...----------------...
...Prologue...
...----------------...
โลกแห่งวัตถุนิยม ความสวยงามเพียงเปลือกนอกที่สามารถทำให้ผู้คนแบ่งแยกชนชั้นในสังคมได้อย่างเปิดเผย เพราะอย่างนั้นการศัลยกรรมในประเทศเกาหลีใต้จึงถือเป็นเรื่อง ปกติ มากในชีวิตประจำวัน
ความเหลื่อมล้ำทางบิวตี้สแตนดาร์ดนั้นยังคงมีให้เห็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะก้าวเดินไปที่ไหนก็สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเอง
หากคุณเป็นคนที่ หน้าตาดี สิทธิพิเศษทุกอย่างก็จะตกมาอยู่ภายในมืออย่างง่ายดาย แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้าตาพอใช้ได้ หรือ ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ ที่ตั้งเอาไว้ คนในสังคมเหล่านั้นก็จะต่างหันหลังให้กับผู้ไร้ความสง่างาม และบางทีอาจจะทำให้คุณกลายเป็นตัวตลกเพียงข้ามคืน
ชอน อีฮวา รู้ดีว่าเธอนั้นมีอภิสิทธิ์พิเศษมากกว่าคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาราวกับพระเจ้าบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาให้โดดเด่นกว่าใคร หรือเงินทองมากมายจากการเป็นทายาทเศรษฐีคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด
มันเปรียบดั่งพรวิเศษที่พระเจ้ามอบให้กับเธอ จนใครต่อใครก็ต่างอิจฉาในสิ่งที่เธอได้รับ แน่นอนว่าถ้าหากเป็นคนอื่นคงจะเพลิดเพลินไปกับความพิเศษนั้น
ทว่า...
" เพราะสังคมตอนนี้มันเฮงซวยไงคะ "
พระเจ้ามอบความสวยงามมาให้ แต่ท่านคงจะลืมมอบความอ่อนหวานตามรูปลักษณ์
เพียงหนึ่งประโยคที่เถรตรงจนหาทางเลี้ยวไม่ได้ ก็สามารถหยุดการกระทำทุกอย่างในอาณาบริเวณ
" อะ...แฮะ ๆ นั่นสินะ "
" แหม คุณอีฮวานี่มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะคะเนี่ย ฮะ ๆ "
ภายในปาร์ตี้สังสรรค์ที่จัดขึ้นสวนเรือนกระจกรมีลูกสาวและลูกชายของผู้มากอิทธิพลในวงการธุรกิจด้านความงามรวมตัวกัน เพื่อสร้างคอนเน็คชั่นอันดีงามเอาไว้ในอนาคต
สำหรับอีฮวาที่ตรงนี้ก็ไม่ต่างกับสูญรวมความเหลื่อมล้ำทางสังคม แน่นอนว่าตัวเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน คนที่ต้องร่วมหายใจอยู่กับความบัดซบ และถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นตัวเธอในตอนนี้
แต่อย่างน้อย อีฮวาก็ไม่ได้หัวเราะไปกับคลิปวีดีโอเด็กโดนต่อยกลางที่สาธารณะในตอนนี้
การวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของเหยื่อความรุนแรงกันอย่างสนุกปาก โดยไม่สนภาพลักษณ์ คุณหนู คุณชาย ที่พยายามคีพลุคคนดีของสังคมกันเลยสักนิด
ก็เข้าใจได้
เพราะลูกคนรวยมากคนมักมาพร้อมกับความเส็งเคร็งจนเป็นสันดาน ที่ถูกปลูกฝังกันมารุ่นสู่รุ่น หากต้องการหาคนรวยและจิตใจดีในสังคมนี้ คงไม่ต่างจากการงมเข็มในมหาสมุทร
" จริงด้วยสิ ฉันเห็นข่าวเปิดตัวสินค้าใหม่ของ มิราคอสเมติก แล้วนะ เป็นคอลเลคชั่นเครื่องสำอางค์ที่สวยมากเลยค่ะ "
" อ๋อใช่ ถือว่าประสบความสำเร็จมากเลยนี่นา อีฮวา "
" ฉันว่าน่าเสียดายออก ทั้ง ๆ ที่ดีไซน์ออกมาสวยขนาดนั้นแต่ตั้งราคาเสียถูกเชียว ไปวางขายที่เคาท์เตอร์แบรนด์มันก็ดูเหมือนสินค้าราคาถูกมากเลย"
" นั่นสิ อีวาเธอไม่ได้บอกคุณแม่เลยเหรอ ว่าตั้งราคาถูกแบบนั้นมันม— "
" คอลเลคชั่นล่าสุดฉันวางแผนเองทั้งหมดค่ะ คุณแม่แค่เป็นผู้สนับสนุนเท่านั้น " อีฮวาตอบเสียงเรียบ
การแทรกใครสักคนที่กำลังพูดอยู่มันเป็นเรื่องไร้มารยาทที่เธอมักจะถูกสั่งสอนมาเสมอ ยิ่งหากคนตรงข้ามอายุมากกว่าก็จะโดนด่าว่ากลายเป็นเด็กไม่รู้จักกาละเทศะแน่นอน
แต่ผู้คนที่เข้ามายืนรอบข้างเธอตอนนี้ มันไม่มีใครเหมาะสมพอให้อีฮวาหยิบยกมารยาทของตัวเองมาใช้ด้วยเลยสักคน และต่อให้ลับหลังไปเธอจะโดนคำนินทาอีฮวาก็ไม่ได้สนใจด้วย
" อ...อ๋อ แหม ตายจริง ฉันไม่คิดเลยค่ะว่าประธานมิราจะยอมให้ลูกสาวตัวเองมาเป็นคนวางแผนงาน ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วทางแบรนด์มักจะมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขนาดนั้น "
" แต่อีฮวาก็เป็นเด็กที่มีความสามารถนี่เนอะ ฮ่า ๆ ถึงแม้จะอยู่แค่ ม.ปลาย "
หนึ่งสิ่งที่อีฮวาเบื่อหน่ายคือระบบอาวุโสในวงการธุรกิจนี้ เวลาที่ต้องมาอยู่ในงานสังสรรค์หรือบนโต๊ะประชุมเธอมักจะโดนกดเรื่องอายุอยู่บ่อยครั้ง ต่อให้มีความสามารถมากมายแค่ไหนแต่ถ้าเด่นเกินหน้าเกินตาคนที่อยู่มาก่อน ก็จะโดนเขม่นได้ตลอดเวลา
แต่อย่างน้อยก็มีข้อดีอย่างหนึ่งที่เธอชอบ คือ การแสดงละครจอมปลอมของคนเหล่านั้น เพราะต่อให้พวกเขาจะเกลียดเธอหรือหมั่นไส้มากแค่ไหน ก็ทำได้แค่แขวะอย่างเก่งแต่ปาก
เพราะ มิรากรุ๊ป คือ มีผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการธุรกิจความงามในประเทศเกาหลีใต้
" ใช่ค่ะ แต่เพราะฉันเป็นเด็ก ม.ปลาย ก็เลยเข้าใจคนในวัยเดียวกัน " อีฮวาวางแก้วน้ำชาลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจ
" เด็กสาวหรือเด็กหนุ่มในช่วงวัยของฉัน พวกเขาต่างก็รักสวยรักงามทั้งนั้นนี่คะ ฉันก็แค่เพิ่มตัวเลือกของเครื่องสำอางค์ที่ทุกเพศทุกวัยนั้นสามารถเอื้อมถึงได้ในราคาถูก และมีคุณภาพดีก็เท่านั้นเอง "
อีฮวาเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ถึงที่จริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้คนพวกนี้ฟังด้วยซ้ำ แต่การที่ได้เห็นเหล่าคนผู้คอยแต่จะแซะเธอ ถูกคำพูดราวกับจอบขุดปูนหนาที่ถูกฉาบบนหน้าให้แตกละเอียด
มันก็ถือเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งเหมือนกัน
" น...นั่นสินะ ใคร ๆ ก็ต่างชอบของถูกและคุณภาพดี "
" จริงด้วยค่ะ แบบนี้ก็มีกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นเพิ่มขึ้นด้วย "
" เด็ก ๆ สมัยนี้ก็แต่งหน้าเก่งด้วยนี่นะคะ "
ผลตอบรับมันทำให้เธอสนุกมาก แต่ก็มาพร้อมกับความสงสัย
บางทีอีฮวาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ถึงกลับกลอกลิ้นเก่งกันขนาดนี้ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของผู้มีอำนาจสูงจุด มันทำให้จากลบกลายเป็นบวกได้โดยไม่ต้องออกแรง
แสนน่าประทับใจการปั้นหน้าสวมบทบาทตัวละครเข้าหากัน แม้ภายในใจตอนนี้พวกเขาเหล่านั้นอาจกำลังกร่นด่าเธอว่าอวดดีอยู่ แต่มันไม่ได้สำคัญต่ออีฮวาเลยแม้แต่น้อย
" ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะคะ "
" คุณอีฮวา ให้ผมไปส— "
" ขอบคุณสำหรับน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ฉันมีคนขับรถส่วนตัวอยู่แล้วค่ะ "
" อ— "
" แล้วก็ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของทุกคนที่กังวลแทนเรื่องคอลเลคชั่นใหม่ของมิราคอสเมติกนะคะ " อีฮวาเอียงคอเพียงเล็กน้อย และยกมือทาบอกอย่างแผ่วเบา
" ถ้าคอลเลคชั่นนี้มันเจ๊งจริง ๆ ก็ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เพราะฉันก็รวยอยู่แล้วแค่หอบเงินไปลงทุนกับสินค้าใหม่ก็ได้ แต่น่าเสียดายที่คอลนี้มันทำให้เงินไหลเข้ามาไม่หยุดเลยค่ะ "
หากมีใครชี้หน้าบอกว่าเธออวดดี อีฮวาจะขอน้อมรับด้วยความเต็มใจ หรือหากมีใครบอกว่าเธอหยิ่งผยอง อีฮวาก็ไม่ปฏิเสธ
แล้วถ้าอีฮวาเป็นแบบนี้ ใครจะสามารถทำอะไรได้ ต่อให้ไม่พอใจในตัวเธอมากแค่ไหนก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ
เธอไม่ใช่คนใจดีราวกับนางฟ้า และไม่ได้ใจร้ายคล้ายนางมาร ชอนอีฮวา ก็เป็นแค่มนุษย์ที่อาศัยร่วมอยู่กับคนในสังคมโสมมและขื่นขมด้วยความเฮงซวยเท่านั้นเอง
ปึก
" ออกรถเลย "
อีฮวาเอ่ยออกมาเสียงเรียบทันทีที่ร่างระหงหย่อนกายเข้ามานั่งในรถหรู แผ่นหลังบางเอนพิงเบาะหนังชั้นดีทอดสายตามองออกไปนอกถนน
แม้จะเป็นในช่วงเวลายามวิกาลแล้วแต่กรุงโซลก็ไม่ได้หลับไหลอยางที่ควรเป็น ผู้คนบนทางเท้าต่างเดินขวักไขว่ รถรางแล่นสวนกันตามไฟจราจรที่ส่องสว่างทั้งวันไม่เคยหยุดพัก
ได้มาอยู่ในพื้นที่ของตัวเองโดยไม่ต้องปั้นหน้ายิ้ม มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
" ให้แวะที่ไหนก่อนไหมครับ คุณหนู "
" ไม่ต้อง "
ตอนนี้อีฮวารู้สึกเหนื่อยเหลือเกินกับการเข้าสังคมพบปะผู้มีอิทธิพลในวงการธุรกิจ แม้ช่วงวัยของเธอจะอยู่ในช่วง ม. ปลาย แต่เพราะอีฮวาคือลูกสาวเพียงของเดียวของผู้บริหาร มิรากรุ๊ป
เธอก็จำต้องเรียนรู้งานทุกอย่างของผู้เป็นแม่
ไม่ได้หนักหนาอะไรมากนัก
งานของเธอมันเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเพียงน้อยนิด แต่การที่อีฮวาจะต้องแบกหน้าปั้นรอยยิ้มเข้าหาใครต่างหาก ที่ลำบากสำหรับเธอ
" อีฮวาคนสวยของแม่ กลับมาแล้วเหรอ ~ "
" กลับมาแล้วค่ะ " อีฮวาตอบกลับอย่างเรียบเฉย เธอลืมไปว่าวันนี้แม่ของเธอกลับมาจากการไปดูงานที่ต่างประเทศ
" วันนี้เป็นยังไงบ้างจ๊ะ "
" ก็เหมือนเดิมค่ะ "
ชอน ฮายัน ประธานบริษัทมิรากรุ๊ปหญิงสาวผู้มากความสามารถประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจความงามหลากหลายแขนง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอางค์ ร้านเสริมสวย หรือคลีนิคศัลยกรรม ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์หน้าตามิรากรุ๊ปคือผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด
และเธอก็คือแม่แท้ ๆ ของอีฮวา
" แสดงว่าต้องผ่านไปได้ด้วยดีสินะ ~ " นัยน์ตาสีเข้มมองมารดาของตัวเองยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวเธอ
ถ้าจะให้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก อีฮวาสามารถบอกได้อย่างเต็มปากว่าเธอ ไม่ได้ชอบแม่ของตัวเอง เดิมทีแล้วอีฮวาควรจะต้องไปอยู่กับพ่อและน้องชายเสียด้วยซ้ำ แต่ในสมัยเด็กเธอไม่ได้เข้าใจเรื่องการตกลงของพวกผู้ใหญ่หรอก
เธอพึ่งจะมารู้หลังจากที่พ่อและน้องชายของเธอเสียว่าความจริงแล้ว อีฮวาควรจะอยู่กับพวกเขามากกว่าจะมาอยู่ตรงนี้
