บทที่ 1
ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีผมที่เรียนจบแค่ปวช.ก็ถูกเลิกจ้าง ตอนนี้เลยกลายเป็นคนตกงาน ไปสมัครที่ไหนเขาก็ไม่รับแต่จู่ ๆรุ่นพี่ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนก็โทรมาหาผม พี่มันบอกว่าเจ้านายอยากได้บอดี้การ์ดไว้ทำงานใกล้ ๆตัว แต่ผมไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลยสักนิดเดียว ไม่เคยต่อสู้อะไรเลยและเขาจะรับผมทำงานเหรอวะ
ผมนอนคิดทั้งคืนว่าจะไปหรือไม่ไปดี กลัวว่าจะไปเสียเที่ยวถ้าเขาไม่รับผมทำงานขึ้นมานี่เสียค่ารถฟรีเลยนะเว้ย ยิ่งไม่ค่อยมีเงินอยู่ด้วย ตื่นเช้ามาเลยลองปรึกษายายดูยายผมก็บอกว่าให้ไปลองดู แต่อีกใจหนึ่งผมก็อยากทำงานอยู่ใกล้ๆ บ้านจะได้ดูแลยายไปด้วยถึงตอนนี้ยายจะยังแข็งแรงแต่ใครจะไปรู้อนาคตล่ะ
แต่สุดท้ายผมก็ไปซื้อตัวรถทัวร์ไว้เรียบร้อย ยายมาส่งผมขึ้นรถในช่วงเย็น ผมก็เกือบจะร้องไห้แต่ดีที่คนเยอะเลยอายร้องไม่ออก ตั้งแต่จำความได้ผมก็ไม่เคยห่างยายเลยจะมีก็แต่ตอนไปเข้าค่ายลูกเสือนั่นแหละ
พอรถออกได้ไม่นานผมก็เริ่มง่วงและหลับไปในที่สุด รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็เพราะแรงสะกิดที่ไหล่ ลืมตาขึ้นมาก็เจอพี่คนเก็บตั๋วทำหน้าเหมือนผมไปเหยียบเท้าแกแล้วไม่ขอโทษ ผมฉีกยิ้มให้พี่หนึ่งทีแล้วรีบเดินลงจากรถ
ตอนนี้ผมอยู่ที่กรุงเทพฯ ที่ที่ไม่คิดว่าจะมา เพราะยายบอกว่ามันมีแต่ความวุ่นวายอากาศก็ไม่ดีเหมือนบ้านเรา แต่ทำไงได้คนที่เรียนมาน้อยอย่างผมมีทางเลือกให้ไม่เยอะหรอก ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาพี่อิฐทันที พี่มันบอกว่าถ้าถึงแล้วให้โทรหาแล้วพี่มันจะมารับ แต่โทรไปเป็น10สายแล้วก็ยังไม่รับ พี่มึงจะเอายังไงวะ ผมที่เริ่มหัวร้อนนิดๆเพราะโมโหหิวด้วย ก็เลยไปหาซื้ออะไรกินรองท้องก่อน
Rrrrrrr!
กว่าจะโทรกลับมาได้นะไอ้พี่อิฐ! ผมจะแกล้งรับสายช้าๆ ซะเลยแต่ลืมไปผมมันแค่ไอ้เข็ม ไม่ใช้ผู้วิเศษวิโสที่ไหนพี่มันไม่ง้อผมแน่..
"พี่อีดดดดด"
(ไอ้สัดหูกูจะแตก)
"ผมถึงแล้วพี่ มารับหน่อยดิ"
(เออกำลังไป)
"ครับผมมมมม"
(วางให้กูด้วย)
"เค"
ผมวางสายจากพี่อิฐแล้วกินลูกชิ้นปิ้งต่อ กินไปก็มองรอบข้างไปด้วยหันไปทางไหนก็เห็นแต่ตึกสูงๆ ต้นไม่แทบจะไม่มีเลยแบบนี้อากาศมันจะดีได้ยังไง ผมนั่งคิดอะไรไปเพลินๆ ก็สะดุ้งตกใจมีรถคันหนึ่งมาบีบแตรใส่ ผมกำลังจะหันไปด่าแต่ก็ต้องกลืนคำด่าลงไป ไอ้พี่อิฐยิ้มหน้าระรื่นอยู่บนรถถ้าไม่ติดว่าเป็นรุ่นพี่ผมตบหัวทิ้มไปแล้ว
"ขึ้นรถดิ รอให้กูจุดธูปอันเชิญมึงก่อนเหรอ"
"ครับ ๆ "
ตอนนี้ผมขึ้นรถเรียบร้อยแล้วพี่อิฐก็ขับรถออกไปทันที ส่วนผมมองสำรวจในรถอย่างสนใจ เบาะโคตรนุ่มแอร์ก็เย็นโคตรจะดี
"อันนี้รถพี่เหรอ"
"เออ"
"ดีว่ะ กี่บาทวะพี่"
"แปดแสนกว่าๆ "
"อื้อหือ แพงสัด"
"กูผ่อนเอา ไม่ได้ซื้อสด"
"อ๋อ"
หลังจากนั้นเราทั้งสองก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก นั่งรถมาประมาณ10นาทีก็ถึงบ้านพี่อิฐ เป็นบ้านสองชั้นขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ทำไมบ้านแถวนี้มันเหมือนกันทุกหลังเลยวะ เขาลอกแบบบ้านกันเหรอผมได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ชั่งมันแล้วกันไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย
พี่อิฐเดินเข้าไปในบ้านตัวเองไปนานแล้ว ส่วนผมก็ยังยืนมองบ้านข้างๆอยู่ แล้วผมก็เดินเข้าบ้านพี่มันมาข้างในนี้ตกแต่งได้น่าอยู่สุดๆ ทุกอย่างเป็นสัดเป็นส่วนหมด ผมก็อยากจะมีแบบนี้บ้างเอาไว้อยู่กับยายสองคน มีรถสักคันไว้พายายไปเที่ยวแค่นี้ชีวิตผมก็มีความสุขแล้ว
ผมวางกระเป๋าไว้ที่โซฟาแล้วเดินสำรวจทุกซอกทุกมุม บ้านหลังนี้มีสองห้องนอน สามห้องน้ำ ห้องครัวแล้วก็ห้องนั่งเล่น พอเดินสำรวจจนพอใจแล้วก็กลับมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ก็เห็นพี่อิฐที่กำลังนั่งกินข้าวไข่เจียวอยู่
"ไอ้เข็ม มากินข้าว"
"เอาเลยพี่ ผมกินมาแล้ว" จะหมดจานอยู่แล้วพี่มันยังจะชวนผมกินอีก -_-
"เออพี่แล้วผมจะได้ไปสมัครงานตอนไหนอะ"
"พรุ่งนี้ๆ "
"เขาจะรับผมมั้ยวะพี่ ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะเว้ย"
"ไอ้เข็ม มึงไปกับกูจะกลัวอะไร"
"แน่นะ ถ้าเจ้านายพี่ไม่รับผมทำงานพี่จ่ายเงินค่ารถผมมาเลย"
"เออ กูไม่ให้มึงกลับไปมือเปล่าหรอก"
