เฮียอย่าดุ
บทนำ
❗จะอ่านเรื่องของธันวาหรือองศาก่อนก็ได้นะคะ เพราะเนื้อเรื่องไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกัน
แฟรงค์
แน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะย้าย
แฟรงค์
จะไม่ลำบากกว่าเดิมหรอ
แฟรงค์
พี่ว่าเมย์เลี้ยงคนเดียวไม่ไหวหรอก
แฟรงค์
อยู่ไกลกันขนาดนี้พี่คงไม่ได้ไปหาบ่อยๆ
เมเบล
เมย์รบกวนพี่มาเยอะแล้ว
แฟรงค์
มีอะไรขาดเหลือก็ทักมาบอกได้ตลอดเลย
แฟรงค์
พี่เห็นเมย์เป็นน้องสาวคนนึงนะ
เมเบล
ต่อไปนี้คงไม่กล้าไปรบกวนแล้ว
เมเบล
เมย์ว่าจะหางานที่นี่ทำ
แฟรงค์
ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ทั้งเลี้ยงเด็ก
แฟรงค์
เงินยังมีติดตัวอยู่ใช่มั้ย
เมเบล
พี่แฟรงค์ไม่ต้องเป็นห่วงนะ
เมเบล
บอกแล้วว่าเมลเป็นเด็กดี
เมเบล
ไม่งอแงเลยตอนบอกจะพาย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ
แฟรงค์
เมย์ยังไม่บอกพี่เรื่องนี้เลยนะ
เมเบล
อยู่ที่นู่นเมย์เอาแต่คิดถึงพี่มายด์อ่ะ
เมเบล
รู้สึกว่ายังทำใจไม่ได้
แฟรงค์
แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นใช่มั้ย
เมเบล
คนแถวนั้นชอบพูดจาไม่ให้เกียรติพี่มายด์
เมเบล
พูดอะไรไม่เคยเกรงใจกันเลย
เมเบล
เอาจริงถ้าจะพูดจาหมาๆแบบนั้นก็ไม่ต้องมางานเผาศพหรอก
แฟรงค์
พี่ว่าก็ดีแล้วที่เมย์ตัดสินใจย้ายไป
แฟรงค์
ถึงตอนแรกจะไม่เห็นด้วยก็เถอะ
เมเบล
เรื่องนั้นเมย์ก็คิดดีแล้วเหมือนกัน
แฟรงค์
มันเป็นสิทธิ์ของเมย์
แฟรงค์
พี่คงพูดอะไรมากไม่ได้
แฟรงค์
เดี๋ยวพี่ต้องไปดูงานต่อแล้ว
ภายในห้องเช่าราคาถูก กับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกราวกับอยู่ในหนังสยองขวัญเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ความขมุกขมัวและฝุ่นละอองมากมายกระจายอยู่ทั่วพื้นห้องเสียจนเมเบลต้องย่นจมูกหนี
มือบางยกขึ้นปิดปากปิดจมูกเพื่อกักกันสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ
เมเบล
เหลือห้องนี้ห้องเดียวหรอคะ
เธอสำรวจสภาพภายในห้องอยู่สักพัก ก่อนจะเดินออกมาถามไถ่เจ้าของห้องเช่าอย่างอยากรู้
และหวังว่าคำตอบมันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
🧑🦰 : มีที่ชั้นสองอีกหนึ่งห้อง
🧑🦰 : แต่ป้าแนะนำให้อยู่ห้องข้างล่างนี้จะดีกว่านะ
🧑🦰 : ก็ห้องข้างบนพึ่งจะมีคนตายเพราะหัวใจวายไปน่ะสิ
เมื่อได้ยินแบบนั้น เมเบลถึงกับหน้าถอดสี ด้วยเพราะเป็นคนกลัวสิ่งลี้ลับเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อคุณป้าพูดเรื่องคนตายขึ้นมาเธอจึงรีบตัดสินใจในทันที
เมเบล
งั้นเอาห้องนี้ก็ได้ค่ะ
🧑🦰 : ดีแล้วล่ะ นี่หนูโชคดีมากเลยนะที่มันยังเหลือห้องว่างให้เช่า
🧑🦰 : คนที่อยู่ห้องข้างๆหนูเขาก็เป็นเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับหนูนี่แหละ
🧑🦰 : แต่ไม่ค่อยกลับมาพักที่นี่หรอก นานๆมาที
เมเบล
หนูเห็นว่าแถวนี้น่าจะปลอดภัยสำหรับการเลี้ยงเด็กด้วย
เธอบอกเสียงแผ่ว ขณะที่สายตาก็เหลือบไปมองเด็กตัวเล็กในวัย6ขวบกำลังนั่งรอเธอคุยธุระอยู่บนม้านั่งอย่างสงบเสงี่ยม
เมเบล
ตอนแรกนึกว่าจะไม่เหลือห้องว่างแล้วซะอีก
🧑🦰 : แถวนี้ปลอดภัยแน่นอน แถมยังอยู่ใกล้ร้านสะดวกซื้ออีก
🧑🦰 : หนูไม่ต้องกลัวนะ ระแวกนี้เขาอยู่กันแบบครอบครัว
🧑🦰 : ถ้าต้องการอะไรก็มาบอกป้าได้
🧑🦰 : แล้วนี่เตรียมของมาแค่นี้หรอ
คนมีอายุเอ่ยถาม พลางไล่สายตามองกระเป๋าเป้สองใบที่ร่างบางสะพายมาด้วย พร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็กอีกหนึ่งใบที่เด็กชายถืออยู่