แต่จิตใต้สำนึกเกี่ยวกับแม่ผู้ให้กำเนิดมันจึงมีคำว่า ลูกกตัญญู มาค้ำคอเอาไว้เป็นบ่วงพันธนาการชีวิต เธอจึงไม่สามารถทิ้งผู้หญิงผู้โดดเดี่ยวคนนี้ไปได้
ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าการใช้ชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันนี้ไม่ได้แย่ แต่อีฮวาก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันดี
" ว่าแต่ลูกได้ไปพบคุณลุงเขาบ้างหรือยัง "
กึก
ในประเทศเกาหลีการเป็นแม่ม่ายลูกติดถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แถมยังเป็นลูกสาวไม่ใช่ลูกชายมันจึงเป็นเส้นแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจนรูปแบบหนึ่ง หากจะหาชายพร้อมดามใจหญิงเคยหย่าร้างครั้งหนึ่งมันคงเป็นเรื่องยากสำหรับคนประเทศนี้
เพราะนอกจากต้องแน่ใจว่าชายคนนั้นจะสามารถรักหญิงม่ายได้จริง ก็ต้องแน่ใจอีกว่าลูกสาวที่มีจะปลอดภัย
" งานค่อนข้างยุ่งค่ะ เลยไม่ได้ไปพบท่าน " อีฮวาตอบอย่างเรียบเฉย
แต่ถ้าเป็นกับผู้บริหาร มิรากรุ๊ป ก็คงจะเป็นอีกกรณีหนึ่ง
ปัญหาเรื่องนั้นสามารถแก้ได้อย่างง่ายดาย เพียงเพราะแม่ของเธอเป็นมหาเศรษฐีหญิงโสด หนุ่ม ๆ หรือชายวัยกลางคนที่อยากจะเสพสุขด้วยเงินตราคงพร้อมตราหน้ากันเข้ามาอย่างไม่ลังเล
แน่นอน คุณลุง ที่ว่าก็ไม่พ้นชายที่จะมาเป็นพ่อเลี้ยงของอีฮวาหรอก
" จริง ๆ เลยเด็กคนนี้ อีกไม่นานก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วแท้ ๆ แต่ทำไมถึงไม่คิดจะไปทักทายเขาเลยล่ะเนี่ย "
อีฮวาไม่ได้มีปัญหากับการทีพ่อเลี้ยงและไม่ได้มีปัญหากับการจะมีพี่น้องเพิ่มเข้ามาอีกสักคน ทว่าเธอแค่เบื่อหน่ายกับแม่ของตัวเองที่เอาแต่ยัดเยียดให้ไปตีสนิทกับฝั่งนั้นมากกว่า
" ไว้ถ้ามีเวลาว่าง หนูจะแวะไปหาเขาก็แล้วกันค่ะ " เธอตอบปัดปัญหา
ร่างเพรียวเดินผ่านมารดาไปยังห้องครัว ในงานปาร์ตี้นั้นไม่ได้มีอะไรตกถึงท้องอีฮวาอย่างเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักนิด เธอรู้สึกเหนื่อยหน่ายจนกระเดือกอะไรไม่ลง การอยู่รวมกับคนพวกนั้นมันทำให้อีฮวาไม่ได้มีความรู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย
" ลูกคงไม่ได้จะกินอะไรในเวลานี้ใช่มั้ย " ยังไม่ทันที่มือเรียวจะเอื้อมถึงตู้เย็นตรงหน้าผู้เป็นมารดาก็เอ่ยขึ้นมาอย่างเรียบเฉย
" เปล่าค่ะ หนูแค่จะดื่มน้ำ "
อีฮวาเผลอลืมวินัยการทานอาหารของเธอไปเสียสนิท เวลาดึกขนาดนี้ไม่เหมาะจะทานอาหารและถ้าหากปล่อยความหิวโหยครอบงำคงจะทำให้รูปร่างของเธอพังก็เป็นได้
ซึ่งมันน่ารำคาญมาก
แต่การจะเป็นคนหน้าสวยและหุ่นดีมันก็ต้องอดทน
อีฮวาจึงได้น้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเพื่อดับกระหายและพาตัวเองขึ้นห้องเพื่อพักผ่อน เธอไม่อยากอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่ การที่ต้องมาคุยกับแม่หลังจากไปพบปะสังคมจอมปลอมมันเหนื่อยเกินไปสำหรับเธอ
พื้นที่ที่สบายใจที่สุดสำหรับอีฮวาคือห้องนอนแห่งนี้ ทันทีที่ได้ย่างกรายเข้ามาราวกับตัดจากโลกทั้งหมด พลังงานขีดสุดท้ายได้ถูกเติมให้เต็มหลอดด้วยเตียงนุ่มนิ่มและหมอนอิงกลิ่นหอม ๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม
เด็กสาวพอใจกับคอมฟอร์ทโซนจุดนี้ ไม่ต้องออกไปเจอใคร ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามา ถายในห้องโทนสว่างประดับประดาด้วยดอกไม้แห้งมันทำให้เธอได่ดำดิ่งสู่ความฝันแสนสุข
ติ้ง ติ้ง
แต่น่าเสียดายที่แม้จะตัดโลกความจริงได้ โลกโซเชียลกลับไม่ได้หายไปจากเธอ อีฮวาดีดตัวขึ้นนั่งด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เมื่อครู่นี้เธอกำลังเคลิ้มกับความอบอุ่นของผ้าห่มแต่กลับมีโน้ตข้อความถี่รัวจากกลุ่มเพื่อนร่วมห้องดังมาขัด
บทสนทนาในห้องแชทรวมกำลังเม้าท์มอยกันเรื่องรุ่นน้องหน้าใหม่ในแผนกอย่างสนุกสนาน รายชื่อและรูปภาพนักเรียนควรจะเป็นความลับเฉพาะสถาบันกลับว่อนในห้องแชทส่วนรวม จนอีฮวาสงสัยเกี่ยวกับมาตรการป้องกันข้อมูลของโรงเรียนขึ้นมาเล็กน้อย
มีอย่างที่ไหนเด็กนักเรียนถึงสามารถรับรู้ข้อมูลคนอื่นอย่างนี้ เพื่อนร่วมห้องของเธอเป็นอาชญากรกันหรือ
นิ้วเรียวหมายจะเลื่อนไปกดปิดแจ้งเตือนข้อความเหมือนอย่างเคย แต่ยังไม่ทันที่จะสำเร็จเพื่อนร่วมห้องก็แท็กชื่อเธอให้ไปคุย ราวกับรู้ว่าอีฮวากำลังดูอยู่
มีตาทิพย์กันเหรอ
นัยน์ตาสีเข้มสะท้อนหน้าจอบทสนทนาของเหล่าเด็กสาวแผนกเสริมสวยปีสอง ข้อความวิจารณ์รูปร่างหน้าตาของเด็กปีหนึ่งเด่นหราจนอีฮวาอยากกปิด
เธอไม่เข้าใจว่าคนสมัยนี้ไม่รู้จักคำว่าสิทธิส่วนบุคคลหรืออย่างไร วันนี้ทั้งวันเธอต้องมาวุ่นวายอยู่กับคนที่ชอบพูดเกี่ยวกับหน้าตาคนอื่นจนรู้สึกเอียนกับมันเต็มทน
ติ้ง
Sohyun : อีฮวาอ่านอยู่ปะ เธอคิดว่ารุ่นน้องผู้ชายแผนกเราเป็นยังไง
คนถูกแท็กข้อความถามกระพริบตาปริบ ๆ ตั้งแต่เปิดเรียนปีสองมาสัปดาห์กว่าเธอไม่เคยจะไปทำความรู้จักรุ่นน้องปีนี้เลยสักคน
eihwa : แผนกเสริมสวยปีหนึ่งมีผู้ชายด้วยเหรอ ?