พอพี่มันพูดแบบนี้มาผมค่อยสบายใจหน่อย ไม่อยากกลับไปมือเปล่าหรอกนะ เพราะผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแต่ยังมียายอีกคน จะทำอะไรเลยต้องคิดเยอะๆ และที่ผมไม่เรียนต่อก็เพราะไม่อยากให้ยายต้องเหนื่อย ถึงผมจะทำงานตอนเย็นได้แต่ต้องเก็บไว้เป็นค่าเรียน ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยายก็เป็นคนจัดการทั้งหมด และถ้าผมได้งานก็จะแบ่งเบาภาระยายลงไปได้มาก
ผมนั่งพูดคุยกับอีกคนอยู่สักพัก ก็ขึ้นไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ผมนอนคนละห้องกับพี่อิฐในห้องนี้มีแค่เตียงและตู้เสื้อผ้า เมื่ออาบน้ำเสร็จก็มานอนทันที ผมเป็นคนหลับง่ายและหลับได้ทุกทีเลยไม่เคยมีปัญหาเรื่องการนอน แต่ผมน่ะตื่นยากมากไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเองหลับลึกขนาดนี้
ตอนนี้ผมยังไม่รู้สึกง่วงเลยได้แต่ตอนเบื่อๆ พอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาแล้วถึงรู้ว่ามันเพิ่งจะสองทุ่มครึ่ง ปกติแล้วผมจะนอนตอน 5 ทุ่มเพราะต้องช่วยยายเตรียมของไว้ขายตอนเช้า ยิ่งคิดผมก็ยิ่งคิดถึงยาย อยากจะโทรหาแต่ติดที่ว่ายายไม่มีโทรศัพท์ พอผมจะซื้อให้ก็บอกว่าใช้ไม่เป็นซื้อมาเปลืองเงินเปล่าๆ
ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยจนรู้สึกเริ่มง่วงขึ้นมาแล้ว เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งปลุกไว้ เปิดเสียงให้สุดแล้วสอดไว้ที่ใต้หมอน ตามด้วยปิดไฟที่หัวเตียงและไม่นานผมก็หลับไป
ในตอนเช้าผมก็ตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ตามที่คาดไว้ แต่ยังไม่ทันได้ลงจากเตียง ไอ้พี่อิฐก็เปิดประตูเข้ามาพร้อมทำหน้าเหมือนจะฆ่าผม
"ไอ้เข็ม เสียงโทรศัพท์มึงเหรอ"
"ใช่พี่ ผมปลุกไว้"
"ตีห้าเนี่ยนะ มึงตื่นมาใส่บาตรเหรอสัด"
"ผมตั้งไว้แบบนี้ประจำแหละพี่"
"ไอ้เวรรร มึงทำให้กูเสียเวลานอน"
"โทษครับ พี่ไปนอนต่อดิ"
"ไม่มีอารมณ์นอนแม่งแล้ว!"
พูดจบพี่แกก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ผมถูกเกลียดแล้วแน่ๆ เมื่อคืนผมง่วงมากไปหน่อยเลยลืมเปลี่ยนเวลา ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้นะเว้ย ส่วนเรื่องเสียงก็ต้องเปิดดังไว้ก่อนเพราะผมนั้นตื่นยากมาก ถ้าเปิดเหมือนคนปกติทั่วไปจ้างให้ผมก็ไม่ได้ยิน
ผมเข้าไปอาบน้ำสระผมอยู่นาน วันนี้เป็นวันที่จะไปสมัครงานต้องทำตัวให้หอมๆ หน่อย หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จผมก็ลงมาเปิดทีวีดูข่าวตอนเช้า นั่งดูไปสักพักพี่อิฐก็เดินลงมา วันนี้อีกคนใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวผูกเนกไทสีดำกางเกงดำ พร้อมกับเซตผมข้างหน้าขึ้น พี่ผมมันหล่อจังวะสาวๆพลาดได้ไงเนี่ย ถ้าผมเป็นผู้หญิงนะคงจีบพี่มันไปแล้ว
"พี่โคตรหล่อเลย"
"เออ กูรู้ตัว" ชมแล้วเหลิงสัด -_-
"มึงทำกับข้าวเป็นมั้ยวะ"
"เป็นดิ ทำให้ยายกินทุกวัน"
"เออดี งั้นมึงไปทำจะได้ไม่ต้องไปกินข้างนอก"
"ได้พี่"
ผมเดินมาเปิดตู้เย็นดูก็เห็นหมู กะหล่ำปี แครอทแล้วก็เต้าหู้ไข่ หยิบวัถุดิบออกมาพร้อมกับคิดเมนูอาหารไปพลางๆ งั้นทำกะหล่ำปลีผัดใส่หมูแล้วก็ต้มจืด แต่ก่อนอื่นต้องหุงข้าวก่อนผมกะข้าวไว้แค่กินอิ่มจะได้ไม่เหลือค้างหม้อ หุงข้าวเสร็จก็ลงมือทำอาหารทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ผมทำให้คนอื่นที่ไม่ใช้ยายกิน ยายก็ชมผมตลอดว่าทำอร่อย ผมเลยค่อนข้างมั่นใจในฝีมือตัวเอง
ไม่นานกับข้าวทั้งสองอย่างก็เสร็จส่วนข้าวก็สุกพอดี ผมจัดกับข้าวใส่ถาดแล้วยกออกมาตั้งที่โต๊ะกินข้าว แล้วเดินกลับไปเอาหมอหุงข้าวอีกหนึ่งเที่ยว
"โห่ น่ากินสัดๆ "
"แน่นอน"
พี่อิฐแกตักข้าวใส่จานจนพูนแล้วลงมือกินทันที พี่แกทั้งกินทั้งชมผมไม่หยุดปาก เรากินข้าวกันอย่างรีบๆ เพราะอีกคนบอกว่าถ้าไปสายรถจะติด ตอนนี้ผมกับพี่อิฐอยู่บนรถกันแล้วการจราจรก็เรื่อยๆ รถไม่ติดแต่ก็ไม่ได้คล่องตัวมาก
สักพักใหญ่เราก็ถึงที่หมาย คนข้างๆ ขับรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ เจ้านายพี่แกต้องรวยมากแน่เลยถึงมีบ้านหลังโคตรใหญ่ขนาดนี้
"ลงๆ ถึงแล้ว"
"เดินตามกูมา"
ผมเดินตามพี่แกมาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูบ้านใหญ่ คนข้างๆ เคาะประตูสามครั้งแล้วเปิดเข้าไปข้างใน ห้องนี้ถูกตกแต่งอย่างดี ภายในห้องเป็นโทนสีเทาขาวมีโซฟาตัวใหญ่แล้วก็โต๊ะทำงานที่อยู่กลางห้อง