เสียงเล็กๆเอ่ยเรียก พร้อมทั้งกระตุกชายเสื้อของหญิงสาวเพื่อบอกให้เธอหันมาสนใจเขาบ้าง
เธอก้มหน้าลงไปบอกเด็กชายตัวเล็กที่กำลังมองมาอย่างอ้อนๆ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับคุณป้าเจ้าของห้องเช่าอยู่สักพัก จากนั้นจึงพากันแยกย้ายในที่สุด
เมเบล
เราเอาของเข้าไปเก็บในห้องก่อนเนาะ
เมเบล
แล้วเดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกัน
มือบางยกขึ้นยีศีรษะทุยเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว ก่อนจะก้มลงไปหอมแก้มกลมที่ขึ้นสีระเรื่อฟอดใหญ่
การใช้ชีวิตในกรุงเทพฯของเธอกับ'หลานชาย'กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เมเบลได้แต่หวังว่ามันจะดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เธอไม่ได้ต้องการชีวิตที่สวยหรู หากแต่อยากมีเงินมาใช้จ่ายในชีวิตให้มากยิ่งขึ้น
ทั้งใช้จ่ายจิปาถะทั่วไป จ่ายค่าเรียนหนังสือของทั้งตนเองและหลานชาย
คิดอยู่ว่าจะให้เจอกับพระเอกยังไงดี5555
คนแปลกหน้า
มนัสดา
จะทำอะไรทำไมไม่เห็นมาปรึกษาน้าบ้างเลย
เมเบล
เห็นหายไปอยู่ต่างประเทศตั้งนาน
เมเบล
นึกว่าจะไม่กลับมาแล้ว
มนัสดา
น้าถามเธออยู่นะเมย์
มนัสดา
นั่นมันมรดกชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของครอบครัวเราเลยนะ
มนัสดา
เธอคิดอะไรอยู่ตอนขายบ้านทิ้ง
เมเบล
อีกอย่างเพราะเมย์ย้ายมาอยู่ในกรุงเทพฯด้วย
มนัสดา
เธอไม่โทรมาบอกน้าเรื่องนี้เลย
เมเบล
ก็เห็นตัดพี่ตัดน้องกับแม่ของเมย์ไปตั้งนานแล้วนี่
เมเบล
เรายังต้องคุยอะไรกันอีก
มนัสดา
แล้วบ้านมันขายได้แล้วหรอ
มนัสดา
ได้เงินมาเยอะเลยมั้ย
มนัสดา
ยังไงน้าก็ต้องมีส่วนได้ส่วนเสียกับตรงนี้นะ
มนัสดา
เราต้องแบ่งกันคนละครึ่งสิ
เมเบล
ถึงต้องมาขอกันแบบนี้
มนัสดา
อย่ามาเสียมารยาทกับน้านะ
มนัสดา
น้าจะกลับไทยพรุ่งนี้แล้ว
มนัสดา
เมย์อยู่กรุงเทพใช่มั้ย
มนัสดา
คุยกันเรื่องส่วนแบ่งไง
เมเบล
พรุ่งนี้เมย์ไม่ว่างค่ะ
เมเบล
ต้องพาเมลไปสมัครเรียน
เมเบล
ส่วนเมย์ก็ต้องต่อมหาลัยสักที่
มนัสดา
ยังจะเรียนต่ออยู่อีกหรอ
มนัสดา
ก็เห็นว่าต้องเลี้ยงเมลด้วย
มนัสดา
แล้วเรียนต่อแบบนี้จะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเทอม
มนัสดา
น้าไม่มีให้เมย์หรอก
เมเบล
จะวันไหนเมย์ก็ไม่ว่างคุยกับน้าดาหรอกค่ะ
มนัสดา
มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน
มนัสดา
คิดจะเก็บเงินไว้ใช้คนเดียวหรอ
มนัสดา
ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยรึไง
เมเบล
เมลก็อยู่ได้เหมือนกัน
เมเบล
นี่เมย์ก็พาหลานออกมากินข้าวที่ห้าง
เมเบล
ตอนนี้ไปเล่นบ้านบอลอยู่
แฟรงค์
พี่อยากย้ายไปอยู่ที่นู่นด้วย
เมเบล
ถ้าพี่มาแล้วใครจะดูแลทางนู้น
แฟรงค์
พ่อแม่พี่พวกเขาเข้าใจนะ
แฟรงค์
เขาก็เอ็นดูเมย์เหมือนลูกคนนึง
เมเบล
ช่วยเหลือเมย์มาก็ตั้งเยอะ
เมเบล
ไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมดเนี่ย
แฟรงค์
จะได้รับความช่วยเหลือจากพวกผู้ใหญ่ก็ไม่แปลกหรอก
เมเบล
ไว้ถ้ามีโอกาสจะกลับไปตอบแทนบุญคุณนะ
แฟรงค์
แล้วนี่จะให้เมลไปเรียนที่ไหน
เมเบล
โรงเรียนอยู่ใกล้ๆกับที่พักเลย
เมเบล
แต่ก็คิดไว้แล้วว่าต้องเป็นมหาลัยใกล้ๆนี่แหละ
แฟรงค์
อยากเรียนคณะอะไรล่ะเรา
เมเบล
ถ้าได้ทุนจะดีมากด้วย
แฟรงค์
ตกลงคือจะไปเรียนทางด้านสายแฟชั่น?
