสกี้ที่อยู่บนพื้น เขาเดินออกมาจากห้องๆนั้น สูบบุหรี่ไว้และปล่อยให้ไฟลามไปทั่วห้องนั้น
จอห์นเดินออกมาจากห้องแห่งนั้นและปล่อยให้ไฟลุกลามไปทั่วห้อง ส่งผลให้ห้องเต็มไปด้วยควันสีดำ แสงและเงาเปลี่ยนแปลงในมุมมืดอันมืดมิด จอห์นยืนสูบบุหรี่ดูผลงานของเขา ควันเข้มข้นมัดเย็นร้อนแรงจนกระทั่งห้องเต็มไปด้วยแสงจากเปลวเพลิงทีลุกไหม้และควันสีดำกลุ่มใหญ่ จอห์นมองดูด้วยสายตาไร้อารมณ์ก่อนจะทิ้งบุหรี่ลงพื้น แล้วเดินหายเข้าไปในตรอกอันมืดหม่น
.
.
.
.
ที่แห่งนึงที่ไม่สามารถทราบได้ ในห้องมืดๆ แสงจากดวงจันทร์ส่องเข้ามาเป็นส่วนใหญ่แห่งนี้ สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่อยู่ในความมืดและเงียบสงบ สิ่งเดียวที่ส่องแสงและสร้างเสียงได้คือ ดวงจันทร์ที่ส่องแสงอ่อนและทำให้มองเห็นเงาเล็กน้อยของวัตถุที่อยู่ในห้อง เต็มไปด้วยความลึกลับและเชื่อมโยงกับความมืดภายในห้องแห่งนี้ไม่มีเสียงรบกวนหรือเสียงใดๆ มีเพียงเสียงของน้ำแข็งกระทบกับแก้วในความเงียบสงบ
" คุณแน่ใจว่าจะเริ่มแผนเร็วขึ้น "
บุคคลปริศนายกแก้วแชมเปญในมือขึ้นดื่ม ก่อนจะตอบไปด้วยรอยยิ้มอันจอมปลอม
" แน่นอน แต่ว่า คุณต้องระวังสองคนนี้ไว้ " บุคคลปริศนาโยนแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะเพื่อเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ โทมัส เฟล็ทเชอร์ อดีตผู้บริหารบริษัทเทคโนโลยีในเมือง Neo Tokyo และ จอห์น วิลเลียม แอสเธอร์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่สืบสวน Neo Tokyo
" เข้าใจแล้ว เราจะรีบเร่งแผนและระวังสองคนนี้ไว้ "
.
.
.
.
บรรยากาศภายในเมือง Los Oceania เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกอันอบอุ่นและเพลิดเพลิน โทมัสและโมนิก้าเดินเล่นกันภายในเขต 7 อย่างไร้จุดหมายปลายทาง ทั้งสองเดินจับมือกันเดินไปตามทางเรื่อยๆ สองข้างทางทมีทั้งผู้คน แสงสีนีออนและดนตรีอันไพเราะตามข้างทาง
" คุณบอกว่าเคยไปที่ Neo Tokyo ใช่มั้ย บอกฉันได้มั้ยว่าคุณไปทำอะไร " โมนิก้าเอ่ยถามโทมัสด้วยความสงสัย
" ผมเคยทำงานที่นั้น น่าจะเมื่ออ.....สัก 7 ปีก่อน ผมเคยเปิดบริษัทเล็กๆ "
" คุณเคยคบกับใครที่นั่นมั้ย? " โมนิก้าเธอหยุดเดินก่อนจะถามขึ้น โทมัสดูอึ้งกับคำถามเล็กน้อย ก่อนจะตอบไปโดยไม่มีท่าทีปฏิเสธ
" ใช่ผมเคยคบกับผู้หญิงคนนึง เธอชื่อฮิมิโกะ "
" แล้วเป็นไง? "
" เราเลิกกันแค่นั้นแหละ "
โมนิก้าเธอถึงกับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำตอบ
" ฉันเสียใจด้วย ขอโทษที่ถามคุณ "
โทมัสหันมามองเธอก่อนจะยิ้มออกมา
" ไม่เป็นไรผมไม่ถืออยู่แล้ว "
โทมัสยื่นมือให้กับโมนิก้า เธอจับมือของโทมัสไว้แน่นแล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปยังเมืองแห่งแสงสีอันโรแมนติกของพวกเขาทั้งสองคน
Episode 3 - End
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!