"นายครับ"
เกาอี้ที่อยู่หลังโต๊ะทำงานถูกหมุนกลับมา เผยให้เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่สายตาของเขาจ้องมาที่ผมนิ่งๆ ตอนแรกผมก็จ้องกลับอยู่หรอกแต่พอนานเข้าต้องหลบสายตาไปก่อน ก็เขาหล่ออะให้มองนานๆ มันก็เขินไง
"นี่รุ่นน้องผมเองครับ มันมาสมัครงาน"
"..อืม"
"ฉันรับ"
ห๊ะ.. ง่ายไปป่ะวะ เขาไม่ได้คิดว่าผมมาเป็นคนสวนหรอกใหม่มั้ย งานบอดี้การ์ดเลยนะเว้ย เขาจะไม่ถามประวัติผมสักหน่อยเหรอวะ อุตส่าห์เตรียมคำพูดมากตั้งเยอะ
"ไอ้เข็ม ขอบคุณนายดิ"
"ขะ..ขอบคณครับ"
เขาพยักหน้ารับมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าหน้าเจ้านายคนใหม่ผมโคตรเจ้าเล่ห์เลย
"อิฐออกไปก่อน"
"ครับ" ผมก็กำลังจะก้าวขาเดินตามอีกคนออกไป
"ส่วนนาย ฉันยังไม่อนุญาตให้ออก"
พี่อิฐส่งสายตาให้ผมทำนองว่ามันไม่มีอะไรหรอก แต่ผมก็ยังเกร็งอยู่ดี ผมเข้ากับคนค่อนข้างยากตั้งแต่เด็กยันโตก็มีเพื่อนไม่กี่คนเอง พี่อิฐแกเดินออกไปได้สักพักแล้วในห้องตอนนี้เหลือแค่ผมกับเขา เราทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันสักคำบรรยากาศมันเลยโคตรจะอึดอัด
"นายอายุเท่าไหร่"
"21ครับ" ผมตอบเขาแต่หน้าก็ก้มมองมือตัวเองอยู่อย่างนั้น
"จบอะไรมา"
"ปวช.ครับ
"อืม.."
"เงยหน้าขึ้นแล้วมองฉัน"
ผมค่อยๆ เงยหน้าขึ้นตามที่คนตรงหน้าบอก เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เอามือมาจับคางผมแล้วยื่นมามาใกล้ๆ
"ไม่ต้องกลัว ฉันไม่กัดนายหรอก"
"..."
พูดแค่นั้นแล้วคุณเขาก็นั่งลงที่เดิม เจ้านายอธิบายงานที่ผมต้องทำให้ฟังคล่าวๆ มันฟังดูง่ายนะเขาบอกว่าแค่ตามไปทุกที่แค่นั้น ส่วนเงินเดือนก็ให้ผมคิดเอาเองว่าอยากได้เท่าไหร่ โห..เจ้านายผมจะใจดีเกินไปแล้วนะ
ตอนนี้พี่อิฐพาผมมาตัดชุดใหม่ ขับรถไม่นานก็ถึงร้านพอเข้าไปข้างในก็มีพนักงานมายืนต้อนรับ พี่แกคุยกับพนักงานเสร็จ พนักงานคนนั้นก็เอาสายวัดมาวัดผมทั้งตัว จากนั้นก็เรียบร้อยเขาบอกว่าต้องรอประมาณ10วันถึงจะตัดเสร็จ แต่ผมต้องทำงานวันพรุ่งนี้พี่อิฐเลยซื้อชุดอื่นให้ใส่ไปก่อน ผมก็ได้แต่เออออตามอีกคนไป เพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้
ชุดที่ผมจะได้ใส่พรุ่งนี้ก็คล้ายๆ ของพี่อิฐ มันเป็นเสื้อเชิ้ตธรรมดามีเนคไทและก็กางเกงขายาวสีดำแค่นั้น แต่ลองใส่แล้วมันก็ค่อนข้างใหญ่กว่าตัวผมอยู่พอประมาณ ทางร้านบอกว่าเหลือแค่ไซต์นี้ ผมที่เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้เลยไม่มีปัญหากับเรื่องนี้
"ไม่ลองไปร้านอื่นดูวะ"
"ไม่เป็นไรพี่ มันก็ใส่ได้อยู่"
"เออ ต่อไปก็หัดกินข้าวให้มันเยอะๆ หน่อย ผอมอย่างกับก้าง"
"ครับ ๆ "
หลังจากซื้อเสร็จเราก็แวะกินข้าวที่ร้านข้างทาง เพราะที่บ้านไม่มีอะไรเหลือให้ทำกินแล้ว กินเสร็จรับก็กลับมาบ้านต่างคนต่างเข้าห้องของตัวเอง ตอนนี้เวลาทุ่มกว่าๆ ผมเข้าไปอาบน้ำสระผม พอออกมาแล้วหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าตัวเองมาใส่ คงต้องได้ไปซื้อเสื้อผ้าใหม่แล้วเพราะมันเหลืออีกแค่ไม่กี่ชุด
แต่งตัวเสร็จแล้วผมก็มานอนแผ่ที่เตียง พรุ่งนี้ผมเริ่มงานวันแรกก็ได้แต่ขอว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
(ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ)
babysasisy
บทที่ 2
วันนี้ผมตื่นมาแต่เช้าด้วยความสดใส.. ซะที่ไหนล่ะนอนไม่หลับทั้งคืนนับแกะถึงตัวที่พันแล้วก็ยังไม่หลับ มันคงเป็นเพราะผมตื่นเต้นมากไปหน่อย งานนี้ค่อนข้างใหม่สำหรับผมไง ปกติเคยทำแต่งานโรงงานเป็นคนส่งของกับล้างจานร้านอาหาร
ผมมาถึงบ้านเจ้านายตอนแปดโมงเช้า มากับพี่อิฐเหมือนเดิมแต่วันนี้แกมาส่งผมไว้แล้วก็ขับรถออกไป บอกว่าจะไปทำธุระด่วน ไอ้พี่อิฐทิ้งกันแบบนี้ได้ไงน่าจะอยู่ด้วยกันก่อน ถ้ามีคนอยู่ด้วยคงสบายใจกว่านี้ เพราะผมทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับเขาสองต่อสอง มันรู้สึกเขินๆเวลาที่เขาจ้องตา แบบนี้มันไม่ได้ดิผมต้องพยายามทำตัวให้ชินและเป็นปกติที่สุด ยังไงก็ต้องทำงานใกล้ๆเขาอยู่แล้ว
"จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย"
พอหันหลังไปทางต้นเสียงก็เจอคุณเจ้านายกกอดอกมองผมอยู่ อีกคนอยู่ห่างจากผมแค่นิดเดียว เขามายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนไหนวะเนี่ย
"สะ สวัสดีครับเจ้านาย"
"ทำไมไม่เข้าไปข้างใน"
"เอ่อ.."