แฟรงค์
คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบแฟชั่น?
แฟรงค์
พี่ไม่อยากให้เมย์เครียด
แฟรงค์
แล้วนี่ต้องเลี้ยงเมลคนเดียวอีก
แฟรงค์
พี่โคตรเป็นห่วงเลยรู้ปะ
แฟรงค์
เดี๋ยวพี่ต้องไปดูงานต่อแล้ว
เมเบล
เมย์เผลอแป๊ปเดียวเอง
เมเบล
หันมาอีกทีเมลไม่อยู่ตรงนี้แล้ว
แฟรงค์
ไปตรงที่ประชาสัมพันธ์นะ
แฟรงค์
แล้วบอกให้เขาช่วยประกาศหา
แฟรงค์
ถ้ายังอยู่ในห้างก็ไม่น่าจะไปไหนไกล
คนแปลกหน้า
บรรยากาศภายในห้างชื่อดังใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ต่างเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ของผู้คนนับร้อยที่พรั่งพรูและพร้อมใจกันเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
บริเวณโรงอาหารชั้นหนึ่ง โต๊ะหลบมุมที่นั่งห่างไกลจากผู้คน มีชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงผู้เดียว
องศา
เลิกจ้องหน้าฉันแล้วจะไปไหนก็ไป
แต่ทว่าในตอนนี้เขากลับไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวเหมือนอย่างในตอนแรกนี่สิ
เสียงทุ้มเอ่ยบอกเสียงเบา ทว่ากลับแฝงไปด้วยความเคร่งครึมและน่าเกรงขาม
เด็กชายหน้าตาทะเล้นที่จู่ๆก็เข้ามานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงกันข้าม เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่ละสายตามาร่วมหลายนาทีแล้ว
สายตาที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดร้ายแต่อย่างใด หากแต่มันชวนให้รู้สึกรำคาญยังไงชอบกล
เมลวิน
คุณอาหล่อจังเลยครับ
นัยน์ตาคมกริบคู่นั้นปราบมองคู่สนทนาของตนเองเขม็ง
ทำเอาเด็กชายตัวน้อยหดคอหนีสายตาที่น่ากลัวนั้นในทันใด
เมลวิน
ผมแค่ชมเพราะเห็นว่าคุณอาหล่อจริงๆนะครับ
เมลวิน
โตไปผมก็อยากหล่อแบบคุณอาบ้าง
ใบหน้าหล่อเหลาที่ราวกับถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งนั้น เย็นชาไร้การตอบสนองต่อคำพูดยกยอของเด็กชายแปลกหน้า
เขาเพียงแค่เมินหน้าหนี ทำเป็นไม่สนใจเหมือนอย่างทุกที ตามแบบฉบับนิสัยที่แต่เดิมก็เป็นเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้
ปะปนกับความรู้สึกที่เริ่มจะรำคาญสายตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ลดละนั่น
เมลวิน
เมย์เป็นน้องสาวของคุณแม่
องศา
เพราะฉะนั้นช่วยไปให้พ้นๆหน้าสักที
ใบหน้าจิ้มลิ้มงอง้ำ ปากงุ้ยๆนั่นเบ่ะคว่ำลงเตรียมพร้อมที่จะงอแงอย่างเต็มที่
แต่เพราะถูกสอนมาอย่างดี เด็กชายจึงได้พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เศร้าของตัวเองออกไปในที่สุด
เมลวิน
คุณอาช่วยผมตามหาเมย์ได้มั้ยครับ
องศา
น้าเธอไม่สอนหรอว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า
เมลวิน
แต่ถ้าเป็นคนดีผมก็คุยด้วยได้ไม่ใช่หรอ
ใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาไร้ความรู้สึก เมื่อได้ฟังสิ่งที่เด็กชายตรงหน้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงทะเล้น
เมลวิน
แค่มองหน้าผมก็รู้แล้ว
เมลวิน
ทำไมถึงเป็นคนไม่ดีล่ะครับ
เป็นอีกครั้งที่เด็กน้อยก้มหน้าลงอย่างหงอยๆเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังถูกดุจากชายที่ไม่รู้จัก
ด้วยความประหม่า เท้าเล็กจึงได้แต่แกว่งไปมาอยู่ใต้โต๊ะตัวใหญ่ แต่คงเพราะแกว่งแรงไป เท้าของเด็กชายจึงได้แกว่งไปโดนหน้าขาของคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง
เด็กน้อยเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับมือหนาที่ยกขึ้นมามองดูนาฬิกาข้อมือไปด้วย
นัยน์ตาคมกริบปราดมองไปทั่วบริเวณ ก่อนจะพบเข้ากับบุคคลที่ตนนั่งรอมานานเกือบครึ่งชั่วโมง
เขาพูดขึ้นเสียงเรียบ และจ้องหน้าคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกน้องคนสนิทด้วยสายตาคาดโทษ
เดฟ
การเดินทางมาถึงที่นี่มันเลยค่อนข้างจะล่าช้า
เดฟ
แล้วเฮียจะไปที่โกดังก่อนหรือว่ากลับโรงแรมเลยครับ
ลูกน้องคนสนิทตอบรับอย่างสุภาพ ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไปด้านข้าง เพื่อให้ผู้เป็นนายได้เดินนำหน้าออกไปก่อน
แต่จนแล้วจนรอด คนที่ควรจะออกตัวกลับยืนนิ่งไม่ขยับเลยสักนิด
เดฟมองต่ำลงตามสายตาของเจ้านาย ก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องหน้าเด็กชายที่มายืนขวางทางอยู่
เมื่อเห็นดังนั้น เดฟจึงไม่รอช้า รีบเอ่ยปากบอกคนตัวเล็กให้ถอยออกไปในทันที
เดฟ
มายืนขวางทางอะไรตรงนี้
องศา
พาไปส่งที่ประชาสัมพันธ์
องศา
ให้เขาประกาศหาผู้ปกครอง
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำเพียงแค่ยืนจ้องหน้าเด็กชายตัวเล็กสักพัก ก่อนจะเดินหลบออกมาเงียบๆ
ส่วนทางด้านของเดฟ พอได้รับคำสั่งนั้นมา จึงได้รีบเข้าไปจูงมือเด็กหลงทางคนนี้ให้ไปด้วยกันทันที
ระหว่างทางที่กำลังจะเดินกลับออกจากห้างชื่อดังเพื่อไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน
ชายร่างสูงที่เดินหลบเลี่ยงผู้คนไปมาเพื่อกันไม่ให้ใครถูกเนื้อต้องตัวกลับต้องมาสะดุดเพราะดันมีใครบางคนวิ่งเข้ามาชนเข้ากับแผงอกแกร่งอย่างแรงจนตัวเขาแทบจะหงายหลังอยู่รอมร่อ
โชคดีที่เขาแข็งแรงมากพอ เพราะงั้นจึงสามารถทรงตัวอยู่กับที่ได้โดยไม่ล้มลงไปกับพื้นปูนแข็งกระด้าง
แต่ด้วยเหตุนั้น เพราะคนตรงหน้าที่วิ่งเข้ามาแบบไม่ลืมหูลืมตา พลอยทำให้เขาต้องรับร่างเล็กๆนั่นไว้ในอ้อมแขนอย่างช่วยไม่ได้
หากไม่จับอีกฝ่ายไว้ เกรงว่าคงจะล้มลงไปด้วยกันทั้งคู่
หญิงสาวตรงหน้าเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรนระคนเร่งรีบ
ศีรษะเล็กก้มลงหลายต่อหลายครั้งเพื่อเป็นการขอโทษขอโพย ก่อนที่เธอจะรีบผละออกไปจากอ้อมแขนแกร่ง และวิ่งหายออกไปจากสายตาของชายหนุ่มทันที
นัยน์ตาเรียบเฉยยังคงนิ่งสนิท ชนิดที่ว่าไร้ซึ่งความรู้สึกนึกคิดใดๆ ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะกดลงต่ำ มองดูสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำตกไว้ด้วยใบหน้าเฉยชา
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!