Sohyun : กะแล้วว่ายัยคุณหนูนี่ต้องไม่รู้เรื่องรุ่นน้อง
yujeedapuink : รุ่นน้องผู้ชายที่หน้าตาดี ๆ ไง ชื่อว่าอะไรนะ
พอเป็นเรื่องผู้ชายเหล่าเด็กสาวแผนกเสริมสวยก็ต่างหัวใจสั่นไหวไปกับมัน อีฮวาไม่ได้หลงไหลผู้ชายเธอไม่ได้สนใจเรื่องความรักในตอนนี้
ไม่ใชว่าเธอไม่เคยมีแฟน แต่ความรักดี ๆ จะมีสักทีมันคงยากเกินไปสำหรับเธอ หากไม่โดนนอกใจเพราะความเบื่อหน่าย ก็ถูกทิ้งด้วยเหตุผลของการไม่มีเวลาใส่ใจกัน เพราะอย่างนั้นอีฮวาจึงตัดปัญหาเกี่ยวกับการมีแฟนทิ้งไปเลยดีกว่า
Sohyun : เห็นว่าชื่อจางฮยอนนะ
อีฮวากระพริบตาปริบ ๆ ไล่อ่านข้อความอวยรูปร่างหน้าตามากมายหลังจากชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นน้องผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวในแผนกเสริมสวยปรากฏขึ้น มันยาวเสียจนอีฮวาสงสัยว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหน้าตาดีเพียงใดถึงได้ใจสาว ๆ รุ่นพี่และรุ่นเดียวกันมากมายขนาดนี้
ว่าแต่ปีหนึ่งมีคนชื่อจางฮยอนด้วยเหรอ
ไม่เห็นจะรู้เลย
...----------------...
...chon eihwa...
...168 cm...
..." ฉันต้องพูดอะไรด้วยเหรอ "...
...----------------...
...----------------...
...Cr. Art by icemilky_♡ ( me )...
...* ไม่อนุญาตให้นำรูปไปใช้ในงานอื่นเด็ดขาด *...
...----------------...
...----------------...
Talk : ใช้แล้วค่ะ รูปตัวละครเราวาดเอง สามารถไปชมสปีดเพ้นท์ได้ที่ TikTok : _icemilky._
พึ่งจะเคยลงงานเขียนใน noveltoon ครั้งแรกเลยค่ะ ยังงง ๆ ระบบอยู่บ้าง เพราะปกติเราลงแต่ในรี๊ดอะไรท์กับเด็กดี รู้สึกตื่นเต้นได้พาลูกมาวิ่งเล่นในแอปนี้
เรื่องนี้จะดำเนินเรียบ ๆ เรื่อย ๆ ไม่หวือหวาอะไรค่ะ มีความรักมาแทรกบ้าง ยังไม่ได้ปักพระเอกแน่นอนเราเน้นขายจิ้นไปทั่ว
ขอฝากพี่อีฮวาเอาไว้ในอ้อมอกด้วยนะคะ ถ้าหากชอบอย่าลืมกดใจและสามารถคอมเม้นท์ได้นะคะ (。・ω・。)ノ♡
* ยังไม่แก้คำผิด *
...----------------...
...Episode 01...
...The Witch...
...----------------...
