ณ ที่แห่งหนึ่งท่ามกลางความมืดมิดอันเงียบสงบ ตัวของผมเริ่มหนาวเย็น แต่ไม่นานรอบๆเต็มไปด้วยเสียงปืน ผมได้หลับตาลงท่ามกลางการยิงกันสนั่นครั้งนี้ นี่ผมจะตายงั้นหรอ....
ย้อนไป 5 วันก่อนเหตุการณ์
ณ สำนักงานนักสืบชิยะ
ผมเซย์กิทำงานในสำนักงานนักสืบชิยะมา 3 ปี ทำตั้งแต่เรียน ม.ปลายปี 2 จนตอนนี้เรียนจบก็ยังทำอยู่เพราะได้ทั้ง ที่พักฟรี กินฟรี และเงินที่ได้ก็เยอะ ผมทำงานเกี่ยวกับผู้ช่วยนักสืบคู่กับคุณเกนตะ ผู้มีประสบการณ์มานาน 6 ปี จนได้ฉายานักสืบตาทิพย์ เพราะเขามองเห็นได้ชัดกว่าทุกคน เห็นแม้กระทั้งสิ่งที่จะเกิดหรือที่เกิดเหตุต่อไปที่คนร้ายจะลงมือ แต่ข้อเสียของเขาคือเขาชอบแยกไปคนเดียว มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปหาข่าวเกี่ยวกับคดีแค่ไม่กี่นาที คุณเกนตะก็หายไปแล้วรู้ตัวอีกทีก็จบคดีแล้วและวันนี้ที่สำนักงานนักสืบชิยะมีประชุมด่วนซึ่งผมก็ต้องไปประชุมด้วย
เมื่อมาถึงห้องประชุมเปิดประตูมาสิ่งที่เห็นคือเหล่านักสืบที่มากฝีมือของสำนักงานชิยะแห่งนี้ ทุกคนล้วนมีออร่าที่เห็นแล้วว่าชำนาญในสายงานนี้มาก ผมทำได้แค่ยืนดูจากประตูที่เปิดนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าประชุมนักสืบ ผมยืนมองพวกเขาด้วยความตื่นเต้นที่เห็นคนมีฝีมือมารวมกัน ก่อนที่เกนตะจะพูดกับผมว่า "ไอ้หนูปิดประตูและมานั่งได้แล้วมั้งจะอยู่ตรงนั้นทั้งประชุมเลยหรอ" ผมปิดประตูและเดินไปพร้อมกับมองนักสืบที่ผมเดินผ่านเหมือนว่าพวกเขาบางคนจะพูดเกี่ยวกับผม บางกลุ่มก็พูดถึงคดีที่ประชุม ผมเดินมาเรื่อยๆจนเห็นที่นั่งว่าง ผมจึงเลือกนั่งที่ตรงนั้น ก่อนที่คนข้างๆผมจะทักทายผมและพูดคุยกับผม เขาชื่อเทย์ นักสืบที่ทำคดีเกี่ยวกับค้าของเถื่อนผิดกฎหมายที่มีผลงานมากที่สุดในเกี่ยวกับคดีนี้ เขาพูดกับผมเกี่ยวกับงานนักสืบและเล่าประสบการณ์ว่าเขาเคยดวลปืนและบาดเจ็บต้องเข้าโรงพยาบาลไปนาน ก่อนที่เขาจะพูดแสดงความยินดีเกี่ยวกับผมที่ผมได้เลื่อนเป็นนักสืบเต็มตัว เราสองคนได้คุยกันอยู่นานจนเรียนรู้และสิ่งต่างๆจากเขา...
ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นและมีคนเดินเข้ามา เขาคือชิยะ ผู้ก่อตั้งสำนักงานนักสืบแห่งนี้ เขาทำงานสองอย่างควบกัน คือ ทำงานนักสืบกับเป็นหมอนานๆทีถึงจะเห็นเขาเข้ามาเรียกประชุมเท่าที่นักสืบเทย์บอกการที่ชิยะเรียกประชุมนั้นต้องเป็นคดีใหญ่ซับซ้อน ชิยะได้พูดเกี่ยวกับคดีจริงด้วยนั้นคือคดีคนร้ายระเบิดห้องพักแห่งหนึ่งคล้ายกับคดีฝนอดีตและยังพูดอีกว่าคดีนี้อาจมีคนอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ ไม่งั้นคงทำไม่ได้ เมื่อพูดเรื่องคดีจบก็ได้ขอให้นักสืบทุกคนไปหาเงื่อนงำคดีนี้มาและมีการเรียกผมให้ตามท่านชิยะไปยังห้องทำงานของเขาเพื่อคุย เมื่อประชุมเสร็จสีหน้าของนักสืบหลายคนเปลี่ยนไปโดยเฉพาะนักสืบเทย์ ทุกคนลุกออกไปจากห้อง ผมก็ได้เรียกนักสืบเทย์ก่อนที่เขาจะตกใจเหมือนกำลังเหม่อลอย เขาก็ได้ลุกและขอตัว ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็เดินไปยังห้องทำงานของท่านชิยะ เมื่อเปิดประตูไปข้างกำแพงห้องของชิยะเต็มไปด้วยหนังสือพิมพ์ที่ถูกแปะไว้ ก่อนที่ชิยะจะเดินเข้าห้องเขามาพร้อมกับใครสักคน ชิยะก็เดินเข้ามาและแนะนำผมให้รู้จักโซชิ เขาจะมาเป็นผู้ช่วยนักสืบของผม ตั้งแต่นี้ผมเป็นนักสืมเต็มตัวแล้ว ชิยะก็พูดไปก่อนที่จะให้โซชิออกไปก่อน ชิยะก็เล่าให้ฟังเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ที่แปะไว้ว่านั้นคือคดีที่สำนักงานเราทำพลาดมาและแนะนำแนวทางให้ผมก่อนที่จะให้ผมไปช่วยเรื่องคดีที่ประชุมกันเมื่อตอนบ่าย ชิยะพูดอยู่นานเกี่ยวกับคดีก่อนที่จะมีคนโทรมาและเขาก็ได้ขอตัวเพราะมีงานด่วนเข้า ผมก็ได้ออกจากห้องทำงานชิยะและเดินมาเจอโซชินั่งรอผม โซชิก็เขามาทำความรู้จักผม โซชิพึ่งเข้ามาทำงานนี้ได้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วและเขายังเรียนอยู่ม.ปลายปี 3 เท่ากับว่าผมเป็นรุ่นพี่ เราก็ได้คุยกันจนมืดก่อนที่จะแยกย้าย ผมก็ได้เดินทางกลับที่พักของสำนักงานนักสืบชิยะ และก็หมดไปอีกวันหนึ่งสินะ.....
^^^W.G.K.^^^
วันที่ 2
หลังจากเมื่อคืนผมก็ได้กลับมาจากสำนักงานและนอนพักดูเหมือนว่าในที่สุดผมก็ได้เป็นนักสืบสักที แต่ผมจะเป็นได้หรอนักสืบ นอนอีกสักหน่อยดีกว่า..... รู้ตัวอีกทีก็สายจน 10.24 น. ผมได้รีบวิ่งไปที่สำนักงานก่อนที่จะมาถึงตอน 10.54 น. ดีนะที่เริ่มประชุมตอนเที่ยงตรง เอาละไปห้องนักสืบดีกว่าอย่างน้อยจะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานสักหน่อย ในสำนักงานนักสืบชิยะจะมีระบบแบ่งห้องทำงานนักสืบห้องละ 5 คน สำนักงานมีนักสืบ 34 คน และมีผู้ช่วย 40 คน นักสืบทุกคนจะมีผู้ช่วยคนละอย่างน้อย 1 คน คิดๆดูแล้วสำนักงานก็มีนักสืบเยอะจังเลยนะ
