...“มาแล้ว!! ทุกคนกระโดดขึ้นไปด้านบนเดี๋ยวนี้”...
...ปาร์ตี้ผู้เล่นมืออาชีพกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมตัวรับมือกับบอสภายในวิหารใต้ดิน ‘ดูริค’ ผู้เล่นอาชีพนักธนูอันดับสิบของเกม เธอเป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่คอยออกคำสั่งและให้สัญญาณกับสมาชิกคนอื่นๆ สมาชิกภายในปาร์ตี้ของเธอประกอบไปด้วยผู้เล่นสายต่อสู้ระยะประชิดสองคนและบักบวชสายสนับสนุนหนึ่งคน...
...ผืนดินเริ่มสั่นสะเทือน พื้นวิหารที่พวกเขาเคยยืนอยู่ก็ค่อยๆสั่นไหวราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังขยับไปมาใต้พื้นดิน เพียงไม่กี่อึดใจต่อมาก้อนหินประหลาดรูปร่างลักษณะคล้ายคลึงกับร่างกายของมนุษย์ที่สร้างมาจากหินก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ทุกๆข้อต่อของมันมีวงจรสีเขียวที่คล้ายกับเส้นเลือดคอยควบคุมอยู่...
...ดูริดกวดสายตามองไปยังตัวของบอสโกเล็มตัวใหญ่ พร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบธนูจากหน้าหลังมาเตรียมพร้อมการยิง ด้วยความสามารถและประสบการณ์ที่เธอทุ่มเทให้กับเกมนี้มาตลอดหนึ่งปี ส่งผลให้การทุกๆการกระทำของเธอนั้นมีความหมายเสมอ...
...“โอมา เตรียมใช้สกิลยั่วยุบอส”...
...“โอ้ส!”...
...สมาชิกปาร์ตี้คนหนึ่งกระโจนลงไปเผชิญหน้ากับบอสเพียงลำพังเมื่อสิ้นเสียงคำสั่งของดูริด...
...“เจฟฟ์ บัฟพลังป้องกันให้กับโอมา”...
...“โอเคร”...
...สมาชิกปาร์ตี้ที่กำลังยืนเผชิญหน้ากับบอสโกเล็ม เขาร่ายสกิลยั่วยุบอส ดึงดูดความสนใจทั้งหมดให้มาที่เขาเพียงคนเดียว ท่าทางของโกเล็มเปลี่ยนไปดวงตาสีเขียวของมันเบิกกว้างราวกับกำลังโกธร มันเริ่มขว้างหินขนาดใหญ่ที่วางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นวิหารเข้าใส่โอมา...
...“ริว ค้นหาจุดอ่อน”...
...“จัดให้ครับเจ๊”...
...สมาชิกคนหนึ่งวิ่งอ้อมไปยังด้านหลังของบอสเพื่อมองหาจุดอ่อนบอสที่เกมได้กำหนดเอาไว้ ในระหว่างนั้น โอมาที่กำลังเข้าต่อสู้กับบอสได้ส่งเสียงตะโกนบอกสมาชิกคนที่เหลือด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นตระหนก...
...“พลังโจมตีของบอสมันสูงมาก ฉันที่มี HP เกือบหนึ่งหมื่นโดนหมัดเดียวหายไปตั้งหกพัน”...
...หลังจากที่สมาชิกปาร์ตี้แต่ล่ะคนทราบถึงข้อมูลดังกล่าว บรรยากาศภายในลานต่อสู้ก็เริ่มตึงเคลียดขึ้น ทุกคนเริ่มระมังระวังทุกการกระทำของตัวเอง แม้ว่าแทงค์ของปาร์ตี้จะมีพลังชีวิตมากขนาดไหน แต่จากการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งของบอส ก็สามารถส่งพวกเขาให้กลับไปเกิดใหม่ได้เลย...
...“โอมาถ่อยออกมาก่อน เดี๋ยวฉันจะยิงยั่วยุมันแทน”...