"ชั่งเถอะ วันนี้ฉันจะเข้าบริษัท"
"..ครับ"
"นายขับรถเป็นใช่มั้ย"
"เป็นครับ แต่ผมยังไม่รู้จักเส้นทาง.."
คนตรงหน้าผมก็ยังคงทำหน้านิ่งเหมือนเดิม จนผมเดาไม่ออกว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่ ตัวผมเพิ่งมากรุงเทพฯครั้งแรกและอยู่ได้แค่ไม่กี่วันจะไปรู้จักเส้นทางได้ยังไง เขาคงคิดผิดแล้วที่รับผมมาทำงานด้วย
"อืม ไม่เป็นไร"
"ฉันขับเอง"
เขาไม่ว่าอะไรผมสักคำ แถมยังบอกว่าจะขับเองอีกต่างหาก เจ้านายผมนี่ใจดีสุดๆไปเลย ตอนนี้เราทั้งสองอยู่ในรถกันแล้วเขาเป็นคนขับส่วนผมก็นั่งเบาะข้างคนขับ รถคันสวยเคลื่อนออกจากโรงรถช้าๆ เขาเป็นคนที่ขับรถได้สมูทสุดๆ ใช้ความเร็วปานกลางไม่มีการเปรคกระทัน มันแตกต่างกับตอนที่ผมนั่งรถพี่อิฐรายนั้นเปรคทีหัวแทบทิ้ม
ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมก็มองแต่ด้านนอก ส่วนคนข้างๆก็จดจ่ออยู่กับการขับรถ เราทั้งสองเลยไม่ได้คุยกันสักประโยค จะมีก็แต่เสียงเพลงเบาๆที่แทนความเงียบในตอนนี้ ผมก็กำลังพยายามที่จะจำเส้นทางให้ได้โดยเร็ว อยากจะทำงานให้ได้เต็มที่ให้สมกับที่เจ้านายอุตส่าห์รับผมมาทำงานด้วย
วันนี้ท้องฟ้าไม่ค่อยแจ่มใสนัก มีเมฆสีเทาปกคลุมเต็มไปหมด ผมว่าไม่นานนี้ฝนคงตกแน่นนอน มองนอกรถไปเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็ถึงที่หมายแล้ว ผมเดินตามหลังเจ้านายมาเงียบๆ ตั้งแต่เข้ามาในตึกขนาดใหญ่นี้ก็มีคนยกมือไหว้เจ้านายผมไม่ขาดสาย ส่วนเขาก็แค่พยักหน้ารับ ตอนนี้เขาและผมเข้ามาในลิฟต์แล้ว อีกคนกดไปที่ชั้น 18 รอไม่ถึงหนึ่งนาทีประตูลิฟท์ก็เปิดออก ชั้นนี้น่าจะเป็นชั้นบนสุด มีโต๊ะพนักงานแค่ไม่กี่คนแล้วนอกนั้นก็เป็นพื้นที่โล่งๆ และอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นห้องของเจ้านายผม
"ท่านประธานสวัสดีค่ะ"
"อืม วันนี้ฉันมีอะไรต้องทำบ้าง"
"มีแค่ประชุมตอน 11 โมงค่ะ"
"อืม"
"ข้างหลังท่านประธาน.."
"คนของฉัน"
พี่ผู้หญิงทำหน้างงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ คนของฉันก็หมายถึงลูกน้องอะไรประมาณนี้แหละ
"สวัสดีครับ"
"สวัสดีค่ะ" สวย.. ผมที่ไม่เคยเจอผู้หญิงยิ้มให้ตรงๆแบบนี้ก็เขินแย่สิครับ
"เตรียมเอกสารประชุมเสร็จหรือยัง"
"ยังค่ะ"
"งั้นก็รีบไปเตรียม"
"ค่ะ"
นี่ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าหน้าเขาดุกว่าเดิม คงคิดไปเองนั่นแหละ ผมสะบัดหัวไล่ความคิดนี้ออกไปจากสมองแล้วเข้าห้องตามเจ้านายไป ในห้องนี้เป็นกระจกทั้งหมดสามารถมองเห็นวิวข้างนอกได้ เฟอร์นิเจอร์ในห้องก็มีโซฟา โต๊ะทำงานของเขา โต๊ะทำงานเล็กๆที่คาดว่าจะเป็นของผม และชั้นวางหนังสือกับเอกสารต่างๆ
เขาไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองและลงมือเปิดแฟ้มเอกสารอ่านอย่างช้าๆ ส่วนผมก็ไปนั่งในที่ของตัวเอง นี้เขาจ้างผมมานั่งเฝ้าเหรอวะไม่เห็นได้ทำอะไรสักอย่าง ผมก็เลยได้แต่เขี่ยโต๊ะเล่น เจ้านายก็นั่งอ่านเอกสารอย่างตั้งใจเขาแทบจะไม่เงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ
"ไปซื้ออเมริกาโน่เย็นมาให้ฉันที"
"..ร้านอยู่ตรงไหนครับ"
"ตรงข้ามบริษัท บอกพนักงานว่าของคุณฉลาม"
"ครับเจ้านาย"
"นี่เงิน"
ผมรับเงินจากอีกคนมาแล้วรีบลงไปซื้ออเมริกาโน่เย็นให้คุณเจ้านายทันที แต่ฝนข้างนอกดันมาตกอีกผมคงต้องฝ่าฝนไปแหงเลย ออกมายืนมองหาร้านที่หน้าประตูไม่นานก็เจอ ร้านอยู่ตรงข้ามกับบริษัทเป๊ะๆเลย ผมหันซ้ายหัวขวาก่อนจะข้ามถนนแต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีรถผ่านเท่าไหร่ เลยนับหนึ่งถึงสามในใจแล้ววิ่งไปฝั่งตรงข้าม พอเข้ามาในร้านได้ก็สั่งเมนูกับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์
"เอาอเมริกาโน่เย็น ของคุณฉลามนะครับ"
"ค่ะ ลูกค้ารอสักครู่นะคะ"
ผมยิ้มให้พนักงานแล้วมานั่งรอที่เก้าอี้ มองไปด้านนอกฝนก็ยิ่งตกแรงกว่าเดิม รอบนี้ได้เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำแน่ไอ้เข็ม
"เสร็จแล้วค่ะ"
รอไม่นานผมก็ได้เมนูที่สั่ง ล้วงเอาเงินในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาจ่ายให้พนักงาน รอเงินทอนแล้วเดินออกจากร้านมา ผมยืนตั้งหลักอยู่หน้าร้านสักพัก มองดูรถดูลาแล้วรีบวิ่งกลับเข้าตึก ด้วยความที่ฝนตกแรงมากผมก็เปียกเกือบจะทั้งตัว ไม่อยากจะเห็นสภาพตัวเองในตอนนี้เลย
ผมเดินอย่างรีบๆเพราะเขินสายตาของพวกพนักงาน มองอย่างกับผมเป็นตัวประหลาด แค่สภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำเองเถอะ ใช้เวลาไม่นานผมก็มาถึงชั้นบนสุด ตอนนี้ปากนี่สั่นไปหมดให้ตายอยากได้ผ้าห่มสักสิบผืน พอมาถึงหน้าห้องเจ้านายก็เจอพี่คนสวยพอดี
"ไปทำอะไรมาถึงเปียกขนาดนี้"
"ไปซื้อของให้เจ้านายมาครับ"
"ทำไมไม่ยืมร่มพี่"
ตอนที่ผมออกมาก็ไม่เห็นใครอยู่หน้าห้อง แล้วจะให้ผมไปยืมกับใครอะ แต่ถึงพี่เขาอยู่ผมก็คงไม่กล้ายืมอยู่ดี ก็เพราะไอ้นิสัยพูดไม่ค่อยเก่งนี่แหละ
"ฮ่า ๆ ไม่เป็นไรครับ"
ผมได้แต่หัวเราะแบบแห้ง ๆ แล้วก็ผลักประตูเข้าห้องมาสิ่งแรกที่เห็นก็คือหน้าของเจ้านาย เขามองผมสลับกับมองแก้วที่อยู่ในมือ ผมเดินเข้าไปหาอีกคนแล้ววางแก้วอเมริกาโน่เย็นไว้ที่โต๊ะเขา
"ไปซื้อทั้งๆที่ฝนตก?"