นี่สินะห้องสำนักงานนักสืบที่ฉันต้องอยู่ (**ถอนหายใจ**) ตื่นเต้นจริงๆ เอาละไปละนะ ผมได้เปิดประตูและมองดูนักสืบที่นั่งอยู่หนึ่งในนั้นมีเทย์อยู่ด้วยเหมือนว่าทุกคนจะอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดกันนะ ทุกคนนั่งเก้าอี้และมองมาทางผมทุกคนด้วยสีหน้าอันดำมืดเหมือนกับว่ามีอะไรเกิดขึ้น ก่อนที่ทุกๆคนจะลุกและเดินมาหาผมและมองมาที่ผมเรื่อยๆด้วยความตกใจผมจึงรีบขอโทษพวกเขาที่เข้ามาโดยไม่เคาะประตูก่อนและได้แนะนำตัวเองไป แต่พวกเขาก็ยังไม่พูดอะไรและเดินเข้าหาผมมาใกล้เรื่อยๆผมก็ได้เดินถอยหลังไปเรื่อยๆพร้อมกับอธิบายต่างๆไปเรื่อยๆแต่พวกเขาก็ยังเดินมาเรื่อยๆจนหลังผมชิดผนังห้องนี้ ก่อนที่พวกเขาทุกคนจะล้วงกระเป๋าแล้วหยิบสิ่งๆหนึ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมกันด้วยสีหน้าสีดำอันมืดมิด ผมได้เอามือปิดหน้าและบอกว่าไว้ชีวิตผมเถอะ ก่อนที่เสียงดังปัง ปัง ปัง ปัง จะดังขึ้นผมได้ทรุดเข่าลงกับพื้นหลับตาและคิดในใจ (**ฉันโดนยิงหรอเนี่ย**) ผมได้เอามือคลำหาแผลที่โดนยิงแต่ก็หาไม่พบ ก่อนที่ผมจะลืมตาและดูรอบตัวเองก็ไม่พบแผล ก่อนที่จะมองเห็นเศษกระดาษที่พื้นและมองไปทางนักสืบแต่ละคนที่ยืนอยู่
ทุกคนมองมาที่ผมและยิ้มก่อนที่จะพูดแสดงความยินดีและต้อนรับผม ทุกคนก็ได้แนะนำตัว เริ่มจากทางขวานักสืบเทย์ นักสืบโป นักสืบโยมิ นักสืบเดระ พวกเขาได้พูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกันอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่ามีประชุมกัน พวกเราเราจึงรีบไปที่ห้องประชุมพอถึงห้องประชุมพวกเราก็นั่งรวมกันและคุยกันต่อไปภายในห้องประชุมจนการประชุมได้จบลง นักสืบโปจึงแนะนำให้ไปเลี้ยงฉลองต้อนรับผมที่เข้ามาใหม่และคุยเรื่องคดีที่จะทำในวันพน.ด้วย โดยในการประชุมจะมีการแบ่งคดีของแต่ละกลุ่มนักสืบเพื่อประหยัดเวลาที่ใช้สืบและเพื่อให้นักสืบใหม่ได้เรียนรู้ไปด้วย พวกเราจึงได้คุยกันในหลังประชุมอยู่นานก่อนจะตัดสินใจไปเลี้ยงฉลองต้อนรับผมกัน เราได้ถึงร้านตอน 19.34 น. เราสั่งอาหารและนั่งโต๊ะคุยกันไปเรื่อยๆจนถึง 21.23 น. เราคุยกันอยู่นานทั้งเรื่องคดีประสบการณ์ของแต่ละคน ก่อนที่นักสืบเทย์จะออกไปรับโทรศัพท์ พวกเราเลยคุยกันและเตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน พวกเราได้ออกมาจากร้านก็เห็นนักสืบเทย์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ นักสืบโปจึงเดินไปหาเพื่อบอกว่าจะกลับกันแล้ว ก่อนที่นักสืบเทย์จะวางสายและรถยนต์คันหนึ่งสีดำก็มาจอดใกล้พวกเขาก่อนจะเปิดกระจกนักสืบเกนตะเหมือนเขาจะพูดอะไรสักอย่างก่อนนักสืบเทย์จะรีบเปิดประตูรถและเข้าไป นักสืบโปหันมาบอกพวกเราว่าให้กลับไปก่อนเลยมีงานด่วนเข้ามา จากนั้นนักสืบโปก็ได้ขึ้นรถและไปกับนักสืบเกนตะ ผมได้เดินคุยกันต่อกับนักสืบโยมิและเดระต่อจนแยกกันเข้าที่พัก โดยผมรู้มาว่านักสืบโปอยู่คอนโด ส่วนนักสืบเทย์อยู่ห้องพักแห่งหนึ่งในเมือง ทั้งคู่สนิทกับนักสืบเกนตะมาก เพราะทั้งคู่เคยทำคดีหนึ่งด้วยกันและเสียคนในกลุ่มไปทำให้กลุ่มนักสืบที่เก่งนั้นล่มลงและกระจายไปอยู่กับกลุ่มอื่นๆกัน นักสืบโปมีฉายาว่านักสืบมือปืน เขามีปืนคู่ใจของเขาเสมอปืนพกสั้นบรรจุกระสุน 8 นัด เมื่อก่อนที่กลุ่มนักสืบเก่าเขาจะกระจายกันไป เขาได้ใช้ปืนนั้นบ่อยๆในการปะทะกับคนร้ายที่เขาสืบเจอและเขายังทำงานกับตำรวจบ่อยมากเกือบทุกคดีที่มีการฆาตกรรม เมื่อก่อนเขาเลยมีฉายาว่านักสืบมือปราบฆาตกรและแล้วก็หมดไปอีกวันของการเป็นนักสืบของผม....