" ทำไมฉันต้องไปด้วย "
เด็กสาวตอบกลับคำถามอย่างเรียบเฉย ดวงตาสวยไม่ได้ละไปจากหน้าจอแท็บเล็ตราคาแพงในมือที่กำลังแสดงเส้นหลากสีไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุด อีฮวาแทบจะไม่ได้สนใจเพื่อนรอบข้างกำลังพูดคุยสนุกสนานเลยสักนิด และเธอก็ไม่คิดที่จะร่วมวงสนทนานี้อยู่แล้ว
ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ฟังหัวข้อสนทนาของเพื่อนร่วมแผนก แต่อีฮวาไม่เข้าใจว่าอะไรคือความสนุกในการวิจารณ์รูปลักษณ์คนอื่นกันแน่ พวกเพื่อนร่วมชั้นมักจะไปเฟ้นหาคนหน้าตาดีในโรงเรียนมาพูดคุยกันอย่างสนุกปากได้ทุกวันโดยไม่รู้จักเบื่อ
หากผู้ชายคนไหนหน้าตาดีเลิศเลอก็จะชื่นชมด้วยความเพ้อฝัน แต่ถ้าหากผู้หญิงคนไหนสวยเกินหน้าเกินตา พวกหล่อนก็พร้อมใจกันตั้งคำถามว่าเธอคนนั้นทำศัลยกรรมมาหรือเปล่า
อีฮวาเองก็เป็นหนึ่งในเหยื่อกลุ่มเม้าท์ในตอนเข้าเรียนมาใหม่ ๆ แต่ตอนนี้คนที่เคยแซะเธอกลับตีสนิทราวกับว่าไม่เคยพูดลับหลังกันมาก่อน หลังจากที่ได้รู้ว่าเธอเป็นทายาทเศรษฐี
ื มันน่าตลกดี
มันทำให้อีฮวารู้ว่ามีคนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในชั่วข้ามคืนแบบนี้อยู่เหมือนกัน
" นี่เธอไม่อยากเห็นเหรอ จางฮยอนของเราน่ะหล่อมากเลยนะ "
คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัยกับสรรพนามพ่วงท้ายของชื่อรุ่นน้องปีหนึ่ง จู่ ๆ เพื่อนร่วมห้องของเธอก็เรียกเด็กหนุ่มคนนั้นว่า ของเรา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์พิเศษอะไรต่อกันไปมากกว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง มันจึงค่อนข้างแปลกสำหรับการออกตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครสักคน
แต่อีฮวาก็พอจะเข้าใจได้ เด็กหนุ่มปีหนึ่งคนนั้นตอนนี้ถูกยกให้เป็นสมบัติของแผนกเสริมสวยไปแล้ว เพราะเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว แถมข่าวลืมเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาราวกับเทพบุตรมาจุติขนาดนั้น คงไม่แปลกที่สาว ๆ ในแผนกจะหลงรักและบอกว่าเขาคือของพวกเธอ
น่าขนลุกดีแหะ
" พวกเธอจะมายุ่งอะไรกับยัยนี่ วัน ๆ เอาแต่เรียนกับทำงาน "
หนึ่งในกลุ่มสนทนาเอ่ยขึ้นนั่นจึงทำให้ทุกคนเห็นแจ้งเกี่ยวกับอีฮวา มันดูเป็นเรื่องปกติที่เด็กสาวคนนี้จะไม่สนใจโลกภายนอกเลยจนหลายคนสงสัยว่าเธอเคยมีความรู้สึกคิดจะรักใครหรือสนใจใครบ้างไหม
อีฮวามักจะขีดเส้นชัดเจนและมีกำแพงสูงลิบลิ่วยากพอให้ใครจะสามารถข้ามไปอีกฝั่งได้ ราวกับเจ้าหญิงที่อาศัยอยู่บนหอคอยลึกเข้าไปในป่าใหญ่ห่างไกลจากผู้คนจะเข้าถึง
" นั่นสิ อีฮวาเป็นทายาทมิรากรุ๊ปนี่นา "
" เกี่ยวอะไรกับการที่ฉันเป็นทายาทมิรา " อีฮวาเอ่ยอย่างสงสัย " ฉันแค่รู้สึกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปรู้จักเท่านั้นเอง "
น่าเสียดายไม่ว่าเพื่อนร่วมชั้นจะพูดเท่าไหร่เด็กสาวก็ไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย อีฮวาหวังแค่สามปีในการศึกษาเธอจะสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องมีเรื่องอะไรมากมายให้ปวดหัว การทีเพื่อนเยอะสำหรับเธอมักจะมากไปด้วยมรสุมปัญหาร้อยทิศทางเสียมากกว่า แม้เธอจะสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนได้ แต่คนที่สนิทสนมกลับมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ช่วงชีวิตของเธอมักจะอยู่กับหน้าจอหุ้นของตลาดหรือกองเอกสารมากมายของบริษัท เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแบรนด์เครื่องสำอางค์ในเครือธุรกิจของครอบครัว เพราะฉะนั้นงานของอีฮวาเลยมักจะยุ่งอยู่เสมอ เธอแทบจะไม่ได้มีเวลามัวโอ้เอ้หาความสนุกสนานให้ชีวิตเสียเท่าไหร่
พอจำความได้อีฮวาก็เดินสายงานตามแม่ของเธอไปเสียแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ใช่ว่าจะไม่ดี อีฮวากลับพอใจเวลาเห็นจำนวนเม็ดเงินกำไรของบริษัทเสียมากกว่าการนั่งจับเข่าเม้าท์มอยทั้งวันแบบนี้อีก
ดั่งคติประจำใจต่อให้เหนื่อยแค่ไหน เงินก็จะสามารถเยียวยาทุกสิ่ง
" ยัยบ้างานนี่ เฮ้อ อย่างน้อยไปทักทายรุ่นน้องคนอื่น ๆ บ้างก็ได้ "
" เห็นว่าวันนี้ตอนบ่ายมีตารางเรียนปฏิบัติรวมกับปีหนึ่งนี่นา "
" อร๊ายยย จะได้เจอจางฮยอนแล้ว "
" นี่ น้อย ๆ หน่อยนะยะ นอโผล่หมอแล้ว "
อีฮวายกแขนขึ้นเท้าคางมองเหล่าเพื่อนร่วมห้องท พวกเธอกำลังทำใบหน้าเพ้อฝันถึงชายหนุ่มราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม จนเธอรู้สึกอดขำไม่ได้