"อะ เอ่อ..ครับ"
"รู้ว่าฝนตกทำไมไม่กลับขึ้นมา จะตากฝนไปซื้อทำไม"
"..."
"ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น ซื้อไม่ได้ฉันก็ไม่กิน"
"ครับ ผมจะจำไว้'
"อืม ขอบใจที่ไปซื้อมาจนได้"
"ครับ"
ตอนนี้ผมยิ่งตัวสั่นมากกว่าเดิม ความเย็นของแอร์กระทบผิวทำให้รู้สึกขึ้นกว่าเดิมอีก คนตรงหน้ายืนขึ้นแล้วถอดสูทของเขามาคลุมตัวผมไว้
"เอ่อ.. เจ้านายครับ"
"?" เขาทำหน้าประมาณว่ามีปัญหาอะไร ผมที่ไม่อยากมีปัญหาเลยไม่กล้าพูดออกไป
"เปล่าครับ"
"นายกว่าเล็กกว่าที่ฉันคิดไว้"
ผมคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ตัวเล็กนะ สูง174 น้ำหนัก 58 กำลังพอดิบพอดี เขาต่างหากที่สูงเกินไปถ้ายืนเทียบกันจริงๆผมสูงแค่ติ่งหูเขาเอง ส่วนขนาดตัวก็ห่างกันพอสมควรเพราะผมไม่มีกล้ามเนื้ออะไรเลย กำลังกายก็ขี้เกียจออกแต่มีข้อดีตรงกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนี้แหละ
"ฉันจะเข้าประชุม ส่วนนายก็อยู่ที่ห้องนี้"
"ครับ"
"ถ้าหนาวก็เบาแอร์ลง"
ผมพยักหน้าเข้าใจ ส่วนอีกคนก็เดินออกไปจากห้องแล้ว ผมหยิบรีโมทแอร์มาเพิ่มอุณหภูมิขึ้น แบบนี้ค่อยอุ่นขึ้นมาหน่อย
สูทตัวใหญ่นี่คลุมตัวผมได้มิดเลย ทีแรกก็ไม่คิดหรอกว่าอีกคนจะถอดเสื้อมาคลุมให้ ผมเป็นลูกน้องเขาหรือเป็นใครกันแน่วะ
เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้ว ผมก็นั่งหายใจทิ้งไปเฉยๆ เสื้อผ้าก็เริ่มแห้งบ้างแล้วแต่บางส่วนก็ยังชื้นอยู่ ตอนนี้ผมเริ่มง่วงขึ้นมาแล้วแต่จะไม่หลับเด็ดขาด เพราะตัวเองตื่นยากกลัวเจ้านายรำคาญเพราะปลุกแล้วผมไม่ตื่นสักที มันเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้ว ย้อนกลับไปตอนผมเรียนอยู่ปี2 ในคาบเขียนแบบซึ่งเป็นคาบสุดท้ายก่อนเลิกเรียน ผมทำงานตามที่ครูสั่งเสร็จแล้ว เลยว่าจะหลับไปสัก10นาที แต่มารู้สึกตัวอีกครั้งก็ตอนครูเวรมาเขย่าแขน ผมตื่นขึ้นมาอย่างงงๆพอดูเวลาก็ปาไปหกโมงแล้ว รู้ทันทีเลยว่าโดนเพื่อนแกล้งกลับไปถึงบ้านก็โดนยายด่า เพราะไม่เคยกลับช้าขนาดนี้ หลังจากครั้งนั้นผมก็ไม่กล้าหลับในห้องเรียนอีกเลย
ผมว่าเรื่องนี้มันไม่ตลกนะ การที่เป็นคนหลับลึกถ้าเกิดเหตุร้ายอะไรก็คงตายก่อนใครเพื่อน แล้วถ้าไม่ตั้งนาฬิกาปลุกเสียงดังๆก็จะตื่นสายจนเสียการเสียงาน ไม่มีข้อดีเลยสักนิดเดียว
เจ้านายกลับมาเข้ามาในห้องอีกทีตอนบ่ายโมงครึ่ง พร้อมกับแฟ้มเอกสารสองแฟ้ม เขาเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานวางแฟ้มไว้บนโต๊ะเอนตัวไปทางด้านหลังแล้วหลับตาลง ผมเดาว่าเขาคงเหนื่อยน่าดูเข้าประชุมตั้งหลายชั่วโมง
"ให้ผมนวดให้มั้ยครับ"
"อืม มาสิ"
ผมเดินอ้อมไปทางด้านหลังของอีกคน ได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเขา มันเป็นกลิ่นที่ทำให้ผมรู้สึกเคลิ้มจนอยากดมอยู่ตลอด
"จะเริ่มนวดได้หรือยัง"
"คะ..ครับ"
ผมวางมือลงที่ไหล่เขาและเริ่มนวดทันที แต่ไหล่อีกคนใหญ่กว่ามือผมทำให้นวดได้ไม่ถนัดเท่าไหร่
"นายมีแรงแค่นี้เองเหรอ"
"..."
"ฉันแทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย"
"..ผมก็นวดแรงแล้วนะครับ"
เขาเป็นคนหรือหินวะ ตอนผมนวดให้ยายก็โดนบ่นว่ามือหนักตลอด ผมเลยกดแรงทั้งหมดที่มีลงไปที่ไหล่เขาเต็มๆ ไม่รู้สึกให้ให้รู้ไปสิ
"นี่นายประชดฉันเหรอ"
"ก็เจ้านายอยากได้แรงๆหนิครับ"
"..พอ"
ผมหยุดนวดแล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง ส่วนเขาก็ทำงานต่อแต่ไม่ได้อ่านละเอียดเหมือนตอนเช้าแล้ว เขาแค่เปิดแฟ้มแล้วก็เซ็นแค่นั้น ไม่นานก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเปิดตู้สีขาวแล้วหยิบร่มออกมา
"ฉันเคลียร์งานเสร็จแล้ว"
"อ่า..ครับ"
"กลับ"
"ถือแฟ้มที่อยู่บนโต๊ะออกมาด้วย"
ผมลุกไปหยิบแฟ้มเอกสารแล้วเดินตามอีกคนออกจากห้องไป ตอนนี้เราลงมาอยู่ชั้นล่างกันแล้ว ข้างนอกฝนยังตกแรงอยู่เหมือนเดิม ส่วนรถก็จอดอยู่หน้าบริษัทต้องเดินไปอีกหลายเมตรกว่าจะถึง ร่มสีดำถูกกางออกขนาดของมันไม่ได้ใหญ่มาก คงจะไปพร้อมกันสองคนได้ยาก
"มานี่"
"อะไรนะครับ" ด้วยความที่เสียงฝนค่อนข้างดังผมเลยฟังอีกคนไม่ค่อยรู้เรื่อง
เขาไม่ได้พูดอะไรแต่เอาแขนมาโอบไหล่ผมเข้ามาไปตัวเองแทนผมก็กอดแฟ้มเอกสารไว้กับอก มือข้างซ้ายของเขาถือร่มขึ้นแล้วเราก็เดินไปที่รถ ผมเดินตัวเกร็งเพราะไม่เคยโดนผู้ชายด้วยกันมาโอบแบบนี้ แต่คงเพราะร่มมันคันเล็กก็เลยต้องใกล้กันขนาดนี้
"เข้าไป"
พอผมเข้าในรถเสร็จเขาก็เดินไปฝั่งคนขับ ผมและเขาเข้ามาในรถเรียบร้อยแล้ว ทั้งตัวก็มีแค่กางเกงที่เปียกเพราะน้ำฝนกระเด็นใส่ ฝนตกแรงมากจนเริ่มมีน้ำขังที่ถนนทั้งที่ไม่ใช้ฤดูฝนแต่ทำไมตกแรงขนาดนี้นะ
"ฝนตกหนักแบบนี้ขับรถลำบาก"
"..."
"..ไปคอนโดฉันก่อนแล้วกัน"
(ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ)
ปล.ขอโทษในความบรรยายแบบบ้านๆของเราด้วยนะคะ5555555
บทที่ 3
ผมไม่กล้าปฏิเสธอะไรอยู่แล้วรถก็รถเขาแถมเขายังเป็นคนขับและก็พ่วงตำแหน่งเจ้านายผมอีก คอนโดของเจ้านายอยู่ห่างจากบริษัทไปเพียงหนึ่งกิโลเมตร มันเป็นคอนโดขนาดใหญ่สูงหลายสิบชั้นและหรูหราสุดๆ
เราใช้เวลาอยู่หลายนาทีกว่าจะมาถึงที่นี่ เนื่องจากฝนตกหนักมากเลยต้องขับช้าเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ คนข้างๆขับรถไปจอดในโรงรถของคอนโดดับเครื่องแล้วก็ลงจากรถ เขาเดินนำไปก่อนส่วนผมก็หอบเอาแฟ้มเอกสารเดินตามคนข้างหน้าไป
ตอนนี้เรามาอยู่ในลิฟท์กันแล้ว เขากดหมายเลขชั้นของตัวเองส่วนผมก็ยืนมองการกระทำของอีกคนอยู่เงียบๆ ผมชอบมองเขานะแต่ไม่กล้าสบตาไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ประตูลิฟท์เปิดออกเจ้านายเดินนำหน้าผมก็ตามหลังเหมือนทุกที ถึงหน้าประตูเขาก็หยิบบัตรสีทองขึ้นมาแตะที่เครื่อง พอมันมีเสียงติ๊ดขึ้นมาก็สามารถปลดล็อกได้ สมัยนี้เขาใช้บัตรแทนกุญแจแล้วเหรอวะ แต่ผมว่าดีนะไม่มีใครงัดแงะห้องเราได้ด้วย
สิ่งแรกที่ผมจะทำเมื่อเจอที่ใหม่ๆก็คือการสำรวจ ห้องนี้มันเหมือนบ้านหลังหนึ่งเลย มีครบทุกอย่างตกแต่งด้วยโทนสีขาว สิ่งของเครื่องใช้ยังดูใหม่อยู่เลย ผมเดาว่าเขาคงไม่ค่อยได้มาที่นี่บ่อยนัก
ตอนนี้เขาหายไปไหน.. ผมไม่เห็นเขาสักพักหนึ่งแล้วนะ มองหารอบแล้วก็ยังไม่เจอแต่ประตูห้องนอนเปิดอยู่ เขาคงอยู่ในห้องแหละ หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเจ้านายก็เดินออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูและเสื้อผ้า
"ไปอาบน้ำ"
"..มะ ไม่เป็นไรครับ"
"มาทำงานได้แค่วันเดียวกล้าขัดคำสั่งฉันแล้ว?"
"ไม่ใช่นะครับ.."
"งั้นก็ไปอาบ"
"..."
"ที่ห้องนั้น"
ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัว ห้องนี้มีเพียงเตียงเปล่าๆกับตู้เสื้อผ้าส่วนในห้องน้ำมีอุปกรณ์สำหรับชำระร่างกายอยู่พร้อม ผมใช้เวลาในการอาบน้ำสระผมและแต่งตัวอยู่นานพอสมควร เสื้อผ้าที่เจ้านายให้มามันใหญ่กว่าตัวผม ผมต้องม้วนเอวของกางเกงไว้หลายๆรอบถึงจะใส่ได้ ส่วนเสื้อก็ยาวจนเกือบคลุมกางเกงไว้ทั้งหมด
ผมยืนมองสภาพตัวเองอยู่หน้ากระจก ตอนนี้ผมเหมือนเด็กที่ไปเอาเสื้อผู้ใหญ่มาใส่เลย ทำใจอยู่สักพักแล้วจึงเดินออกจากห้อง ผมได้ยินเสียงเหมือนแก้วตกเลยเดินไปดูก็เห็นเจ้านายกำลังเก็บเศษแล้วบนพื้นอยู่
"เดี๋ยวผมเก็บให้ครับ"
"..ไม่เป็นไร"
"ผมเก็บเองครับ!"
"..."