^^^W.G.K^^^
วันที่ 3
ในเช้าที่สดใสมีเสียงนกร้องมาจากกระจกเสียงวุ่นวายจากรถที่สัญจรไปมา เสียงก่อสร้าง ผมลืมตาขึ้นมาและมองเพดานคิดอยู่นาน (**อีกวันแล้วสินะ**) ผมมองไปที่นาฬิกาเพื่อดูเวลายังเช้าอยู่เลยผมได้หลับตาลงอีกครั้ง แต่หลับตาได้ไม่นานก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของโซซิ ผมได้ลืมตาและลุกขึ้นขานตอบโซซิก่อนที่จะเดินไปเปิดประตู ผมได้ถามโซซิว่ามีอะไรวันนี้ไม่ได้ไปโรงเรียนหรอยังเช้าอยู่เลยมีอะไรหรอ โซซิได้รีบพูดบอกผมว่านักสืบโปเรียกให้ไปรวมที่ตึกเช่าห้องพักแห่งหนึ่งบริเวณใกล้โรงเรียน ดูเหมือนว่านักสืบโปจะใช้ผู้ช่วยโซซิมาแจ้งผม ผมได้เตรียมตัวและรีบวิ่งไปกับโซซิ ระหว่างทางโซซิได้บอกผมเกี่ยวกับที่ๆจะไปพร้อมกับรายละเอียดคดีนิดหน่อย ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นผมได้วิ่งไปและเห็นนักสืบโปกับผู้ช่วยกำลังปะทะกับใครสักคน ก่อนที่ผู้ช่วยโซซิจะยืนกระเป๋าใบหนึ่งและบอกว่านักสืบโปฝากมาให้ ก่อนที่โซซิจะวิ่งไปและพูดว่าผมต้องโรงเรียนแล้ว ผมรับกระเป๋ามาและเปิดดูข้างในพร้อมกับกระดาษใบหนึ่งผมหยิบมาอ่าน (**ของต้อนรับจากนักสืบโป ใช้เท่าที่จำเป็น**) ผมได้ล้วงเข้าไปในกระเป๋าและเอาขึ้นมามันคือปืนผมมองไปที่นักสืบโปที่กำลังปะทะหรือนี่คือที่ๆผมต้องใช้มันตอนนี้กันนะ ผมได้หยิบปืนพร้อมกระสุนและวิ่งไปหานักสืบโปที่แอบกระสุนอยู่ตรงข้างรถยนต์ เมื่อไปถึงนักสืบโปก็ได้ทักทายและพูดต้อนรับและบอกผมนี่คือคดีแรกของนายกลับฉัน ผมได้ถามกับนักสืบโปเกี่ยวกับคนที่เหลือว่าพวกเขาไปไหนแต่นักสืบโปก็ไม่ตอบและบอกให้สนใจสิ่งที่เกิดอยู่ข้างหน้าผมก่อนที่จะถามหาคนอื่น เมื่อพูดจบนักสืบโปก็ได้ลุกไปยิงสามนัดและหลบลงมาบอกให้ผมช่วยยิง พร้อมกับสอนยิงไปด้วย เราปะทะอยู่นานก่อนที่ตำรวจจะมาถึงและคลี่คลายสถานการณ์ได้ ผมได้เดินไปดูใกล้ๆที่เกิดเหตุกับนักสืบโปเรื่อยๆเห็นคนบาดเจ็บ คนตายจากลูกหลง กระจกที่แตกกระจายไปทั่วพื้น ก่อนที่นักสืบโปจะหันมาหาผมและเล่าเกี่ยวกับคดี โดยทุกคนได้แยกกันไปรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับคดีและให้มาพบกันที่ร้านกาแฟหน้าสถานนีรถไฟ ผมได้ฟังรายละเอียดคดีที่ทำ คดีนี้เกี่ยวกับการขายของผิดกฎหมายประเภทอาวุธ เราได้สืบมาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยจับต้นตอได้สักครั้ง ทุกครั้งที่นักสืบเทย์ได้เบาะแสที่อยู่พวกมันก็จะไหวตัวทันทุกครั้ง