เด็กหนุ่มคนนั้นทำให้เพื่อนร่วมห้องของเธอเพ้อหาถึงได้ขนาดนี้ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าคนที่ชื่อจางฮยอนนั้นไปยุ่งเกี่ยวกับไสยศาสตร์หรือเปล่า ทำไมใคร ๆ ก็ดูจะหลงรักได้ง่ายเพียงเจอหน้ากัน
แต่อีฮวาก็ไม่อยากจะขัดความสุขของเหล่าสาวน้อยทุกคนหรอก ไม่ว่าพวกเธอจะรักใครชอบใครหรือยกใครให้เป็นสมบัติของแผนก อีฮวาก็เพียงแค่ปรบมือยินดีและอยู่ในพื้นที่ตัวเองไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่านั้น เธอขออยู่กับกองงานและเม็ดเงินจำนวนมากที่หามาได้ดีกว่า
" จะว่าไปแล้วเห็นว่ามีเด็กใหม่แผนกแฟชั่นย้ายเข้ามาด้วยล่ะ "
" ปีไหน ปีสองเหรอ ? "
" ปีหนึ่ง "
" จริงอ่ะ ใครเหรอผู้หญิงหรือผูัชาย ? "
" ผู้ชายนะ "
" เห็นว่าชื่ออะไรน้า ~ ปาร์ค ฮยองซอก น่าจะใช่นะ "
" หล่อหรือเปล่า "
" หล่อสู้จางฮยอนของเราได้มั้ย ? "
" นี่...ถ้าเม้าท์กันก็ไปตรงนู้นเลยฉันจะทำงาน " อีฮวาเท้าคางเอ่ยเสียงเรียบ " มันเกะกะ "
" โห้ ยัยคุณหนูใจร้าย "
กลุ่มเพื่อนขาเม้าท์ที่มารวมตัวกันตรงโต๊ะของอีฮวาพอไดยินเจ้าของโต๊ะไล่ก็ออกอาการโวยวายขึ้นมา เด็กสาวเริ่มแยกย้ายตัวกันออกไปจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกฟากของห้อง แน่นอนว่าคำพูดของอีฮวาเมื่อครู่มันจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาใหม่ให้พวกเธอเอาไปพูดแขวะ แต่อีฮวาก็ไม่ได้สนใจหรอก
ยังไงปกติมันมักเป็นอย่างนี้เสมอ ต่อหน้าเพื่อนร่วมห้องมักพูดด้วยรอยยิ้มหาเรื่องมาชวนเธอคุย แต่ลับหลังพวกนั้นก็แซะกันสนุกปาก ถ้าหากถามว่ารู้ได้อย่างไร เธอสามารถตอบมันได้ง่าย ๆ เพียงเพราะเธอคือ ชอน อีฮวา
ต่อให้ตอนนี้คนเหล่านั้นจะไม่ได้พูดต่อหน้า แต่ลับหลังไม่มีทางที่จะไม่พูด
ต่อให้เบื้องหน้าจะสามารถเปลี่ยนไปได้ในชั่วข้ามคืน แต่เบื้องหลังกมลสันดานทุนเดิมมันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอก
" เธอกำลังจะโดนยัยพวกนั้นนินทาอีกแล้วนะยัยเจ้าหญิง "
" แหม แปลกใจจัง "
อีฮวายกยิ้มมุมปากตอบกลับด้วยเสียงหยอกเย้าให้กับเพื่อนที่สนิทเพียงคนเดียวในแผนก ลี ซอยอน กดอกพิงเอวที่โต๊ะเรียนของอีฮวา ใบหน้าของหัวหน้าแผนกดูยุ่งเหยิงและเหวี่ยงตลอดเวลาดูเป็นปกติ แต่อีกฮวารู้ดีว่าเด็กสาวผมไฮไลท์ดัดลอนคนนีัไม่ได้หงุดหงิดอะไร เพียงเธอหน้าดุเฉย ๆ แค่นั้นเอง
" เธอปล่อยไว้เฉย ๆ แบบนี้ เดี๋ยวในอนาคตก็มีข่าวใส่สีว่อนโรงเรียนหรอก "
คำเตือนของเพื่อนสนิทมันไม่ได้ทำให้อีฮวาเป็นกังวล หากแต่ว่ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมาจริง ๆ เธอก็คงไม่ต้องลงมือทำอะไรเลย ยังไงข่าวฉาวมันคงจะแล่นไปเข้าหูแม่ของเธอในระยะเวลาไม่กี่นาที และผู้หญิงคนนั้นก็จะนำดินฝังกลบไปให้มิดเพราะภาพลักษณ์ของลูกสาวต้องสมบูรณ์แบบ
อีฮวาไม่ได้ชอบสิ่งที่คนเป็นแม่ทำ แต่เธอก็เข้าใจได้เพราะไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากให้ลูกมีภาพลักษณ์เสื่อมเสียหรอก
" ฉันไม่ได้สนอยู่แล้ว " อีฮวาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะกลับมาเปิดแท็บเล็ตดูกราฟหุ้นต่อ " เธอไม่ไปร่วมวงด้วยหรือไง "
" มันก็ต้องมีเบื่อบ้างแหละ ยัยพวกนั้นเล่นพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ทุกวัน "
หัวหน้าห้องถอนหายใจยาวราวกับเหนื่อยต่อชีวิตมาร่วมสิบปี มันก็จริงอย่างที่เธอว่าการพูดแต่เรื่องเดิม ๆ ทุกวันมันน่าเบื่อจนบางคนก็ไม่อยากจะไปร่วมด้วย อีฮวาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าคนที่ยังคุยอยู่ไม่รู้สึกเบื่อการวิจารณ์หน้าตาคนอื่นบ้างเหรอ
หรือบางทีเธออาจจะทำตัวขวางโลกเกินไปก็ได้ อีฮวาไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่สำหรับเด็กสาวที่ทำงานมาตั้งแต่จำความได้ มันคงยากที่จะเข้าใจการชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่น ๆ
คาบเรียนยามเช้ายังคงปกติเช่นเดิม การเรียนการสอนของโรงเรียนแจวอนไม่ได้แย่นอกจากวิชาพื้นฐานอย่างพวก ภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ก็จะมีวิชาเฉพาะแผนกสำหรับนีกเรียนที่ต้องการวิชาชีพไปใช้ต่อในอนาคต
มันดี
แต่นักเรียนโดด
ภายในห้องเรียนปฏิบัติแผนกเสริมสวยนั้นว่างเปล่า อีฮวาทอดมองสายตายาวจากหน้าห้องไปสุดหลังห้องไร้วี่แววผู้คนเข้ามาเยือน ไม่มีแม้แต่อาจารย์ประจำวิชาสอน นี่คงเป็นข้อเสียที่อีฮวาเจอสำหรับโรงเรียนนี้ เธอสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมแจวอนถึงรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะอาจารย์หรือนักเรียนที่ไร้จรรยาบรรณมีให้เห็นกันเกลื่อน