...“เจฟฟ์ ช่วยใช้เวทย์ฮีลให้กับโอมาที”...
...ดูริอดเธอได้ยิงลูกธนูเข้าไปยังส่วนลูกตาของบอสได้อย่างแม่นยำ แต่ไม่เพียงแค่นั้นลูกศรถัดมาของเธอสร้างระเบิดและแรงกระแทกอันมหาศาลให้แก่บอสจนทำให้บอสหยุดช่ะงักไปในช่วงเวลาหนึ่ง...
...โอมาและดูริดสลับการยั่วยุและโจมตีบอส ในระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังต่อสู้กับบอสโกเล็มอย่างดุเดือด ริวที่กำลังใช้สกิลตรวจสอบจุดอ่อนของมอนสเตอร์ตรวจดูบอสและหลังจากที่เขาใช้เวลาพอสมควรในการใช้สกิลตรวจสอบ ริวก็ได้รับรู้ถึงบางอย่าง...
...“เจ๊!! ทุกคน บอสตัวนี้ไม่มีจุดอ่อน”...
...สมาชิกปาร์ตี้ที่ได้ยินดังนั้นพวกเขาได้มองสลับไปมาระหว่างHPของบอสและมานาที่เขาเหลืออยู่ หากมานาหมดลงพวกเขาก็คงไม่สามารถใช้สกิลได้อีกต่อไปและกว่าที่มานาจะฟื้นขึ้นมาอีกพวกเขาก็คงจะถูกบอสทุบเละไปก่อนแล้ว และเมื่อใดที่โอมาตายนั้นก็หมายถึงการตายของสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆอีกด้วย...
...“โอมา นายไหวหรือเปล่า”...
...“แบบนี้มีหวังฉันตายแน่ บอสมีดาเมจเยอะเกินฉันอาจจะทนไม่ไหวจริงๆ”...
...ดูริดทำสีหน้าสิ้นหวง พวกเขาทั้งหมดใช้เวลานานพอสมควรในการค้นหาวิหารแห่งนี้และบอสตัวดังกล่าว แต่ถึงแม้ว่าหากพวกเขาจะพ่ายแพ้ พวกเขาก็สามารถกลับมาแก้มือใหม่ได้อีกตลอด แต่ทว่าสิ่งที่พวกเขากังวนนั้นไม่ใช่การเสียเวลา แต่เป็นเพราะพวกเขาจะไม่สามารถไปยังเขตพื้นที่ต่อไปได้หากไม่สามารถสังหารบอสตัวนี้...
...ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้อย่างสิ้นหวัง ผู้เล่นคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดเกราะอัศวินก็โผล่ออกมาจากทางเข้าห้องวิหาร ...
...“เฮ้ยนายอัศวิน อย่างพึ่งเข้ามาบอสตัวนี้เป็นของพวกเรา”...
...สมาชิกปาร์ตี้หันมองไปตามทิศทางของบุคคลที่ริวตะโกนถาม ทันใดนั้นบอสโกเล็มก็มีปฏิกิริยาเปลี่ยนไปคล้ายกับว่ามันกำลังโดนสกิลยั่วยุที่เหมือนกับของโอมา แต่สีหน้าและท่าทางของโอมาก็บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวของเขานั้นไม่ได้ทำ...
...บอสพุ่งเข้าใส่อัศวินปริศนาอย่างบ้าคลั่ง กำปั้นหินขนาดมหึมาทุบเข้าใส่อัศวินหนุ่มด้วยความดุร้าย มันโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งและหนักหน่วงทุกๆการโจมตีของบอสสามารถสังหารผู้เล่นที่ไม่ใช่อาชีพผู้พิทักษ์ได้ในครั้งเดียว แรงกระแทกของการโจมตีจากบอสก่อให้เกิดหมอกควันฟุ้งกระจายไปทั่วลานต่อสู้...
...ดูริดไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอพยายามมองหาสมาชิกปาร์ตี้คนอื่นๆด้วยความเป็นห่วงก่อนที่เสียงของใครจะบางคนดังขึ้น...
...“นี่จะปล่อยให้บอสโจมตีจนมันเหนื่อยก่อนหรือไง พวกคุณไม่คิดจะโจมตีมันเลยหรอ”...
...ฝุ่นที่ปกคลุมพื้นที่ลานวิหารค่อยๆจางหายไป ปรากฏอัศวินหนุ่มกำลังยกโล่คู่สีแดงป้องกันการโจมตีที่หนักหน่วงของบอสอยู่เพียงลำพัง...
...โอมายืนมองการตั้งรับของอัศวินหนุ่มด้วยความตกตะลึง...
...‘รับการโจมตีของบอสได้ด้วย? แม้ว่าเขาจะใช้โล่แต่มันก็หักล้างความเสียหายได้เพียงแค่ห้าสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น และเมื่อกี้เขาถูกบอสโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งในคอมโบเดียว พลังป้องกันและปริมาณHPต้องมีมากขนาดไหนเนี่ย’...
...“ทุกคนนี่เป็นโอกาศ ใช้สกิลทุกอย่างที่มีเอาชนะบอสนั้นซ่ะ”...
...เสียงของดูริดเรียกสติของสมาชิกปาร์ตี้ทุกคนกลับมา สมาชิกในปาร์ตีพยักหน้าเข้าใจในคำสั่ง พวกเขาเริ่มงัดทุกอย่างที่มีโจมตีโถมเข้าใส่บอส...
...[ท่านติดสถานะหวาดกลัว]...
...ขณะที่วิ่งหัวใจของผมก็เต้นรัว จิตใจก็เต็มไปด้วยความกลัวและอะดรีนาลีนที่พุ่งพล่าน ป่าดูเหมือนจะปิดล้อมผมไว้ ป่าไม้ที่มีลักษณะเป็นเขาวงกตพร้อมกับแสงจันทร์ทอดเงาอันน่าขนลุกบนพื้นป่า ทำให้เกิดลางสังหรณ์อันเลวร้าย ขาที่เริ่มปวดขณะที่ผมวิ่งอย่างสุดชีวิต แต่ละก้าวเป็นคำวิงวอนอันสิ้นหวังเพื่อความอยู่รอด ราวกับว่าชีวิตของผมขึ้นอยู่กับมัน...
...หากผมมองหันหลังกลับไป โครงกระดูกไล่ตามอย่างไม่หยุดยั้ง นิ้วกระดูกของพวกมันยื่นออกมาหาผม เสียงการไล่ล่าของพวกมันดังก้องไปทั่วป่า เพิ่มความน่าสะพรึงกลัวให้แก่จิตใจ รอยเท้ากลวงๆของพวกเขาดูเหมือนจะเยาะเย้ยว่าผมไม่สามารถหลบหนีจากมันได้ นั้นทำให้ผมยิ่งตื่นตระหนกมากขึ้น ผมสะดุดล้มครั้งแล้วครั้งเล่า สะดุดรากไม้และกิ่งก้านที่ร่วงหล่นราวกับป่ากำลังจะรั้งตัวของผมเอาไว้...
...“อั๊ค!!”...
...แต่ความกลัวผลักดันให้ไปข้างหน้า จิตใจของผมวิ่งพล่านไปกับความคิดที่จะหลบหนี ความพยายามอันสิ้นหวังที่ว่าตัวเองจะพบความปลอดภัยภายในป่ารกร้างแห่งนี้มันช่างริบหรี่ มีแต่ความรู้สึกหวาดกลัวอย่างล้นหลามปรากฏอยู่เสมอ มันกัดแทะความตั้งใจของผมและดูเหมือนว่าจะกลืนกินจิตใจอย่างช้าๆ...