"ขะ ขอโทษครับเจ้านาย"
ชิบหายแล้ว.. ผมเผลอขึ้นเสียงกับเจ้านาย เขาจะไล่ผมออกมั้ยวะ ผมแค่กลัวว่าเขาจะถูกเศษแก้วบาดมือเลยจะเก็บเอง แต่อีกคนก็ยังไม่หยุดเก็บสักที ผมก็เลยลืมตัวแล้วเผลอขึ้นเสียงกับเขา
"ฉันไม่ได้โกธรนาย"
"ขอบคุณครับ"
"ฉันจะคิดซะว่านายเป็นห่วง.."
"..." ผมก็เป็นห่วงในฐานะเจ้านายลูกน้องไง
ผมเอาไม้กวาดมากวาดเศษแก้วที่กระจายอยู่บนพื้น เสร็จแล้วก็นำไปทิ้งที่ถังขยะ
"ฉันหิวแล้ว"
"ผมขอไปดูก่อนนะครับว่ามีอะไรพอจะทำเป็นอาหารได้บ้าง"
"อืม.."
ในตู้เย็นมีแค่น้ำผลไม้กับน้ำเปล่า ส่วนตู้เก็บของอื่นๆก็มีพวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่หนึ่งแพ็ค เขาเคยกินของแบบนี้มั้ยวะ ระดับประธานบริษัทจะกินมาม่าเป็นหรือเปล่า
"ในตู้มีแค่นี้ครับ"
"ขนม?"
"ไม่ใช่ครับ มันเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"
"อ๋อ"
"เจ้านายเคยกินมั้ยครับ"
"ไม่ แต่เคยได้ยินผ่านๆหู"
"อยากลองกินดูมั้ยครับ"
"เอาสิ"
หลังจากนั้นผมก็ลงมือต้มน้ำทันที แกะบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใส่ถ้วยตามด้วยฉีกซองเครื่องปรุงลงไป พอน้ำเริ่มเดือดผมก็ปิดเตาเทน้ำในหม้อใส่ถ้วยแล้วหาฝาหม้อมาปิดปากถ้วยไว้
"ฉันรู้สึกเหมือนกำลังรอภรรยาทำอาหารให้กินเลย"
"..."
ผมรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก นึกว่าเขาออกไปแล้วเสียอีก แสดงว่าเขามองผมทุกอิริยาบถเลยเหรอเนี่ย! แถมอีกคนยังพูดเหมือนกำลังจีบผมทางอ้อม..
ผมไม่กล้าหันไปมองเขาเลย ไม่รู้ว่าอีกคนทำหน้ายังไงอยู่ ผมพยายามทำสมาธิหลับตาหายใจเข้าออกช้าๆ พอจิตใจกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วจึงลืมตาขึ้น
"เฮ้ย!" เขามายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
"นายเขินฉัน?"
"ปะ เปล่าครับ ไม่ได้เขิน"
"โกหกผู้ใหญ่บาปนะ"
"..."
"หึ.."
เขายิ้มมุมปากเหมือนสนุกที่แกล้งผมได้ ผมเลยหันไปสนใจถ้วยมาม่าแทน ตอนนี้เส้นน่าจะนุ่มแล้วผมเปิดฝาดูไอความร้อนพุ่งขึ้นมาทันที กลิ่นหอมลอยเข้าจมูกชวนให้หิว
"เจ้านายจะกินที่ไหนครับ"
"กินในนี้"
ผมยกถ้วยมาม่าทั้งสองถ้วยมาวางที่โต๊ะกินข้าว เดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นมาแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา อีกคนมองถ้วยมาม่าแล้วทำหน้าแปลกๆ นี่และของถูกและอร่อยขวัญใจมนุษย์เงินเดือนเลยแหละ ผมลงมือกินโดยไม่รออีกคนหิวจะตายแล้ว ตั้งแต่เช้าเลยไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
"กินสิครับ อร่อยนะ"
"อร่อย?"
"มาก"
เขาใช้ตะเกียบคีบเส้นขึ้นมาก้มลงไปดมแล้วเอาเข้าปากไป ผมมองปฏิกริยาเขาอย่างตั้งใจ คนฝั่งตรงข้ามเคี้ยวช้าๆตามด้วยกลืนลงไป เสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองผมมุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าแบบนี้หมายความว่าอะไร..
"ก็ใช้ได้"
พูดแค่นั้นแล้วก้มหน้าลงไปกินต่อ ท่าทางอีกคนเหมือนหิวจริงๆนั่นแหละ ผมและเขาใช้เวลากินอยู่สักพักพอกินเสร็จผมก็ล้างพาชนะที่เพิ่งใช้ไป มองไปทางระเบียงก็เห็นฝนที่ยังตกหนักอยู่ มันจะไม่หยุดให้ผมได้กลับเลยหรือไง
นาฬิกาที่ติดอยู่ผนังบ่งบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว แต่ท้องฟ้าได้ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำเลยทำให้ข้างนอกมืดไปหมด ถ้าขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆผมไม่ได้กลับแน่ เลยจะว่าจะโทรไปบอกพี่อิฐว่าวันนี้ไม่ได้กลับ แต่โทรศัพท์ผม.. อยู่ในกางเกงตัวที่ใส่ตากฝน! ผมรีบวิ่งเข้าไปในห้องที่ตัวเองใช้อาบน้ำ หยิบกางเกงที่พาดอยู่ราวตากผ้ามาแล้วล้วงหาโทรศัพท์ทันที
ผมพยายามกดเปิดเครื่องอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ติดสักที ผมอยากจะร้องไห้อุตส่าห์เก็บเงินซื้อตั้งนาน แล้วนี่ก็เพิ่งงานได้กว่าเงินเดือนจะออกก็อีกหลายวัน วันนี้ผมก้าวเท้าไหนออกจากบ้านวะทำไมถึงซวยแบบนี้
หรือว่าผมจะลองเอาโทรศัพท์ไปแช่ข้าวสารดู เผื่อว่ามันจะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงเดินออกไปถามเจ้าของห้องที่นั่งอยู่บนโซฟาดูว่าที่นี่ข้าวสารหรือเปล่า
"เจ้านาย.. ในห้องนี้มีข้าวสารมั้ยครับ"
"ไม่น่าจะมี"
"นายจะเอาข้าวสารไปทำอะไร"
ผมไม่ได้ตอบแต่โชว์โทรศัพท์ให้คนตรงหน้าดู เขามองโทรศัพท์ในมือผมแล้วทำหน้างง ทำนองว่ามันจะไปเกี่ยวกันได้ยังไง
"โทรศัพท์ผมเปียกน้ำน่ะครับเลยจะเอาไปแช่ข้าวสาร"
"หืม.."