คาบเรียนปฏิบัติช่วงเช้าของปีสองมีเพียงอีฮวาคนเดียวที่เข้าเรียน ส่วนสาว ๆ ในห้องของเธอตอนนี้แห่กันไปที่ชั้นเรียนของปีหนึ่ง เพื่อไปส่องดูพ่อเดือนประจพแผนกเสริมสวยและนักเรียยใหม่สุดหล่อแผนกแฟชั่น
ฉับ
คมกรรไกรตัดเข้าเส้นผมปลอมอย่างปราณีต หัวจำลองเป็นหุ่นไร้ชีวิตชีวาเช่นเดียวกับใบหน้าของอีฮวาในตอนนี้ ความเงียบเหงามันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เจ้ามาในห้องเรียนคนเดียว
อีฮวานึกโทษเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในใจ ซอยอนบอกว่าจะมาเป็นเพื่อนเธอแต่กลับหายหัวไปกับฝููงชน เธอพอจะเข้าใจยังไงเพื่อนเธอก็เป็นผู้หญิง อีกฝ่ายคงอยากเห็นหน้าของนักเรียนใหม่เหมือน ๆ กับคนอื่นนั่นแหละ
ยัยนั่นเลยส่งของความมาบอกว่าจะตามมาที่หลัง
ครืน
" มาแล้วเหรอ ลีซอยอน "
บานประตูเลื่อนเปิดออกสาดแสงจากทางเดินเข้ามาในห้องเรียน อีฮวาไม่ได้หันไปมองว่าใครแต่เธอเดาว่าคงจะเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวแน่ ๆ เพราะในเวลาแบบนี้นอกจากหัวหน้าห้องสาวที่จะตามเธอมาทีหลัง
อีฮวาใจจดใจจ่ออยู่กับการปั้นทรงผมให้หุ่นจำลองโดยไม่สนใจคนข้างหลังที่เดินเข้ามาใกล้ ๆ เพลงโปรดยังคงบรรเลงภายในเฮดโฟนมันทำให้อีฮวาตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงแต่เธอก็ค่อนข้างมั่นใจว่ามีคนเข้ามาในห้อง
" เป็นไงบ้างล่ะ หน้าตาเด็กใหม่ " เด็กสาวยังคงพูดออกมาโดยไม่หันไปมอง " สมคำล่ำลือของยัยพวกนั้นหรือเปล่า "
" เอ่อ... "
คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย หากเป็นเพื่อนสนิทหน้าเหวี่ยงคนนั้นเธอคงจะโวยวายเรื่องที่อีฮวาไท่หันไปคุยดี ๆ และกระชากเฮดโฟนออกไปเสียตั้งแต่เริ่มพูด แต่นี่ไร้วี่แววการกระทำหยาบคายแบบนั้นมันชักทำให้อีฮวาไม่แน่ใจแล้วว่าใครยืนอยู่หลังเธอ
เด็กสาวค่อย ๆ หันไปมองด้วยความสงสัย เหมือนกับช่วงเวลาหยุดนิ่งชั่วขณะ เสียงเพลงในเฮดโฟนยังคงเล่นต่อไปอยู่หลายนาที อีฮวากระพริบตาปริบ ๆ ภายในสมองของเธอกำลังประมวลผลไม่สำเร็จ
ผู้ชายผมหวานตรงหน้าเป็นคนที่เธอไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน อีกฝ่ายมีสีหน้าเลิ่กลั่กแปลกชอบกลกำลังมองซ้ายทีขวาทีเหมือนหาอะไรอยู่สักอย่าง ริมฝีปากอ้าพะงาบคล้ายกำลังจะพูด ก่อนมือหนาจะชี้ที่ข้างหูอีฮวาจึงรู้สึกตัวว่าเธอโดนเสียงเพลงกลบจนไม่ได้ยินสิ่งที่คนตรงหน้าอยากจะสื่อสาร
" อ่า...โทษที นายมีอะไรหรือเปล่า " อีฮวาเอ่ยเรียบเฉยพร้อมถอดเฮดโฟนสีขาวออก
" สวัสดีครับ... "
คิ้วเรียวเลิกขึ้นหลังจากได้ยินประโยคทักทาย มันค่อนข้างแปลกที่จู่ ๆ คนที่เข้าห้องเรียนปฏิบัติมาสวัสดีทักทายเธอแบบนี้ แต่อีฮวาก็ลืมไปว่าที่นี่คือโรงเรียนแจวอนจะไปตั้งคำถามหรือหาเหตุผลอะไรกับพวกนักเรียนที่นี่กัน
" มีอะไรหรือเปล่า "
" ผมมาเอา...เซ็ตตัดผม "
พอได้ยินคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้าอีฮวาก็ร้องอ๋อในใจ การใช้เครื่องมือในแต่ละแผนกจำเป็นต้องขออนุญาตจากอาจารย์ก่อน การที่เด็กหนุ่มตรงหน้ามาถามหาอุปกรณ์แบบนี้เธอพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงมาเอาไปใช้ หรือไม่ก็โดนอาจารย์ใช้มาแน่ ๆ
มือเรียวสวยชี้ไปทางตู้เก็บของหลังห้องก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่ตัวเอง อีฮวาคิดว่าเด็กหนุ่มผมสีหวานคนนี้น่าจะเป็นเด็กที่ชื่อ จางฮยอน เพราะดูจากหน้าพระเจ้าปั้นมาแบบนั้นคงจะไม่มีใครที่ไหนหรอก เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน แผนกเสริมสวยปีสองก็ไม่มีผู้ชาย ปีสามก็ไม่มี เพราะฉะนั้นเธอจึกเดาได้ไม่ยาก
" ขอบคุณครับ "
ก็ดูเป็นเด็กที่มีมารยาทดี
แล้วก็หล่อดี ตามแบบนิยมในปัจจุบัน
อีฮวามองเพื่อนในแผนกตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ตอนเรียนปฏิบัติคาบเช้านั้นไร้วี่แววเด็กปีสองสักคนแม่แต่อาจารย์ก็ยังไม่มี ทว่าตอนนี้คนกลับเต็มห้องลบเลือนภาพจำในช่วงเช้าหายไปหมด อาจารย์ประจำวิชาผู้ไร้จรรยาบรรณขณะนี้ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างพร้อมที่จะสอนเช่นกัน
พอถึงช่วงบ่ายทุกคนนั้นมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเชียว
เธอสามารถรายงานเรื่องนี้ให้กับกระทรวงศึกษาได้หรือเปล่า
การเรียนรวมของทุกชั้นปีไม่ได้มีบ่อยนัก ส่วนมากในคาบนี้จะเป็นเวลาว่างให้เด็กในแต่ละปีได้มีเวลาพักผ่อนสมอง ถึงแม้ปกติเด็ก ๆ แต่ละคนมักจะโดดเรียนจนแทบจะไม่มีคะแนนเข้าเรียนก็ตาม โรงเรียนก็ยังคงจะมีคาบว่างเอาไว้ให้อยู่อีก
ทำไมถึงยังไม่โดนปิดกันนะ