...“ยากช่ะมัด กี่ครั้งแล้วที่เราต้องวิ่งหนีหางจุกตูดแบบนี้”...
...ท่ามกลางการวิ่งฝ่าความมืดอันแสนสิ้นหวัง เราเห็นแสงสว่างจางๆอยู่ข้างหน้า...
...“แสง?”...
...สิ่งนี้คือความหวังอันริบหรี่ในใจของผม ด้วยความหวังครั้งใหม่ ผมผลักดันตัวเองให้หนักขึ้น ราวกับว่าแสงสว่างถือเป็นกุญแจสู่ความรอด ผมวิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อหวังจะไปถึงแสงสว่างนั่น...
...“ขอร้องล่ะ อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวจริงๆ”...
...ในที่สุดเมื่อทะลุขอบป่าพร้อมกับหอบหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ตัวผมสะดุดเข้ากับพื้นที่โล่งเล็กๆ แสงสว่างที่นำทางผมมากลายเป็นตะเกียงที่ส่องสว่างภายในกระท่อมที่ทรุดโทรม ความโล่งใจท่วมท้นภายในหัวใจทันที...
...ตัวผมมองย้อนกลับไปภายในป่าที่วิ่งผ่านมา พวกโครงกระดูกหยุดอยู่ที่ขอบป่า แสงสีแดงคล้ายดวงตาที่ไร้ชีวิตชีวาของพวกมันจับจ้องมาที่ผมราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ...
...“รอดแล้ว เราหนีมาได้”...
...ตัวผมที่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดในชีวิตในการวิ่งฝ่าความมืด รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายและในขณะที่กำลังจะก้าวเข้าไปในกระท่อมดังกล่าว...
...[ท่านเข้าสู่พื้นที่ ป้อมปราการจากบรรพกาล]...
...“หืม พึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกแฮะ”...
...สิ่งก่อสร้างเบื้องหน้าดูเหมือนว่าจะเป็นกระท่อมที่ใกล้จะพังทลาย มันมีรอยแตกร้าวตามผนังและมีเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วพื้น สถานที่รอบๆมันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับป่าทึบที่ผมเพิ่งหลบหนีมา...
...“แต่ดูยังไงมันก็กระท่อมร้างชัดๆเลยนี่หว่า”...
...ภายนอกจากกระท่อมเป็นทุ่งหญ้าเล็กๆ ไร้มอนสเตอร์ ภูมิทัศน์ดูไม่คุ้นตา ไม่มีสถานที่สำคัญหรือสัญลักษณ์ของอารยธรรมที่คุ้นเคย มันเป็นเครื่องเตือนใจอันน่าสะพรึงกลัวถึงสิ่งที่ไม่รู้ที่อยู่ข้างหน้า...
...เดิมทีตัวผมก็ไม่ได้หวังอะไรในสถานที่แบบนี้อยู่ เพราะหลังจากที่ได้รับภารกิจจากชายชราในป้อมปราการศักดิ์สิทธิ์เราจึงได้มุ่งหน้ามาทำภารกิจตามคำขอ แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าภารกิจและระดับของมอนสเตอร์มันจะยากขนาดนี้ กว่าสองเดือนที่เดินหน้าทำภารกิจที่ไม่รู้จุดหมาย รายละเอียดบอกแค่ว่าให้ตามหาตำราเจ้าแห่งปราการเหล็ก ในเขตพื้นที่รกร้างเท่านั้น ผมวนอยู่ในป่าแห่งเขาวงกตมากกว่าสองเดือนไม่มีที่ท่าว่าจะเจอชักครั้ง...
...ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อผมตายอยู่ในเขาวงกตตัวละครของผมก็จะไม่ได้กลับไปเกิดอยู่ที่เมือง สิ่งนี้มันทำให้ภารกิจยิ่งยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในช่วงแรกที่เตรียมพร้อมมาผมมีทั้งไอเท็มสนับสนุนและอุปกรณ์สำรองมากมาย แต่เมื่อทุกครั้งที่ต้องต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ที่แกร่งจนผิดธรรมชาติของเกม แม้แต่พวกโครงกระดูง่อยๆก็มีพลังโจมตีและHPที่สูงจนน่าตกใจ โดนแค่ไม่กี่ทีก็คงลงไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว...
...และเมื่อทุกครั้งที่เราพลาดเสียHPจนหมดตัว ในครั้งแรกก็คิดว่าจะได้ไปเตรียมไอเท็มและอุปกรณ์มาใหม่ แต่ที่ไหนได้ตัวละครของผมต้องได้สุ่มเกิดใหม่อยู่ภายในเขาวงกตนี้จนกว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ เรื่องบ้าบอแบบนี้มันวนเวียนอยู่กว่าสองเดือน...
...“คิดแล้วก็เซ็งช่ะมัด สองเดือนที่ผ่านมาว่างเปล่าราวกับสายลมจริงๆ”...
...ในระหว่างที่กำลังคิดถึงเรื่องราวที่โหดร้าย สายตาของผมก็ได้บังเอิญไปเจอกับตู้เก็บของเก่าๆตู้หนึ่ง ผมพยายามไม่สนใจอะไรจากมันและพยายามตั้งสติเพื่อเบนความสนใจออกจากตู้เก่าๆที่อยู่ตรงหน้า แต่แล้วความอยากรู้อยากเห็นของผมมันก็ห้ามไว้ไม่อยู่...
...เพียงแค่เปิดประตูตู้ออก ฝุ่นปริศนาคละคลุ้งไปทั่วห้อง หลังจากปัดฝุ่นออกไปในวินาที่ที่เพียงชำเลืองสายตาเข้าไปด้านในตู้ก็ต้องเหลือบไปเห็นหนังสือโทรมๆเล่มหนึ่งถูกวางเอาไว้...
...“เฮ้ยๆอย่าบอกน่ะว่าใช่”...
...ฮึก!...
...ผมกลืนน้ำลายอึกใหญ่พลางมองไปที่ภารกิจด้านขวามุมของสายตา...
...[ภารกิจลับของอัศวินผ่านศึก]...
...ระดับภารกิจ : ?...
...รายละเอียด : ตามหา ตำราเจ้าแห่งปราการเหล็ก ในสถานที่รกร้างแห่งบรรพกาล...
...รางวัลภารกิจ : 200 ทอง ,EXP 2,000 สกิลปริศนาจากคลาสอัศวิน...
...บทลงโทษหากยกเลิกภารกิจ : ไม่สามารถยกเลิกภารกิจ หากพยายามใช้ไอเท็มภารกิจ NPC อัศวินทุกคนบนป้อมปราการศักดิ์สิทธิ์จะเป็นศรัทตรูกับคุณ...
...[ท่านค้นพบ ตำราเจ้าแห่งปราการเหล็ก]...
...ภาพของความยากลำบากตลอดสองเดือนที่ผ่านมา ทั้งหมดถูกย้อนกลับมาฉายใหม่ในหัวสมองอีกครั้ง ความปีติยินดีมีมากเสียจนทำให้ผมต้องหลั่งน้ำตาออกมา ขอบคุณสวรรค์ที่กรุณามอบความอดทนและความมุ่งมั่นมาให้ หากไม่มีพวกมันแล้วผมคงไม่มีวันอดทนจนทำภารกิจที่ยากลำบากและโหดร้ายแบบนี้จนสำเร็จได้ การได้ทำภารกิจสำเร็จ ทำให้ตัวผมรู้สึกภาคภูมิใจไม่น้อยเลยทีเดียว...
...“คิกคิก...”...
...“เยชชช!! ในที่สุด....ในที่สุดเราก็หามันเจอแล้ว!!”...