"ใคร ๆเขาก็ทำกันทั้งนั้น"
"ยกเว้นฉัน"
เขาจะเคยทำได้ไงพังแล้วก็คงซื้อใหม่เลย แต่ผมมันไม่ได้รวยไงจะซื้ออะไรแพงๆทั้งทีก็คิดแล้วคิดอีก โทรศัพท์เครื่องนี้ก็ถือเป็นสิ่งของที่แพงที่สุดในชีวิตผม ถึงราคามันแค่สามพันห้าก็เถอะ
"เป็นอะไร"
"เปล่าครับ"
"คิ้วนายจะติดกันอยู่แล้ว"
"โทรศัพท์ผมพังครับ เลยหงุดหงิด"
"ซื้อใหม่"
"ผมยังไม่มีเงินหรอกครับ"
"ยืมฉันก่อน"
"จริงเหรอครับ"
"อืม"
"พอเงินเดือนผมออกเจ้านายก็หักไปเลยนะครับ"
"นายยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่
"ผมแล้วแต่เจ้านายครับ"
"อืม"
อีกคนก้มหน้าลงไปพิมพ์งานในแม็คบุ๊คต่อ ส่วนผมก็นั่งอยู่โซฟาตัวยาวตรงข้ามกับเขา นั่งไปเรื่อยๆก็เริ่มง่วงขึ้นมาคงเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่หลับแน่เลย แต่ผมก็พยายามต่อสู้กับความง่วงจนเอาชนะมันได้
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของเจ้านายดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วกดรับสายทันที
"มีอะไร"
"เขาอยู่กับฉัน"
"รอฝนหยุด"
"อืม"
เขาวางสายแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ แล้วก็กลับไปสนใจงานต่อ สีหน้าของเขาดูเรียบนิ่งอยู่แทบจะตลอดเวลา ผมยังไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบจริงๆสักทีจะมีก็แต่ยิ้มมุมปาก แต่เขาจะทำหน้ายังไงก็ยังดูดีจนน่าอิจฉา
ผมก็เลยสงสัยว่าเขามีคนรักแล้วหรือยัง เพราะไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงหรืออาจจะมีแล้วแต่เก็บเงียบ รอเปิดตัวตอนวันแต่งงาน พอคิดแล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแบบไม่รู้สาเหตุ ผมเป็นอะไรวะเนี่ย!
"เมื่อกี้อิฐโทรมา" จู่ ๆเขาก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วพูดขึ้นมา
"..แล้วพี่อิฐว่ายังไงบ้างครับ"
"ถามว่านายอยู่กับฉันมั้ย"
"..." ผมพยักหน้า
"แล้วก็ถามว่าจะกลับตอนไหน"
"อ๋อ"
"แต่ถ้าฝนยังไม่หยุดก็คงไม่ได้กลับ"
"ครับ.."
ตอนนี้ความง่วงเริ่มโจมตีผมหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่นั่งตัวตรงก็เอนหลังไปที่พนักพิงแทน สุดท้ายผมก็แพ้ให้กับความง่วงแล้วหลับไปในที่สุด
...
รู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีผมก็อยู่บนเตียงขนาดใหญ่ มาอยู่ที่นี่ได้ไงวะ หรือเจ้านายลากผมมา เขาจะดีเกินไปแล้วนะผมเป็นลูกน้องเขาหรือเป็นอะไรกันแน่วะ ผมเปิดประตูแล้วเดินหาเขาจนทั่วห้องแต่ไม่เจอ เลยออกไปดูที่ระเบียงก็เห็นอีกคนยืนสูบบุหรี่อยู่ เขาสูบด้วยเหรอวะ
"ตื่นแล้วเหรอ"
"ครับ"
"เจ้านายได้ลากผมไปนอนบนเตียงมั้ยครับ"
"เปล่า"
"อ้าว.."
"ฉันอุ้มนาย"
"..!" ยิ่งกว่าที่ผมคิดไว้อีก
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้นแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาดูแลลูกน้องดีขนาดนี้ทุกคนมั้ย ได้แค่คิดแต่ไม่กล้าถาม ข้างนอกตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว เราก็น่าจะกลับกันได้ ผมยืนมองอีกคนพ่นควันสีขาวออกมาเป็นระยะ ทำไมเขาดูมีเสน่ห์ขนาดนี้กันนะ
"เรากลับกันเลยมั้ยครับ"
"..."
"เจ้านายครับ"
"ดึกแล้ว"
"พรุ่งนี้ค่อยกลับ"
"แต่.."
"นายจะขัดคำสั่งฉัน?"
"กลับพรุ่งนี้ก็ได้ครับ"
"อืม"
แล้วเขาก็เงียบไปสักพัก ผมเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกได้แต่ยืนมองวิวของกรุงเทพฯในยามค่ำคืน มันสวยเพราะมีแสงไฟจากตึกต่าง ๆ และไฟจากท้องถนนส่องสะท้อนสว่างไสว พร้อมอากาศหลังฝนตกที่เย็นสบาย
"เข้าไปข้างในกันเถอะ"
"ครับ"
เราทั้งสองเข้ามาข้างในกันแล้ว หลังจากนี้ต่อไปผมจะทำอะไรดีเนี่ยนอนจนไม่ง่วงแล้ว หรือต้องเฝ้าเจ้านายนอนถ้าจะเปิดทีวีดูก็เกรงใจอีกคน
"ไปนอน"
"เจ้านายนอนเลยครับ ผมไม่ง่วงแล้ว"
"ไม่ง่วงก็นอน" ทำไมเขาเอาแต่ใจแบบนี้เนี่ย
ผมก็ไม่อาจจะขัดคำสั่งของเจ้านายได้ เลยต้องทำตามที่อีกคนบอก เขานั่งบนเตียงแล้วค่อยๆล้มตัวลงนอน จากนั้นก็หันหน้ามาทางที่ผมยืนอยู่
"มานอน"
"ผมนอนข้างล่างดีกว่าครับ"
"ถ้ายังไม่มานอน ฉันจะหักเงินเดือนนาย"
"นอนแล้วครับ ๆ"
ผมนอนห่างจากเขาพอสมควร เพราะเตียงนี้มันค่อนข้างใหญ่
"ขยับมา"
"..."
"นายรังเกียจฉันเหรอ"
"มะ ไม่ใช่นะครับ"
"งั้นก็ขยับมา หรือจะให้ฉันขยับไป"
ผมรีบขยับเข้าไปหาอีกคนจนตอนนี้เราห่างกันแค่นิดเดียว แต่ผมหันหลังให้เขา คนข้างๆเอาผ้าห่มมาห่มให้ ผมได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนั้นและไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับไปตอนไหน
(ยังไม่ได้ตรวจคำผิดค่ะ)
ปล.ยังบรรยายกากเหมือนเดิม555555 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ แค่มีคนอ่านให้เราก็ดีใจแล้ว คอมเมนท์ติชมกันได้ตลอดเลยค่ะเราจะได้นำไปปรับปรุง
•babysasisy•
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!