การแบ่งแยกรุ่นพี่รุ่นน้องแต่ละชั้นปีจะอยู่ที่เน็คไท แต่ละรุ่นนั้นพอเข้ามาเรียนจะได้เน็คไทสีไม่เหมือนกัน ในปีหนึ่งของอีฮวาเธอเข้าเรียนมาด้วยเน็คไทสีแดง ส่วนปีหนึ่งของตอนนี้เป็นสีน้ำเงิน ปีสามที่เป็นสีเขียวก็ไม่ต้องเดาอะไรทั้งนั้น
อย่างน้อยอีฮวาก็คิดว่าระบบการจำแนกแต่ละชั้นปีของโรงเรียนนี้ยังพอได้เรื่องอยู่บ้าง แค่เรื่องเดียวที่ เธอคิดว่าทำได้ดีนั่นแหละ อย่าไปหาคิดถึงระบบอื่น ๆ เลย อีฮวาไม่อยากจะดิสคัตระบบการศึกษาในประเทศเสียเท่าไหร่ แถมโรงเรียนรัฐ ฯ แบบนี้อีก เธอก็ไม่อยากจะคาดหวังมันหรอก
" จางฮยอน "
" จางฮยอนหล่อจัง "
" โอ้ย ฉันจะเป็นลม "
" สมบัติของแผนกเสริมสวย "
การคาดเดาของอีฮวาถูกเผง เด็กหนุ่มผมสีหวานที่เข้ามาเอาเช็คอุปกรณ์ตัดผมเมื่อเช้าคือ จางฮยอนสุดหล่อ ของสาว ๆ อีกฝ่ายดูท่าจะเห็นเธอเหมือนกันจึงได้ยิ้มหว่านเสน่ห์มาทางกลุ่มนักเรียนปีสองตรงนี้ หรือมันอาจจะเป็นแค่การปั้นยิ้มแบบธุรกิจที่อีฮวาเคยเห็นมาก่อนก็ได้
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้สำคัญกับอีฮวาอยู่แล้ว
คาบเรียนรวมในวันนี้มุ่งเน้นไปที่การออกแบบทรงผมและเรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์ โดยจะให้นักเรียนปีสองจับคู่เรียนกับปีหนึ่ง เป็นช่วงเวลาที่ชุลมุนวุ่นวายที่สุดเมื่อใคร ๆ ก็อยากจะไปคู่กับเด็กหนุ่มเพียงคนเดียวของแผนก
อีฮวานึกสงสารจางฮยอนขึ้นมานิดหน่อย การเป็นผู้ชายหน้าตาดีเพียงหนึ่งเดียวในหมู่คนนิยมรูปลักษณ์ ก็ไม่ต่างกับชินเนื้อที่ตกลงมาหาฝูงไฮยีน่า เด็กสาวกอดอกพิงเคาท์เตอร์หลังห้องเรียน มองภาพแสนยุ่งเหยิงของเพื่อนรุ่นเดียวกับและรุ่นน้องกำลังโวยวายยืดแบ่งตัวของพ่อเดือนแผนก
" น่ารำคาญชะมัด "
เพียงคำพูดเบา ๆ มันไม่สามารถหยุดการกระทำของคนในแผนกตอนนี้ได้ ถ้าหากบอกว่ามันน่าสมเพชคงจะแรงเกินไป แค่อีฮวาก็ไม่คิดว่าจะมีคำไหนเหมาะสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้อีกแล้ว
กว่าจะได้เริ่มเรียนก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง สุดท้ายจางฮยอนนั้นก็เลือกเลือกที่จะคู่กับหัวหน้าแผนกปีสอง อย่างน้อยลีซอยอนก็ไม่ได้ไปแย่งตัวเขากับคนอื่น ๆ เธอจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา
แน่นอนว่าสาว ๆ คนอื่นที่ไม่ได้คู่กับเขาต่างก็เสียดายและตัดพ้อทุกครั้งยามที่เห็นจางฮยอนกับซอยอน อีฮวาคิดว่าเธอทำหน้าที่ห้ามทัพได้ดี ไม่อย่างนั้นเพื่อนสนิทของเธออาจจะตะโกนด่ายามได้ยินคำพูดไม่เข้าหูนั่นแล้วก็ได้
เวลาเรียนล่วงเลยไปจนถึงท้ายคาบสิ่งสุดท้ายที่ต้องทำคือการให้อาจารย์ประเมินผลงานของนักเรียนปีหนึ่ง คู่ของอีฮวาและรุ่นน้องสาวผ่านไปได้ด้วยคะแนนมากกว่าครึ่ง เธอไม่ได้ลงมือทำอะไรเลยเพียงแค่เอ่นปากสอนตามที่ตัวเองเข้าใจ ถ่ายทอดวิชาที่เรียนมาตลอดหนึ่งปีให้รุ่นน้องข้างกายเพียงแค่นั้น
" นั่นมันอะไรน่ะ "
อีฮวาเอ่ยถามเพื่อนสนิทหน้าเหวี่ยงข้าง ๆ ซอยอนหันมาถอนหายใจราวกับว่าชีวิตนี้ไม่ขออะไรอีกแล้ว เธอดูเหนื่อยจากการสอนเด็กหนุ่มของแผนกเพียงคนเดียว จนแทบจะล้มตัวลงไปนอนกับพื้น
ผลงานชิ้นเอก ทรงผมงูรัด มันแย่มากจนอีฮวายังคิ้วกระตุก ฝีมือแบบนี้ไม่ได้เรียกว่าดีเลยสักนิด มันเป็รผลงานที่พังอย่างไม่น่าให้อภัย แต่ทำไมเพียงแค่เด็กหนุ่มยิ้มคะแนนความนิยมของมันก็พุ่งพรวดพิลึก
" จางฮยอนเก่งจัง "
" ถึงมันจะ... "
" มันก็สวยออก "
" สวยนะ แต่แปลก ๆ "
" แต่จางฮยอนของเราตั้งใจทำนี่นา "
" นั่นสิ "
บิวตี้พรีวิลเลจมันใช้กับสาว ๆ พวกนี้ได้ดีจริง ๆ สำหรับอีฮวาที่ทำงานเกี่ยวกับความงามและมีร้านเสริมสวยเป็นของตัวเองแบบเธอ ทรงผมบนหัวจำลองของจางฮยอนมันคะแนนติดลบและเขาคงจะโดนไล่ออกแน่ ๆ พอมาเห็นกองอวยที่ไม่สนผลงาน สนแค่หน้าตาคนทำแบบนี้อีก อีฮวาคอดว่าตรรกะการใช้ชีวิตของเธอคงจะต้องพังพินาศไปแล้วแน่ ๆ
" อีฮวาเธอคิดว่าผลงานของจางฮยอนของเราเป็นยังไง "
เพื่อนร่วมแผนกหนึ่งในกองอวยยิงคำถามมาให้เธอ เหมือนอีกฝ่ายจะลืมว่าอีฮวาเป็นคนอย่างไรถึงได้กล้าเอ่ยออกมาแบบนั้น
" ห่วยแตก "
อีฮวาไม่ได้พูดเบาเกินไป และไม่ได้พูดดังเกินไป เธอไม่ใช่คนใจดีและมักจะวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่สนเสียงตอบรับ
แน่นอนว่าคำวิจารณ์เมื่อครู่มันทำให้สาว ๆ กองอวยของจางฮยอนไม่พอใจ แต่ใครจะไปสน
ห่วยก็คือห่วย
เธอจำเป็นต้องอวยด้วยหรือไง
...----------------...
Talk : นางเอกของเราตรงแบบไม่เลี้ยวค่ะ ไม่อ่อนโยนด้วย
ไว้เจอกันตอนหน้า หากชอบอย่าลืมกดไลก์และคอมเม้นท์นะคะ(。・ω・。)ノ♡
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!