ฉันคิดว่าในกลุ่มพวกเราต้องมีใครเป็นสายให้พวกมันแน่ ผมได้ฟังการสันนิษฐานของนักสืบโปอยู่นาน โดยคนที่เขาสงสัยคือนักสืบเทย์เพราะเขามักรับโทรศัพท์และทำหน้าแปลกๆตลอดเหมือนประมาณว่าทำท่าตกใจและมองมาที่นักสืบโปตลอดทำให้เหมือนประมาณว่าสั่งให้นักสืบเทย์มาเก็บนักสืบโป ผมได้ฟังไปพร้อมกับคิดไป ทำให้ผมได้คิดและเริ่มเชื่อเรื่อยพอเดินใกล้ถึงร้านนักสืบโปก็ได้บอกให้ผมอย่าบอกเรื่องนี้กับนักสืบเทย์และเสนอให้ผมมาช่วยเขาสืบเรื่องนี้ด้วย ผมจึงได้ตอบไปว่าขอดูท่าทีนักสืบเทย์ไปก่อนและเราก็ได้เดินไปต่อจนถึงร้านกาแฟที่นั้นไว้
พวกเราที่มาถึงก็ได้เดินเข้าร้านและสั่งกาแฟก่อนที่จะเดินไปที่โต๊ะที่นักสืบโยมิอยู่ พวกเราก็ได้ทักทายและเริ่มแลกข้อมูลกันเลยก่อนที่นักสืบเทย์และนักสืบเดระจะมาเหมือนทั้งคู่จะคุยอะไรกันด้วยระหว่างทางก่อนที่จะถึงร้านทั้งคู่ได้นั่งและเริ่มแชร์ข้อมูล ระหว่างแชร์ข้อมูลนักสืบโปก็มองตานักสืบเทย์และนักสืบเดระ ก่อนที่พวกเขาจะสบตากันและก็เงียบไปสักครู่และพูดต่อและเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพวกเราหันไปที่นักสืบเทย์ ในตอนนั้นเองที่ทำให้ผมเชื่อว่าสิ่งที่นักสืบโปนั้นอาจพูดถูก นักสืบเทย์ได้ลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์เหมือนคุยกับใครสักคน ผมได้มองไปและพยายามดูท่าทีแบบไม่ให้นักสืบเทย์โดนสงสัย หลังนักสืบเทย์คุยโทรศัพท์เสร็จก็ได้มองมาที่นักสืบโปด้วยสายตาจ้องเขม็ง นักสืบเทย์ได้นั่งที่เสร็จนักสืบโปก็ได้บอกงานต่อไปให้แยกกันไปพักผ่อนและสืบอีกทีพน.ทุกคนได้ลุกขึ้นและเดินออกจากร้านด้วยความตึงเครียด ผมได้นั่งกินกาแฟและคิดสิ่งที่นักสืบโปพูด มองออกไปผ่านกระจกร้านเพื่อดูท่าทีของแต่ละคน ผมได้กินกาแฟและเดินออกมาจากร้านมองหานักสืบโปเพื่อไปตอบตกลงที่จะร่วมมือระหว่างที่เดินไปหาก็เห็นนักสืบโปกำลังคุยโทรศัพท์นักสืบโปได้มองมาที่ผมและวางสายเดินมาหาผม ผมได้เดินมาถึงและตอบตกลงที่จะร่วมมือ
นักสืบโปก็ไม่รอช้าและเดินไปคุยไปกับผม ก่อนจะยืนกระดาษแผ่นหนึ่งให้ผมและบอกให้ผมไปสืบเรื่องของนักสืบเดระโดยในกระดาษคือเส้นทางที่นักสืบเดระจะผ่านก่อนกลับหอพักชิยะ นักสืบโปต้องการให้ผมไปสืบเรื่องนี้ให้เขาส่วนเขาจะไปสืบเรื่องของนักสืบเทย์ต่อเอง ผมได้ตอบตกลงและได้แยกย้ายกับนักสืบโป ผมได้เดินมาถึงจุดแรกคือหน้าธนาคารและหาที่แอบเพื่อหานักสืบเดระ ผมได้มองนาฬิกานี่คือ 13.06 น. ผมได้มองกลับขึ้นมาเห็นนักสืบเดระฝั่งตรงข้ามมองซ้ายและขวาก่อนเดินเข้าธนาคารก่อนจะออกมาพร้อมเงินสด ผมได้เดินตามไปต่อจนถึงที่ทำการไปรษณีย์นักสืบเดระได้เดินเข้าไปเหมือนจะยืนซองจดหมายอะไรสักอย่างแบบส่งด่วนก่อนที่จะออกจากไปรษณีย์และเดินไปต่อสำนักงานนักสืบชิยะ ผมได้เดินตามเข้าไปจนถึงหน้าห้องทำงานของนักสืบกลุ่มเราโดยในนั้นมีนักสืบเทย์ด้วยผมพยายามแอบฟังแต่ไม่ได้ยินเลยสักนิด ก่อนที่ผมจะเดินออกมาและไปห้องทำงานของชิยะเพื่อขอดูประวัติเดระกับเทย์ แต่ดูเหมือนชิยะจะไม่อยู่ในห้องผมจึงเดินเข้าไปที่ชั้นประวัตินักสืบของชิยะเพื่อหาแฟ้มประวัติของเทย์และเดระ ก่อนที่จะมีเสียงเท้าจากหน้าประตูห้องเดินเข้ามาทางนี้เรื่อยๆจนเสียงเปิดประตูดังขึ้นผมได้รีบย้ายตัวเองจากหน้าตู้แฟ้มมายังหนังสือพิมพ์ที่แปะไว้ใกล้โต๊ะ ชิยะได้เดินเข้ามาและพูดกับผมว่ากำลังจะโทรเรียกผมเลย ผมจึงถามไปว่าท่านชิยะมีอะไรให้ผมช่วยหรอครับ... ผมถามด้วยความตกใจและเหงื่อออกจากนั้นชิยะก็ได้ยืนซองนึงมาให้ผมและบอกให้ผมว่า (**ไปเปิดบัญชีเถอะรับแต่เงินสดแบบนี้เขาก็ลำบากในการจ่าย**) ผมได้รับซองมาและตอบไปประมาณว่าไว้ใจเงินสดมากกว่า ชิยะก็ได้ถามต่อว่ามาทำอะไรในห้องเขา เมื่อชิยะได้ถามคำถามนั้นขึ้นมาทำให้ผมนั้นเริ่มเหงื่อออกมากขึ้น ผมได้พยายามตอบไปว่าจะมาหาท่านชิยะเพื่อรับค่าจ้างในเดือนนี้ครับ ชิยะได้มองมาที่ผมและยิ้มก่อนจะหัวเราะและพูดว่า (**นายโกหกไม่เก่งเลยนะเซย์กิ**) จากนั้นเขาก็หัวเราะต่อและถามผมต่อว่าต้องการให้ช่วยอะไรละ ผมก็ได้ตกใจมากที่เขาจับได้ผมก็ได้บอกความจริงไปว่าต้องการให้ช่วยเรื่องคดีโดยได้ขอแฟ้มประวัติส่วนตัวของนักสืบเทย์และเดระ ชิยะได้ตกใจและมองมาด้วยความจริงจังก่อนจะถามว่าเอาไปทำอะไร ผมได้ตอบไปและเล่าทุกอย่างให้ชิยะฟัง ก่อนที่ชิยะเริ่มจะสนใจและเห็นด้วยเราทั้งคู่คุยกันอยู่นานสัก 2 ชั่วโมง ชิยะก็พยายามคำนวณหาความเป็นไปได้และความจริงของเรื่องที่เล่าก่อนที่เขาจะตัดสินใจโดยการหันหลังไปเปิดตู้และหยิบสองแฟ้มมาและยืนให้ผมพร้อมพูดกับผมว่ารีบเอามาคืนด้วยละไม่ได้ให้ใครยืมไปง่ายๆ ผมได้รับมาและยิ้มด้วยความดีใจพร้อมขอบคุณท่านชิยะอยู่นานก่อนจะขอตัวออกจากห้องและตรงดิ่งกลับหอพักของผม ระหว่างทางผมก็ได้ไปเจอนักสืบเกนตะกับนักสืบเทย์กำลังคุยกันอยู่พร้อมยืนเอกสารอะไรสักอย่างให้กับเทย์พร้อมซองจดหมายจากนั้นทั้งคู่ได้มองตากันและมองซ้ายขวาไปมาเหมือนไม่อยากให้ใครเห็นตอนนี้ ผมที่กำลังแอบอยู่หลังเสาตึกสำนักงานนักสืบก็ได้หันมองซ้ายขวาว่ามีใครแถวนี้อีกไหมในตอนนั้นเหงื่อผมออกใจเต้นแรงมากผมได้หันกลับไปมอง นักสืบเทย์กับนักสืบเกนตะก็ได้เดินมาทางสำนักงานเรื่อยๆพร้อมมองตรงมาทางผมและเดินมาใกล้ทางผมเรื่อยๆ ผมได้มองรอบๆเพื่อหาทางหนีแต่ไม่พ้นทั้งคู่อาจยิงผมก็ได้ถ้าวิ่งออกไปเลยและทั้งคู่จะรู้ว่าผมรู้ความจริงเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว ใจผมเต้นแรงเรื่อยๆเหงื่อออกมากขึ้นทั้งคู่ใกล้เข้ามาแล้ว ผมได้หยิบปืนในกระเป๋ามาพร้อมใส่กระสุนจริงมือผมเริ่มสั่นเรื่อยๆ ในตอนนั้นผมคิดแค่ว่าถ้าไม่ยิงจะโดนยิงเองผมได้เตรียมใจและก้าวออกไปได้ไม่ถึงก้าวก็มีคนเอามือมาปิดปากผมพร้อมกับแย่งปืนไปง่ายๆและพร้อมพูดว่า (**เงียบๆไอ้หนูพวกนั้นกำลังใกล้เราแล้ว**) ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของนักสืบเกนตะก็ดังขึ้น นักสืบเทย์กับเกนตะได้หยุดเดินและหันหน้าหากัน จังหวะนั้นชายปริศนาก็ได้พาผมไปจากตรงนั้นแบบเงียบๆ ก่อนที่ผมจะหันไปดูหน้าเขาเต็มๆนั้นก็คือนักสืบโปนั้นเองที่มาช่วยผมไว้และพูดกับผมว่า (**จำที่ฉันบอกเรื่องปืนไม่ได้หรอว่าใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น**) คำๆนั้นทำให้ผมได้สติคืนมาและรับปืนคืนจากนักสืบโปและรายงานเขาเกี่ยวกับเป้าหมายที่ไปสืบมา ก่อนที่เราจะคุยกันอยู่นานเพื่อแลกข้อมูลที่แยกกันไปสืบระหว่างที่แลกเปลี่ยนผมก็ได้มองไปที่หน้าเขา ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็นบนใบหน้าเขาคือความสิ้นหวังเหมือนกับเขาผ่านอะไรมามากกว่าที่ผมรู้ ผมเหม่อลอยอยู่นานก่อนที่นักสืบโปจะเรียกผมผมได้สะดุดและกลับมาฟังที่เขาถามเราได้คุยกันจนนักสืบเกนตะและเทย์ได้ไปจากตรงนั้น พวกเราได้เดินออกมานักสืบโปก็ได้หันมาคุยกับผมและวางแผนต่อไปโดยพน.ผมก็ยังคงต้องตามดูนักสืบเดระต่อไป เมื่อเราได้คุยกันเสร็จผมได้เดินทางกลับหอพักพร้อมกับสิ่งที่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาด้วยสัญชาตญาณของผมมันบอกว่าเรื่องนี้มันมีอะไรไม่เข้าที่ต้องมีอะไรที่ผิดไป ผมได้เดินไปคิดไปจนถึงบ้านแต่ก็ยังไม่เข้าใจผมได้กลับมาถึงตอน 21.34 น.การที่ผมไม่เข้าใจเรื่องที่คิดทำให้ผมเหนื่อยและนอนหลับไป....
^^^W.G.K^^^
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!