...ภารกิจระดับ C ที่ยากเทียบเท่าระดับ S นอกจากจะทำยากแล้ว มันยังไม่ยอมให้ยกเลิกกลางคันอีกด้วย! นับตั้งแต่เริ่มเควสต์จน มาถึงตอนนี้ เราได้ตายไปกี่ครั้งกันแล้วนะ?...
...‘เจ้าจะเจอเส้นทางของอัศวินเมื่อเจ้าได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและความยากลำบากที่แสนหาหัส จงนำ ตำราเจ้าแห่งป้อมปราการเหล็ก มาให้ข้าแล้วข้าจะแสดงเส้นทางของอัศวินให้เจ้าดู’...
...คำพูดของชายชราภายในป้อมปราการศักสิทธิ์ก็ลอยมา ในตอนนั้นที่ผมกำลังเบียวอัศวินจึงตัดสินใจเล่นเกมนี้เพราะว่ามันสมจริง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกมนี้ที่ให้อิสระกับผมแทบทุกอยากมันกลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อมีอิสระและความยืดหยุ่นทุกสิ่งที่ผมจะได้รับจากเกมนี้นั้นมันก็ว่างเปล่าด้วยเช่นกัน ใครที่ชกต่อยเป็นก็จะไปเล่นอาชีพที่ตัวเองถนัด แต่ตัวผมที่ไม่ถนัดอะไรชักอย่าง อย่างมากก็เคยแกว่งไม้กวาดไปมาโดยคิดว่ามันเป็นดาบเท่านั้น และยิ่งพวกมอนสเตอร์ในเกมนี้มันเก่งมากๆจนแทบจะคิดได้ว่าพวกมันมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเอง...
...“เหลือแค่เอากลับไปส่งภารกิจสิน่ะ”...
...คลืน.......
...เสียงของแผ่นดินที่สั่นสะเทือนดังขึ้นจากด้านนอกของกระท่อม ผมที่ได้ยินเสียงดังกล่าวรีบคว้าหนังสือเก็บเข้าช่องเก็บของก่อนที่จะวิ่งออกไปดู เบื้องหน้าตรงใจกลางทุ่งหญ้า อัศวินในชุดเกราะสีดำปริศนาปรากฏตัวออกมา แต่ใบหน้าของมันเผยให้เห็นเนื้อหนังสีแดงฉาน ผิวหนังหลุดรุ่ยด้วยตาที่ไร้ชีวิตชีวากำลังจับจ้องมาที่ผมอย่างอาคาดแค้น...
...[แจ้งเตือนบอสพื้นที่ อัศวินซากศพแห่งบรรพกาล ปรากฏตัว!!]...
...“ตอนนี้เนี่ยน่ะ!!”...
...ผมที่ยังทันไม่ได้พูดจบ บอสอัศวินซอมบี้ก็พุ่งมามาโจมตีใส่ เราที่หลบอย่างฉิวเฉียด...
...“เดี๋ยวก่อนสิ”...
...ฉิบ!...
...ดาบสีเงินตัดผ่านอากาศอย่างน่ากลัว คมดาบเฉียดใบหูและเส้นผมของผมอย่างหวุดหวิด จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากดาบและดวงตาคู่นั้นของอัศวินทำให้ผมเสียวซ่านไปยันกระดูกสันหลัง...
...แกร๊ก แกรก...
...อัศวินเริ่มทำท่าทางแปลกๆ ตัวผมที่พยายามจะตอบโต้ทำได้เพียงหลบคมดาบที่รวดเร็วของอัศวินซอมบี้ตัวนี้เท่านั้น...
...ฉิบ!...
...“อั๊ค”...
...ดาบสีเงินคมกริบตัดผ่านชุดเกราะที่แสนภาคภูมิใจของผมของเราสร้างความเสียหายอย่างมากกับHP แขนซ้ายของผมถูกดาบฟันเพราะใช้ปกป้องศีรษะของตัวเอง...
...[ท่านติดสถานะ เน่าเปื่อย]...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!